ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่

ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 

ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่
7เดือนแรกโกยได้แล้ว1แสนล้าน

ต.ค.-ธ.ค.66ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน4เทรนด์ใหม่มาแรง

นำThe Linkจับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ3เส้นทางสุดฮ็อต

คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้

ช้อปKingPowerOnlineรับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย.

ช้อป DUTY FREE SALEนำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม

ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย

บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว

TCEBผนึกEECAutoParkหนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์

เที่ยวUnseen“พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา”

4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์

“สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน

กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง

วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #ทททภูมิภาคภาคเหนือ  #UnseenNewChapters

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/n4VaTcCZUw/

ช่วงที่ 1 เปิดขุมทรัพย์ท่องเที่ยวกับ “นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ททท.นำท่องเที่ยว 7 เดือนแรกตุนรายได้แล้วกว่า 1.08 แสนล้านบาท คนไทยทำสถิติ 20 ล้านคน-ครั้ง ใช้เงินสะพัดกว่า 85,000 ล้าน ครึ่งปีหลังยืนยันได้แรงหนุนทำรายได้เข้าเป้า 1.55 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยว 34 ล้านคน เปิดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไฮซีซันเที่ยวเหนือหน้าหนาว ต.ค.-ธ.ค.นี้ ไฮไลต์ 4 เส้นทาง ทัวร์ชา-ดอยกาแฟ-นาขั้นบันได-ทะเลหมอก โหมโปรเจกต์มาแรง The Link นำร่องจับคู่สำเร็จพร้อมขาย 3 เส้นทาง คือ 1.รอยัลรูท :เชียงใหม่-เพชรบุรี 2.โลว์คาร์บอน : น่าน-ตราด 3.เมืองผ้าพื้นเมือง : แพร่-ประจวบคีรีขันธ์  

 


นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวภาคเหนือ 7 เดือนแรก มกราคม-กรกฎาคม 2566 มีทั้งคนไทยและต่างชาติจำนวนรวมทั้งสิ้น 22 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 108,259 ล้านบาท แบ่งเป็น คนไทย 20 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 85,000 ล้านบาท ต่างชาติ 2.5 ล้านคน รายได้ 22,000 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 61 %

 

ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังอีกประมาณ 5 เดือน ระหว่างสิงหาคม-ธันวาคม นี้ มีปัจจัยเสริมมากพอสมควรที่จะเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวภาคเหนือ มีเที่ยวบินในประเทศ และต่างประเทศ เพิ่มขึ้น ผนวกกับสายการบินในประเทศเปิดเส้นทางบินใหม่ด้วย เช่น ไทยแอร์เอเชีย เปิดบิน ลำปาง-แม่ฮ่องสอน ปลายปีนี้จะบินเชื่อมข้ามภาคเหนือกับใต้ พิษณุโลก-ภูเก็ต  ส่งผลทำให้ภาคเหนือน่าจะได้ตามเป้าหมาย 34 ล้านคน รายได้ 155,000 ล้านบาท

 

ขณะนี้ ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ จัดเตรียมแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคเหนือต้อนรับฤดูเดินทางไฮซีซัน 2566 เริ่มเดือน “ตุลาคม” นำเสนอท่องเที่ยวงานประเพณีเกี่ยวกับศาสนารองรับนักเดินทางสายศรัทธาในจังหวัดหลัก “อุ้มพระดำน้ำ” จ.เพชรบูรณ์ สลากย้อม จ.ลำพูน ต่อด้วย “พฤศจิกายน” เทศกาลประเพณีลอยกระทง งานลอยโคมยี่เป็ง จ.เชียงใหม่ กระทงสาย จ.ตาก เล่นเทียนเผาไฟ อุทยานประวัติสุโขทัย จ.สุโขทัย

 

เดือน “ธันวาคม”  จะลุยส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวซอฟท์เพาเวอร์ การแสดงศิลปะหลายพื้นที่ด้วยกัน เริ่มต้นด้วย ไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย2566 (Thailand Biennale, Chaing Rai 2023) ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 -30 เมษายน  2567 นำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันโดดเด่นมาเป็นร้อยเรียงเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ช่วงปลายปี จะมีงาน เชียงใหม่ ดีไซน์ วีค (Chaingmai Design Week 2023) โดยไม่นับรวมงานเทศกาลดอกไม้เมืองหนาวทั้งในเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง และงานทะเลหมอก แพร่ น่าน

 

ปฏิทินกิจกรรมการท่องเที่ยวช่วง 3 เดือนปลายปี 2566 สอดคล้องตามแผนที่ ททท.ภูมิภาคภาคเหนือวางกลยุทธ์ที่จะส่งเสริมการขายการทำอีเวนต์การตลาด (Event Marketing) งานศิลปะหัตถกรรม :Art and Craft และอื่น ๆ

 

รวมทั้งจะแนะนำ “เส้นทางการท่องเที่ยวภาคเหนือ” ต้อนรับปลายฝนต้นหนาว เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป ททท.ผลักดันให้เป็น จุดหมายปลายทาง “การท่องเที่ยวเมืองชากาแฟ”

เส้นทางที่ 1 ดอยปู่หมื่น จ.เชียงใหม่ มีเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชา หรือ Tea Tourism สามารถไปเรียนรู้วิถีชา ทางดอยปู่หมื่นได้รับรางวัล TAT STAR ด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

เส้นทางที่ 2 ท่องเที่ยวกาแฟ ได้ที่ วิสาหกิจชุมชนบ้านมณีพฤกษ์ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน เป็นแหล่งปลูกกาแฟอินทรีย์ตามแนวป่าที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสุดยอดเมล็ดกาแฟพิเศษไทยปี 2566 และ ดอยช้าง จ.เชียงราย เป็นอีกจุดหมายปลายทางแปล่งปลูกกาแฟขึ้นชื่อทุกร้านมีวิวทิวทัศน์สวยงาม แล้วยังมีฟาร์มแกะอยู่ท่ามกลางหุบเขาสลับซ้อนสวยงามเทียบชั้นได้กับสวิตเซอร์แลนด์ หรือจะไปที่ ดอยปางขอน อ.เมือง จ.เชียงราย ชมเป็นหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่าและพื้นที่ปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียง และ บ้านห้วยห้อม อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน สถานที่ท่องเที่ยวชิล ๆ นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งจิบกาแฟ และในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ ยังมี Café Hoping ให้นั่งฟินได้เช่นกัน

