ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.เอเชียแปซิฟิกเปิดแผนเพิ่มรายได้Q4ปี66-Q1ปี 67





ททท.ลุยเพิ่มรายได้ตลาดเอเชียแปซิฟิกQ4ปี66-Q1ปี67

ทัวร์จีนเฮรับวีซ่าฟรีดันตั๋วบินอัตราบรรทุกผู้โดยสารพุ่ง90%

งัด3สูตรดึงต่างชาติ“ชาเตอร์ไฟลต์-เพิ่มที่นั่งบิน-QuickWin

คิงเพาเวอร์บูมวีกฉลองมันส์วันเกิดกับ2ศิลปินเพิร์ธ/ชิม่อน

มาชีลด่วน!!พูลแมนคิงเพาเวอร์/เดอะสแตนดาร์ดมหานคร

คิงเพาเวอร์มอบขนมไหว้พระจันทร์สมาชิกVEGA/CROWN

ผู้ว่าฯททท.ใช้เวทีGTEFพบ“หู เหอผิง”รมว.จีนหนุนวีซ่าฟรี

บางจากเปลี่ยนโลโก้ปั๊มเอสโซ่โฉมใหม่ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม

TCEBหนุนจัดPack Print Inter2023อุตฯทำเงิน3แสนล้าน

ฟินUnseenเกาะปันหยีพังงา-ฆูนุงซีลีปัตอัยเยอร์เวงยะลา

7 เทคนิคดูแลสุขภาพเที่ยวหน้าฝนอย่างสนุกปลอดภัย

AOTเคลียร์สุวรรณภูมิ-ดอนเมืองรับจีน7วันแรก2แสนคน

แอร์เอเชียทุ่มจัด“เที่ยวนอกสุดฟินแจกตั๋ว-แต้ม-รางวัล

 

วันเสาร์ที่ 23 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #ทัวร์จีน  #ทททเอเชียแปซิฟิก

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/ne7YtBghUb/

ช่วงที่ 1 เขย่าตลาดบินใกล้กับ “ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เทหมดหน้าตักโกยตลาดเอเชียแปซิฟิกเที่ยวไทย งัดใช้ 3 สูตรสำเร็จ “เพิ่มที่นั่งเที่ยวบิน-เช่าเหมาลำ-การตลาด Quick Win9เดือนแรก “มาเลเซีย” ยืนหนึ่ง 4 ล้านคน “จีน” ฮือฮารับวีซ่าฟรีเที่ยวบินปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คึกคัก ยอดจองตั๋วบินทำอัตราบรรทุกผู้โดยสารพุ่ง 90 % เมืองรองคุนหมิง เฉิงตู ทะยาน 75 % จับตาการใช้จ่ายเงินสูงกว่าปี’62 เฉลี่ย 52,000 บาท/คน/ทริป ผนึกใช้กลยุทธ์เพิ่มเช่าเหมาลำ “ชาเตอร์ไฟลต์” จีนมาไทย ไตรมาส 4 ปี’66แอร์ไลน์บินเพียบ 400,000 ที่นั่ง/เดือน เป็นแรงส่งไตรมาส 1 ปี’67 พุ่งขึ้นเป็น 450,000 ที่นั่ง/เดือน

 

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ช่วง 3 เดือนสุดท้ายปี 2566 ต่อเนื่องปีงบประมาณ 2567 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะใกล้ (shorthaul) แถบเอเชียแปซิฟิกที่มีสำนักงานดูแลพื้นที่ 18 ตลาด ทันทีที่รัฐบาลประกาศเปิดให้คนทั่วโลกเดินทางเข้ามาไทยหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ท่ามกลางตลาดระยะไกลข้ามทวีป (longhaul) กำลังเผชิญอุปสรรคหลายอย่างทั้งสงครามและความระหว่างประเทศ ราคาพลังงานพุ่งสูง เศรษฐกิจภายในทวีปชะลอตัว

 

ล่าสุดนำทีมผู้บริหาร ททท.เดินทางไปขอบคุณบริษัทนำเที่ยวมาเลเซียยืนยันภายในสิ้นปี 2566 จะนำ “มาเลเซีย” เข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยติดอันดับ 1 จะทำให้ได้เกิน 4 ล้านคนขึ้นไป “อินเดีย” เติบโตดีต่อเนื่องจะได้ถึง 1.4 ล้านคน “เกาหลีใต้” มาแรงจะทำได้ 1.4 ล้านคน ขณะนี้มีสัญญาณใหม่ที่ดีนั่นคือเดินทางเข้าไทยเติบโตเพิ่มขึ้นทุกเดือนแตกต่างจากเดิมจะมาเฉพาะช่วงฤดู (seasonal)

 

ส่วนตลาด “สาธารณรัฐประชาชนจีน” สำคัญที่สุดกำลังเติบโตอย่างช้า  ๆ ล่าสุดนโยบายของรัฐบาลประกาศกระตุ้นด้วยยกเว้นวีซ่าหรืออนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า หรือ Visa Exemption to Thailand  ถือเป็นยาแรงหรือวิตามินที่ดีสุด มาตรการวีซ่า ททท.เองไม่เคยใช้มาก่อนที่ผ่านมาขอแค่เพียงยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567 จีนไม่ต้องทำวีซ่าสามารถเดินทางเข้ามาไทยได้ทันที ดังนั้นจึงขอให้พุ่งเป้าไปยัง “รายได้” จากนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สถิติปี 2566 ประเมินครึ่งปีแรก เพิ่มเป็น 52,000 บาท/คน/ทริป เพิ่มเฉลี่ย 4,000-5,000 บาท/คน/ทริป สูงกว่าสถานการณ์ปกติปีส 2562 จีนใช้จ่ายเงินในไทยเฉลี่ย 47,000 บาท/คน/ทริป

 

สถานการณ์ครึ่งปีแรก “รายได้นักท่องเที่ยวจีนในไทย” เพิ่มขึ้นโดยได้แรงสนับสนุนจาก 3 ปัจจัย ได้แก่

 

ปัจจัยที่ 1 นักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางเองโดยอิสระ (F.I.T.) สามารถขอวีซ่าประเภท VOA :Visa On Arrival ที่สนามบินปลายทางในไทย คิดเป็นประมาณ 90 % ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดกว่า 2 ล้านคน

ปัจจัยที่ 2 ไตรมาส 4 ปี 2566 รัฐบาลไทยประกาศให้จีนไม่ต้องทำวีซ่าแล้วก็จะยิ่งเป็นแรงส่งทำได้เกิน 4 ล้านคนได้ จะสอดคล้องกับรายได้จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ใกล้เคียงเป้าหมาย 350,000 ล้านบาท ด้วยนโยบายการขับเคลื่อนเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ส่งผลดีกับการทำตลาดท่องเที่ยวของ ททท.อย่างมาก

 

ปัจจัยที่ 3 แนวโน้มตลาดจีนเข้าไทยทั้งการจองตั๋วโดยสารเครื่องบิน (booking) ส่งเสริมให้อัตราบรรทุกผู้โดยสารของสายการบินต่าง ๆ (load factor) ช่วง 1-2 สัปดาห์ปลายเดือนกันยายนนี้ ยอดจองตั๋วจากเมืองใหญ่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะไตรมาส 4 ขยับเป็น 85-90 % ส่วนเมืองคุนหมิง เฉิงตู ยอดจองตั๋วเพิ่มเป็น 75 % เพราะได้ยาแรงถูกเวลาทำให้โอกาสที่จะได้อานิสงช่วงหยุดวันชาติจีนและเป็นสปริงบอร์ดต่อไปถึงเทศกาลตรุษจีนด้วย

 

นายธเนศวร์ กล่าวว่า สิ่งที่จะขอให้รัฐบาลใหม่สนับสนุนการทำตลาดเชิงรุกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือ หน่วยงานความมั่นคงปลอดภัยจะต้องร่วมมือกันสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดจีนอย่างเป็นรูปธรรม เพราะเมื่อมีข่าวเผยแพร่ออกไปทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ตำรวจท่องเที่ยว ตื่นตัวขานรับนโยบายเป็นอย่างดี ผนวกกับการยกเว้นวีซ่าจีนจะช่วยสร้างแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นกว่าปกติด้วยเช่นกัน

 

ดังนั้น ททท.จะต้องเร่งเดินหน้าทำแผนการตลาดแบบ Quick Win ซึ่งในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ มี “ที่นั่งเที่ยวบิน” ไป-กลับ ระหว่างจีนมาไทย ประมาณเดือนละ 400,000 ที่นั่ง เมื่อทำเต็มที่ก็จะได้ 1.2 ล้านที่นั่ง หรือเกิน 1 ล้านคน แล้วไตรมาส 1 ปี 2567 จะเพิ่มเป็นเดือนละ 450,000 ที่นั่ง เมื่อผนวกใช้ประโยชน์จากนโยบายจีนเดินทางเที่ยวเมืองไทยโดยไม่ต้องทำวีซ่า แล้วจับมือกันทำตลาดเร่งด่วนใช้กลยุทธ์แรง ๆ คือ “เปิดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ” หรือ Charter flight กระตุ้นกลุ่มนักเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (incentive) แต่ละกรุ๊ปประมาณ 1,000 คนขึ้นไป สามารถขยับแผนเดินทางเพิ่มตามได้ด้วย จะทำให้ตัวเลขจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะตามสถิติปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนมาไทยตามสัดส่วนสมดุล แบ่งเป็น เดินทางโดยลำพัง (F.I.T.) 60 % กับเดินทางเป็นหมู่คณะ (G.I.T.) 40 % นโยบายวีซ่ารอบนี้สามารถสนับสนุนรัฐบาลนำรายได้ตลาดจีนกลุ่มขนาดใหญ่ได้

 

ขณะนี้มีรายงานจากบริษัทตัวแทนขายท่องเที่ยวกำลังวางแผนลงทุนเพิ่มเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนเข้าไทย โดยกำลังเร่งหาเครื่องบิน ราคาเช่าเหมา ภารกิจนี้สายการบินต่าง ๆ ควรเข้ามาเสริมทัพจัดทำราคาให้สอดคล้องกับความต้องการตลาด ซึ่งในการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีมีผู้บริหาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ยืนยันพร้อมบริหารจัดการสล็อตรองรับเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ส่วน ททท.ในสาธารณรัฐประชาชนจีน 5 แห่ง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว คุนหมิง เฉิงตู ก็กำลังทำตลาดเร่งด่วน  อย่างเต็มประสิทธิภาพ เตรียมคลอดแพกเกจ Quick Win วางขายแน่นอน

 

            นายธเนศวร์กล่าวว่า ไตรมาส 1 ปี 2567 นักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้จากเอเชียจะยิ่งคึกคักมากขึ้น ทั้งจากจีน เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง ส่วนอินเดียยังต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้งเพราะรัฐบาลอินเดียยังตรึงสิทธิและสล็อตการบินเมืองหลักไว้ ทางสายการบินพยายามชวนไปเปิดตลาดเมืองรองในอินเดียมากขึ้นเพราะสามารถบินได้อิสระ

โดยสถานการณ์ภาพรวมของเที่ยวบินในเอเชีย ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้เข้าออกไทยกลับมาแล้วกว่า 70 % ต่อเนื่องไตรมาส 1 ปี 2567 จะกลับมาบินใกล้เคียงสถานการณ์ปกติเกินกว่า 80 % และครึ่งหลังปีหน้าจะกลับมาบินได้เต็ม 100 % พร้อมทั้งต้องจับตาอัตราบรรทุกผู้โดยสารของสายการบินอาจจะพุ่งสูงเกินปี 2562 เพราะรัฐบาลขับเคลื่อนเร็วทำให้ Amazing Thailand จะกลับมาโดดเด่นในตลาดเอเชียและทั่วโลกอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

รวมทั้งเตรียมพร้อมส่งไม้ต่อเพราะต้องเกษียณวันที่ 30 กันยายน 2566 โดยจะทำแบบไร้รอยต่อไปยังนายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา ที่จะเข้ามาทำหน้าที่รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิก ททท.ต่อไป เป็นผู้บริหารที่เคยนั่งตำแหน่งนี้และปัจจุบันเป็นรองผู้ว่าการด้านสื่อสารตลาดได้เห็นและทำงานร่วมกันมาตลอด ย่อมทำภารกิจตลาดระยะใกล้สร้างรายได้ท่องเที่ยวเข้าประเทศตามเป้าปี 2567 ได้แน่นอน

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์บูมวีกฉลองมันส์กับ2ศิลปินเพิร์ธ/ชิม่อน

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทำให้ทุกการเดินทางและทุกการช้อปสินค้า “เป็น ไป ได้” ทุกวัน ตลอดเดือนกันยายน นี้ กับมหกรรม “วีกแจกมันส์ ” ทุกวันเสาร์ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ กรุงเทพฯ

 

วันเสาร์ที่ 23 กันยายน 2566 เวลา 15.00 - 17.00 น. มาสนุกด้วยกันแคมเปญ วีกฉลองมันส์ ฟันรับเดือนเกิด กับ 2 ศิลปินหน้าหล่อ “เพิร์ธ ธนพนธ์ - ชิม่อน วชิรวิชญ์ จะเปิดให้สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ รับสิทธิ์เล่นกิจกรรมและช้อปครบให้ครบ 1,000 บาท ขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ มาก่อนได้สิทธิ์ก่อน 340 สิทธิ์แรก รับได้คนละ 1 สิทธิ์/วัน ในช่วงนาทีทองช่วงเลือกซื้อสินค้าตั้งแต่10.00 – 14.00 น. ร่วมสนุกฟรี !! เล่นเกมกับศิลปินแบบใกล้ชิด ผู้ชนะรับรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นจากศิลปินได้ถึง 20 ใบ

 

ข่าวที่ 2 -ชีลด่วน!!พูลแมนคิงเพาเวอร์/เดอะสแตนดาร์ดมหานคร

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำธุรกิจในเครือ 2 โรงแรม “พูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” กับ “เดอะ สแตนดาร์ด มหานคร” มาชวนไปชีลจิบน้ำชายามบ่าย และเครื่องดื่มยามค่ำได้ถึง 4 บาร์ชิค ๆ

 

เริ่มที่ “โรงแรมพูลแมนคิง เพาเวอร์” ชวนมาดื่มด่ำกับชุดน้ำชายามบ่ายเสาวรสท่ามกลางบรรยากาศสบาย ไปกับขนมหวานแสนอร่อย ตั้งแต่วันนี้ - 31 ต.ค. เวลา 14.00 - 17.00 น. ราคา 699 บาทสุทธิ หรือ 02 680-9999

 

                 ต่อด้วย “โรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร”  เอาใจสายดื่ม กับ Bar Crawl หรือบาร์ฮอปปิ้งให้ชวนแก๊งค์เพื่อนและคนรู้ใจมาดื่มด่ำเครื่องดื่มแก้วโปรดได้ทุกคืน ราคาเพียง 1,980++ บาท/คน รวมเครื่องดื่ม 6 ดริงก์ + พร้อมอาหารทานเล่น เลือกได้ภายในโรงแรมจากทั้ง 4 บาร์ ได้แก่ Mott 32 Bangkok ,The Parlor ,Double Standard และ Ojo

 

สามารถรับพาสสปอร์ตได้ที่ The Parlor แล้วจะเริ่มจากบาร์ไหนก็ได้ เมื่อดริงก์แล้วในแต่ละบาร์ คุณจะได้รับแสตมป์ลงบนพาสปอร์ต 1 ดริงก์ ต่อ 1 บาร์ จากทั้งหมด 4 บาร์ บวกกับ 2 ดริงก์ออนท็อป และถ้าชอบที่ไหนเป็นพิเศษก็เลือกออนท็อป 2 ดริงก์ที่เหลือได้ตามชอบได้เลย

 

สำรองตั๋วล่วงหน้าโทร 02 085 8888  หรือแอดไลน์ @TheStandardBangkok

 

ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์มอบขนมไหว้พระจันทร์สมาชิกVEGA/CROWN

 

คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ พร้อมมอบความพิเศษให้ “สมาชิก” ระดับ VEGA และ CROWN ด้วยขนมไหว้พระจันทร์สุดพรีเมียมจากโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ อีกหนึ่งความพิเศษเฉพาะสมาชิกที่ร่วมสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับ เป็นไปได้ ที่ คิง เพาเวอร์

 

เพียงสมัครสมาชิกคิง เพาเวอร์ ได้ง่าย ๆ ผ่าน LINE Official Account @KINGPOWER หรือที่จุดบริการ Member Service คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา  รายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/48lJsdiKing Power Contact Centre 1631

 

ข่าวที่ 4 ผู้ว่าฯททท.ใช้เวทีGTEFพบ“หู เหอผิง”รมว.จีนหนุนวีซ่าฟรี

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. นำคณะผู้บริหารของไทยเข้าร่วมงาน The 10th Global Tourism Economy Forum 2023 ( GTEF)  จัดขึ้นที่ Galaxy International Convention Centre  เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีความมั่นใจจะใช้เป็นเวทีขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลใหม่และแผนงานองค์กร มุ่งสร้างแรงกระตุ้นท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเข้าไทย เน้นส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนไปพร้อม ๆ กับประเทศอื่นทั่วโลก

 

ระหว่างงานผู้ว่าการ ททท.มีโอกาสพบและนำเรียนนายหู เหอผิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับทราบถึงมาตรการวีซ่าฟรีของรัฐบาลไทยภายใต้การนำนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงนโยบายการเปิดให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องใช้วีซ่า ได้ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 -29 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวจีนตัดสินใจเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางเข้าเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นครอบคลุมทุกมิติ

 

รวมทั้งนายกรัฐมนตรีไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของไทย ได้ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวจีน (Safety & Security) สร้างความมั่นใจตลอดการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย (Trust & Confidence) ผนวกกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะได้หารือกันถึงแนวทางการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกมาไทยเพิ่มมากขึ้นในโอกาสต่อไปด้วย

 

สำหรับงาน The 10th Global Tourism Economy Forum ( GTEF) จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 ภายใต้แนวคิด "Destination 2030 : Unlocking the Power of Tourism for Business and Development" โดยได้รับเกียรติและความสนใจมีผู้นำและผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมงานคับคั่ง ได้แก่   Mr. Zurab POLOLIKASHVILI เลขาธิการองค์การท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ (UNWTO :United Nation World Travel Organization) นายหู เหอผิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน   Ms. Daniela Garnero SANTANCHE รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวอิตาลี Ms. Julia Simpson ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสมัชชาการท่องเที่ยวโลก   

 

ข่าวที่ 5 บางจากเปลี่ยนโลโก้ปั๊มเอสโซ่โฉมใหม่ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม

 

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด เปิดเผยว่า ผู้บริหารบางจากและเอสโซ่ได้ร่วมเป็นเกียรติเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ (Logo) “เอสโซ่” เป็น “บางจาก”  นำร่องที่สถานีบริการน้ำมันกล้วยน้ำไทและสถานีบริการน้ำมันพระราม 4 นับเป็นสัญลักษณ์เปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญหลังบางจากฯเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แล้วเสร็จเมื่อ 31 สิงหาคม 2566 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมพิธีเปลี่ยนป้ายวันนี้คือ นายเสรี อนุพันธนันท์ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นางราตรีมณี ภาษีผล กรรมการผู้จัดการ และนายวรากร โกศลพิศิษฐ์กุล รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจการตลาด บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 

 

ตามแผน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะทยอยเปลี่ยนตราสัญลักษณ์สถานีบริการน้ำมันเอสโซ่เป็น “บางจาก” พร้อมกับจะมอบ Greenovative Experience ที่มีสถานีบริการทั่วประเทศรวมกว่า 2,200 สาขา เดินหน้าพัฒนาทั้งธุรกิจน้ำมันและนอนออยล์ (non-oil) ทำให้สถานีบริการน้ำมันบางจากเป็นจุดหมายปลายทางตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการทุกช่วงวัย

 

