ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ททท.ภาคกลางปี’67ดึงทัวร์96ล้านคนทำเงิน4.76แสนล้าน
ชูเที่ยวเทรนด์4HD/Happy“Life-Story-Workplace-Faith”
ปักธงขายในเทศกาลเที่ยวเมืองไทยที่ศูนย์สิริกิติ์2-6ส.ค.66
สมัครด่วน!!สมาชิกคิงเพาเวอร์รับส่วนลด/โรงแรม/แบ่งจ่าย
เดอะสแตนดาร์ดมหานครจัดเต็มEAT.PLAY.STAY.SHOP
ททท.-สดร.ชูทัวร์AmazingDarkSky#Season2เพิ่ม18แห่ง
บางจากคว้า EIA Awards2023ชูโรงกลั่นรักสิ่งแวดล้อม
TCEBแนะเลือกชุมชนไมซ์บางน้ำผึ้งจัด2กิจกรรมโดดเด่น
เที่ยวแห่เทียนพรรษาอุบลสุดอลังการ122ปีใฝ่ธรรมงามล้ำ
ฟังด่วน!!ดื่มน้ำน้อยทำให้เกิด“ภาวะเลือดข้น”จริงหรือไม่?
สนามมวยราชดำเนิน-แกร็บทุ่ม100ล้านบูมทัวร์มวยไทย
คณะกรรมการท่องเที่ยวชาติส่งต่อรัฐบาลใหม่5เรื่องใหญ่
วันอาทิตย์ที่
23 กรกฎาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ
“เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #TCEB #บางจาก #ทททภาคกลาง #เทศกาลเที่ยวเมืองไทย2566 #แห่เทียนพรรษาอุบล
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/lYpdjQcWtY/
ช่วงที่ 1 เปิดโค้ดลับ 4HD กับ “กิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระตุ้นในประเทศเที่ยวภาคกลาง 96.47 ล้านคน-ครั้ง สร้างเงิน 4.76 แสนล้าน ทุ่มลงทุนเพิ่มวันพัก
เพิ่มค่าใช้จ่ายขยับเป็น 4,000 บาท/คน/ทริป
ดันธีมขาย “4HD Defination -ความสุขง่าย
ๆ หาได้ในภาคกลาง” เปิด 4 เส้นทาง
“Happy Healthy Life and Sharing /สุขภาพดี - Happy Story/เรื่องดี-
Happy Workplace/งานดีเที่ยวดี-
Happy Power Faith/สบายใจดี” พบความยิ่งใหญ่
“หมู่บ้านภาคกลาง” ในเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2-6
ส.ค.นี้
ที่ศูนย์สิริกิติ์
นายกิตติพงษ์
ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ภูมิภาคภาคกลาง ทำแผนตลาดปี 2567 ขานรับสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้นหลังผ่านโควิด-19 ปีนี้ 2566 ทำได้เกินเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ภาคกลางตั้งไว้ 58.23 ล้านคน-ครั้ง
แต่แนวโน้มผู้เยี่ยมเยือนคนไทยจะไปได้ถึง 84.77 ล้านคน-ครั้ง
ตอกย้ำสถานการณ์เติบโตเชิงบวกสูงมากเป็นแรงส่งไปถึงปีหน้า 2567
จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าสู่ภาคกลางบนสมมุติฐานสถานการณ์ดีที่สุดจะทำได้ถึง 96,476,236
คน-ครั้ง สร้างรายได้
476,071 ล้านบาท
ใช้จ่ายเงินเฉลี่ย 4,000 บาท/คน/ทริป
โดยจะขับเคลื่อนการเติบโตเพิ่มขึ้นไปพร้อม
ๆ กัน 2 ส่วน
ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ทำแผนการตลาดเพิ่มวันพักเฉลี่ย
และเพิ่มค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่อคนต่อทริปให้เข้าเป้า ซึ่งจะมาจาก อันดับ 1
การรับประทานอาหาร อันดับ 2 ซื้อของที่ระลึก อันดับ 3 ที่พัก
จึงจะเร่งผลักดันเพิ่มวันพักเฉลี่ยบวกกับเพิ่มกิจกรรมหลากหลายเพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้เงินมากขึ้น
ส่วนที่ 2 ขับเคลื่อนการเดินทางท่องเที่ยวข้ามภาค เติมเต็มอัตราการเข้าพักเฉลี่ยตามโรงแรม รีสอร์ต
ทั่วทั้งภูมิภาค
ภาคกลางจะทำตลาดเชิงรุกปี
2567 ภายใต้โค้ดลับ “4 HD” มาจาก 4 Happy
Defination -ความสุขง่าย
ๆ หาได้ที่ภาคกลาง”
โดยได้ดีไซน์ความสุขด้วยการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้วยการนำเสนอสินค้าส่งมอบประสบการณ์ความสุข
แบ่งปันคุณค่าสิ่งดี ๆ ให้กับผู้เยี่ยมเยือนทุกคน
ผลักดันต่อยอดการท่องเที่ยวด้วยพลังงานทางเลือกภายใต้คอนเซ็ปต์ 4HD
นำเสนอการท่องเที่ยว 4 เส้นทางหลัก ประกอบด้วย
เส้นทางที่ 1 Happy
Healthy Life and Sharing -สุขภาพดี พร้อมแบ่งปันสิ่งดี ๆ
เปิดเส้นทางที่เกี่ยวข้องกับสนับสนุนชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียนสีเขียว BCG
-Bio Circular Green
การท่องเที่ยวสีเขียว การท่องเที่ยวเชิงกีฬา ทำให้ร่างกายสุขภาพดี มีพลัง
สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ
เส้นทางที่
2 Happy Story -เรื่องราวดี ๆ
เปิดเส้นทางตามรอยอารยธรรม ภาพยนตร์ รวมถึงนำเสนอเรื่องไทยแลนด์ ซอฟท์ เพาเวอร์ 5F
ขยายไปสู่จุดขายการตัวสู่จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง
เส้นทางที่
3 Happy Workplace -งานดี เที่ยวดี
เปิดเส้นทางท่องเที่ยววันธรรมดา ตอบโจทย์เพิ่มวันพักค้างทุกวันจันทร์-ศุกร์
ในกลุ่มทำงานได้เที่ยวด้วย Workation กลุ่มวัยทำงาน
กลุ่มเจ้าของกิจการคนรุ่นใหม่
เส้นทางที่
4 Happy Power of Faith -สบายใจดี
เปิดเส้นทางความเชื่อ ความศรัทธา ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวสายมูเตลู ทำให้เกิดความสุขสบายใจ
เสริมสร้างพลังชีวิต เป็นจุดขายที่ทั่วประเทศมีเส้นทางนี้นำเสนอกับผู้เยี่ยมเยือน
นอกจากจะเป็นสถานที่สร้างความเชื่อและศรัทธาแล้ว
ยังต้องมีจุดเด่นเรื่องการถ่ายรูปออกมาโพสต์แชร์อย่างสวยงามด้วย
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ยังจะสร้างสรรค์ 365 วันมหัศจรรย์ เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน ทั้ง 5 ภูมิภาค จะต้องฝังกิจกรรมกระตุ้นให้คนออกเดินทางท่องเที่ยวได้ทุกวัน ดังนั้นภาคกลางก็จะทำ
โครงการแรก
Last minit Deal สามารถออกเดินทางได้ทุกวันศุกร์กลางคืนแล้ววันเสาร์ตลุยเที่ยวได้เต็มที่
กระตุ้นให้เกิด “ความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยว”
เพราะภาคกลางสามารถตัดสินใจเที่ยวได้ง่ายมาก
โครงการที่
2 เที่ยวข้ามภาค
จะจับมือและทำงานใกล้ชิดกับ ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก ส่งออกนักท่องเที่ยวภาคกลางไปภาคตะวันออก
แล้วดึงคนในภาคตะวันออกมาเที่ยวภาคกลาง
เป็นการแลกเปลี่ยนในพื้นที่รอยต่อใกล้ชิดกัน
โครงการที่
3 ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางเครื่องบิน
ในภาคกลางมีสนามบินหลายแห่ง เช่น สนามบินนานาชาติดอนเมือง (กรุงเทพฯ)
สนามบินบ่อฝ้าย คาบเกี่ยว 2 จังหวัด
เพชรบุรี กับประจวบคีรีขันธ์ ก็จะจับมือกับ ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ
ขณะนี้มีเที่ยวบินตรง ไป-กลับ เชียงใหม่-บ่อฝ้าย สัปดาห์ละ 4 เที่ยว
โครงการที่
4 สานต่อ The
Link Domestic to Domest แลกเปลี่ยนในประเทศเที่ยวในประเทศกันเอง
ซึ่งมีแผนต่อยอดการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวกับตลาดนักเดินทางเข้าด้วยกัน
โดยมีกลุ่มตลาดเด่น ๆ คือ กลุ่มองค์กรขนาดใหญ่หรือคอร์ปอเรต
กลุ่มข้าราชการเกษียณอายุ
พร้อมทั้งจะใช้ประโยชน์จากการแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งประกาศใหม่
Unseen New Chapters ทั้ง 77
จังหวัด
ได้ผ่านการคัดเลือกเป็นไฮไลต์ 5 ภูมิภาค
25 แหล่งท่องเที่ยว
ททท.ในประเทศจะทำรวมในภาพใหญ่โดยจับมือกับทางสถานีโทรทัศน์ช่องเวิร์คพอยต์
นำเสนอเกมโชว์ชื่อรายการ “ลองเที่ยวดู”
นายกิตติพงษ์
กล่าวว่า สินค้าท่องเที่ยวและกิจกรรมโครงการทั้งหมด จะปรากฎอยู่ในงาน
“เทศกาลเที่ยวเมืองไทย -TTF : Thailand Tourism Festival 2023” ระหว่างวันที่ 2-6 สิงหาคม 2566 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ให้มากขึ้น สร้างการทำงานอย่างต่อเนื่อง
ร้อยเรียงเข้ากับโครงการ The Link ท่องเที่ยวข้ามภาค
ปูพรมตลาดส่งเสริมการขายต่อเนื่องครึ่งหลังปี 2566 ต่อเนื่องปี 2567 โดยใช้ทุกช่องทางการสื่อสารและการนำเสนอขายเข้าถึงนักท่องเที่ยวเป้าหมายทุกกลุ่ม
ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย
2566 ที่หมู่บ้านภาคกลางจะนำเสนอ
“ความสุขง่าย ๆ หาได้ที่ภาคกลาง” พุ่งเป้ากระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
ภายในพื้นที่จะดีไซน์เป็น 3 โซน
ประกอบด้วย
โซนที่
1 พื้นที่สายแคมป์
Glamping และ Camping
จะมีไฮไลต์เป็นรถแอร์สตรีม
สามารถให้คนเข้ามาสัมผัสไลฟ์สไตล์ทางธรรมชาติ มีเส้นทางใกล้กรุงนำเสนอด้วย เช่น
ราชบุรี กาญจนบุรี และจังหวัดอื่น ๆ กับ Workation
แนะนำสถานที่ทำงานได้เที่ยวด้วยได้ทุกสถานที่ทุกเวลา work from anywhere สามารถกระตุ้นให้เกิดการเดินทางได้ตลอดทุกวัน
โซนที่
2 นำเสนอศิลป์แผ่นดิน ตำบลเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เผยแพร่งานศิลปาชีพ
โซนที่
3 ยกโมเดลจำลอง
หอมนสิการ จังหวัดสระบุรี ที่ได้รับการโหวตเป็นแหล่งท่องเที่ยวมุมใหม่ใน Unseen
New Chapters
แล้วยังมีการออกร้านงานคราฟท์ดี
ๆ บ่งบอกถึงความเทรนดี้ ความเป็นชิค ของภาคกลาง ด้วยสัญลักษณ์ร้านจำหน่ายสินค้า
ร้านอาหาร ที่นั่งฟังเพลง นำเสนอการแสดงวัฒนธรรมกึ่งร่วมสมัย
โดยสรุปแล้ว
ททท.ภูมิภาคภาคกลาง วางแผนการดำเนินแผนตลาดการท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง
ระหว่างกรกฎาคม-กันยายน 2566 จะจัดกิจกรรมส่งเสริมและกระตุ้นตลาดเข้าพื้นที่ด้วย
4 งานหลัก ได้แก่
งานแรก
เทศากลเที่ยวเมืองไทย ระหว่างวันที่ 2-6 สิงหาคม
2566 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
กรุงเทพฯ
งานที่
2 กิจกรรมสิงหา พาแม่ที่ยว
และงานห่มผ้าหลวงปู่ทวด วัดห้วยมงคล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ระหว่างวันที่ 12-14 สิงหาคม 2566
งานที่
3 แสง สี สิงห์ จังหวัดสิงบุรี
ระหว่าง 18-26 สิงหาคม 2566
งานที่
4 กิจกรรม Green
Road Trip จะจับมือกับ GWM
:ORA Good Cat เปิดเส้นทางท่องเที่ยวในสิงห์บุรี
ระหว่าง 19-20 สิงหาคม 2566
เพื่อให้เป็นไปเตามเป้าหมายของ
ททท.ภูมิภาคภาคกลาง ตลอดปี 2566
จะกระตุ้นตลาดผู้เยี่ยมเยือนคนไทย รวม 58.23 ล้านคน-ครั้ง แนวโน้มจะดีเกินคาดทะลุไปถึง 81.47 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ตามเป้า 415,348
ล้านบาท
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 สมัครด่วน!!สมาชิกคิงเพาเวอร์รับส่วนลด/โรงแรม/แบ่งจ่าย
บัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ เน้นส่งมอบ “สิทธิประโยชน์เหนือความคาดหมาย”
เพิ่มประสบการณ์พิเศษด้วยส่วนลดมากมายทั้งกับธุรกิจในเครือ
และพันธมิตรทำให้ทุกการเดินทาง “เป็น ไป ได้”
มีทั้งคุณค่าและความหมายต่อชีวิตทุกคน สามารถ “เลือกสมัคร” บัตร 5 ประเภท ได้แก่ NAVY, SCARLET, ONYX, CROWN และ VEGA ไว้รับส่วนลดสูงสุดทุกช่องทาง 25 % เพื่อความสะดวกผูกบัญชีสมาชิกไว้บน
LINE ช่วงนี้รับทุก ความคุ้มค่าที่ “เป็น ไป ได้” ไม่สิ้นสุด
ถึง 3 สิทธิ์พิเศษสุด ๆ ประกอบด้วย
สิทธิ์แรก สมัครวันนี้ – 31 มกราคม 2567 รับทันที 3 ความพิเศษ ดังนี้ 1.
สิทธิ์วันเกิด รับ Cash Back 25% x 2 สิทธิ์ 2.ส่วนลดทุกการช้อปตามสถานะสมาชิกสูงสุด10% 3.รับกะรัตรีวอร์ดใช้แทนเงินสดทุกการช้อป
หรือแลกรับเป็นสิทธิประโยชน์มากมายจาก คิง เพาเวอร์ และพันธมิตรชั้นนำ
สิทธิ์ที่
2 จองที่พักรับส่วนลดพิเศษจากโรงแรม 3
แบรนด์ ได้แก่ เครือเดอะ สแตนดาร์ด เครือ The Peri และเครือ Bunkhouse ตั้งแต่วันนี้– 31 มกราคม 2567 ผ่าน
2 ช่องทาง คือ LINE Official Account :
@KINGPOWER กับเว็บไซต์ member.kingpower.com
สิทธิ์ที่
3 คุ้มยิ่งกว่ากับอีก 4 สิทธิประโยชน์
คือ 1.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 11,000 บาท 3.ส่วนลด 200 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ 4.
เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สุทธิ)
ได้สิทธิสมัครสมาชิกฟรีโดยอัตโนมัติ
ข่าวที่ 2 เดอะสแตนดาร์ดมหานครจัดเต็มEAT.PLAY.STAY.SHOP
โรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร มีบาร์ฮอปปิ้ง “The Standard Bar Crawl” ให้ชวนก๊วนมาสังสรรค์ได้ทุกคืน
จ่ายเพียงคนละ 1,980++ บาท รวมเครื่องดื่ม 6 ดริงก์ กับอาหารทานเล่น
จากร้านอาหารในโรงแรมได้ทั้ง 4 บาร์ คือ
ร้าน Mott 32 Bangkok ร้าน The
Parlor ร้าน Double Standard และ ห้องอาหาร Ojo
Bangkok ทำกิมมิกให้แสตมป์พาสปอร์ตบาร์ละ 1 ดริงก์ กับเลือกออนท็อปที่ชอบได้อีก 2
ดริงก์ด้วย ซื้อตั๋วทาง https://megatix.in.th/.../bar-crawl-at-the-standard โทร
02 085 8888 และเพิ่มเพื่อนในไลน์ @TheStandardBangkok
สำหรับ
ห้องอาหาร “Ojo Bangkok” คิง
เพาเวอร์ มหานคร ยังมีไฮไลต์เสิร์ฟเซตมื้อกลางวันแบบ 2 คอร์ส ราคาคนละเพียง 990++
บาท/เซต เลือกของหวานจ่ายเพิ่มแค่ 200++ บาท จัดเต็มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย
Guacamole Tostadas หรือ Esquites และอื่น
ๆ ส่วน “จานหลัก” เลือกอร่อยกับ เมนูที่ 1 Pollo
& House Mole ไก่ย่างสไตล์เม็กซิกันเข้าคู่กับซอสโมเล่ เมนูที่ 2 Oaxacan Lamb
Barbacoa ใช้กรรมวิธีนำเนื้อแกะไปปรุงเคี่ยวช้า ๆ จนเปื่อยนุ่มลิ้น เมนูที่
3 Fish
Pipian ปลาย่างสูตรเม็กซิกัน และอื่น ๆ จองด่วนที่ https://www.tablecheck.com/.../the-standard.../reserve
โทร 02 0858888 หรือแอดไลน์ @OjoBangkok
อีกทั้งโรงแรม
“เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร” ยังเอาใจสายช้อปเพิ่มโดยมือร่วมกับแบรนด์แฟชั่นI
wanna Bangkok ออกแบบไอเท็มสุดคูลด้วย
“คอลเล็คชั่นแคปซูล” ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พบกับไอเท็มเท่ ๆ มากมายทั้งผลิตภัณฑ์
ผ้าเช็ดตัว หมวก ชุดนอน เสื้อยืด กระเป๋า tote และอีกมากมาย แวะมาเลือกได้ที่
The Standard Shop เน้นฉลองเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศด้วยดีไซน์สนุกสนานสุดปังดั่งสายรุ้งบวกกับอิสระภาพความแตกต่างโดยได้ดึงความเป็น
The Standard ให้ปรากฏอย่างชัดเจนในทุกความ เป็น ไป ได้
ข่าวที่
3 ททท.-สดร.ชูทัวร์AMAZING DARKSKY#Season2เพิ่ม18แห่ง
ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ททท.จับมือกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
(องค์การมหาชน) หรือ “สดร.” เปิดตัวโครงการ AMAZING DARK SKY
IN THAILAND #Season 2 ส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ (Dark
Sky Tourism) แห่งใหม่ทั่วประเทศ 18
พื้นที่ ผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์
(Experience-based-Tourism) มิติใหม่ สร้างความหมายให้การเดินทางเที่ยวเมืองไทยมีคุณค่า
แตกต่าง น่าประทับใจมากกว่าที่เคย มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจพิเศษ
ทั้งผู้ที่สนใจดาราศาสตร์ ชื่นชอบการดูดาว และนิยมสร้างความสุขท่ามกลางธรรมชาติสัมผัสความสวยงามของท้องฟ้าเมืองไทย
ได้เรียนรู้ระบบสุริยจักรวาล ชมปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ครั้งสำคัญ เช่น สุริยุปราคา
จันทรุปราคา ฝนดาวตก หรือชมความสวยงามที่ปรากฎบนท้องฟ้าแบบรายเดือนของกลุ่มดาวจักรราศีและดวงดาวต่าง
ๆ
แต่ละพื้นที่ยังได้จัดกิจกรรมสอดแทรกความรู้ทางด้านดาราศาสตร์
ตลอดจนเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเชื่อมโยง การท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงในจังหวัดนั้น
ๆ ด้วย
ดร. ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่าความร่วมกับ ททท. ทำโครงการ Dark
Sky in Thailand หรือเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในไทยต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี
2563 จนถึงปี 2565 เป็นปีแรกที่ได้ริเริ่มจัดพิธีมอบโล่และขึ้นทะเบียนเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในไทย
ภายใต้แคมเปญ “Amazing Dark Sky in Thailand” ขณะนี้ผ่านรับรองและขึ้นทะเบียนแล้ว
12 แห่ง ระยะเวลา 3 ปี นำร่องปลุกกระแสการท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์นำมาเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์กับคนไทยและต่างชาติ
และเป็สถานที่ถ่ายภาพของกลุ่มนักดาราศาสตร์สมัครเล่น ได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันในประเทศไทยแบ่งเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดเป็น
4 ประเภท ได้แก่ 1.อุทยานท้องฟ้ามืด 2.ชุมชนอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด 3.เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในพื้นที่ส่วนบุคคล
4.เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในพื้นที่ชานเมือง โดยกำหนดให้สถานที่ที่ขึ้นทะเบียนแต่ละประเภทจะต้องมีความมืดของท้องฟ้าอย่างเหมาะสม
กำหนดรูปแบบบริหารจัดการแสงสว่างอย่างมีประสิทธิภาพ ปราศจากแสงรบกวน
มีพื้นที่เปิดโล่งสังเกตท้องฟ้าได้โดยรอบ มองเห็นดาวเหนือ และวัตถุท้องฟ้าเด่น ๆ
ได้ด้วยตาเปล่า
มีบุคลากรในพื้นที่สามารถให้ความรู้ทางดาราศาสตร์เบื้องต้นแก่นักท่องเที่ยวได้
และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แก่ผู้มาใช้บริการ เช่น เส้นทางคมนาคม ห้องน้ำ
ที่พัก ร้านอาหาร และอื่น ๆ
ดร.
ศรัณย์ กล่าวว่า ปี 2566 ทั่วประเทศสนใจนำพื้นที่สมัครขอรับการขึ้นทะเบียนเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทย
26 แห่ง ขณะนี้ผ่านการพิจารณาแล้ว
18 แห่ง จึงขอแสดงความยินดีกับทุกแห่งที่ผ่านการคัดเลือก
ซึ่งโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นให้พื้นที่ และชุมชนใกล้เคียง
รวมถึงในอีกหลายแห่งตระหนักรู้ที่จะเข้าร่วมอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด และร่วมสงวนรักษาความมืดของท้องฟ้าเวลายามค่ำคืนให้เหมาะกับการเป็นแหล่งเรียนรู้
แหล่งท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์ และเชิงดาราศาสตร์ ช่วยลดผลกระทบจากมลภาวะทางแสงต่อระบบนิเวศ
ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน สดร. วางอนาคตตั้งเป้าผลักดันให้เกิดเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
ส่วนการขึ้นทะเบียนเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในไทย
ปี 2566 ภายใต้โครงการ AMAZING DARK SKY IN THAILAND #Season 2 จำนวน18 แห่ง ประกอบด้วย
ประเภทที่ 1 อุทยานท้องฟ้ามืด : Dark Sky Park 5 แห่ง ได้แก่
อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ (ลานชมดาว)
จ.กำแพงเพชร, อุทยานแห่งชาติตาพระยา (ลานกลางเต้นท์กลางดง)
จ. สระแก้ว, อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ. นครราชสีมา, อุทยานแห่งชาติศรีน่าน (ดอยเสมอดาว) จ. น่าน และวนอุทยานน้ำตกผาหลวง จ.
อุบลราชธานี
ประเภทที่
2
เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในพื้นที่ส่วนบุคคล : Dark Sky
Properties 11
แห่ง ได้แก่ มีลา การ์เดน รีทรีท คอทเทจรีสอร์ท จ.
สระบุรี , คีรีมาลา อีโค่ แคมป์ จ. ราชบุรี, ฟาร์มแสงสุข จ. ระยอง,
ไร่เขาน้อยสุวณา
จ. นครราชสีมา, ต้นข้าวหอมบ้านอ้อมดอย
จ. เชียงใหม่, วิลลา เดอ วิว
บูทีค รีสอร์ท เชียงดาว จ. เชียงใหม่, เชียงดาวฟาร์มสเตย์ จ. เชียงใหม่, บ้านสวน ป่าโป่งดอย จ. เชียงใหม่, เดอะ ทีค รีสอร์ท จ. เชียงใหม่, พูโตะ จ. เชียงใหม่
และ
อ่าวโต๊ะหลี จ. พังงา
ประเภทที่
3
เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในพื้นที่ชานเมือง : Dark Sky Suburbs 2 แห่ง ได้แก่ สวนสัตว์ขอนแก่น จ. ขอนแก่น และ ซัมมิท
กรีนวัลเล่ย์ เชียงใหม่ จ. เชียงใหม่
นักท่องเที่ยวสามารถติดตามข้อมูล
และสมัครเพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทยได้ที่ https://darksky.narit.or.th/
หรือดาวน์โหลดหนังสือคู่มือการท่องเที่ยวดูดาว “ชวนเธอ
ไปชมดาว” ซึ่งจัดทำเป็น e-book
ได้ที่ https://citly.me/81xbd
การท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ในพื้นที่ท้องฟ้ามืด
ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือใหม่ทางการท่องเที่ยวของ
ททท.และองค์กรเกี่ยวข้องพร้อมจะผนึกกำลังกันผลักดันให้เกิดการกระจายตัวการเดินทางอย่างเท่าเทียมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืนต่อไป
ข่าวที่
4 บางจากคว้า EIA Awards 2023ชูโรงกลั่นรักสิ่งแวดล้อม
บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ล่าสุดบางจากฯ ได้รับรางวัลสถานประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ประจำปี 2566 หรือ EIA Monitoring Awards 2023
จากโครงการกลั่นอุตสาหกรรมน้ำมันที่มีการจัดการและรักษาสิ่งแวดล้อมตามมาตรการของ EIA ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสะท้อนถึงการดำเนินการต่าง
ๆ
ตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่ดีและการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของบางจากฯ
โดยมี ดร.เอนกประชา แก้วมณี
รักษาการผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจโรงกลั่น บมจ.บางจากฯ
เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับมอบ จากนายจตุพร บุรุษพัฒน์
ปลัดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ประธานและผู้มอบรางวัล ระหว่างการจัดงานสัมมนาวิชาการและมอบรางวัล
EIA Monitoring Awards 2023 ที่ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น
กรุงเทพมหานคร
ซึ่งทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าของรางวัล EIA Monitoring
Awards จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้สถานประกอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและติดตามตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
และพัฒนากลไกการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเห็นความสำคัญของการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมในการดำเนินโครงการ
รวมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สถานประกอบการอื่น ๆ
ปลุกกระแสให้แต่ละองค์กรหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อทำให้เมืองไทยพัฒนาธุรกิจอย่างมีคุณภาพทั้งปัจจุบันและอนาคต
ข่าวที่ 5 TCEBแนะเลือกชุมชนไมซ์บางน้ำผึ้งจัด2กิจกรรมโดดเด่น
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB”
ขอแนะนำสถานที่กิจกรรมไมซ์ในชุมชน ใกล้กรุงเทพฯ ที่ ‘ชุมชนตำบลบางน้ำผึ้ง’ จังหวัดสมุทรปราการ
ศูนย์รวมความเก่าแก่ริมน้ำเต็มไปด้วยอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม วิถีชีวิตโบราณ ทางชาวบ้านร่วมกันพัฒนาการสัมผัสคุณค่าชุมชนหลายรูปแบบ
เช่น ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ประเพณีวัฒนธรรม ด้านสังคมและวิถีชีวิต
ไฮไลต์คือสามารถกิจกรรม MICE Activity 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่
กิจกรรมแรก เรียนรู้วิถีตลาดบางน้ำผึ้ง ร่วมสัมผัสวิถีชุมชน เพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่น
ปั่นจักรยานชมพื้นที่สีเขียวรอบบริเวณสร้างความตื่นตาตื่นใจได้อย่างแน่นอน
กิจกรรมที่ 2 ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งเป็นพื้นที่มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านจะเน้นทำเกษตร
เพาะปลูกพืชหลายชนิด โดยมีกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยง “ผึ้งชันโรง” จะพาไปดูครบวงจรตั้งแต่
เลี้ยงผึ้ง ไปจนถึงแปรรูปผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของชุมชน
ด้วยทำเลที่ตั้งของ “ชุมชนบางน้ำผึ้ง” อยู่ในพื้นที่ใกล้ “คุ้งบางกระเจ้า”
จึงสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ใกล้เคียงได้อีกถึง 6 ชุมชน สามารถทำกิจกรรมไมซ์สร้างสรรค์เป็นเส้นทางใหม่ได้ด้วย
ช่วงที่ 2 มางานดีมาบอก “ท่องเที่ยวสายบุญ” ชมชีล “เทศกาลแห่เทียนพรรษา
อุบลราชธานี”กลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง 30 ก.ค.-4
ส.ค.2566 ตื่นตากับ “122 ปี ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา”
แล้วยังจะเปิดให้ชมต้นเทียนสวยได้ตลอด ส.ค.นี้ ต่อด้วยสุขภาพ “จริงหรือไม่ !?
ดื่มน้ำน้อยทำให้เกิดภาวะเลือดข้น” และข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก
“สนามมวยราชดำเนินผนึกGrab” ทุ่ม 100 ล้านบาท
ดึงต่างชาติแห่ทัวร์ดูมวยไทย ข่าวที่สอง “คณะกรรมการท่องเที่ยวแห่งชาติ”
ส่งไม้ต่อรัฐบาลใหม่สานต่อ 5 เรื่องใหญ่
ท่องเที่ยว – เที่ยวแห่เทียนพรรษาอุบลสุดอลังการ122ปีใฝ่ธรรมงามล้ำ
สายเที่ยวทางบุญ เตรียมตัวให้พร้อมกับการท่องเที่ยวงานประเพณี “แห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี”
ประจำปี 2566 “122 ปี ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา” ระหว่าง
30 กรกฎาคม -3 สิงหาคม 2566 ตื่นตากับความยิ่งใหญ่งดงามของเทียนพรรษาจากชุมชนเก่าแก่
แห่แหนกันมาให้ชมบน 2 ถนนหลักกลางเมืองอุบลราชธานี คือ
สายแรก ถนนอุปราช หน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม สายที่ 2 ถนนรอบทุ่งศรีเมือง
“ต้นเทียนพรรษา” จะกลับมาแสดงพลังความยิ่งใหญ่ตระการตาอีกครั้งขบวนต้นเทียนขนาดใหญ่กว่า
10 - 15 เมตร สูงกว่า 6 เมตร
ตกแต่งนำเสนอเรื่องราวดีต่อใจเกี่ยวกับ “พุทธประวัติ” ที่งดงาม นักท่องเที่ยวจะได้ชมทั้งครบทั้ง
3 ประเภท คือ แกะสลัก ติดพิมพ์ และต้นเทียนโบราณ ปีนี้ชาวอุบลราชธานีเตรียมไว้กว่า
70 ขบวน ที่จะนำเสนอการแสดง การฟ้อนรำ งานประเพณีที่ทั่วโลกยังต้องมาสักครั้งในชีวิต
เที่ยวได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 กรกฎาคม 2566
เชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ เยือนชุมชน
ชมวิถีทำเทียน ร่วมชมและทดลองทำต้นเทียนพรรษา
วันที่ 30 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม 2566
พบกับ เทศกาลแห่เทียนพรรษา ถนนสายเทียน สายธรรม
นิทรรศการภาพวาดพุทธศิลป์และวัฒนธรรมร่วมไทย-อินเดีย พร้อมสินค้าชุมชน OTOP ละลานตา
วันที่ 1 สิงหาคม 2566
เชิญชวนเข้าร่วมพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันอาสาฬหบูชา การประกวดต้นเทียนพรรษา
(วันรวมเทียน) โดยจัดต่อเนื่อง 1 - 2 สิงหาคม การแสดงแสงเสียง ขบวนแห่เทียนภาคกลางคืน
ไฮไลต์ วันที่ 2 สิงหาคม 2566 รอชมพิธีอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานและผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน
เป็นเทียนชัยมิ่งมงคลนำขบวนเทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และจังหวัดอุบลราชธานี จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์มากคุณค่าชมประเพณีสุดล้ำยามค่ำคืนได้ตลอดทั้งเดือนระหว่าง
4- 31 สิงหาคม 2566 ได้ด้วย
สุขภาพ
–ฟังด่วน!!ดื่มน้ำน้อย
ทำให้เกิด“ภาวะเลือดข้น”จริงหรือไม่?
รศ.(พิเศษ) นพ.พิสุทธิ์ กตเวทิน
หน่วยโรคไต ฝ่ายอายุรศาสตร์ / โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย แนะนำเรื่อง “ภาวะเลือดข้น”
คือ ภาวะที่เลือดมีความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงสูงผิดปกติ ทำให้เลือดมีความหนืด
ไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้ยากกว่าปกติ เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตันตามอวัยวะ
หรือโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงภาวะอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย
แล้วการดื่มน้ำน้อย ทำให้เกิด
“ภาวะเลือดข้น” จริงหรือไม่? นั้น
คำตอบคือ
“ไม่จริง” เนื่องจากภาวะเลือดข้นมักเกิดจากการสร้างเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ
แม้ว่าในภาวะที่ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรง
อาจจะทำให้เลือดข้นขึ้นกว่าปกติได้ แต่การดื่มน้ำน้อยเพียงอย่างเดียว
จะไม่ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรง
“ปริมาณน้ำดื่มที่พอเหมาะ” ในคนปกติ
ร่างกายจะสามารถปรับตัวเพื่อรักษาสมดุลได้เป็นอย่างดี หากดื่มน้ำอย่างน้อย 500-600
ซีซี ไม่เกินวันละ 3-4 ลิตร ร่างกายยังคงทำงานได้ตามปกติ
จึงไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลเรื่องดื่มน้ำจนเกินไป แนะนำให้ดื่มน้ำวันละประมาณ 1-2
ลิตร ตามข้อแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีดังนี้
1.หากรู้สึกกระหายน้ำ แสดงว่าร่างกายมีภาวะขาดน้ำ
ควรดื่มน้ำเพื่อเติมน้ำให้กับร่างกาย
2.หากมีการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ออกจากร่างกายมากกว่าปกติ
เช่น เสียเหงื่อมาก หรือ ท้องเสีย ควรได้รับทั้งน้ำและเกลือแร่เพื่อชดเชยกับที่สูญเสียไป
3.ปริมาณน้ำดื่มที่เหมาะสมในผู้ป่วย
ขึ้นกับโรคประจำตัวที่เป็นและสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำรวดเดียวเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากร่างกายอาจไม่สามารถขับน้ำส่วนเกินออกได้ทันนั่นเอง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–สนามมวยราชดำเนิน-แกร็บทุ่ม100ล้านบูมทัวร์มวยไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้องค์กรกีฬาต่าง ๆ
หันมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาหลังจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ส่งเสริมไทยแลนด์ ซอฟท์ เพาเวอร์ 5F โดยมี
F-Flight
กีฬาการต่อสู้มวยไทย
รวมอยู่ด้วย ล่าสุดทางสนามมวยเวทีราชดำเนิน ประกาศจับมือกับ “แกร็บ ประเทศไทย” เตรียมใช้เงินลงทุนกว่า
100 ล้านบาท เดินหน้าโปรโมท
"มวยไทย" รุกเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมทั้งระบุมีแฟนมวยเป็นตลาดต่างชาติเพิ่มขึ้น
16 เท่า ซึ่งคิดเป็น 70% จากผู้เข้าชมทั้งหมด ช่วงครึ่งปีหลัง
2566
จะเดินหน้าทุ่มประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโฆษณาและกิจกรรมการตลาด
จัดโปรโมชั่นมอบส่วนลดบัตรเข้าชมการแข่งขันมวยไทย และนำบริการ GrabCar Premium
มามอบส่วนลดค่าบริการเรียกรถไปสนามมวยดึงดูดคนเข้ามาใช้เพิ่มรายได้เติบโตมากขึ้น
นายเธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โกลเบิล
สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด “GSV” กล่าวว่า
มวยไทยถือเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่ได้รับความนิยมมายาวนานจนกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม
ผนวกกับรัฐบาลยกระดับให้เป็นหนึ่งในซอฟท์ เพาเวอร์ ทำให้สนามมวยเวทีราชดำเนินซึ่งเป็นเวทีมวยไทยมาตรฐานแห่งแรกของโลกและเป็นต้นกำเนิดมวยไทยอาชีพ
ได้ปรับภาพลักษณ์ใหม่จัดแข่งขันทุกสัปดาห์หลายรายการใหม่ เช่น 'ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์' ได้ปรับกติกาและรูปแบบการแข่งขันให้เข้าใจง่ายและน่าติดตามมากขึ้น
ด้วยโปรดักชันมาตรฐานสากล โดยถ่ายทอดไปกว่า 200
ประเทศและเขตการปกครอง เพื่อรองรับกลุ่มผู้ชมกลุ่มใหม่ทั่วโลก
ในช่วงที่ผ่านมามีกระแสตอบจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 70% ของคนดูทั้งหมด
แต่ละแมตช์ในสนามมวยราชดำเนินมีสถิตผู้เข้าชม 5 ชาติแรก ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน
สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมัน ล่าสุดทาง GSV จับมือกับ แกร็บ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นให้บริการรถโดยสารยอดนิยมอันดับหนึ่ง
พร้อมใช้เงิน 100
ล้านบาท ช่วงครึ่งปีหลัง 2566 หันมาโปรโมทเน้นกีฬามวยไทยผ่านสื่อและกิจกรรมการตลาดเต็มรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
จัดโปรโมชั่นให้ต่างชาติซื้อบัตเข้าชมมวยไทยที่สนามราชดำเนินได้ส่วนลด 10% ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี 2566
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า
ปี 2566
วางกลยุทธ์รุกเจาะนักท่องเที่ยวต่างชาติหลักเพื่อขยายธุรกิจเติบโต
โเฉพาะ บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันแกร็บ
ซึ่งได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติสูงมาก ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรกได้จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวและพัฒนามาตรฐานบริการเพื่อยกระดับประสบการณ์
ปรับโฉมบริการ GrabCar Premium ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Ultimate 5 Senses Experience ร่วมกับ ททท.ทำแคมเปญ 'อะเมซิ่งทั่วไทย มั่นใจไปกับ Grab' พร้อมกับจัดทำไกด์บุ๊ค Grab&Go แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับต่างชาติโดยเฉพาะ
ส่วนการจับมือกับทางสนามมวยเวทีราชดำเนินครั้งนี้เป็นอีกความตั้งใจที่จะช่วยส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เมืองไทยโดยใช้ซอฟท์
เพาเวอร์ กีฬามวยไทย เป็นจุดขายสร้างแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ วางกลยุทธ์ทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อและกิจกรรมการตลาดช่องทางต่างๆ
ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม
2566 ทางแกร็บยังมอบส่วนลดพิเศษ 30% ให้ผู้ใช้บริการ GrabCar Premium และ GrabSUV เมื่อเดินทางไปยังสนามมวยเวทีราชดำเนินเพียงใส่รหัส
'RAJADAMNERN'
ก็สามารถที่จะใช้บริการด้วยประสบการณ์คุ้มค่า
มีความหมาย ท่องเที่ยวเมืองไทยอย่างปลอดภัยไปด้วยกัน
ข่าวที่สอง
-คณะกรรมการท่องเที่ยวชาติส่งต่อรัฐบาลใหม่5เรื่องใหญ่
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี
ประธานกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ มอบหมายให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
(ท.ท.ช.) ส่งท้ายรัฐบาลปัจจุบันในช่วงรอยต่อการโหวตตั้งรัฐบาลใหม่ โดยได้พิจารณาพร้อมมีมติและรับทราบความคืบหน้า
รวม 5 เรื่อง เพื่อส่งต่อนโยบายเดินหน้าการท่องเที่ยวของประเทศในโอกาสต่อไป
ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
(ท.ช.ช.) ที่มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เป็นประธาน เมื่อวันที่ 19
กรกฎาคม 2566 มีมติพิจารณาอนุมัติ 3 เรื่องหลัก
ดังนี้
เรื่องที่ 1 ยกระดับการท่องเที่ยวต่อเนื่องเกี่ยวกับแผนบริหารจัดการความเสี่ยงของนักท่องเที่ยวในทุกมิติ (พ.ศ. 2566 – 2570) ช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นและทัศนคติที่ดีให้นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย
และจะเป็นอีกหนึ่งกลไกเพิ่มอันดับการพัฒนาการเดินทางและการท่องเที่ยว (TTDI)
ด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวของประเทศให้ดีขึ้นด้วย ตามแผนยุทธศาสตร์
5 ปี
(พ.ศ. 2566 – 2570) ไทยตั้งเป้าภายในปี 2570 จะเป็นจุดหมายปลายทางเป็น 1 ใน 5 ของนักท่องเที่ยวมุสลิมทั่วโลก
ตามแนวทางส่งเสริมพัฒนาสินค้า บริการและกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว รองรับและขยายโอกาสทางการตลาดดังกล่าวซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เรื่องที่ 2 อนุมัติแผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยว
ประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยว 15 เขต เพื่อใช้เป็นกรอบพัฒนาการท่องเที่ยวระดับพื้นที่และชุมชน เน้นย้ำทุกหน่วยงานให้ร่วมมือกันผลักดันและขับเคลื่อนแผนต่าง
ๆ อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายตามแผนได้อย่างแท้จริง
เรื่องที่ 3 เห็นชอบการปรับปรุงมาตรฐานการท่องเที่ยว
5 มาตรฐาน ประกอบด้วย 1.มาตรฐานการบริการรถตู้ปรับอากาศสำหรับนักท่องเที่ยว
2.มาตรฐานเรือรับจ้างเพื่อการท่องเที่ยว
3.มาตรฐานคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
น้ำพุร้อนธรรมชาติ 4.มาตรฐานคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร
5.มาตรฐานธุรกิจนำเที่ยว
ทำให้สอดคล้องตามแนวทางสากลและกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ขณะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันประชุมคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ
ยังได้หารือและรับทราบความคืบหน้าเรื่องสำคัญอื่น ๆ อีก 2
เรื่อง ประกอบด้วย
เรื่องแรก ความคืบหน้าการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เรื่องที่
2 ความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลนักท่องเที่ยวจีน และสถานการณ์ภาพรวมการท่องเที่ยวของไทย
มีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่องตามลำดับ เป็นผลมาจากนโยบายและมาตรการต่าง ๆ
ของรัฐบาลช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางทั้งของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น