 


เส้นทางที่ 3 สัมผัสธรรมชาติเขียวขจีของทุ่งนาขั้นบันได แนะนำ นาขั้นบันไดป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ นาขั้นบันไดแม่กลางหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นาขั้นไดแม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน นาขั้นบันไดบ้านลิไข่ จ.เชียงราย แต่ละแห่งล้วนมีความสวยงามทั้งในช่วงเขียวและออกรวงสีทอง ต่อเนื่องไปจนถึง อ.ปัว อ.บ่อเกลือ อ.สะปัน จ.น่าน

 

เส้นทางที่ 4 เที่ยวทะเลหมอก ขณะนี้มีพื้นที่ใหม่ที่ จุดชมวิวดอยดำ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ หรือที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และในเร็ว ๆ นี้ ททท.จะเร่งนำเสนอการท่องเที่ยวทะเลหมอกยอดนิยม 10 แห่ง ออกมาเชิญชวนคนเดินทางไปท่องเที่ยวช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป

 


ผอ.ภัทรอนงค์ กล่าวว่า ททท.ยังได้เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยใช้เวทีการประกวดรางวัลอุตสาหกรมท่องเที่ยวไทย ประจำปี 2566 เพิ่งจะประกาศรายชื่อผู้ประกอบการสาขาต่าง ๆ ไปเมื่อต้นเดือนกันยายน ซึ่งปีนี้มีความพิเศษที่ ททท.ได้เพิ่มรางวัลพิเศษอีก  “การจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบ” ซึ่งมีผู้ประกอบการที่พักโรงแรม รีสอร์ต เสนอชื่อเข้ามาด้วย รวมทั้งจัดทำ TAT STAR การท่องเที่ยว STGs :Sustainable Tourism Goals สามารถสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวยั่งยืนให้กับนักท่องเที่ยวได้ โดยได้เปิดให้ผู้ประกอบการประเมินตนเองแล้ว ททท.จะเข้าไปมอบเป็นมาตรฐานดาว มีตั้งแต่ 3-4-5 ดาว

 

เบื้องต้นนำร่องแจกมาตรฐาน TAT STAR ปีแรกแล้ว ในภาคเหนือมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวสาขาต่าง ๆ  สมัครเข้าร่วมเบื้องต้น 12 ราย แบ่งเป็น นันทนาการ 4 ราย ที่พักโฮมสเตย์ 7 ราย ร้านอาหาร 1 ราย ผนวกกับที่ได้รางวัลกินรีด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ก็จะมีผู้ประกอบการเป็นจุดตั้งต้นในภาคเหนือกว่า 30 ราย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนายกระดับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้ต่อไป ททท.มุ่งเน้นการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการขยายผล TAT STAR

 

ซึ่งจะไปเกี่ยวข้องกับการเร่งพัฒนาผู้ประกอบการท่องเที่ยวในห่วงโซ่อุปทานหรือ Shape Supply เสริมเรื่องภารกิจของ ททท.ที่เน้นเป็นองค์ผู้นำความเป็นเลิศทางการตลาด ซึ่งจะต้องพึ่งพาผู้ผลิตสินค้าท่องเที่ยวที่มีความเข้มแข็ง จึงต้องเข้าไปช่วยสนับสนุนในหลายมิติทั้งการสร้างมาตรฐานประกอบการสาขาต่าง ๆ อย่างรางวัลกินรีเทียบชั้นได้กับออสการ์ท่องเที่ยว เมื่อมีผู้ประกอบการเข้าร่วมมากขึ้น ก็จะนำมาร้อยเรียงเป็นเส้นทางท่องเที่ยว หรือประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวรู้จักอย่างกว้างขวางในเครือข่าย ททท.สำนักงานในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมใช้บริการ เป็นการกำหนดคุณภาพมาตรฐานไว้อย่างชัดเจน ทั้งที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว

 

ปี 2566 มีสาขาใหม่ “ห้างสรรพสินค้า” สมัครเข้าร่วมรับรางวัลกินรี เป็นส่วนดีที่จะช่วยขับเคลื่อนไปด้วยกันทั้งหมด ทำให้การส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวทำได้อย่างเข้มข้นมากขึ้นด้วย

 

รวมทั้ง ททท.มุ่งขยายผลโครงการ The Link เชื่อมต่อกับท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วยการสร้างเครือข่ายทั้งระดับในประเทศกับในประเทศ หรือ The Link Lacal to Local แลกเปลี่ยนนำสิ่งที่ดี ๆ มาปรับใช้ ควบคู่กับการเชื่อมเครือข่ายระหว่างในประเทศกับต่างประเทศ หรือ The Link Local to Global เป็นอีกช่องทางที่จะเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพ

 

สำหรับภาคเหนือ จัดทำ The Link ระดับประเทศ มีหลายเส้นทางที่น่าสนใจ ซึ่งมีจุดขายโดดเด่น 3 เส้นทาง 6 จังหวัด ได้แก่

1.Royal Route เชียงใหม่-เพชรบุรี ทางเชียงใหม่มีเส้นทางท่องเที่ยวพระชายาดารัศมี มีล่องเรือ/ภิรมย์นาวา และการแต่งกาย/ภิรมย์ภูษา ส่วนเพชรบุรีมีพระราชวังสมัยรัชกาลที่ 5 และสถาปัตยกรรมสวยงาม พร้อมเส้นทางเสด็จ โดยลงพื้นที่สำรวจสินค้าแล้วจากนั้นก็ได้แลกเปลี่ยนการขายระหว่างกัน 

 

2.เส้นทาง คราฟท์ & คราม ของแพร่-ประจวบคีรีขันธ์ ทางจังหวัดแพร่มีผ้าม่อฮ่อมย้อมครามโด่งดัง ส่วนประจวบคีรีขันธ์มีผ้าโขมพัสตร์ขึ้นชื่อ โดยได้เห็นความชัดเจนเป็นปรากฎการณ์ใหม่ด้วยการดีไซน์นำผ้าย้อมครามมาเขียนลายผ้าโขมพัสตร์ แล้วจัดเป็นแฟชั่นโชว์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน

 

3.เส้นทางโลว์คาร์บอน “น่าน-ตราด” ในพื้นที่ท่องเที่ยวเกาะหมาก จ.ตราดมีชื่อเสียงเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เช่นเดียวกับน่านก็ทำการท่องเที่ยวในลักษณะเดียวกัน จึงได้แลกเปลี่ยนนำนักท่องเที่ยวไปทำกิจกรรมในแต่ละพื้นที่ร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการแต่ละพื้นที่ได้เห็นทั้งการบริหารจัดการสินค้าอย่างยั่งยืนแล้ว ยังจะได้แลกเปลี่ยนวิธีการ ประการสำคัญ ททท.จะทำงานได้ง่ายมากขึ้น ในการส่งเสริมตลาดเพื่อให้บริษัทจัดการท่องเที่ยว (DMC) นำไปผลิตโปรแกรมวางขายได้ด้วย

 

รวมทั้งขอเชิญชวนไปท่องเที่ยวภาคเหนือปลายปีนี้เป็นต้นไป เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น ทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศเติบโต ซึ่งผู้คนภาคเหนือยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน และไฮไลต์ที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งกำลังจะได้รับการประกาศจากยูเนสโก้ ให้เป็นมรดกโลกที่เหมาะกับการเดินทางเยี่ยมชมอย่างมาก เพื่อส่งเสริมคุณค่าทางประวัติศาสตร์อันงดงามที่มีมาอย่างยาวนานของเมืองไทย

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1 คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้

            กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทำให้ทุกการเดินทางและทุกการช้อปสินค้า “เป็น ไป ได้” ทุกวัน ตลอดเดือนกันยายน นี้ กับมหกรรม “วีกแจกมันส์ ไม่ต้องลุ้น” ทุกวันเสาร์ของเดือน คือ เสาร์ที่ 16, 23 และ 30 กันยายน 2566 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ

วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ! แจกมันส์ แจกฟิน  เวลา 15.00 - 17.00 น.กับมหกรรม “เป็น” : วีกแจกมันส์ ไม่ต้องลุ้น! ตามด้วย “ไป” : รับคูปองส่วนลด 1,500 บาท เมื่อช้อป 3,000 บาทขึ้นไป และ “ได้” : พบ มิกซ์ สหภาพ

พร้อมแจกความฟินกับนักเดินทางและนักช้อปทุกคนเมื่อ “สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ “ รับแบบจุใจ และคุ้มสุด ๆ ดังนี้

รับฟรีทันที! ฟินแรก คูปองส่วนลด 1,500 บาท สำหรับช้อป 3,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ ลุยแจกกันแบบไม่เกรงใจวันละถึง 3,400 คนแรก รับได้คนละ1 สิทธิ์ /วัน ฟินที่ 2 อีกต่อ! เมื่อสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ กับ “มิกซ์ สหภาพ”  ได้แก่ สมัครสมาชิก NAVY เติมเงินเข้าบัญชี 1,000 บาท  ผู้โชคดีรับรูปถ่ายพร้อมลายเซ็น 20 ใบ สมัครสมาชิก SCARLET แล้วเติมเงินเข้าบัญชี 20,000 บาท ผู้โชคดีถ่ายรูปคู่ศิลปินพร้อมลายเซ็น 20 ใบ 

สำหรับ  คูปองส่วนลดการแลกรับได้คนละ 1 สิทธิ์ / วัน ให้ร่วมสนุกซื้อสินค้าไม่เกิน 20 ชิ้น / ใบเสร็จรับเงิน รวมทั้งเลือกช้อปเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ซึ่งสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่บริเวณจุดขายภายในคิง เพาเวอร์ รางน้ำ

ส่วนการ “สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์” บัตรประเภท NAVY เติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก 1,000 บาท และสมาชิก SCARLET เติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก 20,000 บาท สิทธิต่าง ๆ ในแคมเปญดังกล่าวจะมอบให้กลุ่มลูกค้าสมาชิกใหม่คนไทยและคนต่างชาติที่ไม่เคยเป็นสมาชิก หรือบัตรหมดสถานะสมาชิกและกลุ่มลูกค้า Co-Brand ที่ไม่เคยเป็นสมาชิกมาก่อนก็สามารถร่วมสนุกได้เช่นกัน


ข่าวที่ 2 ช้อปKingPowerOnlineรับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย.66

 


กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ King Power Online เพื่อรับสิทธิประโยชน์ดี ๆ แบบจุใจ ตั้งแต่วันนี้ - 24 กันยายน 2566

 

คุ้มที่ 1 : KING POWER ONLINE ช้อปทุกที่เป็นไปได้  โปรดีต้องบอกต่อ ให้ชาวนักช้อปเข้ามาเลือกสรรสินค้าคุณภาพดี ช้อปคุ้ม ดีลครบ รับของง่าย ๆ ที่สนามบินขาเข้าหรือขาออกนอกประเทศ

 

1.ลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท กดรับรหัสส่วนลด SEP10

2.ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 7,000 บาท กดรับรหัสส่วนลด SEP15

3.ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 9,000 บาท กดรับรหัสส่วนลด SEP20

 

คุ้มที่ 2 : พิเศษ! สมัครสมาชิก KING POWER ONLINE  รับส่วนลดทันที 200.- เมื่อช้อปครบ 1,000 บาท พบกันสินค้าเเบรนด์ดังสุดฮอตมากมายให้คุณได้เลือกช้อป พร้อมดีลสุดคุ้มที่มีมาให้คุณตลอดปี

 

สินค้า Duty Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ทั้งขาเข้าและขาออก

รับสิทธิ์ 1.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน เมื่อมียอดซื้อตามที่กำหนด 2.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 11,000 บาท 3.รับฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง  4.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท(สุทธิ) ทางบริษัทจะจัดส่งรหัสส่วนลดไปยังอีเมลที่นักช้อปใช้ลงทะเบียนไว้

 

ข่าวที่ 3 ช้อป DUTY FREE SALEนำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม

 

 

พร้อมแล้วลุยช้อปที่ คิง เพาเวอร์ กับแคมเปญ “DUTY FREE SALE LET YOURSELF GO! EXPLORING NEW POSSIBILITIES” ลดต่อ ช้อปไม่ต้องยั้ง โปรพิเศษเฉพาะออนไลน์เท่านั้น! มหกรรมบิวตี้แบรนด์เซล วันนี้- 17 กันยายน 2566 โปรดีลพิเศษสุดที่ไม่ควรพลาด ช้อปสินค้า Duty Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ที่สนามบินทั้งขาเข้าและขาออก

 

สายบิวตี้ไอเทมทั้งตัวพ่อและตัวแม่ต้องมีไว้ ช้อปก่อนเริ่ดก่อน! อยู่ต่างประเทศก็ช้อปได้ เอาใจสายบิวตี้

ยก ตัวเด่นดังมาให้ช้อป เช่น แบรนด์ LA MER,  SHISEIDO, ESTÉE LAUDER, KIEHL'S , TOM FORD , L'OCCITANE, LANCOME และอื่น ๆ

 

1.ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท รับรหัสส่วนลด PAPC20

2.ลดสูงสุด 30% เมื่อช้อปครบ 15,000 บาท รหัสส่วนลด PAPC30

 

ข่าวที่ 4 ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย

 

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เดินหน้าสนับสนุนการนำเข้านักท่องเที่ยวตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  เมื่อ13 กันยายน 2566 เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน โดยได้ประกาศยกเว้นการตรวจลงตราหรือ FREE VISA เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจไทยช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปี 2566 เน้นกลุ่มเป้าหมายตลาดจีนเข้าไทยซึ่งปีนี้เพิ่งฟื้นตัวได้ประมาณ 30 % และคาซัคสถานซึ่งเป็นกลุ่มศักยภาพตลาดใหม่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว จะได้รับยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถานซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 30 วัน ระหว่าง 25 กันยายน 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 คาดจะช่วยเร่งเครื่องอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ของปี 2566 และส่งผลดีถึงต้นปี 2567

 

โดยคาดการณ์ตลอด 5 เดือน ที่ไทยเปิดให้ฟรีวีซ่านำร่อง 2 ประเทศ จะสร้างรายได้ท่องเที่ยวปีนี้รวมกว่า 1,00,513-148,313 ล้านบาท โดยจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยอีกประมาณ1,912,000 – 2,888,500 คน ทำสัดส่วนฟื้นตัวจากสถานการณ์ก่อนโควิดปี 2562 ได้ถึง 41 - 62 % และจะสร้างรายได้เข้าประเทศ 92,583 – 140,313 ล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวคาซัคสถานจะมีประมาณ 129,485 คน เพิ่มขึ้น 49.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน สร้างรายได้7,930 ล้านบาท  นโยบายนี้เป็นหนึ่งในมาตรการ Quick Win ของรัฐบาลนายเศรษฐาที่จะนำมาใช้แล้วทำให้บรรลุเป้าหมายระยะสั้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานรากของประเทศกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยตั้งแต่ 1 มกราคม – 10 กันยายน 2566 รวมทั้งสิ้น 2,284,281 คน เป็นอันดับที่ 2 รองจากมาเลเซียไทย แต่ถ้าไม่มีมาตรการของรัฐบาลใหม่ประกาศยกเว้นการตรวจลงตรา ( Visa Exemption) ปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยรวมทั้งสิ้น 3,470,430 คน ฟื้นตัวได้ 31 % สร้างรายได้ 174,358 ล้านบาท เมื่อมีมาตรการวีซ่าดังกล่าวสามารถเป็นปัจจัยสำคัญช่วยกระตุ้นตลาด ทำให้จีนจะมาเที่ยวเมืองไทยพุ่งขึ้นไปถึง 4.04-4.4 ล้านคน ทำรายได้ 257,500 ล้านบาท

 

ตลอดปี 2566 ไทยพร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทาง (Ease of Traveling) ให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องใช้ระยะเวลาตรวจและเสียค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราวีซ่า จะเป็นผลดีทำให้ชาวจีนตัดสินใจเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวไทยได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะระหว่าง  1 -  8 ตุลาคม 2566 ช่วงนิยมเดินทางวันหยุดยาว Golden week ทางพันธมิตรสายการบินพร้อมจัดทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) และเพิ่มความถี่และจำนวนที่นั่งและเปิดเส้นทางการบินใหม่จาก 4 เมืองใหญ่จีน ได้แก่ ปักกิ่ง กวางโจว เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง มุ่งสู่เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในไทยที่ 2 ภาค 4 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ เชียงใหม่ และภาคใต้ ภูเก็ต สมุย หาดใหญ่ ตามโปรแกรมจะบิน  เฉิงตู – สมุย, เซี่ยงไฮ้ -  ภูเก็ต, กวางโจว – ภูเก็ตและคุนหมิง – หาดใหญ่ ภาคเหนือ มีบินมาจาก 3 เมือง ได้แก่ ปักกิ่ง – เชียงใหม่, กวางโจว – เชียงใหม่, เซี่ยงไฮ้ – เชียงใหม่

 

ส่วนคาซัคสถานเป็นตลาดเติบโตได้ดีมีศักยภาพสูง เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยช่วง 9 เดือนแรก ระหว่าง 1 มกราคม – 10 กันยายน 2566 ทำสถิติสูงที่สุด 108,636 คน นิยมเดินทางมาพักผ่อนที่ภูเก็ตจำนวนมาก การยกเว้นการตรวจลงตราให้นักท่องเที่ยวจะช่วยกระตุ้นและเพิ่มจำนวนกับรายได้มากขึ้น

ปี 2566 ททท.พร้อมจะใช้นโยบายฟรีวีซ่านำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยบรรลุตามเป้าหมาย 25 - 30 ล้านคน สร้างรายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท เป็นแรงส่งกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่องในปี 2567 ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่เล็งเห็นการใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำให้ไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของงทั่วโลกต่อไป

 

ข่าวที่ 5 บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว

 

 

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมงานประชุมสุดยอดความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมไทย-ไต้หวัน ประจำปี 2566 (2023 Thailand-Taiwan Industrial Collaboration Summit (TTICos)) พร้อมกับทำหน้าที่ผู้บรรยายพิเศษ (Keynote Speaker) ในหัวข้อ “Energizing a Greener World: A Bangchak Group Perspective” ให้นักธุรกิจคนไทยและไต้หวันที่เข้าร่วมกว่า 300 คน ที่โรงแรม เดอะสุโกศล ได้รับรู้ความสถานการณ์ล่าสุดของเครือบางจากกับการเดินหน้าพัฒนาการนำธุรกิจพลังงานช่วยลดโลกร้อน ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีโมเดลต้นแบบทำได้อย่างเป็นรูปธรรม

 

ขณะนี้กลุ่มบางจาก โดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ยังได้ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไต้หวันรวมอยู่ด้วย โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 469 เมกะวัตต์ อยู่ในระหว่างพัฒนาโครงการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้พลังงานสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ด้วย

 

ส่วนการจัดประชุมครั้งมีสถาบันวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (Industrial Technology Research Institute: ITRI) แห่งไต้หวัน จัดขึ้น เพื่อเปิดเวทีให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ 5 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ สิ่งทอ อาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ เมืองอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ  

 

นางกลอยตา กล่าวว่าการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Net Zero Emissions” ซึ่งมีผู้บรรยายพิเศษจากสถาบันวิจัยและภาคอุตสาหกรรมจากประเทศไทยและไต้หวัน ดังนั้นในฐานะตัวแทนบางจากจึงได้กล่าวถึงการให้ความสำคัญเรื่องการสร้างสมดุลด้านพลังงานของบางจากฯ กำลังเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดแนวคิดเรื่อง Decarbonization ก้าวเข้าไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050 )

 

โดยได้ยกตัวอย่างการกำหนดแผน BCP 316 NET ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน การดูดซับคาร์บอนทางธรรมชาติ การปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วยนวัตกรรมสีเขียว และการสร้าง Net Zero Ecosystem ของบางจากฯ รวมถึงการก่อตั้ง Carbon Markets Club เพื่อสนับสนุนการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด สร้างความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลกทั้งระยะสั้นและระยะยาว

 

ข่าวที่ 6 TCEBผนึกEECAutoParkหนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บร่วมสนับสนุน EEC Automation Park ซึ่งตั้งอยู่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา หนึ่งในพันธมิตรไมซ์ที่จะส่งเสริมการจัดแสดงสินค้าโดยใช้ศักยภาพของศูนย์การเรียนรู้และเป็นหนึ่งในศูนย์เครือข่ายการพัฒนาบุคลากรเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC NETs) ด้านออโตเมชันและหุ่นยนต์ ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC สนับสนุนเงินลงทุนประมาณ 42.2 ล้านบาท พัฒนาเป็นศูนย์เสริมสร้างทักษะ ยกระดับเทคโนโลยีการผลิตของไทยก้าวสู่ Industry 4.0  รวมทั้งยังช่วยขับเคลื่อนไมซ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรม S-CURVE ดึงดูดงานแสดงสินค้าหรือ Exhibition จากทั่วโลกเข้ามาจัดในภาคตะวันออก EEC และพัทยา เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ภายใน EEC Automation Park มีพื้นที่ใช้งานได้ประมาณ 2,400 ตารางเมตร ซึ่งเปิดให้ผู้ประกอบการไมซ์และคนทั่วไทยทุกวัยเข้าไปเยี่ยมชมสาธิตการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ แบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่  

 

โซนที่ 1 LEARNING CENTER เป็นศูนย์จัดการเรียนรู้ Smart factory model line ผสมผสานการนำเทคโนโลยีด้านระบบอัตโนมัติโรงงาน และเทคโนโลยีด้านสารสนเทศเข้าด้วยกัน 

 

โซนที่ 2 TRAINING CENTER เป็นศูนย์การอบรมเพื่อพัฒนาทักษะผลิตบุคลากรป้อนภาคอุตสาหกรรมในแถบภาคตะวันออกเป็นหลัก มเน้นผลลัพธ์การเรียนรู้ทางด้าน Industry 4.0 หรือ e-F@ctory  

 

โซนที่  3 CO-CREATION SPACE เป็นพื้นที่เปิดให้ผู้ประกอบการ SME ภาคอุตสาหกรรม Systems Integrator และกลุ่ม Startup เข้ามาใช้ทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญออโตเมชันพาร์คและเครือข่าย

 

ดร.ไพบูลย์ ลิ้มปิติพานิชย์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ในฐานะผู้อำนวยการ EEC Automation Park กล่าวว่า ทามหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนทั้งจาก EEC และบริษัท มิตซูบิชิ อิเลคทริก จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใหญ่ได้มอบอุปกรณ์การเรียนรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้ศูนย์จนก้าวสู่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

 

ปัจจุบันจึงเป็นศูนย์เครือข่ายความร่วมมือระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์และดิจิทัล พัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซีก้าวสู่โรงงานอัจฉริยะ ช่วยตอบโจทย์กระบวนการผลิตครอบคลุมทั้งเรื่อง การลดต้นทุน เพิ่มมูลค่า สร้างทักษะแรงงานอย่างเหมาะสมและคุ้มค่าต่อการลงทุน สร้างนวัตกรรมขั้นสูงแบบครบวงจร และสามารถบริหารจัดการสร้างรายได้ให้มหาวิทยาลัยได้ด้วย รวมถึงได้สนับสนุนอุตสาหกรรมไมซ์เกี่ยวกับด้านการแสดงสินค้าและผลิตบุคลากรอย่างเพียงพอต่อความต้องการของตลาดปัจจุบันและอนาคตด้วย

 

            ช่วงที่ 2 เที่ยวเมืองไทยต้องไป Unseen New Chapters ภาคกลาง 3 จังหวัด 3 พิกัด ได้ที่ พิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก จ.ลพบุรี พระนอนกลางแจ้งกว่าร้อยปี จ.อ่างทอง และ หนึ่งเดียวในโลกภาพปริศนาธรรม วัดปัญญานันทาราม จ.ปทุมธานี แล้วฟัง!! ป้องกันหวัดใหญ่ด้วย 4วิธี “ปิดล้างเลี่ยงหยุด” และข่าวฮ็อตต้อนรับวันหยุด ข่าวแรก “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รัฐมนตรีใหม่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศอีก4 ปีหน้าดึงต่างชาติเที่ยวไทย 40 ล้านคน ข่าวที่สอง “กพท.ควงสมาคมสายการบินไทย” แบไต๋ทำไมต้องขายตั๋วบินราคาแพง

 

ท่องเที่ยว – Unseenภาคกลาง“พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา”

