ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ผู้นำททท.รุกเร็ว3ภารกิจหลังปลดล็อกดาวน์ลุยทำ“เที่ยวด้วยกันเฟส3-ทัวร์เที่ยวไทย”-ชงศบค.ปลดล็อกใหม่ต่างชาติทัวร์7วัน

ผู้นำททท.รุกเร็ว3ภารกิจหลังปลดล็อกดาวน์ติดเทอร์โบเที่ยวปลายปี64

ลุยทำ“เที่ยวด้วยกัน-ทัวร์เที่ยวไทย”-ชงศบค.ปลดล็อกต่างชาติทัวร์7วัน

ช้อปเลย!!คิงเพาเวอร์เปิดพร้อมโปรสุดคุ้ม3สาขา“รางน้ำ/พัทยา/ภูเก็ต”

ไทยเทสต์ฮับ“รางน้ำ-มหานครคิวบ์”เปิดนั่งกินที่ร้าน/โปรจันทร์99บาท

ช้อป!!คิงเพาเวอร์7Daysรับรหัส7BESTลดสินค้าแบรนด์ทุกหมวด30%

ททท.บูมพังงาทัวร์เซิร์ฟทาวน์/กีฬาขายเที่ยวแซนด์บ็อกซ์อันดามัน7+7

ททท.”มุมไบ-นิวเดลี”ย้ำนักท่องเที่ยวเศรษฐีอินเดียรอเฮเที่ยวไทยปี’65

TCEBผนึกไมซ์ซิตี้โฉมใหม่4ภาค“ขอนแก่น-พัทยา-เชียงใหม่-ภูเก็ต

เที่ยว!!พังงาอะเมซิ่งเขาหลัก-เกาะยาวน้อยใหญ่-หาดเล่นเซิร์ฟโต้คลื่น

7 วิธีเสริมภูมิคุ้มกันต้านไวรัสโควิด-19ในผู้สูงวัย/คนมีโรคประจำตัว

“7แอร์ไลน์ส”ถกรมว.คลัง7ก.ย.ขอเงิน5,000ล้านดูแลสต๊าฟ2หมื่นคน

แอร์เอเชีย!ตีปีกกลับมาบินในประเทศรัวอัดโปรตั๋วชุดใหญ่11เส้นทาง



 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร

ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

 วันเสาร์ที่ 4 กันยายน 2564 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านที่ www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT #ศบคคลายล็อกดาวน์ #PhuketSandbox  

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1709931715867546&id=100005522016696

            ช่วงที่ 1 จับตา 3 ภารกิจติดเทอร์โบฟื้นท่องเที่ยวกับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายในตุลาคม 2564 ภารกิจแรก “รุกเร็ว2โปรเจ็กต์หมื่นล้าน “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3-ทัวร์เที่ยวไทย” กระตุ้นเที่ยวต่อได้ต.ค.64 ภารกิจที่ 2 “เสนอพื้นที่ใหม่อีก2ภาคตะวันออกกับอีสาน” เข้าแซนด์บ็อกซ์รับต่างชาติปลายปี ภารกิจที่ 3 “ชง ศบค.ปลดล็อกจำนวนวันพักในพื้นที่ให้ต่างชาติ” ลดเหลือ7วัน จาก14วัน” เพื่อประโยชน์ด้านการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันดึงคนเข้ามาเพิ่มขึ้น และย้ำให้ทุกจังหวัดเข้มมาตรการเตรียมความพร้อม 5 เรื่อง “กระจายฉีดวัคซีน-แผนพัฒนาเมือง-แผนตลาด-แผนสื่อสาร-แผนเผชิญเหตุ”


ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ผ่อนคลายล็อกดาวน์รวมทั้งมีสัญญาณชัดเจนถึงผู้ติดเชื้อโควิดผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว ททท.พร้อมจะขยับเรื่องการท่องเที่ยวด้วยการยอมรับความแตกต่างทาง “คำสั่งจังหวัด” ปัจจุบันแต่ละพื้นที่มีประกาศควบคุมโรคติดต่อจังหวัดต่างกันไป อาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้าพื้นที่บ้าง

ขณะนี้ททท.ได้เตรียมแผนงานไว้พร้อมจะดำเนินการทันทีที่รัฐบาลมีสัญญาณให้ขับเคลื่อนต่อได้ ประกอบด้วย

“ภารกิจแรก” เดินหน้าทำต่อ 2 โครงการ คือ โครงการแรก “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3” เดิมจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 แต่เจอโควิดระบาดระลอกใหม่จึงชะลอออกไป โครงการที่ 2 ทัวร์เที่ยวไทย และโครงการต่าง ๆ ของ ททท.ตามปีงบประมาณ 2564 ซึ่งยังเหลือเวลาอีก 1 เดือนที่จะทำให้เสร็จสิ้นภายใน 30 กันยายน นี้

โครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 จะเดินหน้าได้ตามพระบัญญัติเงินกู้ ซึ่งเป็นแหล่งเงินที่นำมาใช้ทำโครงการดังกล่าว กำหนดต้องใช้ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2564 ช่วงที่ผ่านมาการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการจะต้องมีเวลา 2 เดือน ดังนั้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 สิงหาคม 2564 จึงมีมติให้เร่งดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อเบิกจ่ายเงินได้ทันตามกำหนดนั่นเอง

ททท.ประเมินว่าหากสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเร่งทำโครงการได้เร็วขึ้น และขยายเวลาเดินทางได้มากขึ้น จึงน่าจะ “เป็นไปได้” ในการกระตุ้นคนในประเทศใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 เดินทางช่วงพฤศจิกายน และเบิกจ่ายการใช้เงินให้จบภายในเดือนธันวาคม 2564

ขณะนี้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3” ยังเหลือสิทธิ์ให้นักท่องเที่ยวจองห้องได้ทั้งหมดได้อีก 2 ล้านคืนพัก (roomnight) ตามเงื่อนไขเดิมรัฐบาลจะสนับสนุน 1.เงินค่าใช้จ่ายแก่ 40 % ของค่าห้องพัก 2.เงินอิเลคทรอนิกส์หรือโวเชอร์ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของนักท่องเที่ยวอีก 600 บาท/คน/วัน


สำหรับกลับมา “เริ่มต้นทำใหม่” อีกครั้ง โครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ททท.ต้องขอให้ 1.ผู้ประกอบการจะต้องอัพเดทสถานการณ์จริงโดยแจ้ง “จำนวนห้องพัก” ที่นักท่องเที่ยวจองใช้จริง แล้ว ททท.จะมีคณะกรรมการตรวจสอบล่วงหน้าก่อนดำเนินโครงการไม่น้อยกว่า 7 วัน 2.นักท่องเที่ยวผู้ใช้สิทธิ์ตามโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 จะต้องเพิ่มการสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนว่าเป็นผู้ใช้สิทธิ์จริง

โครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” เป็นการทำงานของบริษัทจัดนำเที่ยว โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าแพกเกจที่ขายให้นักท่องเที่ยว 40 % หรือไม่เกิน 5,000 บาท/คน/ทริป ซึ่งทาง ททท.มีคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพแพกเกจที่เอกชนจะนำเสนอขายอย่างใกล้ชิด เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ใช้บริการด้วย

ทั้ง 2 โครงการที่จะเปิดใช้เงินงบประมาณสนับสนุนใหม่อีกครั้งรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท นั้น เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต จึงได้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใหม่ป้องกันปัญหาต่าง ๆ จึงต้องขอให้ 1.เอกชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการใหม่ พร้อมทั้งแจ้งจำนวนห้องพักที่นักท่องเที่ยวจองสิทธิ์ใช้บริการ กับราคาขายห้องพัก 2.นักท่องเที่ยวคนไทยต้องเข้าระบบการยืนยันตัวตน ก่อนเช็คอินเข้าพักต้องแสกนและเปรียบเทียบใบหน้าตัวจริง เสียงจริง ทุกครั้งเมื่อเข้าพักในพื้นที่ท่องเที่ยว

 

ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งสองโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย จัดทำขึ้นเพื่อช่วยนักท่องเที่ยวเดินทางง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่าย ผนวกกับทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจมีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้นได้ ถ้าประเมินจาก “พฤติกรรมนักท่องเที่ยว” ช่วงที่ผ่านมา จะมีคนเข้ามาจองสิทธิ์เฉลี่ยวันละ 50,000 คน ททท.จึงหวังว่าเมื่อรัฐบาลส่งสัญญาณให้ทำโครงการต่อไป จึงคาดจะมีผู้สนใจจองใกล้เคียงกับช่วงที่ผ่านมาวันละ 50,000 คน

ตัวอย่าง หากสามารถเริ่มโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3” ได้ภายในกลางเดือนกันยายน หรือต้นเดือนตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว จึงหวังผลว่าจะช่วยดึงดูดให้คนที่หยุดเดินทางตลอดช่วงล็อกดาวน์หลายเดือนหันกลับมาท่องเที่ยวในประเทศอีกครั้ง

สำหรับการเปิดระบบ “จองสิทธิ์” ให้ทั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศ และนักท่องเที่ยว เข้าลงทะเบียนได้ เร็วสุดอาจจะเป็น 15 กันยายน แล้วเริ่มเดินทาง 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป โดยพฤติกรรมคนในประเทศจะเดินทางโดยจองพักช่วงวันหยุดยาว และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยขอแนะนำเมื่อเข้าระบบครั้งแรกแพลตฟอร์มแอพลิเคชั่นซึ่งมีรายละเอียดทั้งหมดให้ดำเนินการจนครบทุกขั้นตอน โดย ททท.

โดยจะต้อง “ยืนยันยินยอมรับตามเงื่อนไขใหม่” เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวเองเมื่อต้องการใช้สิทธิ์ดังกล่าวจะต้องยินยอมติ๊กเพื่อปฏิบัติตามกติกาดังกล่าวด้วย

เพื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขความถูกต้อง ป้องกันเงินรั่วไหลในการใช้งบประมาณเงินกู้มาสนับสนุนธุรกิจให้มีสภาพคล่องผ่านการรณรงค์ให้คนในประเทศใช้สิทธิ์เดินทางท่องเที่ยวกระจายเม็ดเงินลงตามพื้นที่ต่าง ๆ ควบคู่กันไป

 


“ภารกิจที่ 2” เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรม ศบค.พิจารณาอนุมัติโครงการขยายผลพื้นที่ท่องเที่ยว “แซนด์บ็อกซ์” เพิ่มใหม่อีก 2 ภาค 7 แห่ง ตามนโยบายนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ภารกิจดังกล่าว ททท.ดำเนินตามนโยบายรัฐบาล ตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศเปิดประเทศ 120 วัน (ประกาศ ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2564) เพื่อทยอยเปิดประเทศในพื้นที่ที่มีความพร้อม ดังนั้นการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวเบื้องต้น ททท.เสนอ ศบค.ไว้ก่อนแล้ว 10 พื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกาะ ทั้ง ภูเก็ต สมุย พังงา กระบี่ พื้นที่บก พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน เพชรบุรี กรุงเทพฯ และบุรีรัมย์ซึ่งล่าสุดทางนายกรัฐมนตรีให้ถอดออกไปก่อนเนื่องจากเลื่อนจัดโมโต จีพี 2564 การแข่งขันมอเตอร์ไซต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก เดิมกำหนดจัดเดือนตุลาคมนี้ เมื่อเลื่อนอีเวนต์ก็ทำให้เหลือเพียง 9 พื้นที่

ใน 10 พื้นที่แรก จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีการเปิด “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เริ่มนำร่องมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นมา ตามมาด้วย “สมุย พลัส โมเดล” เริ่ม 15 กรกฎาคม 2564 รวมทั้งพื้นที่เชื่อมต่อฝั่งทะเลอันดามันใต้ เกาะเต่า เกาะพะงัน แล้วจากนั้นก็เพิ่มพื้นที่ท่องเที่ยว “7+7” เชื่อมโยงจากภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ไปยัง กระบี่ (เกาะพีพี/เกาะไหง/หาดไร่เล) พังงา (เขาหลัก/เกาะยาวน้อย/เกาะยาวใหญ่)

 


ต่อจากนี้ไป ททท.จะต้องเริ่มมองหาพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั้งพื้นที่บกที่อยู่ได้รับอนุมัติไว้ก่อนแล้วคือ “พัทยา” เริ่มในเขตเทศบาลเมือง กับอีก 2 อำเภอ สัตหีบกับบางละมุง หรือหัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) ชะอำ (เพชรบุรี) รัศมี 80 กม. เชียงใหม่ 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอดอยเต่า และอำเภอแม่แจ่ม กับ กรุงเทพฯ ขณะนี้ทุกพื้นที่ยังคงเดินหน้าเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามแผนปกติที่วางไว้ ภายใต้การกระจายฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่ให้ครบตามเกณฑ์มาตรฐานก่อนนั่นเอง

ล่าสุด ศบศ. มีข้อเสนอเพิ่มให้เปิดพื้นที่อื่น  ๆ เกาะในภาคตะวันออก กับเมืองท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ดังนั้น ททท.จะต้องเป็นหน่วยบูรณาการเตรียมความพร้อม กำหนดเงื่อนไขเบื้องต้น การเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ รับนักท่องเที่ยวจะต้องสร้างความมั่นใจ ด้านสาธารณสุข ด้านความปลอดภัย ให้ครอบคลุมทุกเรื่อง

ททท.มีความหวังว่าภายในเดือนตุลาคม 2564 จะสามารถเดินหน้าทยอยเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่ เตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าพื้นที่โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน เช่นเดียวกับภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ และสมุย พลัส โมเดล ได้ต่อไป

จังหวะและโอกาสการเปิดเมืองของพื้นที่เก่าและใหม่ในแต่ละจังหวัด ขึ้นอยู่กับ “ความพร้อม” ตามแผนปฏิบัติการที่ผ่านมา ททท.ได้วางกรอบแนวทางเตรียมแผนหลัก ๆ ไว้ 5 เรื่อง ประกอบด้วย

1.แผนการกระจายฉีดวัคซีนให้ประชากรในพื้นที่ที่ต้องการจะเปิดเมือง เพื่อความมั่นใจของคนไทยในพื้นที่ถึงเรื่องความปลอดภัยของทุกคน

2.แผนพัฒนาเมือง การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี การแก้ไขปัญหาในอดีต

3.แผนตลาด  ททท.รับผิดชอบโดยตรงจะเจาะกลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้จ่ายให้สอดคล้องกับลักษณะของแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยว รวมทั้งฟังเสียงในพื้นที่ด้วยว่าต้องการนักท่องเที่ยวแบบใด ส่วนใหญ่ยืนยันต้องการนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพแทบทั้งสิ้น

4.แผนการสื่อสาร สำหรับคนในและคนนอกพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจ ทำให้กรณีการจัดทำคู่มือปฏิบัติการหรือ SOP : Standard Operation Procedure ของ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ กับ สมุย พลัส โมเดล จึงแตกต่างกัน ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการของคนในพื้นที่ กับการสร้างความมั่นใจในการเปิดประเทศ ล้วนต่างกัน

5.แผนเผชิญเหตุ ต้องกำหนดขอบเขต เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น เช่น เมื่อมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นจนนำไปสู่การยุติรับนักท่องเที่ยว เป็นการบ้านของพื้นที่ที่เสนอขอเปิดเมืองต้องไปทำมาหารือกันก่อนให้ชัดเจน

ทุกเรื่องจะต้องทำควบคู่กันไปกับการกระจายฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่เพื่อสร้างมิติการเปิดเมือง เปิดประเทศ อย่างสมดุล ทั้งทางด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ไปพร้อม ๆ กัน

 

ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การหารือเชิงนโยบายระดับสูง ท่านนายกรัฐมนตรีกำชับนโยบายในหลายโอกาส ถึงว่าประเทศไทยต้องการนักท่องเที่ยวคุณภาพ จึงขอให้ทุกจังหวัดที่จะเปิดเมืองเพื่อการท่องเที่ยว กระตือรือร้น ร่วมกันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ควรกลับมาเป็นเหมือนเดิม

เพราะเป้าหมายทุกพื้นที่ต่างก็ต้องการ “นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ” มากขึ้น จำนวนักท่องเที่ยวอาจจะไม่ได้มากเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นจึง “ปรับตัว” ทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญทั้งด้านดีมานต์กับซัพพลาย จะต้องเปลี่ยนแปลงหลังโควิด-19 ช่วยกันยกระดับปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย รับการแข่งขัน New Normal ของการท่องเที่ยววิถีใหม่ในไทยและทั่วโลก


ส่วนการประเมินสถานการณ์หลังเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยแซนด์บ็อกซ์ผ่านไปแล้วกว่า 60 วัน โครงการนำร่องจาก “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เดิมตั้งเป้าจะเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเดือนแรก (กรกฎาคม) ประมาณ 100,000 คน แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาได้เพียงกว่า 20,000 คน แต่ก็ยังเป็นตัวเลขที่น่าดีใจเพราะจำนวนมากกว่าก่อนหน้านี้ (กรกฎาคม 2563 ไม่มีนักท่องเที่ยว)

สำคัญที่สุด การประเมิน “เกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัย” ยืนยันได้ตลอด 60 วัน การเปิด ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติติดเชื้อจากคนไทย และติดจากคนไทยติดเชื้อจากต่างชาติ ขณะที่อัตราการติดเชื้อค่อนข้างน้อยมากพบเพียง 0.28 % เป็นการพบตรวจหาเชื้อครั้งแรกจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสนามบิน ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไทยมีมาตรการสร้างความมั่นใจให้นักเดินทางและรัฐบาลทั่วโลก เมื่ออนุญาตให้คนในประเทศตนเองมาเที่ยวเมืองไทยจะไม่ติดเชื้อกลับไปยังประเทศต้นทาง


ภารกิจที่ 3 เสนอ ศบค. อนุมัติ“จำนวนวันอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดของนักท่องเที่ยวต่างชาติ” ลดเหลือ 7 วัน/พื้นที่ ได้ซึ่งมติเห็นชอบเดิมเคยประกาศไว้แล้ว แต่ปัจจุบันได้กำหนดต้องอยู่ 14 วัน  รวมทั้ง ททท.ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกัน “ตอกย้ำเพิ่มความเชื่อมั่น” เรื่อง ประเทศไทยมีมาตรฐานด้านสาธารณสุขสูง อาจจะต้องเคลื่อนไปยังอีกจุดด้วยการขยับพื้นที่เปิดประเทศหลากหลายมากขึ้นแล้ว ก็ต้องทำรีคอลประกาศของ ศบค.เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 ใหม่อีกครั้ง    

เป้าหมายการลดจำนวนวันให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดลงเหลือ 7 วัน/พื้นที่ ก็เพื่อประโยชน์ภาพรวมคือ 1.สร้างจุดขายอย่างหลากหลายให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสเลือกไปเที่ยวสถานที่อื่น ๆ ต่อไป 2.เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ 3.กระจายเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อย่างกว้างขวางมากขึ้น

ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การนำเสนอเพื่อให้ ศบค.เห็นด้วยกับการผลักดันให้นักท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่ 7 วัน แทน 14 วัน แล้วเดินทางไปเที่ยวพื้นที่ใหม่ที่กำหนดได้นั้น ขึ้นอยู่กับ 1.ความถี่ผลการทดสอบการตรวจหาเชื้อจากนักท่องเที่ยว เช่นภูเก็ตมีต่างชาติเข้ามากว่า 20,000 คน ตรวจพบเชื้อเพียง 0.28 % เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก 2.ส่วนใหญ่ตรวจพบเชื้อเจอตั้งแต่ครั้งแรกที่มาถึงสนามบิน

สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงใหม่ได้คือ 1.วันตรวจหาเชื้อ จากเดิมจะตรวจนักท่องเที่ยวครั้งที่ 3 ช่วงวันที่ 12/13 ของการเดินทางเข้าพื้นที่ อนาคตเมื่อปรับให้อยู่ในพื้นที่แรกแค่ 7 วัน ก็อาจจะใช้วิธีตรวจในวันที่ 6 ของการอยู่ในพื้นที่ ด้วยอุปกรณ์ Antigen Test Kid :ATK หรือเครื่องมืออื่นเพื่อลดภาระต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจรอบด้าน เนื่องจากตลอดการเปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ททท.ไม่ได้มองเฉพาะผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียว ทว่ามีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการกระทรวงสาธารณสุข อย่างสม่ำเสมอเพื่อประมวลผลความปลอดภัยด้านสุขอนามัยมาตลอดจนเป็นที่ยอมรับร่วมกัน

ดังนั้นเมื่อ  ศบค.เคยมีมติไว้แล้วตั้งแต่ 19 มีนาคม 2564 เรื่องการเปิดรับต่างชาติเข้าประเทศโดยอยู่ในพื้นที่กำหนด ตามกรอบ 7 วัน แล้วไปต่อสถานที่ใหม่ ประกอบเข้ากับการสร้างความมั่นใจผลพิสูจน์จากแซนด์บ็อกซ์ โอกาสที่จะนำกรอบให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้ปฏิบัติ 7 วัน ก็มีความเป็นไปได้สูงนั่นเอง

ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ ฝากทิ้งท้ายว่า หลังรัฐบาลผ่อนคลายล็อกดาวน์ คนส่วนใหญ่ ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ต้องการจะออกเดินทางท่องเที่ยว แต่ ททท.ขอให้การตัดสินใจเที่ยวช่วงไฮซีซันปลายปีนี้ขอให้คนไทยมองเศรษฐกิจในประเทศก่อน เพราะไม่เพียงแต่ความสุขจากการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่การออกเดินทางทุกครั้งนั่นหมายถึงการได้มีส่วนร่วมช่วยฟื้นฟูกิจการของผู้ประกอบการซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิดมายาวนานเกือบ 2 ปี ร่วมเป็นกำลังใจให้กันนำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาเป็นกลไกช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศกลับมาเข้มแข็งได้ต่อไป

ฟังข่าวต้นชั่วโมง


ข่าวที่
1 ช้อปเลย!!คิงเพาเวอร์เปิดพร้อมโปรสุดคุ้ม3สาขา“รางน้ำ/พัทยา/ภูเก็ต”

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ พร้อมกลับมาเปิดบริการเต็มรูปตามปกติใหม่อีกครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป ตามนโยบายผ่อนคลายล็อกดาวน์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ ทั้ง “ร้านค้าปลอดอากร” ในเมืองท่องเที่ยวหลัก รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต และ “ไทย เทสต์ ฮับ :Thai Taste Hub” ศูนย์อาหารสตรีทฟู้ด แถวหน้าของเมืองไทย ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ละพื้นที่ฟื้นขึ้นอีกครั้ง ชวนกันมาช้อปและชิมเมนูเด็ดให้หายคิดถึงได้ที่คิง เพาเวอร์

 

ส่วนที่  1 “ร้านค้าปลอดอากร” คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ทุกคนสามารถแวะมาเลือกช้อปสินค้าที่มีให้เลือกมากมายได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 11.00-19.00 น. เช่นเดียวกับร้านดิวตี้ฟรีในเมืองท่องเที่ยวของคิง เพาเวอร์ อีก 2 สาขา ที่พัทยาและภูเก็ต เปิดทุกวัน 11.00-19.00 น.

พิเศษ !! เลือกช้อปที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ครบ 5,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)/ใบเสร็จ รับทันทีคูปองรับประทานอาหาร Thai Taste Hub มูลค่า 300 บาท สิทธิ์/คน/วัน รวมทั้งรับสิทธิ์ช้อปอย่างคุ้มค่ามากขึ้นกับโปรแกรมซื้อบัตรเงินสดหรือแคชการ์ด (Cash Card)

ตลอดเดือนกันยายน 2564  “คิง เพาเวอร์” ต้อนรับนักช้อปอย่างจุใจทั้ง 3 สาขา รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต จัดแคมเปญ ‘คุ้มทุกวัน ช้อปได้ทุกวัน’ เลือกซื้อสินค้าโฮม เดลิเวอรี่ ราคาดิวตี้ฟรี  โดยไม่ต้องมีไฟลต์บิน อยู่ที่ไหนก็ชอปได้อย่างสะดวก ปลอดภัย

รวมทั้ง “ช้อปออนไลน์” คิง เพาเวอร์ ได้ตามปกติผ่านช่องทาง www.kingpower.com  หรือ  คิง เพาเวอร์  แอปพลิเคชัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือจะใช้บริการที่ปรึกษาส่วนตัวช่วยช้อปสินค้าที่ชอบได้ที่โทร.02-338-7870  กับ KING POWER CALL TO SHOP ช้อปง่าย ช้อปคุ้ม ส่งไว และสั่งผ่านบริการ KING POWER CHAT TO SHOP เพียงแค่เพิ่มเพื่อนทาง LINE : @KP_ChatToShop ช้อปได้ตั้งแต่ 09.00 -21.00 น. ทุกขั้นตอนมั่นใจได้ถึงการบรรจุสินค้าก่อนส่งด้วยมาตรฐานสุขอนามัยเพื่อการควบคุมการป้องกันโรคขั้นสูงสุด

ระหว่างวันนี้- 30 กันยายน 2564 คิง เพาเวอร์ จัดแคมเปญสุดฮ็อต BEAUTY WONDER PRICES : เติมความสวยได้ในทุกวัน” ด้วยทัพสินค้าน้ำหอมและเครื่องสำอางแบรนด์ดัง พร้อมใจกันจัดโปรโมชั่นร้อนแรง “SUPER DEAL BEAUTY BUFFET” เลือกช้อปบิวตี้บุฟเฟต์ 6 หมวด18 ชิ้น จ่ายเพียง 30,000 บาทเท่านั้น ช้อปง่าย สะดวกและปลอดภัย จัดส่งสินค้าถึงหน้าบ้านคุณภายใน 7 วัน ช้อปคุ้มทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 – 21.00 น.



 


ข่าวที่ 2 ไทยเทสต์ฮับ“รางน้ำ-มหานครคิวบ์”เปิดนั่งกินที่ร้าน/โปรจันทร์99บาท

 

“ศูนย์อาหารสตรีทฟู้ด ไทย เทสต์ ฮับ : Thai Taste Hub ทั้ง 2 สาขา ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ชั้น 3 กับ คิง เพาเวอร์ มหานคร คิวบ์ ชั้น 1 ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสช่องนนทรี สามารถเปิดให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้แล้วทุกวัน ตั้งแต่ 11.00-19.00 น. และยังสั่งเดลิเวอรี่ได้ด้วยเช่นกัน ตั้งแต่ 10.00 – 19.00 น. 

 

“ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์” ศูนย์รวมสตรีทฟูดระดับตำนานใจกลางย่านสาทร ยังได้จัดโปรโมชั่น “One Price Monday :อิ่มคุ้มทุกวันจันทร์ราคาเดียว 99 บาท/เมนู จากวันนี้ไปจนถึงวันจันทร์ที่ 27 กันยายน 2564  บรรดาร้านระดับตำนานและมิชลินแนะนำ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยตลอดสิงหาคมจนถึง  สั่งผ่านแอพลิเคชั่นเดลิเวอรี่ หรือสั่งแล้วมารับด้วยตัวเองสั่งผ่านไลน์ @MahanakhonCUBE เวลา 10:00-18:00 น. 

พบความอร่อยสารพัดจานเด็ด 99 บาท/เมนู  สั่งได้เลย 1.ผัดไทยไฟทะลุพร้อมไข่เป็นดาวไล่ทุ่ง จากร้านผัดไทยไฟทะลุ (ปกติ 130 บาท) 2.ยำมาม่าหมูสับไข่ดาว จากร้านเผ็ด เผ็ด เฮ่(ปกติ 160 บาท) 3.มาม่าหมูสับไข่ดาว จากร้านเผ็ด เผ็ด เฮ่(ปกติ 160 บาท) 4.สุกี้ทะเล จากร้านสุกี้เมาเวอริค (ปกติ 120 บาท) 5.ข้าวหมูอบพร้อมเกี๊ยวน้ำหมูย่าง จากร้านบุญเลิศ (ปกติ 110 บาท)

 

6.ชุดเกาเหลาเลือดหมูพร้อมข้าวสวย จากร้านก๋วยจั๋บนายเอ็ก ปกติ 105 บาท) 7.ปาท่องโก๋ 1 ชุด พร้อมเครื่องดื่ม 2 แก้ว จากร้านชุมพลปาท่องโก๋ (ปกติ 125 บาท) 9.ข้าวเหนียวมะม่วงพร้อมขมนวุ้นใบเตยกระทิ จากร้านป้าหงษ์ขนมไทย (ปกติ 140 บาท) 


พิเศษ!! “เพิ่มเมนูความอร่อยใหม่” กับเมนูอร่อย ๆ มากมาย ได้แก่ 1.เมนูผัดไทยไฟทะลุกับไก่ย่าง จากร้านผัดไทยไฟทะลุ นำเส้นผัดไทยเหนียมนุ่มซอสซึมเข้าเส้นเสิร์ฟพร้อมไก่ย่างชิ้นโต ราคา 190 บาท 2.แซ่บซี๊ดสไตล์อีสานจากร้านเผ็ด เผ็ด เฮ่กับลาบเป็ดนครพนม  220 บาท 3.ยำแหนมข้าวทอด 185 บาท 4.ต้มกระดูกเป็ดมะนาวดอง 140 บาท

ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์ พร้อม เสิร์ฟความอร่อยถึงบ้านผ่าน 3 แพลตฟอร์มฟูดเดลิเวอรี่ดัง คือ  1.โรบินฮู้ด (Robinhood) 2.ไลน์แมน (Lineman) 3.แกร๊ปฟูด (Grab Food) และบริการสั่งแล้วมารับด้วยตัวเอง ได้ทุกวันบริเวณชั้น 1 มหานคร คิวบ์ เวลา 10:00-18:00 


ข่าวที่ 3 ช้อป!!คิงเพาเวอร์7Daysรับรหัส7BESTลดสินค้าแบรนด์ทุกหมวด30%

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดแคมเปญ “SHOP WHENEVER, BETTER PRICE 7 DAYS OF MUST-HAVE ITEMS” ช้อปสนุกสุดคุ้ม 7 วัน ! ระหว่างวันนี้ – 7 กันยายน 2564 ลดสูงสุด 30 % รหัสส่วนลด: 7BEST   แล้วเลือกซื้อได้ตามสบายในกลุ่มสินค้าแบรนด์ดังยอดนิยม อาทิ สินค้าบิวตี้ น้ำหอม แฟชั่น สินค้าติดบ้านและไลฟ์สไตล์ ประหยัดเงิน โดยไม่ต้องมีไฟลต์บินก็ช้อปได้ #ช้อปคุ้มทุกที่ทุกเวลา  ช้อปเลยที่ – https://bit.ly/3Dqv8Rk 

รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย 1.ส่งฟรี! ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699.- (สุทธิ)  2.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน 3. รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 6,000.- > http://bit.ly/2OzUV1k  4.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง > http://bit.ly/31yjocR (ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)

5.รับเลย! ส่วนลด 200.- เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ > http://bit.ly/2S4uJyi  6.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000.- (สุทธิ) > https://bit.ly/3lyQbrs

 


ข่าวที่ 4 ททท.บูมพังงาทัวร์เซิร์ฟทาวน์/กีฬาขายเที่ยวแซนด์บ็อกซ์อันดามัน7+7

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นำทีม ททท. พร้อมด้วยประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา เดินทางสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเขาหลัก ที่จะพัฒนาจุดขายเป็นเมืองเซิร์ฟทาวน์ “Surf Town เปิดรับนักท่องเที่ยวตามโครงการ 7+7 ในพื้นที่ 3 หาดหลัก ได้แก่ คึกคัก หาดปะการัง (Memory Beach) หาดนางทอง

ขณะนี้มีไฮไลต์โครงการก่อสร้าง “เซิร์ฟทะเลเทียม” ที่โรงแรมเขาหลัก เอ็มเมอรัล บีช รวมถึงโรงงานเซิร์ฟของ Sunnova ผู้ผลิตเซิร์ฟบอร์ดและเซิร์ฟสเก็ต ที่มีชื่อเสียงระดับโลกส่งออกต่างประเทศ และพร้อมจะร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเต็มรูปแบบ (Sport Tourism) เชื่อมโยงในกลุ่มจังหวัดอันดามัน โดยเฉพาะกลุ่มภูเก็ต พังงา กระบี่ ตามแผนภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์  7+7 Extension   

พร้อมทั้งร่วมสำรวจพื้นที่กิจกรรม Tsunami Memorial Month บริเวณ อนุสรณ์สถานสึนามิเรือต.813 และสวนอนุสรณ์สึนามิบ้านน้ำเค็ม เพื่อรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิถล่มเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ครบรอบ 17 ปีตามปกติแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาร่วมรำลึกถึงผู้ที่จากไป

ททท.วางแผนจะจัดกิจกรรมตลอดเดือนธันวาคม 2564  นำกิจกรรมดังกล่าวเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว ควบคู่การช่วยเหลือผู้ประกอบการ ชุมชน และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 รวมทั้งการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ซึ่งตอนนี้พังงาพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวโดยมีมาตรการสาธารณสุขระดับสากลสร้างความเชื่อมั่นแก่ทุกคน

 

ข่าวที่ 5 ททท.”มุมไบ-นิวเดลี”ย้ำนักท่องเที่ยวเศรษฐีอินเดียรอเที่ยวไทยปี’65

นางสาวชลดา สิทธิวรรณ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานมุมไบ และนายวชิรชัย สิริสัมพันธ์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานนิวเดลี ร่วมกันเปิดเผยว่า สถานการณ์การรระบาดของโควิด-19 ในอินเดียมีแนวโน้มดีขึ้น เริ่มผ่อนคลายมาตรการจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงและมีอัตราผู้รักษาหายสูงขึ้น โดยเฉพาะเมืองนิวเดลีและมุมไบ เนื่องจากมีความพร้อมกระจายผลิตวัคซีน เวชภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

ปัจจุบันชาวอินเดียยังคงให้ความสำคัญกับการเลือกไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูง โดยมีแรงจูงใจหลักจาก 3 ปัจจัย 1.เดินทางระยะใกล้ 2.ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival (VOA)  3.ชาวอินเดียฉีดวัคซีนหลัก 2 ชนิด ได้แก่  Covishield และ Covaxin เริ่มตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคม 2564 ให้ประชาชนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เฉลี่ยวันละ 5 ล้านโดส รวมทั้งได้กระจายวัคซีนไปแล้วกว่า 600 ล้านโดส มีประชากรได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม 10.3 % ของทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลอินเดียคาดจะฉีดวัคซีนครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุในเมืองใหญ่อย่างนิวเดลลีและมุมไบ ครบ 100% ภายในเดือนตุลาคม 2564

ปี 2565 ททท. ยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มตลาดอินเดียอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเดินทางครั้งแรก (First Mover) ได้แก่ กลุ่มศักยภาพ กอล์ฟ คู่แต่งงาน (Wedding) และคนรุ่นใหม่ (Millennials) ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจากเมืองหลัก ตามประมาณการณ์หากไตรมาส 4 ช่วง 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2564 เมื่อศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) มีมติผ่อนคลายเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัวและมีเที่ยวบินพาณิชย์กลับมาบินใน 6 เมืองหลัก ได้แก่ นิวเดลี มุมไบ กัลกัตตา เชนไน ไฮเดอราบัด และบังกะลอร์ สัปดาห์ละ 1 เที่ยว เที่ยวบินละ 250 ที่นั่ง รวม 14 สัปดาห์

เมื่อพิจารณาจากขีดความสามารถของที่นั่งโดยสาร (Seat Capacity) จะทำให้มีนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทยได้ประมาณ 21,000 ที่นั่ง สร้างรายได้ราว 938,448,000 บาท หากไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์ แต่ใช้วิธีจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter flight) สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จาก 2 เมืองหลัก นิวเดลีและมุมไบ เที่ยวบินละ 150 ที่นั่ง รวม 14 สัปดาห์  จะมีอินเดียมาไทย 4,200 คน สร้างรายได้ประมาณ 187,689,600 บาท 

ระหว่างนี้ ททท.พยายามผลักดันโดยพิจารณา 3 ปัจจัย ได้แก่  

1. นักท่องเที่ยวอินเดียยังคงต้องการเดินทางท่องเที่ยวไทย โดยการสอบถามเกี่ยวกับมาตรการเข้าประเทศไทยอย่างสม่ำเสมอ

2.มาตรการการเดินทางเข้า-ออกอินเดีย มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน สามารถเดินทางออกนอกประเทศและกลับเข้ามาในประเทศได้ตามมาตรการควบคุมโรค ซึ่งกำหนดให้รายงานตัวผ่านระบบออนไลน์ แสดงหลักฐานการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภายใน 72 ชั่วโมง และขอความร่วมมือสังเกตอาการตนเอง (Self Monitoring) เป็นเวลา 14 วัน

3. ช่วงโควิด-19 แม้ว่าต้นทุนการเดินทางจะสูงขึ้น แต่ยังพบการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียโดยเที่ยวบินพาณิชย์ (Commercial Flight) ระหว่าง 28 ประเทศภายใต้ข้อตกลง Air Bubble Agreement อาทิ มัลดีฟ รัสเซีย ศรีลังกา เยอรมัน แคนาดา สะท้อนว่านักท่องเที่ยวอินเดียไม่ค่อยอ่อนไหวกับสถานการณ์ มีกำลังซื้อสูง

รวมทั้งมีสำรวจความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของคนอินเดีย โดย Thomas Cook เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 จากกลุ่มตัวอย่างกว่า 4,000 ราย พบว่า 46 % ต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ สนใจเมืองหรือประเทศที่ต้องการเดินทางมากที่สุดได้แก่ ดูไบ อะบูดาบี มัลดีฟส์ และไทย

ระหว่างนี้ ททท. ทั้ง 2 สำนักงาน จะอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวอินเดียอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ทั้งการให้ข้อมูลประชาสัมพันธ์สถานการณ์ภายในประเทศ มาตรการด้านสุขอนามัย SHAตลอดจน Travel Agency (TA) ได้ทำสำรวจชาวอินเดียทั่วประเทศกว่า 300 ราย ในจำนวนนี้ 94% ยืนยันว่านักท่องเที่ยวอินเดียต้องการเดินทางท่องเที่ยวไทยแน่นอน

โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสุขอนามัย กิจกรรมท่องเที่ยว และราคาที่น่าดึงดูดเป็นหลัก ส่วนใหญ่มีระยะเวลาพักค้างต่ำกว่า 7 วัน เตรียมนำร่องทำการตลาดในกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียระดับกลางไปจนถึงกลุ่มระดับบน

ปัจจุบัน “กระทรวงการต่างประเทศ” ของไทยได้กลับมาเปิดรับคำขอออกใบรับรองในการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry: COE) ของผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่ประสงค์จะเดินทางจากอินเดียเข้าไทย เริ่มตั้งแต่ 25 สิงหาคม 2564 เป็นต้นมา เฉพาะกลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน ผู้มีเอกสารอนุญาตทำงาน (work permit) และครอบครัว  โดยมีเงื่อนไข ต้องเดินทางด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) และเข้าสู่มาตรการ State Quarantine ในกรุงเทพฯ เป็นเวลา 14 วัน หลังจากนี้จึงจะประเมินและพิจารณากลุ่มอื่นๆ ต่อไป

สำหรับ สถิติปี 2562 ในช่วงสถานการณ์ปกติ มีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมาไทย 1,961,069 คน เติบโต25.48 % ใช้จ่ายเฉลี่ย 44,688 บาท/คน/ทริป พักค้างเฉลี่ย 7 วัน/คน/ทริป สร้างรายได้ 80,039.88 ล้านบาท เติบโต 9.96 % ทำให้ตลาดอินเดียขึ้นอันดับ 3 จากอันดับ 6 ในปี 2561 รวมถึงมีจำนวนเที่ยวบินเข้าไทยจากอินเดียกว่า 300 เที่ยว/สัปดาห์ด้วย สะท้อนว่าอินเดียเป็นตลาดศักยภาพที่น่าจับมอง มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว

           


ข่าวที่ 6 TCEBผนึกไมซ์ซิตี้โฉมใหม่4ภาค“ขอนแก่น-พัทยา-เชียงใหม่-ภูเก็ต”

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB”  เปิดเผยว่า ทีเส็บร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จัดทำมาตรฐานแนวทางปฏิบัติการจัดงาน ไว้ให้พร้อมเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19  (ศบค.) หลังปลดล็อกอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อเตรียมสร้างรายได้กระจายการจัดงานสู่ภูมิภาค Regional Economy สร้างเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ เน้นทำแผนฟื้นฟูตลาดให้กลับมาใหม่ด้วยเทคโนโลยีบวกกับไฮบริดออนไลน์ผ่านแคมเปญต่าง ๆ ช่วยเหลือผู้ประกอบการกระตุ้นจัดงานไมซ์ในประเทศฟื้นอย่างรวดเร็ว

ล่าสุดร่วมกับผู้นำ 4 ไมซ์ ซิตี้ 4 ภาค ได้แก่ ขอนแก่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ -จ.ขอนแก่น ภาคตะวันออก-พัทยา/ชลบุรี ภาคเหนือ-เชียงใหม่ ภาคใต้-ภูเก็ต ผนึกความร่วมมือใช้อุตสาหกรรมไมซ์ชูโรงฟื้นเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งแต่ละเมืองมีแผนงานชัดเจนที่จะทำงานร่วมกับทีเส็บอย่างเต็มที่ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

           


      นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ไมซ์ ซิตี้ ภาคอีสาน กล่าวว่า ขอนแก่นได้วางตำแหน่งเป็นจังหวัดเมืองศูนย์กลางทางการแพทย์ลุ่มแม่น้ำโขง กำลังก้าวสู่การพัฒนาใหม่ 3 City MICE-Smart-Creative“ ระหว่างนี้เตรียมจัดกิจกรรมไมซ์ออนไซต์รองรับการเปิดระเทศ เมื่อต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาได้ ตอนนี้ขอนแก่นได้วัคซีน 25 % ของภาพรวม 

โดยขอนแก่นพร้อมใช้ศักยภาพการเป็นเมืองศูนย์กลางการแพทย์ จัดประชุมสัมมนาย่อย ๆ ในประเทศควบคู่กันไปด้วย ตั้งแต่กันยายน 2564 เป็นต้นไป เช่น 1.งานหัตถกรรมโลก มัดหมี่ ฟินาเล่ 2564 : ถักทอสายใยโลก 2.Food & Fair TEC 3.คณะกรรมการโรคติดต่อให้ซ้อมจัดประชุมขนาด 100-500 คน เพื่ออนุมัติจัดแข่งขันฟุตบอลลีก ให้มีผู้ชม 25 % ประชุมร่วมกับเชียงใหม่ที่จะจัดประชุมเชิงวิชาการต่อไป

           

            นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า ไมซ์จะเป็นพลังขับเคลื่อนชาติ ขณะนี้พัทยาเตรียมโครงการ “PATTAYA MOVE ON” จะเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยมี “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เป็นโมเดล นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพื้นที่เปิดเมืองพัทยาในส่วนแผ่นดิน 3 อำเภอ คือ พัทยา  54 ตารางกิโลเมตร เชื่อมกับ บางละมุง สัตหีบ มีประชากรพื้นที่และแฝงรวม 9 แสนคน ตามแผนจะนำร่องทำ“เกาะล้าน แซนด์บ็อกซ์” ตอนนี้ปิดเกาะล้านฉีดวัคซีนแล้ว 370 คน คิดเป็นเกือบ 100 % ถือเป็นพื้นที่นำร่องของส่วนหนึ่งของ PATTAYA MOVE ON

ควบคู่การพัฒนาเมืองพัทยาด้วยคอนเซ็ปต์ “NEO PATTAYA” ลงทุนพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน ไมซ์ ซิตี้ มีศูนย์ประชุม ทั้งที่ สวนนงนุช รอยัลคลิฟฟ์ และมีโดเมสติกไมซ์ จัดสัมมนาดูงานในชุมชนสร้างความเข้มแข็ง นอกจากนั้นก็มีโครงสร้างพื้นฐานด้านท่องเที่ยวเปิดเมือ พร้อมทั้งมี “โอกาสทางธุรกิจ” ที่จะเกิดขึ้นในฐานะพัทยาเป็นเมืองหลักเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก มีรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง

            ส่วนการจัดไมซ์มีทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์ เอ็กซิบิชั่นออนบีช ปี 2564 เดิมจะจัด Martials Art Indoor Exhibition, Family Plan, Seminar World Lion, Air Show  ปลายปี 2564 พัทยาจะจัดกิจกรรมมากมาย และร่วมกับทีเส็บไปประมูลงานนานาชาติมาจัดในพัทยา ก่อนหน้านี้วางตำแหน่งเป็นเมืองท่องเที่ยวทำรายได้ปีละ 240,000 ล้านบาท จากต่างชาติ 10 ล้านคน คนไทย 5 ล้านคน ต่อไปจะต้องวางตำแหน่งเพิ่มเติมเป็นเมืองพักอาศัย ศูนย์กลางการทำงานของคนทั่วโลก

            นายอนุชา มีเกียรติชัยกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ โดยรวมจีดีพีของเชียงใหม่ 3 แสนล้านบาท มาจากไมซ์ 50,000 ล้านบาท ที่เหลือมาจากท่องเที่ยว พอเจอโควิดก็ได้รับผลกระทบแต่เอกชนไม่ยอมแพ้ ในเชียงใหม่มีเอ็กซิบิชั่นมาครบ 43 อุตสาหกรรม 11 เซกเตอร์ รวม SMEs และภูมิภาคใน 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยมีเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ และเอกชนพร้อมเป็นหน่วยขับเคลื่อนภาคการผลิต

ตอนเสนอโครงการทางสภาอุตสาหกรรมฯ เสนอการจัดงานต่าง ๆ รวมไมซ์เข้าไปกว่า 10 โครงการ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับภาคเหนือเตรียมจัด FDI EXPO 2022 จัด 2-6 กุมภาพันธ์ 2566 มีสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ และสถาบันการศึกษาอีกกว่า 20 แห่ง จัดต่อเนื่อง 5 วัน ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ ในพื้นที่กว่า 60,000 ตารางเมตร จะมีครบทั้ง 1.สภาอุตสาหกรรมทั่วประเทศ จับคู่ธุรกิจกว่า 12,000 ราย 2.อินเซนทีฟเยี่ยมชมงาน 3.สัมมนาจะมีทางวิชาการหัวข้อ BCG Model, biotechnology, climate change มีกระทรวงสำคัญทางเศรษฐกิจ กับทีเส็บเข้าร่วมตลอดงาน

 

นายภูมิกิติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทุกภาคส่วนในภูเก็ตเตรียมนำยุทธศาสตร์ใหม่ “GEMMSS Strategy” คือ G- Gastronomy, E- Education, M- Marina, M- Medical, S-Sport City, S-Smart City เพื่อต่อยอดเศรษฐกิจของภูเก็ตจากเดิมที่มีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว และทุกสาขาธุรกิจที่แตกออกมาจะมีกิจกรรมไมซ์เข้าไปผนวกเข้าอยู่ด้วย

 

ภูเก็ตวางเป็นแนวทางไมซ์ของซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทีเส็บ พร้อมจะผลักดันเป็น Worldclass MICE ให้ได้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันอย่างเข้มแข็งในอนาคตต่อไป

ส่วนการเปิดเมืองรับการท่องเที่ยว หลังจากภูเก็ตเคยมีรายได้จากท่องเที่ยวปีละ 720,000 ล้านบาท ปี 2563 รายได้หายไปกว่า 70 % จึงได้เสนอให้มอง “ภูเก็ตเป็นห้องประชุมนานาชาติขนาดใหญ่” โดยดีไซน์ให้ชายหาด น้ำตก วิ่งเทรล ไปนั่งคุยในสวนทุเรียน ใช้ทุกสถานที่เป็นสถานที่ประชุมได้ เป็นสเตเดี้ยม ห้องประชุมวิวสวยสุด อีกทั้งยังมีคนเก่งหลากหลายอาชีพ นำความโดดเด่นของแต่ละส่วนมาประกอบเข้าด้วยกัน

ช่วงที่ 2  คลายล็อกดาวน์ให้ออกเที่ยวได้แล้ว ททท.ชวนปักหมุดหมายที่ “พังงา” สัมผัสวิถีใหม่ทะเลอันดามัน ที่เขาหลัก หาดต่าง ๆ เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ และแกรนด์แคนยอนแห่งใหม่ในกะปง ส่วนสุขภาพฟังชัด ๆ “7วิธีปลอดโควิดของผู้สูงวัยกับคนโรคเยอะ” และข่าวเจาะลึก “7สายการบิน” ยกทีมพบ “อาคม พิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง บ่ายวันที่ 7 ก.ย.นี้ สรุปซะทีช่วยไม่ช่วยเงินกู้ซอฟท์โลน 5,000 ล้านบาท พยุงจ้างสต๊าฟแอร์ไลน์ 20,000 คน ส่วน “ไทยแอร์เอเชีย” ลั้นลากลับมาบินในประเทศ 11 เส้นทาง เทโปรชุดใหญ่อีกแล้วจร้า

 




เที่ยว!!พังงาสุดอะเมซิ่งเขาหลัก-เกาะยาวน้อยใหญ่-หาดเล่นเซิร์ฟโต้คลื่น

เสียงคลื่นอันดามัน ส่งเสียงมาทักทายผู้คนออกเดินทางอีกครั้ง หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ และเปิดการท่องเที่ยวเชื่อมโยงข้ามพื้นที่ได้มากขึ้น ททท.ชวนไปหาประสบการณ์ใหม่ไป “เที่ยวพังงา” กันดีกว่า โดยมีแลนด์มาร์กเป็นจุดเช็คอินให้หายคิดถึง ตามชายหาดและแหล่งธรรมชาติ แหล่งประวัติศาสตร์ย้อนรำลึกความทรงจำ ได้ดังนี้



            จุดแรก “หาดเขาหลัก” ตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ บริเวณชายรายล้อมด้วยต้นสนหน้าหาดกว้างทอดยาว และนักท่องเที่ยวชาวไทยกับต่างชาติที่ชอบเล่นเซิร์ฟโต้คลื่นต้องห้ามพลาดแวะมาพักผ่อน สนุกกับกิจกรรมกีฬาทางน้ำได้ตลอดทุกวัน

            จุดที่สอง “หาดคึกคัก” อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ ได้ชื่อมีชายหาดยาวที่สุดในเขาหลัก น้ำทะเลสวยสีฟ้าครามชวนให้ลงเล่น  อีกทั้งยังเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามอีกแห่ง

จุดที่สาม “ประภาคารเขาหลัก” ตั้งอยู่ตรงหาดนางทอง ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า ใกล้กับหาดทรายสีดำ เป็นแลนด์มาร์กบริเวณชั้นบนปีนขึ้นไปถ่ายรูปสวย ๆ มองเห็นวิวพาโนรามาหาดนางรองและเขาหลักอย่างเต็ม ๆ


            จุดที่สี่ “เกาะยาวน้อย” ในอำเภอเกาะยาว พื้นที่ธรรมชาติครอบคลุมกว่า 147.8 ตารางกิโลเมตร กระจายอยู่ใน 3 ตำบล คือ เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ และ พรุใน บนหาดสวย ๆ เหล่านี้ เมื่อได้ไปท่องเที่ยวจะสัมผัสได้ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชุมชนซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ดำรงอยู่ด้วยวิถีอาชีพประมงพื้นบ้าน อาหารการกินอุดมสมบูรณ์

