นายกงกฤช หิรัญกิจ
อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้บุกเบิก พรบ.สภาอุตฯท่องเที่ยวพ.ศ.2544
“กงกฤช หิรัญกิจ”ส่องสภาอุตฯท่องเที่ยวแตกในรอบ22ปี
ชี้ถึงวัน“รื้อโครงสร้างใหม่-ทำพิมพ์เขียว”รับโลกยุคดิจิทัล
แนะปรับสมดุลใหม่เลือกตั้งบอร์ดสภาฯภูมิภาค/ส่วนกลาง
ยันผู้บุกเบิกพรบ.ปี’44เขียนวัตถุประสงค์ชัดเรื่องเอกภาพ
สมาชิกคิงเพาเวอร์รับสิทธิ์ปังที่
Phoenix7สาขาลดแรง20%
คิงเพาเวอร์ให้สมาชิกซื้อทัวร์I AM VACATIONลด1500บาท
ททท.เปิด25UnseenNewChaptersชู5ศิลปิน/แจกโปร5ภาค
บางจากทำสัญญา2บริษัทตั้งหน่วยผลิตน้ำมันเครื่องบินSAF
เที่ยวUnseenNewChaptersภาคเหนือเมืองสวรรค์5พิกัดเด่น
7 อันตรายที่มากับหน้าฝนรู้ไว้ป้องกันอุบัติเหตุใน-นอกบ้าน
7สมาคมท่องเที่ยวแตกตั้งFETTAรุกชงรัฐบาลใหม่ช่วย7เรื่อง
IATAเร่งจัดWorld Sustainability
Symposiumการบิน3-4ต.ค.
วันอาทิตย์ที่
2 กรกฎาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #TCEB #บางจาก #สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย #FETTA
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/lwJn5mzuas/
ช่วงที่
1 สังเคราะห์สภาท่องเที่ยวกับ
“กงกฤช หิรัญกิจ” อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้ร่วมบุกเบิกแจ้งเกิด
พรบ.สภาฯ พ.ศ.2544
ชี้เป้า!! ถึงเวลา
“รื้อโครงสร้าง” บทบาทการทำงานขานรับการเปลี่ยนแปลงโลก 3 เรื่อง
“เปิดรับยุคใหม่ดิจิทัล ออนไลน์-ให้สิทธิเอกชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม-เปิดประชุมใหญ่ทบทวนกฎระเบียบเพิ่มวัตถุประสงค์ใหม่”
แนะทุกฝ่ายหันหน้าสร้างเอกภาพยึดวัตถุประสงค์ พรบ.มุ่งเอกชนท่องเที่ยวสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ตั้ง FETTA แยกกันเดิน
7 สมาคมได้ไม่เท่าเสีย
และเริ่มสักทีทำ “พิมพ์เขียวอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประเทศ” อย่างเป็นรูปธรรม เพราะทำแค่
Issue Base
มานานแล้ว
นายกงกฤช
หิรัญกิจ อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ร่วมบุกเบิกเพื่อให้มีพระราชบัญญัติ
(พรบ.) ก่อตั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544 ช่วงที่ได้ทำหน้าที่กรรมาธิการยกร่าง
พรบ.ฉบับนี้ด้วย ยุคนั้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีหลายภาคส่วนเกี่ยวเนื่องกัน
แล้วเอกชนก็กระจัดกระจาย การนำเสนอความคิดไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ทำให้รัฐบาลยากที่จะคุยกับตัวแทนเอกชน
ประเด็นนี้จึงทำให้ต้องรวบรวมธุรกิจที่เกี่ยวข้องเข้ามาพูดคุยเดินหน้าไปในทางเดียวกัน
จากนั้นจึงเสนอรัฐบาลเพื่อผลักดันเรื่องต่าง ๆ ในนามของเอกชนอย่างแท้จริง
ปัจจุบันพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ใช้งานผ่านแล้วกว่า 22 ปี
“โครงสร้างของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” ขณะนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
ภาคประชาสังคม และชุมชนต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปมาก สมัยก่อนพูดกันแค่กรอบแคบ
ๆภาครัฐกับภาคเอกชน แตกต่างจากสมัยนี้มี ภาคชุมชน ภาคสังคม เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะต้อง
“ทบทวน”
ควรจะกำหนดรูปแบบนำไปสู่การปรับปรุงบทบาทของภาคเอกชนหรือภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตามความเป็นจริง
วางบทบาทหน้าที่ให้องค์กร “สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”
ควรจะต้องเป็น “ศูนย์รวมของภาคเอกชน” ทั้งหมด
เพื่อจะได้ขับเคลื่อนมีปฏิสัมพันธ์กับภาคส่วนอื่น ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม
และภาคชุมชน ต่าง ๆ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนสถานการณ์ขณะนี้เอกชนท่องเที่ยวก็มีกลุ่มใหม่เกิดขึ้นหลายกลุ่มในยุคดิจิทัลออนไลน์ ต่างจากเดิมแกนหลักที่มีมานานอย่าง
สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารร้านอาหาร สมาคมมัคคุเทศก์ สมาคมร้านค้าของที่ระลึก
และสมาคมท่องเที่ยวต่าง ๆ
ดังนั้นจึงต้องกลับมาทบทวนใหม่ให้
“ตกผลึกทางความคิด” เรื่องที่ 1 โครงสร้างของสภาฯ
เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง โดยจะต้องให้น้ำหนักความสำคัญกับ
“เอกชนทุกกลุ่ม” อย่างเท่าเทียมกัน เพราะบทบาทของ “สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย”
ควรเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ แล้วท่องเที่ยวก็เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องผนึกกำลังกันจึงจะก่อให้เกิดการผลิตสินค้าและบริการนำเสนอขายสู่ตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศและทั่วโลกได้ตามมาตรฐานสากล
ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่สุดของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เรื่องที่
2 เปิดรับโลกยุคใหม่ซึ่งมีดิจิทัล
ออนไลน์ เข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย การค้าขายท่องเที่ยวเกิดแพลตฟอร์มต่าง ๆ
โรงแรมก็หันมาทำเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มช้อปปิ้งแบรนด์ดัง ๆ ของโลก
ส่วนบริษัทนำเที่ยวต้องผ่าน OTA-Online Travel Agent
ดังนั้นวิธีปรับภารกิจเพิ่มให้สอดคล้องกับโครงสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในโลกยุคใหม่
ทางคณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ควรเปิดเวทีระดมความเห็นจากสมาชิก
เรื่องที่
3
ควรจะเปิดประชุมใหญ่ทบทวนการใช้ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ เพิ่มวัตถุประสงค์ใหม่ ๆ
ให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
นายกงกฤชกล่าวว่า
ล่าสุดกรณีที่มี “สมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย” 7 สมาคม
