ททท.ตะวันออกดัน9จังหวัดรุกขายเทรนด์เที่ยวYJourney
7เดือนแรกโกยแล้ว2.6แสนล้านครึ่งปีหลังบูม9เทศกาล
ฉะเชิงเทราทำเซอร์ไพรส์ต่างชาติสายมูโตกว่า2,000%
คิงเพาเวอร์ชวนสาวก“MCM”ห้ามพลาดช้อปลด10-20%
ลดใหญ่!!ช้อปต่อDutyFreeSALEที่คิงเพาเวอร์เซฟ30%
ททท.ผนึกมาเก๊าดึงแอร์ไลน์เปิดเกตเวย์ดึงจีนทัวร์ไทย
บางจากลุยบริการปั๊มคาร์บอนต่ำทั่วไทยหนุนรถยนต์EV
ทัวร์Unseenภาคเหนือ2ผา“ผาสิงห์แพร่-ผาหัวเรือพะเยา”
3วิธีดูแลสุขภาพเท้าแบบง่าย ๆ ทำเองได้ที่บ้านทุกวัน
ดุสิตเปิดใหม่2แบรนด์“คอลเลคชั่น-เดวาราณารีทรีตส์”
ปลุกสกู๊ตเตอร์เลิฟเวอร์ร่วมTheScooterFest#4ฟรี7ต.ค.
วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #บางจาก #ทททตะวันออก #YJourney #UnseenNewChapters
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/nfssKkVJlu/
ช่วงที่ 1 เปิดเทรนด์เที่ยวซีรีย์วายกับ “อัครวิชย์ เทพาสิต
ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เล่นใหญ่เทรนด์ Y
Journey : Stay
Like A Local ผนวกขาย Amazing
5F More กับ Sustainable
Tourism Goals กระตุ้น 6
สำนักงาน นำ 9
จังหวัด ทุ่มสร้างคอนเทนท์ท่องเที่ยวซีรีย์วายวางตลาด
ผนึกจุดขายท่องเที่ยวยั่งยืน อย่างรับผิดชอบ ต.ค.-ธ.ค.66 เร่งขายเที่ยวส่งท้ายปี 9 เทศกาล ทำรายได้ 7 เดือนแรก ม.ค.-ก.ค.66 ตุนไว้แล้ว 260,127.35 แสนล้านบาท ชลบุรี ครองแชมป์ 1.81 แสนล้านบาท “ฉะเชิงเทรา”
ทำเซอร์ไพร์สยอดต่างชาติโตกว่า 2,069 % จีน ไต้หวัน ฮ่องกง
แห่สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามรอย Influence ทางด้าน “จันทบุรี-ระยอง” เนื้อหอม
ต่างชาติโตเกิน 140 %
นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ภาคตะวันออกได้ปรับแผนกลยุทธ์เพิ่มรายได้ท่องเที่ยวปลายเริ่มตั้งแต่ตุลาคม 2566
จะทำการตลาดเชิงรุกรวดเร็วตามนโยบายใหม่ของนางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.คนใหม่ เริ่มด้วย กิจกรรมที่ 1 ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ โดยชูการใช้
ซีรีย์วายทำโครงการ Y Journey : Stay
Like A Local ภายใต้แนวคิด Amazing
5F More กับ Sustainable
Tourism Goals ซึ่งกำลังเป็นกระแสมาแรงให้เกิดประโยชน์ทางการตลาด โดยให้สำนักงาน
ททท.ในภาคตะวันออกทั้ง 6 แห่ง
ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมินิซีรีส์ 6
เรื่อง เปิดการท่องเที่ยวมุมมองใหม่ ผสมผสานกับอาหารการกิน
การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
กิจกรรมที่
2 คัดสรร Influencer
มานำเสนอแหล่งท่องเที่ยวมุมมองใหม่
ผนวกกับการขายซอฟท์ เพาเวอร์ 5F ไฮไลต์ท่องเที่ยว
FOOD : อาหาร ทั้งเมนูและแหล่งผลิตวัตถุดิบอาหาร
เน้นตามฤดูกาล ล่าสุด ททท.ภาคตะวันออกได้แบรนด์ “อาอิโนะโมะโต๊ะ”
เข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่
ผนึกความร่วมมือกันสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวทั้งภูมิภาคเชิงบวก
ทั้ง 2
กิจกรรมข้างต้นมุ่ง
“เจาะกลุ่มแฟนคลับซีรีย์วาย” ซึ่งมีอยู่อย่างหนาแน่นมาก โดยมี Gen X วัย 50 ปีต้น
ๆ รวมอยู่ด้วย ติดตามการแสดงที่ชื่นชอบ
ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางตามเส้นทางซีรีย์วายเพิ่มขึ้น
พร้อมกับได้ร่วมประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างความยั่งยืน
นายอัครวิชย์
กล่าวว่า ภาคตะวันออกได้รับเลือกให้เป็นภาคซึ่งเป็นตัวแทนการจัดซอฟท์ เพาเวอร์
ทางด้าน Festival :เทศกาล
ซึ่งนำร่องจัดเรียบร้อยแล้วเป็นเทศกาลทะเลภาคตะวันออกในจังหวัดชลบุรี
แล้วยังจะมีเทศกาลดนตรี และเทศกาลพลุนานาชาติ
เชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าไปชมความยิ่งใหญ่อลังการ
สำหรับ
“Festival/เทศกาล”
กิจกรรมท่องเที่ยวภูมิภาคภาคตะวันออก เริ่มตั้งแต่ตุลาคม -ธันวาคม2566 มีให้เลือกถึง 9 เทศกาล นำร่องในจันทบุรีมีถึง 4 งาน ได้แก่ เทศกาลแรก “กินเจ”
โดยใช้จันทบุรีเป็นไฮไลต์ ระหว่างวันที่ 12-23 ตุลาคม นี้
จะขยับจากจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองขึ้นเป็นเมืองหลัก
จะเปิดเมืองรองรับการท่องเที่ยวสายบุญ เทศกาลที่ 2 งาน Walk Run Bike 9 วันที่ 29 ตุลาคม ที่จันทบุรี เทศกาลที่ 3
งานวิ่ง Khitchakutuphillrun เขาคิชฌกูฎ จัดครั้งแรก วันที่ 26 พฤศจิกายน นี้ เป็นการวิ่งเปิดป่าที่สวยงาม เทศกาลที่
4 เทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี ระหว่างวันที่ 7-11 ธันวาคม 2566
เทศกาลที่ 5 งานวิ่งมาราธอนเขื่อนขุนด่านปราการชล Khun
Dan Marathon 2023 @นครนายก วันที่
15 ตุลาคม เทศกาลที่ 6 ประเพณีรับบัว
ชมขบวนแห่และรับพรจากหลวงพ่อโต ขบวนเรือตกแต่งสวยงามลำละกว่า 1 ล้านบาท ช่วงออกพรรษา ระหว่างวันที่ 22-30
ตุลาคม ที่จังหวัดสมุทรปราการ
ส่วนในจังหวัดชลบุรีมีอีก
3 เทศกาล ได้แก่
เทศกาลที่ 7 ประเพณีลอยกระทงเมืองพัทยา
ประจำปี 2566 : Loy Krathong Pattaya Festival 2023 เทศกาลที่ 8 เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา เดือนพฤศจิกายน 2566
โดยได้พันธมิตรจากเกาหลี ญี่ปุ่น
สร้างสรรค์ความยิ่งใหญ่ เทศกาลที่ 9 งาน Bangsaen
21 Half Marathon 2023 วันที่ 17
ธันวาคม 2566
ผอ.อัครวิชย์
กล่าวว่า ภาคตะวันออกกับพันธมิตรพร้อมประกาศทำเชิงรุกด้านการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมผิดชอบและยั่งยืน
โดยสื่อสารไปถึงทุกภาคส่วนเพื่อจะเดินหน้าไปด้วยกันทั้งระดับประเทศและทั่วโลก
โดยเฉพาะภาคตะวันออกมีพื้นที่ท่องเที่ยวโมเดลต้นแบบ
ขณะนี้ปูพรมขยายผลโดยจับมือกับพันธมิตรหลักในชุมชน
สำนักงานพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)
สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวในภูมิภาคตะวันออก
7 เดือนแรก
ระหว่างมกราคม-กรกฎาคม 2566 ภาพรวม มีจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโต 31 % ทำรายได้กว่า 260,127.35 ล้านบาท ฟื้นกลับมากว่า 60 % ของปี 2562 อันดับ 1 ชลบุรี
ทำรายได้ 181,124.62 ล้านบาท
มีนักท่องเที่ยว 13.28 ล้านคน-ครั้ง
คนไทยกว่า 7 ล้านคน
จำนวนลดลง 17 % ส่วนรายได้มีเซอร์ไพรส์เพิ่มขึ้นกว่า
15 % โดยใช้จ่ายเงินภาคบริการมากขึ้น
ส่วนโรงแรมที่พักในชลบุรีปี 2562 มีรวมประมาณ
80,000 ห้อง
ตอนนี้เหลือ 70,000 ห้อง ซึ่งกำลังรอจังหวะกลับมาเปิดร้อยเปอร์เซนต์
อันดับ
2 จันทบุรี
กับระยอง มีสัญญาณที่ดีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเพิ่มในจันทบุรีกว่า 700
% ระยองเพิ่ม 140 % สะท้อนถึงนักท่องเที่ยวสนใจขยายไปยังพื้นที่ใหม่
ๆ เมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็มุ่งตรงเข้าชลบุรี แล้วกระจายตัวไปจังหวัดรอบภูมิภาค
อันดับ
3 ฉะเชิงเทรา
นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นกว่า 2,069 % สามารถเพิ่มรายได้ตรงเข้าสู่พื้นที่
โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวสายมู สายศรัทธา ซึ่งมีอินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ
นำเสนอจูงใจให้คนเดินทางเข้าไปสักการะขอพร อย่างวัดสมาน วัดจุกเฌอ และวัดอื่น ๆ
จึงมีนักท่องเที่ยวชาวจีน ไต้หวัน นิยมมาขอพรเพิ่มขึ้น
ททท.ได้เดินหน้าประสานความร่วมมือกับทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการแต่ละสาขาในพื้นที่
เพื่อร่วมกันสร้างภาพลักษณ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับพื้นที่เติบโตอย่างยั่งยืน
ขานรับตลาดต่างประเทศได้ด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ชวนสาวกMCMห้ามพลาดช้อปลด10-20%
ห้ามพลาดเด็ดขาด!!
สาวก MCM ห้ามพลาด!!
กระเป๋าแฟชั่นตัวจี๊ดไอเทมสุดปัง ดีไซน์และฟังก์ชันใช้งานสุดคุ้ม โดยช้อป
KING POWER ONLINE ทาง www.kingpower.com จัดหนักจัดเต็มไปเลย
ดีลลดสุดๆกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว รีบเลย รับของที่สนามบินขาเข้าและขาออกได้ทุกทริป
และเข้ามาส่องไอเทมกระเป๋าอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ด้วย รับส่วนลด 10-15-20
% ได้ดังนี้
1.ลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท รหัสส่วนลด SEP10
2.ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 7,000 บาท รหัสส่วนลด SEP15
3.ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 9,000 บาทรหัสส่วนลด SEP20
KING
POWER ONLINE ทาง www.kingpower.com ช้อปง่ายเป็นไปได้ทุกการเดินทาง
อัพพลังช้อปได้แบบไม่แผ่ว จะเดินทางไปไหนก็พร้อมเปย์ได้ตลอดเวลา
ดีลเด็ดลดราคาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด จะช้อปเลเวลไหนก็จัดได้เลย ช้อปมาก
ยิ่งคุ้มมาก
รับสิทธิประโยชน์
1.แบ่งชำระ 0%* นานสูงสุดถึง 10 เดือน 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 11,000 บาท 3.รับเลย! ส่วนลด
200 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ 4.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก
คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สุทธิ) เลือกตามหมวดสินค้าที่ร่วมรายการ
พร้อมกับอ่านเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทระบุไว้ให้ชัดเจน
เพื่อความสบายใจด้วยกันทุกฝ่าย
ข่าวที่ 2 ลดใหญ่!!คิงเพาเวอร์ให้ช้อปต่อ
DUTY FREE SALEเซฟ30%
คิง เพาเวอร์ ทำให้ทุกการช้อป
เป็น-ไป-ได้ กลับมาแล้วกับ DUTY FREE SALE
ช้อปแล้ว! ช้อปอยู่! ช้อปต่อไป วันนี้- 30 กันยายน 2566 กับขบวนน้ำหอม และเครื่องสำอางแบรนด์ดัง จากคิง เพาเวอร์
ออนไลน์เท่านั้น!
พบกับสุดยอดดีล ที่ลดแบบไม่เกรงใจใคร
ช้อปต่อได้เรื่อยๆ แค่มีไฟลต์บินต่างประเทศ รับของที่สนามบินได้ทั้งขาเข้าและขาออก
ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท รหัสส่วนลด PAPC20
ลดสูงสุด 30% เมื่อช้อปครบ 15,000 บาท รหัสส่วนลด PAPC30
ข่าวที่
3 ททท.ผนึกมาเก๊าดึงแอร์ไลน์เปิดเกตเวย์ดึงจีนทัวร์ไทย
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
นำผู้บริหารททท. เข้าพบหารือกับ Ms. Maria
Helena de Senna Fernandes
ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมท่องเที่ยวแห่งมาเก๊า (MGTO : Macao Government
Tourism Office) เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางส่งเสริมท่องเที่ยวตลาดของไทยกับมาเก๊าเบื้องต้น
3 แนวทาง ประกอบด้วย
แนวทางที่
1 ผลักดันการฟื้นฟูเส้นทางและเที่ยวบินระหว่างไทยกับมาเก๊าให้กลับมาบินได้โดยเร็วด้วยจำนวนความถี่และปริมาณนักท่องเยวใกล้เคียงกับก่อนเกิดโคควิด-19
แนวทางที่
2
ททท.จะร่วมกับการท่องเที่ยวมาเก๊าสนับสนุนเป็นประเทศเกตเวย์ร่วมกับสายการบินมาเก๊า
แล้วเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเก๊าเดินทางต่อเนื่องมาไทยทั้งจากอเมริกา
ยุโรป โดยเฉพาะจีนจากเมืองใหญ่เพื่อเดินทางต่อมายังไทยโดยไม่ต้องผ่านพิธีการ
ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของมาเก๊า
แนวทางที่
3 ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวมาเก๊า
สมาคมโรงแรม ร้านค้าอาหารเพื่อจัดงานส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์ประเทศไทย
ช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว
ร่วมกันผลักดันและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวมาเก๊าตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นช่วงเทศกาลวันหยุดต่าง
ๆ
สถิตินักท่องเที่ยวมาเก๊าเดินทางท่องเที่ยวไทยหลังการเริ่มเปิดประเทศตั้งแต่วันที่
8 มกราคม -12 กันยายน 2566
รวมทั้งสิ้น 32,356 คน คิดเป็น 38 % ของปี 2562
ซึ่งขณะนี้เข้ามารวม 85,892 คน (เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ประมาณ 22.40 % ประเมินสถานการณ์ระหว่างปี 2558-2562
ตลาดนักท่องเที่ยวเข้าไทยเติบโตเฉลี่ย 8.47 %
ส่วนนักท่องเที่ยวไทยไปเที่ยวมาเก๊าเมื่อปี
2562 รวมทั้งสิ้น 101,132 คน
(เพิ่มขึ้นจากปี 2561ประมาณ 9.32 % ระหว่างปี ตั้งแต่ปี 2559-2562
คนไทยเที่ยวมาเก๊าเฉลี่ยปีละประมาณ 100,000 คน
ข่าวที่
4 บางจากลุยบริการปั๊มคาร์บอนต่ำทั่วไทยหนุนรถยนต์EV
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ร่วมเสวนา Accessible Power for Everyone ในงานแถลงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ “RÊVERLUTION:
Our Vision of a Decarbonized Future” ที่มี บริษัท เรเว่
ออโตโมทีฟ จำกัด มอบ ‘คาร์บอนเครดิต’ จัดเวทีสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า BYD เข้ามามีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกกิโลเมตรที่ขับขี่รถยนต์ทุกการเดินทาง
ขณะนี้บางจากฯ เข้ามามีส่วนร่วมสร้างระบบนิเวศน์หรือ ecosystem เตรียมพร้อมรองรับผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
ผ่านสตาร์ทอัพ ภายในบริษัทฯ Winnonie แพลตฟอร์ม
ซึ่งมีบริการให้เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ปัจจุบันกว่า 700 ราย และมีจุดสลับแบตเตอรี่กว่า 100 จุด
รวมทั้งยังใช้พื้นที่สถานีบริการบางจากเป็นจุดให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ on the go เพื่อความสะดวกของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าระหว่างการเดินทางมากกว่า 200 จุด หรือทั่วประเทศเกือบ 800 หัวจ่าย และล่าสุดปีนี้มีเครือข่ายสถานีบริการบางจากรวมประมาณ 2,200 แห่ง
จึงเป็นโอกาสขยายจุดให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า นำสถานีน้ำมันเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าผ่านช่องทางดังกล่าวเพิ่มขึ้นได้
รวมทั้งบางจากฯ มุ่งมั่นพัฒนาขับเคลื่อนสถานีบริการให้เป็น “Your Greenovative Destination
for Intergenaration นำเสนอจุดหมายปลายทางตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้รถที่มาใช้บริการทุกช่วงวัยส่งเสริมทุกการเดินทางอย่างปลอดภัยสะดวกรวดเร็วมีประสิทธิภาพ
นางกลอยตา กล่าวว่า บนเวทีเสวนาครั้งนี้
ได้นำเสนอบทบาทของบางจากฯ เรื่องกลยุทธ์การปรับธุรกิจตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
และสร้างสมดุลในการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันได้ขับเคลื่อนการทำงานของส่วนต่าง ๆ 5 ธุรกิจหลัก
ประกอบด้วย 1.ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน 2.ธุรกิจการตลาด 3.ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า 4.ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ 5.ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่
โดยบางจากฯ ได้ขยายการดำเนินธุรกิจรองรับเทรนด์การเปลี่ยนผ่านพลังงาน
รวมถึงให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ
ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2573
(ค.ศ. 2030) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
(Net Zero GHG Emission) ภายในปี พ.ศ. 2593
(ค.ศ. 2050) โดยบุกเบิกก่อตั้ง Carbon
Markets Club เพื่อรองรับและสนับสนุนการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
ร่วมกระตุ้นตลาดคาร์บอนเครดิตในประเทศและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์
การชดเชยคาร์บอน และเรื่องอื่นๆ
ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมสร้างการตระหนักรู้ในวงกว้าง ด้วยการสื่อสารผ่านช่องทางต่าง
ๆ
ข่าวที่ 5 TCEBเข้มTMVSปี66สถานที่ประชุมทั่วไทยได้มาตรฐาน174แห่ง
สำนักงานส่งเสริมกาจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
รายงานว่า ทีเส็บได้จัดประชุมรับรองผลการตรวจประเมินมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย
(TMVS :Thailand
MICE Venue Standard) ปี 2566 ซึ่งเป็นตราสัญลักาณ์มาตรฐานที่จะมอบให้สถานจัดประชุมต่าง
ๆ โดยมีนายสุเมธ สุทัศน์ ณ อยุธยา นายกสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ
(ไทย) ให้เกียรติเป็นประธาน ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
และเครือข่ายมหาวิทยาลัยด้านไมซ์ เพื่อพิจารณาการรับรองผลการตรวจมาตรฐานดังกล่าว
ทีเส็บมุ่งยกระดับการบริการและความพร้อมสถานที่จัดงานไมซ์
ให้รองรับการจัดงานระดับชาติและนานาชาติได้ โดยเพิ่มความหลากหลายแต่ละพื้นที่กระจายครบทุกภูมิภาคมากขึ้น
เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นำประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
ปี 2566
มีสถานประกอบการผ่านการรับรองมาตรฐาน TMVS จำนวน 151
แห่ง และผ่านเกณฑ์ 2HY (Hygiene & Hybrid) จำนวน
23 แห่ง รวมแล้วทั่วประเทศได้รับรวมทั้งสิ้น 174
แห่ง
โดยทีเส็บได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐาน TMVS แบ่งประเภทห้องประชุมเป็น
3 ประเภท ได้แก่ ประกอบด้วย 1. ห้องประชุม 121
แห่ง 2. สถานที่จัดงานแสดงสินค้า 11 แห่ง 3.
สถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ 19
แห่ง และ
4.เกณฑ์
2HY (Hygiene & Hybrid) อีก 23
แห่ง
ช่วงที่ 2 ขึ้นเหนือแอ่ว Unseen New Chapters ภาคเหนือ
ปลายฝนต้นหนาวชวนกันไปเปลี่ยนบรรยากาศ 2 ผา เริ่มที่
“ผาสิงห์” จ.แพร่ สวยล้ำ กับ “ผาหัวเรือ” จ.พะเยา สวยแรง แล้วก็หันมาทำ “3วิธีดูแลสุขภาพแบบง่าย ๆ” และเกาะติดข่าวคุณภาพในรอบสัปดาห์ ข่าวแรก
“ดุสิตเปิดใหม่ 2 แบรนด์ ดุสิตคอลเลค-เดวาราณารีทรีตส์”
เปิดแห่งแรกในจีน ต.ค.66
ท่องเที่ยว
–Unseenภาคเหนือ2ผา“ผาสิงห์แพร่-ผาหัวเรือพะเยา”
ชวนกันไปเพลิดเพลินกับ Unseen New Chapters ภาคเหนือ
ปลายฝนต้นหนาวปีนี้ เพิ่มประสบการณ์ผจญภัยไปปีน 2 ผา ใมุมที่แตกต่างกัน 2 พิกัด
ที่ “ผาสิงห์” อ.เมือง จ.แพร่ กับ ผาหัวเรือ อ.เมือง จ.พะเยา ธรรมชาติจัดสรร
ให้ความงดงามที่จะไปพักผ่อนได้แบบชิล ๆ
พิกัดที่
1 พิชิตป่านาคูหา…ตระการตา
ณ ผาสิงห์ อ.เมือง จ.แพร่
“ผาสิงห์” จังหวัดแพร่ เป็นวิวพอยท์ใหม่ของนักผจญภัยสายลุย
กับภูเขาหินปูนหน้าตาคล้ายหัวสิงห์ เป็นจุดชมที่สามารถมองเห็นความงามของ
“บ้านนาคูหา” หมู่บ้านขนาดกำลังน่ารักที่ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขา ตลอดเส้นทางสู่ยอดเขามีพันธุ์ไม้แปลกและหายาก
เช่น ฤาษีคืนชีพ ขนุนดิน มะพร้าวเต่า ปรงโบราณ ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง
ในการต่อสู้กับชั้นหินและความชัน
และยังต้องอาศัยความพยายามในการลอดผ่านซอกหินเล็กๆ ขนาดหนึ่งคนผ่าน
ก่อนจะขึ้นไปรับรางวัลเป็นวิวสวยๆ พร้อมกับลมเย็นๆ บนยอดผาสิงห์ ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยว
คือ ปลายฝนต้นหนาว
สอบถามเพิ่มที่ ททท.สำนักงานแพร่ โทร 0
5452 1127
พิกัดที่
2 ไต่ผาชมวิว…นั่งชิลบนหัวเรือ ผาหัวเรือ
อ.เมือง จ.พะเยา
จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าแห่งใหม่ล่าสุดของเมืองพะเยา
มีลักษณะเป็นภูเขายื่นออกไปคล้ายกับหัวเรือลอยอยู่กลางอากาศ
ตั้งอยู่บนดอยผายาวบริเวณ “ป่าบ่อสิบสอง” ป่าที่มีร่องรอยของอารยธรรมโบราณ
ที่ยังคงทิ้งหลักฐานทางประวัติศาสตร์เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
สำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเยือน คือการเดินป่าขึ้นมาชมแสงแรกยามเช้า
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์ กิจกรรมโรยตัวชมวิวจากผาหัวเรือ
ถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่และไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ช่วงเวลาที่สวยที่สุด คือเดือนพฤศจิกายน - เดือนกุมภาพันธ์
สอบถามเพิ่มที่ ททท.สำนักงานเชียงราย
โทร 0 5371 7433
สุขภาพ
–3วิธีดูแลสุขภาพเท้าแบบง่าย
ๆ ทำเองได้ที่บ้านทุกวัน
1.นวดเท้าคลายความปวดเมื่อย -การนวดเท้านั้นถือเป็นวิธีที่มีมานานสำหรับการคลาย
ความปวดเมื่อย และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้เป็นอย่างดี
วิธีการนวดเท้า คุณสามารถนวดได้ด้วยตนเอง
โดยการคลึงบริเวณฝ่าเท้าเบาๆ ค่อยๆนวดไล่ไปที่นิ้วเท้า และข้อเท้า
การนวดนั้นต้องไม่กด หรือ
บีบแรงจนเกิดไป นวดให้ได้น้ำหนักที่พอดีจะช่วยทำให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น
2.แช่เท้าเพิ่มความผ่อนคลาย การแช่เท้าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยผ่อนคลายได้อย่างมาก
โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อยจากเท้า ส้นเท้า รองช้ำ การเดินเยอะๆ
วิธีการแช่เท้า -เตรียมน้ำอุ่นใส่ในกะละมัง
แล้วนำเท้าลงไปแช่ประมาณ 5-10 นาที หลังจากนั่นห่อเท้าด้วยผ้าขนหนู
จะช่วยทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น
3.ใส่ถุงเท้าก็ช่วยได้ -ถุงเท้าเป็นอุปกรณ์ที่ถือว่าต้องมีทุกบ้านอย่างแน่นอน
ถุงเท้าจะช่วยรักษาอุณหภูมิของเท้าให้คงที่
วิธีการใส่ถุงเท้า แนะนำให้ใส่ถุงเท้าก่อนนอน
โดยการเลือกถุงเท้าที่มีความหนาและเป็นถุงเท้าแบบยาว
จะช่วยทำให้คุณนอนหลับสบายมากขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–ดุสิตเปิดใหม่2แบรนด์“คอลเลคชั่น-เดวาราณารีทรีตส์”เริ่มในจีน
มร.จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการกลุ่ม
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีขยายธุรกิจโรงแมเปิดตัว
2 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ ดุสิต คอลเลคชั่น (Dusit Collection) และ เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์ (Devarana – Dusit
Retreats) ให้บริการที่พักรองรับตลาดระดับลักซูรี่ขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยมีจำนวนโรงแรม
รีสอร์ท วิลล่าหรู ในกลุ่มดุสิตธานีที่มีอยู่เดิม 7 แบรนด์หลัก
ได้แก่ 1.ดุสิตธานี
2.ดุสิตสวีท 3.ดุสิตเดวาราณา 4.ดุสิตดีทู 5.ดุสิตปริ๊นเซส 6.อาศัย
7.อีลิธฮาเวนส์ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าทุกกลุ่มตลาดมากขึ้น
และเป็นกลยุทธ์เพิ่มโอกาสขยายธุรกิจที่พักกระจายตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก
ขณะนี้ได้พัฒนาแบรนด์แรก “ดุสิต คอลเลคชั่น” ขึ้นมาช่วยเจ้าของโรงแรมที่บริหารด้วยตนเองหรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชูรี
ให้สามารถรักษาอัตลักษณ์ และเสน่ห์ดั้งเดิมของแบรนด์ พร้อมกับเพิ่มศักยภาพบริการจากนักบริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญงานโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก
โดยรีแบรนด์หรือปรับใหม่ให้ยุ่งยาก
“แบรนด์ดุสิตคอลเลกชั่น” มีคุณสมบัติเด่น คือ เน้นที่พักตั้งอยู่ในทำเลน่าสนใจ
อาคารโรงแรมมีสถาปัตยกรรมโดดเด่นและเรื่องราวน่าสนใจ ตกแต่งลงตัว
ผสมผสานเข้ากับเอกลักษณ์ท้องถิ่นได้อย่างกลมกลืน กำลังเป็นเทรนด์ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แท้จริง
แตกต่างไม่เหมือนใคร ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำได้ด้วย
ปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีมั่นใจในเอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป ยังมีอสังหาริมทรัพย์สุดหรูอีกมากรอการค้นพบ
ตั้งแต่พระราชวังเก่าในเมืองแห่งประวัติศาสตร์ ไปจนถึงที่พักริมทะเลเงียบสงบ
ที่สามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ “ดุสิต คอลเลคชั่น” ตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจาตกลงกับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายราย
คาดเร็ว ๆ นี้จะประกาศลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการ
แบรนด์ 2 “เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์” ได้พลิกโฉม “ดุสิต เดวาราณา” แบรนด์หรูที่มีอยู่เดิม
เพื่อยกระดับประสบการณ์การเข้าพักที่มีคุณค่าระดับอัลตร้า ลักซ์ชูรี โดยนำความสำเร็จการพัฒนาคอนเซ็ปต์
“เทวารัณย์ เวลเนส” แนวคิดด้านสุขภาพแบบองค์รวมผสานกับองค์ประกอบของความเป็นอยู่ที่ดีอย่างมีเอกลักษณ์ให้กับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตทั่วโลก
จากนั้นทีมงานได้ต่อยอดและยกระดับบริการดังกล่าว จนเกิดแบรนด์เดวาราณา-ดุสิต
รีทรีตส์ขึ้นมา
สำหรับ “เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์” แห่งแรกเตรียมเปิดให้บริการในสาธารณรัฐประชาชนจีน
เดือนตุลาคม นี้เป็นต้นไป ตลอดปี 2566 อยู่ระหว่างเจรจาตกลงกับอีกหลายแห่งในจีน
ตะวันออกกกลาง และยุโรป เพื่อลงนามเข้าร่วมแบรนด์เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์”
ปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรม 55 แห่ง พัฒนาภายใต้
1.แบรนด์ “ดุสิต โฮเท็ล แอนด์ รีสอร์ท”
และวิลล่าระดับลักซ์ชูรีกว่า 230 หลัง 2.แบรนด์อีลิธฮาเวนส์ ใน 19
ประเทศ พร้อมจะเปิดทั่วโลกมากกว่า 60 แห่ง ปี 2566 ตั้งเป้าลงนามเพิ่มเติมอีก 22 แห่ง
มร.จิลล์กล่าวว่า การเปิดตัวทั้งแบรนด์ “ดุสิต คอลเลคชั่น” และ
“เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์” สะท้อนถึงความสำคัญการปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอที่บริหารภายใต้กลุ่มดุสิตธานี
ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติก็พร้อมขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจาช่วง 2-3
ปีก่อน กลุ่มดุสิตธานีทยอยปรับปรุงแต่ละแบรนด์อย่างพิถีพิถัน มอบความสะดวกสบาย
ประสบการณ์ และความคุ้มค่าให้ผู้เข้าพัก ส่วนการเพิ่มขึ้นน้องใหม่ทั้ง 2 แบรนด์ สามารถขยายรูปแบบให้บริการที่พัก
ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มตลาด ตั้งแต่ไลฟ์สไตล์บูติก
ดูแลสุขภาพองค์รวมระดับลักซ์ชูรี ทุกแบรนด์ได้รับแรงบันดาลใจและการต้อนรับแบบไทยอย่างอบอุ่น
ช่วยต่อยอดแบรนด์ของกลุ่มดุสิตธานีแข็งแกร่งต่อไป
ข่าวที่สอง
-ปลุกสกู๊ตเตอร์เลิฟเวอร์ร่วมTheScooterFest#4ฟรี7ต.ค.
โดยในงานอัดแน่นกิจกรรมสุด FUN และคอนเสิร์ตจากศิลปินแถวหน้าเมืองไทย
อย่าง วง “Scrubb (สครับบ์)” และ LHAM (แหลม สมพล) ที่พร้อมเสิร์ฟความมันส์ใส่ไม่ยั้ง
นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษสุดฟินที่รอแจกให้กับแฟน ๆ ที่เข้าร่วมงานกันแบบจุก ๆ
ที่สำคัญลงทะเบียนเข้างานฟรี!! จำนวนจำกัด
นายอนุรักษ์
ภูมิทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก ติ๊งค์ จำกัด และผู้ก่อตั้ง Songtopia เผยว่า กลับมาจัดยิ่งใหญ่อีกครั้งตามเสียงเรียกร้อง! เทศกาล “The Scooter Fest #4” นัดรวมพลกันในวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566
ที่ช้างโรงสี จ.เชียงใหม่ มาสนุกกันแบบยาว ๆ ตั้งเวลา 15.00 น. เป็นต้นไป งานนี้จัดโดย ซองโทเปีย (Songtopia) ผู้ผลิต Music
& Lifestyle Content ที่มียอดผู้ติดตามรวมมากกว่า 6 ล้านคน คอลแลบส์กับ แลมเบรตต้า (Lambretta) โดยจะชวนเหล่าสกู๊ตเตอร์มาเนียยกพลแอ่วเมืองเหนือ สัมผัสอากาศเริ่มเย็นสบาย
พร้อมบรรยากาศสุดฟิน งานลงทะเบียนฟรี! แต่ต้องรีบแล้วเพราะเปิดรับจำนวนจำกัด
เพราะหลังมีเสียงตอบรับที่ดีจากการจัดงาน The Scooter Fest ทั้ง 3 ครั้ง การกลับมาครั้งนี้ตั้งใจมอบความพิเศษให้กับเหล่าบรรดาคนรักสกู๊ตเตอร์ทั่วไทย
ด้วยการพาขึ้นเหนือ พร้อมมอบความสุขด้วยกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟและความสนุกแบบนันสต็อปเช่นเคย
ถือเป็นครั้งแรกในการยกขบวน The Scooter Fest ขึ้นเหนือเ
สำหรับ
“The Scooter Fest” เป็นเทศกาลสุดคูล ของคนรักสกู๊ตเตอร์ที่จะมารวมตัวกัน
เพื่อทำกิจกรรมสนุก ๆ สานสัมพันธ์และมิตรภาพ อีกทั้งยังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับสกู๊ตเตอร์กัน
ช่วงที่ผ่านมาจัดไป 3 ครั้ง
แต่ละครั้งประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม จึงมีกระแสเรียกร้องให้จัดอยู่เสมอ
ในงาน “The Scooter
Fest #4” ครั้งนี้ อัดแน่นด้วยกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมายเช่นเคย
ทั้งได้ตื่นตาตื่นใจไปกับบรรดาสกู๊ตเตอร์หลากรุ่นสุดพรีเมี่ยม
และสกู๊ตเตอร์ระดับตำนาน
ที่จะพาเหรดกันมาอวดโฉมกันให้เหล่าสาวกได้ชื่นชมและสัมผัสกับแบบใกล้ชิด
พร้อมกับกองทัพอาหารให้ได้มาตะลุยชิม และไอเทมสุดเท่ ที่รอให้มาช้อปแบบแน่น ๆ
เพลิดเพลินกับมินิคอนเสิร์ตสุดมันส์จากศิลปินสุดเก๋า
ทั้ง “Scrubb” ศิลปินอินดี้คู่หูดูโอชื่อดัง
เจ้าของเพลงฮิต อย่าง “ใกล้”, “คู่กัน”,
“เข้ากันดี” และอีกมากมาย แท็คทีมกับ LHAM หรือ แหลม สมพล รุ่งพาณิชย์ ศิลปินชายที่มีน้ำเสียงทรงเสน่ห์สุดยูนีค เตรียมขนเพลงเพราะๆ อย่าง “ตะวันฉาย”, “ส่งมือ” และ “โลกอีกใบ” มาร้องให้หายคิดถึงกัน
ใครอยากฟังเพลงเหล่านี้ของศิลปินคุณภาพกันแบบสด ๆ ในบรรยากาศฟิลแคมป์
ท่ามกลางหุบเขา แมกไม้ เสียงดนตรี และงานอาร์ต รวมถึงยังได้ช้อปและชิมกันเพลินๆ
ไปกับคนที่รักไลฟ์สไตล์สายสกู๊ตเตอร์เหมือนกัน ห้ามพลาดเด็ดขาด!
วิธีเข้างาน “The Scooter Fest #4” ง่ายมาก! แค่ลงทะเบียนผ่าน http://thescooterfest.net ล่วงหน้า แล้วมาจอยกัน จะเป็นสกู๊ตเตอร์รุ่นไหน ค่ายอะไร พวกเรายินดีต้อนรับเข้าร่วมงานทุกคัน ด้านคนซ้อนอย่าลืมลงทะเบียนช่อง “ผู้ติดตาม” ด้วย ส่วนใครที่ไม่มีสกู๊ตเตอร์ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะสามารถลงทะเบียนมาร่วมเทศกาลความสนุกนี้ได้เช่นกัน โดยเลือกไปที่ช่อง “เดินทางมาเอง” และหากใครเคยมาร่วมงานครั้งที่ 1-3 แล้ว ก็สามารถลงทะเบียนเข้างานครั้งที่ 4 โดยใช้อีเมลและเบอร์เดิมที่เคยลงละเบียนได้เลย
งาน “The Scooter Fest #4” ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ FACEBOOK : The Scooter Fest (https://www.facebook.com/TheScooterFest) แล้วมา RIDE TO THE NORTH ไปด้วยกัน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น