ผ่าวาระแห่งชาติ“ทัวร์จีน”งัดใช้FREE VISAล็อกเป้า5ล้านคน
ยุค3ผู้นำใหม่“นายกเศรษฐา-รมว.สุดาวรรณ-ผู้ว่าฐาปนีย์”
นำทัพฝ่ากำแพงเมืองจีน4ท้าทาย+พฤติกรรมใหม่3เทรนด์
คิงเพาเวอร์“BE@RBRICK World”บัตรEarlyBird350บาท
คิงเพาเวอร์มหานครจัดJassNightทุกศุกร์ตลอดก.ย.66
“ททท.-นิชชิน”ปิ๊งใช้ซองบะหมี่บูมเที่ยวไทยช่วงกินเจต.ค.
บางจากแจกโปรเติมน้ำมันไฮพรีเมี่ยม16ก.ย.-15ธ.ค.66
TCEBชวนเลือกตะเคียนเตี้ยไมซ์ชุมชนวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิม
Unseenถิ่นภาคใต้ “วัดเขาเจีดย์ชุมพร-วัดบางโทงกระบี่”
7 วิธีง่ายสุดสามารถสร้างสุขภาพดีได้แค่เลือกกินอาหาร
สิงคโปร์แอร์ชิงบินเพิ่มกรุงเทพฯและภูเก็ตแจกฟรี
WiFi
IATAชี้บินโลกรายได้แซงปี’62โดเมสติก“จีน-อเมริกา”พุ่ง
วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #FreeVisa #ทัวร์จีน
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/n6dFrOeKW_/
ช่วงที่ 1 ผ่าวาระแห่งชาติทัวร์จีน กับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” คอลัมนิสต์ Influenecr ท่องเที่ยวและผู้ดำเนินรายการ
ต้อนรับ “3 ผู้นำใหม่”
“พลิกรายได้ท่องเที่ยวไทยในตลาดโลกสู่เป้าปี’67 ต้องได้ 3
ล้านล้านบาท “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” นำทีมล็อกเป้า “ทัวร์จีน” เข้าไทย
5 ล้านคน งัดนโยบาย FREE VISA เริ่ม 25
ก.ย.66 “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล”
รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหนุนทุกช่องทาง “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์”ผู้ว่าการ
ททท.จัดทัพตลาดการขาย ฝ่า 4 เรื่องใหญ่ “จีนเที่ยวนอก” ปี’66ไม่เกิน 30% “4องค์กรอินเตอร์”
ชี้เอาท์บาวนด์จีนฟื้นแบบ U Shape “จีนแห่เที่ยวจีน” 8 เดือน 1,839 ล้านคน-ครั้ง ทำเงิน 6 ล้านล้าน “เทรนด์ความต้องการจีนเปลี่ยน” เน้นดิจิทัล 3 บริการ “IoT+AR/VR+ออนไลน์” แนะเอกชนปรับตัวรับ 3
แนว
“เลือกขายสินค้าท่องเที่ยวคุณภาพสูง-ลงทุนใช้พลังโซเชียลมีเดีย-ผนึกพันธมิตรทำ D2C”
ขณะนี้ประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่นำพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเสาเศรษฐกิจสร้างรายได้เร่งด่วนปูพรมปีงบประมาณ 2567 ต้องได้ 3 ล้านล้านบาท ภายใต้ “3 ผู้นำใหม่” คือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ “นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ประเดิมนโยบายแรกทำทันที ล็อกเป้า “นำเข้าทัวร์จีน” ซึ่งเคยเดินทางมาไทยมากที่สุดเมื่อปี 2562 อันดับ 1 รวมทั้งสิ้น 10.99 ล้านคน (จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 39.9 ล้านคน) เพิ่มขึ้น 4.36% สร้างรายได้ 5.43 แสนล้านบาท เพิ่ม 4.78% ต่อมาปี 2563 เกิดโควิดระบาดเป็นเหตุการณ์หยุดโลกการท่องเที่ยวฉับพลัน กระทั่งเดือนกรกฎาคม 2565 รัฐบาลไทยประกาศเปิดประเทศโดยลดเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ต่างชาติทยอยเข้ามาเที่ยวได้ตามปกติ ส่วนรัฐบาลจีนให้ประชาชนเดินทางต่างประเทศรวมไทยได้อีกครั้งเมื่อธันวาคม 2565 เป็นต้นมา
ปี 2566 ททท.ตั้งเป้าใหม่อีกครั้งจะนำเข้าทัวร์จีนให้ได้ 5 ล้านคน สร้างรายได้ 3.5 แสนล้านบาทขึ้นไป ภายใต้สถานการณ์ “โลกใหม่” และ “พฤติกรรมจีน” เปลี่ยนไปจากอดีตโดยสิ้นเชิง ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของ “เอกชนไทยในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” ตั้งตารอนโยบายรัฐบาลไทยประกาศเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนให้เร็วและมากที่สุด เพื่อกระจายเม็ดเงินหมุนเวียนสู่เศรษฐกิจฐานรากเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งมีจำนวนเกือบ 11 ล้านคน แตกต่างจาก 8 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-สิงหาคม 2566 จีนมาเที่ยวเมืองไทยอันดับสอง 2.2 ล้านคน
นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ขานรับเสียงเรียกร้องเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ประกาศใช้นโยบาย “VISA FREE” นำร่องเปิดรับจีนและคาซัคสถานเดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าโดยพำนักอยู่ได้ภายในเวลาที่กำหนด ทดลอง 5 เดือนแรกเริ่ม 25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567
นโยบายนี้ทุกภาคส่วนของไทยทั้งรัฐบาลและเอกชนจะต้องผนึกกันฝ่าความท้าทายกับสถานการณ์ใน
“สาธารณรัฐประชาชนจีน” ไปให้ได้ เนื่องจากปัจจุบันจีนกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรงส่งผลถึง
“การใช้จ่ายเงินของคนจีน” หลายมิติจะส่งผลกับการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ
(outbound) ของจีน 4 เรื่องใหญ่
ดังนี้
เรื่องที่ 1 ตลอดปี 2566 มีรายงานคนจีนจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ (Outbound) ทั่วโลกเพียง 30 % ของจำนวนผู้ที่มีหนังสือเดินทางราว 100 ล้านคน ล่าสุดสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เปิดตัวเลขล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2566 สายการบินจีนมุ่งให้บริการ “เที่ยวบินภายในประเทศ” เติบโตแข็งแกร่งมากที่สุด มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 71.9% สูงกว่าเดือนกรกฎาคม 2562 ถึง 22.5% ทำให้ภาพรวมทั่วโลกมีปริมาณการจราจรทางอากาศเพิ่มขึ้นสูงสุด 21.5% แล้วยังทำรายได้ผู้โดยสารต่อกิโลเมตร (RPK) สูงกว่าช่วงสถานการณ์ปกติปี 2562 ก่อนเกิดโควิดถึง 8.3%
เรื่องที่ 2 “ภาพรวมจีนเที่ยวในประเทศ” องค์กรการท่องเที่ยวจีนรายงาน “คนจีนเน้นเที่ยวในประเทศ” ตลอด 8 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-สิงหาคม 2566 รวมแล้วกว่า 1,839 ล้านคน-ครั้ง แซงหน้าปี 2562 และสร้างรายได้ 6 ล้านล้านบาท มีอัตราพักเพิ่มขึ้น 140 % ใช้บริการเที่ยวบินในประเทศเพิ่ม 40 %
“จีนเที่ยวในประเทศ” ช่วงครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม-มิถุนายน 2566
สร้างรายได้ประมาณ 2.3 ล้านล้านหยวน
หรือประมาณ 3.18 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 108.9
% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน ใช้เงินท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 41.5
% โดยมีสัญญาณฟื้นตัวทั้งจีนเที่ยวในประเทศและต่างประเทศกลับมาเติบโตอย่างช้า
ๆ เพราะความไม่แน่นอนจากสภาพแวดล้อมของ “รายได้และการจ้างงาน” ประเมินได้จากเซกเตอร์ค้าปลีกและบริการอื่น
ๆ ผนวกกับ “เที่ยวบินระหว่างประเทศ”
ยังต้องใช้เวลายาวนานที่จะฟื้นตัวกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
ยังไม่สามารถยืนยันแน่ชัดได้ว่าจนถึงไตรมาส 4 ปี 2566
เที่ยวบินระหว่างประเทศจะกลับมาได้ถึง 80 % หรือไม่
จึงทำให้คนจีนหันกลับไปวางแผนเที่ยวในประเทศแทนเที่ยวต่างประเทศซึ่งขณะนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก
ตลาดหลักขณะนี้คือ
“กลุ่มคนหนุ่มสาวจีน” ซึ่งเน้นเลือกซื้อโปรแกรมการเดินทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
และเลือกซื้อเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ ตัวอย่างล่าสุด
ในซีอานของจีนเพิ่งเปิดบริการท่องเที่ยวรถไฟ
โดยดีไซน์ให้นักท่องเที่ยวสวมชุดย้อนสมัยราชวงศ์ฮั่นและราชวงศ์ถังตลอดทริปบนรถไฟ
รวมทั้งชูจุดขายท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น
เมืองคัชการ์ในจีนจัดแพกเกจครบวงจรให้นักท่องเที่ยวแต่งหน้าทำผมพร้อมจ้างช่างภาพมาบริการตลอดทริป
ราคาแพกเกจละ 1,500 หยวน/คน/ทริป
ส่วนพฤติกรรมของ
“นักท่องเที่ยวจีนหลังสถานการณ์โควิด-19” ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง
รวมทั้ง “การท่องเที่ยวต่างประเทศ” มีข้อจำกัดหลายอย่าง สวนทางกับ
“การท่องเที่ยวในประเทศ”
ซึ่งเติบโตเฟื่องฟูสมบูรณ์แบบชัดเจนด้วยการท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ Staycation ในการเข้าถึงประสบการณ์พักผ่อนในรีสอร์ต ทริปสกี และเมืองต่าง ๆ
เรื่องที่ 3 “ภาพรวมจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ”
ตลอดครึ่งปีแรก 2566 มีข้อมูลยืนยันจาก 4 องค์กรใหญ่ ประเมินนักท่องเที่ยวจีนไปในทิศทางเดียวกันคือจะฟื้นตัวอย่างช้า
ๆ
ด้วยข้อจำกัดและพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตโดยสิ้นเชิง
ประกอบด้วย
องค์กรแรก World Tourism
Alliance วิเคราะห์ครึ่งปีแรก 2566 จีนจะเดินทางต่างประเทศเพิ่มขึ้น 21 % เปรียบเทียบช่วงเดียวกันกับก่อนเกิดโควิดปี 2562 แนวโน้มตลาดจะปรับตัวขึ้นแบบ
U-Shaped ไม่ได้เติบโตแบบหวือหวารวดเร็วนัก
องค์กรที่สอง Alipay’s
Overseas Spending Platform ระบุจีนเที่ยวต่างประเทศประมาณ
24 % ของปี 2562 มีเป้าหมายมาไทยติดอันดับ
4 จากทั้งหมด 10 ประเทศ อันดับ 1
ฮ่องกง อันดับ 2 มาเก๊า อันดับ 3 ญี่ปุ่น โดยมีแรงดึงดูดจากรัฐบาลจีนนำนโยบาย Greater Bay Area มาใช้ส่งเสริมการท่องเที่ยวตั้งแต่พฤษภาคม 2566 กระตุ้นจีนท่องเที่ยวในพื้นที่สามเหลี่ยมเชื่อมโยง
“จีน-ฮ่องกง-มาเก๊า” ซึ่งทางการท่องเที่ยวฮ่องกงออกมาประกาศว่าช่วงครึ่งปีแรกก็มีจีนเที่ยวฮ่องกงแล้ว
13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 77 %
องค์กรที่สาม สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของสาธารณรัฐประชาชนจีน รายงานตัวเลขตอกย้ำถึงพลังดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางเข้าออก Greater Bay Area Cities ในพื้นที่เชื่อมโยง 10 เมือง ได้แก่ เสิ่นเจิ้น เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ปักกิ่ง หังโจว ชูไห่ เฉิงตู
อู่ฮั่น ฝัวซาน ตงกว่าน ส่วนใหญ่เป็น “กลุ่มคนจีนที่มีรายได้ระดับปานกลาง” ชื่นชอบเดินทางเพื่อการพักผ่อน
ทำธุรกิจ เยี่ยมญาติและเพื่อน
องค์กรที่สี่ กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุถึงการขยายตัวของจีนเดินทางต่างประเทศสู่จุดหมายปลายทางที่ชื่นชอบ
ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และกลุ่มยุโรปเองก็คาดหวังจะได้รับอานิสงด้วยการนำนโยบายวีซ่าเข้ามาใช้ดึงความสนใจนักท่องเที่ยวจีนเช่นกัน
เรื่องที่ 4 ความต้องการของผู้บริโภคหรือนักท่องเที่ยวจีน มุ่งสู่ยุคเทคโนโลยี
“ดิจิทัล” ตอนนี้มีเทรนด์มาแรงเรื่อง
Tech-savvy อันหมายถึง “ผู้บริการจะต้องมีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีขั้นสูง”
เป็นพลังขับเคลื่อนสร้างสรรจุดขายการท่องเที่ยวอย่างทันสมัย ทำให้นักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติเชื่อมโยงเข้าถึงพื้นที่เป้าหมายได้ง่าย
ขณะนี้ทัวร์จีนกำลังนิยมพึ่งพาดิจิทัลเทรนด์ใหม่
3 บริการ ประกอบด้วย
บริการที่ 1
IoT ตามโรงแรมที่พักในจีนได้ดีไซน์ห้องพักให้กลายเป็นศูนย์รวมอินเตอร์เน็ต
ออฟ ธิงส์ ได้
บริการที่ 2
เทคโนโลยี VR/AR พัฒนาสร้างโลกเสมือนจริงแนะนำแหล่งท่องเที่ยว
แหล่งธรรมชาติ และวัฒนธรรม เพิ่มช่องทางการเรียนรู้ใช้เป็นเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพเสริมการตลาดให้คนเข้าถึงเส้นทางท่องเที่ยวเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
บริการที่ 3
“บริการการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ” ควบคู่กับการใช้ดิจิทัลเพย์เมนท์ ขณะนี้การท่องเที่ยวภายในประเทศของจีนฟื้นตัวเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากมี
China Tech
เป็นศูนย์กลางดูแลการใช้จ่ายเงินผ่านดิจิทัลตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ
ได้ตลอดทริปอย่างสะดวกปลอดภัย เริ่มจากการเช็คอิน การเลือกสถานที่รับประทานอาหาร
แหล่งช้อปปิ้ง
และมีปฏิสัมพันธ์การโต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับผู้ให้บริการได้ต่อเนื่องทุกจุด
ดังนั้นประเทศที่จะต้องการเพิ่มรายได้
“ตลาดจีนกลุ่มคุณภาพ” มากขึ้น ควรจะต้องจัดเตรียมสินค้าทางการท่องเที่ยวให้พร้อม 3 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1
นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์คุณภาพสูง ไว้รองรับตลาดหลักที่มีจำนวนและการใช้จ่ายเงินมากเป็นอันดับต้น ๆ คือ
“กลุ่มครอบครัว”
ซึ่งสนใจแหล่งท่องเที่ยวสวนสนุก กีฬาทางน้ำ กิจกรรมเชิงวัฒนธรรม ซึ่งผู้ประกอบการท่องเที่ยวควรดีไซน์ให้สมดุลระหว่างการเข้าถึงและความน่าเชื่อถือประสบการณ์ความสะดวกสบายและความตื่นตาตื่นใจ
ส่วนที่ 2 ใช้พลังของโซเชียล มีเดีย ทำคลิปวิดีโอสั้น ๆ
สร้างแรงบันดาลใจให้ทัวร์จีนกลุ่มเป้าหมายได้ตรงตามวัย/อายุ
ผนวกการเปิดตัวแคมเปญแหล่งท่องเที่ยวใหม่ด้วยวิดีโอที่น่าสนใจ
ปัจจุบันจีนนิยมใช้แพลตฟอร์ม Douyin,
Xiaohongshu , Tik Tok , WeChat
มีผลอย่างมากที่จะทำให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวจีนได้จำนวนมหาศาล
ส่วนที่ 3 ใช้ช่องทางตรง หรือ D2C
-Direct-to-Consumer
ทั้งกับบริษัทตัวแทนขายท่องเที่ยวออนไลน์ (OTAs) ศูนย์กลางออนไลน์ท่องเที่ยวหลักหรือ OTPs -Online
travel portals
วันนี้รัฐบาลไทยภายใต้ “3 ผู้นำ” ใหม่ทั้งของประเทศและท่องเที่ยว ทำตามข้อเรียกร้องเรื่อง “วาระแห่งชาติทัวร์จีน” แล้ว แต่ก็จะต้องกอดคอกันฝ่าความท้าทายทั้ง 4 เรื่อง พร้อมกับปรับสินค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมใหม่ของจีนที่เน้นพึ่งพาดิจิทัลเทรนด์ใหม่ 3 บริการ เมื่อลงมือทำแล้วก็ต้องติดตามต่อถึงเป้าหมายรายได้จะเข้าเป้า 3.5-5 แสนล้านบาทอย่างไร
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1คิงเพาเวอร์“BE@RBRICK World”บัตรEarlyBird350บาท
คิง
เพาเวอร์ มหานคร ร่วมกับ メディコム・トイภูมิใจนำเสนอความอลังการ
นำ #BEARBRICK มาจัดงาน
“BE@RBRICK WORLD WIDE TOUR 3 in Bangkok” ระหว่างวันที่ 5 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน 2566 เป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงขอเชิญชวนทุกคนเตรียมตัวต้อนรับ BE@RBRICK สุดพิเศษมากกว่า 100 ดีไซน์ ที่บริเวณจุดชมวิวภายในอาคารสูงที่สุดในเมืองไทย ชั้น 74 คิง เพาเวอร์ มหานคร
โดยภัณฑารักษ์ร่วมและผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
คือ บริษัท อาร์ต เวิร์กส์ เวิลด์ไวด์ จำกัด ได้เปิดขายบัตร Early Bird คนละ
350 บาท (ราคานี้เฉพาะการขึ้นชมชั้น 74 เท่านั้น)
เริ่มตั้งแต่วันนี้- 30 กันยายน 2566
ส่วนคิง เพาเวอร์ มหานคร เปิดให้บริการทุกวัน
ตั้งแต่ 10:00 - 00:00 น. โทร
02-677-8721
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์มหานครจัดJassNightทุกศุกร์ตลอดก.ย.66
คิง เพาเวอร์ มหานคร ชวนมาสัมผัส THE JAZZ IS COMING เพลิดเพลินกับ
Jazz Night in September ในทุกๆ
วันศุกร์ของเดือนกันยายนที่ Maison
Du Vin Mahanakhon บริเวณมหานคร
อีเทอรี่ พบกับวงแจ๊สชื่อดังของเมืองไทยที่จะสลับสับเปลี่ยนกันมาแสดงแจ๊สในหลากหลายสไตล์ ควงกันมา 2 คน จ่ายค่าบัตรราคาเพียง
2,500 บาท (รวมเครื่องดื่มจาก Maison Du Vin Mahanakhon และอาหารจาก
Mahanakhon Eatery สามารถเลือกได้ตามต้องการ เปิดบริการตั้งแต่19.00
- 21.45 น. สำรองบัตรได้ที่
https://maisonduvin.mahanakhoncube.com
สำหรับ คิง เพาเวอร์ มหานคร เปิดให้บริการทุกวัน
ตั้งแต่ 10:00 - 22:00 น. ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส
ลงสถานีช่องนนทรี เลือกทางออก 3 หรือโทรสอบถามเพิ่มได้ที่ 02-677-8721
ข่าวที่
3 “ททท.-นิชชิน”ปิ๊งใช้ซองบะหมี่บูมเที่ยวไทยช่วงกินเจต.ค.66
นายกิตติพงษ์
ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ททท. ร่วมมือกับ บริษัท นิสชิน ฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยผ่านผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์นิสชิน
(NISSIN
Brand) ออกแบบซองบรรุจภัณฑ์รุ่นใหม่ในกลุ่มสินค้า Thai
Signature 4 รสชาติและผลิตภัณฑ์เจ 2 รสชาติ โดยนำภาพและข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวประชาสัมพันธ์บนซองสินค้า
สร้างกระแสการรับรู้ให้ผู้คนออกเดินทางค้นหาประสบการณ์อาหารไทยด้วยตนเอง
วางแผนทำตลาดโดยเตรียมวางขายทั่วประเทศช่วงเทศกาลกินเจเริ่มปลายเดือนกันยายน
2566 เป็นต้นไป เพื่อต่อยอดจัดกิจกรรมนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวข้อง ตรงบริเวณวัดมังกรกมลาวาส
(วัดเล่งเน่ยยี่) ถนนเยาวราช กรุงเทพมหานคร และศาลเจ้าบางเหนียว จ.ภูเก็ต
ระหว่างวันที่ 15 -23 ตุลาคม 2566 จะตั้งบูธแจกของที่ระลึก สินค้าตัวอย่าง
จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ เพื่อประชาสัมพันธ์ช่วงจัดงานให้คนไทยและนักท่องเที่ยวที่สัญจรไปมารับรู้
รวมทั้งพีอาร์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ของ NISSIN Foods
Thailand สร้างการรับรู้และกระแสการเดินทางตามสถานที่ท่องเที่ยวต่อเนื่องตั้งแต่เทศกาลกินเจรวมทั้งก่อนหรือหลังเทศกาลได้ตลอดทั้งปี
2566
ส่วนการออกแบบบรรจุภัณฑ์รุ่นใหม่ในกลุ่มสินค้า
The
Signature
และผลิตภัณฑ์เจ นั้นทั้งสองฝ่ายได้คัดเลือกภาพและข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวไทย
ใช้พิมพ์ลงบนบรรจุภัณฑ์บะหมี่
กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์นิสชิน ทั้งแบบซองและแบบถ้วย เพื่อเป็นช่องทางทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวเมืองไทยผ่านบรรจุภัณฑ์
เดินหน้าเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารผ่านรสชาติบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนิสชิน สร้างสรรค์รสชาติเมนูอาหารไทยที่มีชื่อเสียงเชื่อมโยงสู่สถานที่ท่องเที่ยวต่าง
ๆ ทั่วไทย เป็นแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวให้เดินทางไปสัมผัสประสบการณ์อาหารท้องถิ่นถึงสถานที่จริงด้วยตนเอง
ตอกย้ำยุทธศาสตร์ส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2566 ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวและนักชิมทั่วโลก
นายฮิจิริ
ฟุกุโอกะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสชิน ฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
กล่าวว่า นิสชิน
ตั้งใจจะนำผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกลุ่ม Thai
Signature และผลิตภัณฑ์เจ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
ด้วยศักยภาพการพัฒนาแบรนด์ คุณภาพสินค้า
และสะท้อนความเป็นไทยผ่านรสชาติของผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง ทุกเพศ
ทุกวัย มั่นใจผลิตภัณฑ์นิสชินจะเป็นเครื่องมือช่วยสร้างการรับรู้
กระตุ้นกระแสการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย ททท. ได้
สำหรับบรรจุภัณฑ์รุ่นใหม่ได้ออกแบบพิเศษ
2 ส่วน ได้แก่ “ด้านหน้า” มีเครื่องหมายแคมเปญ Amazing Thailand ททท. ส่วน “ด้านหลัง” มีรูปภาพข้อมูลและสถานที่ท่องเที่ยวไทย ประกอบด้วย
กลุ่มที่
1
ผลิตภัณฑ์เจจะเลือกใช้ภาพและชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในประเทศเป็นที่รู้จักช่วงเทศกาลกินเจ
2 แห่ง ได้แก่ 1.รสเผ็ดเกาหลีเจ
(แบบแห้ง) – วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่)
ถนนเยาวราช กรุงเทพมหานคร 2.รสฮอตชิลลีล็อบสเตอร์เจ – ศาลเจ้าบางเหนียว จ.ภูเก็ต
กลุ่มที่
2
ผลิตภัณฑ์ Thai Signature 4 รสชาติ
จะเลือกใช้ภาพและชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ
แล้วยังได้ออกแบบพิเศษด้วยลายเอกลักษณ์ไทยด้านหน้าซองซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละรสชาติ
ได้แก่
“รสต้มยำกุ้งน้ำข้น”
มีภาพแหล่งท่องเที่ยว วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
กรุงเทพมหานคร และออกแบบลายกราฟิกด้านหน้าซองเป็นลายเอกลักษณ์กระเบื้องพระปรางค์วัดอรุณฯ
“รสซอสครีมต้มยำมันกุ้ง”
(แบบแห้ง) มีภาพแหล่งท่องเที่ยว ลานหินสีชมพู จ.จันทบุรี และออกแบบลายกราฟิกด้านหน้าซองเป็นลายเอกลักษณ์ลายกนกไทย
สมัยสุโขทัย
“รสปูทะเลผัดผงกะหรี่”
มีภาพแหล่งท่องเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี
และออกแบบลายกราฟิกด้านหน้าซองผลิตภัณฑ์เป็นลายเอกลักษณ์รูปคลื่นทะเลและดอกไม้
จากลายวาดบนเรือกอและในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง
“รสกุ้งมังกรผัดกะปิพริกแห้ง”
มีภาพแหล่งท่องเที่ยวแหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต
และออกแบบลายกราฟิกด้านหน้าซองเป็นลายเอกลักษณ์รูปเกลียวคลื่น
จากลายวาดบนเรือกอและของภาคใต้
ข่าวที่
4 บางจากแจกโปรน้ำมันไฮพรีเมี่ยม16ก.ย.-15ธ.ค.66
บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จัดโปรโมชั่นสมนาคุณลูกค้าได้เติมน้ำมันกลุ่มไฮพรีเมียมทั้งเบนซินและดีเซล
ได้แก่ บางจาก ไฮพรีเมียม 97 (Bangchak Hi Premium 97) และ บางจาก ไฮพรีเมียมดีเซล S (Bangchak Hi Premium Diesel S) เมื่อสะสมยอดเติมครบ 2,000 บาท ตามรอบที่กำหนด รับ SMS รหัสคูปองมูลค่า 100 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการเติมน้ำมันครั้งต่อไป
ลูกค้าสามารถสะสมยอดเติมน้ำมันเพื่อรับรหัสคูปองส่วนลดตามโปรโมชั่นใหม่ได้ตั้งแต่
16 กันยายน 2566 -15 ธันวาคม 2566 เพียงแสดงรหัสคูปองเพื่อรับส่วนลดกับทางพนักงานตามสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ
และสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่เดิมที่จำหน่ายน้ำมันกลุ่มบางจากไฮพรีเมียม หรือจะดูรายละเอียดเพิ่มได้ทางเว็บไซต์www.bcpgreenmiles.com
สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันบางจากกลุ่มไฮพรีเมียม ทั้งไฮพรีเมียม 97 และไฮพรีเมียมดีเซล S เป็นน้ำมันพรีเมียมคุณภาพสูง
มาตรฐาน Euro 5 ผ่านการคัดสรรเนื้อน้ำมันที่ค่าออกเทนและค่าซีเทนสูงเป็นพิเศษ
พร้อมสารเพิ่มคุณภาพจากสหรัฐอเมริกา (USA Formula) ผสานพลังเพิ่มสมรรถนะให้เครื่องยนต์เร่งแรงได้ดังใจ
ช่วยประหยัดน้ำมันและปกป้องถนอมเครื่องยนต์ในระยะยาว เป็น 2 พลังน้ำมันไฮพรีเมียมที่ทำให้คุณไปได้ไกลกว่า
ทุกการเดินทางอย่างปลอดภัย
ข่าวที่
5 TCEBชวนเลือกตะเคียนเตี้ยไมซ์ชุมชนวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิม
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” แนะนำ
พื้นที่ชุมชนไมซ์ “ตะเคียนเตี้ย”
ในภาคตะวันออก ‘ชลบุรี’ จังหวัดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฝั่งทะเลอ่าวไทย มีบริการเข้าถึงการเดินทางสะดวกสบายครบทั้ง
สนามบิน ท่าเรือน้ำลึก เส้นทางรถไฟ
โดยมี
“ตำบลตะเคียนเตี้ย” เป็นชุมชนจัดกิจกรรมไมซ์ หรือ MICE
Activity อีกแห่งที่มีมาตรฐานและกิจกรรมครบจากต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ในจังหวะที่อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวเติบโตอย่างรวดเร็ว ทว่าพื้นที่ชุมชนแห่งนี้ยังคงรักษา
“วัฒนธรรม” วิถีชีวิตชาวสวนมะพร้าวแบบดั้งเดิมไว้ได้ ทำสวนมะพร้าวเป็นอาชีพหลัก
จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจประจำท้องถิ่น แล้วก็ช่วยกันพัฒนาให้ชุมชนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพื้นที่จัดกิจกรรมของนักเดินทางกลุ่มไมซ์เดินทางมาสัมผัสวิถีชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติได้ด้วย
กิจกรรมไมซ์ชุมชนในตำบลตะเคียนเตี้ย
มีอัตลักษณ์รากวัฒนธรรมอันงดงาม ที่จะได้ประสบการณ์วิถีชีวิตในการชมสวนมะพร้าวปลอดสารเคมี
ร่วมชมหรือลงมือทำ D.I.Y.หัตถกรรมพื้นบ้าน
เช่น ประดิษฐ์ของเล่นจากทางมะพร้าว ทำสบู่มะพร้าว ทำเสื้อมัดย้อมจากเปลือกมะพร้าว และอื่น
ๆ
ตอนนี้ทีเส็บแนะนำพื้นที่ใหม่
“สวนป่าสาโรชกะแหวว” เป็นสวนมะพร้าวของชาวบ้านในพื้นที่กว่า 7 ไร่ ได้ปลูกมะพร้าวผสมผสานกับพืชกินได้
และผลไม้ต่าง ๆ กลุ่มจัดงานไมซ์สามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้การทำเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมี
ร่วมกิจกรรมทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นมากคุณประโยชน์ นำกลับมาใช้ที่บ้านได้แบบง่าย ๆ
เลยทีเดียว
ช่วงที่ 2
ท่องเที่ยว
–Unseenถิ่นภาคใต้ “วัดเขาเจีดย์ชุมพร-วัดบางโทงกระบี่”
วางแผนเที่ยวเมืองไทย
ได้ 365 วัน ปักหมุดเลือกไป “Unseen New
Chapters” สัปดาห์ชวนหรอยแรง แหล่งใต้ 2
จังหวัด 2 พิกัด เริ่มจากตื่นรับพลังศรัทธาที่
“วัดเขาเจดีย์วิสัยไตรรัตนาราม” อ.เมือง จ.ชุมพร หรือจะไปสักการะ พุทธคยาแดนใต้ “วัดมหาธาตุวชิรมงคล”
(วัดบางโทง) อ.อ่าวลึก จ.กระบี่
พิกัดที่
1 จากพลังศรัทธาที่หลับใหล...สู่…ศูนย์รวมจิตใจของชุมชน
วัดเขาเจดีย์วิสัยไตรรัตนาราม อ.เมือง จ.ชุมพร
กว่า
50 ปี ที่ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์และพงหญ้า
ในวันนี้…จากวัดร้างที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่า ได้สร้างความฮือฮาบนโลกโซเชียล
เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้าไปขอโชคจนถูกรางวัลที่หนึ่ง
จนเกิดกระแสปากต่อปากถึงความศักดิ์สิทธิ์ของวัดร้าง
และเมื่อเศรษฐีใหม่กลับมาแก้บนด้วยการบูรณะวัด วัดร้างกลางป่าก็กลับมีชีวิตชีวา
กู้คืนศรัทธาที่เคยหลับใหล กลายมาเป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นปลายทางแห่งใหม่
ที่นักเดินทางสายบุญต้องลองมาสัมผัสด้วยจิตของตัวเองดูสักครั้ง
สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
สอบถาม
ททท.สำนักงานชุมพร โทร 0 7750 2775-6 หรือ 0 7750 1831
พิกัดที่
2 พุทธคยาแดนใต้…แลนด์มาร์คใหม่ของสายบุญ วัดมหาธาตุวชิรมงคล (วัดบางโทง)
อ.อ่าวลึก จ.กระบี่
วัดมหาธาตุวชิรมงคล
หรือที่เรียกว่าวัดบางโทง สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษาของในหลวงรัชกาลที่ 10
มีพระมหาธาตุเจดีย์สีทองอร่ามที่สูงที่สุดในภาคใต้
ลักษณะคล้ายกับเจดีย์พุทธคยาของอินเดีย ภายในองค์พระมหาธาตุ
ประดับและตกแต่งด้วยภาพเขียนพุทธประวัติที่สวยงาม บรรยากาศในวัดมีความร่มรื่น
นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้สักการะ พระพุทธรูปต่างๆ ภายในแล้ว
วัดบางโทงยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก
มาแล้วได้ฟิลลิ่งเหมือนอยู่สังเวชนียสถานในต่างแดน
สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
สอบถาม ททท.สำนักงานกระบี่ โทร 0
7562 2163 หรือ 0
7561 2811-2
สุขภาพ
– 7 วิธีง่ายสุดสร้างสุขภาพดีได้เพียงแค่เลือกกินอาหาร
ทุกวันนี้ ทุกคนต้องใส่ใจ “สุขภาพ” อย่างมาก
เพราะสุขภาพดีถือเป็นเกราะป้องกันดีที่สุด ซึ่งการดูแลนั้นทำได้หลายวิธี
แต่หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ “การเลือกกิน” อย่างไร ? เน้นกินอะไร
? หลีกเลี่ยงอาหารชนิดใดบ้าง ? ได้ดังนี้
1.อาหารเช้าสำคัญ อย่ามองข้าม -เป็นอาหารมื้อสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม
การเริ่มวันใหม่ด้วยอาหารเช้าที่มีสารอาหารครบถ้วนในปริมาณพอเหมาะจะช่วยกระตุ้นสมองให้มีสมาธิและการจดจำดีขึ้น
ส่วนคนที่ “ไม่รับประทานอาหารเช้า” อาจทำให้รู้สึกอ่อนล้า ไม่มีแรงระหว่างวัน
จนส่งผลต่อการเรียนและการทำงานได้
2.เน้นปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่ว โปรตีนเป็นสารอาหารหลักสำคัญต่อร่างกาย
ควรเลือกรับประทานแหล่งโปรตีนที่มีประโยชน์หลายด้านอย่าง เนื้อปลา ไข่ ถั่ว
หรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน โดยเฉพาะเนื้อปลาที่มีทั้งโปรตีนและโอเมก้า 3
เป็นไขมันดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย และไข่เป็นแหล่งรวมสารอาหารชั้นดีแต่แคลอรี่ต่ำ
3.ดื่มนมเป็นประจำ เพราะเป็นอาหารมากคุณค่าที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญหลายชนิด
เช่น โปรตีน แคลเซียม วิตามินบี 1 การดื่มนมมีประโยชน์หลายประการ
ทั้งช่วยบำรุงกระดูก ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเสริมสร้างภูมิต้านทาน
ด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์ดังกล่าว ทำให้นมเป็นอาหารที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ส่วนผู้ที่กังวลว่าดื่มนมมาก
ๆ แล้วจะอ้วน ก็อาจเลือกดื่มนมพร่องมันเนยแทนได้เช่นเดียวกัน
4.เพิ่มผักและผลไม้ในแต่ละมื้อ เป็นแหล่งรวมวิตามิน แร่ธาตุ
และใยอาหาร เราควรรับประทานทุกวัน อาจใช้วิธีเพิ่มผักทุกมื้ออาหาร
หรือรับประทานผลไม้เป็นอาหารว่างแทนขนมขบเคี้ยว แต่อย่าลืมล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทานเพื่อป้องกันอันตรายจากสารเคมีตกค้าง
และควรเลือกรับประทานผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย
เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป
5.เลี่ยงไขมันอิ่มตัว -ไขมันแบ่งออกได้เป็น
2 ประเภท คือ “ไขมันอิ่มตัว และไขมันไม่อิ่มตัว” ควรเลือกรับประทาน “ไขมันไม่อิ่มตัว”
ที่มีประโยชน์อย่างน้ำมันมะกอก ถั่ว และปลาทูน่า แต่ควรรับประทานแบบพอดี ไม่มากจนเกินไป
เพราะอาจมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นตามมาได้ แล้วเลิกรับประทาน “มีไขมันอิ่มตัว”
จะทำให้คอเรสเตอรอลสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ
ไขมันอิ่มตัวพบมากในอาหารหลายชนิด เช่น เนื้อติดมัน ไส้กรอก เค้ก ขนมปัง ชีส เนย
6.เลี่ยงหวาน ลดเค็ม - ความหวานเป็นสาเหตุโรคอ้วนและเบาหวาน
ส่วนความเค็มเป็นสาเหตุโรคความดันโลหิตสูง
ซึ่งล้วนเป็นโรคเรื้อรังยอดฮิตควรหลีกให้ไกล
จึงควรควบคุมอาหารที่รับประทานในแต่ละวันให้พอดี
ไม่รับประทานของหวานหรือเติมความหวานและความเค็มลงในอาหารมากเกินไป
เพื่อหลีกเลี่ยงโรคร้ายที่จะตามมาได้นั่นเอง
7.เลิกหรือลดดื่มแอลกอฮอล์ -แม้การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณเหมาะสมจะเป็นประโยชน์ก็จริง
แต่นักดื่มส่วนใหญ่มักดื่มมากเกินพอดีจนก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายหลายประการ เช่น
ขาดสติ โรคกระเพาะ ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง เป็นต้น นอกจากจะทำให้สุขภาพแย่ลงแล้วยังอาจส่งผลกระทบต่อสังคมด้วย
เช่น การเมาแล้วขับ หรือทะเลาะวิวาท
การเลือกรับประทานอาหารที่มากคุณประโยชน์ถือเป็นเรื่องดี
แต่ต้องรับประทานอย่างพอดีไม่มากเกินไป เพราะจะทำให้อ้วนและเสียสุขภาพ
ซึ่งนอกจากการเลือกกินแล้ว เราควรดูแลสุขภาพด้วยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น
พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ออกกำลังกายเป็นประจำ
เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–สิงคโปร์แอร์ชิงบินเพิ่มกรุงเทพฯและภูเก็ตแจกฟรีWiFi
สิงคโปร์
แอร์ไลน์ส (SIA) รายงานว่า เตรียมเพิ่มบริการเที่ยวบินระหว่างสิงคโปร์และไทยช่วงตารางบินฤดูหนาว
(Northern Winter) ปี 2566/2567
เริ่มตั้งแต่ 29 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป ไป-กลับ 2 เส้นทางหลัก ได้แก่ เส้นทางที่
1 กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ จะเพิ่มขึ้นเป็น 6 เที่ยว/วัน จากปัจจุบัน
5 เที่ยว/วัน โดยใช้เครื่องบินเครื่องบินโบอิ้ง 787-10 ดรีมไลเนอร์ และเส้นทางที่ 2
ภูเก็ต-สิงคโปร์ จะเพิ่มขึ้นเป็น 6 เที่ยว/วัน
จากปัจจุบัน 4 เที่ยว/วัน จะให้บริการด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737-8
ผู้โดยสารที่จะใช้บริการเที่ยวบินของสิงคโปร์
แอร์ไลน์ส ที่เตรียมเพิ่มความถี่ใหม่เข้ากรุงเทพฯ และภูเก็ต นั้นสามารถสำรองตั๋วโดยสารได้แล้วผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายต่าง
ๆ และทางเว็บไซต์ singaporeair.com รวมทั้งยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้ลูกค้าบนเที่ยวบิน
สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ล่าสุดได้เปิดตัวบริการฟรี Wi-Fi บนเที่ยวบินใช้งานได้แบบไม่จำกัด สำหรับผู้ที่ซื้อตั๋วที่นั่งโดยสาร ชั้นสวีท
ชั้นหนึ่ง ชั้นธุรกิจ รวมถึงสมาชิก PPS Club และผู้ถือบัตรเสริม
PPS Club
ส่วนสมาชิก KrisFlyer ก็รับบริการใช้ฟรี Wi-Fi บนเที่ยวบินได้เช่นกัน
เมื่อซื้อตั๋วชั้นประหยัดพิเศษ และ ชั้นประหยัด แล้วใส่เลขสมาชิก KrisFlyer
ทุกการจองก่อนเที่ยวบินออกเดินทางในแต่ละเที่ยวบิน
แต่ละเส้นทางอย่างสะดวกสบาย
ข่าวที่สอง -IATAชี้การบินโลรายได้RPKแซงปี’62โดเมสติก“จีน-อเมริกา”พุ่ง
สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ
(IATA) รายงานว่าสถานการณ์การเดินทางทางอากาศของผู้โดยสารเที่ยวบินล่าสุดเดือนกรกฎาคม
2566 เริ่มฟื้นตัวหลังโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญเฉพาะ
แนวโน้มทั่วโลกมีปริมาณการจราจรกลับมาแล้วถึง
95.6% ใกล้เคียงกับก่อนเกิดโควิด
พร้อมทั้งทำรายได้ผู้โดยสารต่อกิโลเมตร (RPK) เพิ่มขึ้น 26.2% เปรียบเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน
มีปริมาณจราจรทางอากาศเติบโตขึ้น แบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 “ภายในประเทศ”
เดือนกรกฎาคมปีนี้ ปริมาณการจราจรทางอากาศทำสถิติได้สูงสุดเพิ่มขึ้นถึง 21.5% แล้วยังทำรายได้ผู้โดยสารต่อกิโลเมตร (RPK) สูงกว่าช่วงสถานการณ์ปกติปี 2562 ก่อนเกิดโควิดถึง
8.3% เป็นผลมาจากตลาดภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดความต้องการเดินทางทางเครื่องบินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สถานการณ์ของสายการบินในจีนที่ให้บริการเที่ยวบินในประเทศเพิ่มขึ้น
71.9% ขณะนี้ทำได้สูงกว่าเดือนกรกฎาคม 2562 ถึง 22.5% นับได้ว่าเติบโตแข็งแกร่งมากที่สุด เมื่อเทียบกับระดับก่อนการแพร่ระบาดในตลาดภายในประเทศ เช่นเดียวกันกับสายการบินสหรัฐอเมริกา เดือนกรกฎาคม 2566 มีเที่ยวบินภายในประเทศเพิ่มขึ้น
11.1% สูงกว่าเดือนกรกฎาคม ปี 2562 แล้วถึง 3.0%
ส่วนที่ 2 “ระหว่างประเทศ” เพิ่มขึ้น 29.6% สูงกว่าเดือนกรกฎาคมปีก่อน
โดยทุกตลาดเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สามารถทำรายได้ผู้โดยสารต่อกิโลเมต (RPK) สูงถึง 88.7% จากเดือนกรกฎาคม 2562 โดยมีปัจจัยการบรรทุกผู้โดยสาร
(PLF :Passenger Load Factor) ในอุตสาหกรรมการบินสูงถึง
85.7% ซึ่งเป็น PLF ระหว่างประเทศรายเดือนสูงที่สุดในรอบปี
นายวิลลี วอลช์
ผู้อำนวยการทั่วไปสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) กล่าวว่า สถานการณ์โดยสารเครื่องบินช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 มีแนวโน้มเดินทางเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญ “ยอดขายตั๋วโดยสารล่วงหน้า”
บ่งชี้ถึงนักท่องเที่ยวเชื่อมั่นที่จะกลับมาเดินทางในระดับสูง รวมถึงมีเหตุผลเชิงบวกในมุมที่ดีนั่นคือเกี่ยวกับการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
สำหรับ “ตลาดผู้โดยสารระหว่างประเทศ” ของสายการบินในเอเชียแปซิฟิก เดือนกรกฎาคม
2566 ยังครองความเป็นผู้นำภูมิภาคทำสถิติเพิ่มขึ้น 105.8% มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 96.2% และการขนส่งสินค้าทางอาอากาศเพิ่ม 3.9 % เป็น 84.5%
ส่วนสายการบินในทวีปหลักอื่น ๆ เดือนกรกฎาคม 2566 มีดังนี้ “ยุโรป” ปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้น
13.8% กำลังการผลิตที่นั่งโดยสารเพิ่มขึ้น 13.6% อัตราบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้น
0.1 % เป็น 87.0% “ตะวันออกกลาง” เพิ่มขึ้น 22.6% กำลังการผลิตกำลังการผลิตที่นั่งโดยสารเพิ่มขึ้น 22.1% อัตราบรรทุกเพิ่มขึ้น 0.3 % เป็น 82.6%
“อเมริกาเหนือ” ปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 17.7% กำลังการผลิตที่นั่งโดยสารเพิ่มขึ้น 17.2%
อัตราบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 0.3 % เป็น 90.3%
สูงที่สุดในภูมิภาคติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง “ละตินอเมริกา” ปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้น
25.3% เพิ่มขึ้น 21.2% อัตราบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้น
2.9 % เป็น 89.1%
“แอฟริกา” ปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้น
25.6% เปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นอันดับสองในภูมิภาค กำลังการผลิตที่นั่งโดยสารเพิ่มขึ้น
27.4% อัตราบรรทุกผู้โดยสารลดลง 1.0 % เหลือ 73.9% ทำสถิติต่ำสุดในภูมิภาคเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน
และเป็นที่น่าสังเกตุคือแอฟริกาเป็นภูมิภาคเดียวมีกำลังการผลิตที่นั่งโดยสารเติบโตมากกว่าความต้องการใช้บริการ
นายวอลล์ กล่าวเพิ่มว่า เที่ยวบินช่วงฤดูร้อนในซีกโลกเหนือความต้องการบินเป็นไปตามเป้าหมายโดยยังคงแข็งแกร่งมาก
แม้อุตสาหกรรมส่วนใหญ่เตรียมพร้อมรองรับการกลับมาสู่ปกติเหมือนก่อนเกิดโควิดแพร่ระบาดแล้วก็ตาม
แต่ก็น่าเสียดายที่ผู้ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานไม่สามารถประสานเสียงการทำงานพูดไปในสิ่งเดียวกันได้
เช่น ประสิทธิภาพของผู้ให้บริการการเดินทางทางอากาศรายใหญ่บางรายเผชิญปัญหาหลายอย่างตั้งแต่ขาดแคลนพนักงานไปจนถึงเกิดความล้มเหลวของ
NATS ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะต้องได้รับการแก้ไขทันที เพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก
รวมถึงยังมีเรื่องน่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ
การตัดสินใจทางการเมืองของรัฐบาลบางแห่ง เช่น เม็กซิโกและเนเธอร์แลนด์
ต้องการลดกำลังการผลิตในพื้นที่ศูนย์กลางหลัก ๆ ในประเทศของตนเอง ซึ่งอาจจะทำลายงานและสร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจท้องถิ่นและระดับชาติอย่างแน่นอน
ด้วยปัจจัยเหล่านี้จะเป็นดัชนีหรือสัญญาณบ่งบอกถึงผู้คนต้องการและจำเป็นต้องเชื่อมต่อทางอากาศเพิ่มขึ้นต่อไป
จึงต้องพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการบินเชื่อมโยงให้เกิดความแข็งแกร่ง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น