แยกตัวไปจัดตั้งองค์กรใหม่คือ “สมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย -FETTA :Federation of Thai Tourism
Association” เอกชนส่วนกลางแยกตัวออกจากส่วนภูมิภาคนั้น
น่าจะต้องทำเป็น “กรณีศึกษา” ว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้เกิด “การออกเสียงอย่างสมดุล”
เพื่อจะสรรหา “คณะกรรมการ” ที่จะมาบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
จึงจำเป็นหรืออาจจะต้องศึกษาดูความเหมาะสมให้เกิดความพอดีเพื่อจะตอบสนองโครงสร้างขณะนี้ภาคเอกชนท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปมาก
ส่วนปรากฏการณ์
“แยกส่วน-แยกตัว” ของสมาชิกสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระหว่าง
“เอกชนส่วนกลาง” แกนหลักของประเทศ กับ “ส่วนภูมิภาค”
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาคมในต่างจังหวัด นั้น
นายกงกฤชกล่าวว่าตามหลักการของ
พรบ.จัดตั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
คงไม่ได้ปรารถนาให้เกิดปรากฏการณ์แตกแยกกันเป็นหลายกลุ่ม เพราะเป้าหมายตั้งแต่บุกเบิกก็เพื่อให้เกิด
“ความเป็นหนึ่งเดียวกัน” เมื่อเกิดการแตกออกไปทั้ง 2 ฝ่าย คือ
ฝ่ายบริหารสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ต้องร่วมกันคิดเพื่อหาแนวทางการสร้างเอกภาพ
ส่วนฝ่ายเอกชนที่แยกตัวไปก็น่าจะได้ทบทวนเพื่อดำรงภารกิจให้สภาท่องเที่ยวเดินหน้าได้ตามวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกันหากมี
“วัตถุประสงค์ใด” ไม่สอดคล้องกับแต่ละสมาคม
ก็สามารถเสนอเพื่อขอแก้ไขตามเหตุและผลที่ถูกต้องได้ เป็นการแสดงพลัง “สงวนจุดร่วม”
ภายใต้ พรบ.สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
การแตกแยกเป็นกลุ่มในจังหวะที่
“อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ” กำลังเผชิญความท้าทายจาก 1.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด 2.สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังชะลอตัวหรือถดถอยลง
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คณะกรรมการบริหารควรดำเนินการตามวัตถุประสงค์สำคัญที่สุดของ
พรบ.ฉบับนี้ นั่นคือทำให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกัน
เพื่อทำให้ภาพลักษณ์เอกชนท่องเที่ยวดำเนินการต่อไปในการเชื่อมปฏิสัมพันธ์กับภาครัฐ
และส่วนอื่น ๆ ที่สามารถทำงานร่วมกันได้ในหลายเรื่องสำคัญปัจจุบันและอนาคตต่อไป
ที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์
“เอกชนมีความเห็นไม่ตรงกัน” แต่คณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ
ทุกยุคสมัยได้ใช้วิธีประคับประคอง แล้วเปิดพื้นที่ให้สมาคมต่าง ๆ
ได้เสนอแนะความต้องการอย่างแท้จริง
แล้วทำให้การดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนภารกิจของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ
เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเช่นเดียวกับครั้งนี้กรรมการบริหารก็จะต้องให้ทั้ง 7
สมาคมสมาชิก เปิดมุมมองแล้วร่วมกันแก้ไขอย่างจริงใจ
นายกงกฤช
กล่าวถึงมุมมองถึงอนาคตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะก้าวไปเพิ่มส่วนแบ่งตลาดโลก
นั้นสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะต้องเพิ่มการลงทุนทำ “วิจัยและพัฒนา”
ซึ่งยังดำเนินการน้อยมาก
ตอนนี้ต้องเริ่มศึกษาอย่างจริงจังถึงการท่องเที่ยวที่มีทิศทางอย่างไร ทั้งของรัฐ
เอกชน ประชาสังคม ชุมชน ที่ผ่านมาทำแต่ Issue Base แต่ไม่เคยมี
“พิมพ์เขียว/แผนแม่บท” อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นหน้าที่ของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ
จะต้องเดินหน้าทำให้เกิดเป็นรูปธรรม
แล้วยังไม่มีพิมพ์เขียวท่องเที่ยวของประเทศที่เอกชนมองเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็น
การรุกตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ เพิ่มการใช้จ่ายสูง เพิ่มวันพัก และอื่น ๆ
เพื่อกระจายรายได้อย่างเท่าเทียมไปสู่
“ชนบท/ชุมชน”
เรื่องเหล่านี้จะต้องมีคณะกรรมการรับผิดชอบโดยเฉพาะ
เพราะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกหรือเคลื่อนตัวรวดเร็วมาก
นายกงกฤชกล่าวว่า
พฤติกรรมการท่องเที่ยวของทั่วโลกหันมาให้ความสนใจขยายตัวเที่ยวชนบท/ชุมชน
เพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ประเทศไทยทำได้ค่อนข้างดี แต่ยังไม่ได้กระจายพื้นที่ เช่น
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเฉพาะบางชุมชนท่องเที่ยวเท่านั้นที่เติบโต
แต่ก็ยังไม่ได้เห็นภาพชัดทั้งประเทศเหมือนสาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งจะต้องตั้งต้นด้วยการทำ “วิจัยและพัฒนา”
ผนวกกับการใส่เครื่องมือตามแผนหลักให้ภาคประชาสังคม ชุมชน
เพื่อให้เกิดแนวทางปฏิบัติเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริงได้ในอนาคตที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยและทั่วโลกกำลังขับเคลื่อนอย่างเข้มข้นมากขึ้นทุกปี
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 สมาชิกคิงเพาเวอร์รับสิทธิ์ปังที่ Phoenix7สาขาลดแรง20%
คิง เพาเวอร์ มอบส่วนลดสมาชิกได้แรงสุด
ๆ มากถึง 20% เมื่อมาช้อปแล้วรับบริการภายในร้านสาขาของพันธมิตรคือ
Phoenix
เมื่อมียอดซื้อมูลค่ารวมตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป
แลกรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้– 31
ธันวาคม 2566 ด้วย 3
ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
ขั้นที่ 1 เพียงแค่ “สมาชิก
คิง เพาเวอร์” VEGA, CROWN, ONYX, SCARLET และ NAVY แสดงสถานะสมาชิก จากนั้นก็กดรับรหัสส่วนลดได้ 2 ช่องทาง
คือ 1.ผ่านทาง LINE Official Account หรือ
2.เว็บไซต์ member.kingpower.com เพื่อแสดงกับเจ้าหน้าที่ของ
Phoenix Siam Salon
สมาชิก คิง เพาเวอร์ กรุณาแสดงสถานะสมาชิกและหลักฐานการแลกรับสิทธิ์เพื่อใช้ส่วนลด
ขั้นที่ 2 ตลอดรายการสามารถ
“ใช้สิทธิ์ส่วนลดและการจอง” ได้แบบ “ไม่จำกัดจำนวน”
ขั้นที่ 3 คิง เพาเวอร์
ชวนให้นักช้อปทุกคนสอบถามและติดตามอัพเดททุกความเคลื่อนไหวโปรโมชั่น ส่วนลด
และสิทธิพิเศษ
ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ www.kingpower.com
หรือ facebook kingpower และทาง
Line Official :@kingpower แคมเปญนี้คลิกได้เลยทาง : https://member.kingpower.com/Privileges/Detail/6745
สำหรับ Phoenix เปิดทุกวัน
10:30
น. – 20:00 น. เปิดให้สมาชิก คิง เพาเวอร์
ใช้บริการ ทั้ง 7 สาขา
คือ 1.Phoenix Siam Salon สยามสแควร์ ซอย 7 2. We Phoenix ถนนงามวงศ์วาน
3. We by Phoenix BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 4. Phoenix At
One ห้างสยามสแควร์วัน ชั้น 3 4.Phoenix Samyan ห้างสามย่านมิตรทาวน์ ชั้น 2
6. Phoenix Zpell ห้างฟิวเจอร์พาร์ค
รังสิต ชั้น 1 และ 7.Phoenix Maya ห้างเมญ่า
เชียงใหม่ ชั้น 3
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์ให้สมาชิกซื้อทัวร์I AM VACATIONลด1500บาท
ทุกการเดินทางเป็นไปได้เสมอกับ “คิง
เพาเวอร์” พร้อมรับส่วนลดสูงสุดทันที 1,500 บาท เมื่อซื้อโปรแกรมทัวร์กับ“I AM VACATION
DOT COM”
ใช้สิทธิ์แบบไม่จำกัดพร้อมผู้ติดตามตามสิทธิที่ได้รับจากการเป็นสมาชิกบัตร คิง
เพาเวอร์ แต่ละประเภท ทั้ง VEGA, CROWN, ONYX, SCARLET และ NAVY สามารถกดรับสิทธิประโยชน์และจองโปรแกรมเดินทางได้ข้ามปีตั้งแต่วันนี้– 29 กุมภาพันธ์ 2567 ประกอบด้วย
สิทธิแรก ให้ส่วนลด สมาชิก คิง
เพาเวอร์ VEGA,
CROWN, ONYX, SCARLET และ NAV เมื่อแสดงสถานะสมาชิกและหลักฐานการแลกรับสิทธิ์เพื่อใช้ส่วนลดได้ทุกครั้ง
สิทธิที่ 2 แต่ละ 1 บัญชีสมาชิก สามารถใช้สิทธิ์ส่วนลดจองได้ไม่จำกัดจำนวนตลอดรายการ
สิทธิที่ 3 ผู้ติดตามสามารถใช้ส่วนลดสมาชิก
คิง เพาเวอร์ สามารถใช้ร่วมกับผู้ติดตามได้โดยไม่จำกัด
เมื่อตัดสินใจได้แล้วรีบติดต่อ I AM VACATION DOT COM เพื่อตรวจสอบรายละเอียดโปรแกรมทัวร์ โทร062-693-5297 หรือ www.facebook.com/IAmVacations ก่อนทำการกดรับสิทธิ์
หลังตรวจสอบรายละเอียดโปรแกรมทัวร์กับ
I
AM VACATION DOT COM เรียบร้อยแล้ว สมาชิก คิง เพาเวอร์
สามารถกดรับสิทธิ์ผ่านช่องทาง LINE Official Account : @kingpower หรือ www.member.kingpower.com เพื่อรับรหัสส่วนลดและนำไปยืนยันการสำรองสิทธิ์ดังกล่าวเพื่อเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกได้อย่างสบายใจ
ข่าวที่
3 ททท.เปิด25UnseenNewChaptersชู5ศิลปิน/แจกโปร5ภาค
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ได้ประธานประกาศผลสถานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย “Unseen New Chapters: ปักหมุดมุมใหม่
เปิดไทยมุมต่าง” จำนวน 25 แหล่งท่องเที่ยว จากทั่วประเทศ 77 จังหวัด
โดย ททท.ได้เปิดเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/unseennewchapters หรือ www.unseennewchapters.com ให้คนทั่วไทยได้เข้ามาโหวตเลือกต่อเนื่องมาตั้งแต่
22 พฤษภาคม - 18 มิถุนายน 2566 ผลสรุปได้มาทั้งหมดกว่า 547,710 คะแนน จากผู้เข้าร่วมโหวต 325,967 คน (จาก 1 คนให้โหวตได้ 5 ภาค/สัปดาห์)
และมีผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์สูงถึงกว่า 1,089,193
ครั้ง
Unseen
New Chapters ทั้ง 25 แหล่งท่องเที่ยว นับจากนี้เป็นต้นไป
ททท.จะผลักดันให้กลายเป็น “แหล่งท่องเที่ยวหมุดหมายใหม่ของนักเดินทาง”
กระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ เพิ่มอัตราการเข้าพัก กระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก
เพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวท้องถิ่น ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
2566 ในส่วนตลาดในประเทศทำรายได้เข้าเป้าหมายกว่า 880,000
ล้านบาท
บรรยากาศในงานประกาศUnseen
New Chapters 25 แหล่งท่องเที่ยว ททท.ได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง
25 จังหวัด
เข้าร่วมและรับมอบของที่ระลึกก่อนจะเปิดตัวมิวสิควีดีโอ “Unseen Music
Vacation” เพลงแรงดึงดูดที่ cover ใหม่
โดยอิ้งค์ - วรันธร เปานิล ได้มาสร้างแรงบันดาลใจการเดินทางท่องเที่ยวผ่านเสียงเพลงที่โรงภาพยนตร์ลิโด้
1 กรุงเทพมหานคร
ส่วนแหล่งท่องเที่ยว
Unseen
New Chapters ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย (Finalist)
25 แหล่งท่องเที่ยว ไฮไลต์ 5 ภาค ประกอบด้วย
“ภาคเหนือ” 5 แหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ 1.มหัศจรรย์น้ำตกหมอกเมืองไทย น้ำตกตาดใหญ่ อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ 2.ความศิวิไลซ์…แห่งปากน้ำโพ “พาสาน” อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 3.นมัสการพระใหญ่…ลมหายใจแห่งไดบุตสึ วัดพระธาตุดอยพระฌาน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง 4.ตระการตาแห่งสีสัน…มหัศจรรย์ทะเลโคม
วัดพระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน และ 5.ธรรม…ในถ้ำ
พุทธสถาน ถ้ำเชตวัน อ.นาน้อย จ.น่าน
“ภาคกลาง” 5
แหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ 1.ธรรมะแกลลอรี่…คอมมูนิตี้กลางหุบเขา
หอมนสิการ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี 2.ผจญภัยในถ้ำโบ้…สำรวจถ้ำแห่งเขาอีบิด
ถ้ำโบ้ บ้านคีรีวงศ์ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี 3.ฝ่าอุโมงค์สามมิติ…พิชิตป่าล้อมเหมือง
อุโมงค์สามมิติ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี 4.อันซีนภูผาแรด…มุมลับสุดอาร์ตแห่งราชบุรี อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี และ 5.มหาเจดีย์แห่งรัชสมัย…ความภาคภูมิใจแห่งบางสะพาน วัดทางสาย อ.บางสะพาน
จ.ประจวบคีรีขันธ์
“ภาคอีสาน” 5 แหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ 1.ท่องอาณาจักรสวนหินล้านปี มอหินขาว อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 2.พิสูจน์ความฟิต…พิชิตทะเลหมอก ณ วนอุทยานภูบ่อบิด อ.เมืองเลย จ.เลย 3.ชมวิวบนยอดผา ณ ผืนป่าบ้านพญากูปรี ผาพญากูปรี อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
4.สัมผัสเสน่ห์เหนือกาลเวลา ณ ชุมชนบ้านปรางค์นคร อาณาจักรย่าโม
อ.คง จ.นครราชสีมา และ 5.มหาศรัทธา…มหาอุโบสถตะเคียนทอง
วัดพุทธวนาราม (วัดป่าวังน้ำเย็น) อ.เมืองมหาสารคาม จ.มหาสารคาม
“ภาคตะวันออก” 5
แหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ 1.อันซีนเกาะแห่งรัก(ษ์)...ที่สีชัง เกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี
2. เส้นทางท่องวังพญานาควัดมณีวงศ์ อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก
3.เก็บแสงสุดท้ายที่ปลายสะพานแก้ว…จุดชมพระอาทิตย์ตกเมืองแปดริ้ว
วัดหงษ์ทอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา 4. Unseen ถ้ำในถ้ำ…สำรวจความลึกลับแห่งหุบเขาพญานาค วัดถ้ำเขาประทุน อ.เขาชะเมา
จ.ระยอง และ 5.ผจญภัยเมืองบาดาล…พิสูจน์ตำนานพญานาคแห่งถ้ำน้ำเขาศิวะ
ถ้ำน้ำเขาศิวะ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
“ภาคใต้” 5
แหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ 1.ท่องอุทยานธรรมลอยฟ้า…พลังศรัทธาแห่งเขานาในหลวง อุทยานธรรมเขานาในหลวง
อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี 2.ย้อนเวลาหาความสงบสุข…เที่ยวเกาะหลงยุคแห่งอันดามัน
หมู่เกาะกำ อ.กะเปอร์ จ.ระนอง 3.พลังศรัทธาใต้มหาสมุทร…รอยพระพุทธบาทแห่งอันดามัน
รอยพระพุทธบาทในทะเล สำนักสงฆ์เกาะแก้วพิสดาร อ.เมือง จ.ภูเก็ต 4.มหัศจรรย์แห่งชั้นหิน…งานศิลป์ถิ่นเมืองคอน หินพับผ้า อ.ขนอม
จ.นครศรีธรรมราช และ 5. ผจญภัยในตะรุเตา…ตามหาเงาราชาโจรสลัดเมืองไทย
อ.เมืองสตูล จ.สตูล
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.
กล่าวว่า ผลการโหวต Unseen New Chapters 25
แหล่งท่องเที่ยว ทั้ง 5 ภูมิภาค ครั้งนี้ ททท. จะเดินหน้าต่อยอดทำตลาดสร้างแรงบันดาลให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวด้วยกลยุทธ์
“Music Marketing” นำแหล่งท่องเที่ยว 25 แห่ง มาร้อยเรียงเป็น “Unseen Music Vacation” ผ่านบทเพลงแรงดึงดูด cover จากศิลปินชื่อดัง “อิ้งค์
- วรันธร เปานิล” ได้เรียบเรียงทำนอง version ใหม่ และโปรดิวเซอร์ชื่อดังของเมืองไทย
“แทน ธารณ ลิปตพัลลภ” หรือ “แทน ลิปตา”
แล้วจะจัดทำ
“Unseen
New Chapters Live Session” 5 บทเพลง 5 ภาค
จาก 5 ศิลปินชื่อดังของเมืองไทยที่จูงมือกันออกไปร้องเพลงดังของตัวเองรูปแบบ
Acoustic version ประกอบด้วย เพลงแรก “เส้นบาง ๆ” ของวงอินดิโก้ เพลงที่ 2 “ฮักเมา
เมาฮัก” ของวง ETC เพลงที่ 3 “เหงาเท่าอวกาศ”
ของ วง Season เพลงที่ 4 “จนกว่าเราจะได้พบกัน”
โดย เอิ๊ต ภัทรวี และ เพลงที่ 5 “เอาปากามาวง” โดย เบล
วริศรา
จากนั้น
ททท.จะร่วมกับพันธมิตรท่องเที่ยวมอบส่วนลดพิเศษให้นักท่องเที่ยวไทย
มีทั้งผู้ประกอบการโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว รถเช่า และสายการบิน
ผนึกความร่วมมือส่งเสริมการขายผ่านเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/unseennewchapters
หรือ www.unseennewchapters.com ควบคู่กับจัดทำ
"แผนเที่ยว 25 Unseen New Chapters" แนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับคัดเลือกและเส้นทางท่องเที่ยวข้างเคียง
เปิดให้ทุกคนเข้าไปดาวน์โหลดได้ทาง Line Official ททท. คือ @AmazingThailand
และเว็บไซต์
พร้อมทั้งเปิดให้ร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษมากมาย
ทาง Facebook:
Amazing Thailand เช่น ทริปตามรอย Unseen New Chapters จำนวน 5 เส้นทาง 5 ภาค สามารถเข้าไปติดตามหรือดูเพิ่มทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการwww.tourismthailand.org/unseennewchapters
หรือ www.unseennewchapters.com, Facebook : Amazing
Thailand
ข่าวที่
4 บางจากทำสัญญา2บริษัทตั้งหน่วยผลิตน้ำมันเครื่องบินSAF
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบางจากได้ทำพิธีลงนามในสัญญาระหว่าง
บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด กับ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) เดินหน้าการก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน
(SAF
-Sustainable Aviation Fuel) ในฐานะที่บางจากเป็นรายแรกและรายเดียวในเมืองไทยที่นำน้ำมันพืชใช้แล้วมาผลิต
SAF สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรมการบิน
ตอบโจทย์ BCG Economy Model ครบทั้ง 3 ด้าน
ก้าวสู่ผู้นำพลังงานแห่งอนาคตอย่างแข็งแกร่ง
บางจากได้ใช้เวลาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลาเกือบ
4 ทศวรรษ ขับเคลื่อนภารกิจสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศ สร้างความยั่งยืนให้สังคมและสิ่งแวดล้อม
มาจนถึงวันนี้ภายใต้วิสัยทัศน์ “รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว”
โดยมีกลุ่มธุรกิจหลักคือโรงกลั่นน้ำมันและการค้าน้ำมัน ได้รับการพัฒนาผ่านเจนเนอเรชั่นต่าง
ๆ ในยุคเริ่มต้นด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิล สู่ยุคที่ 1
นำเอทานอลหรือไบโอดีเซลมาผสมในเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นรายแรกในเมืองไทยจนขึ้นเป็น ‘ผู้นำพลังงานทดแทน’ และกำลังก้าวสู่ความเป็น
‘ผู้นำพลังงานแห่งอนาคต’ เข้าสู่ยุคที่ 2 ของโรงกลั่น ได้บุกเบิกการผลิตน้ำมัน SAF ใช้กับเครื่องบินตลอดวงจรชีวิตจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง
80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงอากาศยานที่ผลิตจากฟอสซิล แล้วยังช่วยต่อยอดน้ำมันพืชที่ใช้แล้วจากการปรุงอาหารผ่านโครงการ
“ทอดไม่ทิ้ง” ได้ด้วย
นายชัยวัฒน์ย้ำว่า
วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่มีพิธีลงนามสัญญาเกิดขึ้น ระหว่าง บริษัท บีเอสจีเอฟ
จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น บริษัท บีบีจีไอ จำกัด
(มหาชน) และบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ จำกัด กับ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน)
ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรมและก่อสร้างโรงงานจากญี่ปุ่น
ซึ่งมีประสบการณ์ทำธุรกิจกับบางจากฯ มากว่า 20 ปี
ตามแผนการก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันพืชใช้แล้ว
หรือ SAF เพื่อร่วมสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศตามแผนขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
(International Civil Aviation Organization) ขณะนี้ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับ
SAF เป็นอย่างมากในฐานะเชื้อเพลิงสำคัญที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์
ซึ่งแต่ละประเทศผู้นำต่าง ๆ เริ่มทำแล้ว เช่น
เมื่อปี
2565 “สหรัฐอเมริกา” ได้กำหนดกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation
Reduction Act of 2022 - IRA)
สร้างแรงจูงใจและสนับสนุนผู้ผลิตด้วยการกำหนดภาษีการผลิต 1.75 เหรียญสหรัฐต่อแกลลอน ส่วน “ประเทศในทวีปยุโรป” ใช้มาตรการบังคับภายในปี 2568
ให้ผสม SAF ลงไปในน้ำมันอากาศยานทั่วไปสัดส่วนอย่างน้อย
2% จากนั้นในปี 2573 กำหนดให้เพิ่มเป็น
5% และตั้งแต่ปี 2593 เป็นต้นไปต้องผสม
70% ทางด้าน “ญี่ปุ่น” ตั้งเป้าหมายภายในปี 2573 เครื่องบินของทุกสายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศขึ้นลงในสนามบินญี่ปุ่นจะต้องใช้
SAF สัดส่วน 10%
ขณะที่หน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน
SAF ในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก วางแผนใช้เทคโนโลยีปรับสภาพน้ำมันพืชใช้แล้ว
(Pre-Treatment)
ของบริษัท Desmet
ประเทศมาเลเซีย
โดยรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้วจากครัวเรือนและภาคธุรกิจผ่านโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” และช่องทางอื่น ๆ ผนวกกับเทคโนโลยีกระบวนการกำจัดออกซิเจน
ปรับโครงสร้างและแตกโมเลกุลด้วยไฮโดรเจนด้วย UOP Ecofining Technology
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพในการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนของบริษัท
Honeywell UOP สหรัฐอเมริกา มีกำลังการผลิตวันละ 1,000,000
ลิตร
ตั้งเป้าภายในไตรมาส 4 ปี 2567 โรงงานแห่งนี้จะเริ่มผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนได้อย่างแน่นอน
นายชัยวัฒน์
กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนและร่วมผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าที่มีนัยสำคัญ
เพราะการลดปล่อยคาร์บอนเป็นภารกิจสำคัญของทุกภาคส่วน รวมทั้งหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน
SAF จะสะท้อนการลงมือดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนตามแผน BCP
316 NET บางจากฯ ตามเป้าปี 2573 จะไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และปี 2593
จะลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) รวมทั้งได้บูรณาการพัฒนาเศรษฐกิจ
BCG Economy Model ทั้ง 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว ผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตควบคู่การพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลและยั่งยืน
ดังนั้นบางจากฯ
ขอรณรงค์ให้ประชาชนนำน้ำมันพืชใช้แล้วมาขายในสถานีบริการน้ำมันบางจากและจุดรับซื้อในโครงการ
“ทอดไม่ทิ้ง” เพื่อนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน SAF ช่วยรักษาสุขภาพ ปกป้องสิ่งแวดล้อม และสร้างรายได้เสริมอีกด้วย
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยไปสำรวจ “Unseen New Chapters” ภาคเหนือ
ดื่มด่ำแดนธรรมบนดอยสูง และแดนสวรรค์ปากน้ำโพ ทริปที่ต้องห้ามพลาด แล้วระวัง “7อันตรายมากับหน้าฝนทั้งในและนอกบ้าน” แล้วฟังข่าวเจาะลึก ข่าวแรก “7สมาคมท่องเที่ยวแตก” ตั้งFETTAขอรัฐบาลใหม่ช่วย7เรื่อง ข่าวที่สอง “IATA เดินหน้าจัด World Sustainability
Symposium” การบินโลกลดคาร์บอน
ท่องเที่ยว
–เที่ยวUnseenNewChaptersภาคเหนือเมืองสวรรค์5พิกัดเด่น
ตลุยเที่ยว Unseen New
Chapters มุ่งหน้าสู่ “ภาคเหนือ” ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ได้แหล่งท่องเที่ยวครองเสียงโหวตของประเทศเรียบร้อย 5 พิกัด ดังนี้ “น้ำตกตาดใหญ่” น้ำหนาว เพชรบูรณ์ “พาสาน” ปากน้ำโพ
อ.เมือง จ.นครสวรรค์ “วัดพระธาตุดอยพระฌาน” ลมหายใจไดบุตสึก อ.แม่ทะ จ.ลำปาง “วัดพระธาตุหริภุญชัย”
มหัศจรรย์ทะเลโคม อ.เมือง จ.ลำพูน “พุทธสถานถ้ำเชตวัน” ธรรม...ในถ้ำ อ.นาน้อย
จ.น่าน
พิกัดที่ 1 น้ำตกตาดใหญ่ อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ “มหัศจรรย์น้ำตกหมอกเมืองไทย”
ถ้าแชมเปี้ยนน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยคือทีลอซู
ตำแหน่งของน้ำตกที่สวยที่สุดของเมืองไทย
จะต้องมีชื่อของน้ำตกตาดใหญ่เป็นหนึ่งในผู้ท้าชิง
เพราะนี่คือน้ำตกที่ได้ชื่อว่าเป็นมุมอันซีนแห่งใหม่ของเมืองไทย
กับทิวทัศน์น่าเหลือเชื่อของหุบเขาน้ำตกขนาดยักษ์ ที่เราสามารถมองเห็นภาพความมหัศจรรย์ของน้ำตกเหนือทะเลหมอก
แต่ถ้าใครอยากสัมผัสน้ำตกแห่งนี้อย่างใกล้ชิด
ก็สามารถใช้เส้นทางแอดเวนเจอร์ลัดเลาะจากป่าด้านบนสู่เบื้องล่างของน้ำตก
รับรองประกันความชุ่มฉ่ำและความสวยงามระดับห้าดาว
ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยว คือ เดือนพฤษภาคม - สิงหาคม
พิกัดที่ตั้ง
: https://goo.gl/maps/cfgjsvoR3yKRkDfT9
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ททท.สำนักงานพิษณุโลก เบอร์โทรศัพท์ 0 5525 2742-3 หรือ 0 5525 9907
พิกัดที่ 2 พาสาน อ.เมือง
จ.นครสวรรค์ “ความศิวิไลซ์…แห่งปากน้ำโพ”
แลนด์มาร์คแห่งใหม่บริเวณเกาะยม
ด้วยดีไซน์สุดล้ำเหมือนหลุดออกมาจากโลกอนาคต ทำให้ “พาสาน”
สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยชนิดไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
นี่คือสัญลักษณ์ของต้นแม่น้ำเจ้าพระยา แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพ
กระตุ้นเศรษฐกิจในปากน้ำโพ เป็นมุมมองที่ทำให้จังหวัดแห่งนี้
ดูเป็นนครแห่งสวรรค์สมกับชื่ออย่างแท้จริง โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน
และท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
พิกัดที่ตั้ง
: https://goo.gl/maps/biaa2WzuDCbFnSg98
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ททท.สำนักงานนครสวรรค์ เบอร์โทรศัพท์ 0 5622 1811-2
พิกัดที่ 3 วัดพระธาตุดอยพระฌาน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง “นมัสการพระใหญ่…ลมหายใจแห่งไดบุตสึ”
แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของลำปาง เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมด้านพุทธศิลป์ที่งดงาม
ตั้งอยู่บนยอดดอยพระฌาน นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาสักการะองค์พระธาตุแล้ว
ยังสามารถแวะชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกยามเช้า
ก่อนที่จะไปแขวนกระดิ่งขอพรจากพระพุทธรูปไดบุตสึหรือหลวงพ่อโตจำลองพระพุทธรูปองค์ยักษ์ที่มีใบหน้าเข้มขลังค์
แถมยังมากไปด้วยพลังศรัทธาในฉบับของแดนอาทิตย์อุทัย สามารถเดินทางมาขอพรได้ตลอดทั้งปี
พิกัดที่ตั้ง
: https://goo.gl/maps/FRNTVCqZXKtZ6fbZ6
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ททท.สำนักงานลำปาง เบอร์โทรศัพท์ 0 5422 2214-5
พิกัดที่ 4 วัดพระธาตุหริภุญชัย
อ.เมือง จ.ลำพูน “ตระการตาแห่งสีสัน…มหัศจรรย์ทะเลโคม”
วัดเก่าแก่ที่มีตำนานสืบเนื่องมากว่า 1,300 ปี มีศาสนสถานสำคัญมากมายภายในวัด ทั้งประตูโขง
ราชสีห์คู่ วิหารหลวง องค์พระธาตุหริภุญชัย ปทุมวดีเจดีย์ หอระฆัง
เขาพระสุเมรุจำลอง และยังเป็นวัดที่มีกิจกรรมหลากหลายตลอดทั้งปี
โดยเฉพาะเทศกาลโคมแสนดวงเมืองลำพูน ถือเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว
จะได้มีโอกาสถวายโคมสีสวยแด่องค์พระธาตุหริภุญชัย
ซึ่งเมื่อเรามองไปยังทะเลโคมนับแสนที่แขวนอยู่
จะสามารถรับรู้ได้ถึงพลังศรัทธาที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมากราบสักการะพระธาตุได้ตลอดทั้งปี
พิกัดที่ตั้ง
: https://goo.gl/maps/1dNouF8nAmdPNg938
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ททท.สำนักงานลำปาง เบอร์โทรศัพท์ 0 5422 2214-5
พิกัดที่ 5 พุทธสถานถ้ำเชตวัน
อ.นาน้อย จ.น่าน “ธรรม…ในถ้ำ”
ท่ามกลางหุบเขาอันเงียบสงบของอำเภอนาน้อย
สถานที่แห่งนี้คือบริเวณที่ “ครูบาน้อย” เกจิชื่อดัง
เดินทางเข้าไปปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำเป็นเวลาถึง 3 ปี ส่งผลให้พุทธสถานถ้ำเชตวัน กลายเป็นหมุดหมายของนักเดินทางสายบุญ
ที่ต่างแวะเวียนกันมาค้นหาปริศนาธรรมในถ้ำ ทั้งศึกษาและปฏิบัติ
หลายคนตั้งใจมาสักการะองค์พระธาตุอินแขวน รวมถึงขอพรจากพระเจ้าทันใจ
โดยสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
พิกัดที่ตั้ง
: https://goo.gl/maps/Qu8T9Khgt6eWmtqM6
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ททท.สำนักงานน่าน เบอร์โทรศัพท์ 0 5471 1217-8
สุขภาพ
– 7 อันตรายที่มากับหน้าฝนรู้ไว้ป้องกันอุบัติเหตุใน-นอกบ้าน
หน้าฝนเป็นฤดูที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
ฝนตกบ่อย ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายแล้ว
ยังสามารถก่อให้เกิดอันตรายที่อาจร้ายแรงถึงชีวิตได้
ดังนั้นเราจึงควรต้องใส่ใจระมัดระวังกับความปลอดภัยในช่วงหน้าฝนนี้เป็นอย่างยิ่ง
อันตรายที่
1 อันตรายหน้าฝน จากอุบัติเหตุบนท้องถนน
ในช่วงเวลาที่ฝนตก จะเป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เนื่องจากเมื่อฝนตก
ถนนก็จะลื่น ทัศนวิสัยก็ไม่ดี ดังนั้นผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนน
ควรเพิ่มความระมัดระวัง และอย่ารีบร้อน หากจำเป็นต้องขับรถฝ่าฝน ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวังที่สุด
คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ควรรีบหาที่จอดพักก่อน ในร่ม หรือในอาคาร
ก็จะมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น แลยังควรตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมเสมอสำหรับหน้าฝน
ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรก ระบบไฟ ทุกส่วนต้องอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี
อันตรายที่
2 อุบัติเหตุจากการทำงานกลางแจ้ง สำหรับผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง
อุบัติเหตุที่มาพร้อมกับฝนที่พบบ่อยที่สุดก็คือการลื่นไถล
หรือเมื่อลมแรงมีฝุ่นละอองกระเด็นเข้าตา ก็อาจเกิดปัญหากับดวงตา
หรือส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจากการมองเห็นไม่ชัดเจนได้อีกด้วย นอกจากนี้
ยังควรระมัดระวังสิ่งของที่ตกหล่นจากที่สูง หรือสิ่งของที่ปลิวมากับลม ดังนั้น
หากต้องทำงานกลางแจ้ง ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ
และสวมเครื่องป้องกันหรือเสื้อผ้าที่เหมาะสม และหากฝนตกหนักเกินกว่าจะทำงานต่อได้
ก็ควรหยุดพักก่อน อย่าฝืนเสี่ยงทำ
อันตรายที่
3 อุบัติเหตุในบริเวณบ้าน แม้แต่ในบ้านของเราเอง หากฝนตกหนัก พายุเข้า ลมแรง
ก็อาจเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ไม่ต่างกับการอยู่กลางแจ้งเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นการลื่นล้ม มีฝุ่นละอองปลิวเข้าตา หรือมีวัตถุสิ่งของปลิวมาตามลม
ซึ่งไม่ว่าเป็นของชิ้นใหญ่หรือเล็ก ก็อาจทำให้เราบาดเจ็บได้ทั้งนั้น จริง ๆ แล้ว
หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรออกนอกตัวบ้านขณะฝนตก ลมแรง หากต้องการตรวจเช็คสิ่งใดรอบบ้าน
ถ้ารอได้ก็ควรรอให้ฝนหยุดตกก่อน และหากจำเป็นต้องออกไปจริง ๆ ก็ควรใส่เสื้อกันฝน
สวมรองเท้าที่ไม่ลื่น ใส่เฟสชิลด์ และเดินอย่างระมัดระวัง หากฟ้ามืด
ก็ให้นำไฟฉายไปด้วย
อันตรายที่
4 จากโรคระบาด ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ความเย็นและความชื้นที่มากับฝนนั้น
เป็นสภาวะที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคอย่างมาก
ซึ่งโรคที่มักมากับหน้าฝนนั้น ก็จะมีโรคระบบทางเดินหายใจ อย่างไข้หวัดใหญ่
และปอดอักเสบ โรคระบบทางเดินอาหาร อย่าง อุจจาระร่วง และ อาหารเป็นพิษ นอกจากนี้
ยังมีโรคที่เกิดจากยุง ได้แก่ ไข้เลือดออก และ ชิคุนกุนยา และโรคจากการสัมผัส
หรือติดเชื้อจากสิ่งสกปรก อย่าง ฉี่หนู ตาแดง มือ-เท้า-ปาก
เราจึงควรดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี
รวมถึง การรักษาสุขอนามัย รักษาร่างกายให้อบอุ่น
หลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกายผู้อื่น หรือการใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
หมั่นล้างมือบ่อย ๆ กินร้อน ใช้ช้อนตัวเอง ระวังยุงกัด สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม
อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่างเสมอ
อันตรายที่
5 ไฟดูด ไฟช็อต อีกหนึ่งอันตรายอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงหน้าฝน ซึ่งมักเกิดจากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีไฟรั่ว
ดังนั้น ควรหมั่นเช็คสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าและสายไฟภายในบ้านให้ดี
ว่าอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน และไม่ปล่อยให้เปียกชื้น หากมีจุดไหนชำรุด
ต้องรีบหาช่างผู้ชำนาญมาซ่อมแซม อย่าเสี่ยงใช้งานต่อ หรือลองซ่อมเองโดยไม่มีความรู้
ที่สำคัญควรติดตั้งเครื่องตัดไฟฟ้าลัดวงจรภายในบ้าน เมื่อเกิดไฟดูด หรือไฟช็อต
เครื่องก็จะช่วยตัดกระแสไฟได้อัตโนมัติ นอกจากนี้
การต่อสายดินให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น หรือเครื่องซักผ้า
ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเพิ่มความปลอดภัย
หากพบผู้ถูกไฟฟ้าดูด
ให้หาทางตัดกระแสไฟฟ้าก่อนทันที เช่น การปลดสวิตช์ หรือ คัทเอาท์
และอย่าใช้มือเปล่าแตะต้องตัวผู้ถูกไฟฟ้าดูด
ให้ใช้วัตถุที่ไม่เป็นฉนวนนำไฟฟ้ามาช่วย เช่น เชือกแห้ง สายยาง ถุงมือยาง
ผ้าแห้งพันมือให้หนา แล้วผลัก ฉุด หรือเขี่ยตัวผู้ป่วยให้หลุดจากบริเวณนั้นโดยเร็วที่สุด
และโทรแจ้งสายด่วน 1669 ทันที
อันตรายที่
6 ฟ้าผ่า เมื่อเกิดฝนตกฟ้าคะนอง บริเวณพื้นที่โล่งแจ้งจะเป็นจุดที่อันตรายที่สุด
ดังนั้นหากเราบังเอิญอยู่ในที่โล่งแจ้ง ก็ให้รีบหาที่กำบังที่ปลอดภัย เช่น
อาคารขนาดใหญ่ หรือสิ่งปลูกสร้างที่แข็งแรง และห้ามหลบบริเวณใต้ต้นไม้
โดยหากตกอยู่ในสถานการณ์บังคับที่ต้องอยู่กลางแจ้ง หาที่หลบไม่ได้
ก็ให้หมอบนั่งยอง ๆ ให้ตัวอยู่ต่ำที่สุด เขย่งปลายเท้าให้ตัวสัมผัสพื้นน้อยที่สุด
แต่อย่านอนลงไปกับพื้น เพราะกระแสไฟอาจวิ่งมาตามพื้นได้ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งนำไฟฟ้า
ให้ถอดเครื่องประดับที่เป็นสิ่งนำไฟฟ้าออก เช่น ทอง เงิน นาค
รวมไปถึงให้งดการใช้โทรศัพท์มือถือในที่โล่งแจ้ง
เนื่องจากอาจเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าเข้ามาในโทรศัพท์มือถือได้
หากพบผู้ถูกฟ้าผ่า
ให้รีบเคลื่อนย้ายผู้ถูกฟ้าผ่าไปยังที่ที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันการถูกฟ้าผ่าซ้ำอีก
พร้อมทั้งโทรเรียกสายด่วน 1669 ทันที ทั้งนี้
ผู้ช่วยเหลือสามารถสัมผัสตัวผู้ถูกฟ้าผ่าได้ทันที
เพราะจะไม่มีกระแสไฟฟ้าเหลืออยู่ในตัว และขณะรอรถพยาบาล หากผู้ถูกฟ้าผ่าหัวใจหยุดเต้น
หมดสติ ต้องรีบช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ หรือ CPR อย่างถูกต้อง
อันตรายที่
7 สัตว์ร้ายต่าง ๆ สัตว์ร้ายมีพิษ อย่างเช่น ตะขาบ แมงป่อง แมงมุม งู
มักชอบอยู่บริเวณที่มีความชื้น จึงไม่แปลกที่ในหน้าฝน เราอาจพบสัตว์ต่าง ๆ
เหล่านี้ในพงหญ้า ในสนาม หรือบริเวณเปียกชื้นในบ้าน วิธีป้องกันก็คือ
ควรหมั่นทำความสะอาดบ้าน และจัดสิ่งของในบ้านและบริเวณบ้านให้เรียบร้อย
เพื่อไม่ให้เป็นที่หลบซ่อนของสัตว์มีพิษได้
และให้ระมัดระวังเมื่อต้องเดินไปบริเวณที่มีหญ้าสูง หรือเข้าไปในที่รก
ควรสวมรองเท้าบูทหรือรองเท้าหุ้มข้อป้องกันไว้
หากมีผู้ถูกงูกัด
ห้ามใช้ปากดูดพิษ ให้ล้างแผลให้สะอาด บีบเลือดบริเวณบาดแผลออกเท่าที่ทำได้
และไม่กินยาที่มีส่วนผสมของแอสไพริน เพราะจะไปเร่งให้พิษงูทำงานเร็วขึ้น
พยายามให้บริเวณที่ถูกงูกัดเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด รัดผ้าเหนือแผลให้แน่นพอสมควร
แต่ห้ามรัดแน่นหรือขันชะเนาะ ที่สำคัญให้รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
และพยายามจำลักษณะชนิดของงูที่กัดให้ได้ สามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วน
1669
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–7สมาคมท่องเที่ยวแตกตั้งFETTAขอรัฐบาลใหม่ช่วย7เรื่อง
นางมาริสา
สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า หลังจากเอกชนท่องเที่ยวส่วนกลาง 7 สมาคม
ได้ลาออกจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แล้วแยกตัวมาก่อตั้ง “สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย
-สสทท.” หรือ FETTA ขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้
ได้รวมตัวกันแถลงความต้องการไปยังรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ
เอกชนแต่ละสมาคมได้นำเสนอความต้องการที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
5 เรื่องหลัก ประกอบด้วย
สมาคมโรงแรมไทย
(THA) ขอ 1 เรื่อง ดังนี้
เรื่องที่
1 ขอให้รัฐช่วยเอกชนลดต้นทุน
ด้วยการทบทวนนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว
(ATTA) ขอ 2 เรื่อง ดังนี้
เรื่องที่
2 เสนอเพิ่มความถี่เที่ยวบินระหว่างประเทศ
จากทั่วโลกเข้าสู่เมืองไทย ให้มากที่สุด
เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวของประเทศกลับมาเติบโตอย่างคึกคัก
เรื่องที่
3 ขอให้รัฐบาลใหม่เร่งแก้ปัญหาการลงทะเบียนวีซ่าของนักเดินทางทั่วโลกที่จะเข้ามายังไทย
ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-VISA)
ควรจะได้รับความสะดวกและรวดเร็วมากกว่าปัจจุบัน
สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย
เสนอ 4 เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่
4 รัฐสนับสนุนงบประมาณ หรือกองทุนฟื้นฟูให้ผู้ประกอบการรถขนส่ง
เพื่อนำไปใช้ซ่อมแซมรถท่องเที่ยวที่ยวที่หยุดใช้งานมานาน จึงมีต้นทุนราว 500,000
บาท/คัน
เรื่องที่
5 ส่งเสริมการเดินทางด้วยรถทัวร์
เรื่องที่
6 ปลดล็อกเงื่อนไขการยื่นประมูลงานภาครัฐ ปัจจุบันกำหนดให้บริษัทผู้ยื่นประมูลต้องไม่มีผลประกอบการติดลบ
แต่ควรจะยกเว้นเพราะช่วงโควิด-19 ผู้ประกอบการจำนวนมากทำธุรกิจไม่ได้
ก็ต้องขาดทุนหรือติดลบอย่างแน่นอน
เรื่องที่
7 ขอให้รัฐบาลประกาศอย่างเงื่อนไขให้ชัดเจนเรื่องแนวทางเปลี่ยนรถขนส่งจากเครื่องยนต์สันดาป
เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV)
สำหรับเอกชนที่แตกกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ไปจัดตั้งสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (สสทท.) หรือ FETTA มี 7 สมาคม ได้แก่
1.สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA-Association of Thai Travel Agents)
มีหน้าที่นำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกเดินทางมาไทย
2.สมาคมโรงแรมไทย (THA-Thai Hotels Association)
ดูแลห้องพักที่ถูกต้องตามกฎหมายทั่วประเทศ
3.สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.)
ให้บริการนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศ
4. สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ให้บริการนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศ
5.สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA-Thai Travel
Agents Associaiton) นำคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก
6.สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) ให้บริการรถบัสนำเที่ยวไม่ประจำทาง
ทะเบียน 30
7. สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย (PGAT) ให้บริการข้อมูลการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวทั้งแบบอิสระ
และรับจ้างงานจากบริษัทนำเที่ยว
ข่าวที่สอง
- IATA เร่งจัดWorld Sustainability Symposiumการบิน3-4ต.ค.นี้
สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA-International Aviation Transport
Association) รายงานว่า
เตรียมจะจัดงาน IATA World Sustainability
Symposium (WSS) ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 3-4
ตุลาคม 2566 เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมการบินทั่วโลก
หันมาร่วม ลดโลกร้อน ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลต่าง ๆ มุ่งมั่นประกาศลดคาร์บอนการบินภายในปี 2593 ดังนั้นการประชุมสัมมนาครั้งนี้จะนำเสนอ
รวม 5 เรื่อง
ประกอบด้วย
1. บทบาทสำคัญของการสนับสนุนนโยบายและนโยบายของรัฐบาล 2.การดำเนินมาตรการด้านความยั่งยืนอย่างมีประสิทธิภาพ 3. การจัดหาเงินทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน ตรวจวัด ติดตาม รายงานการปล่อยมลพิษ 4.
การจัดการที่ไม่ปล่อย CO2 และ 5.ความสำคัญของห่วงโซ่คุณค่า
Willie Walsh ผู้อำนวยการ
IATA ยืนยันว่า ในการประชุม WSS เดือนตุลาคม
นี้ จะจัดเตรียมแพลตฟอร์มที่ปรับปรุงใหม่มาโดยเฉพาะซึ่งเป็นส่วนสำคัญคือ
ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนของสายการบิน ผู้กำกับดูแล ผู้กำหนดนโยบาย
ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก วิทยากรหลักซึ่งเป็นผู้นำทางความคิดสำคัญในอุตสาหกรรมการบิน
5 คน
คือ
1.นาย Patrick
Healy ประธาน Cathay Pacific
2.นายRoberto
Alvo ซีอีโอ LATAM Airlines Group
3.นาย
Robert Miller ศาสตราจารย์ด้าน Aeroothermal
Technology และผู้อำนวยการ Whittle Laboratory แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ Suzanne Kearns ผู้อำนวยการผู้ก่อตั้ง
Waterloo Institute for Sustainable Aviation (WISA)
4.Andre Zollinger ผู้จัดการนโยบาย
Abdul Latif Jameel Poverty Action Lab (J-PAL) สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์
MIT
5.Marie Owens Thomsen รองประธานอาวุโสฝ่ายความยั่งยืนและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์
IATA
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น