“เกาะยาวใหญ่” ชุมชนต้องห้าม (พลาด) หมู่บ้านชาวประมง บ้านแหลมล้าน อยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะยาวใหญ่ ชื่อของหมู่บ้านถูกเรียกตามลักษณะของปลายแหลมที่ยื่นลงไปในทะเล มีลักษณะเตียนโล่งหรือล้าน ไม่มีต้นไม้งอกขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะเป็นฤดูแล้งหรือฤดูฝน มีเพียงต้นหญ้าที่งอกออกมาเป็นหย่อมๆ

พังงา ยังมีสถานที่ท่อเงที่ยวแนะนำทางทะเลอีกหลากหลายแห่ง เช่น “หาดท่าเขา” เป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดบนเกาะ หาดป่าทราย” หาดสวยทรายขาวสะอาด บรรยากาศร่มรื่น อ่าวปะการัง” จุดชมปะการังช่วงน้ำลดจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้เห็น รวมทั้งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก “หาดโล๊ะหา” เป็นได้ชื่อว่าเป็นบ่อน้ำจืดในทะเลของแหล่งอาชีพเลี้ยงกุ้งจนได้ชื่อว่าเป็น “กระชังบ้านมังกร”


ล่าสุด “แกรนด์แคนยอน กะปง” บ้านสะพานเสือ  ตำบลเหมาะ   อำเภอะปง  เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติเกิดจากการยุบตัวของกลายเป็นช่องทางเดินภูเขาสูง ๆ ต่ำ ๆ มีธารน้ำไหลขนาดใหญ่ที่ทอดยาวไหลรินสุดลูกหูลูกตา โอบล้อมด้วยพันธุ์ไม้เขียวขจี สลับกับเฟิร์นป่า ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ละลานนา   


            มาปลดล็อกดาวน์ “เที่ยวพังงา” สัมผัสธรรมชาติวิถีใหม่ เต็มไปด้วยความ “อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม”  มาเที่ยวแดนใต้ให้หายคิดถึงซะที ตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทางทุกครั้ง เพื่อให้การท่องเที่ยวมีความสุขทุกทริปเที่ยวทั่วไทย

7 วิธีเสริมภูมิคุ้มกันต้านไวรัสโควิด-19ในผู้สูงวัย/คนมีโรคประจำตัว


ขณะที่การระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังระบาดต่อเนื่อง จึงขอนำคำแนะนำการเสริมภูมิของผู้กลุ่มเสี่ยง เลือกรับประทาน “น้ำมันปลา” ซึ่งมีโอเมก้า-3 ,DHA และ EPA เสริมภูมิคุ้มกัน โดยความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวยังต้องปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อให้ภูมิร่างกายแข็งแรงด้วย 7 ข้อดังนี้

1.ควบคุมโรคประจำตัวให้ดี มีข้อมูลระบุว่าโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เช่นเบาหวานเรื้อรัง รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคอ้วน เสี่ยงจะเจ็บป่วยรุนแรงจากการติดโควิดมากกว่ากลุ่มอื่น

2.รับวัคซีนตามช่วงอายุ โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และโรคปอดอักเสบ ป้องกันเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นแทรกซ้อนด้วย  

3.ออกกำลังกายเบา ๆ ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที ด้วยการเดิน ปั่นจักรยานอยู่กับที่ แอร์โรคบิคแบบที่ไม่มีการกระแทกข้อต่อ เล่นโยคะ รำไทเก๊ก  และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมง

4.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และปรุงสุกใหม่เสมอ รับประทานผักผลไม้หลากสีที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ลดการบริโภคไขมัน น้ำตาล อาหารแปรรูปและเนื้อสัตว์ติดมัน หรือปรึกษาแพทย์

5.ลดความเครียด โดยหากิจกรรมที่ผ่อนคลายและสนุกสนานทำ เพราะความเครียดเรื้อรังจะส่งผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง

6.เลิกสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่จะทำลายเนื้อเยื่อปอด ทำให้ปอดอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้ออมากขึ้น หากติดโควิดจะเพิ่มความเสี่ยงปอดอักเสบรุนแรงและระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน

7.รับประทานอาหารเสริม ประเภทที่มีมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการติดเชื้อไวรัสก่อโรค ต้านการอักเสบ และอาจช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของโรคจากเชื้อไวรัสได้

ข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก 7แอร์ไลน์ส”ถกรมว.คลัง7ก.ย.ขอเงิน5,000ล้านดูแลสต๊าฟ2หมื่นคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินแห่งประเทศไทย เตรียมนำสมาชิก 7 สายการบิน เข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ช่วงบ่ายวันที่ 7 กันยายน 2564 เพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องที่เอกชนจะขอให้รัฐช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (softloan) วงเงินที่ลดลงแล้วเหลือประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้พยุงจ้างงานในอุตสาหกรรมการบินปลายปี 2564 จำนวนกว่า 20,000 คน หลังจากก่อนหน้านี้เคยเสนอรัฐบาลให้ช่วยพิจารณาปล่อยซอฟท์โลนมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือแต่อย่างใด

ดังนั้นสมาชิกสมาคมทั้ง 7 สายการบิน ประกอบด้วย 1.บางกอกแอร์เวย์ส 2.ไทยแอร์เอเชีย 3.ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ 4.ไทยสมายล์ 5.นกแอร์ 6.ไทยไลอ้อนแอร์ 7.ไทยเวียตเจ็ท จึงต้องนำทีมเข้าพบตัวแทนรัฐบาลอีกครั้ง

เนื่องจากสายการบินต่าง ๆ มีภาระค่าใช้จ่ายต้องแบกรับทั้ง ค่าเช่าฝูงบิน ค่าใช้จ่ายคงที่รายเดือน จึงต้องการขอสิทธิ์ใช้สินเชื่อในโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้าง ระยะที่ 2 (ปี2563-2564) ดอกเบี้ยต่ำ มาเป็นทุนหมุนเวียนด้านการงาน แต่ในเงื่อนไขที่มีวงเงินให้กู้ได้ไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท จะให้เฉพาะสถานประกอบการรายเล็กได้สูงสุดรายละไม่เกิน 15 ล้านบาท/แห่ง เท่านั้น ขณะนี้สายการบินจึงไม่สามารถกู้ได้นั่นเอง



ข่าวที่สอง แอร์เอเชียตีปีกกลับมาบินในประเทศอัดโปรตั๋วชุดใหญ่ 11เส้นทาง

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ไทยแอร์เอเชีย เริ่มกลับมาบินในประเทศอีกครั้ง ตั้งเเต่ 3 กันยายน 2564 ทยอยเปิด 11 เส้นทาง จาก ดอนเมือง ไป-กลับ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต หาดใหญ่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี นครพนม และร้อยเอ็ด

พร้อมทั้งจัดโปรโมชั่นบินสุดคุ้มรับการกลับมาบินอีกครั้งที ลดทันทีทุกที่นั่ง ทุกเที่ยว  30% ไม่เว้นวันหยุดยาวเเละวันหยุดนักขัตฤกษ์ เข้ามาซื้อตั๋วได้ทาง airasia super app และ www.airasia.com ถึง 5 กันยายน 2564  เเล้วใช้เดินทาง 3 กันยายน- 31 ธันวาคม 2564   สามารถเลื่อนวันเดินทางได้ไม่จำกัดครั้งทำเองได้ทันที และฟรีค่าธรรมเนียมแต่ราคาตั๋วอาจต่างกันได้ตามช่วงเวลา

            ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai