รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ททท.ปี’67เปิดแผนตลาดยุโรปชิงรายได้4ทวีป7แสนล้าน
ปี66เศรษฐีตะวันออกกลางใช้เงินนำโด่ง1แสน/คน/ทริป
นำทัพท่องเที่ยวเดินเครื่อง2ชุดใหญ่“EFG-เทรด/โร้ดโชว์”
คิงเพาเวอร์มัดรวมTravel Setให้ช้อปสุดปัง4แบรนด์ดัง
ช้อปคิงเพาเวอร์DutyfeeSale-คลิกซื้อง่ายLamerลด15%
สมาชิกคิงเพาเวอร์ใช้30กะรัตลด300บาทช้อปที่Firster
ททท.ปี’67ชูธีมขาย5ภาคโกย200ล้านคน 1ล้านล้านบาท
บางจาก-PointXแจกพอยท์ไร้ขีดจำกัด“ยิ่งโอนยิ่งใช้ยิ่งได้”
ทีเส็บหนุนเยาวชนแข่งทำแผนธุรกิจไมซ์สู่เวทีนานาชาติ
เที่ยวผาหัวเรือพะเยา/วัดจันทร์พิษโลก/วัดกรดงามพิจิตร
มีตัวช่วยมาบอก!!ไขความลับนอนงีบกี่นาทีถึงดีต่อสุขภาพ
ว.ดุสิตธานีMOUปั้นอาชีพท่องเที่ยวโรงแรมรุกตลาดมุสลิม
ททท.หนุนเชฟบูมISAN FOOD TASTINGฟินที่ขอนแก่น
วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #TATAP2024 #ทททยุโรป #UnseenNewChaptersภาคเหนือ
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...
ช่วงที่ 1 เกาะติด4ทวีปกับ “ศิริปกรณ์
เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี’67 พลิกเกมฝ่าความท้าทาย 4 ตลาดไกลข้ามทวีป
“ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา” ทำรายได้เฉียด 7 แสนล้านบาท
ล็อกเป้า “เพิ่มค่าใช้จ่าย” เศรษฐีตะวันออกกลาง ทุบสถิติใช้เกือบ 1 แสนบาท/คน/ทริป
ปล่อยอาวุธหลัก 2 ชุดใหญ่
ชุดแรก “EFG” E-Eco System รุกเที่ยวยั่งยืนตลาดยุโรป
F-Fantastic Four
โกยกลุ่ม Nomad ครอบครัว
“G-Go Million”
กวาดตลาดละ 1
ล้านคน ชุดที่
2 นำทัพเอกชนร่วมเทรดและโร้ดโชว์พื้นที่เก่าใหม่ทั่วโลก
นายศิริปกรณ์
เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ได้จัดทำแผนท่องเที่ยวปี 2567 ตั้งเป้าทำรายได้ก้าวสู่สถานการณ์ปกติ
3 ล้านล้านบาท
จากตลาดต่างประเทศรวมประมาณ 1.92 ล้านล้านบาท
จากจำนวน 35 ล้านคน
ในส่วนตลาดระยะไกล (long hual)
ที่ดูแลทั้งหมด 4 ทวีป ยุโรป
แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ประกอบด้วย ทำส่วนแบ่ง “รายได้” 35 % คิดเป็นประมาณ 6.8 แสนล้านบาท ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 25 % ของทั้งหมด หรือคิดเป็น 8.8 ล้านคน จาก ยุโรป 2,933,660 คน อเมริกา 620,474 คน ตะวันออกกลาง 231,206 คน และแอฟริกา 45,663 คน
สร้างกุญแจความสำเร็จด้วย “การเพิ่มค่าใช้จ่ายเฉลี่ยจากนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล” ตามเป้าปี 2567 ตั้งไว้เฉลี่ยทั้งหมด 76,800 บาท/คน/ทริป สูงกว่าปี 2566 ทำไว้ดังนี้“ยุโรป” 71,718 บาท/คน/ทริป ตะวันออกกลาง 99,172 บาท/คน/ทริป อเมริกา 76,297 บาท/คน/ทริป
ภายใต้ “การเพิ่ม” 3 ส่วน ได้แก่ 1.เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพ 2.เพิ่มวันพักเฉลี่ยนานวันขึ้น 3.เพิ่มการใช้จ่ายเงินแต่ละวันแต่ละทริปซึ่งมีกิจกรรมให้ใช้เงินมากขึ้น
ททท.จะนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวทำให้เกิดการเพิ่มทั้ง
3 ส่วน
ได้วางทิศทางขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ EGF (ต่อจาก
ABCD) ประกอบด้วย
กลยุทธ์ที่ 1 “E -Eco System Sustainablity”
การสร้างระบบนิเวศน์ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จากผลสำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุโรป
อเมริกา หันมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม มีกระแสให้สายการบินนานาชาติปรับตัวลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ
(Carbon Emission)
ในแต่ละเที่ยวบิน
พอนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาถึงเมืองไทยต้องสร้างสินค้าท่องเที่ยวตอบโจทย์สิ่งแวดล้อมยั่งยืน
ในมิติการจัดการขยะ น้ำดื่ม น้ำเสีย ลดปริมาณพลาสติกครั้งเดียวทิ้ง การกระจายรายได้อย่างเท่าเทียมเป็นธรรมกับชุมชนรอบพื้นที่พักและแหล่งท่องเที่ยว
เช่น โรงแรมที่พักเลือกใช้วัตถุดิบอาหารจากชุมชนในพื้นที่
ทำให้นักท่องเที่ยวมีความสุข ตอนนี้
ททท.กำลังทยอยรวบรวมสินค้าท่องเที่ยวตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว
กลยุทธ์ที่ 2 “F-Fantastic Four” ทุกพื้นที่ทุกตลาดจะเน้นกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
เช่น ครอบครัว หรูหรา การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
และเดินทางดิจิทัลที่ใช้สถานที่ใดก็ได้ทำงานได้เที่ยวด้วย หรือ Digital
Nomad
ซึ่งคาดหวังจะพบกับสินค้าท่องเที่ยวเมืองไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
สร้างรายได้หล่อเลี้ยงของไทยทั้งประเทศ
กลยุทธ์ที่ 3 “G-Go Beyond A Million”
เน้นแผนจุดประกายในตลาดที่มีจำนวนคนเดินทางมาเมืองไทยปีละเกิน 1 ล้านคนขึ้นไป ซึ่งแต่ละสำนักงาน ททท.ทั้ง 4
ทวีป
จะต้องร่วมมือกันสร้างจำนวนคนรวมกันให้ได้ตามเป้าหมายดังกล่าว เพราะด้วยสถานการณ์ปัจจุบันพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวบินระยะไกลข้ามทวีปยังคงมาเมืองไทย
โดยยังต้องจ่าย “ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินราคาแพง”
ดังนั้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงปรับรูปแบบเมื่อมาถึงแล้วก็จะพัก “นานวัน” ขึ้น
ให้คุ้มค่ากับค่าตั๋วเครื่องบินแล้วอยู่พักผ่อนให้หายคิดถึงเมืองไทย จึงทำให้
ททท.ไม่ได้ติดกับดักเรื่องจำนวนคนแต่อย่างใด
สถิติปี
2566 นักท่องเที่ยวระยะไกล