 

เที่ยวเมืองไทยไม่ต้องว้าวุ่นเพราะมีจุดหมายปลายท่องเที่ยว Unseen New Chapters ในภาคกลางมาชวนไปเยี่ยมชมสักครั้ง เลือกฟินได้  3 จังหวัด 3 พิกัด ย้อนประวัติศาสตร์ความร่ำรวยไปกับ “พิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก” อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ทึ่งกับเรื่องราวของ “พระนอนใหญ่กลางแจ้ง” วัดขุนอินทประมูล อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง และสัมผัส 1 เดียวในโลกเรียนรู้บาปบุญปริศนาธรรม 3 มิติ ที่ “วัดปัญญานันทาราม” อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

 

พิกัดที่ 1 ย้อนไทม์ไลน์ลุ่มน้ำป่าสัก…อาณาจักรแห่งชีวิต พิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี

พิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก เป็นส่วนหนึ่งในโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ของจังหวัดลพบุรี จัดแสดงประวัติความเป็นมาของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก รวมถึงมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่เขื่อน ซึ่งได้ขุดพบโบราณวัตถุอายุเกินกว่า 2,000 ปี อาทิ ถ้วยชามรามไห ไปจนถึงโครงกระดูกมนุษย์รุ่นบุกเบิก ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญในด้านโบราณคดีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต

 

ตลอดจนสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของชุมชนในบริเวณนี้ และที่สำคัญสถานที่แห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรี แถมยังมีสินค้า OTOP ของดีของเด็ดจากชาวบ้านมาวางจำหน่ายด้านในอีกด้วย

 

สอบถาม ททท.สำนักงานลพบุรี โทร 0 3677 0096-7

 

พิกัดที่ 2  จากขุนอินทประมูล…สู่พระนอนใหญ่กลางแจ้ง…กับวิหารที่หายไป วัดขุนอินทประมูล อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง

 

วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่อันดับ 2 ของเมืองไทย มีชื่อว่า “พระศรีเมือง” แห่งทุ่งโพธิ์ทอง ส่วนที่มาของชื่อวัด "ขุนอินทประมูล" ที่หลายคนอยากรู้ มาจากขุนอินทประมูล ซึ่งเป็นนายอากร ได้ยักยอกเงินหลวงมาใช้สร้างพระองค์นี้ ต่อมาเมื่อถูกจับได้จึงถูกเฆี่ยนตายและกลายเป็นที่มาของชื่อวัด ส่วนอีกเรื่องที่ชวนสงสัย คือ ทำไมพระนอนองค์ใหญ่ขนาดนี้ถึงถูกสร้างให้อยู่กลางแจ้ง

 

ย้อนไปเมื่อนานมาแล้ว วัดแห่งนี้ได้ถูกไฟไหม้จนเสียหาย แต่องค์พระกลับรอดจากการถูกทำลายราวกับปาฏิหาริย์ ทำให้จากวันนั้นถึงวันนี้ พระศรีเมืองได้กลายตำนานพระนอนกลางแจ้งมาเป็นเวลายาวนานนับร้อยๆ ปี ถือเป็นอีกหนึ่งวัดที่มีสตอรี่น่าสนใจเป็นอย่างมาก วัดแห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.

 

สอบถาม ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี โทร 0 3552 5867 หรือ 0 3552 5880

 

พิกัดที่ 3 เรียนรู้บาปบุญ…ผ่านปริศนาธรรม 3 มิติวัดปัญญานันทาราม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

วัดขวัญใจของคนชอบถ่ายภาพ รวมถึงคนชอบถูกถ่ายภาพ เพราะเป็นวัดที่มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะชนิดเลือกกันไม่ถูก ทั้งความงดงามภายนอกของเจดีย์พุทธคยาจำลอง หรือจะเป็นจุดที่พลาดไม่ได้อย่าง แกลลอรี่ภาพพุทธศิลป์ AR 3 มิติ นานาชาติ เป็นที่เดียวในโลกที่มีการแสดงภาพวาดปริศนาธรรม 62 ภาพ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมเฟรม ซึ่งนอกจากจะได้ภาพสวยแล้ว นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะสายบุญรุ่นเยาว์ ยังจะได้เรียนรู้ธรรมะภายใต้แนวคิด “เที่ยววัดให้ถึงธรรม” อีกด้วย

 

สอบถาม ททท.สำนักงานกรุงเทพฯ โทร 0 2410 3797-8

 

สุขภาพ – 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์

 

ตอนนี้ “โรคไข้หวัดใหญ่” กำลังระบาดไปทั่ว เป็นโรคเกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล สามารถจำแนกออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดเอ บี และซี

 

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ มักจะเกิดขึ้นทันทีทันใดด้วยอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ อาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วงได้

 

ไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่ติดต่อ ได้ง่าย เช่น การไอหรือจามรดกัน หรือหายใจเอาฝอยละอองเข้าไป รวมไปถึงการใช้สิ่งของร่วมกัน หรือการได้รับเชื้อทางอ้อมผ่านทางมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น แก้วน้ำ ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ผ้าเช็ดมือ เป็นต้น

 

เราสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง และดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์โดยการ “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ทำง่าย ๆ ได้ดังนี้

 

1.ปิด ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม

 

2.ล้าง ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ

 

3.เลี่ยง หลีกเลี่ยงคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย

 

4.หยุด หยุดเมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรมในสถานที่แออัด

 

แพทย์แนะนำรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล สามารถจำแนกออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดเอ บี และซี เราสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –“สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวลั่นดึงต่างชาติ40ล้านคน

 

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาวันแรก โดยได้มอบนโยบายและติดตามการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 2 นโยบายสำคัญ  ประกอบด้วย นโยบายแรก “ด้านการท่องเที่ยว” จะให้นำนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาเที่ยวเมืองไทยภายใน 4 ปีหน้า ให้ได้ถึงปีละ 40 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนเกิดโควิดระบาดการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเคยสร้างรายได้ปีละ 1.9 ล้านล้านบาท อนาคตจะขยับไปจนถึงปีละ 3 ล้านล้านบาท

 

หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 มีมติเรียบร้อยแล้วอนุมัติเดินหน้านโยบายเร่งด่วนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวเปิด FREE VISA ให้ 2 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคาซัคสถาน เป็นเวลา 5 เดือน ระหว่างวันที่ 25 กันยายน 2566- 29 กุมภาพันธ์ 2566 คาดการณ์ช่วงฤดูเดินทางหลังเปิดฟรีวีซ่าตั้งแต่ตุลาคม-ธันวาคม 2566 จะมีนักท่องเที่ยวสองประเทศเข้ามาไทยไม่ต่ำกว่า 700,000 คน

 

นางสาวสุดาวรรณกล่าวว่า ขณะประชุมร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในกระทรวงได้ขอความร่วมมือจากทุกคนในกระทรวงและหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลเพื่อเดินหน้าทำเรื่องท่องเที่ยวทันที 4 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสร้างรายได้ระยะเร่งด่วน เรื่องที่ 2 ให้ความสำคัญมากสุดด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวของต่างชาติและคนไทยทุกคน โดยจะต้องร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเดินหน้าปราบธุรกิจสีเทาและธุรกิจผิดกฎหมายทุกประเภท

 

 เรื่องที่ 3 ส่งเสริมมาตรการดูแลภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเกิดความเชื่อมั่นเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว เรื่องที่ 4 ยกระดับฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยว นำมาสร้างประโยชน์ด้านการวางแผนนโยบายอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวในทุกมิติ  

 

นโยบายที่ 2 ด้านการพัฒนากีฬา ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ฟื้นฟูโครงการ 1 รัฐวิสาหกิจ 1 กีฬา ขึ้นมาอีกครั้ง  ประการสำคัญต้องมุ่งสร้างอุตสาหกรรมกีฬา ส่งเสริม สนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ ผนวกกับการเชื่อมโยงกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (SportTourism) อย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

 

ส่วนนโยบายกีฬาต่าง ๆ จะทำควบคู่กันไปทั้งส่งเสริมการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้ประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกวัย ส่งเสริมและพัฒนากีฬาอย่างเป็นระบบ เกี่ยวกับการพัฒนานักกีฬา ผู้ฝึกสอน บุคลากรที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่กีฬาขั้นพื้นฐาน กีฬาเพื่อมวลชน กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ กีฬาเพื่อการอาชีพ  

 

และมีกำหนดจะเดินทางไปให้กำลังใจนักกีฬาไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 24-29 กันยายน 2566

 

นางสาวสุดาวรรณ ย้ำว่าเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 ระหว่างการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นั้นได้ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันพัฒนาไปในทิศทางเดียวกันทำให้เกิดผลเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจทั้งทางด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งปัจจุบันไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจำเป็นต้องเร่งแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนาเพื่อฟื้นฟูพลิกฟื้นประเทศภายใต้การนำของรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อ11 และ12 กันยายน 2566กำหนดนโยบายการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วนหลายเรื่องตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น

 

รวมทั้งเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้บริหารและผู้แทนหน่วยงานทุกคนได้มาร่วมแบ่งปันและแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวทางการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน นำเสนอข้อมูลที่มีความสำคัญที่จะใช้ขับเคลื่อนการทำงานอย่างบูรณาการของกระทรวงอย่างมาก จะทำให้ทุกคนมองเห็นแนวทางและทิศทางการทำงานร่วมกัน สามารถปรับให้สอดประสานและสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างเหมาะสม

 

ข่าวที่สอง -กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋กลไกตั๋วบินราคาแพง

 

นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า กพท.ร่วมกับนายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินประเทศไทย  จัดงานเสวนาหัวข้อ เผยเบื้องลึกกลไกราคา บินคุ้มค่าหรือเกินจริง หลังจากผ่านวิกฤตโควิด-19  ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสายการบินของไทยได้รับผลกระทบรุนแรงประสบปัญหาขาดทุน จากนโยบายของหลายประเทศจำกัดการเดินทาง ปิดพรมแดนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทุกสายการบินจึงได้ออกมาตรการลดต้นทุนเพื่อความอยู่รอด โดยลดแต่ละส่วนทั้งขนาดองค์กร ฝูงบิน เส้นทางบิน ซึ่งส่งผลให้อุปทานหรือการผลิตที่นั่งทางการบินหายไปจำนวนมาก พอสถานการณ์คลี่คลายก็จำเป็นจะต้อง กำหนด “ราคาตั๋วโดยสารเครื่องบิน” ทั้งในและทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นจากปกติประมาณ 17-18 % เนื่องจากอุปสงค์หรือความต้องการเดินทางเพิ่มมากขึ้น แต่สายการบินไม่สามารถนำเที่ยวบินกลับให้บริการได้เท่าเดิม เพราะข้อจำกัดหลายอย่างทั้งขั้นตอนการนำเข้าเครื่องบิน การซ่อมบำรุงเครื่อง การจัดหาบุคลากร และอื่น ๆ 

 

ซึ่งราคาตั๋วเครื่องบินนั้นตามกลไกลตลาดกำหนดราคาด้วยหลัก Dynamic Pricing ตั้ง “ราคาแบบยืดหยุ่น” ซึ่งสายการบินทั่วโลกนำมาใช้เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะ ปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสารแต่ละช่วงเวลา การแข่งขันของสายการบินตามเส้นทางต่าง ๆ แต่ละสายการบินจะนำมาพิจารณาร่วมกับต้นทุนบริการก่อนตั้งราคาตั๋วแต่ละที่นั่ง ซึ่งใน 1 เที่ยวบินจะมีราคาตั๋วแตกต่างกัน ไล่ระดับราคาเป็นขั้นบันได เรียกว่า Fare Class

 

ด้วยกลไกทางการตลาดดังกล่าวนี้ทำให้สายการบินตั้งราคาตั๋วโดยสารในเที่ยวบินนั้นเป็นหลายระดับราคา ช่วยให้ผู้โดยสารเข้าถึงบริการได้มากขึ้น สถานการณ์ก่อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจการบินในประเทศเทศแข่งขันกันค่อนข้างสูง และเลือกใช้กลยุทธ์ราคามาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด ประชาชนจึงรับรู้ถึงตั๋วเครื่องบินก่อนโควิด-19 มีราคาถูกกว่าปัจจุบัน

 

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า หลังโควิดคนต้องการเดินทางในประเทศสูงขึ้นมาก มีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย แต่สายการบินโดยรวมยังฟื้นตัวได้ต่ำกว่าปี 2562 จึงยังไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินและที่นั่งเพื่อรองรับปริมาณความต้องการได้เพียงพอ ส่งผลให้ผู้โดยสารต้องซื้อตั๋วที่นั่งใบท้ายๆในราคาสูง โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาว ทาง กพทพยายามเร่งกระบวนการอนุมัติ/อนุญาตให้สายการบินสามารถจัดหาฝูงบินเพิ่มเติมรวดเร็วขึ้น และผ่อนปรนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถจัดหาฝูงบินมาใช้เพิ่มและทันความต้องการเดินทางของผู้โดยสาร

 

รวมทั้งเป็นการคุ้มครองสิทธิผู้โดยสารและควบคุมไม่ให้ “ค่าโดยสาร” สูงจนเกินไป โดยเฉพาะช่วงที่มีความต้องการเดินทางสูง ทางคณะกรรมการการบินพลเรือนจึงมีประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณค่าโดยสารและค่าระวางสำหรับอากาศยานขนส่งในเส้นทางบินภายในประเทศ พ.. 2561 เป็นเพดานราคาตั๋วขั้นสูงสุดไว้ ผู้โดยสารตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์ www.caat.or.th หากผู้โดยสารผู้พบราคาตั๋วเครื่องบินที่เกินเพดานค่าโดยสารสามารถร้องเรียนมาที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยทางเว็บไซต์ www.caat.or.th/complaint

 

ทุกวันนี้ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้เก็บข้อมูลราคาตั๋วเครื่องบินเส้นทางภายในประเทศ ของสายการบินต่าง ๆ เป็นระยะ เพื่อใช้ประเมินเเละวางแผนการพิจารณาราคาค่าโดยสารอย่างเป็นธรรม เช่น ข้อมูลสถิติราคาตั๋วเครื่องบิน เส้นทางดอนเมือง-ภูเก็ต วันที่ 19 พฤษภาคม 2566 พบว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่ 37.9 % ซื้อตั๋วได้ในราคา1,001-1,500 บาท   32.8  % ซื้อตั๋วในราคาต่ำกว่า 1,000 บาท และ 0.8 % ซื้อตั๋วในราคาสูง 3,001-3,500 บาท

 

สำหรับราคาตั๋วเครื่องบินเของผู้โดยสารแต่ละคนที่ซื้อแตกต่างกัน สอดคล้องกับช่วงเวลาสำรองที่นั่งตาม Fare Class จึงแนะนำให้วางเเผนเดินทางล่วงหน้าให้ดี จึงจะมีโอกาสซื้อตั๋วได้ราคาถูกลง โดยเฉพาะฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้ ก็เช่นเดียวกัน

 

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินประเทศไทย กล่าวว่า สายการบินมีต้นทุนส่วนสำคัญที่นำมาใช้กำหนดราคาตั๋วโดยสาร หลังจากต้องแบกรับภาระต้นทุนการดำเนินงานค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับการขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ต้นทุนแบ่งได้เป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 การดำเนินงาน  เช่น ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าภาษีอากรน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน Excise Tax ที่ปัจจุบันสายการบินของไทยถูกเรียกเก็บออัตรา 4.726 บาท/ลิตร ส่วนที่ 2 ต้นทุนคงที่ เช่น ค่าจ้างบุคลากรโดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ค่าซื้อ/เช่าอากาศยาน และค่าบริหารจัดการข้อมูลการบินและระบบสนับสนุน ส่วนที่ 3  ต้นทุนอื่น ๆ อาทิ การตรวจดูแลอากาศยานประจำวัน การซ่อมบำรุงตามกำหนดเวลา และค่าธรรมเนียมการใช้บริการในสนามบินและภาคพื้นดินหรือลานจอด

 

ตอนนี้คนส่วนใหญ่คิดว่าสายการบินเป็นธุรกิจทำกำไรมหาศาล แต่ความจริงแล้วเมื่อดูราคาเฉลี่ยตั๋วเครื่องบิน เปรียบเทียบกับต้นทุนแล้ว ในค่าตั๋วจะมีส่วนต่างกำไรน้อย จึงต้องพึ่งพารายได้จากแหล่งทางอื่นมากกว่า เช่น ขนส่งสินค้า จัดทำบริการเสริม น้ำหนักกระเป๋า (สำหรับสายการบินแบบราคาประหยัด) และรายได้จากช่องทางอื่น (ancillary) เช่น โฆษณาในนิตยสาร in-flight หรือขายของที่ระลึกบนเครื่องบิน

 

อีกทั้งปัจจุบันธุรกิจการบินยังต้องเผชิญข้อจำกัดการเติบโตจากภาวะเงินเฟ้อสูง ทำให้กำลังซื้ออ่อนแอ ใช้จ่ายเงินด้านสันทนาการหรือเดินทางท่องเที่ยวทางเครื่องบินอย่างระมัดระวัง และราคาเชื้อเพลิงเครื่องบินปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 70% จากปี 2564 ตามราคาน้ำมันดิบโลก แถมสายการบินยังมีต้องลงทุนเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับเกณฑ์ความปลอดภัยให้สอดรับกับมาตรฐานธุรกิจการบินโลก และยกระดับด้านสุขอนามัยช่วงหลังวิกฤต โควิด-19

 

รวมถึงภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการปฏิบัติตามเกณฑ์/พันธกรณี/ ข้อบังคับที่ถูกกำหนดขึ้น เช่น เกณฑ์ความปลอดภัยตามมาตรฐานอุตสาหกรรมการบินโลก  นโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้สายการบินอาจต้องปรับใช้เชื้อเพลิงอากาศยานที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuels: SAF) ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล หรือออกแบบเครื่องยนต์ใหม่เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

 

ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลกับ “การกำหนดราคาตั๋วโดยสาร” ทั้งสิ้น และถึงแม้ภาระต้นทุนของธุรกิจจะเพิ่มมากขึ้น ทุกสายการบินก็ยังคงต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ (เพดานค่าโดยสาร) ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ดังนั้นจึงขอสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้โดยสารเกี่ยวกับราคาตั๋วสายการบินในไทยเป็นราคาที่สมเหตุสมผลแล้ว

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง