ธเนศ วรศรัณย์
สมัครชิงตำแหน่ง “ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี 2568
“ธเนศ
วรศรัณย์”โชว์ผลงานชิงประธานสภาฯท่องเที่ยวปี’68
ชูนโยบายGOOD“เติบโต-สร้างโอกาส-ยั่งยืน-ขยายอัตลักษณ์”
ฝันไกลรายได้โตก้าวกระโดดพ้นKShape-1จังหวัด1เฟสติวัล
คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัด BEST-SELLING ITEMSส่งท้ายธ.ค.
คิงเพาเวอร์เปิดLandingStoreสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง-ลด50%
ชวนเที่ยวปีใหม่“BESTIVAL”ฮีลกายใจ4สวนใหญ่3-5ม.ค.68
โรงกลั่นบางจากศรีราชาคว้ารวดเดียวมาตรฐานโลก 4 ISO
ปีใหม่ไปเช็คอินเที่ยวแหล่งเกษตรทั่วไทยชมชิมชิล 26 แห่ง
6วิธีแก้คันคอทำง่ายและได้ผลอย่างเหลือเชื่อลองมือทำเลย
AWC-โอกุระทุ่ม7,600ล้านเปิด2รร.Q1/68“เชียงใหม่-สุขุมวิท”
รร.สเตย์บริดจ์สวีทสุขุมวิทลด20%สมัครIHGรับสิทธิฟรีเพียบ
วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #ธเนศวรศรัณย์
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1AZZoGFZop/
ช่วงที่
1 นายธเนศ
วรศรัณย์ ประธานคณะกรรมการท่องเที่ยวคุณภาพสูง
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมัครชิงเก้าอี้ “ประธานสภาท่องเที่ยว” ปี’68
ปูทางสร้างฝัน “ท่องเที่ยวไทยโตได้แบบก้าวกระโดด” ภายใต้นโยบาย “GOOD” 4 เรื่อง
“เติบโต-สร้างโอกาส-ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า-พัฒนาอัตลักษณ์” งัดกุญแจไขทางออก 3 เรื่อง
“วางแผนตลาดอย่างเป็นระบบ-เพิ่มสัดส่วนรายได้ต่อจีดีแบบก้าวกระโดด-สร้างเครือข่ายธุรกิจเชื่อมโยงกันทั้งประเทศ”
นำร่องโมเดล “1
จังหวัด 1 เทศกาล”
ยกมาตรฐาน อัพเกรดบริการในพื้นที่ พัฒนาด้วยคอนเซ็ปต์ “ร่วมคิด-ร่วมทำ-ร่วมแบ่งปัน”
นายธเนศ วรศรัณย์ ประธานคณะกรรมการท่องเที่ยวคุณภาพสูง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในฐานะ 1 ในผู้สมัครชิงตำแหน่ง “ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ในช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมาทำงานกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาแล้ว 18 ปี ทำงานร่วมกับประธานแต่ละคนมาตั้งเริ่มคือ คุณวิจิตร ณ ระนอง เป็นประธาน ปี 2548 ต่อมาคุณกงกฤช หิรัญกิจ ปี 2549 จากนั้นสมัยคุณปิยะมานต์ เตชะไพบูลย์ ปี 2554 ผมก็ได้เข้ามาเป็นรองประธานสภาท่องเที่ยว โดยทำงานเรื่องคลัสเตอร์ท่องเที่ยว เริ่มจากการทำงานร่วมกับ สสว.และ SMEs จากรายได้ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็นเท่าตัวปีละ 2 ล้านล้านบาท เคยมีเสียงหัวเราะเยาะอยู่เหมือนกันแต่ก็ทำได้สมัยคุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร สามารถทำได้ถึงปีละ2.3 ล้านล้านบาท
ตอบโจทย์ได้ชัดเจนว่า
“ฝันที่เป็นไปได้” ในการทำให้การท่องเที่ยวเติบโตสูงกว่าเงินเฟ้อและจีดีพีประเทศ
ผมจึงมีความฝันในการมาลงสมัครชูนโยบาย “GOOD” ประกอบด้วย G :Growth สร้างรายได้ท่องเที่ยวเติบโต O :Opputunity สร้างโอกาสใหม่
ๆ O :Optimization ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า
D :Development พัฒนาอัตลักษณ์เสน่ห์ไทย
โดยจะนำพาให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศมีความเป็นไปได้ในการเติบโตแบบก้าวกระโดด
ด้วยวิธี ต้องมี “แผนยุทธศาสตร์”
เพราะการเพิ่มรายได้ก็จะต้องเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวควบคู่ไปด้วย
โดยมีนักท่องเที่ยวหลายระดับ แต่เมื่อมีปริมาณนักท่องเที่ยวมาก ก็ต้อง
“บริหารจัดการ” ได้
ตัวอย่างฝรั่งเศสแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่าประชากรในประเทศแต่สามารถบริหารจัดการได้
ส่วน “ประเทศไทย” ยังไปไม่ถึงจุดนั้น ยังมีที่ว่างอยู่อีกมาก จึงต้องทำ “ตลาด”
เพื่อให้เกิดการกระจายตัวอย่างเป็นระบบ
ในแต่ละพื้นที่เติบโตปริมาณมากได้แต่ไม่จำเป็นจะต้องมีคนแออัด
ตอนนี้การท่องเที่ยวของไทยมี 2 ขา คือ ขาข้างแรก “ภาครัฐ” คือหน่วยงาน การท่องแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำตลาดได้ดี แต่พอมาถึงขาข้างที่ 2 “ภาคเอกชน” จะเติบโตได้ดีเฉพาะรายใหญ่ ๆ ส่วนรายเล็กไม่โต จึงทำให้เกิดรายได้แบบ K-Shape ภาพที่เห็นตอนนี้คือช่วงฤดูท่องเที่ยวโรงแรมที่พักขนาดใหญ่มียอดจองเข้าพักเต็ม แต่โรงแรมเล็กและจิ๋วไม่มีคนพัก ภาพรวมแบบเผิน ๆ คือ ไม่ใช่ธุรกิจใหญ่หรือเล็กได้ แต่ขึ้นอยู่กับการเลือก “ตลาดคุณภาพ” และ “เทรนด์ที่ทันโลก” หากทุกกลุ่มสามารถขยับตัวเองได้ก็จะทำให้ท่องเที่ยวเมืองไทยมีแต่ขึ้นไม่มีลง สามารถเพิ่มวันพักและค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นต้องโฟกัสเรื่อง “ตลาดกลุ่มคุณภาพ” ให้ได้มากที่สุด
ปัจจุบันทั่วโลกมี
“นักท่องเที่ยวเดินทางต่างประเทศ” (Inbound) รวมเมื่อปี 2566 ประมาณ 1,300 ล้านคน แนวโน้มปี 2568 จะขยับเป็นปีละ
1,600 ล้านคน
ใน “ภูมิภาคเอเชีย” ได้ส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาเพียง 7 % เพราะส่วนใหญ่เที่ยวอยู่ในยุโรป
65 % อเมริกา
17 % ดังนั้นประเทศไทยได้มาปีละ
39-40
ล้านคน ยังถือว่าน้อยมาก ในภูมิภาคนี้ญี่ปุ่นทำได้ค่อนข้างดี
ดังนั้นการ “ฝันเรื่องท่องเที่ยว”
หากจะไปให้ถึงต้องร่วมมือกันทำเรื่องสำคัญ ๆ ให้สำเร็จในเบื้องต้น 3 เรื่อง
คือ
เรื่องที่ 1 วางแผนการตลาดอย่างเป็นระบบ เน้นแบบ “เจาะจง : decision” ต้องเลิกทำการตลาดแบบหว่านเลือกประเทศใดเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ด้วยวิธี “จับคู่” ตลาดนักท่องเที่ยวกับคลัสเตอร์พื้นที่ท่องเที่ยว ควบคู่กับทำเรื่อง “ขีดความสามารถการรองรับนักท่องเที่ยว” ด้วย
เรื่องที่ 2 ปรับสัดส่วนรายได้ท่องเที่ยวต่อจีดีพีประเทศเพิ่มขึ้น ปัจจุบันในไทยทำได้ประมาณ 18 % ของจีดีพี ไม่ได้สูงเท่าไร ภาพรวมของภูมิภาคเอเชีย สัดส่วนรายได้ท่องเที่ยวอินบาวนด์ต่อจีดีพี รวมทุกประเทศเฉลี่ย 11 % ยุโรปเฉลี่ย 33 % อเมริกา 39 % แสดงว่าประเทศไทยเขียนไว้ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะทำให้การท่องเที่ยวทำรายได้ต่อจีดีพีปีละ 40 % มีความเป็นไปได้ แต่ปัญหาตอนนี้ยังทำได้แค่ 18 % ต้องหาสาเหตุว่าเพราะอะไรจึงเติบโตมากกว่านี้ไม่ได้ จะต้อง “เขียนแผนฉบับใหม่” หรือไม่
เพราะส่วนใหญ่มองว่าให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยเติบโตตามธรรมชาติก็เพียงพอแล้ว ทั้งที่สามารถ “เร่งโต” ได้แต่จะต้องมีวิธีคิด “การบริหารจัดการ” โดยเฉพาะ “การเพิ่ม” รายได้ต่อวัน และวันพักเฉลี่ย แล้วธุรกิจรายเล็ก ๆ จะต้องมีส่วนร่วมรับรายได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย โดยมีแนวทางพัฒนาให้แต่ละธุรกิจชัดเจน ตัวอย่าง ผมเคยมีประสบการณ์เข้าไปช่วยปรับแผนร้านอาหารขนาดเล็ก เพิ่มการลงทุน ขยายตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และอื่น ๆ ผลปรากฎว่าทำให้ร้านขนาดเล็กดังกล่าวมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 8 % ร้านขนาดกลางเพิ่ม เท่าตัว ส่วนร้านขนาดใหญ่ไม่ค่อยได้เพิ่มขึ้น
เป็นโมเดลที่พิสูจน์ถึง “ผู้ประกอบการขนาดใหญ่” รู้วิธีปรับตัว แตกต่างจาก “ผู้ประกอบการรายเล็ก” เมื่อมีทีมเข้าไปช่วยปรับบางส่วนก็สามารถเพิ่มรายได้ขยับขึ้นมาได้เยอะมาก
หากยอมเสียทรัพยากรบุคคลและการลงทุนบางส่วน
เพื่อทำ “ฝันของการท่องเที่ยว” ไปให้ได้ เป็นโยบายที่มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน
เรื่องที่ 3 ต้องสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกันในกลุ่มธุรกิจทั่วประเทศ ผมจะนำมาใช้ในสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปัจจุบันมีสมาชิกทั่วประเทศประมาณ 180 สมาคม จะทำอย่างไรทั้งในสาขาอาชีพ กับในส่วนภูมิภาค มาพบปะเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เพราะขณะนี้ยังมีบางกลุ่มอยู่ลำพัง เป็นหน้าที่ของผู้นำสภาท่องเที่ยวต้องเชื่อมเครือข่ายเหล่านี้ให้ได้
สำหรับโครงการที่จะสร้าง “เครือข่ายคนตัวเล็ก” อย่างแรก จะนำธุรกิจขนาดเล็กจากภาคส่วนต่าง ๆ มาทำกิจกรรมรอบนี้จะนำสมาชิกมาทำงานร่วมกันกับกรรมการประมาณ 300 คน วางเป้าหมายแต่ละสาขาแล้วพูดคุยกัน เช่น “ภาคเหนือ” ตั้งเป้านำเสนอการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ก็จะต้องนำสมาชิกสมาคมที่เชี่ยวชาญเฉพาะมาหารือกัน แล้วกำหนดเป็น “โครงการ” ได้แก่ การอบรม แล้วนำผู้นำของแต่ละเรื่องเข้าโครงการ ทำให้เกิดความผูกพัน พร้อมกับลงพื้นที่ทั้ง 5 ภูมิภาค
ขณะนี้ผมเองลงพื้นที่ทุกจังหวัดเพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยกับทุกสมาคมและธุรกิจขนาดเล็ก เนื่องจากปัจจุบันในแต่ละพื้นที่ “เอกชนไม่มียุทธศาสตร์” ของท่องเที่ยวในพื้นที่ อาศัยการพึ่งพายุทธศาสตร์จังหวัด เพราะบางจังหวัดบางปีก็มีบางปีก็ไม่มี เช่น “1 จังหวัด 1 เทศกาล” โดยนำสภาท่องเที่ยวเข้าไปรับประกัน เพราะต้องนำงบประมาณจากส่วนกลางเข้าไปช่วย เพื่อสร้างมาตรฐานและให้ความช่วยเหลือ ทำให้การจัดงานท่องเที่ยวเกิดขึ้นในช่วงเวลาตรงกันทุกปี จึงต้องการให้ “สภาท่องเที่ยว” จากส่วนกลางเข้าไปร่วมดูแลด้วย และมียุทธศาสตร์ด้วย
ด้วยการทำแผนยุทธศาสตร์ “การท่องเที่ยวเฉพาะเจาะจงสาขา” อย่างชัดเจน
เช่น ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และอื่น ๆ เรื่องสำคัญคือ Mindset เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวแล้วจะได้ใช้จ่ายเงินเพิ่มสูงขึ้น
โดยเฉพาะ “การท่องเที่ยวทางน้ำ” ยอร์ช ครุยส์ เพียงแต่สมาคมท่องเที่ยวต่าง ๆ ยังขาดการทำแผนให้ชัดเจน ซึ่งจะต้องทำเป็น
“แผนระดับชาติ” เมื่อสภาท่องเที่ยวเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงจะทำให้เครือข่ายทั้งประเทศมีพลังมากขึ้นอย่างแน่นอน
นายธเนศ กล่าวว่า ปี 2568 รัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประกาศแล้วที่จะขับเคลื่อน “Amazing Thailand Grand Tourism and Sport Year 2025” ซึ่งสำคัญมากที่ภาครัฐลงทุน และทำการตลาดไว้ให้แล้ว “ภาคเอกชน” ก็จะต้องพัฒนา “เทศกาลท่องเที่ยว :Tourism Festival” ให้สอดคล้องกับปีท่องเที่ยวและกีฬา เช่น “ร้านอาหาร” ในแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยว สามารถบอกเล่าเรื่องราวในท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์ บวกกับวิธีการทำงาน ช่วง4-5 ปีที่ผ่านมา ผมทำเรื่องที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน แล้วจากนี้เป็นต้นไป ร้านอาหารสามารถยกเลิกการใช้พลาสติกและวัสดุทำลายสิ่งแวดล้อมลงบ้างได้หรือไม่ เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ผลักดันรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น
หน้าที่เพิ่มรายได้เป็นของเอกชน เพราะ ททท.ไปทำตลาดมาให้แล้ว ดังนั้นการปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจึงเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น ๆ ทำให้เกิดการ “ยกระดับราคา” เพราะทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ทำเพื่อชุมชนมากขึ้น นักท่องเที่ยวนานาชาติก็พร้อมจะจ่ายเงินเพิ่มให้อย่างแน่นอน แต่ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่มีใครเข้าไปแนะนำเท่านั้นเอง
ปี 2568 เอกชนท่องเที่ยวควรร่วมกันทำงาน คิดถึงประโยชน์ที่ได้รับร่วมกัน แทนการคิดว่าโครงการดี ๆ เพราะการท่องเที่ยวความหมายคือ “ความสุข” ทั้งคนในชุมชน นักท่องเที่ยว ตลอดเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยเติบโตได้เพราะสามารถกระจายความสุขให้กันและกัน เพราะหากคิดเป็น “เครื่องจักรสร้างเงินและรายได้” เพียงไม่กี่ปีก็จะสูญเสียตำแหน่งทางการท่องเที่ยวไป ต้องมุ่งสู่การนำท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือ กระจายความสุข กระจายรายได้ สร้างความเท่าเทียมให้คนกับเล็ก ๆ มีช่องทางความสุขในแบบของตัวเอง แล้วจะทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแบ่งปัน กันอย่างแท้จริง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัด BEST-SELLING ITEMSส่งท้ายธ.ค.67
คิง เพาเวอร์ รวม BEST-SELLING ITEMS ตอบโจทย์ความต้องการทุกคนมาไว้ในคอลเลคชั่นสินค้าขายดีประจำเดือนธันวาคม 2567 กดส่องดูก่อนใครได้เลยที่ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์
ไหน ๆ ก็มีไฟลต์บินแล้วไม่อยากตกเทรนด์ช้อปแบรนด์ดังที่ทุกคนชอบช้อป คุ้มเกินคุ้ม! กับสินค้าขายดีที่ทุกคนต่างพูดถึง รีบมาตำกันเลย รีบช้อปด่วนก่อนของจะหมด และรอรับของที่สนามบินทั้งสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ วันนี้- 5 มกราคม 2568
รับออนไลน์สุดพิเศษ Free! รับสิทธิพิเศษต่างๆ จากบริการในกลุ่ม คิง เพาเวอร์ ดังต่อไปนี้
1.เมื่อช้อปครบ 15,000 บาท (สุทธิ) รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ
ตั้งแต่ “บัตรเงินสด” นำไปใช้รับประทานอาหารที่ไทย เทสต์ ฮับ มูลค่า 200 บาท “Other
Cafe” มอบส่วนลด 25% สำหรับเครื่องดื่มที่ดี “โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์”
มีส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่ม สูงสุด 30% และ “Firster” แจกส่วนลดด้วยเช่นกันอีก 500 บาท
2.เมื่อช้อปครบ 20,000 บาท (สุทธิ) รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ตั้งแต่ “บัตรเงินสด” นำไปใช้รับประทานอาหารที่ไทย
เทสต์ ฮับ มูลค่า 200 บาท “Other Cafe” มอบส่วนลด 25% สำหรับเครื่องดื่มที่ดี
“โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์” มีส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่ม สูงสุด 30% และ “Firster” แจกส่วนลดด้วยเช่นกันอีก 500 บาท เพิ่มอีกรายการด้วย เอ็กซ์คลูซีฟ อี-โวเชอร์ อาหารและเครื่องดื่ม
มูลค่า 100 บาท เพื่อเก็บไว้ใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง
และภูเก็ต
ข่าวที่ 2 -คิงเพาเวอร์เปิดLandingStoreสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง-ลด50%
คิง
เพาเวอร์ ชวนเหล่าสาวก “ช็อกโกแลตเลิฟเวอร์” ต้องไม่พลาด KING POWER LANDING STORE มีแต่ไอเทมน่าอีท เอกซ์คลูซิฟเปิดแล้ว KING POWER LANDING STORE แลนดิ้งแล้วต้องช้อป! จุดช้อปใหม่ของนักเดินทางช้อปก่อนกลับ
สินค้าของฝากและเครื่องดื่ม พอเครื่องลงปุ๊บ อย่าหยุดช้อปที่ คิง เพาเวอร์ แลนดิ้ง
สโตร์
สาขาสนามบินสุวรรณภูมิ
อาคารผู้โดยสาร ชั้น 2 ตรงข้ามประตูทางออก
3 และประตูทางออก 10
สาขาสนามบินดอนเมือง
อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ชั้น 1 ประตูทางออก 7
หรือจะช้อป ส่งท้ายปี
KING POWER FESTIVE SALEBRATION เซลสูงสุด ช้อปส่งท้าย เป็นไปได้
ฟินส่งท้ายปีกับสินค้า Duty Free แบรนด์ดังสุดพรี่เมี่ยม
ที่ลดจัดหนักสูงสุด 50% เฉพาะที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์”
เท่านั้น ลดต่อไม่หยุดยั้งกับสินค้าที่คุณรอคอย ของแท้ ราคาปัง
ก่อนบินกดช้อปใส่ตะกร้าแล้วเตรียมรอรับของที่สนามบินขาออกประเทศ
หรือจะเลือกไอเทม
แฟชั่นและแอคเซสซารี่ แว่นตา นาฬิกา กระเป๋าหลากสไตล์ อย่างแบรนด์ BALLY,
MICHAEL KORS, FERRAGAMO , SAMSONITE, FURLA, TUMI, MCM, DANIELWELLINGTON, COACH,
FERRAGAMO และอื่นๆ รีบช้อปสินค้าลงตะกร้าและรับของที่สนามบินได้ทุกทริปที่เดินทาง
ข่าวที่ 3-ชวนเที่ยวปีใหม่“BESTIVAL”ฮีลกายใจ4สวนใหญ่3-5ม.ค.68
กรุงเทพมหานคร
ชวนเที่ยวเทศกาล “กรุงเทพดีต่อใจ รับปีใหม่ 2568 : BANGKOK
BESTIVAL 2025” ปี 3 เติมสุข เริ่มวันศุกร์ที่
3 - วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2568 บริเวณ 4 สวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมือง
ได้แก่ สวนลุมพินี สวนเบญจกิติ
อุทยานเบญจสิริ และสวนปทุมวนานุรักษ์ มุ่งเน้นสร้างรอยยิ้มแห่งความสุขกับสุดสัปดาห์ปีใหม่
ในวันศุกร์แรกของปีให้ชาร์จพลังกาย พลังใจเพื่อก้าวสู่ปีใหม่ ด้วยแรงบันดาลใจที่ดี
และสร้างความสุขที่ยังยืนในทุกมิติ โดยร่วมกับ 3 เครือข่ายใหญ่
ได้แก่
เครือข่ายที่
1 ภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) วันแบงค็อก
เครือข่ายที่
2 พันธมิตรด้านความยั่งยืน นำโดย มูลนิธิรักษ์ไม้ใหญ่
(BIG Trees Foundation)
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ หรือ อพวช. และเครือข่ายภาครัฐ
ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาชน
เครือข่ายที่
3 แพลตฟอร์ม Sustainability Expo (SX) ตอบรับนโยบายสนับสนุนในการสร้างกิจกรรมในสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร
เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของคนเมืองในกรุงเทพมหานคร
และชุมชนข้างเคียง
กิจกรรมตลอด
3 วัน ทั้ง 4 สวนสาธารณะ สวนลุมพินี สวนเบญจกิติ อุทยานเบญจสิริ
และสวนปทุมวนานุรักษ์ ได้แก่ กิจกรรมแรก “สุขใจ
ฮีลใจ” และ “สุขกาย ฮีลกาย” ประกอบด้วย
กิจกรรมที่
1 “สุขใจ
ฮีลใจ” รวม 9 รายการ คือ 1.เจริญสุขอย่างดีงาม
รับเช้าของ “สุขแรกแห่งปี”
ต้อนรับปีใหม่ 2.เสียงธรรมยามเช้า เริ่มต้นปีด้วยใจที่ตื่นรู้ 2.Nature Journey
Workshop 3.Kids Climbing 4.หมากรุกในสวน 5.เพลินใจไปกับกิจกรรมศิลปะ และ การเล่าเรื่อง
6.เพราะทุกสิ่งรอบตัวคือแรงบันดาลใจ.. โดย วันแบงค็อก (One Bangkok) กับ Workshop Nature & Arts in Your Imagination “เมืองกลางใจ ศิลปะกลางเมือง” 7.BETTER
ME: WORKSHOP (กิจกรรมใหม่) 8.ตลาดนัดชุมชน “มีสุข
ฟาร์มมาร์เก็ต” 8.ดนตรีดีต่อใจ 9.SX WASTE MANAGEMENT STATION และ
SX REPARTMENT STORE
กิจกรรมที่
2 “สุขกาย
ฮีลกาย” 3 รายการ คือ 1.Yoga in the Park and Sound Bath 2.BIODIVERSITY SURVEY (กิจกรรมใหม่)
3.Nature Walk เชื่อมโยง 2 สวน 4.BETTER
ME: SX WORKSHOP (กิจกรรมใหม่)
พิเศษ !! ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ภายในงาน สามารถสะสมคะแนนผ่าน SX แอปพลิเคชัน เพื่อแลกของที่ระลึกสุด Eco หลากหลายแบบ
ทางกรุงเทพมหานครเปิดช่องทางให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ 3 ช่องทางหลัก
คือ
-iOS
AppStore : https://apps.apple.com/us/app/sustainability-expo/id1640414525
-Play
Store : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sx2022
-เพจเฟซบุ๊ค
: https://www.facebook.com/bangkokbestival
ข่าวที่
4-โรงกลั่นบางจากศรีราชาคว้ารวดเดียวมาตรฐานโลก 4 ISO
นายอนุวัตร
รุ่งเรืองรัตนากุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจโรงกลั่น บริษัท บางจาก ศรีราชา
จำกัด (มหาชน) “BSRC” เปิดเผยว่า BSRC
นำโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้ใบรับรองมาตรฐาน
ISO ปี 2567 นายจงรักษ์ โรจน์พลาเสถียร
ผู้อำนวยการสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ หรือ MASCI พร้อมกันในครั้งเดียวเมื่อเร็ว
ๆ นี้ ถึง 4 ด้านประกอบด้วย
@BSRCนำโรงกลั่นบางจากศรีราชาปีเดียวคว้ามาตรฐาน
4 ISO
• ISO 14001:
2015 ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
• ISO 45001:
2018 ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
• ISO 50001:
2018 ระบบการจัดการพลังงาน
• ISO/ IEC
27001: 2022 ระบบการจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
นายอนุวัตร
กล่าวว่า “ISO คือ “มาตรฐานสากล” ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ
ซึ่งจะสร้างผลเชิงบวกอย่างมากกับโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา ที่สามารถพัฒนาระบบจนสามารถได้การรับรองมาตรฐาน
ISO พร้อมกันภายในปีเดียวถึง 4 ด้าน
จึงถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และเป็นความภาคภูมิใจของพนักงานทุกคน เพราะเมื่อปลายปี 2566 BSRC
เพิ่งเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทบางจาก โดยใช้เวลาเพียง 1 ปี ก็ดำเนินการขอรับรองมาตรฐาน ISO จนประสบผลสำเร็จทั้ง
4 ด้าน
เป็นข่าวดีส่งท้ายปีในความสำเร็จนี้เป็นการพิสูจน์รากฐานอันแข็งแกร่ง
เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านจากมาตรฐานเดิมของบริษัทน้ำมันระดับโลก
สู่มาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับตอกย้ำการพัฒนาแบบไม่หยุดนิ่งของ BSRC พร้อมนำองค์กรและธุรกิจมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ไปด้วยกัน
@โชว์พลังบุคลากรในองค์กรแข็งแกร่งทั่วโลกให้การยอมรับ
สำหรับพิธีรับมอบประกาศนียบัตร
ISO จัดขึ้นที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา โดยมีสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ
(MASCI) ได้สรุปผลการตรวจประเมินมาตรฐาน ISO ทั้ง 4 ด้าน พร้อมทั้งแสดงความชื่นชมคณะผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และพันธกิจชัดเจนนำไปสู่การปฏิบัติได้มาตรฐานและบรรลุเป้าหมาย
รวมทั้ง
BSRC ยังได้แสวงหาเทคโนโลยีใหม่เพื่อนำมาใช้พัฒนากระบวนการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
และสิ่งสำคัญคือในองค์กรมีบุคลากรศักยภาพสูง กับวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการเรียนรู้
พร้อมการถ่ายทอดองค์ความรู้และสร้างเครือข่ายระหว่างพนักงานผู้มีประสบการณ์และพนักงานรุ่นใหม่
ร่วมือกันผลักดันให้องค์กรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนตามเป้าหมายของบางจากต่อไป
ช่วงที่ 2 เที่ยวปีใหม่ไปตลุยแหล่งเรียนรู้เชิงเกษตรทั่วไทย เปิดให้ชม ชิม ช้อป ชีล
ตลอดเทศกาลวันหยุด วันนี้- 1 ม.ค.2568 แล้วฟัง
“6วิธีแก้คันคอ” ทำง่ายลองได้เลย เกาะติดข่าวฮ็อต ข่าวแรก “AWC-โอกุระ”ลงทุน 7,600 ล้าน เปิด 2 โรงแรมใหม่แบรนด์โอกุระ ที่เชียงใหม่และสุขุมวิท ข่าวที่สอง “โรงแรมสเตรบริดจ์สวีท”
เปิดโปรดีลด 20 % สมัครสมาชิก IHG รับสิทธิเพียบ
ท่องเที่ยว –ปีใหม่ไปเช็คอินเที่ยวแหล่งเกษตรทั่วไทยชมชิมชิล
26 แห่ง
เที่ยวเมืองไทยต้อนรับวันหยุดปีใหม่
แนะนำไปเช็คอินท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรทั่วประเทศ
26 แห่ง
“ภาคใต้” มีไฮไลต์ 5 แห่ง ได้แก่ 1.วิสาหกิจชุมชนกลุ่มการเกษตรพอเพียงการเลี้ยงผึ้งโพรง
หมู่ 3 บ้านคลองกำ
จ.กระบี่ เรียนรู้การเลี้ยงผึ้งและแปรรูปอาหารทะเล 2.บ้านเกาะพิทักษ์โฮมสเตย์
จ.ชุมพร สามารถทำกิจกรรมประมง แปรรูปอาหารทะเลและการทำผ้ามัดย้อม 3.ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ล่องแพ แลหวัน หาดยาย
จ.ชุมพร สนุกกับการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย
4.วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวสวนบายใจนิ๊
ฟาร์มชุมชนยายบี จ.ปัตตานี ปั่นเรือถีบในบึงชมสวนมะพร้าว เล่นสวนน้ำแสนสนุก 5.วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงผึ้งชันโรงบ้านเกาะแลหนังฟาร์ม
จ.สงขลา ล่องเรือชมอุโมงค์โกงกาง เรียนรู้การงมหอยนางรมชิมผักสดปลอดสารพิษ
“ภาคเหนือ” มีไฮไลต์ 6 ได้แก่ 1.ออนใต้ฟาร์ม จ.เชียงใหม่
ศูนย์รวมสินค้าเกษตรสามารถนั่งรถชมธรรมชาติเก็บผักอินทรีย์ พร้อมร้านอาหาร
โฮมสเตย์และพื้นที่กางเต้นท์ 2.สวนส้มยอดดอย
จ.เชียงใหม่ นักท่องเที่ยวนิยมไปเช็คอินถ่ายภาพ และเก็บผลส้มสดได้เองจากสวน 3.อุ้มฮุ่มโฮมสเตย์และสวนป่าเกษตรอินทรีย์
จ.เชียงใหม่ สถานที่เรียนรู้ธรรมชาติบำบัด
กิจกรรมเกษตรและเลือกซื้อของที่ระลึกผลิตภัณฑ์อินทรีย์
4.วิสาหกิจชุมชนสวนผักเขียวบ้านแพมบก จ.แม่ฮ่องสอน