นิยมพักอยู่ในเมืองไทยนานวัน ประกอบด้วย “ยุโรป” เฉลี่ย 19.40 วัน/คน/ทริป ใช้จ่ายเงิน 71,718 บาท/คน/ทริป “ตะวันอออกกลาง” เฉลี่ย 16.17
วัน/คน/ทริป ใข้จ่ายเงิน 99,172
บาท/คน/ทริป และ “อเมริกา” เฉลี่ย 15.26 วัน/คน/ทริป ใช้จ่ายเงิน 76,297 บาท/คน/ทริป
นายศิริปกรณ์
กล่าวว่า จะใช้กลยุทธ์ EFG ล็อกเป้าตลาด
เริ่มจาก จะใช้ “กลยุทธ์ E-Eco System Sustainablity” ในตลาด“ยุโรป” เป็นจุดเริ่มจากต้นทางขยายฐานตลาดการท่องเที่ยวที่เน้นความใส่ใจสิ่งแวดล้อมในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย (นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก) เยอรมัน ฝรั่งเศส
อิตาลี ใช้ “กลยุทธ์ F-Fantastic Four” รุกแต่ละตลาดต่างกัน เช่น
นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว จากรัสเซีย ช่วงซัมเมอร์ ฮอลิเดย์
เป็นแปลกไปจากเดิมที่ยุโรปหันมาเที่ยวเมืองไทยช่วงหน้าฝนไม่ใช่นอกฤดูเดินทาง (low
season) อีกต่อไป
และใช้กลยุทธ์
“G-Go Beyond Million” โดยให้
ททท.แต่ละสำนักงานทำร่วมกัน โดยประเมินจากพื้นที่มีสายการบินนานาชาติบินตรงเข้าไทย
เช่น ปลายปี 2566 แอร์ แคนาดา
จะเปิดบินตรงเข้าไทย กระจายตัวไปยังสนามบินนานาชาติของไทย ทั้งสุวรรณภูมิ อู่ตะเภา
กระบี่ ภูเก็ต และอื่น ๆ
ส่วน
“ตะวันออกกลาง” เป็นตลาดดาวรุ่งของไทย
ด้วยศักยภาพความเป็นทวีปศูนย์กลางเชื่อมต่อเที่ยวบิน หรือ Aviation Hub โดยมีสายการบินขนาดใหญ่เปิดบินจากดูไบ อาบูดาบี
ประเทศสหรัฐอาหรับเมริเรตส์ ไปยังประเทศแถบยุโรปได้เกือบทั้งหมด
จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้าเมืองไทยมาแรงโดยมี “ซาอุดิอาระเบีย” อันดับ 1 ส่งสัญญาณชัดเจนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังรัฐบาลไทยกลับไปฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ดีกลับคืนมาได้
ปี 2566 ทำสถิติมาเที่ยวไทย
กว่า 75,000 คน
เตรียมเพิ่มเที่ยวบินตรงสู่ภูเก็ต และปี 2567 ททท.จะเปิดสำนักงานแห่งใหม่ในซาอุดิอาระเบีย ด้วย
อันดับ 2 สหรัฐอาหรับเมริเรตส์
ประมาณ 50,000 คน
นายศิริปกรณ์
ยืนยันว่าปี 2567 จะเดินหน้าใช้กลยุทธ์กระตุ้นตลาดทั้ง
4 ทวีป
ด้วยการลงทุนเข้าร่วมงาน “เทรดโชว์”รายการใหญ่ระดับโลก เช่น WTM -World
Travel Market ในลอนดอน
สหราชอาณาจักร งาน ITB -International Travel Berlin ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน กับ “จัดโร้ดโชว์”
ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก โดย
ททท.จะนำเอกชนไทยเดินทางไปขายกับคู่ค้าในพื้นที่ตลาดสำคัญใหม่ ๆ เช่น
การนำเสนอที่พักอาศัยตามเส้นทางรถไฟฟ้าบนดิน ใต้ดิน เพื่อความสะดวกสบาย
อันดับแรก ททท.จะต้องหาพันธมิตรสายการบินให้ได้ก่อน
เพื่อให้มีระบบบริการขนส่งนักท่องเที่ยวจากต้นทางเข้ามาเมืองไทย อันดับ 2
ประเมินโอกาสทางเศรษฐกิจของแต่ละตลาดอย่างใกล้ชิด
เสถียรภาพในมิติต่าง ๆ ในยุโรปจะเน้นพื้นที่ใหม่จาก Local to Global
Airport -นำผู้โดยสารต้นทางจากสนามบินเล็กเมืองรองเคลื่อนย้ายมาสู่สนามบินใหญ่เมืองหลักแล้วเดินทางข้ามทวีปมาเมืองไทย
สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวระยะไกลที่น่าสนใจ
ระหว่าง 1 มกราคม -10 กรกฎาคม 2566 ททท. ยุโรป 5 สำนักงาน ได้แก่ มอสโก รัสเซีย ทำได้ 932,986
คน แฟรงเฟิร์ต เยอรมัน ทำได้ 488,441
คน ลอนดอน สหราชอาณาจักร ทำได้ 486,211 คน ปารีส ฝรั่งเศส ทำได้ 438,225 คน กรุงโรม อิตาลี ทำได้ 310,863 คน สต็อกโฮม สวีเดน ทำได้ 286,038 คน และดูแลพื้นที่อีก 12 ประเทศ
ทำได้ 164,545คน
ส่วน
“ตะวันออกลาง” ททท.สำนักงานดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดูแลพื้นที่ตลาดทั้งหมด 13 ประเทศ ทำได้ 579,439 คน
ททท.อเมริกา
และแคนาดา 3 สำนักงาน
ทำได้รวม 637, 993 คน
จากนิวยอร์กและลอสแองเจลิส ทำได้ 472,317 คน
และโตรอนโต แคนาดา ทำได้ 114,071 คน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์มัดรวมTravel Setปลุกช้อป4แบรนด์ดัง
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่ “เป็น ไป ได้”
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป
ทุกครั้งเมื่อออกเดินทางท่องเที่ยวต้องได้สัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจเมื่อมีผลิตภัณฑ์ที่สาว
ๆ ควรเลือกช้อปพกติดตัวไว้เสมอกับ “Travel Set” สกินแคร์ครบเซ็ต เครื่องสำอางหลากหลายเฉด แม้กระทั่งน้ำหอมกลิ่นต่าง
ๆ จะได้สร้างสีสัน เพราะครั้งนี้แต่ละแบรนด์ดาหน้ากันมาร่วมสร้างสีสันให้ทุกการเดินทางไม่จำเจ
โดยได้คัดสรรมาให้ช้อปแล้วที่ คิง เพาเวอร์
รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต ช้อปให้ครบทั้ง 4
แบรนด์ คือ Clarins, DIOR, L'OCCITANE และ CHLOÉ
เลือกผลิตภัณฑ์เด่น
9 ไอเทม ดังนี้
แบรนด์ที่ 1 Clarins
Travel Exclusive Multi Active Partners Set เซ็ตพิเศษจับคู่ครีมลดริ้วรอยยอดนิยมของคลาแรงก์
มีทั้งเดย์และไนท์ครีม ให้ผิวกระชับสวย อ่อนวัย 3 ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่
ผลิตภัณฑ์แรก “Clarins Multi-Active Jour Targets
Fine Lines Antioxidant Day Cream”
ครีมกลางวันเนื้อบางเบาซึมซับเร็วช่วยลดชะลอริ้วรอยทั้งผิวธรรมดาและผิวแห้ง
ผลิตภัณฑ์ที่สอง “Clarins
Multi-Active Nuit Targets Fine Lines Revitalizing Night Cream” ครีมกลางคืนเข้มข้นเนื้อนุ่มช่วยฟื้นฟูผลัดเซลล์ผิวพร้อมคืนความเรียบเนียน ผิวยืดหยุ่นกระชับเปล่งปลั่ง
อยู่ตลอด
ผลิตภัณฑ์ที่สาม Clarins Lip Comfort Oil Trio ลิปออยล์บำรุงริมฝีปากเพิ่มความมันวาว
สีติดทนนานมาพร้อมบำรุงจากส่วนผสมของธรรมชาติ และน้ำมันจากพืชเพิ่มความชล้ำลึก
ทั้งน้ำมันสกัด Jojoba ออร์แกนิก, Hazelnut and Rosehip
ออร์แกนิก ช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื่นฉ่ำวาวเป็นประกายปกป้องผิวจากมลภาวะ
แบรนด์ที่ 2 DIOR Miss Dior Blooming Bouquet Set เช้อปสนุกกับ 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่
ผลิตภัณฑ์แรก เซ็ตกลิ่นหอมกรุ่นของน้ำหอม บอดี้โลชั่น และแฮนด์ครีม
ให้ความรู้สึกหอมสดชื่นเหมือนดอกไม้นานาพันธุ์ หัวน้ำหอมจากดอกกุหลาบและโบตั๋น
ใครได้กลิ่นเป็นต้องหลงใหล นำมารวมไว้ในช่อบูเกต์ หรูหรา กลิ่นอ่อนหวานละมุนไม่ฉุน
สร้างความรู้สึกผ่อนคลายแฝงไว้ด้วยเสน่ห์เย้ายวนของหญิงสาวแต่ละคน
ผลิตภัณฑ์ที่สอง
DIOR Capture Totale Beauty Ritual เซ็ตบำรุงผิวทรงคุณค่า
มีทั้ง “DIOR Capture Totale Super Potent
Serum “เซรั่มต่อต้านวัยที่เห็นผลเร็วใน 7 วัน ช่วยทำให้เรียบเนียนตึงกระชับ ตามมาด้วย “DIOR Firming & Wrinkle-Correcting Creme” ครีมต่อต้านวัยให้ผิวอวบอิ่มกระชับขึ้น
เนื้อเนียนละเอียดแลดูผิวสุขภาพดี และ “DIOR
Firming & Wrinkle-Correcting Eye Cream” ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาทำให้ดูมีชีวิตชีวา
เรียบเนียนและกระชับขึ้นอย่างรวดเร็ว
แบรนด์ที่ 3 L'OCCITANE Pink Flowers Collection นำเสนอ 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่
ผลิตภัณฑ์แรก พบกับคอลเลคชั่นครีมทามือของ L'OCCITANE มาพร้อมความละมุนกับกลิ่นหอมดอกไม้ของโพรวองซ์
ทั้งดอกกุหลาบ ซากุระ และโบตั๋น อุดมด้วยเชียร์บัตเตอร์ ให้มือนุ่มมีกลิ่นหอม
ด้วยส่วนผสมยอดเยี่ยมของ Néroli &
Orchidée Hand
Cream, Rose Hand Cream และ Cherry Blossom Hand Cream
ผลิตภัณฑ์ที่สอง DRUNK ELEPHANT The Takeoff Kit กู้ผิวให้สวยแบบเป๊ะปังระหว่างเดินทางแนะนำ
อุดมไปด้วย T.L.C. Framboos™ Glycolic Night
Serum เซรั่มช่วยผลัดเซลล์ผิวหมองคล้ำและอุดตันช่วยทำให้ผิวอ่อนโยนยามค่ำคืน
ผลิตภัณฑ์ที่สาม
Lala Retro™ Whipped Cream ครีมกู้ผิวส่วนผสมน้ำมันจากแอฟริกา 6 ชนิด และเซราไมด์คอมเพล็กซ์จากพืช
ช่วยปกป้องและเสริมสร้างเกราะป้องกันกรดของผิว และ B-Hydra™ Intensive Hydration Serum ช่วยปลอบประโลมผิวด้วยเซรั่มที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ
เติมเต็มให้ผิวอิ่มฟูขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
แบรนด์ที่ 4 CHLOÉ Duo Mini Gift Set อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ น้ำหอมแห่งฤดูใบไม้ผลิ
สัญลักษณ์ความสดชื่นและมีชีวิตชีวา ด้วย Chloé Eau de Parfum กลิ่นหอมสดชื่นสำหรับสาว ๆ
ที่มีบุคลิกมั่นใจและสร้างสรรค์ เปี่ยมด้วยพลังความเย้ายวน
หอมละมุนจากมวลดอกไม้นานาพรรณ บรรจุในขวดพร้อมริบบิ้นสีเบจดูหรูหรา และ Chloé Nomade
Eau de Parfum เป็นน้ำหอมแนวไซปรัส ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศไซปรัส
กลิ่นหอมของความเป็นอิสระของหญิงสาว ด้วยส่วนผสมของกลิ่นโอ๊กมอสเข้มข้น และแพทชูลี
ให้ความรู้สึกสดชื่นหอมหวาน
ข่าวที่ 2 ช้อปคิงเพาเวอร์DutyfeeSale-คลิกซื้อง่ายLamerลด15%
คิง
เพาเวอร์ เปิดทุกช่องทาง ช้อป “ดิวตี้ฟรี” มีตั๋วหรือไฟลต์บินรีบช้อปได้ทันที
แล้วรับสินค้าได้ที่สนามบินหรือจะแวะช้อปได้ทั้งขาเข้า-ขาออก เพิ่มอีกก็ได้เช่นกัน
ลุย “ช้อปออนกราวนด์”
ที่ คิง เพาเวอร์ ในเมือง (duty free downtown) 4
สาขาหลัก ได้แก่ รางน้ำ (กรุงเทพฯ)
ศรีวารี (ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ) พัทยา ภูเก็ต สนุกกับมหกรรม
“Duty Free Sale”
ช้อปได้ไม่ต้องยั้งไปสัปดาห์ส่งท้ายถึง 31 กรกฎาคม 2566
ช้อปไอเทมสุดปังเดินทางไปไหนก็เป็นไปได้ถึง 2,000 สิทธิ์
เมื่อช้อปครบ 50,000 บาท ขึ้นไป (สุทธิ)
รับกระเป๋าเดินทางฟรี หรือช้อปครบ 30,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)
รับ GIFT VOUCHER สูงสุด 2,500 บาท
และช้อปครบ 15,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) รับ GIFT
VOUCHER 1,000 บาท จะช้อปแบบไหนก็เป็นไปได้ ลุ้นรับ GIFT CARD มูลค่ารวมกว่า
500,000 บาท มีมากถึง 100 รางวัล
เร่งช้อป
“คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” บินทุกครั้งต้องไม่พลาดช้อปสินค้าดีลพิเศษสุดจากแบรนด์
LA MER ตั้งแต่วันนี้- 31 สิงหาคม
2566 ลดสูงสุด 15% คลิกซื้อได้ง่าย ๆ
โดยไม่ต้องมียอดซื้อขั้นต่ำ เพียงกดรับรหัสส่วนลด LME1FOR15 และ LME1FOR10
ก็จะได้สัมผัสประสบการณ์ปรนนิบัติผิวที่ดีที่สุดด้วยส่วนผสมเลอค่าทำให้ “เป็น ไป
ได้” ทุกความงาม
ข่าวที่
3 สมาชิกคิงเพาเวอร์ใช้ 30กะรัตลด300บาทช้อปที่Firster
สมาชิกคิง
เพาเวอร์ ใช้คะแนนแลก 30 กะรัต เพื่อรับคูปองส่วนลด 300 บาท เมื่อช้อปขั้นต่ำ
2,000 บาทขึ้นไป) และรับส่วนลดทุกการช้อป 10% ที่ FIRSTER
คิง เพาเวอร์มหานคร และสยามสแควร์ซอย 7 และ firster.com
สมาชิกบัตร
คิง เพาเวอร์ ทุกประเภท แลกรับสิทธิ์และใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้–
31 มีนาคม 2567 ได้แบบไม่อั้นและไม่จำกัดสิทธิ์ตลอดรายการ
สามารถกดรับรหัสส่วนลดผ่านทาง
LINE Official Account หรือ member.kingpower.com
เท่านัhoแลh;นำรหัสไปใช้สิทธิ์ได้ที่
FIRSTER ทั้งที่สาขาหน้าร้านและออนไลน์ กรณีที่กดรหัสเสร็จเรียบร้อยแล้วไม่ได้นำมาใช้สิทธิ์ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
ต้องขอสงวนสิทธิ์ไม่ชดเชยทุกกรณี
สอบถามเพิ่มโทร.
1631 https://member.kingpower.com/CaratRewards/Detail/6991
ข่าวที่ 4 ททท.ปี’67เปิดธีมขาย5ภาคโกย200ล้านคน 1ล้านล้านบาท
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.ว่าที่ผู้ว่าการ
ททท.คนใหม่ 1 กันยายน 2566 เป็นต้นไป เปิดเผยว่า ททท.ตั้งเป้าหมายปี 2567 จาก
“ตลาดต่างประเทศ” ต้องทำรายได้ 1.92 ล้านล้านบาท
มีจำนวนนักท่องเที่ยว 35 ล้านคน และ “ตลาดในประเทศ” สร้างรายได้
1.08 ล้านล้านบาท มีจำนวนนักท่องเที่ยว 200 ล้านคน-ครั้ง เพื่อจะทำให้ประเทศไทยเกิดรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งหมด 3
ล้านล้านบาท
พร้อมกับนำพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฝ่าความท้าทายเพราะจะต้องเผชิญกับเศรษฐกิจในประเทศและทั่วโลกชะลอ
ภัยธรรมชาติ และอื่น ๆ ททท.จะมุ่ง
1.Partnership 360 2.Accellertatte Access to Digital World 3.Sub Culture 4. โดยมีโซ่คล้องด้วยโครงการ The Link
วางแผนล็อกเป้า “ตลาดต่างประเทศ” ตลอดปีหน้ารวม 10 ตลาดหลัก
ประกอบด้วย 1.ท่องเที่ยวระยะใกล้ 7 ตลาด
ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย สิงคโปร์ เวียดนาม
ตะวันออกกลาง และ 2.ตลาดระยะไกล
3 ตลาด ได้แก่ รัสเซีย ยูเค สหรัฐอเมริกา
ด้วยการเดินหน้าขับเคลื่อนด้วย 5 ทิศทางหลัก ได้แก่
ทิศทางที่ 1 ส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ท่องเที่ยวไทยความยั่งยืน
ในมิติของสังคม สิ่งแวดล้อม ลดภาระชุมชนเปลี่ยนไปสร้างสาระทุกการเดินทาง
พร้อมกับกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างเท่าเทียม Amazing Tourism Fair
ทิศทางที่ 2 รุกตลาดใหม่ เมืองไทย เที่ยวได้ตลอดทั้งปี หรือ All Year Round ให้น้ำหนักความสำคัญกับ
“ตลาดยุโรป” เช่น เช็ค โปแลนด์ โรมาเนีย บัลกาเรีย โดยจะร่วมกับสายการบินรายใหญ่
บริษัทนำเที่ยวขนาดใหญ่ เปิดพื้นที่นำร่องเที่ยวภูเก็ต กระบี่ ส่วน
“ตลาดตะวันออกกลาง” เปิดความสัมพันธ์เล็งเจาะ ซาอุดิอาระเบีย สถิติปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 1.5 แสนคน ปี 2567 ตั้งเป้า 2-2.5 แสนคน
เช่นการรุกเจาะตลาด 5 กลุ่ม คือ 1.ทายาทเศรษฐีในญี่ปุ่น
2.นักธุรกิจหน้าใหม่สายศรัทธาจากมาเลเซีย สิงคโปร์ 3.นักเดินทางที่เน้นโอกาสพิเศษในการเดินทาง 4.กลุ่มรักความงาม
สุขภาพ และ 5.กลุ่ม Digital nomad และ Workation
ในอาเซียน กับอีกหลายประเทศทั่วโลก
โดยจะทำให้เกิดการท่องเที่ยวได้ทุกวันตลอดทั้งปี
ควบคู่กับการวางแผนงาน “ช่วงชิงตลาด”
จากหลายประเทศคู่แข่ง โดยใช้กลยุทธ์นำเอกชนไปทำเทรดโชว์ โร้ดโชว์ ธีมปี 2567 เน้นสินค้าบริการเชิงคุณภาพของประเทศไทยทั้งหมด
พร้อมกับลงลึกตอบโจทย์ประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในแง่มุมต่าง ๆ
ที่จะนำไปเสนอขายในตลาดโลกอย่างต่อเนื่องต่อไป
ทิศทางที่ 3 แสวงหาคู่ค้ารายใหญ่ กับหาคู่ค้ารายใหม่ ขยายศักยภาพไปทั่วโลก
โดยได้นำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การจัดกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก ทำโครงการ Tourism Cares กับทางสหประชาชาติเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนซึ่งมีสมาชิกหลากหลาย
เช่น สายการบิน เรือสำราญ สื่อมวลชน ที่ทำให้ไทยได้ประโยชน์ในมิติการท่องเที่ยวยั่งยืน
แล้วผู้ประกอบการไทยก็จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
เรื่อยไปจนถึงการแลกเปลี่ยนกับตัวแทนท่องเที่ยวรายใหญ่ในอเมริกา Luxury
Travel
ส่วนการขยายตลาดกับคู่ค้ารายใหญ่ โดยจะดูพื้นฐาน
ททท.มีสำนักงานสาขาเต็มพื้นที่ใน สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย ญี่ปุ่น
ผ่านช่องทางออนไลน์ กับพันธมิตรแถวหน้าของแต่ละประเทศ
ทิศทางที่ 4
เชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางบก หลังพบช่วงวิกฤตโควิด-19
เที่ยวบินและจำนวนที่นั่งการเดินทางทางอากาศหายไปเป็นจำนวนมาก เพิ่งจะมาฟื้นปี 2566
กลับมาได้เพียง 60-70 % คาดหวังปี 2567
จะกลับไปสร้างรายได้ท่องเที่ยวให้เป็นปกติ
ดังนั้นจึงต้องบริหารความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกหันมาส่งเสริมการเดินทางทางบก เช่น
รถไฟฟ้าความเร็วสูงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าสู่เมืองไทย
และจัดคาราวานรถยนต์จีนเที่ยวไทยปี 2567
ส่วนอีกตลาดซูเปอร์สตาร์ คือ “มาเลเซีย”
ขับรถมาเที่ยวในเมืองไทยไกลมากขึ้นกว่าสงขลาหรือภาคใต้
ทิศทางที่ 5 การใช้ดิจิทัล คอนเทนท์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย
ตลาดระยะใกล้มีกระแสตอบรับดีมาก เช่น เกาหลีใต้ ได้ใช้ Virtual influencer คือ น้อง Rozy
นำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยชวนนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย Gen Y – Z มาเที่ยวไทย
ส่วนแผนประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว Meaningful Relationship จะเร่งสร้าง Meaningful Connection
/คุณค่าแห่งความสัมพันธ์สร้างทุกสิ่งรอบตัวให้มีประสบการณ์ความทรงจำที่ดีให้ทุกคนตลอดการพักผ่อนอยู่ในเมืองไทย
โดยหวังผลระยะยาวให้เกิดการท่องเที่ยวซ้ำ ๆ ขยายวันพักเฉลี่ย
เพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวกลายเป็นผู้สนับสนุน “บอกต่อ” ให้คนอื่น
ๆ มาเที่ยวเมืองไทยต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
ส่วน “ตลาดในประเทศ”
จะเน้นกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวบ่อยมากขึ้น 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน
โดยใช้ห่วงโซ่คุณค่าให้ได้มากที่สุด ทั้ง 5 ภูมิภาค ดังต่อไป
“ภาคเหนือ” ชู Soft Power Amazing Northern ทางด้าน ไลฟ์สไตล์ ความเชื่อ/Faithival
เมืองรอง
มีอัตลักษณ์วัฒนธรรมอาหารถิ่น สิ่งทีเป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
“ภาคกลาง 4 HD happy
Destination 1.Healthy life and Sharing การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 2.Happy Story เรื่องราวดี ๆ ที่อยากออกไปค้นหา
เช่น โบราณสถาน อารยธรรม ชุมชน ตามรอยประวัติศาสตร์ ตามรอยภาพยนต์ชื่อดัง 3.Happy
Workplace ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนทำงานยุคใหม่ ที่ต้องการทำงานได้ทุกที่
ทุกเวลา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน 4.Happy Power of Faith ท่องเที่ยวตามความเชื่อและศรัทธา สร้างความสบายใจ
“ภาคอีสาน” เที่ยวไป กินไป “อีสานไปไสกะแซ่บ” 20 ประสบการณ์การกิน ตามวิถีชุมชนและวิถีเผ่า
กินอย่างช้าง (สุรินทร์/ศรีสะเกษ) อาหารถิ่นสู่มิชลินสตาร์ อุบล ขอนแก่น อุดรธานี
นครราชสีมา เชื่อมสู่ชัยภูมิ
“ภาคตะวันออก” สบาย ๆ พลัส 4 แบบ 1.ยืนหนึ่งเรื่องกิน
2.สุดฟินเรื่องสบาย เที่ยวดี กินดี นอนดี สไตล์แฮ 3.จิตผ่อนคลายสายมู อิ่มใจได้บุญ 4.เรียนรู้เรื่องรัก(ษ์)
เที่ยวช่วยโลก
“ภาคใต้” นำเสนอ 14 สไตล์ 14 จังหวัด สายกินอร่อย
สายสุขภาพ ประสบการณ์ท่องเที่ยวสายกีฬา เที่ยวตามความเชื่อ
และสายอนุรักษ์และรักโลก สายท่องเที่ยวหรูหรา/luxury
การท่องเที่ยวที่ออกเดินทางมีความสุขทันทีและมีความหมาย
ไปเติมเต็มโมเมนท์ที่ใช่ให้กับตัวเอง คนที่เรารัก กับแคมเปญ “โมเมนต์ที่ใช่
สร้างได้ไม่ต้องรอ”
สำหรับกิจกรรมการตลาดที่จะชู Soft Power
ทำโครงการ Amazing Thailand Co Brand แต่ละด้าน ดังนี้ 1.Food สายอาหาร
ไฮไลต์เรื่องอาหารมิชลินไกด์ 2.Fashion กระตุ้นสายแฟชั่นจะต่อยอดอัตลักษณ์ผ้าไทย
5 ภาค 77 จังหวัด 3.Film สายถ่ายทำภาพยนตร์ 4.Festival /สายเทศกาล
นำเสนอการลงทุนจัดมิวสิคทั่วไทย ต่อยอดวัฒนธรรม ผลักดันเป็นเอนเตอร์เทนฮับ 5.Fight/สายกีฬาและการต่อสู้ ที่มีความหลากหลายได้รับความนิยมผนวกเข้ากับ Amazing
Thailand Experience ตามมาด้วยกิจกรรมในประเทศ เช่น วิจิตรเจ้าพระยา
การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
เพื่อทำให้ท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนรายได้เข้าประเทศให้ได้ 3 ล้านล้านบาท
ข่าวที่
5 บางจาก-PointXแจกพอยท์ไร้ขีดจำกัด“ยิ่งโอนยิ่งใช้ยิ่งได้”
นายสมชัย เตชะวณิช
ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจากฯ (มหาชน) เปิดเผยว่า ร่วมกับพันธมิตร
โปรโมทแคมเปญ “ยิ่งโอน ยิ่งใช้ ยิ่งได้” โดยจับมือกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด
(มหาชน) เจ้าของ PointX /พอยท์เอกซ์ เชื่อมต่อคะแนนสมาชิกเข้าด้วยกัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์
เดินหน้าขยายสิทธิประโยชน์ พร้อมกับสร้างระบบนิเวศด้านการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
(CRM Ecosystem) ที่สมบูรณ์แบบและครบวงจรมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าบางจากกรีนไมลส์
(Bangchak GreenMiles) และ PointX สามารถโอนและแลกเปลี่ยนคะแนนระหว่างกันได้
แล้วเลือกรับสิทธิประโยชน์ได้หลากหลายตรงใจมากยิ่งขึ้น
ยกระดับประสบการณ์การใช้พอยท์อย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้าทุกเจนเนอเรชั่น
แคมเปญ “ยิ่งโอน
ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เริ่มให้รับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2566 เพียงโอน Bangchak
Point /บางจากพอยท์ ด้วยยอดขั้นต่ำ 500 พอยท์ ผ่าน Bangchak
Mobile Application หรือ www.bcpgreenmiles.com เป็น PointX เพื่อนำไปใช้จ่ายแทนเงินสด โดยวิธีสแกน QR
Code หรือชำระค่าสินค้า/บริการออนไลน์ ผ่านแอป SCB EASY
(Mobile Banking) ซึ่งลูกค้ายังสามารถโอน PointX ไปเป็นบางจากพอยท์เพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าน้ำมันได้อีกด้วย
พิเศษ!
เมื่อช้อปไอเทมเด็ดแบรนด์ดังบน X STORE บนแอป PointX รับพอยท์เพิ่มสูงสุด 1,000 PointX รวมสูงสุด 5,000 สิทธิ์
แคมเปญดังกล่าวสอดคล้องตามกลยุทธ์ของบางจากฯ
ซึ่งเป็นแบรนด์แรกในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันที่ริเริ่มระบบรอยัลตี้โปรแกรม
“บางจากกรีนไมลส์” ให้สมาชิกได้สะสมคะแนนเมื่อเติมน้ำมันหรือซื้อสินค้าในเครือบางจากฯ
ได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย พิเศษสุดไม่เหมือนใครคือ “ขึ้นเท่าไหร่
คืนเท่านั้น” แจกคะแนนพิเศษเพิ่มเมื่อลูกค้าเติมน้ำมันในวันแรกที่ปรับขึ้นราคา
โดยจะคืนเป็นคะแนนสะสมส่วนเพิ่มเท่ากับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นให้สมาชิก ที่ผ่านมายังได้พัฒนาระบบอย่างไม่หยุดนิ่ง
เพื่อให้สมาชิกใช้งานได้ง่าย สะดวกสบาย ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่
ขณะนี้บางจากได้ยกระดับเป็นบางจากกรีนไมลส์ดิจิทัลการ์ด
ให้สมัครสมาชิกและแลกคะแนนง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้ง Bangchak Mobile
Application, Bangchak LINE Official Account และ https://member.bangchak.co.th/th/register
ตลอดจนเพิ่มความสะดวกให้สมาชิกสะสมคะแนนได้เพียงบอกหมายเลขโทรศัพท์ไม่ต้องใช้บัตรอีกต่อไป
ส่วน “ขั้นตอนการโอนคะแนน”
บางจากพอยท์ เป็น PointX
ผ่านแอปบางจาก ทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. เลือกโอนคะแนน
2. เลือกโอน Bangchak Points มาเป็นคะแนน PointX
3. อ่านรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขจากนั้นเลือก “ยอมรับ”
4. เลือกจำนวนคะแนนที่ต้องการโอนและกรอกข้อมูลหมายเลขบัตรประชาชน
5. ตรวจสอบข้อมูลจากนั้นเลือก “ยืนยัน” เพื่อโอนเป็นคะแนน PointX
6. โอน Bangchak Points มาเป็นคะแนน PointX สำเร็จ
สมาชิกเข้าไปดาวน์โหลด
Bangchak
Mobile Application แอปพลิเคชัน “PointX” ได้เพื่อรับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าจากพันธมิตรทั้งสองกลุ่มได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ข่าวที่
6 ทีเส็บหนุนเยาวชนแข่งทำแผนธุรกิจไมซ์ปั้นสู่เวทีนานาชาติ
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ
อยุธยาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB)
เปิดเผยว่า ทีเส็บให้การสนับสนุนส่งเสริมจัดงาน Thailand MICE Youth
Challenge 2023 ด้วยการเปิดพื้นที่ให้มีเวทีประกวดแข่งขันธุรกิจไมซ์
ตั้งเป้าส่งเสริมสายอาชีพเยาวชนเข้าสู่อุตสาหกรรมไมซ์ ผ่านเครือข่ายการศึกษาไมซ์ภาคกลาง
จับมือกับทางวิทยาลัยนานาชาติ มหิดล
โดยมีรองคณบดีฝ่ายสิ่งแวดล้อม
และการพัฒนาอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยมหิดล ให้เกียรติเปิดงาน Thailand MICE Youth
Challenge 2023 เมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมทั้งจัดทีมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
จากสมาคมพันธมิตร ร่วมตัดสินทีมเยาวชนผู้ลงแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบเรียบร้อยแล้ว
เพื่อก้าวไปสู่เวทีต่อไป
ล่าสุดได้ทีมตัวแทนเยาวชนคนเก่งผู้ชนะการแข่งขันรายการนี้เรียบร้อยแล้ว
ทีเส็บผลักดันต่อยอดเข้าสู่การแข่งขันต่อไปในระดับนานาชาติรายการ AFECA
MICE Youth Challenge 2023 โดยมีทั้งหมดจาก
3 สถาบันการศึกษา
3 ทีม
ประกอบด้วย
ทีมแรก Exotic Assembly วิทยาลัยนานาชาติ
มหาวิทยาลัยมหิดล ทีมที่สอง 4EVER
YOUNG มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ทีมที่สาม The Fellowship of Blue มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วิทยาเขตภูเก็ต
นายจิรุตถ์กล่าวว่า
ทีเส็บในฐานะองค์กรผู้นำการพัฒนาตลาดอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศ
มุ่งมั่นที่จะยกระดับความสามารถของเด็กและเยาวชนร่วมกับสถานศึกษา
เพื่อสร้างบุคลากรด้านต่าง ๆ หันมาสนใจพัฒนาไมซ์ร่วมกันในอนาคตข้างหน้าด้วย
ช่วงที่ 2 การออกเดินทางไปหาประสบการณ์ใหม่กับ Unseen New Chapters ภาคเหนือ เป็นอีกหมุดหมายของสายธรรมชาติและศรัทธา 3 จังหวัด
3 พิกัด ดี ๆ ที่ “ผาหัวเรือ จ.พะเยา วัดจันทร์ตะวันออก
จ.พิษณุโลก และวัดกรดงาม จ.พิจิตร แล้วรีบมองหาตัวช่วย “ไขเคล็ดลับแอบงีบกี่นาที
ดีต่อสุขภาพ” เกาะติดข่าวฮ็อต ข่าวแรก “วิทยาลัยดุสิตธานีปั้นอาชีพท่องเที่ยว
โรงแรม” รอรับตลาดมุสลิมโลก 2 พันล้านคน ข่าวที่สอง
“ททท.หนนเชฟจัด ISAN FOOD TASTING” ฟินที่ขอนแก่น
ท่องเที่ยว
–เที่ยวเหนือ“ผาหัวเรือพะเยา/วัดจันทร์พิษโลก/วัดกรดงามพิจิตร”
โมเมนท์ที่ใช่ไม่ต้องรอ
เที่ยวเมืองไทย ตามไปชมมหัศจรรย์ “Unseen New Chapters” ภาคเหนือ 3 จังหวัด พะเยา พิษณุโลก พิจิตร 3 พิกัด
“ผาหัวเรือ-วัดจันทร์ตะวันตก-วัดกรดงาม”
ออกเที่ยวกันดีกว่า
พิกัดที่
1 ไต่ผาชมวิว…นั่งชิลบนหัวเรือ ผาหัวเรือ อ.เมือง จ.พะเยา
จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าแห่งใหม่ล่าสุดของเมืองพะเยา
มีลักษณะเป็นภูเขายื่นออกไปคล้ายกับหัวเรือลอยอยู่กลางอากาศ
ตั้งอยู่บนดอยผายาวบริเวณ “ป่าบ่อสิบสอง” ป่าที่มีร่องรอยของอารยธรรมโบราณ
ที่ยังคงทิ้งหลักฐานทางประวัติศาสตร์เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
สำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเยือน
คือการเดินป่าขึ้นมาชมแสงแรกยามเช้า แต่สำหรับนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์
กิจกรรมโรยตัวชมวิวจากผาหัวเรือ ถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่และไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ช่วงเวลาที่สวยที่สุด คือเดือนพฤศจิกายน -
เดือนกุมภาพันธ์
สอบถาม ททท.สำนักงานเชียงราย โทร. 0
5371 7433
พิกัดที่
2 “มหาวิหารทองคำ”
แห่งเมืองสองแคว
วัดจันทร์ตะวันตก อ.เมือง จ.พิษณุโลก
วัดจันทร์ตะวันตก
เป็นวัดที่ใครได้เห็นเป็นต้องสะดุดตา
กับภาพของวิหารสีทองที่อร่ามเรืองรองมองเห็นมาแต่ไกล
เป็นมหาวิหารที่ถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมวิจิตรงดงาม
มองแล้วให้ความรู้สึกอลังการ และชวนให้จินตนาการไปถึง “เอลโดราโด”
นครทองคำในตำนานที่สาบสูญ และหลวงพ่อทองไหลมา
พระพุทธรูปปางอุ้มบาตรประทับยืนขนาดใหญ่ที่ประทับยืนขนาดใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้า
เหตุผลที่ตั้งชื่อว่าวัดจันทร์เพราะมีตันจันทร์ใหญ่อยู่
1
ต้น และมีต้นจันทร์เล็ก ๆ อีกหลายต้นขึ้นอยู่ในวัด
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมความงดงามได้ตลอดทั้งปี
สอบถาม ททท.สำนักงานพิษณุโลก โทร. 0 5525 2742-3
หรือ 0 5525 9907
พิกัดที่ 3 ทำเรื่อง “ธรรม” ให้เป็นเรื่อง “เที่ยว” ที่ วัดกรดงาม อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร
ภาคเหนือ
ถ้าสถานที่พักผ่อนของคุณมีชื่อว่า “ธรรมะ”
สถานที่แห่งนี้คือ Community
ของนักเดินทางสายบุญ โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการปฏิบัติธรรม “วัดกรดงาม” ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธที่มี
Concept ชัดเจน
สังเกตได้จากตัวอุโบสถสีขาวดีไซน์เรียบง่ายสะอาดตา เป็นโบสถ์ที่ดูน้อยด้วยรายละเอียด
แต่มากด้วยความสงบ เหมาะแก่การปล่อยวางเรื่องทางโลก แล้วหันหน้าสู่ทางธรรม
ซึ่งนักท่องเที่ยวสายบุญสามารถเช็คคิวกับทางวัดล่วงหน้า
เพราะที่วัดแห่งนี้มีกิจกรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมในทุกเดือน
สอบถาม ททท.สำนักงานนครสวรรค์
โทร. 0 5622 1811-2
สุขภาพ – มีตัวช่วยมาบอก!!ไขความลับนอนงีบกี่นาที…ดีต่อสุขภาพ
การนอนงีบ
คือ การนอนหลับในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อชดเชยเวลานอนไม่เพียงพอ
ช่วงระยะเวลาของการนอนหลับ จะมีผลต่อสุขภาพ ทั้งด้านสมองและร่างกาย
สามารถทำให้คุณรู้สึกตื่นตัวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดความตึงเครียด
ทำให้จิตใจสดชื่นแจ่มใส นอกจากนี้ระบบร่างกายของคุณก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ใช้เวลาหลับแค่เพียง
10 นาทีเท่านั้น จะสามารถตื่นตัวพร้อมที่จะทำงานต่อไปได้อีก 3 ชั่วโมง และยังพบว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าการนอนหลับนาน
30 นาที – 1 ชั่วโมง
นอกจากนี้ประสิทธิภาพของร่างกายแต่ละคนก็มีผลถึงความต้องการการงีบระหว่างวัน
บางคนไม่จำเป็น บางคนก็ต้องการเพียงเล็กน้อยหรือต้องการหลับไปนานๆ เลยก็มีเช่นกัน”
ข้อดีของการงีบระหว่างวัน
ก่อให้เกิดการตื่นตัวทั้งด้านสมองและร่างกายในการทำงาน
มีความกระตือรือร้น อาการร่วงโรยต่างๆ จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ลดความเครียดหรือความหงุดหงิด
เป็นการผ่อนคลายสมอง เพราะการหลับจะช่วยลดฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียดได้
ทำให้สมองมีประสิทธิภาพในการจำได้อย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้น
การเรียนรู้สิ่งต่างๆ ทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่า 40%
การทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์จะทำได้ดีและมีความพร้อมมากขึ้น แล้วสุขภาพโดยรวมดีขึ้น
เนื่องจากการงีบระหว่างวันจะทำให้ร่างกายปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย
และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ได้ดีขึ้น
เวลาที่เหมาะสมที่ควรงีบระหว่างวัน
1.นอนหลับ 10 – 20 นาที จะช่วยเพิ่มพลังงานและคืนความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
สมองโปร่ง เพราะอยู่ในช่วง non – rapid eye movement (NREM)
2.นอนหลับ 30 นาที เป็นเวลานอนที่ไม่เป็นผลดีกับร่างกาย เพราะจะยังคงรู้สึกง่วง
มึนงง เหมือนกับนอนไม่พอ และยังคงไม่พร้อมที่จะทำงาน
ซึ่งกว่าอาการนี้จะหายไปก็ใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาทีต่อมา
3.นอนหลับ 60 นาที เป็นช่วงที่ดีต่อความจำ ซึ่งเรียกว่าอยู่ในช่วง Slow
– wave sleep เป็นการหลับลึกที่ยังคงความง่วง แต่สมองสามารถเสริมความจำดีไว้ได้
4.นอนหลับ 90 นาที เป็นการนอนที่ครบรอบ กล่าวคือ มีหลับลึกและไม่ลึกมากนัก
อาจมีการฝันบ้าง ช่วยให้อารมณ์ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และไม่งัวเงียเหมือนช่วง 30
– 60 นาที
จากผลวิจัยพบว่าการใช้เวลางีบระหว่างวันเกินกว่า
30 – 45 นาที หรือการงีบช่วง 11.00 น. นอกจากจะไม่ส่งผลดีกับร่างกายแล้ว
ยังก่อให้เกิดผลเสียตามมาอย่างเช่นทำให้ช่วงกลางคืนนอนไม่หลับ
และอาจมีปัญหาสุขภาพตามมาอีกด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–ว.ดุสิตธานีMOUปั้นอาชีพท่องเที่ยว/โรงแรมรุกตลาดมุสลิม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ทิวา พาร์ค
คณบดีคณะอุตสาหกรรมบริการ (หลักสูตรไทย) วิทยาลัยดุสิตธานี
สถาบันอุดมศึกษาด้านธุรกิจบริการระดับแนวหน้าของไทยในเครือโรงแรมดุสิตธานี
เปิดเผยว่า วิทยาลัยดุสิตธานีได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือทางด้านวิชาการกับทาง สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสมุทรปราการ
เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อธุรกิจบริการ ทั้งด้านการท่องเที่ยว
การโรงแรม และอาหาร
กับองค์กรที่มีความเข้าใจในหลักปฏิบัติของศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง มุ่งส่งเสริมการเรียนรู้ด้านอุตสาหกรรมบริการและการศึกษาด้านการจัดการ
เพื่อประโยชน์ต่อนักศึกษาและชุมชนโดยรอบในมิติต่าง ๆ ได้แก่
โอกาสในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ โอกาสด้านการทำงานและการพัฒนาวิชาชีพ
การจัดโครงการของนักศึกษาและกิจกรรมด้านบริการชุมชน
การฝึกอบรมร่วมและโครงการวิจัยร่วมกัน
ซึ่งจะทำให้นักศึกษาวิทยาลัยดุสิตธานีทั้งสาขาการจัดการโรงแรมและสาขาศิลปะการประกอบอาหาร
ติดอาวุธความรู้เพื่อก้าวเข้าไปทำงานในธุรกิจบริการที่มีชาวมุสลิมเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญของไทย
ทางวิทยาลัยดุสิตธานี เล็งเห็นความสำคัญของประชากรกลุ่มนี้
ทั้งทางด้านการใช้ชีวิตร่วมกันภายในวิทยาลัยอย่างผาสุกไร้พรมแดนทางศาสนา
ในหมู่นักศึกษา อาจารย์ หรือบุคลากร จึงเตรียมสถานที่ อาหาร
และรูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสมไว้ต้อนรับกลุ่มชาวมุสลิม
ผนวกกับปัจจุบันทั่วโลกมีประชากรชาวมุสลิมกระจายอยู่มากกว่า
1,565 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราส่วนเท่ากับ 1 ใน 4 ของ
ประชากรโลกทั้งหมด ตามรายงานของ Pew Research Center หน่วยงานวิจัยสำคัญแห่งหนึ่งของอเมริกาเน้นสำรวจความคิดเห็นของสาธารณชน
โดยเฉพาะทางด้านสังคมวิทยาและศาสนา เคยคาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) ทั่วโลกจะมีชาวมุสลิมเพิ่มขึ้นเป็น
2,200 ล้านคน ขณะนี้มีชาวมุสลิมส่วนใหญ่อยู่ใน 49 ประเทศ ถือเป็นกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ของโลก ทำให้แต่ละประเทศหันมาสนใจจัดรูปแบบการท่องเที่ยวให้สอดคล้องและตอบสนองพฤติกรรมการท่องเที่ยวของมุสลิมมากขึ้น
โดยเฉพาะในเรื่องข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมทั้งรูปแบบของอาหารต่างๆ
นายไพศาล พรหมยงค์
ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า
ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ครั้งนี้ได้ลงนามความร่วมมือกับวิทยาลัยดุสิตธานี
ทั้งสององค์กรมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน
ทั้งในเชิงภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน และความร่วมมือกันทำกิจกรรมต่าง
ๆ เช่น
การสนับสนุนและเป็นที่ปรึกษาให้แก่วิทยาลัยในการจัดทำตำรับอาหารไทย-ฮาลาล การสร้างมาตรฐานวิทยาลัยดุสิตธานี
ตำราอาหารฮาลาลสมบูรณ์แบบเล่มแรกของไทยที่รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ โดยมี ดร. พิศาล สร้อยธุหร่ำ
ที่ปรึกษาด้านการศึกษา และผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมกิจการครัวไทย
วิทยาลัยดุสิตธานี เป็นผู้ริเริ่มในการจัดทำ
รวมทั้งปัจจุบันฮาลาล (Halal)
หรือการผลิตและการบริการที่ไม่ขัดต่อบัญญัติของศาสนาอิสลามนั้นนับเป็นกระแสของโลก
ไม่ใช่เฉพาะเรื่องอาหาร แต่รวมถึงการดำเนินชีวิต ในสมุทรปราการเป็นจังหวัดที่มีฮาลาลมากที่สุดของเมืองไทย
ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร การท่องเที่ยว หรือการขนส่ง คณะกรรมการฯ
จึงพร้อมจะนำความรู้และประสบการณ์มาแบ่งปันให้วิทยาลัยดุสิตธานีที่มีความพร้อมอย่างยิ่งผลิตบุคลากรป้อนอุตสาหกรรมบริการพัฒนาคนเข้าสู่อาชีพอย่างสมบูรณ์
ทางคณะอุตสาหกรรมบริการ (หลักสูตรไทย)
วิทยาลัยดุสิตธานี และ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสมุทรปราการ เชื่อมั่นการลงนาม
MOU ครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อสังคมทั้งในเชิงธุรกิจบริการและชุมชนชาวมุสลิมอย่างเข้มแข็งมีประสิทธิภาพ
ทำให้ทุกภาคส่วนเกิดความยั่งยืน
ข่าวที่สอง
-ททท.หนุนเชฟบูมISAN FOOD TASTINGฟินที่ขอนแก่น
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เหล่า
avengers หรือฮีโร่ทั่วจังหวัดขอนแก่น
ได้รวมตัวพร้อมใจกันมารังสรรค์อาหารมื้อพิเศษให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงอาหาร
ได้รับประทานแบบฟินในสไตล์ Casual Fine Dining ต้อนรับเทศกาล Thailand Soft Power : ISAN
FOOD TASTING” ระหว่างวันที่
19 กรกฎาคม
– 15 สิงหาคม 2566 นำโดย “เชฟจิ๊บ-ไพศาล” จากร้านแก่น Neo
Isan Casual Fine Dining กับ “พ่อสวาท อุปฮาด”
ปราชญ์ชาวบ้านผู้เชี่ยวชาญเกษตรกรอินทรีย์ และการหมักดองพื้นบ้าน เจ้าของแบรนด์
“คูน” อำเภอน้ำพอง
รวมทั้งมีศิลปินตบเท้าร่วมด้วยคือ CHUPOT ศิลปิน craft แนว
Nerikomi พร้อมจะขึ้นเวทีนำเสนองานออกแบบภาชนะ
พิมพ์เผาขึ้นรูปที่มีความเป็นอีสาน โดยใช้ลายผ้าขาวม้าออกแบบภาชนะสร้างสรรค์ขึ้นเฉพาะอีเวนท์พิเศษรายการนี้เท่านั้น
อีกทั้งยังมีวงดนตรีอีสานแนวใหม่ภายใต้ชื่อ “หมาเก้าหาง”
มาร่วมสร้างสีสันกระตุกต่อมนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเข้าไปร่วมชิม ชม ชิล
ตลอดงาน
อีกไฮไลต์คือ
I•S•A•N P•O•W•E•R เป็นการนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของ
Isan Gastronomy เส้นทางตั้งแต่ต้นน้ำ
กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำเรื่องอาหารอีสานแซ่บ ที่สามารถดึงองค์ประกอบไทยหรือ elements
ความเป็นอีสานต่าง ๆ มาไว้ที่งานดังกล่าว ระหว่างวันที่ 23-27
สิงหาคม 2566 ที่ร้านแก่น จังหวัดขอนแก่น
ตลอดงานนี้เปิดให้ผู้ที่ชื่นชอบร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับกิจกรรม Thailand
Soft Power : ISAN FOOD TASTING เพื่อต่อยอดขยายผลเชิญชวนผู้เข้าร่วมงานเป็นวงกว้าง
เข้ามาร่วมด้วยได้ตามขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่
1 แชร์โพสต์กิจกรรม Isan Food Tasting บน Facebook
Page “เที่ยวอีสาน.com” พร้อมบอกเหตุผลว่าทำไมถึงอยากมาทานมื้อสุดพิเศษนี้กับเรา
พร้อมติด #อีสานไปไสกะแซ่บ
ขั้นตอนที่
2 แคปหน้าจอโพสต์ของคุณ
มาคอมเมนต์ลงใต้โพสต์กิจกรรมบน Facebook page ของ
เที่ยวอีสาน.com
ขั้นตอนที่
3 หากเหตุผลของผู้แชร์โพสต์กิจกรรมคนใด
โดนใจกรรมการมากที่สุด จะได้รับสิทธิ์เป็น 1
ในผู้โชคดีเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์มื้ออาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ร้านแก่น
จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 23 – 27 สิงหาคม 2566
นักท่องเที่ยวสายอาหารสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมแห่งสีสันอาหารอีสานช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม
นี้ ได้ที่ www.tourismthailand.org/thailandsoftpower
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น