แล้วจากนี้เป็นต้นไปผู้บริโภคจะเข้าถึงน้ำมันคุณภาพสูงของบางจากได้ง่ายขึ้น มีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะนี้บางจากฯ กำลังทยอยเปลี่ยนโลโก้สถานีบริการ “เอสโซ่” 830 แห่ง เป็น “บางจาก” ให้ครบเริ่มจากภายในสิ้นปี 2566 จะทำให้แล้วเสร็จ 280 แห่ง แล้วจะทยอยดำเนินการเปลี่ยนส่วนที่เหลืออีก 550 แห่งให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีหน้า

 

ตั้งแต่วันนี้ไปบางจากขอเชิญชวนผู้บริโภคพบกับ 2 สถานีบริการน้ำมัน “บางจากสาขากล้วยน้ำไทและพระราม 4   ซึ่งนำร่องออกแบบให้เห็นและสัมผัสได้ถึงแตกต่างใหม่ เพื่อนำเสนอประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ให้ลูกค้า ทั้งจากผลิตภัณฑ์คุณภาพพรีเมียมแก๊สโซฮอล์และดีเซล การให้บริการระดับพรีเมียม ธุรกิจอื่น ๆ ในสถานีบริการน้ำมัน เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์   

 

 

สำหรับสถานีบริการน้ำมัน “บางจากสาขากล้วยน้ำไท” จะมีจำหน่ายเฉพาะ “น้ำมันกลุ่มไฮพรีเมียม” เป็นหลัก เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้บริโภคที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูงเข้าถึงได้ง่ายอย่างสะดวกสบาย

 

ปัจจุบันบางจากมีสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันกลุ่มไฮพรีเมียมแล้วกว่า 1,000 สาขา จึงถือโอกาสนี้ฉลองให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษด้วยแคมเปญ “ศุกร์สีม่วง” ในวันศุกร์ที่ 22 กันยายน 2566 นี้ เพียงวันเดียวเท่านั้น ตั้งแต่เวลา 00.01 น. – 23.59 น.หรือภายในเวลาเปิดบริการแต่ละสถานีบริการทั้งของบางจากและเอสโซ่เดิมที่เข้าร่วมรายการแล้วจำหน่ายน้ำมันกลุ่มไฮพรีเมียมทั่วประเทศ 

 

นายสมชัยยืนยันว่า ที่ผ่านมาบางจากฯ ได้พัฒนาน้ำมันกลุ่มไฮพรีเมียมมีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ทั้งพรีเมียมแก๊สโซฮอล์ค่าออกเทนสูงกว่า 97 และพรีเมียมดีเซลค่าซีเทนสูงสุดถึง 70 เป็นสูตรพิเศษจากอเมริกา (USA Formula) ผสานพลังเพิ่มสมรรถนะให้เครื่องยนต์ ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และปกป้องถนอมเครื่องยนต์ในระยะยาว ทั้งยังได้มาตรฐาน Euro 5 ช่วยรักษาเครื่องยนต์ ดีต่อสิ่งแวดล้อมเป็น 2 พลัง ทำให้คุณไปได้ไกลกว่านั่นเอง

 

ข่าวที่ 6 TCEBหนุนจัดPack Print Inter2023อุตฯทำเงิน3แสนล้าน

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บสนับสนุนการจัดมหกรรมแสดงสินค้ายิ่งใหญ่แห่งปีงาน Pack Print International 2023 ระหว่างวันที่ 20-23 กันยายน 2566 ที่ฮอลล์ 1-2 ไบเทค บางนา เป็นงานเปิดโลกเทคโนโลยีและนวัตกรรมภาคอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์โดดเด่นที่สุดในอาเซียน ซึ่งทางผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมธุรกิจการพิมพ์-บรรจุภัณฑ์ คาดการณ์ปี 2566 จะมีมูลค่าตลาดกว่า 300,000 ล้านบาท

 

ภายในงานผู้ประกอบการชั้นนำได้จัดแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ (Packaging) และการพิมพ์นั้นแฝงอยู่ในชีวิตประจำวันของคนทั่วโลก ทั้ง อาทิ กล่องอาหาร กล่องพัสดุ แก้วกาแฟ และอื่น  ๆ

 

บรรยากาศการจัดงาน Pack Print International 2023 ได้กลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งโดยมีผู้ประกอบการชั้นนำเข้าร่วมกว่า 300 บริษัท จาก 20 ประเทศ เคลื่อนเทคโนโลยี นวัตกรรม และโซลูชั่นในภาคอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ มาร่วมสร้างเครือข่ายทางการค้า และแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ผ่านงานสัมมนาหลากหลายหัวข้อ

 

โดยมีไฮไลต์ “กรีนโซน” นำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และพิเศษสุด ๆ งานนี้จัดพร้อมกับ Corrutec Asia หรือหกรรมงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชีย

           

ช่วงที่ 2 ออกเดินทางหรอยแรง แหล่งใต้ ไปกับ Unseen New Chapters “เกาะปันหยี” พังงา กับ “ฆูนุงซีลีปัต” อัยเยอร์เวง ยะลา ธรรมชาติคืนความสุขให้ทุกคนเสมอ ส่วนการดูแลสุขภาพ “7เทคนิคเตรียมตัวเที่ยวหน้าฝน” สนุกปลอดภัย และข่าวฮ็อตในรอบสัปดาห์ ข่าวแรก “AOTเคลียร์ สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง” รับทัวร์จีนวีซ่าฟรี 7 วันแรกคาดมาเฉียด 2 แสนคน ข่าวที่สอง “แอร์เอเชียจัดบินเที่ยวนอก” แจกตั๋ว-แต้ม-รางวัล” เพียบ วันนี้-6 ต.ค.2566

 

ท่องเที่ยว –ฟินUnseenเกาะปันหยีพังงา-ฆูนุงซีลีปัตอัยเยอร์เวงยะลา

 

ทริปนี้ตั้งเข็มไมล์ลัดฟ้าสู่ ภาคใต้ ไปสัมผัสประสบการณ์ Unseen New Chapters นั่งเรือฝ่าฟองคลื่นไปใช้ชีวิตแบบลูกทะเลตัวจริงที่ “เกาะปันหยี” จ.พังงา หรือจะเลือกไปชมทะเลหมอกสูงเสียดฟ้า “ฆูนุงซีลีปัต” ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา

 

            พิกัดที่ 1   เกาะปันหยี จ.พังงา ภาคใต้ ลูกทะเล..สเตเดี้ยม

 

สถานที่ท่องเที่ยวแปลกแหวกแนว “สนามฟุตบอลลอยน้ำ” อันเป็นซิกเนเจอร์แห่งเกาะปันหยี รังเหย้าของทีม "ปันหยี เอฟซี" สโมสรฟุตบอลที่ก่อตั้งขึ้นจากความฝันและความตั้งใจของเด็กๆ ในชุมชน จนเกิดเป็นสนามฟุตบอลกลางทะเลขนาดกำลังน่ารักที่รายล้อมไปด้วยอ้อมกอดแห่งขุนเขา ทำให้ที่นี่กลายเป็นสุดยอดจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกอันดับต้น ๆ ของพังงา ที่แม้กระทั่งสื่อระดับโลกยังให้คำนิยามถึงสนามแห่งนี้ว่า นี่คือสนามฟุตบอลที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาซ้อมฟุตบอล หรือชมการซ้อมฟุตบอลได้ตลอดทั้งปี

 

สอบถามเพิ่มที่ ททท.สำนักงานพังงา โทร  0 7641 3400-2

 

พิกัดที่ 2 ฆูนุงซีลีปัต ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ชมหมอกเคียงดาว…ความสุกสกาวแห่งอัยเยอร์เวง

 

“ฆูนุงซีลีปัต” สถานที่แห่งนี้ คือเป็นที่สุดแห่งจุดชมทะเลหมอกของเมืองไทยแบบ 360 องศา แถมยังสามารถมองเห็นดวงดาว หรือดูทางช้างเผือกด้วยตาเปล่าแบบทำได้จริง และถ้ายอมตื่นเร็วขึ้นอีกสักหน่อย ก็จะได้รับความสุขพิเศษแบบคูณสอง เพราะนักท่องเที่ยวอาจมีโอกาสได้เห็นภาพสุดอัศจรรย์ของ ทะเลดวงดาวที่กำลังสุกสกาวท่ามกลางทะเลหมอก

 

ผู้ที่ชื่นชอบอยากเดินทางไปสัมผัสความมหัศจรรย์ ของ ““ฆูนุงซีลีปัต” อัยเยอร์เวง ยะลา สถานที่แห่งนี้มีลมพัดเย็นตลอดปี จึงทำให้เดินทางมาท่องเที่ยวได้ทั้ง 365 วัน แถมมีทะเลหมอกฟู ๆ ให้เห็นกันแทบทุกวัน ธรรมชาติซื่อสัตย์กับนักท่องเที่ยวเสมอ มีเวลาแวะมาทักทายกันได้เสมอ

 

สอบถามเพิ่มที่ ททท.สำนักงานนราธิวาส โทร 0 7354 2345-6

 

สุขภาพ –7 เทคนิคดูแลสุขภาพเที่ยวหน้าฝนอย่างสนุกปลอดภัย

 

สภาพอากาศในช่วงนี้ เดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็ฝนตกสลับกันให้ตื่นเต้นได้ในทุก ๆ วัน ก่อนออกเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวชมธรรมชาติหน้าฝน ดูทะเลหมอก สูดอากาศดี ๆ สัมผัสอากาศเย็นสบาย เล่นน้ำตก ชมธรรมชาติ อย่างสนุกปลอดภัยลองใช้กับ 7 เทคนิคได้ดังนี้

 

1. เตรียมเสื้อผ้าให้เข้ากับสภาพอากาศ : ควรเลือกชุดใส่สบาย ผ้าแห้งเร็ว เหมาะกับสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนรองเท้า ควรเลือกมีพื้นยางที่ดี เกาะพื้นถนน พื้นดินหรือหินได้เป็นอย่างดีอย่าบางจนเกินไป และไม่สึกหรอง่าย เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุจากการลื่นล้มนั่นเอง

 

                2. เตรียมร่างกายให้พร้อม : เมื่อออกเดินทางแต่ละครั้ง ควรตรวจเช็คและเตรียมสภาพร่างกายตัวเองให้พร้อม เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้เจ็บป่วยระหว่างท่องเที่ยว โดยเฉพาะหน้าฝนต้องระวังเป็นพิเศษ

 

                3. พกยาประจำตัวหรือยาสามัญทั่วไป : ในบางสถานที่ท่องเที่ยว อาจจะไม่สามารถหาซื้อยาได้ หรือถ้าเกิดป่วยขึ้นมาระหว่างเดินทางอาจจะซื้อหาลำบาก ดังนั้นควรพกยาและเครื่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นติดไปเที่ยวด้วยทุกครั้ง โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวห้ามลืมเด็ดขาดทีเดียว

 

4. เลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสม : เลือกฤดูกาลท่องเที่ยวของสถานที่นั้น ๆ เหมาะจะเที่ยวในฤดูฝนหรือไม่ ? โดยควรค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการจะไปก่อนเสมอ เพื่อดูที่ตั้งอยู่ตรงไหน และต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

 

                5. พกอุปกรณ์กันฝน : ควรพกอุปกรณ์กันฝน เช่น ร่ม เสื้อกันฝน รองเท้าบู๊ทกันน้ำ รองเท้าแตะสำหรับลุยน้ำ ถุงหรือกระเป๋ากันฝนได้ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของที่เตรียมไปเปียกหรือเสียหายได้

 

                6. ตรวจสอบยานพาหนะให้พร้อมก่อนออกเดินทาง : ผู้ที่ขับรถส่วนตัวไปเที่ยวเอง ควรตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง โดยเฉพาะเที่ยวหน้าฝนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะท้องถนนค่อนข้างลื่น อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และที่สำคัญไม่ควรขับรถเร็วขณะฝนตก รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการขับรถในตอนกลางคืนด้วย

 

7. หมั่นตรวจเช็คสภาพอากาศเป็นระยะ ๆ : ก่อนและหว่างออกเดินทาง ควรตรวจสอบสภาพอากาศเป็นระยะ ๆ เพื่อให้แน่ใจถึงจุดหมายปลายทางนั้น สามารถไปเที่ยวได้หรือไม่ และเที่ยวได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ โดยสามารถค้นหาข้อมูลได้จากอินเตอร์เน็ต หรือเพื่อความแน่ใจก็โทรสอบถามทางเจ้าหน้าที่ตามหน่วยงานที่รับผิดชอบในสถานที่นั้นโดยตรง

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก – AOTเคลียร์สุวรรณภูมิ-ดอนเมืองรับจีน7วันแรก2แสนคน

 

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT” เปิดเผยว่า เตรียมรองรับผู้โดยสารจีนและคาซัคสถานตามนโยบาย Visa Free ของรัฐบาล เริ่ม 25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567 จึงได้จัดประชุมเดินหน้าประสานบูรณาการทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านต่าง ๆ ทั้งจัดการตารางการบิน การอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง การตรวจค้น การจัดสิ่งอำนวยความสะดวก เร่งบริหารจัดการสนามบินที่อยู่ในความดูแลให้การบริการมีประสิทธิภาพรักษาระดับบริการตามมาตรฐานที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามายัง 2 สนามบินหลักของไทย คือ สุวรรณภูมิ (ทสภ.) และดอนเมือง (ทดม.) 

หลังรัฐบาลประกาศใช้วีซ่าฟรีคาดการณ์ที่ “สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ” ช่วง 7 วันแรกระหว่าง 25 กันยายน – 1 ตุลาคม 2566 จะมีจำนวนเที่ยวบินจาก “สาธารณรัฐประชาชนจีน”เพิ่มขึ้น ดังนี้

 

ส่วนที่ 1 จำนวนเที่ยวบินมากถึง 674 เที่ยว (เฉลี่ย 96 เที่ยว/วัน เป็นขาเข้าและขาออกขาละ 337 เที่ยว เปรียบเทียบกับข้อมูลการบินจริงก่อนมาตรการช่วง 7 วัน ระหว่าง 11 – 17 กันยายน 2566 มีเที่ยวบินขาเข้าและขาออกรวม 509 เที่ยวบิน เฉลี่ย 72 เที่ยว/วัน แบ่งเป็น ขาเข้า 254 เที่ยว และขาออก 255 เที่ยว

 

ส่วนที่  2 จำนวนผู้โดยสารจีนรวม 130,593 คน เฉลี่ย 18,656 คน/วัน แบ่งเป็นขาเข้า 65,584 คน ขาออก 65,009 คน เทียบกับข้อมูลการบินที่เกิดขึ้นจริงช่วงก่อนมาตรการ 7 วัน ระหว่าง11 – 17 กันยายน 2566 มีผู้โดยสารจีนรวม 67,761 คน เฉลี่ย 9,680 คน/วัน) แบ่งเป็นขาเข้า 34,801 คน และขาออก 32,960 คน

 

ทางด้าน “คาซัคสถาน” คาดช่วงมาตรการ 7 วันแรก ระหว่าง 25 กันยายน – 1 ตุลาคม 2566 จะมี ส่วนที่ จำนวนเที่ยวบินรวม 6 เที่ยว แบ่งเป็นขาเข้าและขาออก ขาละ 3 เที่ยว เท่ากับช่วงก่อนมาตรการ และคาดจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 1,338 คน แบ่งเป็นขาเข้าและขาออก ขาละ 669 คน เทียบกับข้อมูลการบินที่เกิดขึ้นจริงช่วงก่อนมาตรการ 7 วัน  ระหว่าง 11 – 17 กันยายน 2566 ซึ่งมีผู้โดยสาร 853 คน แบ่งเป็น ขาเข้า 473 คน และขาออก 413 คน

 

ขณะนี้ทางสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิได้บูรณาการการบริหารจัดการขั้นตอนต่าง ๆ ได้แก่

 

“กระบวนการผู้โดยสารขาเข้า” ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ปัจจุบันมีช่องตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (ตม.) ขาเข้า 138 ช่องตรวจ (ช่องปกติ 118 ช่องตรวจ และช่อง Visa On Arrival อีก 20 ช่องตรวจ) รวมทั้งมีเครื่อง Auto Channel 16 เครื่อง รองรับผู้โดยสารได้ 7,140 คน/ชั่วโมง (กรณีที่ใช้งานทุกช่องตรวจ) ระยะเวลาใช้ตรวจลงตรา 1 นาที/คน มีพื้นที่รองรับผู้โดยสาร 1,550 ตารางเมตร

 

รวมทั้งวางแนวทางรับมือกรณีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่นบริเวณช่องตรวจหนังสือเดินทางขาเข้า ได้ประสานเจ้าหน้าที่ ตม.ให้นั่งเต็มทุกเคาน์เตอร์ในชั่วโมงหนาแน่น (ช่วงกลางวัน 11.00 – 16.00 น.)

 

ขั้นตอนที่ 2 บริการรับกระเป๋าสัมภาระ ปัจจุบันมีสายพานรับกระเป๋าขาเข้าเที่ยวบินภายในประเทศ 4 สายพาน และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 18 สายพาน หากผู้โดยสารหนาแน่นบริเวณสายพานรับกระเป๋า ทางสนามบินจะกำกับดูแลและติดตามเวลาใบแรก (First Bag) และใบสุดท้าย (Last Bag) จากผู้ประกอบการให้บริการภาคพื้นและสายการบิน ตอนนี้ผู้รับสัมปทานผู้ให้บริการภาคพื้นหลัก คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท บางกอก ไฟลท์ เซอร์วิส จำกัด  จากช่วงปลายปี 2565 จนถึงปัจจุบันสามารถทำได้อยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นแล้ว

 

“กระบวนการผู้โดยสารขาออก” ที่สนามบินสุวรรณภูมิ วางแผนบริหารจัดการขั้นตอนต่าง ๆ ได้แก่

 

ขั้นตอนที่ 1 การเช็กอิน มีจำนวนเคาน์เตอร์เช็กอินแบบเดิม 302 เคาน์เตอร์ ใช้เวลาเฉลี่ย 3 นาที/คนและมีเครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (CUSS) 196 เครื่อง พร้อมเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (CUBD) 50 เครื่อง ใช้เวลาเฉลี่ย 1 นาที/คน พร้อมทั้งได้กำหนดแนวทางลดปัญหาความหนาแน่น แนะนำให้ทำ Early Check-in โดยได้ประสานสายการบินให้นั่งเคาน์เตอร์ให้เต็ม และประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารใช้ CUSS และ CUBD

 

ขั้นตอนที่ 2 บริการจุดตรวจค้น ปัจจุบันมีจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ 3 โซน เครื่องเอ็กซเรย์ 25 เครื่อง ติดตั้งระบบ Automatic Return Tray System (ARTS) ใช้ระยะเวลาตรวจค้นไม่เกิน 7 นาที/คน โดยได้วางแนวทางลดความหนาแน่นเกลี่ยแถวในโซนจุดตรวจค้นที่หนาแน่น

 

ขั้นตอนที่ 3 การตรวจลงตรา ปัจจุบันมีช่องตรวจหนังสือเดินทาง ตม.ขาออก 69 ช่องตรวจ และเครื่อง Auto Channel 16 เครื่อง ใช้ระยะเวลาในการตรวจลงตรา 1 นาที/คน มีพื้นที่รองรับผู้โดยสาร 2,199 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 4,149 คน/ชั่วโมง ได้วางแนวทางลดความหนาแน่นบริเวณ ตม.ขาออก โดยประสานเจ้าหน้าที่ ตม.ให้นั่งเต็มทุกเคาน์เตอร์ในชั่วโมงหนาแน่น แบ่งเป็น ช่วงเช้า 06.00 – 07.00 น. ช่วงกลางวัน 14.00 – 15.00 น. และช่วงกลางคืน 21.00 – 23.00 น.

