วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ธเนศ วรศรัณย์ ชิงประธานสภาท่องเที่ยวคนใหม่ปี68-ฝันนำธุรกิจรายได้โตก้าวกระโดดเศรษฐกิจพ้นK-Shape

 


ธเนศ วรศรัณย์

สมัครชิงตำแหน่ง “ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี 2568

“ธเนศ วรศรัณย์”โชว์ผลงานชิงประธานสภาฯท่องเที่ยวปี’68

ชูนโยบายGOOD“เติบโต-สร้างโอกาส-ยั่งยืน-ขยายอัตลักษณ์”

ฝันไกลรายได้โตก้าวกระโดดพ้นKShape-1จังหวัด1เฟสติวัล

คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัด BEST-SELLING ITEMSส่งท้ายธ.ค.

คิงเพาเวอร์เปิดLandingStoreสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง-ลด50%

ชวนเที่ยวปีใหม่“BESTIVAL”ฮีลกายใจ4สวนใหญ่3-5ม.ค.68

โรงกลั่นบางจากศรีราชาคว้ารวดเดียวมาตรฐานโลก 4 ISO

ปีใหม่ไปเช็คอินเที่ยวแหล่งเกษตรทั่วไทยชมชิมชิล 26 แห่ง

6วิธีแก้คันคอทำง่ายและได้ผลอย่างเหลือเชื่อลองมือทำเลย

AWC-โอกุระทุ่ม7,600ล้านเปิด2รร.Q1/68“เชียงใหม่-สุขุมวิท”

รร.สเตย์บริดจ์สวีทสุขุมวิทลด20%สมัครIHGรับสิทธิฟรีเพียบ

วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก #TCEB #ธเนศวรศรัณย์

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1AZZoGFZop/

ช่วงที่ 1 นายธเนศ วรศรัณย์ ประธานคณะกรรมการท่องเที่ยวคุณภาพสูง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมัครชิงเก้าอี้ “ประธานสภาท่องเที่ยว” ปี’68 ปูทางสร้างฝัน “ท่องเที่ยวไทยโตได้แบบก้าวกระโดด” ภายใต้นโยบาย GOOD4 เรื่อง “เติบโต-สร้างโอกาส-ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า-พัฒนาอัตลักษณ์” งัดกุญแจไขทางออก 3 เรื่อง “วางแผนตลาดอย่างเป็นระบบ-เพิ่มสัดส่วนรายได้ต่อจีดีแบบก้าวกระโดด-สร้างเครือข่ายธุรกิจเชื่อมโยงกันทั้งประเทศ” นำร่องโมเดล “1 จังหวัด 1 เทศกาล” ยกมาตรฐาน อัพเกรดบริการในพื้นที่ พัฒนาด้วยคอนเซ็ปต์ “ร่วมคิด-ร่วมทำ-ร่วมแบ่งปัน”

นายธเนศ วรศรัณย์ระธานคณะกรรมการท่องเที่ยวคุณภาพสูง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในฐานะ 1 ในผู้สมัครชิงตำแหน่ง “ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ในช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมาทำงานกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาแล้ว 18 ปี ทำงานร่วมกับประธานแต่ละคนมาตั้งเริ่มคือ คุณวิจิตร ณ ระนอง เป็นประธาน ปี 2548 ต่อมาคุณกงกฤช หิรัญกิจ ปี 2549 จากนั้นสมัยคุณปิยะมานต์ เตชะไพบูลย์ ปี 2554 ผมก็ได้เข้ามาเป็นรองประธานสภาท่องเที่ยว โดยทำงานเรื่องคลัสเตอร์ท่องเที่ยว เริ่มจากการทำงานร่วมกับ สสว.และ SMEs จากรายได้ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็นเท่าตัวปีละ 2 ล้านล้านบาท เคยมีเสียงหัวเราะเยาะอยู่เหมือนกันแต่ก็ทำได้สมัยคุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร สามารถทำได้ถึงปีละ2.3 ล้านล้านบาท

                ตอบโจทย์ได้ชัดเจนว่า “ฝันที่เป็นไปได้” ในการทำให้การท่องเที่ยวเติบโตสูงกว่าเงินเฟ้อและจีดีพีประเทศ ผมจึงมีความฝันในการมาลงสมัครชูนโยบาย “GOOD” ประกอบด้วย G :Growth สร้างรายได้ท่องเที่ยวเติบโต O :Opputunity สร้างโอกาสใหม่ ๆ O :Optimization ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า D :Development พัฒนาอัตลักษณ์เสน่ห์ไทย โดยจะนำพาให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศมีความเป็นไปได้ในการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยวิธี ต้องมี “แผนยุทธศาสตร์” เพราะการเพิ่มรายได้ก็จะต้องเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวควบคู่ไปด้วย โดยมีนักท่องเที่ยวหลายระดับ แต่เมื่อมีปริมาณนักท่องเที่ยวมาก ก็ต้อง “บริหารจัดการ” ได้ ตัวอย่างฝรั่งเศสแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่าประชากรในประเทศแต่สามารถบริหารจัดการได้ ส่วน “ประเทศไทย” ยังไปไม่ถึงจุดนั้น ยังมีที่ว่างอยู่อีกมาก จึงต้องทำ “ตลาด” เพื่อให้เกิดการกระจายตัวอย่างเป็นระบบ ในแต่ละพื้นที่เติบโตปริมาณมากได้แต่ไม่จำเป็นจะต้องมีคนแออัด

ตอนนี้การท่องเที่ยวของไทยมี 2 ขา คือ ขาข้างแรก “ภาครัฐ” คือหน่วยงาน การท่องแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำตลาดได้ดี แต่พอมาถึงขาข้างที่ 2  “ภาคเอกชน” จะเติบโตได้ดีเฉพาะรายใหญ่ ๆ ส่วนรายเล็กไม่โต จึงทำให้เกิดรายได้แบบ K-Shape ภาพที่เห็นตอนนี้คือช่วงฤดูท่องเที่ยวโรงแรมที่พักขนาดใหญ่มียอดจองเข้าพักเต็ม แต่โรงแรมเล็กและจิ๋วไม่มีคนพัก ภาพรวมแบบเผิน ๆ คือ ไม่ใช่ธุรกิจใหญ่หรือเล็กได้ แต่ขึ้นอยู่กับการเลือก “ตลาดคุณภาพ” และ “เทรนด์ที่ทันโลก” หากทุกกลุ่มสามารถขยับตัวเองได้ก็จะทำให้ท่องเที่ยวเมืองไทยมีแต่ขึ้นไม่มีลง สามารถเพิ่มวันพักและค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นต้องโฟกัสเรื่อง “ตลาดกลุ่มคุณภาพ” ให้ได้มากที่สุด

ปัจจุบันทั่วโลกมี “นักท่องเที่ยวเดินทางต่างประเทศ” (Inbound) รวมเมื่อปี 2566 ประมาณ 1,300 ล้านคน แนวโน้มปี 2568 จะขยับเป็นปีละ 1,600 ล้านคน ใน “ภูมิภาคเอเชีย” ได้ส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาเพียง 7 % เพราะส่วนใหญ่เที่ยวอยู่ในยุโรป 65 % อเมริกา 17 % ดังนั้นประเทศไทยได้มาปีละ 39-40 ล้านคน ยังถือว่าน้อยมาก ในภูมิภาคนี้ญี่ปุ่นทำได้ค่อนข้างดี


 

ดังนั้นการ “ฝันเรื่องท่องเที่ยว” หากจะไปให้ถึงต้องร่วมมือกันทำเรื่องสำคัญ ๆ ให้สำเร็จในเบื้องต้น 3 เรื่อง คือ

 

เรื่องที่ 1 วางแผนการตลาดอย่างเป็นระบบ เน้นแบบ “เจาะจง : decision” ต้องเลิกทำการตลาดแบบหว่านเลือกประเทศใดเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ด้วยวิธี “จับคู่” ตลาดนักท่องเที่ยวกับคลัสเตอร์พื้นที่ท่องเที่ยว ควบคู่กับทำเรื่อง “ขีดความสามารถการรองรับนักท่องเที่ยว” ด้วย

เรื่องที่ 2 ปรับสัดส่วนรายได้ท่องเที่ยวต่อจีดีพีประเทศเพิ่มขึ้น ปัจจุบันในไทยทำได้ประมาณ 18 % ของจีดีพี ไม่ได้สูงเท่าไร ภาพรวมของภูมิภาคเอเชีย สัดส่วนรายได้ท่องเที่ยวอินบาวนด์ต่อจีดีพี รวมทุกประเทศเฉลี่ย 11 % ยุโรปเฉลี่ย 33 % อเมริกา 39 % แสดงว่าประเทศไทยเขียนไว้ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะทำให้การท่องเที่ยวทำรายได้ต่อจีดีพีปีละ 40 % มีความเป็นไปได้ แต่ปัญหาตอนนี้ยังทำได้แค่ 18 % ต้องหาสาเหตุว่าเพราะอะไรจึงเติบโตมากกว่านี้ไม่ได้ จะต้อง “เขียนแผนฉบับใหม่” หรือไม่

เพราะส่วนใหญ่มองว่าให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยเติบโตตามธรรมชาติก็เพียงพอแล้ว ทั้งที่สามารถ “เร่งโต” ได้แต่จะต้องมีวิธีคิด “การบริหารจัดการ” โดยเฉพาะ “การเพิ่ม” รายได้ต่อวัน และวันพักเฉลี่ย แล้วธุรกิจรายเล็ก ๆ จะต้องมีส่วนร่วมรับรายได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย โดยมีแนวทางพัฒนาให้แต่ละธุรกิจชัดเจน ตัวอย่าง ผมเคยมีประสบการณ์เข้าไปช่วยปรับแผนร้านอาหารขนาดเล็ก เพิ่มการลงทุน ขยายตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และอื่น ๆ ผลปรากฎว่าทำให้ร้านขนาดเล็กดังกล่าวมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 8 % ร้านขนาดกลางเพิ่ม เท่าตัว ส่วนร้านขนาดใหญ่ไม่ค่อยได้เพิ่มขึ้น

เป็นโมเดลที่พิสูจน์ถึง “ผู้ประกอบการขนาดใหญ่” รู้วิธีปรับตัว แตกต่างจาก “ผู้ประกอบการรายเล็ก” เมื่อมีทีมเข้าไปช่วยปรับบางส่วนก็สามารถเพิ่มรายได้ขยับขึ้นมาได้เยอะมาก

หากยอมเสียทรัพยากรบุคคลและการลงทุนบางส่วน เพื่อทำ “ฝันของการท่องเที่ยว” ไปให้ได้ เป็นโยบายที่มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน

 


เรื่องที่ 3  ต้องสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกันในกลุ่มธุรกิจทั่วประเทศ ผมจะนำมาใช้ในสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปัจจุบันมีสมาชิกทั่วประเทศประมาณ 180 สมาคม จะทำอย่างไรทั้งในสาขาอาชีพ กับในส่วนภูมิภาค มาพบปะเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เพราะขณะนี้ยังมีบางกลุ่มอยู่ลำพัง เป็นหน้าที่ของผู้นำสภาท่องเที่ยวต้องเชื่อมเครือข่ายเหล่านี้ให้ได้

สำหรับโครงการที่จะสร้าง “เครือข่ายคนตัวเล็ก” อย่างแรก จะนำธุรกิจขนาดเล็กจากภาคส่วนต่าง ๆ มาทำกิจกรรมรอบนี้จะนำสมาชิกมาทำงานร่วมกันกับกรรมการประมาณ 300 คน วางเป้าหมายแต่ละสาขาแล้วพูดคุยกัน เช่น “ภาคเหนือ” ตั้งเป้านำเสนอการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ก็จะต้องนำสมาชิกสมาคมที่เชี่ยวชาญเฉพาะมาหารือกัน แล้วกำหนดเป็น “โครงการ” ได้แก่ การอบรม แล้วนำผู้นำของแต่ละเรื่องเข้าโครงการ ทำให้เกิดความผูกพัน พร้อมกับลงพื้นที่ทั้ง 5 ภูมิภาค

ขณะนี้ผมเองลงพื้นที่ทุกจังหวัดเพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยกับทุกสมาคมและธุรกิจขนาดเล็ก เนื่องจากปัจจุบันในแต่ละพื้นที่ “เอกชนไม่มียุทธศาสตร์” ของท่องเที่ยวในพื้นที่ อาศัยการพึ่งพายุทธศาสตร์จังหวัด เพราะบางจังหวัดบางปีก็มีบางปีก็ไม่มี เช่น  1 จังหวัด 1 เทศกาล” โดยนำสภาท่องเที่ยวเข้าไปรับประกัน เพราะต้องนำงบประมาณจากส่วนกลางเข้าไปช่วย เพื่อสร้างมาตรฐานและให้ความช่วยเหลือ ทำให้การจัดงานท่องเที่ยวเกิดขึ้นในช่วงเวลาตรงกันทุกปี จึงต้องการให้ “สภาท่องเที่ยว” จากส่วนกลางเข้าไปร่วมดูแลด้วย และมียุทธศาสตร์ด้วย

ด้วยการทำแผนยุทธศาสตร์  “การท่องเที่ยวเฉพาะเจาะจงสาขา” อย่างชัดเจน เช่น ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และอื่น ๆ เรื่องสำคัญคือ Mindset เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวแล้วจะได้ใช้จ่ายเงินเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะ “การท่องเที่ยวทางน้ำ” ยอร์ช ครุยส์ เพียงแต่สมาคมท่องเที่ยวต่าง  ๆ ยังขาดการทำแผนให้ชัดเจน ซึ่งจะต้องทำเป็น “แผนระดับชาติ” เมื่อสภาท่องเที่ยวเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงจะทำให้เครือข่ายทั้งประเทศมีพลังมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

นายธเนศ กล่าวว่า ปี 2568 รัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประกาศแล้วที่จะขับเคลื่อน “Amazing Thailand Grand Tourism and Sport Year 2025” ซึ่งสำคัญมากที่ภาครัฐลงทุน และทำการตลาดไว้ให้แล้ว “ภาคเอกชน” ก็จะต้องพัฒนา “เทศกาลท่องเที่ยว :Tourism Festival” ให้สอดคล้องกับปีท่องเที่ยวและกีฬา เช่น “ร้านอาหาร” ในแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยว สามารถบอกเล่าเรื่องราวในท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์ บวกกับวิธีการทำงาน ช่วง4-5 ปีที่ผ่านมา ผมทำเรื่องที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน แล้วจากนี้เป็นต้นไป ร้านอาหารสามารถยกเลิกการใช้พลาสติกและวัสดุทำลายสิ่งแวดล้อมลงบ้างได้หรือไม่ เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ผลักดันรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น

หน้าที่เพิ่มรายได้เป็นของเอกชน เพราะ ททท.ไปทำตลาดมาให้แล้ว ดังนั้นการปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจึงเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น ๆ ทำให้เกิดการ “ยกระดับราคา” เพราะทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ทำเพื่อชุมชนมากขึ้น นักท่องเที่ยวนานาชาติก็พร้อมจะจ่ายเงินเพิ่มให้อย่างแน่นอน แต่ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่มีใครเข้าไปแนะนำเท่านั้นเอง

ปี 2568 เอกชนท่องเที่ยวควรร่วมกันทำงาน คิดถึงประโยชน์ที่ได้รับร่วมกัน แทนการคิดว่าโครงการดี ๆ เพราะการท่องเที่ยวความหมายคือ “ความสุข” ทั้งคนในชุมชน นักท่องเที่ยว ตลอดเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยเติบโตได้เพราะสามารถกระจายความสุขให้กันและกัน เพราะหากคิดเป็น “เครื่องจักรสร้างเงินและรายได้” เพียงไม่กี่ปีก็จะสูญเสียตำแหน่งทางการท่องเที่ยวไป ต้องมุ่งสู่การนำท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือ กระจายความสุข กระจายรายได้ สร้างความเท่าเทียมให้คนกับเล็ก ๆ มีช่องทางความสุขในแบบของตัวเอง แล้วจะทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแบ่งปัน กันอย่างแท้จริง

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัด BEST-SELLING ITEMSส่งท้ายธ.ค.67

 

คิง เพาเวอร์ รวม  BEST-SELLING ITEMS ตอบโจทย์ความต้องการทุกคนมาไว้ในคอลเลคชั่นสินค้าขายดีประจำเดือนธันวาคม 2567 กดส่องดูก่อนใครได้เลยที่ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์

ไหน ๆ ก็มีไฟลต์บินแล้วไม่อยากตกเทรนด์ช้อปแบรนด์ดังที่ทุกคนชอบช้อป คุ้มเกินคุ้ม! กับสินค้าขายดีที่ทุกคนต่างพูดถึง รีบมาตำกันเลย รีบช้อปด่วนก่อนของจะหมด และรอรับของที่สนามบินทั้งสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ วันนี้- 5 มกราคม 2568

รับออนไลน์สุดพิเศษ Free! รับสิทธิพิเศษต่างๆ จากบริการในกลุ่ม คิง เพาเวอร์ ดังต่อไปนี้

1.เมื่อช้อปครบ 15,000 บาท (สุทธิ)  รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ตั้งแต่ “บัตรเงินสด” นำไปใช้รับประทานอาหารที่ไทย เทสต์ ฮับ  มูลค่า 200 บาท “Other Cafe” มอบส่วนลด 25% สำหรับเครื่องดื่มที่ดี  “โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์” มีส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่ม สูงสุด 30% และ “Firster” แจกส่วนลดด้วยเช่นกันอีก 500 บาท

 

2.เมื่อช้อปครบ 20,000 บาท (สุทธิ)  รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ตั้งแต่ “บัตรเงินสด” นำไปใช้รับประทานอาหารที่ไทย เทสต์ ฮับ  มูลค่า 200 บาท “Other Cafe” มอบส่วนลด 25% สำหรับเครื่องดื่มที่ดี  “โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์” มีส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่ม สูงสุด 30% และ “Firster” แจกส่วนลดด้วยเช่นกันอีก 500 บาท เพิ่มอีกรายการด้วย เอ็กซ์คลูซีฟ อี-โวเชอร์ อาหารและเครื่องดื่ม มูลค่า 100 บาท เพื่อเก็บไว้ใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต

 


ข่าวที่ 2 -คิงเพาเวอร์เปิดLandingStoreสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง-ลด50%

 

คิง เพาเวอร์ ชวนเหล่าสาวก “ช็อกโกแลตเลิฟเวอร์” ต้องไม่พลาด  KING POWER LANDING STORE มีแต่ไอเทมน่าอีท เอกซ์คลูซิฟเปิดแล้ว KING POWER LANDING STORE แลนดิ้งแล้วต้องช้อป! จุดช้อปใหม่ของนักเดินทางช้อปก่อนกลับ สินค้าของฝากและเครื่องดื่ม พอเครื่องลงปุ๊บ อย่าหยุดช้อปที่ คิง เพาเวอร์ แลนดิ้ง สโตร์

 

สาขาสนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสาร ชั้น 2  ตรงข้ามประตูทางออก 3  และประตูทางออก 10

 

สาขาสนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ชั้น 1 ประตูทางออก 7

หรือจะช้อป ส่งท้ายปี KING POWER FESTIVE SALEBRATION เซลสูงสุด ช้อปส่งท้าย เป็นไปได้ ฟินส่งท้ายปีกับสินค้า Duty Free แบรนด์ดังสุดพรี่เมี่ยม ที่ลดจัดหนักสูงสุด 50% เฉพาะที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” เท่านั้น ลดต่อไม่หยุดยั้งกับสินค้าที่คุณรอคอย ของแท้ ราคาปัง ก่อนบินกดช้อปใส่ตะกร้าแล้วเตรียมรอรับของที่สนามบินขาออกประเทศ

 

หรือจะเลือกไอเทม แฟชั่นและแอคเซสซารี่ แว่นตา นาฬิกา กระเป๋าหลากสไตล์ อย่างแบรนด์ BALLY, MICHAEL KORS, FERRAGAMO , SAMSONITE, FURLA, TUMI, MCM, DANIELWELLINGTON, COACH, FERRAGAMO และอื่นๆ รีบช้อปสินค้าลงตะกร้าและรับของที่สนามบินได้ทุกทริปที่เดินทาง

 

ข่าวที่ 3-ชวนเที่ยวปีใหม่“BESTIVAL”ฮีลกายใจ4สวนใหญ่3-5ม.ค.68

 

กรุงเทพมหานคร ชวนเที่ยวเทศกาล “กรุงเทพดีต่อใจ รับปีใหม่ 2568 : BANGKOK BESTIVAL 2025” ปี 3 เติมสุข เริ่มวันศุกร์ที่ 3 - วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2568  บริเวณ 4 สวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมือง ได้แก่ สวนลุมพินี  สวนเบญจกิติ อุทยานเบญจสิริ และสวนปทุมวนานุรักษ์ มุ่งเน้นสร้างรอยยิ้มแห่งความสุขกับสุดสัปดาห์ปีใหม่ ในวันศุกร์แรกของปีให้ชาร์จพลังกาย พลังใจเพื่อก้าวสู่ปีใหม่ ด้วยแรงบันดาลใจที่ดี และสร้างความสุขที่ยังยืนในทุกมิติ โดยร่วมกับ 3 เครือข่ายใหญ่ ได้แก่

 

เครือข่ายที่ 1 ภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) วันแบงค็อก

 

เครือข่ายที่ 2 พันธมิตรด้านความยั่งยืน นำโดย มูลนิธิรักษ์ไม้ใหญ่ (BIG Trees Foundation)  องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ หรือ อพวช. และเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาชน

 

เครือข่ายที่ 3 แพลตฟอร์ม Sustainability Expo (SX)  ตอบรับนโยบายสนับสนุนในการสร้างกิจกรรมในสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของคนเมืองในกรุงเทพมหานคร และชุมชนข้างเคียง

 

กิจกรรมตลอด 3 วัน ทั้ง 4 สวนสาธารณะ สวนลุมพินี  สวนเบญจกิติ อุทยานเบญจสิริ และสวนปทุมวนานุรักษ์  ได้แก่ กิจกรรมแรก “สุขใจ ฮีลใจ” และ “สุขกาย ฮีลกาย” ประกอบด้วย

 

กิจกรรมที่ 1  “สุขใจ ฮีลใจ” รวม 9 รายการ คือ 1.เจริญสุขอย่างดีงาม รับเช้าของ “สุขแรกแห่งปี”  ต้อนรับปีใหม่  2.เสียงธรรมยามเช้า เริ่มต้นปีด้วยใจที่ตื่นรู้ 2.Nature Journey Workshop  3.Kids Climbing  4.หมากรุกในสวน 5.เพลินใจไปกับกิจกรรมศิลปะ และ การเล่าเรื่อง 

6.เพราะทุกสิ่งรอบตัวคือแรงบันดาลใจ.. โดย วันแบงค็อก (One Bangkok) กับ Workshop Nature & Arts in Your Imagination “เมืองกลางใจ  ศิลปะกลางเมือง” 7.BETTER ME: WORKSHOP (กิจกรรมใหม่)  8.ตลาดนัดชุมชน “มีสุข ฟาร์มมาร์เก็ต” 8.ดนตรีดีต่อใจ  9.SX WASTE MANAGEMENT STATION และ SX REPARTMENT STORE

กิจกรรมที่ 2  “สุขกาย ฮีลกาย” 3 รายการ คือ 1.Yoga in the Park and Sound Bath   2.BIODIVERSITY SURVEY (กิจกรรมใหม่) 3.Nature Walk เชื่อมโยง 2 สวน 4.BETTER ME: SX WORKSHOP (กิจกรรมใหม่)

 

พิเศษ !! ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ภายในงาน สามารถสะสมคะแนนผ่าน SX แอปพลิเคชัน เพื่อแลกของที่ระลึกสุด Eco หลากหลายแบบ ทางกรุงเทพมหานครเปิดช่องทางให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ 3 ช่องทางหลัก คือ

-iOS AppStore : https://apps.apple.com/us/app/sustainability-expo/id1640414525

            -Play Store : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sx2022

-เพจเฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/bangkokbestival

 

ข่าวที่ 4-โรงกลั่นบางจากศรีราชาคว้ารวดเดียวมาตรฐานโลก 4 ISO

 

นายอนุวัตร รุ่งเรืองรัตนากุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจโรงกลั่น บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) “BSRC” เปิดเผยว่า BSRC นำโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้ใบรับรองมาตรฐาน ISO ปี 2567 นายจงรักษ์ โรจน์พลาเสถียร ผู้อำนวยการสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ หรือ MASCI พร้อมกันในครั้งเดียวเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถึง 4 ด้านประกอบด้วย

 

@BSRCนำโรงกลั่นบางจากศรีราชาปีเดียวคว้ามาตรฐาน 4 ISO

• ISO 14001: 2015 ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม

• ISO 45001: 2018 ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

• ISO 50001: 2018 ระบบการจัดการพลังงาน

• ISO/ IEC 27001: 2022 ระบบการจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ

นายอนุวัตร กล่าวว่า “ISO คือ “มาตรฐานสากล” ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ซึ่งจะสร้างผลเชิงบวกอย่างมากกับโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา ที่สามารถพัฒนาระบบจนสามารถได้การรับรองมาตรฐาน ISO พร้อมกันภายในปีเดียวถึง 4 ด้าน จึงถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และเป็นความภาคภูมิใจของพนักงานทุกคน  เพราะเมื่อปลายปี 2566 BSRC เพิ่งเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทบางจาก โดยใช้เวลาเพียง 1 ปี ก็ดำเนินการขอรับรองมาตรฐาน ISO จนประสบผลสำเร็จทั้ง 4 ด้าน

เป็นข่าวดีส่งท้ายปีในความสำเร็จนี้เป็นการพิสูจน์รากฐานอันแข็งแกร่ง เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านจากมาตรฐานเดิมของบริษัทน้ำมันระดับโลก สู่มาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับตอกย้ำการพัฒนาแบบไม่หยุดนิ่งของ BSRC พร้อมนำองค์กรและธุรกิจมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ไปด้วยกัน

@โชว์พลังบุคลากรในองค์กรแข็งแกร่งทั่วโลกให้การยอมรับ

สำหรับพิธีรับมอบประกาศนียบัตร ISO จัดขึ้นที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา โดยมีสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (MASCI) ได้สรุปผลการตรวจประเมินมาตรฐาน ISO ทั้ง 4 ด้าน พร้อมทั้งแสดงความชื่นชมคณะผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และพันธกิจชัดเจนนำไปสู่การปฏิบัติได้มาตรฐานและบรรลุเป้าหมาย

รวมทั้ง BSRC ยังได้แสวงหาเทคโนโลยีใหม่เพื่อนำมาใช้พัฒนากระบวนการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และสิ่งสำคัญคือในองค์กรมีบุคลากรศักยภาพสูง กับวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการเรียนรู้ พร้อมการถ่ายทอดองค์ความรู้และสร้างเครือข่ายระหว่างพนักงานผู้มีประสบการณ์และพนักงานรุ่นใหม่ ร่วมือกันผลักดันให้องค์กรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนตามเป้าหมายของบางจากต่อไป

 

ช่วงที่ 2 เที่ยวปีใหม่ไปตลุยแหล่งเรียนรู้เชิงเกษตรทั่วไทย เปิดให้ชม ชิม ช้อป ชีล ตลอดเทศกาลวันหยุด วันนี้- 1 ม.ค.2568 แล้วฟัง “6วิธีแก้คันคอ” ทำง่ายลองได้เลย เกาะติดข่าวฮ็อต ข่าวแรก “AWC-โอกุระ”ลงทุน 7,600 ล้าน เปิด 2 โรงแรมใหม่แบรนด์โอกุระ ที่เชียงใหม่และสุขุมวิท ข่าวที่สอง “โรงแรมสเตรบริดจ์สวีท” เปิดโปรดีลด 20 % สมัครสมาชิก IHG รับสิทธิเพียบ

 

ท่องเที่ยว –ปีใหม่ไปเช็คอินเที่ยวแหล่งเกษตรทั่วไทยชมชิมชิล 26 แห่ง

 

เที่ยวเมืองไทยต้อนรับวันหยุดปีใหม่ แนะนำไปเช็คอินท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรทั่วประเทศ 26 แห่ง

 

“ภาคใต้” มีไฮไลต์  5 แห่ง ได้แก่ 1.วิสาหกิจชุมชนกลุ่มการเกษตรพอเพียงการเลี้ยงผึ้งโพรง หมู่ 3 บ้านคลองกำ จ.กระบี่ เรียนรู้การเลี้ยงผึ้งและแปรรูปอาหารทะเล  2.บ้านเกาะพิทักษ์โฮมสเตย์ จ.ชุมพร สามารถทำกิจกรรมประมง แปรรูปอาหารทะเลและการทำผ้ามัดย้อม 3.ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ล่องแพ แลหวัน หาดยาย จ.ชุมพร สนุกกับการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย

 

4.วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวสวนบายใจนิ๊ ฟาร์มชุมชนยายบี จ.ปัตตานี ปั่นเรือถีบในบึงชมสวนมะพร้าว เล่นสวนน้ำแสนสนุก 5.วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงผึ้งชันโรงบ้านเกาะแลหนังฟาร์ม จ.สงขลา ล่องเรือชมอุโมงค์โกงกาง เรียนรู้การงมหอยนางรมชิมผักสดปลอดสารพิษ

 

“ภาคเหนือ” มีไฮไลต์ 6 ได้แก่ 1.ออนใต้ฟาร์ม จ.เชียงใหม่ ศูนย์รวมสินค้าเกษตรสามารถนั่งรถชมธรรมชาติเก็บผักอินทรีย์ พร้อมร้านอาหาร โฮมสเตย์และพื้นที่กางเต้นท์ 2.สวนส้มยอดดอย จ.เชียงใหม่ นักท่องเที่ยวนิยมไปเช็คอินถ่ายภาพ และเก็บผลส้มสดได้เองจากสวน 3.อุ้มฮุ่มโฮมสเตย์และสวนป่าเกษตรอินทรีย์ จ.เชียงใหม่ สถานที่เรียนรู้ธรรมชาติบำบัด กิจกรรมเกษตรและเลือกซื้อของที่ระลึกผลิตภัณฑ์อินทรีย์

 

4.วิสาหกิจชุมชนสวนผักเขียวบ้านแพมบก จ.แม่ฮ่องสอน อุดหนุนผักปลอดสารพิษและสินค้าเกษตรแปรรูป ศิลปะบนนาข้าว 5.เกี้ยวตะวัน ธัญฟาร์ม จ.เชียงราย ชมเอกลักษณ์ท้องถิ่น ทานอาหารพื้นบ้านและผลิตภันณฑ์จากข้าว และ 6.วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลนางแล จ.เชียงราย เรียนรู้การแปรรูปสับปะรดและกิจกรรมนวดล้านนา

 

“ภาคกลาง” ไฮไลต์ 4 แห่ง ได้แก่ 1.ปิ่นฟ้าฟาร์ม จ.ปทุมธานี ชมผลไม้สดจากสวน ปั่นจักรยานน้ำให้อาหารปลา ให้อาหารแพะพร้อมบริการอาหารเครื่องดื่ม 2.วิสาหกิจชุมชนไร่ทรัพย์ประยูร จ.ลพบุรี ชมสวนเฟิร์น เรียนรู้การทำก้อนเห็ด และซื้อสินค้าจากผึ้ง 3.บ้านเตาไทยเดิม จ.สมุทรสงคราม อุดหนุนผลิตภัณฑ์หลากหลายจากน้ำตาลมะพร้าวแท้ 4.วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพเกลือทะเลกังหันทอง จ.เพชรบุรี สัมผัสสปาเกลือ อุดหนุนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากชุมชน

 

“ภาคอีสาน” ไฮไลต์ 2 แห่ง ได้แก่ 1.วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์เพชรจินดา จ.กาฬสินธุ์ แหล่งเรียนรู้ทำเกษตรอินทรีย์ มีบริการบ้านพักและพื้นที่กางเต้นท์พักแรมได้  2.วิสาหกิจชุมชนทะเลบัวแดง กุมภวาปี อุดรธานี ชมบัวแดงและนกหลากสายพันธุ์

 

“ภาคตะวันออก” ไฮไลต์ 1 แห่ง ได้แก่ 1.สวนสุภัทราแลนด์ จ.ระยอง นั่งรถไฟชมสวนและสัมผัสสกายวอร์คชมวิว นั่งรถรางนำเที่ยว เรียนรู้การรักษาโรค ด้วยสมุนไพรและแพทย์แผนไทย ทานบุฟเฟต์ผลไม้ เลือกซื้อสินค้าเกษตรและน้ำผึ้ง

 

หรือจะเลือกท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ของหน่วยงานกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดช่วงเทศกาล ระหว่าง 28 ธันวาคม 2567 – 1 มกราคม 2568 อีก 10 แห่ง ได้แก่

 

1.ศูนย์ขยายพันธุ์พืช ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ตรัง สุพรรณบุรี และอุดรธานี พร้อมให้บริการความรู้เกษตร สนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืช ซึ่งมีจุดถ่ายภาพเช็คอินธรรมชาติสวย ๆ รวมอยู่ด้วย

 

2.ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (เกษตรที่สูง) ใน 5 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี แม่ฮ่องสอน และเชียงราย (ดอยผาหม่น) เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้และชมบรรยากาศของแต่ละท้องถิ่น

 

สุขภาพ –6วิธีแก้คันคอทำง่ายและได้ผลอย่างเหลือเชื่อลองทำเลย

 

วิธีแก้คันคอที่ทำง่ายและได้ผล สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง มีดังนี้

 

1.กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ  เป็นวิธีแก้คันคอที่มีประสิทธิภาพ โดยผสมเกลือ ½ ช้อนชากับน้ำอุ่น 240 มิลลิลิตร กลั้วให้ทั่วปากประมาณ 10 วินาที แล้วบ้วนทิ้ง กลั้วคอวันละ 2–3 ครั้ง อาจจะช่วยลดอาการอักเสบ บรรเทาอาการคันคอ เจ็บคอ และช่วยลดกำจัดเสมหะในคอ

 

2.จิบชาอุ่น ๆ คนที่มีอาการคันคอ ควรดื่มชาสมุนไพรอุ่น ๆ  เช่น ชาขิง และชาเปปเปอร์มิ้นต์ โดยอาจผสมมะนาวและน้ำผึ้งลงไป 1–2 ช้อนชา ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันอาการขาดน้ำ ยังเป็นวิธีแก้คันคอที่ดี โดยชาสมุนไพรมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและการติดเชื้อ ส่วนน้ำผึ้งจะช่วยเคลือบเยื่อบุผิวบริเวณลำคอ ซึ่งจะช่วยให้ชุ่มคอ ลดอาการเจ็บและคันคอได้

 

3.ป้องกันอาการภูมิแพ้  วิธีแก้คันคอที่เหมาะสมคือการป้องกันตัวเองจากการได้รับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ทำความสะอาดบ้านและเครื่องนอนเป็นประจำ หรือใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้าน เพื่อไม่ให้เป็นที่สะสมของฝุ่น ละอองจากเกสรดอกไม้ และมลพิษทางอากาศ และไม่สูบบุหรี่หรืออยู่ใกล้คนที่สูบบุหรี่ เพราะควันบุหรี่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการคันคอมากขึ้น

 

4. ใช้สเปรย์หรือยาอมแก้เจ็บคอ อีกวิธีหนึ่งที่เหมาะสำหรับคนที่มีอาการไอ เจ็บคอ และเสียงแหบร่วมด้วย คือการใช้สเปรย์พ่นคอหรือยาอมแก้เจ็บคอให้ตัวยาค่อย ๆ ละลายในปาก โดยหลายผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของเมนทอล (Menthol) และเบนโซเคน (Benzocaine) ซึ่งช่วยบรรเทาอาการระคายคอ เจ็บคอ และคันคอได้

 

5.ปรับพฤติกรรมการกิน วิธีแก้อาการคันคอจากโรคกรดไหลย้อนคือ ปรับพฤติกรรมการกิน โดยหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีรสเปรี้ยวและเผ็ดจัด อาหารที่มีไขมันมาก ชาและกาแฟที่มีคาเฟอีน รวมทั้งไม่กินอาหารมื้อใหญ่แล้วเข้านอนทันที เพื่อป้องกันอาการกรดไหลย้อนที่อาจทำให้เกิดอาการไอและคันคอ

 

6. รับประทานยา เป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการคันคอจากโรคต่าง ๆ เช่น ภูมิแพ้ และกรดไหลย้อนได้ดี โดยยาที่ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ คือยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine) หรือที่เรียกกันว่ายาแก้แพ้ ส่วนการใช้ยาลดกรด จะช่วยบรรเทาอาการจากโรคกรดไหลย้อนได้ 

 

หากวิธีแก้คันคอเหล่านี้ไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาที่เหมาะสมต่อไป โดยเฉพาะคนที่มีอาการคันคอต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์ หายใจลำบาก เวียนหัว มีไข้ กลืนลำบาก ไอมีเสมหะสีเขียวหรือเหลือง หรือมีเลือดปน น้ำหนักลดลง และมีผื่นขึ้นตามตัว

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –AWC-โฮเทลโอกุระทุ่ม7,600ล้านเปิดใหม่Q1/68“เชียงใหม่-สุขุมวิท”

 

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) “AWC” เปิดเผยว่า นำ AWC ร่วมกับ บริษัท โฮเทล โอกุระ จำกัด :Hotel Okura Co., Ltd. พัฒนาโรงแรมใหม่ในไทยมูลค่าการลงทุนกว่า 7,600 ล้านบาท จำนวนห้องพักรวมกว่า 400 ห้อง ใน 2 โรงแรม คือ โรงแรมแรก “โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่” เป็นแห่งแรกในภาคเหนือที่ใช้แบรนด์โอกุระนำเสนอประสบการณ์ “เรียวกังสุดหรู” นอกประเทศญี่ปุ่นแห่งแรกของโลก โรงแรมที่ 2  ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และสปา ใจกลางย่านทองหล่อ ชูจุดขายบริการสุขภาพองค์รวม พร้อมองค์ประกอบสไตล์ญี่ปุ่นในบรรยากาศลอยฟ้า ทั้ง 2 โรงแรมสะท้อนการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความสง่างามแบบญี่ปุ่นกับมรดกทางวัฒนธรรมไทย ด้วยนิยามใหม่การบริการระดับลักชัวรีและสุขภาพในเมืองไทย

 

@AWC/ไทย-โฮเทลโอกุระ/ญี่ปุ่นทุ่ม7.6พันล้านเปิด2รร.ใหม่ปี’71

 

AWC และโฮเทล โอกุระ ตั้งเป้ารุกเปิด 2 โรงแรมใหม่ รวมกว่า 400 ห้อง ตั้งเป้าเจาะเทรนด์ผู้ใช้บริการ กลุ่มหลักคือ “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” เข้ามาเมืองไทยเพิ่มขึ้น โดยจะผสานจุดแข็งอันโดดเด่นของสองฝ่ายสร้างคุณค่าร่วมกันในฐานะผู้นำบริการลักชัวรี พร้อมมอบประสบการณ์เหนือระดับผสมผสานบริการอันเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจในแบบญี่ปุ่นเข้ากับความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของไทยต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกนำเงินเข้ามาใช้จ่ายในเมืองไทย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเติบโตและสนับสนุนไทยก้าวสู่จุดหมายปลายทางระดับโลก

 

“โรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่” กำหนดเปิดให้บริการไตรมาส 1 ปี 2571 ชูสร้างนิยามใหม่ทางการท่องเที่ยวลักชัวรีและยั่งยืนในประเทศ ผสมผสานมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมอันงดงามของเชียงใหม่ ด้วยกลิ่นอายการออกแบบและบริการต้นตำรับญี่ปุ่น เชื่อมต่อกับโครงการไลฟ์สไตล์เดสทิเนชั่นของ AWC อย่าง ลานนาทีค เดสทิเนชั่น”

 

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และสปา” ย่านทองหล่อ กำหนดเปิดให้บริการปี 2571 ด้วยห้องพักกว่า 200 ห้อง ออกแบบร่วมสมัยโดยนำธรรมชาติมาประยุกต์ส่งเสริมสุขภาวะที่ดีควบคู่กับสุนทรียะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน ดีไซน์ประหยัดพลังงาน ลดความร้อนจากภายนอกอาคาร และติดตั้งระบบจัดการน้ำด้วย ซึ่งจะพัฒนาเป็นโอเอซิสการพักผ่อนใจกลางเมือง ด้วยบริการด้านสุขภาพองค์รวมและการเข้าพักแบบระยะยาว นำเสนอประสบการณ์ดูแลสุขภาพสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยรีสอร์ทในเมืองที่มีกลิ่นอายแบบบญี่ปุ่น

 

@ปักธงโอกุระแห่งแรกที่ภาคเหนือชูขายวัฒนธรรมญี่ปุ่น-ล้านนา

 

มร. โทชิฮิโระ โอกิตะ ประธานและกรรมการผู้แทน บริษัท โฮเทล โอกุระ จำกัด กล่าวว่า ยินดีที่ได้ร่วมกับ AWC พัฒนาโรงแรมใหม่ในไทยสานต่อความสำเร็จจาก โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกที่นำแบรนด์โอกุระปักธงในภาคเหนือเชียงใหม่ด้วยความมุ่งมั่นมอบบริการที่พักระดับโลก ผสานวัฒนธรรมญี่ปุ่นอันสง่างามเข้ากับเสน่ห์ท้องถิ่น ด้วยเครือข่ายโรงแรมลักชัวรีที่อยู่ทั่วโลก จึงสามารถนำความงดงามและความละเอียดอ่อนวัฒนธรรมญี่ปุ่นทำให้เข้ากับความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งานได้ลงตัว และเชื่อมั่นจะเพิ่มความพิเศษให้คนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้

 

โรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่ ตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ รายล้อมด้วยตลาดและศูนย์การค้า อาหารท้องถิ่น สีสันยามค่ำคืน มีห้องพัก 200 ห้อง ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับวัฒนธรรมล้านนาร่วมสมัย พร้อมห้องพักแบบเรียวกังมีเสื่อทาทามิ ชุดยูกาตะ ออนเซ็นส่วนตัว และห้องอาหารญี่ปุ่น-ล้านนาอันเป็นเอกลักษณ์ เลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นใช้เทคนิคทำอาหารแบบญี่ปุ่น เสิร์ฟเมนูชั้นเลิศแบบโอมากาเสะและล้านนาไคเซกิ พร้อมห้องอาหารแบบ All Day Dining คาเฟ่และห้องอาหาร เลานจ์ รูฟท็อปบาร์ สระว่ายน้ำ

 

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และ สปา จัดพิเศษห้อง ออนเซน สวีทแบบต้นตำรับ และสัมผัสเสน่ห์เหนือกาลเวลาห้องพักสไตล์เรียวกังอันเป็นเอกลักษณ์ หรือเลือกพักห้องแบบตะวันตกที่สะดวกสบาย มาพร้อมโปรแกรมสุขภาพเฉพาะบุคคลที่ผสมผสานศาสตร์การดูแลสุขภาพแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับเทรนด์สุขภาพสมัยใหม่ออกแบบพิเศษโดยนักโภชนาการมืออาชีพ พร้อมดูแลสุขภาพด้วยวารีบำบัด (Hydrotherapy) การเจริญสติ (Mindfulness) คืนพลังทั้งกายและใจ

 

 ข่าวที่สอง –รร.สเตย์บริดจ์สวีทสุขุมวิทลด20%สมัครIHGสิทธิฟรีเพียบ

 

โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท ห้องสตูดิโอ  รายงานว่า จัดแพกเกจต้อนรับการวันหยุดส่งท้ายปี2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 พร้อมมอบส่วนลด 20 % เมื่อจองห้องพักตรงกับโรงแรม ราคาเริ่มต้นเพียง 2,799++ บาท/ห้อง/คืน รวมอาหารเช้า พร้อมทั้งแนะนำให้สมัครสมาชิก IHG One Rewards จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มอีกหลากหลายอย่าง สมัครฟรีทางเว็บไซต์ www.ihg.com/onerewards/ เพื่อรับทันที ได้แก่

 

@สมัคร IHG One Rewads รับสิทธิ์คุ้มราคาที่พัก/แลกรางวัล

  • สะสมคะแนนไว้แลกห้องพักฟรี : รับคะแนนทุกครั้งที่เข้าพักและแลกรางวัลการเข้าพักฟรีได้ที่โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท และโรงแรมในเครือ IHG ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
  • เข้าถึงราคาและข้อเสนอพิเศษของสมาชิก : ซึ่งจะได้รับรับส่วนลดและข้อเสนอพิเศษที่มีให้เฉพาะสมาชิก IHG One Rewards เท่านั้น
  • ไม่จำกัดวันที่เข้าพักเพื่อเป็นรางวัลพักฟรี : เปิดให้สมาชิกแลกรางวัลการเข้าพักฟรีได้ตลอด ไม่จำกัดวันที่เข้าพัก
  • เช็คเอาท์หลังเวลาที่กำหนด (ขึ้นอยู่กับห้องว่าง) : ยืดหยุ่นเวลาขอเช็คเอาท์หลังเวลาที่กำหนดได้อย่างผ่อนคลายมากกว่าลูกค้าปกติทั่วไป
  • ฟรี Wi-Fi : เชื่อมต่อตลอดเวลาด้วย Wi-Fi ฟรีตลอดการเข้าพัก

 

@รร.เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง-ฟรีมื้อเช้า/ออนเซ็น/ห้องทำงาน

สำหรับ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท เป็นโรงแรมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงหรือ Pet friendly ตั้งอยู่ใจกลางซอยสุขุมวิท 24 ภายในโรงแรมีบริการ หลัก ๆ ดังนี้

ห้องพัก” กว้างขวางพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ และมีมุมครัวขนาดเล็ก เครื่องซักผ้าและอบผ้า พื้นที่ทำงาน พื้นที่นั่งเล่นสะดวกสบาย ”เหมือนอยู่บ้าน” 

“อาหารเช้า” มีให้เลือกรับประทานฟรีได้อย่างหลากหลายในห้องอาหารมาตรฐานสากล ราคารวมอยู่ในแพกเกจเรียบร้อยแล้ว

“ห้องออนเซน-ซาวน่า” ใช้บริการฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม รวมถึงสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ฟิตเนส ห้องกอล์ฟจำลอง

“ห้องThe Den พื้นที่ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการฟรีชาและกาแตลอดทั้งวัน มีบริการ Wi-Fi ความเร็วสูงเพื่อให้คุณไม่พลาดในการติดต่อสื่อสารกับผู้คนได้ตลอดเวลาตามที่ต้องการ

The Social Night” เปิดให้เข้าร่วมกิจกรรมฟรี ทุกวัน จันทร์ อังคาร และพุธ จัดทำเป็นชั่วโมงการพบปะที่ให้ผู้เข้าพักได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ๆ เพลิดเพลินไปกับอาหารทานเล่นและเครื่องดื่มได้ตลอดหนึ่งชั่วโมง

สำหรับที่ตั้งของโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท อยู่ในบริเวณรถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกกับแหล่งช้อปปิ้งดังยอดนิยมของคนไทยและต่างชาติ เช่น โครงการ “ดิ เอ็ม ดิสทริค” ศูนย์รวมห้างสรรพสินค้าชื่อดังขนาดใหญ่ทั้ง เอ็มควอเทียร์ เอ็มโพเรียม และเอ็มสเฟียร์ แล้วยังอยู่ใกล้สถานที่สำคัญอย่าง โรงพยาบาลสมิติเวช สถานทูตต่าง ๆ ด้วย

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

ททท.เปิดAmazing Thailand Roman Monthปี68ปลุกตลาดไกล10.6ล้านคน

  ททท.นำร่องเปิด Amazing Thailand Roman Month ปี68ตั้งเป้าปลุกตลาดไกล 10.6 ล้านคน ททท.เปิด Roman Month ปลุกตลาดไกลเข้าเป้า 10.6 ล้านคน งัด...