วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาท่องเที่ยววอนนายกฯอิ๊งค์ตั้งทีมไทยแลนด์เปิดคลินิกดันท่องเที่ยวโตปี68


ชำนาญ ศรีสวัสดิ์
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ประธานสภาท่องเที่ยววชี้สัญญาณธุรกิจไทยปี68รายได้วูบ

วอน“นายกฯอิ๊ง”ตั้งทีมไทยแลนด์หนุนเปิดคลินิกท่องเที่ยว

เลือกตั้งผู้นำสภาฯคนใหม่มีงบSMEรอให้ใช้กว่า 300 ล้าน

เปิดวาร์ป“น้องหมีเนย”ฉลองเคาท์ดาวน์คิงเพาเวอร์รางน้ำ

คิงเพาเวอร์ชวนช้อปบิวตี้คุ้มสุดสมัครสมาชิกรับคุ้มยิ่งกว่า

มีงบ 5 พันบาทช้อปได้เยอะเลยที่คิงเพาเวอร์ 4 สนามบิน

ททท.-แกร็บไทยผนึกแร็ฟรถโฆษณาเที่ยวไทยนำร่องภูเก็ต

บางจากเปลี่ยนแบรนด์เอสโซ่ครบแล้วลุยโปรโมท2,200ปั๊ม

เที่ยวงานเคาท์ดาวน์เทศกาลฉลองความสุขทั่วไทย 9 พิกัด

กินไข่ขาวมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่างบางคนอาจไม่รู้

สุริยะสั่งAOTรับปีใหม่มอบของขวัญจอดรถฟรี4สนามบิน

TCEBหวังชวน50ชาติร่วมพืชสวนโลกอุดรปี69-โคราชปี72

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก #TCEB 

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://www.facebook.com/share/v/15PfXn6n4p/

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สอท.) ผ่า 3 ประเด็นฮ็อตส่งท้ายปี 1.ต่างชาติเที่ยวไทยปี67 เข้าเป้า 39 ล้านคน ปี’68 เตรียมรับมือ “รายได้ลดชัวร์” เศรษฐกิจทั่วโลกยังวิกฤตต่อเนื่อง 2.วอนรัฐบาลอิ๊งค์ นั่งประธานคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ ตั้ง “คลินิกท่องเที่ยว-ไทยแลนด์ทีม” แก้ 3 ปัญหา “รายได้เที่ยวไทยโตแบบ K-Shape/นักท่องเที่ยวกระจุกตัวในเมืองหลัก/ธุรกิจรายเล็กต้องเข้าถึงแหล่งเงิน 3.เส้นทางชิงเก้าอี้ประธานสภาท่องเที่ยวคนใหม่ 4 ทหารเสือลงสนามแข่งใครชนะรวมทีมทำงาน มีเงิน “กระทรวงดิจิทัล” รอให้นำไปช่วย SMEs แล้ว 2 ก้อน ก้อนแรก เงินสนับสนุนท่องเที่ยวรายย่อย 10ล้านบาท ก้อนสอง เงินช่วยพัฒนาดิจิทัลและการตลาด 300 ล้านบาท

 

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ส่งท้ายปีมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาไทย มกราคม-19 ธันวาคม 2567 รวมแล้ว 33.95 ล้านคน มีจำนวนนักท่องเที่ยวเรียงตามลำดับ 1-5 ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน 6.5 ล้านคน มาเลเซีย 4.7 ล้านคน อินเดีย 2 ล้านคน เกาหลี 1.7 ล้านคน รัสเซีย 1.6 ล้านคน สามารถแบ่งตามตลาด ได้ดังนี้

 ตลาด “ระยะไกล/Longhaul” อันดับ 1 รัสเซีย 1.6 ล้านคน อันดับ 2 อเมริกา 9.7 แสนคน อันดับ 3 อังกฤษ 9 แสนคน อันดับ 4 เยอรมัน 8.2 แสนคน อันดับ 5 ฝรั่งเศส 6.8 แสนคน

ตลาด “ระยะใกล้/Shorthaul” อันดับ 1 สาธารณรัฐประชาชนจีน 6.5 ล้านคน อันดับ 2 มาเลเซีย 4.7 ล้านคน อันดับ 3 อินเดีย 2 ล้านคน อันดับ 4 เกาหลีใต้ 1.7 ล้านคน อันดับ 5 สปป.ลาว 1 ล้านคน

ส่งสัญญาณชัดเจนที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาเที่ยวเมืองไทยได้ตามเป้าหมายของรัฐบาลตั้งไว้ 39.5 ล้านคน

ปี 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศตั้งเป้าให้ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันกระตุ้นต่างชาติเที่ยวเมืองไทยให้ได้ 38-40 ล้านคน โดยใช้จุดแข็ง การสร้างชื่อเสียงนำประเทศไทยติดจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวติดอันดับต้น ๆ ของโลก ผนวกกับมีสินค้าหลากหลายในหมวดซอฟท์ พาวเวอร์ 5 Must Do in Thailand ทั้งเรื่องอาหาร ดนตรี ศิลปะ และอื่น 

แนวโน้มปี 2568 ตลาดการท่องเที่ยวต่างประเทศสามารถจะทำเป้าหมายเรื่อง “ปริมาณหรือจำนวนคน” ได้ แต่ “รายได้” การท่องเที่ยวจะลดลง เนื่องจากหลายประเทศเจอวิกฤตรุนแรงเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่เมืองท่องเที่ยวหลักของไทยยังคงต้องเดินหน้าสร้างชื่อเสียงให้ติด 1 ในโลก อย่าง กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เชียงใหม่ ดังนั้นจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ดังนี้

1. รายได้การท่องเที่ยวจะเติบโตแบบ K-Shape ต้องร่วมมือกันหากลยุทธ์เพิ่มทั้งวันพักเฉลี่ย และการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวแต่ละคนสูงมากขึ้น

2. นักท่องเที่ยวจะยังคงกระจุกตัวอยู่ตามเมืองหลัก จะต้องหาวิธีเข้ามาช่วยกระจายนักท่องเที่ยวเลือกเดินทางไปใช้เงินพักผ่อนตามเมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัด  พร้อมกับเร่งการซ่อมสร้างพัฒนาทั้งบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ควบคู่กับแหล่งท่องเที่ยว

3.ธุรกิจขนาดใหญ่อย่างโรงแรมแบรนด์ต่าง ๆ ประมาณ 50 % ของประเทศ จะเติบโตไปได้สวย ยกเว้นธุรกิจขนาดเล็กอาจจะต้องเผชิญปัญหาเข้าไม่ถึงแหล่งเงินลงทุน ต้องหาช่องทางเปิดโอกาสให้กลุ่มขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งเงินโดยเร็วและมากที่สุด

 


เทรนด์ปี 2568 จะต้องนำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมุ่งสู่ Smart Greenwell พัฒนาคนควบคู่กับดิจิทัล นำเสนอสินค้ามาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Wellness Tourism และการขับเคลื่อนธุรกิจของผู้ประกอบการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวต้องมุ่งสู่ “Green-ธุรกิจสีเขียวที่ยั่งยืนเท่านั้น” เพราะหากไม่ปรับตัวตอนนี้จะตกขบวนอย่างแน่นอน

แนวทางการปลดล็อกปัญหาการร่วมมือกันโดยใช้ แนวทางและเครื่องมือเข้ามาแก้ไขและยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโต

เครื่องมือที่ 1 “จัดตั้งคลินิกการท่องเที่ยว หรือ Tourism Clinic  ออกไปช่วยพัฒนาคนและโครงสร้างพื้นฐานตามเมืองน่าเที่ยวทั้ง 55 จังหวัด สร้างโอกาสใหม่ให้การท่องเที่ยวเติบโตไปพร้อม ๆ กัน ผมมั่นใจว่ารัฐบาลทำได้โดยทำเวิร์คช้อปร่วมกับเอกชนท่องเที่ยว

เครื่องมือที่ 2 จัดตั้ง Thailand Team โดยรัฐบาลประกาศเป็นเจ้าภาพแล้วระดมบริษัทนำเที่ยวเข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อดึง “ตลาดต่างประเทศเข้าเมืองไทย” พร้อมกับใช้จ่ายเงิน โดยเอกชนมีหน้าที่ขายสนับสนุนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งมีภารกิจหลักเป็นหน่วยงานเปิดตลาดให้แล้ว ตลอดห่วงโซ่การเดินทางหรือ Customer Journey รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในรัฐบาลชุดนี้ทำได้ดีแล้วทุกคน ยุคนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พยายามชี้เป้าชูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนำแต่หันไปเน้น Soft Power กับ Mega Events ซึ่งจะส่งผลบวกมากขึ้น แต่จะต้องมีเครื่องมือนำนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าประเทศ

 


ดังนั้นปี 2568 เอกชนท่องเที่ยวอยากเห็น “นายกรัฐมนตรี” มานั่งเป็นประธาน “คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ” เนื่องจากต้องใช้นโยบายบูรณาการร่วมกันหลายกระทรวง เช่น การลงทุนแหล่งท่องเที่ยว Man Made ผนวกใช้ธรรมชาติเมืองน่าเที่ยว ต้องใช้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Wellness Tourism ต้องใช้กระทรวงสาธารณสุข หรือใช้แรงงานท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ต้องพึ่งพากระทรวงแรงงาน กับนักวิชาการตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยให้นายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะแล้วเคาะก็ทำให้การท่องเที่ยวเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศได้อย่างแน่นอน

เครื่องมือที่ 3 วางกลยุทธ์กระจายนักท่องเที่ยวเมืองหลักไปยังเมืองน่าเที่ยวรอบพื้นที่ อย่าง เชียงใหม่ ไปยังลำพูน ลำปาง หรือภูเก็ตเชื่อมสู่แหล่งท่องเที่ยวอันดามัน 5 จังหวัด

 

นายชำนาญกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายเป็นชั้นตอนตั้งแต่เริ่มจาก IGNITE Thailand ต่อมาเป็น Worldclass Destination มาถึง Tourism Hub กระทั่งปี 2568 ประกาศให้เป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism &Sport Year 2025 แต่จะต้องนำเข้าสู่ภาคปฏิบัติลงมือทำด้วยวิธีจับมือกับภาคเอกชนให้ชัดเจน เช่น ประกาศนโยบายปรับจาก “เมืองรอง” เป็น “เมืองน่าเที่ยว”  แต่ปรับแล้วทำอย่างไรเอกชนยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน ต้องทำในเชิงปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม

 

โดยเฉพาะ “เมืองน่าเที่ยว” 55 จังหวัด โดยจะต้องใส่ 1.เตรียมความพร้อมของบุคลากรให้เข้าใจถึงเป้าหมายที่จะนำประเทศไปสู่เทรนด์โลกคือ Smart Green Well 2.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามแหล่งท่องเที่ยว คัดเลือกอาหารท้องถิ่นที่ได้มาตรฐานสอดคล้องกับ Thailand Soft Power ฉนั้นจะต้องทำโดยมีข้อเสนอดังนี้ 1.ดีไซน์โดยใช้ประโยชน์จากบริษัทนำเที่ยวจากเมืองหลักไปช่วยพัฒนาเมืองน่าเที่ยว หรือหาตลาดไมซ์/MICE ประชุม-สัมมนา โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินจัดประชุม 2.เพิ่มงบประมาณให้ อพท.ไปออกแบบชุมชนเพื่อการขายลงลึกในรายละเอียด 3.เติมเงิน ให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินปล่อยเงินให้ท้องถิ่นไปปรับปรุงโรงแรม ที่พัก สินค้าของที่ระลึก

 

นายชำนาญกล่าวว่า การเตรียมเปิดเลือกตั้ง “ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย” คนใหม่ช่วงต้นปี 2568 ขณะนี้ได้รับความสนใจจากกรรมการชุดปัจจุบันลงสมัครเก้าอี้ประธาน 4 คน ได้แก่ 1.พิชัย 2.วันทรา ชำนาญด้านการท่องเที่ยวเมืองใหญ่อย่างภูเก็ต 3.ธเนศ วรศรัณย์ อยู่กับสภามา 18 ปี 4.นายแพทย์สมชัย เป็นอีกหนึ่งคนคุณภาพตั้งเป้าทำการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพราะฉนั้นจึงไม่ห่วงหากใครได้รับเลือกเป็นประธานก็จะขอให้ผู้สมัครซึ่งมีความสามารถโดดเด่นต่างกันมาเป็นทีมพัฒนาสภาร่วมกัน มั่นใจการเลือกตั้งจะไปได้สวย แล้วผมเองก็ยังสามารถนั่งเป็น “ประธานที่ปรึกษา” ของสภาฯ ได้ต่อไป

ล่าสุดผมได้ไปประชุมกับ “คุณประเสริฐ จันทรรวงทอง” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล (DE) ได้สนับสนุนผ่าน “สถาบันส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว.”

 

ส่วนที่ 1 ตั้งงบประมาณสนับสนุนการท่องเที่ยวของเอกชนไทยกลุ่มขนาดกลางและย่อม SMEs ไว้ช่วยประมาณกว่า 10 ล้านบาท เท่ากับมีงบล่วงหน้ารอประธานสภาคนใหม่เตรียมไว้แล้วสามารถเดินหน้าได้ทันที

 

ส่วนที่ 2 กองทุนประมาณ 300 ล้านบาท สามารถนำมาเติมเต็มให้เอกชน SMEs ท่องเที่ยวที่มีรายได้ปีละไม่เกิน 200 ล้านบาท/ราย เปิดให้เอกชนยื่นขอรับการสนับสนุนนำเงินมาพัฒนาดิจิทัลไลเซชั่น หรือทำการตลาดร่วมด้วย ในวงเงิน 80 %

นายชำนาญกล่าวว่าการเลือกตั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผมยืนยัน “ไม่มีความไม่โปร่งใส” อย่างแน่นอน เพราะตามขั้นตอนจะมีกระบวนการเลือกตั้ง ขั้นที่ 1 จากระดับเขตเข้ามาเป็น “ประธานเขตกับประธานสาขา” ให้ได้ก่อน ทั่วประเทศมี 13 เขต 13 สาขา โดยมีตัวแทนสมาชิกเป็นนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวที่ไม่ใช่กลุ่มรากหญ้า แต่เป็นเจ้าของธุรกิจหลัก 100-1,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีอยู่ 180-200 สมาคม แต่การเลือกตั้งอาจจะมีแหย่กันเล่นบ้าง ในขั้นนี้จะได้ตัวแทนมาทั้งหมด 26 คน  ขั้นที่  2 เลือกผู้ทรงคุณวุฒิ 8 คน รวมแล้ว 34 คน ขั้นที่ 3 ทั้ง 34-36 คน จะทำหน้าที่ “เลือกประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใส ซึ่งไม่ได้ใช้คนเป็นล้านคนมาเลือกประธานคนเดียว

 

สุดท้ายอยากจะฝากถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศ ให้มีกำลังใจพัฒนาธุรกิจ เพราะรัฐบาลนี้สนับสนุนการท่องเที่ยวเต็มที่ แล้วในช่วงฤดูท่องเที่ยวเทศกาลวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขอให้ร่วมมือกันดูแลใส่ใจ บริการอย่าง “ญาติ” ไม่ใช่ “เหยื่อ” แล้วก็ขอให้ทุกคนเดินทางอย่างปลอดภัยช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์เปิดวาร์ป“น้องเนย”ฉลองเคาท์ดาวน์รางน้ำ

คิง เพาเวอร์ จัดเต็มเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปี วันที่ 31 ธันวาคม 2567 เปิดเวทีให้ “น้องเนย” จะมาโชว์อะไรพี่สกาย – พี่นานินะ ด้วยการ “เปิดวาร์ปพิกัด” ฉลองส่งท้ายปีเตรียมพบกับโชว์สุดเซอร์ไพรส์จาก น้องเนย Butterbear และสกาย – นานิฉลองก่อนใคร เริ่มเวลา 19.00 น.

พิเศษ! สมาชิก คิง เพาเวอร์ ชาวไทย ทุกสถานะ และลูกค้าทุกสัญชาติ 

1.สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์เป็นผู้โชคดีจำนวน 35 คน

ถ่ายรูปคู่กับสกาย – นานิ (2:1) พร้อมลายเซ็น 15 คน

รับรูปถ่ายสกาย - นานิ พร้อมลายเซ็นอีกจำนวน 20 คน

2.สามารถลงทะเบียนได้ที่บริเวณ Gate 1 Hallway คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่ 10.00 - 18.00 น. ให้คนละ1 สิทธิ์

พร้อมความพิเศษและกิจกรรมอีกมากมายภายในงาน

เปิดวาร์ป NEON NIGHT BARZAAR อิ่มอร่อยกับสตรีทฟู้ดและ POP UP STORE ร้านดังกว่า 30 ร้าน

เปิดวาร์ปโกคาร์สุดเฟี้ยว ใจกลางรางน้ำ วันนี้31 ธันวาคม 2567

แฟนคลับทุกคนฟังให้ดี เจ้าภาพคิง เพาเวอร์ ชวนมางานวันที่ 31 ธันวาคม นี้สามารถนำกล้องทุกชนิดเข้างานได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำขาตั้งกล้อง และไม้เซลฟี่เข้างาน สามารถนำเข้าได้อีกอย่างป้ายไฟขนาดไม่เกิน A4 มาวาร์ปมาเลยที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำBTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทางออกที่ 2 หรือรับชม Live Streaming บน Facebook King Power Official ก็ได้เหมือนกัน



ข่าวที่ 2 -คิงเพาเวอร์ชวนช้อปบิวตี้คุ้มสุด-สมาชิกรับคุ้มยิ่งกว่า

 

คิง เพาเวอร์ ย้ำมีไฟลต์รอบนี้ “ช้อปบิวตี้” คุ้มสุด ไม่ว่าใครก็ช้อปคุ้ม! ยิ่งสมัครเป็นสมาชิก คิง เพาเวอร์ช้อปได้คุ้มกว่า

 

1.ดีลช้อปน้ำหอมและเครื่องสำอางลูกค้าสัญชาติไทย ลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ สมาชิก คิง เพาเวอร์ สัญชาติไทย ลดเพิ่ม ON-TOP 5% และเมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ ลดเพิ่ม ON-TOP 10%

 

2.ดีลช้อปได้ทุกหมวดหมู่ ช้อปครบ 5,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ รับคืนคูปองส่วนลด 500 บาท เพื่อนำไปใช้ช้อปครั้งต่อไปเมื่อซื้อครบ 1,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ

 

3.สมาชิกใหม่ SCARLET สมัครแล้วเติมเงิน 20,000 บาท รับฟรี! คูปองส่วนลดสูงสุด 25% กับเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ วันนี้- 5 มกราคม 2568 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต

 

 

ข่าวที่ 3-งบ 5 พันบาทช้อปได้เยอะเลยที่คิงเพาเวอร์4สนามบิน

 

คิง เพาเวอร์ ให้เตรียมตัวช้อปก่อนบิน! กับแบรนด์ดังหมวด “สกินแคร์” มีงบ 5,000 บาท ซื้อสินค้าได้หลายอย่าง พร้อมโอบรับดีลพิเศษก่อนหมดปี!! ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานดอนเมือง ลดแรง ส่งท้ายปี! ช้อปบิวตี้ น้ำหอม เครื่องสำอางค์ แบรนด์ดัง สุดแฮปปี้ตั้งแต่วันนี้– 5 ม.ค. 2568 ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต

พบกับส่วนลด 10% สำหรับนักเดินทางและส่วนลดพิเศษเพิ่มสูงสุดอีก 10 % ดังนี้

+ ได้ลดเพิ่ม 10% เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ หรือ

+ ได้ลดเพิ่ม 5% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ

            สาวกสกินแคร์ห้ามพลาด! ดูแลตัวเองต้อนรับปี 2568 แบบยกแก๊ง วันนี้– 5 มกราคม 2568

 

ข่าวที่ 4-ททท.-แกร็บไทยผนึกแร็ฟรถโฆษณาเที่ยวไทยนำร่องในภูเก็ต

 

 

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ร่วมกับ แกร็บ ประเทศไทย ในโอกาสรัฐบาลจะประกาศให้ปี 2568 เป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 หรือปี “แห่งการท่องเที่ยวและมหกรรมกีฬา” ทำให้เกิดการท่องเที่ยวไทยตลอดทั้งปี (All year round) และเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมาสัมผัสความสวยงามของประเทศไทย โดยได้ร่วมมือกับแกร็บผู้นำแพลตฟอร์มให้ “บริการเรียกรถ” ผ่านแอปพลิเคชันและบริการส่งอาหาร เดินหน้าโปรโมทความยั่งยืนและสร้างการรับรู้แคมเปญดังกล่าวผ่านสื่อโฆษณาบนรถยนต์ หรือ Car Wrap ซึ่งให้บริการในจังหวัดภูเก็ต 30 คัน พร้อมกับนำเสนอภาพแหล่งท่องเที่ยว เทศกาลไทย สร้างภาพลักษณ์เชิงบวก ผลักดันเป็นจุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยและต่างชาติ และเป็นเมืองท่องเที่ยวซึ่งสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

 

นอกจาก จะร่วมมือกับ แกร็บ ประเทศไทย นำร่อง Car Wrap แล้ว ททท. ยังร่วมสนับสนุนโครงการ “รถโดยสารไฟฟ้ารอบเมืองเก่าภูเก็ต” บริการตามเส้นทางมังกร (Dragon Line) ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน และบริษัทภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด กับพันธมิตรในจังหวัดภูเก็ต นำร่องโครงการบริหารจัดการลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เน้นในย่านเมืองเก่าภูเก็ตที่มีจราจรและนักท่องเที่ยวหนาแน่น มีรถโดยสารไฟฟ้าฟรีย่านเมืองเก่าภูเก็ตเส้นทางมังกรทุกวัน 11.00-22.00 น.ออกทุก 15 นาทีจอดรับส่ง 16 จุด เช่น ถนนหลวงพ่อ สถานีขนส่งภูเก็ต 1 วัดมงคลนิมิตร

 

ททท. ได้ต่อยอดการสื่อสารสร้างกระแสแคมเปญ Amazing Grand Tourism & Sports Year 2025 ทำสื่อโฆษณาบนรถบัสโดยสารระบบไฟฟ้า (EV Bus Wrap) ตั้งแต่ธันวาคม 2567 – เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ส่งเสริมภาพลักษณ์ภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน (Sustainable Tourism Destination) ภายในปี 2573 จะร่วมกันผลักดันภูเก็ตให้ได้รับการรับรองเป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนจาก Global Sustainable Tourism Council

 

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บ ประเทศไทย ร่วมกับ ททท.ต่อเนื่องมาจนถึงขณะนี้ โดยใช้ศักยภาพความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มให้บริการเรียกรถและส่งอาหารส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะตลาดต่างชาติ ซึ่งมีพฤติกรรมนิยมเดินทางด้วยบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันแกร็บ มีความสะดวกสบาย และเชื่อมั่นมาตรฐานความปลอดภัย จึงพร้อมร่วมแคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำสื่อโฆษณาบนรถยนต์ หนึ่งในช่องทางสร้างการรับรู้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพจะช่วยสื่อสารแคมเปญนี้ได้ ขณะนี้พร้อมร่วมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมการตลาดผ่านอีเวนต์และสื่อต่าง ๆ ของ Grab Ads ผ่านออนไลน์และออฟไลน์ อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อทำให้การท่องเที่ยวของไทยเติบโตทั้งจำนวนและรายได้เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2567 เป็นต้นไป

 

ข่าวที่ 5-บางจากเปลี่ยนแบรนด์เอสโซ่ครบทั่วไทยลุยโปรโมท2,200ปั๊ม

 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ร่วมกับผู้บริหารกลุ่มบางจาก และ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในโอกาสที่บางจากได้เปลี่ยนตราสัญลักษณ์และปรับโฉมสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่เดิมเป็น “บางจาก” ครบสมบูรณ์ทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว ทำให้มีสถานีบริการทั่วประเทศรวมกันมากที่สุดถึง 2,200 แห่ง ด้วยการเปลี่ยน “แบรนด์สถานีบริการเอสโซ่” เดิมเป็นบางจาก ส่งผลดีทำให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านแคมเปญการตลาดแบบบูรณาการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ลูกค้าเข้าถึงพลังงานได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น

 

ขณะนี้บางจากพร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูง ควบคู่กับธุรกิจนอนออยล์ (non-oil) ที่มีความหลากหลาย ตอบสนองผู้บริภาคทุกความต้องการอย่างครบถ้วนภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ 2,200 แห่ง พร้อมส่งมอบ“Greenovative Experience” ประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ผสานนวัตกรรมและความยั่งยืน พร้อมทั้งยังสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว

           

ล่าสุดสถานีได้ใช้สถานที่ของสถานีบริการน้ำมันบางจาก ของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด วัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมัน จังหวัดสมุทรสาคร นำทีมผู้บริหารทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคือ นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บมจ.บางจากฯ ร่วมด้วย นายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC นายวรากร โกศลพิศิษฐ์กุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจการตลาด BSRC นางมัทนา สุตธรรม ผู้รับผิดชอบสูงสุดทางสายการเงินและบัญชี BSRC และนายศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล ผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันบางจาก สาขาห้างหุ้นส่วนจำกัด วัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมัน ถนนพระราม 2 จังหวัดสมุทรสาคร ผนึกกำลังกันทำประชาสัมพันธ์ แนะนำผลิตภัณฑ์ธุรกิจแบบครบวงจร

 

ช่วงที่ 2 ได้เวลาฉลองความสุขกับเทศกาลเคาท์ดาวน์ต้อนรับปีใหม่ ทั่วฟ้าเมืองไทยจัดอลังการในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด เช็คอินชมพลุ ดูไฟสวย ๆ 9 พิกัด แล้วฟัง “กินไข่ขาว” มีประโยชน์มากมาย แล้วฟังข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “สุริยะสั่งAOTมอบของขวัญปีใหม่” จอดรถฟรี4สนามบิน ข่าวที่สอง “TCEB หวังดึง 50ชาติ” ร่วมเปิดพาวิลเลี่ยนพืชสวนโลกอุดร โคราชปี72

 

 

ท่องเที่ยว –เที่ยวเคาท์ดาวน์เทศกาลฉลองความสุขทั่วไทย 9 พิกัด

 

เตรียมเช็คพิกัดเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2568 ชมความอลังการทั่วฟ้าเมืองไทย แลนด์มาร์คในกรุงเทพฯ และตามจังหวัดท่องเที่ยว ไม่ต่ำกว่า 9 พิกัด

 

พิกัดที่ 1 Amazing Thailand Countdown 2025” สวนนาคราภิรมย์ 29-31 ธันวาคม 2567 ดีไซน์สถานที่เฉลิมฉลองค่ำคืนเทศกาลด้วการสร้างรอยยิ้ม “A LAND OF SMILES A PARADISE TO EXPLORE” ภายในงานมีกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ไทยมากมาย เวิร์คช้อปใส่ใจสิ่งแวดล้อม การออกบูธขายอาหารจากร้านเด็ด ร้านดัง และสินค้าจากชุมชนใกล้เคียง

 

ส่งท้ายปีด้วยการแสดงทางวัฒนธรรมไทยและร่วมสมัยประยุกต์ การบรรเลงเพลงจากออร์เคสตร้า River Symphony Orchestra และการขับกล่อมบรรยากาศด้วยบทเพลงจากศิลปินและนักแสดงชื่อดัง ได้แก่ URBOYTJ, ลุลา, Burin, YourMOOD, ETC, INDIGO, The Rube, INSTINCT  โบว์-เมลดา สุศรี และ ลิเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน และ THE TOY เปิดเวทีลอยน้ำบนแม่น้ำเจ้าพระยาสวยงาม แสดงโดรนแปรอักษร

 

ชมไฮไลต์ร่วมนับถอยหลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ชมการแสดงพลุสุดยิ่งใหญ่พร้อมนวัตกรรมแสง เสียง สื่อประสมทันสมัย ความยาวกว่า 7 นาที  แบ่งเป็น 9 องค์ คือ 1. พลุแห่งการท่องเที่ยวไทยแบบยั่งยืน 2.พลุแห่งจินตนาการและความสร้างสรรค์ 3.พลุสวรรค์ของนักท่องเที่ยว 4.พลุการให้เกียรติซึ่งกันและกันในความแตกต่าง 5.พลุแห่งสยามเมืองยิ้ม 6.พลุแห่งความทรงจำอันงดงาม 7. พลุแห่งความสงบสุขและสันติภาพ 8.พลุพร่างพราวรัก และ 9.พลุแห่งความสุขอันไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อส่งมอบความสุขต้อนรับปีใหม่ 2568

 

วันที่ 1 มกราคม 2568 เวลา 06.00-08.00 น.ตรงวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ให้นักท่องเที่ยวได้ทำบุญตักบาตรส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีอันดีงาม เชิญชวนนักท่องทเยวร่วมตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ กว่า 68 รูป

 

งานที่ ททท.สนับสนุนเทศกาลปีใหม่ในกรุงเทพฯ เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวทั่วประเทศ เช่น

 

พิกัดที่ 2 งาน ICONSIAM Amazing Thailand Countdown 2025 ที่ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม 29 - 31 ธันวาคม

 

พิกัดที่  3 งาน Centralworld Bangkok Countdown 2025 วันที่ 31 ธันวาคม นี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

 

พิกัดที่  4 EM DISTRICT WINTER WONDERLAND 2024 : เอ็ม ดิสทริค วินเทอร์ วันเดอร์แลนด์ 2024 วันนี้ – 10 มกราคม  2568 ที่เอ็ม ดิสทริค ที่ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์

 

พิกัดที่  5 LET’S CELEBRATE 2025 วันนี้– 5 มกราคม 2568 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี กรุงเทพมหานคร

 

พิกัดที่ 6 Neon Countdown 2024 วันที่ 30- 31 ธันวาคม 2567 ที่สวนสนุกวันเดอร์เวิลด์ กรุงเทพฯ

 

พิกัดที่ 7 Siam Paragon The Magical Celebration วันที่ 23-31 ธันวาคม นี้ บริเวณ Parc Paragon ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร

 

พิกัดที่ 8 Hua Hin Beach Countdown 2025 วันที่ 31 ธันวาคม นี้ ที่ริมหาดโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ต ประจวบคีรีขันธ์

 

งานเคาน์ดาวน์ในเมืองน่าเที่ยว ภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคอื่น ๆ

 

 

สุขภาพ –กินไข่ขาวมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลายคนอาจยังไม่รู้

 

ไข่ขาวที่เรารับประทานกันอยู่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการที่หลายคนอาจยังไม่รู้มาก่อน ดังนี้

 

1.ช่วยสร้างความแข็งแรงของมวลกล้ามเนื้อ

 

ไข่ขาวเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ เช่น นักกีฬา หรือนักเพาะกาย เพราะไข่ขาวอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง อีกทั้งยังเป็นโปรตีนที่แทบไม่มีไขมัน จึงรับประทานได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับแคลอรี่มากเกินไปด้วย แล้วไข่ขาวยังเป็นอาหารเหมาะสมกับผู้สูงอายุด้วย  เพราะมีโปรตีนสูงสามารถช่วยทดแทนมวลกล้ามเนื้อที่สูญเสียไปจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นได้

 

2.ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก 

 

ในไข่ขาวมีปริมาณโปรตีนมากสามารถช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ช่วยลดความอยากอาหารระหว่างวันหรือลดการกินขนมจุกจิกได้ แล้วยังมีแคลอรี่และไขมันต่ำ จึงถือเป็นเป็นทางเลือกอาหารที่ดีช่วยคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

3. ช่วยลดคอเลสเตอรอล

 

ผู้ที่ต้องการลดหรือควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ ลดน้ำหนัก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ภาวะความดันโลหิตสูง การรับประทานไข่ขาวเป็นทางเลือกที่ดี เพราะไม่มีไขมัน จึงไม่เพิ่มคอเลสเตอรอลในร่างกาย แถมช่วยให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ พืชตระกูลถั่ว และธัญพืชต่าง ๆ ร่วมด้วย เพื่อลดคอเลสเตอรอลได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้รับสารอาหารอย่างสมดุล

 

4. อาจช่วยลดไขมันในอวัยวะภายในต่าง ๆ 

 

การรับประทานไข่ขาวอย่างสม่ำเสมออาจช่วยควบคุมและลดการสะสมของระดับไขมันในอวัยวะภายในได้ ตามข้อมูลจากงานวิจัยบางชิ้นพบว่าผู้ที่รับประทานไข่ขาวเป็นเวลา 12 สัปดาห์ โดยไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงชนิดอื่น จะมีไขมันบริเวณรอบอวัยวะภายในลดลงเมื่อเทียบกับก่อนการรับประทานไข่ขาวหรือเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทาน

 

5. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

 

ไข่ขาวมีโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นหลากหลายชนิด ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญต่อกระบวนการผลิตและควบคุมเซลล์เม็ดเลือดขาวและแอนติบอดี้ เป็นส่วนหนึ่งเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง สามารถเยียวยาอาการอักเสบติดเชื้อ เจ็บป่วย หรือบาดแผลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้

 

6. เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง

 

ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีความเสี่ยงการเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานไข่ขาว เพราะไม่มีคอเลสเตอรอลที่อาจส่งผลกระทบต่อความดันโลหิตในร่างกาย และไม่ทำให้หัวใจทำงานหนัก จึงอาจช่วยป้องกันหรือควบคุมอาการของโรคเกี่ยวกับหัวใจได้

 

7. ช่วยในการบำรุงเส้นผมและผิวหนัง

 

นอกจากการกินไข่ขาวแล้วยังนำมาใช้ประโยชน์ด้านความสวยความงามได้อีกด้วย ด้วยการนำไข่ขาวดิบมาหมักผม เพื่อช่วยให้เส้นผมดูเงางาม ลดการเกิดผมแตกปลายหรือผมร่วง รวมถึงนำมามาส์กหน้าเพื่อช่วยให้ผิวหนังกระชับได้ด้วย 

 

มีวิธีบำรุงเส้นผมด้วยการนำไข่ขาว 2 ฟอง มาผสมกับน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นชโลมลงบนผมที่เปียกหมาดให้ทั่วและหมักทิ้งไว้ 20 นาที เมื่อครบเวลาสามารถสระผมได้ตามปกติ หรือนำมาบำรุงผิวด้วยการนำไข่ขาวดิบมาทาลงบนใบหน้า ทิ้งไว้จนแห้งซึมเข้าสู่ผิวและสามารถล้างหน้าได้ตามปกติ

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –สุริยะสั่งAOTรับปีใหม่มอบของขวัญจอดรถฟรี4สนามบิน

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมมอบนโยบายเชิงรุกให้ประชาชนเดินทางตลอดเทศกาลปีใหม่ 2568 เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกให้ครบทุกมิติทั้งการเดินทางทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยโครงการรณรงค์ “เทศกาลความสุข ทุกที่ทั่วไทย เดินทางสะดวก ปลอดภัย บนโครงข่ายคมนาคม” โดยเฉพาะทางอากาศคาดว่าจะมีผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานไทยที่อยู่ภายใต้การดูแลของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT6 สนามบิน ประมาณ 2.8 ล้านคน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศกว่า 1.8 ล้านคน และภายในประเทศ 1 ล้านคน

 

จึงได้สั่งการให้ AOT เตรียมพร้อมรองรับบริการให้ครบทุกด้าน จัดเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและความช่วยเหลือการบริการต่าง ๆ นำเทคโนโลยีมาใช้เสริมศักยภาพการบริหารจัดการท่าอากาศยาน อำนวยความสะดวกอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เช่น ติดตั้งเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automated Border Control: ABC) มีบริการเครื่อง Auto Channel กับระบบ Biometric ทำให้ทุกคนเดินทางสะดวก รวดเร็ว ง่ายขึ้น

 @คมนาคม-AOTมอบของขวัญผู้โดยสารจอดรถฟรี4สนามบิน

กระทรวงคมนาคม และ AOT จัดเตรียมของขวัญปีใหม่ 2568 มอบให้ผู้เดินทาง นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการทั้ง 4 สนามบิน ได้แก่ 1.เปิดฟรีค่าบริการจอดรถยนต์ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ดอนเมือง (ทดม.) ภูเก็ต (ทภก.) และหาดใหญ่ (ทหญ.) ตามรายละเอียดดังนี้

 

“ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” จอดรถฟรีบริเวณลานจอดรถระยะยาวโซน C ตั้งแต่ 00.01 น.ของวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ถึง 24.00 น.ของวันที่ 1 มกราคม 2568

“ท่าอากาศยานดอนเมือง” จอดรถฟรีบริเวณพื้นที่ลานจอดระหว่างอาคารคลังสินค้า 2 และอาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น ตั้งแต่ 00.01 น.ของวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ถึง  24.00 น.ของวันที่ 1 มกราคม 2568

“ท่าอากาศยานภูเก็ต” จอดรถฟรีบริเวณหน้าอาคารสำนักงาน ทภก. ตั้งแต่ 00.01 น.ของวันที่ 28 ธันวาคม 2567 ถึง 23.59 น.ของวันที่ 1 มกราคม 2568

 

“ท่าอากาศยานหาดใหญ่” จอดรถฟรีบริเวณสนามฟุตบอล ตั้งแต่ 00.01 น. ของวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ถึง  24.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2568

 

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า AOT คาดจะมีผู้โดยสารใช้บริการช่วงวันหยุดปีใหม่ผ่านเข้าออกสนามบิน เริ่ม27 ธันวาคม 2567 - 2 มกราคม 2568 ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย “ปริมาณผู้โดยสาร” รวมทั้งหมดราว 2,756,742 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 11 % แบ่งเป็น “ระหว่างประเทศ”1,780,764 คน เพิ่มขึ้น 19.6 % และ “ภายในประเทศ” 975,978 คน ลดลง 1.9 % และคาดจะมี “ปริมาณเที่ยวบิน” รวมประมาณ 16,768 เที่ยว เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 12.3 % แบ่งเป็น “ระหว่างประเทศ” 9,892 เที่ยว เพิ่มขึ้น 22.9 % และ “ในประเทศ” 6,876 เที่ยว ลดลง 0.2 %

 

 ข่าวที่สอง –TCEBหวังชวน50ชาติร่วมพืชสวนโลกอุดร69-โคราช72

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEBเปิดเผยว่าประเทศไทยมีความคืบหน้าเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกอุดรธานี 2569  วางกลยุทธ์จะใช้เวทีการจัดประชุมคณะกรรมการพืชสวนโลกระหว่างประเทศ AIPH :The International Association of Horticultural Producers ที่จังหวัดเชียงราย เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีสมาชิกสมาคมเข้าร่วมจาก 50 ประเทศ กว่า 80 ราย ทีเส็บจะพยายามสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มนี้ตัดสินใจลงทุนจองเปิดพาวิลเลี่ยนในงานพืชสวนโลกอุดรธานี 2569 และพืชสวนโลกนครราชสีมา 2572

 

แล้วทีเส็บเองก็ยังได้ลงพื้นที่ร่วมกับสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศช่วงต้นเดือนธันวาคม ได้เข้ามาตรวจความพร้อมของทั้งอุดรธานี และนครราชสีมา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 2 จังหวัด อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเสนอข้อมูลกับคณะกรรมการสมาคม AIPH ทั้ง 7 ประเทศ ตรวจเยี่ยมผังพร้อมส่งมอบให้ผู้รับผิดชอบการก่อสร้าง กำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ร่วมกันกับทุกฝ่ายภาครัฐ เอกชน

           

ระหว่างการลงพื้นที่มีโอกาสได้พูดคุยกับตัวแทนเมืองเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีประสบการณ์จัดงานพืชสวนโลกเสร็จไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2567 เสนอที่จะนำ “สวนกุหลาบหรือ Rose Pavillion” มาจัดแสดงพาวิลเลี่ยนในงานพืชสวนโลกที่อุดรธานี และนครราชสีมา ขณะที่กรมวิชาการเกษตรตอนนี้คัดเลือกบริษัทพีอาร์เข้ามารับผิดชอบประชาสัมพันธ์ทั้งในและต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว

 

ผอ.จิรุตถ์กล่าวว่า ขณะนี้ภาครัฐ เอกชน ในพื้นที่ภาคอีสานคือจังหวัดเจ้าภาพหลัก “อุดรธานี” จัดประชุมเตรียมความพร้อมร่วมกับ หนองคาย บึงกาฬ และอีกหลายจังหวัด และจัดประชุมคณะกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดในอีสานตอน นับเป็นความตื่นตัวของทุกภาคส่วน เริ่มทำงานกันอย่างเต็ม เร่งจัดจ้างบริษัทออร์กาไนเซอร์เพื่อเข้ามาเดินหน้า “ขายพื้นที่” สร้างพาวิลเลี่ยน การบริหารจัดการโปรโมทงาน ตามเกณฑ์มาตรฐาน ประเทศเจ้าภาพที่ได้รับเลือกจัดงานพืชสวนโลก Type B จะต้องมีพาวิลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล ไม่ต่ำกว่า 20 พาวิลเลี่ยน ซึ่งได้รับการยืนยันจากกรมวิชาการเกษตรมีคำยืนยันพร้อมเดินทางมาร่วมเปิดงานแล้วไม่ต่ำกว่า 9 พาวิลเลี่ยน

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ททท.เปิดAmazing Thailand Roman Monthปี68ปลุกตลาดไกล10.6ล้านคน

  ททท.นำร่องเปิด Amazing Thailand Roman Month ปี68ตั้งเป้าปลุกตลาดไกล 10.6 ล้านคน ททท.เปิด Roman Month ปลุกตลาดไกลเข้าเป้า 10.6 ล้านคน งัด...