อุดหนุนผักปลอดสารพิษและสินค้าเกษตรแปรรูป ศิลปะบนนาข้าว 5.เกี้ยวตะวัน ธัญฟาร์ม จ.เชียงราย
ชมเอกลักษณ์ท้องถิ่น ทานอาหารพื้นบ้านและผลิตภันณฑ์จากข้าว และ 6.วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลนางแล
จ.เชียงราย เรียนรู้การแปรรูปสับปะรดและกิจกรรมนวดล้านนา
“ภาคกลาง” ไฮไลต์ 4 แห่ง ได้แก่ 1.ปิ่นฟ้าฟาร์ม
จ.ปทุมธานี ชมผลไม้สดจากสวน ปั่นจักรยานน้ำให้อาหารปลา
ให้อาหารแพะพร้อมบริการอาหารเครื่องดื่ม 2.วิสาหกิจชุมชนไร่ทรัพย์ประยูร
จ.ลพบุรี ชมสวนเฟิร์น เรียนรู้การทำก้อนเห็ด และซื้อสินค้าจากผึ้ง 3.บ้านเตาไทยเดิม จ.สมุทรสงคราม
อุดหนุนผลิตภัณฑ์หลากหลายจากน้ำตาลมะพร้าวแท้
4.วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพเกลือทะเลกังหันทอง
จ.เพชรบุรี สัมผัสสปาเกลือ อุดหนุนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากชุมชน
“ภาคอีสาน” ไฮไลต์ 2 แห่ง ได้แก่ 1.วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์เพชรจินดา
จ.กาฬสินธุ์ แหล่งเรียนรู้ทำเกษตรอินทรีย์ มีบริการบ้านพักและพื้นที่กางเต้นท์พักแรมได้
2.วิสาหกิจชุมชนทะเลบัวแดง
กุมภวาปี อุดรธานี ชมบัวแดงและนกหลากสายพันธุ์
“ภาคตะวันออก” ไฮไลต์ 1 แห่ง ได้แก่ 1.สวนสุภัทราแลนด์
จ.ระยอง นั่งรถไฟชมสวนและสัมผัสสกายวอร์คชมวิว นั่งรถรางนำเที่ยว
เรียนรู้การรักษาโรค ด้วยสมุนไพรและแพทย์แผนไทย
ทานบุฟเฟต์ผลไม้ เลือกซื้อสินค้าเกษตรและน้ำผึ้ง
หรือจะเลือกท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ของหน่วยงานกรมส่งเสริมการเกษตร
เปิดช่วงเทศกาล ระหว่าง 28 ธันวาคม 2567 – 1 มกราคม 2568
อีก 10 แห่ง ได้แก่
1.ศูนย์ขยายพันธุ์พืช ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ตรัง สุพรรณบุรี และอุดรธานี
พร้อมให้บริการความรู้เกษตร สนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืช
ซึ่งมีจุดถ่ายภาพเช็คอินธรรมชาติสวย ๆ รวมอยู่ด้วย
2.ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร
และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (เกษตรที่สูง) ใน 5 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี
แม่ฮ่องสอน และเชียงราย (ดอยผาหม่น) เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้และชมบรรยากาศของแต่ละท้องถิ่น
สุขภาพ
–6วิธีแก้คันคอทำง่ายและได้ผลอย่างเหลือเชื่อลองทำเลย
วิธีแก้คันคอที่ทำง่ายและได้ผล สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง มีดังนี้
1.กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ เป็นวิธีแก้คันคอที่มีประสิทธิภาพ โดยผสมเกลือ ½ ช้อนชากับน้ำอุ่น 240 มิลลิลิตร
กลั้วให้ทั่วปากประมาณ 10 วินาที แล้วบ้วนทิ้ง กลั้วคอวันละ 2–3
ครั้ง อาจจะช่วยลดอาการอักเสบ บรรเทาอาการคันคอ เจ็บคอ
และช่วยลดกำจัดเสมหะในคอ
2.จิบชาอุ่น ๆ คนที่มีอาการคันคอ
ควรดื่มชาสมุนไพรอุ่น ๆ เช่น ชาขิง
และชาเปปเปอร์มิ้นต์ โดยอาจผสมมะนาวและน้ำผึ้งลงไป 1–2 ช้อนชา
ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันอาการขาดน้ำ ยังเป็นวิธีแก้คันคอที่ดี
โดยชาสมุนไพรมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและการติดเชื้อ ส่วนน้ำผึ้งจะช่วยเคลือบเยื่อบุผิวบริเวณลำคอ
ซึ่งจะช่วยให้ชุ่มคอ ลดอาการเจ็บและคันคอได้
3.ป้องกันอาการภูมิแพ้ วิธีแก้คันคอที่เหมาะสมคือการป้องกันตัวเองจากการได้รับสารก่อภูมิแพ้
เช่น ทำความสะอาดบ้านและเครื่องนอนเป็นประจำ หรือใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้าน
เพื่อไม่ให้เป็นที่สะสมของฝุ่น ละอองจากเกสรดอกไม้ และมลพิษทางอากาศ และไม่สูบบุหรี่หรืออยู่ใกล้คนที่สูบบุหรี่
เพราะควันบุหรี่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการคันคอมากขึ้น
4. ใช้สเปรย์หรือยาอมแก้เจ็บคอ อีกวิธีหนึ่งที่เหมาะสำหรับคนที่มีอาการไอ เจ็บคอ
และเสียงแหบร่วมด้วย คือการใช้สเปรย์พ่นคอหรือยาอมแก้เจ็บคอให้ตัวยาค่อย ๆ ละลายในปาก โดยหลายผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของเมนทอล (Menthol) และเบนโซเคน (Benzocaine) ซึ่งช่วยบรรเทาอาการระคายคอ เจ็บคอ และคันคอได้
5.ปรับพฤติกรรมการกิน วิธีแก้อาการคันคอจากโรคกรดไหลย้อนคือ
ปรับพฤติกรรมการกิน โดยหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีรสเปรี้ยวและเผ็ดจัด
อาหารที่มีไขมันมาก ชาและกาแฟที่มีคาเฟอีน
รวมทั้งไม่กินอาหารมื้อใหญ่แล้วเข้านอนทันที
เพื่อป้องกันอาการกรดไหลย้อนที่อาจทำให้เกิดอาการไอและคันคอ
6. รับประทานยา เป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการคันคอจากโรคต่าง
ๆ เช่น ภูมิแพ้ และกรดไหลย้อนได้ดี โดยยาที่ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้
คือยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine) หรือที่เรียกกันว่ายาแก้แพ้ ส่วนการใช้ยาลดกรด จะช่วยบรรเทาอาการจากโรคกรดไหลย้อนได้
หากวิธีแก้คันคอเหล่านี้ไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น
ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาที่เหมาะสมต่อไป
โดยเฉพาะคนที่มีอาการคันคอต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์ หายใจลำบาก เวียนหัว มีไข้ กลืนลำบาก ไอมีเสมหะสีเขียวหรือเหลือง หรือมีเลือดปน น้ำหนักลดลง และมีผื่นขึ้นตามตัว
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–AWC-โฮเทลโอกุระทุ่ม7,600ล้านเปิดใหม่Q1/68“เชียงใหม่-สุขุมวิท”
นางวัลลภา
ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์
คอร์ป จํากัด (มหาชน) “AWC” เปิดเผยว่า นำ AWC ร่วมกับ บริษัท โฮเทล โอกุระ จำกัด :Hotel Okura
Co., Ltd. พัฒนาโรงแรมใหม่ในไทยมูลค่าการลงทุนกว่า
7,600 ล้านบาท จำนวนห้องพักรวมกว่า 400 ห้อง ใน 2 โรงแรม
คือ โรงแรมแรก “โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่” เป็นแห่งแรกในภาคเหนือที่ใช้แบรนด์โอกุระนำเสนอประสบการณ์
“เรียวกังสุดหรู” นอกประเทศญี่ปุ่นแห่งแรกของโลก โรงแรมที่ 2 ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท
กรุงเทพ โฮเทล และสปา ใจกลางย่านทองหล่อ ชูจุดขายบริการสุขภาพองค์รวม
พร้อมองค์ประกอบสไตล์ญี่ปุ่นในบรรยากาศลอยฟ้า ทั้ง 2 โรงแรมสะท้อนการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความสง่างามแบบญี่ปุ่นกับมรดกทางวัฒนธรรมไทย
ด้วยนิยามใหม่การบริการระดับลักชัวรีและสุขภาพในเมืองไทย
@AWC/ไทย-โฮเทลโอกุระ/ญี่ปุ่นทุ่ม7.6พันล้านเปิด2รร.ใหม่ปี’71
AWC และโฮเทล โอกุระ ตั้งเป้ารุกเปิด 2 โรงแรมใหม่ รวมกว่า 400 ห้อง ตั้งเป้าเจาะเทรนด์ผู้ใช้บริการ
กลุ่มหลักคือ “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” เข้ามาเมืองไทยเพิ่มขึ้น โดยจะผสานจุดแข็งอันโดดเด่นของสองฝ่ายสร้างคุณค่าร่วมกันในฐานะผู้นำบริการลักชัวรี
พร้อมมอบประสบการณ์เหนือระดับผสมผสานบริการอันเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจในแบบญี่ปุ่นเข้ากับความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของไทยต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกนำเงินเข้ามาใช้จ่ายในเมืองไทย
ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเติบโตและสนับสนุนไทยก้าวสู่จุดหมายปลายทางระดับโลก
“โรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่” กำหนดเปิดให้บริการไตรมาส
1 ปี 2571 ชูสร้างนิยามใหม่ทางการท่องเที่ยวลักชัวรีและยั่งยืนในประเทศ ผสมผสานมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมอันงดงามของเชียงใหม่
ด้วยกลิ่นอายการออกแบบและบริการต้นตำรับญี่ปุ่น เชื่อมต่อกับโครงการไลฟ์สไตล์เดสทิเนชั่นของ
AWC อย่าง “ลานนาทีค
เดสทิเนชั่น”
“โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท
กรุงเทพ โฮเทล และสปา” ย่านทองหล่อ กำหนดเปิดให้บริการปี 2571
ด้วยห้องพักกว่า
200 ห้อง
ออกแบบร่วมสมัยโดยนำธรรมชาติมาประยุกต์ส่งเสริมสุขภาวะที่ดีควบคู่กับสุนทรียะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน
ดีไซน์ประหยัดพลังงาน ลดความร้อนจากภายนอกอาคาร และติดตั้งระบบจัดการน้ำด้วย
ซึ่งจะพัฒนาเป็นโอเอซิสการพักผ่อนใจกลางเมือง ด้วยบริการด้านสุขภาพองค์รวมและการเข้าพักแบบระยะยาว
นำเสนอประสบการณ์ดูแลสุขภาพสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยรีสอร์ทในเมืองที่มีกลิ่นอายแบบบญี่ปุ่น
@ปักธงโอกุระแห่งแรกที่ภาคเหนือชูขายวัฒนธรรมญี่ปุ่น-ล้านนา
มร. โทชิฮิโระ โอกิตะ ประธานและกรรมการผู้แทน บริษัท โฮเทล
โอกุระ จำกัด กล่าวว่า ยินดีที่ได้ร่วมกับ AWC พัฒนาโรงแรมใหม่ในไทยสานต่อความสำเร็จจาก
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกที่นำแบรนด์โอกุระปักธงในภาคเหนือเชียงใหม่ด้วยความมุ่งมั่นมอบบริการที่พักระดับโลก
ผสานวัฒนธรรมญี่ปุ่นอันสง่างามเข้ากับเสน่ห์ท้องถิ่น ด้วยเครือข่ายโรงแรมลักชัวรีที่อยู่ทั่วโลก
จึงสามารถนำความงดงามและความละเอียดอ่อนวัฒนธรรมญี่ปุ่นทำให้เข้ากับความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งานได้ลงตัว
และเชื่อมั่นจะเพิ่มความพิเศษให้คนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้
โรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่ ตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน
แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ รายล้อมด้วยตลาดและศูนย์การค้า อาหารท้องถิ่น สีสันยามค่ำคืน
มีห้องพัก 200 ห้อง ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับวัฒนธรรมล้านนาร่วมสมัย พร้อมห้องพักแบบเรียวกังมีเสื่อทาทามิ
ชุดยูกาตะ ออนเซ็นส่วนตัว และห้องอาหารญี่ปุ่น-ล้านนาอันเป็นเอกลักษณ์ เลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นใช้เทคนิคทำอาหารแบบญี่ปุ่น
เสิร์ฟเมนูชั้นเลิศแบบโอมากาเสะและล้านนาไคเซกิ พร้อมห้องอาหารแบบ All Day Dining คาเฟ่และห้องอาหาร เลานจ์ รูฟท็อปบาร์
สระว่ายน้ำ
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท
กรุงเทพ โฮเทล และ สปา จัดพิเศษห้อง ออนเซน สวีทแบบต้นตำรับ
และสัมผัสเสน่ห์เหนือกาลเวลาห้องพักสไตล์เรียวกังอันเป็นเอกลักษณ์
หรือเลือกพักห้องแบบตะวันตกที่สะดวกสบาย มาพร้อมโปรแกรมสุขภาพเฉพาะบุคคลที่ผสมผสานศาสตร์การดูแลสุขภาพแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับเทรนด์สุขภาพสมัยใหม่ออกแบบพิเศษโดยนักโภชนาการมืออาชีพ
พร้อมดูแลสุขภาพด้วยวารีบำบัด (Hydrotherapy) การเจริญสติ (Mindfulness) คืนพลังทั้งกายและใจ
ข่าวที่สอง –รร.สเตย์บริดจ์สวีทสุขุมวิทลด20%สมัครIHGสิทธิฟรีเพียบ
โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก
สุขุมวิท ห้องสตูดิโอ
รายงานว่า จัดแพกเกจต้อนรับการวันหยุดส่งท้ายปี2567 ต้อนรับปีใหม่
2568 พร้อมมอบส่วนลด
20 % เมื่อจองห้องพักตรงกับโรงแรม
ราคาเริ่มต้นเพียง 2,799++ บาท/ห้อง/คืน รวมอาหารเช้า
พร้อมทั้งแนะนำให้สมัครสมาชิก IHG One Rewards จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มอีกหลากหลายอย่าง
สมัครฟรีทางเว็บไซต์
www.ihg.com/onerewards/ เพื่อรับทันที
ได้แก่
@สมัคร IHG
One Rewads
รับสิทธิ์คุ้มราคาที่พัก/แลกรางวัล
- สะสมคะแนนไว้แลกห้องพักฟรี
: รับคะแนนทุกครั้งที่เข้าพักและแลกรางวัลการเข้าพักฟรีได้ที่โรงแรมสเตย์บริดจ์
สวีท แบงค็อก สุขุมวิท และโรงแรมในเครือ IHG ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
- เข้าถึงราคาและข้อเสนอพิเศษของสมาชิก : ซึ่งจะได้รับรับส่วนลดและข้อเสนอพิเศษที่มีให้เฉพาะสมาชิก
IHG One Rewards เท่านั้น
- ไม่จำกัดวันที่เข้าพักเพื่อเป็นรางวัลพักฟรี
: เปิดให้สมาชิกแลกรางวัลการเข้าพักฟรีได้ตลอด ไม่จำกัดวันที่เข้าพัก
- เช็คเอาท์หลังเวลาที่กำหนด
(ขึ้นอยู่กับห้องว่าง) : ยืดหยุ่นเวลาขอเช็คเอาท์หลังเวลาที่กำหนดได้อย่างผ่อนคลายมากกว่าลูกค้าปกติทั่วไป
- ฟรี Wi-Fi : เชื่อมต่อตลอดเวลาด้วย Wi-Fi ฟรีตลอดการเข้าพัก
@รร.เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง-ฟรีมื้อเช้า/ออนเซ็น/ห้องทำงาน
สำหรับ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก
สุขุมวิท เป็นโรงแรมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงหรือ Pet friendly ตั้งอยู่ใจกลางซอยสุขุมวิท 24 ภายในโรงแรมีบริการ หลัก ๆ ดังนี้
“ห้องพัก”
กว้างขวางพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ และมีมุมครัวขนาดเล็ก เครื่องซักผ้าและอบผ้า
พื้นที่ทำงาน พื้นที่นั่งเล่นสะดวกสบาย ”เหมือนอยู่บ้าน”
“อาหารเช้า”
มีให้เลือกรับประทานฟรีได้อย่างหลากหลายในห้องอาหารมาตรฐานสากล ราคารวมอยู่ในแพกเกจเรียบร้อยแล้ว
“ห้องออนเซน-ซาวน่า”
ใช้บริการฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม รวมถึงสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ฟิตเนส
ห้องกอล์ฟจำลอง
“ห้องThe Den” พื้นที่ทำงานได้ตลอด
24 ชั่วโมง
พร้อมบริการฟรีชาและกาแตลอดทั้งวัน มีบริการ Wi-Fi ความเร็วสูงเพื่อให้คุณไม่พลาดในการติดต่อสื่อสารกับผู้คนได้ตลอดเวลาตามที่ต้องการ
“The Social Night” เปิดให้เข้าร่วมกิจกรรมฟรี ทุกวัน จันทร์ อังคาร และพุธ จัดทำเป็นชั่วโมงการพบปะที่ให้ผู้เข้าพักได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่
ๆ เพลิดเพลินไปกับอาหารทานเล่นและเครื่องดื่มได้ตลอดหนึ่งชั่วโมง
สำหรับที่ตั้งของโรงแรมสเตย์บริดจ์
สวีท แบงค็อก สุขุมวิท อยู่ในบริเวณรถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์
มีสิ่งอำนวยความสะดวกกับแหล่งช้อปปิ้งดังยอดนิยมของคนไทยและต่างชาติ เช่น โครงการ “ดิ
เอ็ม ดิสทริค” ศูนย์รวมห้างสรรพสินค้าชื่อดังขนาดใหญ่ทั้ง เอ็มควอเทียร์ เอ็มโพเรียม และเอ็มสเฟียร์
แล้วยังอยู่ใกล้สถานที่สำคัญอย่าง โรงพยาบาลสมิติเวช สถานทูตต่าง
ๆ ด้วย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น