 

ดร.กีรติ กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมที่ “สนามบินนานาชาติดอนเมือง” ช่วงมาตรการ 7 วันแรกระหว่าง 25 กันยายน – 1 ตุลาคม 2566 ส่วนที่ 1 จะมีจำนวนเที่ยวบินจีนรวม 414 เที่ยว เฉลี่ย 60 เที่ยว/วัน แบ่งเป็น ขาเข้าและขาออก ขาละ 207 เที่ยว เปรียบเทียบกับข้อมูลการบินจริงช่วงก่อนมาตรการ 7 วันก่อน ระหว่าง 11 – 17 กันยายน 2566 มีเที่ยวบินขาเข้าและขาออกรวม 326 เที่ยว เฉลี่ย 47 เที่ยว/วัน) แบ่งเป็นขาเข้า 163 เที่ยว และขาออก 163 เที่ยว ส่วนที่  2 จำนวนผู้โดยสารมากับเที่ยวบินจีนรวม 57,549 คน เฉลี่ย 8,222 คน/วัน แบ่งเป็นขาเข้า 28,648 คน ขาออก 28,901 คน เปรียบเทียบกับข้อมูลการบินจริงช่วงก่อนมาตรการ 7 วัน ระหว่าง 11 – 17 กันยายน 2566 มีผู้โดยสารจีนรวม 43,783 คน เฉลี่ย 6,255 คน/วัน แบ่งเป็นขาเข้า 21,740 คน และขาออก 22,043 คน

 

ตามข้อมูลตารางการบินฤดูร้อนที่สนามบินนานาชาติดอนเมือง เริ่มตั้งแต่ 26 มีนาคม 2566  มีสายการบินแจ้งบินเข้า – ออก ระหว่างดอนเมืองกับสนามบิน ในสาธารณรัฐประชาชนจีนรวม 25 แห่ง  รวมทั้งหมด 9 สายการบิน แบ่งเป็น จีน 6 สายการบิน และไทย 3 สายการบิน

 

สถิติตั้งแต่ 1 มกราคม – 17 กันยายน 2566 1.จำนวนเที่ยวบินระหว่างดอนเมืองกับสนามบินต่าง ๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีนรวม 13,293 เที่ยว แบ่งเป็น ขาเข้า 6,642 เที่ยว ขาออก 6,651 เที่ยว 2.จำนวนผู้โดยสารเดินทางเข้า – ออกรวม 1,950,636 คน แบ่งเป็น ขาเข้า 987,507 คน และขาออก 963,129 คน

ขณะนี้ทางสนามบินนานาชาติดอนเมืองการเตรียมพร้อมรองรับผู้โดยสารที่จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจหนาแน่นบริเวณจุดตรวจหนังสือเดินทางและจุดตรวจค้น จึงมีแผนปฏิบัติดังนี้

 

“กระบวนการผู้โดยสารขาเข้า” ได้แก่ บริเวณจุดตรวจลงตราหนังสือเดินทาง ทดม.ได้จัดสรรช่องตรวจหนังสือเดินทางให้สำหรับผู้โดยสารชาวจีนโดยเฉพาะ 4 ช่องตรวจ (ช่องตรวจหมายเลข 24, 26, 28 และ 30) พร้อมจัดทำป้ายบอกทางเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารชาวจีน

 

“กระบวนการผู้โดยสารขาออก” ได้เปิดบริการจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกทุกช่องตรวจตลอดเวลาที่มีเที่ยวบินขาออกคับคั่ง รวมทั้งได้จัดสรรเครื่องบินที่จอดค้างคืนให้เข้าจอดตามหลุมจอดแบบ MARS Stand เพื่อเพิ่ม Apron Capacity CODE C อีก 11 หลุมจอด ทำให้ดอนมีหลุมจอดทั้งหมด 111 หลุมจอด (CODE A – B จำนวน 10 หลุมจอด)

 

พร้อมทั้งได้จัดเจ้าหน้าที่ Airport Help ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดระเบียบแถวคอยของผู้โดยสารตรงบริเวณจุดคับคั่ง จัดเตรียมที่จอดรถบริการกรุ๊ปทัวร์ (รถบัส) บริเวณประตู 7 – 8 และระหว่างทางเข้าประตู 15 กับอาคารจอดรถ 7 ชั้น ซึ่งสามารถจอดรถบัสได้ 2 คัน

 

ข่าวที่สอง -แอร์เอเชียทุ่มจัด“เที่ยวนอกสุดฟินแจกตั๋ว-แต้ม-รางวัล

 

นางสาวธันย์สิตา อัครฤทธิภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เ เปิดเผยว่าแอร์เอเชียเป็นสายการบินราคาประหยัดดีที่สุดในโลก 14 ปีซ้อน จัดเซอร์ไพรส์สายเที่ยวรับไฮซีซั่นโดยได้คิกออฟแคมเปญใหญ่แห่งปี “เที่ยวนอกสุดฟิน บินกับแอร์เอเชีย” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว 18-20 กันยายน 2566 พร้อมกระจายความสุขทั่วกรุงเทพฯ กับโรดโชว์แนวใหม่ผ่านกิจกรรมมิชชั่น ตะลุยเมืองแฟนตาซีกับ 3 ภารกิจ รับสิทธิ์ 3 ต่อ” ตั้งแต่ 26 กันยายน  – 6 ตุลาคม 2566  ขานรับสถานการณ์แนวโน้มช่วงครึ่งปีหลัง 2566 "คนไทยเที่ยวนอก" เริ่มส่งสัญญาณจองเดินทางต่างประเทศมากขึ้นต่อเนื่อง

 

ทางแอร์เอเชียจึงได้รีบจัดแคมเปญ “เที่ยวนอกสุดฟิน บินกับแอร์เอเชีย” ตอบสนองความต้องการคนที่อยากเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ใหม่กว่า 60 เส้นทาง ทั้งในอาเซียน เอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และโอเชียเนีย ซึ่งล่าสุดเปิดเส้นทางใหม่บินตรงอินเดียสู่ 2 เมือง คือ อัมห์ดาบาด (เริ่มตุลาคม 2566 และ กูวาฮาตี เป็นเมืองใหม่น่าเที่ยวเริ่มบินธันวาคม 2566 เป็นต้นไป

ส่วนกิจกรรมในงานนักเดินทางจะได้พบกับการบินและการเดินทางกับแอร์ เอเชีย  3 โปรแกรม ได้แก่

 

โปรแกรมที่ 1 เลือกบินท่องเที่ยวได้ 60 เส้นทาง ตลอดงานได้จัดกิจกรรมความสนุกไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน 3 วัน รวม 5 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 ฟังแขกรับเชิญพิเศษ “กาย รัชชานนท์ และ ฮารุ สุประกอบ”มาแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวต่างประเทศสุดประทับใจกับแอร์เอเชีย ต่อด้วย  “อ.คฑา ชินบัญชร” จะมาบอกเล่าและชี้เป้าการท่องเที่ยวสายมู กิจกรรมที่ 2 ชมโชว์มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง ตู่ ภพธรว่าน ธนกฤติ และ HYBS กิจกรรมที่ 3 เกมส์ร่วมสนุกบนเวที กิจกรรมที่ 4 เวิร์คช็อปสุดพิเศษเอาใจสายเที่ยว เช่น ถ่ายคลิปสั้นลง Story อย่างไรให้ปัง หรือจะทำเครื่องรางสายมู  กิจกรรมที่ 5 ช่วงนาทีทอง ลุ้นซื้อตั๋วเครื่องบิน และ Red Carpet 1 แถม 1 

 

โปรแกรมที่ 2  AirAsia Passport ชวนตะลุยเมืองแฟนตาซีพิชิต 8 ภารกิจ จะชอบเที่ยวต่างประเทศสายไหนก็ต้องฟิน เพียงแค่สะสมตราประทับในเมืองแฟนตาซี 8 ประเทศ แลกรับรางวัล สูงสุด 200,000 แอร์เอเชียพอยท์ ในบริเวณจุด Check-in เพื่อรับ “AirAsia Passport” พร้อม Adventure Ticket รับตราประทับจากการผจญภัยตะลุยภารกิจกับ mission ต่าง ๆ ในงานทั้ง 3 โซน ได้แก่  Destination Zone, Air Asia Passport Zone และ Red Carpet Zone แล้วห้ามพลาดลุ้นรับของรางวัล เช่น ตั๋วเครื่องบินฟรี! โค้ดส่วนลดสูงสุด 50% หรือของรางวัลสุดพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย 

 

นักเดินทางสามารถรับ AirAsia Passport ฟรี 2,000 เล่ม ได้ในงาน “เที่ยวนอกสุดฟิน บินกับแอร์เอเชีย”  หรือรับฟรีตั้งเเต่วันนี้ - 30 กันยายน 2566 ที่สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ เชียงใหม่ หรือซื้อบนเที่ยวบินระหว่างประเทศกับไทยแอร์เอเชีย (รหัส FD) ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์(รหัส XJ) ในราคา 99 บาท มีจำนวนจำกัด เพื่อนำไปเเลกรับ AirAsia Points ของรางวัล ช่วง 24 เมษายน 2566 – 30 กันยายน 2567

 

โปรแกรมที่  3   บริการ Red Carpet” ชวนเปิดประสบการณ์ใหม่! เดินทางแบบยกระดับวีไอพีปูพรมแดงรับสิทธิพิเศษสุดสะดวก เริ่มต้นเพียง 699 บาท ตอบโจทย์ผู้รักการเดินทางที่ต้องการความเป็นส่วนตัวพิเศษ วีไอพี สะดวกรวดเร็วจึงพร้อมมอบ 4 สิทธิพิเศษ คือ

 

1. เช็คอินที่ช่องทางด่วนให้ผู้โดยสาร Red Carpet 2. บริการห้องรับรองพิเศษที่สนามบิน พักผ่อนสบายพร้อมอาหารเเละเครื่องดื่มในห้องรับรองก่อนขึ้นเครื่อง 3. บริการเรียกขึ้นเครื่องก่อนใคร 4. รับสัมภาระก่อนใครเมื่อเดินทางถึงสนามบินปลายทาง บริการดังกล่าวเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน ผลตอบรับดีมากจากนักท่องเที่ยวเส้นทางระหว่างประเทศ

 

 

ทั้งนี้แอร์เอเชียได้จัดการบินเที่ยวต่างประเทศ Air Venture พิชิต ภารกิจ ซึ่งแต่ละเที่ยวบินขาออกต้องเดินทางจากไทยเท่านั้น แล้วประทับตราได้ที่เคาน์เตอร์เช็กอินปลายทางเมื่อเดินทางกลับไทย

 

แล้วแอร์เอเชียวางแผนจัดโรดโชว์แนวใหม่ผ่านกิจกรรมมิชชั่น “ตะลุยเมืองแฟนตาซีกับ 3 ภารกิจ รับสิทธิ 3 ต่อ” เริ่ม 26 กันยายน – 6 ตุลาคม 2566 ปักหมุดใจกลางกรุง 4 ทำเล เริ่มที่อาคารพหลโยธิน เพลส วันที่ 26-27 กันยายน  อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ วันที่ 28-29 กันยายน อาคารยูไนเต็ต เซ็นเตอร์ วันที่ 3-4 ตุลาคม และ อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ วันที่ 5-6 ตุลาคม นี้ รวมทั้งสามารถร่วมสนุก 8 ภารกิจหลักเที่ยวต่างประเทศ ได้ดังนี้

 

ภารกิจที่ 1 ทะเลในฝัน บินตรงสู่มัลดีฟส์ บาหลี ญาจาง ครบทั้ง 3 ปลายทาง รับทันที 30,000 AirAsia Points 

 

ภารกิจที่ 2 เมืองมรดกโลก บินตรงสู่ดานัง เสียมราฐ หลวงพระบาง ฮานอย มะนิลา ปีนัง ครบทั้ง 6 ปลายทาง รับทันที 100,000 AirAsia Points 

 

ภารกิจที่ 3 ดินแดนเเห่งเทพนิยาย บินตรงสู่ฮ่องกง สิงคโปร์ ยะโฮร์บาห์รู ญาจาง ดานัง ครบทั้ง 5 ปลายทาง รับทันที 50,000 AirAsia Points 

 

ภารกิจที่ 4 เมืองมหาราชา บินตรงสู่ชัยปุระ ลัคเนา คยา โกลกาตา เบงกาลูรู เชนไน ครบทั้ง 6 ปลายทาง รับทันที 200,000 AirAsia Points 

 

ภารกิจที่ 5 คนรักอาหาร บินตรงสู่ไทเป ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเก๊า ปีนัง โฮจิมินห์ ครบทั้ง 6 ปลายทาง รับทันที 60,000 AirAsia Points 

 

ภารกิจที่ 6 เมืองคนสายมู บินตรงสู่ไทเป พนมเปญ ฮ่องกง มัณฑะเลย์ ย่างกุ้ง ครบทั้ง 5 ปลายทาง รับทันที 60,000 AirAsia Points 

 

ภารกิจที่ 7 แดนมังกร บินตรงสู่เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง ฉางซา ซีอาน ฉงชิ่ง เซินเจิน ครบทั้ง 6 ปลายทาง รับทันที 150,000 AirAsia Points 

 

ภารกิจที่ 8 เมืองฮิต ท็อปลิสต์ความสนุก บินตรงสู่ซิดนีย์ โตเกียว โซล ฮอกไกโด เกียวโต ครบทั้ง 5 ปลายทาง รับตั๋วเครื่องบินไปกลับ สุวรรณภูมิ-ออสเตรเลีย

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง