ททท.เปิดแผนTATAP2024ท่องเที่ยวปี2567ทำเงิน3ล้านล้านบาท

ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ 

รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท.

ททท.ชูTATAP2024ดันเอเชียแปซิฟิกใต้ทำเงินสูงสุด1.3ล้านล.

ล็อกเป้าจีนไฮเอนด์+5ตลาด7Digitทัวร์ไทยล้านคน/ประเทศ/ปี

19สำนักงานผนึกผู้บริหารใหม่ปี’67สานต่อความสำเร็จ5Mores

คิงเพาเวอร์ปลุกช้อป“Mid-Month Bundle Deals”ลดง่ายๆ25%

จัดเต็ม“POSSIBILITIES OF LOVE”เจฟ ซาเตอร์ที่คิงเพาเวอร์

KING POWER MEMBERSHIP ให้ไม่สิ้นสุดทุกอย่างเป็นไปได้

ททท.ชวนเที่ยว“วิจิตร@เชียงใหม่”บิ๊กCจัดรถฟรี24-30ก.ค.นี้

บางจากชู Your Greenovative Destinationตอบทุกไลฟ์สไตล์

“TCEB”หนุนTRAFS2023งานแสดงสินค้าแห่งปีทำเงินพันล้าน

เที่ยวภาคกลางUnseenNewChaptersธรรม/ถ้ำ/อุโมงค์/ผา/วัด

8 วิธีรับมือเมื่อนอนหลับไม่สนิทเรื่องใกล้ตัวทำได้ด้วยตัวเอง

บินไทยเพิ่ม2เส้นทางกรุงเทพฯสู่เมียนมาและธากา16ก.ค.66

บางกอกแอร์บิน“ลำปาง-แม่ฮ่องสอน”2 ส.ค.โปรตั๋ว1,500บาท

 

วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม  2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #TATAP2024  #ทททเอเชียและแปซิฟิกใต้ #UnseenNewChaptersภาคกลาง

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/lNRQ7yMfvV/

ช่วงที่ 1 ไทยจัดเต็มกับ “ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ททท.เปิดเกมท่องเที่ยวปี’ 67 ยก “เอเชียและแปซิฟิกใต้” เป็นหัวหอกทำเงินเข้าประเทศ 1.1-1.3 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ 2 ล้านล้าน และเป้ารวมทั้งหมด 3 ล้านล้านบาท เร่งเครื่องทำ 3 กลยุทธ์ “ล็อกเป้า China is Back” ตลุยกวาด “7 Digit” เที่ยวไทยชาติละ 1 ล้านคน 5 ประเทศ มาเลเซีย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ขยายฐาน “ทัวร์คุณภาพสูงเที่ยวยั่งยืน” พร้อมนำ ททท.ทั่วเอเชีย 19 สำนักงาน ส่งไม้ต่อ “ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา” รับลูก 5 Mores สู่ความสำเร็จ

 

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การประชุมแผนปฏิบัติการ ททท. ประจำปี 2567 หรือ TATAP 2024 : Tourism Authority of Thailand Action Plan 2024 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ก้าวไปข้างหน้าให้ดียิ่งกว่า : Moving Forward to Better” ภายใต้ 4 เป้าหมาย คือ เป้าหมายแรก วางตำแหน่งทางการตลาดให้ไทยเป็นประเทศที่มีรายได้ท่องเที่ยวต่างประเทศสูงสุดติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก  

 

เป้าหมายที่ 2 เชิงเศรษฐกิจ ปี 2567 ต้องทำรายได้ทางการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ ใช้เกณฑ์เป็นช่วงระหว่าง (range) 2.4-3.0 ล้านล้านบาท  หรือเฉลี่ย 2.74 ล้านล้านบาท จาก “ตลาดต่างประเทศ” เฉลี่ย 1.73 ล้านล้านบาท (ช่วงระหว่าง 1.54-1.92 ล้านล้านบาท) ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 32 ล้านคน (ช่วงระหว่าง 28-35 ล้านคน )  เพิ่มค่าใช้จ่ายขยับเป็น 54,800 จากปัจจุบันประมาณ 50,000 บาท/คน/ทริป

เป้าหมายที่ 3 การสร้างความยั่งยืนทางการท่องเที่ยว เร่งทำ 2 ภารกิจ คือ 1.เพิ่มสัดส่วนรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยต่อรายได้รวมทางการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 36 % และ 2.วางอันดับดัชนีความภักดีที่มีต่อประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้ติด 1 ใน 3

เป้าหมายที่ 4 ยกระดับเป็นองค์กรสมรรถนะสูง เร่งสร้างผลงานทำคะแนนประเมินผลรัฐวิสาหกิจให้ได้สูงกว่าปี 2566

โดยมี “ตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้” เป็นผู้นำเข้านักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุดตามสัดส่วน 65-70 % ของทั้งหมด คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยว  22 ล้านคนขึ้นไป และสร้างรายได้ประมาณ 1.1-1.3 ล้านล้านบาท 

ส่วน “ตลาดในประเทศ” ตั้งเป้าจะทำรายได้ท่องเที่ยวอีกประมาณ 086-1.-08 ล้านล้านบาท ค่าเฉลี่ยประมาณ 1.0 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 185 ล้านคน-ครั้ง (ช่วงระหว่าง 158-200 ล้านคน-ครั้ง) 

ททท.ตั้งเป้าเพิ่มค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวคุณภาพตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 54,800 บาท/คน/ทริป เน้น 3 กลยุทธ์ ได้แก่

กลยุทธ์ที่ 1 ล็อกเป้าไปยังตลาดสำคัญ China is Back ได้แก่ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ขยับขึ้นเป็น 64,000 บาท/คน/ทริป สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ตั้งไว้เพียง 58,500 บาท/คน/ทริป ตามเป้าจะทำรายได้จากจีน 30 % ของรวมทั้งหมด 1.73 ล้านล้านบาท หรือไม่น้อยกว่า 350,000 แสนล้านบาท เติบโต 10 % จากปี 2566 ต้องทำให้ถึง 300,000 ล้านบาท

 

ตัวเลขรายได้ดังกล่าวมีความเป็นไปได้ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจภายในจีนได้รับผลกระทบบ้างจากโควิด-19 ททท.ก็ยังมีความมั่นใจตลาดไฮเอนด์ยังคงเดินทางอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับเที่ยวบินไป-กลับ ระหว่างไทย-สาธารณรัฐประชาชนจีน กำลังฟื้นตัวเปิดบินเกินกว่า 60 %

 

ขณะนี้มีกลุ่มจีนรุ่นใหม่เดินทางด้วยตนเองแบบเดี่ยว ๆ  (F.I.T.) เข้ามาเที่ยวเมืองไทย แทนกลุ่มทัวร์ที่ถือธงเป็นกรุ๊ปขนาดใหญ่ กับกลุ่มได้รางวัลการเดินทางท่องเที่ยว (incentive) ทั้งสองกลุ่มได้เปลี่ยนใช้วิธีขอวีซ่าจากปกติกับทางสถานฑูต มาใช้ช่องทางออนไลน์ด้วยการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ยื่นขอแบบ E-VOA : Visa On Arrival มีประมาณ 70-85 % ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด

 

ททท.จะทำเชิงรุกหนักมาก โดยขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวจีนตามเมืองขนาดใหญ่ที่มีเศรษฐกิจดี อย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู กวางโจว ส่วนเมืองคุนหมิงจะเพิ่มช่องทางเข้ามาเที่ยวทางบก ทั้งการขับรถยนต์ และรถไฟความเร็วสูงผ่านทาง สปป.ลาวมายังภาคอีสาน กระจายสู่ภาคอื่น ๆ ต่อไป

 

กลยุทธ์ที่ 2 ตั้งเป้าเพิ่มตลาด 7 Digit ในกลุ่มประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยขนาดใหญ่เกินปีละ 1 ล้านคน/ประเทศ 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งหายไปพร้อมกับโควิดปีนี้ทำได้ 5 แสนคน ต้องเร่งเครื่องปีหน้าให้ถึง 1 ล้านคน

 

กลยุทธ์ที่ 3 ใช้ธีมพัฒนาภาพรวมเจาะตลาดคุณภาพสูงและยั่งยืน (High Value &Sustainable) เน้นการท่องเที่ยวเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม

 

นายธเนศวร์ กล่าวว่า การจะได้เสนอให้พิจารณาการนำเข้านักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาไทยจะต้องเน้น “ทริปที่ไม่ได้สร้างภาระ” ผนวกเข้าไปด้วย ทำให้เกิดการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสาระในลักษณ์คุณค่าและมูล Meaningful travel ต้องหันมาร่วมมือกันดูแลสิ่งแวดล้อม ลดขยะจากอาหาร ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ ทำให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และจะต้องคัดสรรธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีระบบกำจัดน้ำเสีย ดูแลชุมชนรอบพื้นที่โรงแรม กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก บริษัทตัวแทนจัดนำเที่ยว จะต้องมีโปรแกรมนำเสนอกับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง

 

รวมทั้ง “หมวดช้อปปิ้ง” ผลิตภัณฑ์สินค้าที่ระลึก ของใช้ภายในโรงแรม ของฝาก และอื่น ๆ ททท.ด้านธุรกิจและสินค้าก็ได้นำเสนอรูปแบบใหม่ออกมาด้วยเช่นกัน

 

เป็นอีกช่องทางที่สร้างภาพลักษณ์ใหม่ Amazing Thailand ทำให้สังคมได้เห็นถึงการท่องเที่ยวเมืองไทยมุมใหม่ ให้ความสำคัญใส่ใจต่อการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ เพราะเรื่องนี้ต้องลงมือทำ หากไทยไม่ทำต่อไปจะแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ยากมากเพราะตอนนี้ทุกประเทศต่างก็ลุกขึ้นมาขายการท่องเที่ยวรักษาและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมกันเกือบทั้งหมดแล้ว

 

เช่น ตุรกี ผลักดันเซกเมนท์การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบมากเป็นพิเศษ หรือสิงคโปร์เป็นผู้นำเน้นเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ประกาศเป็นศูนย์ไมซ์คอนเว็นชั่นที่ใส่ใจเรื่องกรีน มีโลโก้ SDGs และรณรงค์ทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำ 3R Reuse-Reduce-Recycle หรือแถบออสเตรเลีย ประกาศทำการท่องเที่ยวสีเขียวทำปฏิญญาร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งประเทศ ททท.ก็เร่งนำเรื่องการท่องเที่ยวยั่งยืนทั้ง SDGs ของสหประชาชาติ และ STGs -Sustainable Tourism Goals เข้ามายกระดับผู้ประกอบการนำเสนอให้ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

 

ขณะเดียวกันปี 2567 ททท.ยังคงจะต้องรักษาตลาดที่มีขนาดใหญ่หรือ mass tourism ไว้ด้วย เพื่อกระจายจำนวนและรายได้ไปยังกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs คู่ขนานกับการทำตลาดคุณภาพสูงไฮเอนด์ เมื่อปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคน ก่อให้เกิดผลเสียกับแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรมเสียหาย ปี 2566 มีประมาณ 25-28 ล้านคน แล้วเพิ่มการใช้จ่ายต่อคนต่อทริปแทน สอดรับกับการกระจายตัวนักท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ มากขึ้นด้วย

 

นายธเนศวร์กล่าวว่า กำลังจะเกษียณวันที่ 30 กันยายน 2566 แล้วจะต้องส่งไม้ต่อให้ นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา ที่จะมารับตำแหน่งรองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท.ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยดำรงตำแหน่งนี้ด้วย ครั้งนี้ได้พูดคุยกันอย่างไร้รอยต่อเพื่อนำกลยุทธ์ปี 2567 ที่ได้สรุปไว้ในการประชุม TATAP 2024 ไปดำเนินการครบทุกเรื่องอย่างเป็นรูปธรรมตามยุทธศาสตร์ The Great Resumption ครอบคลุม กลยุทธ์ แรกChina is Back กลยุทธ์สอง 7 Digit กลยุทธ์สาม Second Tier ส่งเสริมตลาดเอเชียเมืองรอง กลยุทธ์สี่ Coulor of Your Life

 

โดยมี ททท.สำนักงานต่างประเทศในเอเชียและแปซิฟิกใต้ 19 แห่ง ได้จัดทำแผนโครงการขานรับการขับเคลื่อนการตลาดปี 2567 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “MOREs -ทำให้มากขึ้น ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น” ซึ่งทั้งหมด 5 Mores ประกอบด้วย

1.More Alliances ทำงานร่วมกับสายการบินใหม่ พันธมิตร OTA หรือผู้ประกอบการขายออนไลน์ทั่วเอเชียและแปซิฟิกใต้

 

2.More Areas เปิดพื้นที่ตลาดใหม่ เมืองรอง พร้อมเสนอขายเที่ยวเมืองไทยอย่างเป็นรูปธรรมให้ครบตามเป้าหมาย

 

3.More Agile เคลื่อนตลาดโดยทำงานเชิงการขายกับหน่วยงานใน ททท.ด้วยกันเองทั้งด้านสินค้า ด้านตลาดในประเทศ ด้านอื่น ๆ ครบทุกส่วน

 

4. More Nationwide ผนึกความร่วมมือกับตลาดที่มีหลายสำนักงาน ทำโครงการร่วมกันให้อิมแพ็คที่ครอบคลุมโดยเน้นแพลตฟอร์มออนไลน์

 

5.More Meaningful ส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้ไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีความหมายและมีมีคุณค่า สะท้อนทางเลือกใหม่ และการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ปลุกช้อป“Mid-Month Bundle Deals”ลดง่ายๆ25%

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรม “Mid-Month Bundle Deals” ช้อปสนุกสุดคุ้มก่อนใครแค่มีไฟลต์บิน SHOP MORE..GET MORE ยิ่งช้อปมาก ยิ่งคุ้มมาก ตั้งแต่วันนี้ - 20  กรกฎาคม 2566

 

อย่ารอช้าคลิกช้อปออนไลน์แล้วกดสินค้าลงตะกร้าเลย!! ลดทันที 20% เมื่อช้อปครบ 2 ชิ้น และลดสูงสุด 25% เมื่อช้อปครบ 3 ชิ้นขึ้นไป  ง่าย ๆ แค่คลิกกดรับรหัสส่วนลด MMB25

 

            สำหรับสินค้า Duty Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย!  รับสินค้าที่สนามบิน หรือช้อปต่อได้อีกทั้งขาเข้าขาออก แล้วรับสิทธิ์ แบ่งชำระ 0%* นานสูงสุดถึง 10 เดือน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท

 

รับเลย! ส่วนลด 200.- เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ หรือรับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ) เลือกสินค้าที่ร่วมรายการ พร้อมอ่านเงื่อนไขให้ชัดเจน

                                                                                      

ข่าวที่ 2จัดเต็ม“POSSIBILITIES OF LOVE”เจฟ ซาเตอร์ที่คิงเพาเวอร์

 

คิง เพาเวอร์ เปิดขาย VOUCHER ON SALE NOW “POSSIBILITIES OF LOVE” เป็น ไป ได้ กับทุกปรากฎการณ์ความรัก เพื่อให้โคจรมาพบกันอย่างมีความสุขสุดเอกซ์คลูซีฟกับ “เจฟ ซาเตอร์-JEFF SATUR” ศิลปินนักร้องไทยเชื้อสายอังกฤษ  เปิดขายบัตรแล้วในราคา  1,500 บาท คลิกซื้อเลยได้จากลิงค์  https://bit.ly/44lX9GM รอชมความบันเทิงได้ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 เวลา 19.00 น.  ที่บริเวณชั้น 74 คิง เพาเวอร์ มหานคร

 

ประกาศให้ทราบทั่วกัน !! ใช้บัตรประชาชนละ 3 สิทธิ์เท่านั้น หากตรวจสอบพบมีผู้ซื้อใช้เกินสิทธิ์ที่กำหนด ทางบริษัทฯ จะขอยกเลิกสิทธิ์และงดคืนเงินทุกกรณี

 

            สำหรับปรากฎการณณ์ “POSSIBILITIES OF LOVE” สัมผัสประสบการณ์ “เป็น ไป ได้”  สุดเอกซ์คลูซิฟกับ JEFF SATUR  จำกัดเพียง 150 คนเท่านั้น

 

สิทธิพิเศษ เฉพาะงานนี้ 1.ลุ้นรับโปสการ์ด พร้อมลายเซ็นของ JEFF SATUR 50 คนเท่านั้น 2.ลุ้นรับสิทธิ์ถ่ายภาพคู่ 20 คนเท่านั้น

 

สิทธิพิเศษเพิ่มเติม รับทุกรูปแบบ ได้แก่ 1.Voucher มูลค่า 200 บาท จาก Thai Taste Hub Mahanakhon CUBE 2.สิทธิ์ขึ้น Mahanakhon SkyWalk ฟรี 3.Cash Voucher มูลค่า 500 บาท จาก FIRSTER By King Power 3.ของที่ระลึกพิเศษ (Jeff Griptok, Acrylic Keychain, Folding Bag) 4.ฟังเพลงสดๆ สุดฟิน 5.กิจกรรมสุดสุดเอกซ์คลูซิฟ - เกมใบ้คำ, เกมจ้องตากับเจฟ, ต่อเพลง 6.สิทธิ์ถ่ายภาพ Group Shot - 1:10 กับ JEFF SATUR

 

ข่าวที่ 3 KING POWER MEMBERSHIP ให้ไม่สิ้นสุดทุกอย่างเป็นไปได้

 

แค่สมัครเป็นสมาชิก KING POWER MEMBERSHIP ก็จะสัมผัสประสบการณ์ที่ เป็น ไป ได้ ไม่สิ้นสุด กับสิทธิประโยชน์เหนือกว่า  สมัครง่ายที่ LINE @KINGPOWER หรือที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา

 

สิทธิประโยชน์สมาชิก คิง เพาเวอร์ NAVY, SCARLET, ONYX, CROWN และ VEGA ตั้งแต่กรกฎาคม 2566 – 31 มกราคม 2567  รับส่วนลดสูงสุด 25% ในการเลือกจองห้องพักโรงแรมเครือ The Peri รับสิทธิ์ได้ 2 ช่องทาง  ช่องทาง LINE Official Account : @KINGPOWER และช่องทาง Website : member.kingpower.com

 

สามารถกดจองห้องพักตรงกับทางโรงแรม โดยกดรับสิทธิ์ผ่านทาง LINE Official Account : @KINGPOWER หรือ member.kingpower.com แล้วนำ Promo Code ไปกรอกในเว็บไซต์ของโรงแรมโดยตรงที่ www.theperihotel.com ในวันเข้าพักจะต้องแสดงสิทธิ์สมาชิกให้กับเจ้าหน้าที่โรงแรมด้วย

 

ข่าวที่ 4 ททท.ชวนเที่ยว“วิจิตร@เชียงใหม่”บิ๊กCจัดรถฟรี24-30ก.ค.นี้

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  เปิดเผยว่า ททท. เดินหน้าเพิ่มความสุขให้นักท่องเที่ยวในประเทศโดยได้จัดเป็นครั้งแรกงานการแสดงแสง สี เสียงสุดยิ่งใหญ่ “วิจิตร@เชียงใหม่ สีสันแห่งเส้นแสง น้ำพุร้อนสันกำแพง" โครงการตามพระราชดำริ ในพื้นที่น้ำพุร้อนสุดตระการตา ของเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมจังหวัดเชียงใหม่ จากบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติ สู่การสร้างสรรค์สีแสงในยามค่ำคืน ระหว่างวันที่ 24-30 กรกฎาคม 2566 เวลา 17:00-22:00 น.

 

ททท.ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติมาดื่มด่ำกับบรรยากาศการบอกเล่าความสัมพันธ์ของพื้นที่อันงดงาม ระหว่างวิถีชีวิตผู้คนกับธรรมชาติ ความสุข ความสนุก เพื่อเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการชูจุดขายสีสันแห่งเส้นแสงมานำเสนอให้ได้ชมกันอย่างจุใจทั้ง 10 จุดแสดง ได้แก่

 

1. ประตูแสงลอด 2. โพรงแสง 3. อุโมงคฺโคม 4. ต้นไม้สีลูกกวาด 5. เส้นแสงนำ้พุร้อน 6. ลำธารไฟ 7. สีสันซุ้มแสง 8. Glowing Glamping 9. ต้นไทรใยแสง 10. ไข่แดนซ์

 

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ขอยืนยันตลอดงาน “วิจิตร@เชียงใหม่ สีสันแห่งเส้นแสง น้ำพุร้อนสันกำแพง"เพียงแค่ได้มาสัมผัสก็จะได้เช็คอินตาม “จุดถ่ายรูป” ที่มีอยู่เพียบ ซึ่งนักเดินทาง “สายถ่ายรูป” ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด !   แล้วนักท่องเที่ยวที่มางานนี้ แนะนำให้สวมใส่ชุดพื้นเมืองมาร่วมงาน เพื่อไปรับของที่ระลึกบริเวณหน้างานได้ทันที

 

ส่วนทางร้านค้าปลีกรายใหญ่ Big C ก็สนับสนุนรถรับ-ส่ง ให้บริการ ฟรี !!! ไป-กลับ ระหว่าง  Big C ดอนจั่น ไปยัง น้ำพุร้อนสันกำแพง โดยจะมีรถออกทุก 15 นาที  คือ “ขาไป” ตั้งแต่เวลา 16.00 – 19.30 น. “ขากลับ” ตั้งแต่เวลา 19.30 – 21.30 น.  มาได้ทุกวันตั้งแต่วันที่ 24-30 กรกฎาคม 2566 เวลา 17:00-22:00 น.

 

ข่าวที่ 5 บางจากชู Your Greenovative Destinationตอบทุกไลฟ์สไตล์

 

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ใช้วิสัยทัศน์ “Your Greenovative Destination” ส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พัฒนาธุรกิจให้ “เติบโตไปด้วยกัน” กับทุกภาคส่วน ทุกครั้งเมื่อลูกค้าเข้ามาที่สถานีบริการนํ้ามัน สิ่งที่บางจากพร้อมส่งต่อเสมอคือ “ประสบการณ์ที่แตกต่าง” และ “การเติบโตไปด้วยกัน” ไม่ว่าเมกะเทรนด์ของโลกจะเปลี่ยนแปลงหรือหมุนรวดเร็วไปมากเพียงใด ก็พร้อมเสมอจะก้าวไปข้างหน้า มุ่งพัฒนาและยกระดับสินค้าและบริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่างและสร้างความพึงพอใจสูงสุด มุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น “จุดหมายปลายทางของคนทุกช่วงวัย” ที่จะเติมเต็มความต้องการของลูกค้าบนเส้นทางแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

ปัจจุบันสถานีบริการน้ำมันบางจากพร้อมส่งมอบ “ผลิตภัณฑ์น้ำมันและประสบการณ์” ต่าง ๆ ผ่านการเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า โดยมีหลากหลายปัจจัยสร้างความแตกต่าง คือ น้ำมันคุณภาพสูง สะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Greenovative Product) เช่น น้ำมัน Hi Premium 97, Hi Premium Diesel S และ Gasohol E20 S EVO มีสถานีบริการน้ำมันครอบคลุมหลายพื้นที่ สามารถอำนวยความสะดวก ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ครบครัน รวมทั้งมีสถานีบริการน้ำมันรูปแบบสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ( Unique Design Service Station) และได้ยกระดับบริการขยายพันธมิตรธุรกิจนอน-ออยล์ (Non-oil) เสริมในสถานีบริการด้วย

 

โดยได้วาง “เส้นทางสร้างการเติบโต” แนะนำให้ลูกค้าเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอยู่เสมอ ให้ความสำคัญเรื่องความหลากหลายทางบริการด้วยวิธี พัฒนาธุรกิจนอนออยล์ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร จุดชาร์จ EV ทำให้มีประสิทธิภาพเรื่องต้นทุน (Cost Efficiency) พร้อมกับนำเทคโนโลยีมาช่วยในขั้นตอนบริการและให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานมากขึ้น เช่น ติดตั้งหลังคาโซลาร์หรือระบบทำความเย็นจากโซลาร์เซลล์

 

วันนี้สถานีบริการน้ำมันบางจากไม่เพียงมีหัวจ่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า “EV Quick Charging Station” มากที่สุดในเมืองไทย หากยังมี “Winnonie” แพลตฟอร์มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากับเครือข่ายบริการสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมงที่ใหญ่ที่สุดด้วย

 

ขณะเดียวกันบางจากก็มี “พันธมิตรกลุ่มอาหารแบรนด์ดัง” ทั้งระดับมิชลินไกด์ สตรีทฟู้ด และ Grab & Go เพิ่มทางเลือกหลากหลาย โดยได้นำระบบดิจิทัลไลเซชั่นมาส่งมอบประสบการณ์และสร้างความสะดวกสบายตามไลฟ์สไตล์ลูกค้า เช่น พัฒนาโปรแกรมรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า แอปพลิเคชั่นให้สามารถแลก-โอนคะแนน แลกสิทธิพิเศษ รับโปรโมชันได้ตรงกับพฤติกรรมลูกค้าจากการวิเคราะห์ข้อมูลและพัฒนาสถานีบริการน้ำมันควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม (Green Sustainability) เช่น การนำสินค้าชุมชนและสินค้าเกษตรมาแจกให้ลูกค้าที่ใช้บริการ การเติมน้ำมันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การบริจาคคะแนนบัตรสมาชิกให้องค์กรการกุศลได้ด้วย

 

ข่าวที่ 6 “TCEB”หนุนTRAFS2023งานแสดงสินค้าแห่งปีทำเงินพันล้าน

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บเข้าร่วมสนับสนุนงานจัดแสดงสินค้ารายการใหญ่ของประเทศ  TRAFS 2023 -Thailand Retail, Food & Hospitality Services หรืองานแสดงสินค้าและอุปกรณ์ของใช้วัตถุดิบอาหารและเครื่องดื่ม จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 ระหว่าง 13-16 กรกฎาคม 2566 ที่ไบเทค บางนา ศูนย์รวมทุกเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจอาหาร โรงแรม และฟู้ดทุกมิติ รวมกว่า 300 บริษัท ทางผู้จัดงานมั่นใจจะผู้คนเข้าชมงาน 24,000 คน มากถึง 40 ประเทศ คาดเงินสะพัดกว่า 1,000 ล้านบาท

 

ภายในยังได้รวมจัดพร้อมกันรวดเดียว 4 งานใหญ่ 1.งานแสดงแฟรนไชส์และโอกาสทางธุรกิจ (TFBO) 2.งาน แสดงเทคโนโลยีและอุปกรณ์ค้าปลีก (ASEAN Retail 2023)  3.แรแสดงอุปกรณ์ เครื่องดื่ม ประเภทต่าง ๆ สำหรับผับ บาร์ สถานบันเทิง (Pub & Bar Asia 2023) 4.งาน Thailand Retail, Food & Hospitality Services 2023เป็นจุดหมายปลายครบวงจร

 

ยกระดับทำให้ TRAFS 2023 เป็นงานแสดงนานาชาติรายการใหญ่สุดของเมืองไทยในการรวบรวมผู้จัดการแสดงอาหาร เครื่องดื่มและอุปกรณ์ของใช้ในโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ Hospitality และ Food Service แล้วยังมีความโดดเด่นกว่างานแสดงสินค้ารายการอื่น ๆ ด้วยกิจกรรม การแข่งขันบาริสต้า ( Barista Competition) การแข่งขันเชฟ มาสเตอร์คลาส การประชุมใหญ่ผู้เกี่ยวข้องในวงการโรงแรมทั่วประเทศ

 

ประการสำคัญ TRAFS 2023 เป็นเวทีสำคัญสร้างเครือข่ายใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการชั้นนำทั่วทุกมุมโลก  โดยเปิดโอกาสให้นักธุรกิจ ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจในธุรกิจอาหาร โรงแรม และบริการทางด้านอาหาร ร่วมแสดงสินค้าตั้งแต่การผลิต จนถึงจัดจำหน่ายและให้บริการ จากเหล่าผู้ผลิตและผู้นำเข้าโดยตรง พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษหลากหลายผลิตภัณฑ์

 

สอดคล้องกับศักยภาพของไทยในฐานะประเทศจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของคนทั่วโลกเดินทางกว่า 35 ล้านคน ทำให้เกิดการลงทุนใหม่เกิดโรงแรมขนาดกลางมากขึ้น สนับสนุนตลาดการขายเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ  ทางด้านฮอสพิทาลิตี้ เติบโตตามไปด้วย แล้วยังสามารถผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ควบคู่กันไปได้ด้วย

 

            ช่วงที่ 2 สร้างความสุขด้วยการออกเที่ยวเมืองไทย กับ Unseen New Chapters ภาคกลาง ตลุยธรรมะแนวใหม่ ปีนผา มุดถ้ำ เข้าวัดสงบจิตใจ ต้องลองเช็คอิน 5 พิกัดใหม่ แล้วดูแลสุขภาพ “8วิธีรับมือนอนหลับไม่สนิท” และเกาะติดข่าวร้อน ข่าวแรก “การบินไทย” เปิดบิน 16 ก.ค.นี้ เพิ่ม 2 เส้นทาง ย่างกุ้ง (เมียนมา) กับ ธากา (บังคลาเทศ) ข่าวที่สอง “บางกอกแอร์เวย์ส” ใจป้ำเปิดบิน ลำปาง-แม่ฮ่องสอน เริ่ม 2 ส.ค.นี้ แจกโปรตั๋วบิน 1,500 บาท/เที่ยว

 

ท่องเที่ยว – เที่ยวภาคกลางUnseenNewChaptersธรรม/ถ้ำ/อุโมงค์/ผา/วัด

 

โมเมนต์ที่ใช่ ไม่ต้องรอ 365 วันมหัศจรรย์ เที่ยวเมืองไทย เพิ่มอุณหภูมิความสุข “เที่ยวภาคกลาง” กับ Unseen New Chapters ธรรมะ ถ้ำสวย อุโมงค์ หน้าผา และ วัดสงบใจ ใน 5 พิกัด ดังนี้

 

พิกัดที่ 1 หอมนสิการ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี “ธรรมะแกลลอรี่…คอมมูนิตี้กลางหุบเขา”

 

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ สร้างขึ้นจากศรัทธาและแรงบันดาลที่มีต่อพุทธศาสนา ภายในตัวอาคารสีขาวบริสุทธิ์ที่ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขา ประกอบด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ สักการะพระบรมสารีริกธาตุ 18 พระองค์ ชมภาพปักพระบรมโลกนาถ สัมผัสความงามของหอจัตุรัสอันศักดิ์สิทธิ์ และยังมีโซนนิทรรศการร่วมสมัยที่บอกเล่าความเป็นมาเป็นไปของพระพุทธเจ้า รวมถึงห้องจัดแสดงงานอาร์ตประเภทต่างๆ ที่แฝงไว้ด้วยปริศนาธรรม ส่วนผู้ที่มาก็จะได้ซึมซับหลักธรรมแบบครบรส ทั้งตาดู หูฟัง สมองคิด และกายปฏิบัติ ถือเป็นธรรมะคอมมูนิตี้แบบครบวงจรอย่างแท้จริง

 

พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/8aDyotLFYTFBYeDd9

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานพระนครศรีอยุธยา เบอร์โทรศัพท์ 0 3524 6076-7

 

พิกัดที่ 2 ถ้ำโบ้ บ้านคีรีวงศ์ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี “ผจญภัยในถ้ำโบ้…สำรวจถ้ำแห่งเขาอีบิด”

 

ถ้าใครผ่านมาเที่ยวแถวเขาอีบิด อาจเคยสังเกตเห็นรูโบ๋ชัดเด่นเป็นสง่าบริเวณกลางลำตัวของภูเขา นั่นแหละ “ถ้ำโบ้” ถ้ำขนาดกำลังน่าเที่ยว อยู่บนเขาอีบิด ทางเข้าถ้ำเป็นโพรงกว้าง ภายในเป็นถ้ำตื้น โถงถ้ำสูงโปร่ง มีหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติสวยงาม อากาศถ่ายเทเย็นสบาย จากในถ้ำเมื่อมองลอดโพรงออกไปด้านหน้า จะเห็นทิวทัศน์ของ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี และ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้อย่างกว้างไกลและสวยงาม ส่วนด้านหลังถ้ำมีลานกว้าง เป็นจุดชมวิวดูทิวต้นตาล…ซิกเนเจอร์เมืองเพชร และยังเป็นจุดชมดวงอาทิตย์ขึ้นและตกที่งดงาม

 

เหมาะกับคนที่อยากได้รูปมุมใหม่ๆ ในเมืองเพชร หรือนักท่องเที่ยวสายผจญภัยที่อยากพิชิตถ้ำใหม่ใกล้เมืองกรุงฯ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินชมถ้ำ คือ 05.00 – 17.00 น. (ไม่แนะนำให้เดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน เนื่องจากทางเดินขึ้นถ้ำมีความลาดชัน และทางเดินภายในถ้ำลื่นมาก อาจเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ หากไม่ระมัดระวัง)

 

พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/goFd4sxeFRGj72s17

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานเพชรบุรี เบอร์โทรศัพท์ 0 3247 1005-6

 

 

พิกัดที่ 3 อุโมงค์สามมิติ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี “ฝ่าอุโมงค์สามมิติ…พิชิตป่าล้อมเหมือง”

 

อุโมงค์แห่งนี้เป็นเหมืองแร่เก่า มีความยาว 2,300 เมตร เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาและระบบนิเวศ บริเวณรอบๆ เหมืองปกคลุมด้วยผืนป่าสีเขียว พบเห็นพืชสมุนไพรเทียนตาตั๊กแตนเป็นหย่อม ๆ ส่วนภายในอุโมงค์เริ่มมีหินงอกหินย้อยเปล่งประกายระยิบระยับ ธารน้ำน้อย ๆ ไหลสู่น้ำตกผาแดง ยังคงมีหลักฐานจากอดีตเป็นเครื่องจักรและท่อลมขนาดใหญ่ให้พบเห็น

 

ส่วนไฮไลท์อยู่ที่ประสบการณ์ลอดอุโมงค์ภายใต้ความมืดแต่กลับมีอากาศเย็นสบาย เมื่อมีแสงไฟสาดส่องไปยังไอหมอกที่ปกคลุมบริเวณปากอุโมงค์ จะดูคล้ายกับประตูกาลเวลาราวกับฉากไคลแม็กซ์ในภาพยนตร์ และเมื่อได้ผ่านทะลุออกไป จะให้ความรู้สึกราวกับว่าได้ทะลุผ่านจากมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติ จึงเป็นที่มาของชื่อ “อุโมงค์สามมิติ” ที่ผู้คนต่างเรียกขาน

 

พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/93uruCfjMUgBj6Nq7

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานกาญจนบุรี เบอร์โทรศัพท์ 03451 1200 หรือ 0 3451 2500

 

พิกัดที่ 4 มุมลับที่ภูผาแรด อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี “อันซีนภูผาแรด…มุมลับสุดอาร์ตแห่งราชบุรี”

 

บริเวณที่เคยเป็นแหล่งสัมปทานระเบิดหินภายในอุทยานหินเขางู ถูกซ่อนไว้กลางหุบเขามานานหลายปี ลักษณะเป็นผาสูงชันที่มีร่องรอยเว้าแหว่งของหินจากแรงระเบิด เผยให้เห็นความสวยงามของลวดลายและสีสันของหน้าผาหินแกรนิต ซึ่งเป็นหินที่ถูกเปรียบเปรยว่า แข็งแกร่งดั่ง “แรด” จึงเป็นที่มาของชื่อ “ภูผาแรด” เสน่ห์ของมุมลับแห่งนี้ อยู่ที่ความสวยงามในแต่ละช่วงเวลาของวัน ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางของแสงแดดที่ส่องลงบริเวณหน้าผาแต่ละฝั่ง

 

ขอให้จับตาวินาทีที่น้ำนิ่งจนเกิดภาพเงาสะท้อนคล้ายภาพ Abstract บนผิวน้ำ ถือเป็นงานอาร์ตที่ธรรมชาติรังสรรค์ เป็นความมหัศจรรย์บทใหม่ของเมืองราชบุรี สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น.

 

พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/CvMXBZsnnDu8XoP99

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.สำนักงานราชบุรี เบอร์โทรศัพท์ 0 3291 9176-8

 

พิกัดที่ 5 วัดทางสาย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ “มหาเจดีย์แห่งรัชสมัย…ความภาคภูมิใจแห่งบางสะพาน”

 

“พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ” เป็นเจดีย์ที่ได้รับพระราชทานชื่อจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่น่าเลื่อมใส เนื่องจากเจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นโดยไม่มีการใช้งบจากทางราชการ แต่สร้างขึ้นจากพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของมวลชนที่มีต่อพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลโดยเฉพาะในวโรกาสครองราชย์ครบรอบ 50 ปี ตัวอาคาร 5 ชั้น คือการครองราชย์ครบ 50 ปี

 

ส่วนเจดีย์หมู่ 9 องค์ หมายถึงวัดประจำรัชกาลที่ 9 และนอกจากความงดงามของที่มาที่ไปแล้ว ด้านบนของเจดีย์ยังเป็นสุดยอดจุดชมวิวดวงอาทิตย์ขึ้นและตกแห่งเมืองประจวบ ซึ่งเราสามารถมองเห็นความสวยงามของชายหาดบ้านกรูดและทิวมะพร้าวได้ไกลสุดสายตา

 

พิกัดที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/GYfjnboeq2rpbHw66

สอบถามททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ เบอร์โทรศัพท์ 0 3251 3885, 0 3251 3871 หรือ 0 3251 3854

 

สุขภาพ –8 วิธีรับมือเมื่อนอนหลับไม่สนิทเรื่องใกล้ตัวทำได้ด้วยตัวเอง

 

การมีสุขอนามัยการนอนที่ดี (Sleep Hygiene) จะช่วยนอนหลับสนิทมีคุณภาพ โดยหลักปฏิบัติเพื่อฝึกการนิสัยนอนอย่างมีคุณภาพ 8 วิธี มีดังนี้

 

วิธีที่ 1 จัดห้องนอนให้มีแสงสลัว อุณหภูมิเหมาะสม ไม่มีเสียงรบกวน เลือกฟูกและหมอนที่นอนหลับได้สบาย

 

วิธีที่ 2 เข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาเป็นประจำ ทั้งวันธรรมดาและวันหยุด เพื่อให้วงจรการนอนหลับทำงานเป็นระบบทุกคืน

 

วิธีที่ 3 หากนอนไม่หลับหรือตื่นกลางดึกแล้วไม่สามารถนอนหลับภายใน 20 นาที  ไม่ควรดูนาฬิกาบ่อย ๆ เพราะจะยิ่งรู้สึกเครียดและกังวล ซึ่งจะทำให้หลับได้ยากขึ้น ควรลุกออกจากเตียงแล้วทำกิจกรรมอื่นที่สงบและช่วยให้หลับง่าย เช่น อ่านหนังสือสบาย ๆ จนกว่าจะเริ่มง่วงจึงเข้านอนอีกครั้ง

 

วิธีที่ 4 ออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งจะช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักช่วงใกล้เข้านอน และควรเว้นระยะการออกกำลังกายให้ห่างจากช่วงเวลาที่จะเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง

 

วิธีที่ 5 หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารปริมาณมาก และอาหารที่ย่อยยากก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3–4 ชั่วโมง หากรู้สึกหิวก่อนนอนอาจดื่มนม หรือรับประทานของว่างเล็กน้อยแทน

 

วิธีที่ 6 หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนในช่วงบ่ายถึงค่ำ รวมทั้งงดสูบบุหรี่ก่อนเข้านอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

 

วิธีที่ 7 หลีกเลี่ยงการงีบหลับนานกว่า 30 นาทีในช่วงบ่ายถึงค่ำ

 

วิธีที่ 8 ไม่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนเข้านอน และทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น อาบน้ำอุ่น ฟังเพลงสบาย ๆ เขียนไดอารี่ และนั่งสมาธิ

 

หากทำตามวิธีข้างต้นแล้วยังมีอาการนอนหลับไม่สนิทหรือตื่นบ่อย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษา ซึ่งแพทย์อาจให้ผู้ป่วยรับการบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy) การบำบัดด้วยการพูดคุย และใช้ยานอนหลับตามที่แพทย์สั่ง โดยไม่ซื้อยานอนหลับมารับประทานเอง

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –บินไทยเพิ่ม2เส้นทางกรุงเทพฯสู่เมียนมาและธากา16ก.ค.66

 

 

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า พร้อมจะเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศ ไป-กลับ กรุงเทพฯ สู่ปลายทาง 2 เมือง 2 ประเทศ ได้แก่ ย่างกุ้ง เมียนมา และ กรุงธากา บังคลาเทศ เริ่มตั้งแต่ 16 กรกฎาคม 2566 หลังปรับโครงสร้างควบรวมไทยสมายล์เข้ามาอยู่กับการบินไทยก็นำสิทธิเส้นทางและเครื่องบินแอร์บัส เอ 320 มาใช้ประโยชน์ให้บริการเส้นทางที่จะกำลังเปิดบินดังนี้

 

เส้นทางแรก กรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง สัปดาห์ละ 14 เที่ยว ทำการบินแทนไทยสมายล์ ภายในเครื่องแอร์บัส เอ 320 แบ่งเป็นชั้นที่นั่ง 2 แบบ  คือ แบบที่ 1  Silk Class เพิ่มทางเลือกให้ผู้โดยสารด้วยบริการอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายยิ่งขึ้น แบบที่ 2  Economy Class พร้อมระบบสาระบันเทิงบนเที่ยวบิน เช่น e-Reading / ภาพยนตร์สั้น แต่ละสัปดาห์จะบินดังนี้

 

เที่ยวบินขาออกจากกรุงเทพฯ ทีจี 301 เวลา 09.35 น. ถึงย่างกุ้ง เวลา 10.35 น. (เวลาท้องถิ่น) และทีจี 303 เวลา17.05 น. ถึงย่างกุ้ง เวลา 18.00 น.

 

เที่ยวบินขากลับจากย่างกุ้งสู่กรุงเทพฯ ทีจี 302 เวลา 11.25 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯ 13.25 น. 

ทีจี 304 เวลา 19.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯ  21.00 น.

 

เส้นทางที่ 2 ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ธากา (TG339/340) เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 7 เที่ยว จากปัจจุบัน 3 เที่ยวให้บริการเฉพาะชั้นประหยัด (Economy Class)  เมื่อรวมกับเที่ยวบินเดิม (TG321/322) การบินไทยบินสู่ธากาสัปดาห์ละ 14 เที่ยว

 

 ขาออกจากกรุงเทพฯสู่ธากา ทีจี 321 เวลา 10.35 น. ถึงธากา 12.10 น. ด้วยเครื่องโบอิ้ง B777-200ER และทีจี 339 เวลา 23.50 น. ถึงธากา 01.25 น.  ทำการบินด้วยแอร์บัส เอ320

 

ขากลับจาก ธากาสู่กรุงเทพฯ ทีจี 322 ออกจากธากา 13.35 น. ถึงกรุงเทพฯ 17.00 น. บินด้วยโบอิ้ง B777-200ER กับทีจี 340 ออกจากธากา 02.45 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯ 06.15 น.บินด้วยแอร์บัส เอ320

 

ปัจจุบันการบินไทยมีเที่ยวบิน ไป-กลับ อินเดีย และบังคลาเทศ ในเส้นทาง เดลี มุมไบ และธากา ด้วยเครื่องบิน 2 แบบ ทั้ง โบอิ้ง 777-200ER และแอร์บัส เอ320 

 

ข่าวที่สอง-บางกอกแอร์บิน“ลำปาง-แม่ฮ่องสอน”2 ส.ค.โปรตั๋ว1,500บาท

 

 

                บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส รายงานว่า พร้อมเปิดให้บริการบินแล้วในเส้นทาง ไป-กลับ ระหว่าง ลำปาง – แม่ฮ่องสอน สัปดาห์ละ 3 เที่ยว  ทุกวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ด้วยเครื่องบินเอทีอาร์ 72-600 ขนาด 70 ที่นั่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป จึงได้ทำโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษเริ่มต้น 1,500 บาท/เที่ยว (รวมภาษีสนามบิน และภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด) จองเที่ยวบินราคาพิเศษดังกล่าวได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2566

               

เที่ยวบินระหว่างเส้นทางลำปาง (LPT) – แม่ฮ่องสอน (HGN) ใช้รหัสเที่ยวบิน PG205 ออกจากสนามบินลำปาง 14:10 น. ถึงสนามบินแม่ฮ่องสอน  15:00 น. และ เที่ยวบิน PG206 จากสนามบินแม่ฮ่องสอน  15.30 น. ถึง สนามบินลำปาง เวลา 16.20 น.

 

สำหรับผู้โดยที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ขึ้นเครื่องที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ปลายทางสู่แม่ฮ่องสอนได้ ด้วยวิธีจอดเครื่องแวะพักที่สนามบินลำปางประมาณ 40 นาที

 

                 สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้โดยสารทุกคนที่จองใช้บริการชั้นประหยัด ได้สิทธิรับบริการแบบฟูลเซอร์วิส โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น น้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลกรัม/คน ใช้ห้องรับรองผู้โดยสารบูทีคเลาจ์น ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

 

 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1771 หรือ 02-270-6699 ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 - 20.00 น. หรือ PG Live Chat: https://bit.ly/ PGLiveChatTH ตรวจสอบโปรโมชั่นทางเว็บไซต์ https://www.bangkokair.com/  เฟซบุ๊กhttps://www.facebook.com/FlyBangkokAir  

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.