เสกสรร ศรีไพรวรรณ
ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานขอนแก่น
“เสกสรรค์
ศรีไพรวรรณ”นำททท.ขอนแก่นฮับเฟสติวัลอินเตอร์
บูมปลาร้าหมอลำ ISAN To The Worldกระหึ่มโลก26-29ธ.ค.นี้
10เดือนปี67โกย1.15หมื่นล้าน/ปี68ชูเฟสติ-เว้าปั๊มเศรษฐกิจปัง
คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนอัพเดท5เรือนเวลาหรู5แบรนด์ส่งท้ายปี
เปิดวาร์ป!!คิงเพาเวอร์ 4 สาขาช้อปรับส่วนลดวันนี้-1
ธ.ค.67
ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์ November Missionพิชิตดีลคุ้มสุดๆ
“สรวงศ์-ททท.”เสิร์ฟเสน่ห์เมืองเหนือรับครม.สัญจรบูมไฮซีซั่น
บางจากMOUสจล.ใช้BiiCลุยนวัตกรรมการแพทย์สุขภาพยั่งยืน
เที่ยว“บางกอกอาร์ตเบียนเนเล่”ยกศิลปะโลกมาไว้ในกรุง11แห่ง
5 โรคช่วงหน้าหนาวทุกวัยเตรียมรับมือป้องกันสุขภาพด่วนๆ
AOTย้ำ1 ธ.ค.6สนามบินใช้ระบบสแกนหน้าบินใน&ต่างประเทศ
การบินไทยขายหุ้นเพิ่มทุน9,822ล้านหุ้น4.48บาท/หุ้น6-12 ธ.ค.
วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #เสกสรรศรีไพรวรรณ
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/18KuFwWPPp/
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !!นายเสกสรร ศรีไพรวรรณ
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น เปิดแนวรุกเที่ยวแนวใหม่
“อีสาน เฟสติ-เว้า” ยกชั้นขอนแก่นเมืองเทศกาลท่องเที่ยวโลก รวมพลัง “ปลาร้า หมอลำ อีสาน ทู เดอะ
เวิลด์-งานไหมนานาชาติ” ปลุกตลาดไทยและต่างชาติเที่ยวส่งท้ายปี 10 เดือนแรกปี67 กวาดรายได้เพิ่มทะลุ 11,500 ล้นบาท โตเกือบ 30 % Must Taste มาแรงสุด ๆ ธ.ค.67 -ไตรมาส 1 ปี 68กระหน่ำจัดเทศกาลดนตรี อาหาร
อีเวนต์เล็กใหญ่อีกเพียบ
นายเสกสรร
ศรีไพรวรรณ
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น เปิดเผยว่า ในฐานะที่ขอนแก่นเป็นศูนย์กลางอีเวนต์ภาคอีสานช่วงปลายปี
2567-ไตรมาส 1
ปี 2568 จะนำเสนอกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยอีเวนต์งานเทศกาลแห่งปี
เทศกาลที่ 1 เทศกาลไหมนานาชาติ
ประเพณีผูกเสี่ยว งานกาชาดจังหวัดขอนแก่น และงานขอนแก่น ซอฟต์พาวเวอร์ ประจำปี 2567
ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม
2567 จัดต่อเนื่องครั้งที่ 26 แล้ว โดยเฉพาะปีนี้จัดยิ่งใหญ่มาก
บริเวณศาลากลางจังหวัดขอนแก่น โดยได้รวมบริบทเรื่องไหม ซอฟท์ เพาเวอร์
ขอนแก่นได้รับการประกาศเป็นเมืองมัดหมี่โลก รวมทั้งการจับคู่เจรจาธุรกิจผ้าไหม
ซึ่งแตกต่างจากทุกปีเชิญผู้ประกอบการจากต่างประเทศเข้ามาร่วมซื้อขาย
ทุกภาคส่วนทั้งหน่วยราชการ จังหวัด วัฒนธรรม พร้อมใจกันจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่มาก
เทศกาลที่ 2 ปลาร้า หมอลำ อีสาน ทู เดอะ เวิลด์ (ISAN
to The World)
ปักหมุดขอนแก่นสามารถนำไปประชาสัมพันธ์ระดับนานาชาติ
ทำโร้ดโชว์ในต่างประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมีฟอรัมนำเสนอเรื่องอาหารหรือ Gastronomy
หมักดอง
เมื่อกล่าวถึงอีสานคนจะนึกถึงลาบ ส้มตำ และปลาร้าก็เป็นวิถีชีวิตด้วยเช่นกัน
โดยมีการสืบค้นเรื่องราวของซูชิ ญี่ปุ่น
เกิดในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่น้ำโขงมาขนอมอาหารเกิดเป็นเรื่องความมั่นคงทางอาหาร หรือ Food
Security พร้อมกับการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางอาหาร
จนเกิดเป็นการนำปลาไปหมักเกลือกับน้ำส้มสายชุแล้วทำเป็น “ข้าวหน้าปลา” ต่าง ๆ
จึงเป็นเรื่องน่าสนใจกระทั่งได้
“ปลาร้าของอีสาน” มาออกร้าน มาทำเชฟเทเบิ้ลชื่อดังของไทยหลายคน และเชฟต่างชาติ
มาร่วมสร้างสรรค์ออกแบบเมนูต่าง ๆ ตลาดปลาร้ามีมูลค่าปีละหลัก “หมื่นล้านบาท”
เป็นอุตสาหกรรมการผลิตไปไกลทั่วโลก ไปเดินตามซูเปอร์มาร์เก็ตต่างประเทศจะเห็นปลาร้าไทยแพกเกจและนวัตกรรมแปรรูป
อาจจะไปไกลถึงการทำเป็นแคปซูลต่อก็ได้ เพราะหลายชาติก็มีปลาร้าฝรั่ง ญี่ปุ่น
หลายประเทศมีปลาร้าซึ่งมีความน่าสนใจ
ปี 2567 จึงได้นำ “ปลาร้า” มา collaboration กับ “หมอลำ” จัดเทศกาลท่องเที่ยวงาน “ปลาร้า
หมอลำ อีสาน ทู เดอะ เวิลด์” อย่างยิ่งใหญ่อลังการ ระหว่างวันที่ 26-29 ธันวาคม 2567 บริเวณ 2 พื้นที่
ได้แก่ จุดแรก บริเวณตึกแก่น สำนักงานเทศกาลขอนแก่น จุดที่ 2 บริเวณถนนศรีจันทร์
และเรือนโบราณจะจัดการแสดงกิจกรรมและคอนเสิร์ต
ความบันเทิงเกี่ยวข้องหมอลำทุกรูปแบบ พร้อมกับทำเป็น Home Coming เชิญชวนคนจากกรุงเทพฯ และอื่น ๆ มาร่วมงาน
จัดขบวนแห่ คาร์นิวัล แสดงหมอรำและออดิชั่น
“ขอนแก่น”
จะเป็นจังหวัดนำร่องแห่งแรกที่จะสร้างโมเดลต้นแบบการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวงานเทศกาลระดับนานาชาติที่จะเสนอขายในตลาดต่างประเทศได้
ผอ.เสกสรร กล่าวว่า
ขอนแก่นเป็นเมืองหลักของ “ร้อยแก่นสารสินธุ์” 10 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-ตุลาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 3.8 ล้านคน-ครั้ง เติบโต 13-14 % สร้างรายได้ 11,500 ล้านบาท เติบโต 29.9 % ด้วยศักยภาพเป็นหมุดหมายตรงกลางภาคอีสานจึงได้รับการพัฒนาด้านโลจิสติกส์
ได้แก่ “ระบบราง” จากแหลมฉบัง โครงการที่ศึกษาและกำลังทำแล้วคือ “ท่าเรือบก”
ขอนแก่น-อุดรธานี-ท่านาแล้ง สปป.ลาว ไปยัง สาธารณรัฐประชาชนจีน
จะไปสิ้นสุดที่เยอรมัน ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกในอนาคตที่สำคัญของอีสานและประเทศไทย
ส่วน “ทางอากาศ”
ได้พัฒนายกระดับท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น เป็นสนามบินศุลกากร (custom
airport)
รองรับเที่ยวบินนานาชาติ กำลังรอตลาดที่เดินทางเข้ามาแบบธรรมชาติในจำนวนมากเพียงพอ
ก็จะเดินหน้าทำโครงการความร่วมมือ “เมืองแฝด” กับทางสาธารณรัฐประชาชนจีน
และเวียดนาม ผ่านเข้ามาทางจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเดิมเคยมีเที่ยวบิน ขอนแก่น ไป-กลับ
หลวงพระบาง สปป.ลาว และสิงคโปร์ รองรับความต้องการแรงงานเดินทางต่างประเทศ
แต่ตอนนี้ยุติไป แต่ด้วยศักยภาพขอนแก่น มีปริมาณการเดินทางด้วยเครื่องบินช่วงเดือนตุลาคม
2567 จำนวน 4,400-5,000
คน/วัน เที่ยวบินเฉลี่ย 28-32
เที่ยว/วัน
เพราะบางเส้นทางไม่ได้มีเที่ยวบินทุกวัน
สำหรับเที่ยวบินหลัก
ไป-กลับ มาจากดอนเมืองมีส่วนแบ่งผู้โดยสารมากที่สุด 49 % สุวรรณภูมิประมาณ 41 % เชียงใหม่ 7 % ภูเก็ต 35 แล้วก็มีเที่ยวบินข้ามภูมิภาค
จากขอนแก่น-เชียงใหม่ บินทุกวัน ขอนแก่น-ภูเก็ต 3 เที่ยว/สัปดาห์
ส่วนสายการบินจะมีนกแอร์จัดทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำ
(charter flight) เข้ามาบ้าง
สายการบินหลัก ประกอบด้วยแอร์เอเชีย
การบินไทย ไทยเวียดเจ็ต ไลออนแอร์ ผู้โดยสาร 10 เดือน ปี 2567 ประมาณ 1.3
ล้านคน จำนวน 8,500 เที่ยวบิน
อัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉพาะเดือนตุลาคม 84 % แนวโน้มพฤศจิกายนนี้น่าจะได้ถึงกว่า 90 % เพราะมีการประชุม
สัมมนารายการใหญ่ของส่วนท้องถิ่น
ผนวกกับจะมีงานรับปริญญาที่มีการเดินทางจากทั่วประเทศเข้าสู่ขอนแก่นกว่า 10,000 คน และมีงานอีก 4-5 อีเวนต์ รวมแล้วจะมีคนเดินทางเข้ามารวม 50,000-60,000 คน ส่งผลทำให้ “โรงแรมที่พักในเมือง”
เต็มและไม่เพียงพอ
“เดือนธันวาคม”
นี้ จะจัดกิจกรรมต่อเนื่องทุกสัปดาห์
มีความเป็นไปได้ที่บางช่วงปริมาณจราจรบนถนนจะหนาแน่นจากชุมแพ ถึงบ้านไผ่
“เดือนมกราคม
2568”
งานใหญ่เปิดตัวต่อเนื่องหลังเคาน์ดาวน์ ตามต้อนรับเปิดศักราชใหม่จะเป็นเทศกาลดนตรี
และ ISAN MUSIC FESTIVAL ที่เขื่อนอุบลรัตน์
จะทำให้ขอนแก่นมีห้วงเวลาเที่ยวงานได้ยาว จากนั้นปลายเดือนมกราคมยังมีงานมาราธอน
ผอ.เสกสรร
กล่าวว่า ขอนแก่นจะเน้นการนำเสนอขาย 2 Must Do in Thailand ปี 2568 ททท.ภูมิภาคภาคอีสาน
จะชูธีม “อีสานเฟสติ-เว้า” อันหมายถึงการบอกกล่าวเล่าเรื่องราวล้อเสียงไปกับเฟสติวัล
ผ่านการจัดกิจกรรมเทศกาล งานประเพณี ดนตรี กระตุ้นคนเดินทางเข้าพื้นที่
สอดคล้องแผนงานส่งเสริมการตลาดของ ททท.สำนักงานขอนแก่น ได้นำ “ซาวนด์ อีสาน รอรัก”
นำดนตรีมาเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว และร่วมจัดพันธมิตรดนตรี
ห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ ด้วยการนำระบบขนส่งสาธารณะทำโปรโมชั่นผ่าน LINE OA ผูกเข้าพักโปรโมชั่นที่พักโรงแรม
เพื่อแก้ปัญหาการจราจรช่วงท่องเที่ยวงานเทศกาลดนตรี ชมคอนเสิร์ต
เพื่อสร้างความประทับใจมีความเป็น Smart City ที่ใช้แอพลิคชั่น ทำกิจกรรมออนไลน์ Park
& Go ให้เกิดความปลอดภัย
รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร
ล่าสุดขอนแก่นมีร้านชื่อ “อาหาร” ได้รางวัลมิชลิน จึงทำให้เกิดการตื่นตัว
เหมือนมีพลังให้คนมาเสาะแสวงหาร้านดังกล่าวที่อยู่ในซอกซอยเล็ก ๆ
ด้วยพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่มาชมคอนเสิร์ต หรือเทศกาลดนตรี
จะใช้ตัวชี้วัดความคึกคักจากการตื่นมารับประทานอาหารเช้ากับร้านสตรีทฟู้ดตอนกลางคืน
สามารถบ่งบอกถึงความสำเร็จของแต่ละงานได้เป็นอย่างดี
โดยทั่วไปนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวงานดนตรีจะพักค้างคืนเฉลี่ย
1-2 คืน/คน/ทริป
ส่วนรายได้หลักจะมาจาก “อาหารและเครื่องดื่ม” สถิติ 10 เดือนแรก มกราคม-ตุลาคม 2567 มีเฉลี่ยค่าใช้จ่าย หมวดอาหารและเครื่องดื่ม 20.73
% แซงค่า “ที่พัก” 20.32 % ซึ่งมีห้องพักกว่าหมื่นห้อง ราคา 650-1,100
บาท/ห้อง/คืน ห้องพักรวมอาหารเช้า
แต่นักท่องเที่ยวมักจะเลือกไปรับประทานอาหารนอกโรงแรม โดยจ่ายที่พักหลักร้อยบาท
แต่พร้อมจ่ายอาหารแต่ละวันเกินกว่าคนละ 1,000 บาท/วัน
ดังนั้น
ททท.จะสร้างสรรค์กิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ช่วงกลางคืน
Night Tourism เช่น
พิพิธภัณฑ์กลางคืน และอื่น ๆ ผนวกกับอาหารย่านยอดนิยม เช่น ถนนศรีจันทร์
ถนนรื่นรมย์ กระตุ้นหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายเพิ่มช่วงกลางคืนได้มากขึ้น
โดยใช้เทศกาลดนตรีหมอลำเป็นแกนหลักดึงดูดนักท่องเที่ยว
เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้เป็น “จักรวาลหมอลำ” ไปไกลมากแล้ว มีช่องออนไลน์ Youtube
สามารถสร้างธุรกิจ Live ผ่านช่องทางออนไลน์จากอินฟลูเอนเซอร์
สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เติบโตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้
ผอ.เสกสรร
กล่าวว่า “ร้อยแก่นสารสินธุ์” ยังจะมี “จังหวัดร้อยเอ็ด”
ร่วมกับเทศกาลจัดเคาน์ดาวน์ มีอัตลักษณ์ เสน่ห์อีกแบบ มีความแตกต่างโดยมี 101
ทาวเวอร์เป็นแลนด์มาร์ก
กับพลุตระการตา
เส้นทางการท่องเที่ยวส่งท้ายปีวางแผน เริ่มต้นเที่ยวงาน เทศกาลปลาร้า หมอลำ ISAN to The World จังหวัดขอนแก่น ระหว่าง 26-29 ธันวาคม ต่อด้วย เคาท์ดาวน์ที่ขอนแก่น 31 ธันวาคม มีกิจกรรมพลุสวยงาม การแสดงบันเทิงมากมาย รวมทั้งเมืองน่าเที่ยว ร่วมคริสต์มาสตกแต่งจากเครื่องจักรสาน ตามด้วยเคาท์ดาวน์ที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อเปลี่ยนภาพจำให้นักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้ามาสร้างประสบการณ์ที่ดีด้วยกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1-คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนอัพเดท5เรือนเวลาหรู5แบรนด์ปังส่งท้ายปี
คิง
เพาเวอร์ ชวนผู้หลงรักกาลเวลามาอัพเดตสุดยอดความสุดหรู 5 เรือนเวลา ที่ ไทม์ วัลเลย์ แบงค็อก ชั้น 2 คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ
พบกับ
“THE PRECIOUS COLLECTIBLES : ที่ควรค่าแก่การสะสม มอบความสุขให้เหล่าสาวกผู้หลงใหลได้ค้นหาคาแรกเตอร์นาฬิกาที่เข้ากับตัวเอง
หรูที่
1 PANTHÈRE DE CARTIER สะท้อนความเป็นคาร์เทียร์อย่างแท้จริง
กับนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมที่มีความโค้งมน คงไว้ด้วยความหรูหราและคลาสสิก
หรูที่
2 IWC PORTOFINO หนึ่งในคอลเลคชันที่เหมาะกับนักสะสมมือใหม่
ดีไซน์ออกมาในสไตล์ Dress Watch ตัวเรือนเป็นทรงกลม
หน้าปัดขนาดใหญ่
หรูที่
3 JAEGER-LECOULTRE REVERSO เสน่ห์แห่งความคลาสสิก
ตัวเรือนสามารถหมุนพลิกหน้าปัดได้ ให้ดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย
แต่แฝงไปด้วยเทคนิคที่ซับซ้อน
หรูที่
4 PIAGET POLO ตัวเรือนสเตนเลสสตีลแนวสปอร์ตรุ่นยอดนิยมสำหรับคุณผู้ชาย
มาพร้อมกลไกอัตโนมัติแสดงเวลาแบบสามเข็ม พร้อมความซับซ้อนของฟังก์ชันกลไก
หรูที่
5 VACHERON CONSTANTIN TRADITIONNELLE เรือนเวลาที่คงความล้ำสมัย
กลไกไขลานด้วยมืออันยอดเยี่ยมซึ่งมองเห็นได้ผ่านฝาหลังแบบฉลุ
เป็นไปตามมาตรฐานความเป็นเลิศของ Hallmark of Geneva
ข่าวที่ 2-เปิดวาร์ป!คิงเพาเวอร์4สาขาช้อปรับส่วนลดวันนี้-1
ธ.ค.67
คิง
เพาเวอร์ แต่ละสาขา เปิด “วาร์ป” ได้โปรดี
วีกเอนด์นี้ 4 สาขา ชวนกันไป “ช้อป
ดิวตี้ ฟรี” ดีลแรงสุดทุกโลเคชั่น! วันเสาร์ที่ 30 พ.ย.นี้ –
1 ธ.ค.67
วาร์ปแห่งที่
1 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ช้อปน้ำหอมและเครื่องสำอางรับส่วนลดตามสถานะสมาชิกสูงสุด 20% + คูปองลดเพิ่ม ON-TOP
5% เมื่อช้อปครบ 15,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ วันนี้– 1 ธ.ค.
67 เท่านั้น
วาร์ปแห่งที่
2 คิง เพาเวอร์
ศรีวารี แจกฟรี! ส่วนลดรวม 6,000 บาท
•
รับคูปองส่วนลด 2,000 บาท สำหรับช้อปน้ำหอม และเครื่องสำอาง 8,000 บาทขึ้นไป /
ใบเสร็จ คนละ 1 สิทธิ์ / วัน
•
รับคูปองส่วนลด 4,000 บาท สำหรับช้อป แผนกแฟชั่น 20,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ คนละ
1 สิทธิ์ /วัน
วาร์ปแห่งที่
3 และ 4 ที่ คิง เพาเวอร์ พัทยา และภูเก็ต
แจกฟรี! ส่วนลดรวม 5,000 บาท
•
รับคูปองส่วนลด 1,000 บาทสำหรับช้อปน้ำหอม และเครื่องสำอาง 3,500 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ คนละ 1 สิทธิ์ /
วัน)
•
รับคูปองส่วนลด 4,000 บาท สำหรับช้อป แผนกแฟชั่น 20,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ คนละ
1 สิทธิ์/ วัน
ข่าวที่ 3-ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์November Missionพิชิตดีลคุ้มสุดๆ
คิง เพาเวอร์ จัดเต็ม “NOVEMBER
MISSION POSSIBLE” ทำภารกิจลับ “ช้อปพิชิตดีลคุ้ม”
พบกับดีลที่รอคอย! ช้อปปิ้งออนไลน์ให้สนุก ประหยัดเงินได้มากกว่าที่เคย
ชวนเพื่อนมาช้อปปิ้งให้สนุก!
กับภารกิจสุดพิเศษที่คุณจะต้องติดใจ! ยิ่งช้อปมาก ยิ่งลดมาก
ส่งท้ายเดือนพฤศจิกายนนี้ ทั้งน้ำหอม เครื่องสำอาง สกินแคร์ กระเป๋า แว่นตา นาฬิกา
และอื่นๆอีกมากมาย ส่องก่อนช้อปรับดีลก่อน เริ่มเลย!! พร้อมรอรับของที่สนามบิน
1.ลดสูงสุด 10%
เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท รหัสส่วนลด 10NOV24
2.ลดสูงสุด 15%
เมื่อช้อปครบ 8,000 บาท รหัสส่วนลด 15NOV24
3.ลดสูงสุด 20%
เมื่อช้อปครบ 12,000 บาท รหัสส่วนลด 20NOV24
Online Special Offer!! รับฟรีตามสิทธิ์ทุกครั้งที่ช้อป คิง เพาเวอร์
1.Free! ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
ทุกเส้นทางบินจาก EVA AIR สำหรับ Top Spender ลำดับที่ 1 - 4
Free! ตั๋ว SAWASDEE Pass จาก AOT
สำหรับ Top Spender ลำดับที่ 5 – 11 รวม Top
Spender ทั้งหมดจำนวน 11 รางวัล
2.Free! รับสิทธิพิเศษต่างๆ
ต่อไปนี้ เมื่อช้อปครบ 20,000 บาท (สุทธิ) ที่Thai Taste Hub บัตรเงินสดมูลค่า
200 บาท ที่ Other Cafe' ส่วนลด 25% ที่โรงแรมพูลแมน คิง
เพาเวอร์ รับส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่ม สูงสุด 30% ที่ Firster ส่วนลด 500 บาท เมื่อช้อปครบ 20,000 บาท (สุทธิ)
จัดส่งสิทธิพิเศษทาง Email
เมื่อรายการสั่งซื้อสำเร็จตามเงื่อนไขการขาย
และสงวนสิทธิ์การจัดส่งเพียง 1 ครั้ง / 1 บัญชีสมาชิก
3.Free! Exclusive E-Vouchers อาหารและเครื่องดื่ม ด้วยยอดช้อปสะสมครบ 20,000 บาท รับ 50 บาท ครบ 30,000
บาท รับ 150 บาท ครบ 40,000 บาท รับ มูลค่า 300 บาท ครบ 50,000 บาท รับ 500 บาท
นำไปใช้กับร้านค้าในสนามบินสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง และภูเก็ต รับคูปองส่วนลดได้ทาง Email เมื่อทำรายการสั่งซื้อสำเร็จครบตามเงื่อนไขของบริษัท
ข่าวที่
4-“สรวงศ์-ททท.”เสิร์ฟเสน่ห์เมืองเหนือรับครม.สัญจรบูมไฮซีซั่น
นายสรวงศ์ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้นำเสนอ “เสน่ห์ไทยเมืองเหนือ”
กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ไปจัดการประชุมสัญจร ครั้งที่ 1/2567 จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย
ในวันศุกร์ที่ 29
พฤศจิกายน 2567 คณะผู้บริหารสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ได้ร่วมมือกันจัดนิทรรศการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด 5 Must Do in ไฮไลต์เรื่อง “กาแฟ” สินค้าหลักและเป็น 1 ใน Must
Taste โดย
ททท.มีแคมเปญต่อยอดกระตุ้นนักท่องเที่ยวออกเดินทางเข้าพื้นที่
หลายกิจกรรมต้อนรับเที่ยวภาคเหนือช่วงฤดูหนาวตั้งแต่ปลายปี 2567 เป็นต้นไป
@ททท.จัดนิทรรศการเที่ยวรับครม.สัญจรโปรโมทภาคเหนือ
ขณะนี้ ททท.ได้จัดแคมเปญ 365 วัน
แห่งการเดินทางของคนรักกาแฟ ควบคู่กับการนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวเชิงกาแฟ ได้แก่
“กาแฟเทพเสด็จ : สินค้า GI มูลค่าสูงของเชียงใหม่” ต่อเนื่องกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
(Wellness Tourism Services) “สปาล้านนา : การนวดฟ้อนเล็บ"
พร้อมจัดกิจกรรมต้อนรับคณะประชุม ครม.
สัญจร ครั้งที่ 1/2567 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ต่อยอดความสนใจให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังภาคเหนือ
ได้เรียนรู้ประสบการณ์ดีๆ ในเชียงใหม่ ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายเงินสะพัดและสามารถพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นคึกคักตามไปด้วย
โดย ททท.ได้นำส่งประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและความหมาย
สร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวไฮซีซั่นคึกคักมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นมีพลัง
โดยเฉพาะการสร้างโอกาสทางการตลาดผ่านช่องทางการผลิตภัณฑ์ในพื้นที่มาสร้างการรับรู้ให้นักท่องเที่ยวและผู้บริโภคเข้าถึงเพิ่มมากยิ่งขึ้นต่อไป
@ผู้ว่าฯ
ททท.โปรโมทเที่ยวเชียงใหม่4งานรวด
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. พร้อมส่งมอบความสุขการท่องเที่ยวเชียงใหม่ต่อเนื่อง 4 งาน
ได้แก่ งานแรก เชียงใหม่ เฟสติวัล ซิตี้ งานที่ 2 Amazing Chiang Mai Meat & Camp 2024
วันที่ 5 -8 ธันวาคม 2567 อีเวนต์ตอบโจทย์ผู้ชื่นชอบแคมปิ้ง และรับประทานเนื้อ
เช็กอินถ่ายภาพ งานที่ 3 ฟู้ด
เฟสติเว่อร์11 – 15 ธันวาคม 2567 เทศกาลอาหารสุดยิ่งใหญ่ในเชียงใหม่รวมอาหารถิ่น 5
ภูมิภาคและร้านชื่อดังจากทั่วประเทศกว่า 70 ร้าน ชมการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดังและศิลปินในท้องถิ่น
งานที่ 4 อะเมซิ่ง
เคาท์ดาวน์ เชียงใหม่ 2025
ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 21- 31 ธันวาคม
2567 ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ กิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ประดับตกแต่งไฟ
การแสดงโดรน การฉาย Illumination
& 3D Mapping พร้อมพลุสุดอลังการ
@7-15 ธ.ค.67ห้ามพลาดเที่ยวงานเชียงใหม่ดีไซน์วีคปังสุด2พื้นที่
รวมทั้ง
ททท.ยังได้สนับสนุนการท่องเที่ยวงาน “เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2567 หรือ Chiang Mai Design Week 2024”
(CMDW2024)
ระหว่างวันที่ 7 - 15 ธันวาคม 2567 โดยมีเจ้าภาพหลักสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(องค์การมหาชน) “CEA”
จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 10
ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น
ควบคู่กับสร้างความยั่งยืนทางสังคม ให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงโอกาส สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม
ใน 2 พื้นที่หลัก ได้แก่ ย่านเมืองเก่าเชียงใหม่ ‘กลางเวียง
(อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ - ล่ามช้าง)’ และย่าน ‘ช้างม่อย - ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ
เชียงใหม่ (TCDC เชียงใหม่)
- ท่าแพ’ เชื่อมโยงไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในเชียงใหม่ เช่น อำเภอหางดง กับสันกำแพง
ตลอดเทศกาลท่องเที่ยวเชียงใหม่ ดีไซน์
วีค มีกิจกรรมมากมายกว่า 150 โปรแกรม ชูธีมเน้นพลังสร้างสรรค์จากทุกคน
ภายใต้แนวคิด “SCALING
LOCAL: Creativity, Technology, And Sustainability - For Reviving Recovery” ชวนกันมาร่วมสำรวจและประยุกต์เทคโนโลยี
(Technology) เพื่อสร้างนวัตกรรมสร้างสรรค์
ขับเคลื่อนพลังคนท้องถิ่นสู่เวทีโลก ด้วยการจัดนิทรรศการ จัดแสดงผลงานศิลปะการแสดง
ดนตรี ภาพยนตร์ เสวนา เวิร์กช็อป อีเวนต์ กิจกรรมพัฒนาย่านสร้างสรรค์
ตลาดงานคราฟต์
อันเป็นเอกลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติสนใจต่อเนื่องมาตลอด
ข่าวที่
5-บางจากMOUสจล.ใช้BiiCลุยนวัตกรรมการแพทย์สุขภาพยั่งยืน
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บางจากฯ” เดินหน้าร่วมสนับสนุนนวัตกรรมทางการแพทย์
ยกระดับสุขภาพและความยั่งยืน ล่าสุดจึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านนวัตกรรมทางการแพทย์
กับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง “สจล.” คณะแพทยศาสตร์ /
โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร) ร่วมกับมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล
และมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านการแพทย์ที่สร้างผลเชิงบวกในวงกว้าง
ด้วยวิธีสำรวจและสร้างสรรค์โอกาสใหม่ ๆ
ครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพไปจนถึงพัฒนาศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์แห่งใหม่
โดยนำสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ Bangchak
Initiative and Innovation Center หรือ “BiiC”
ศูนย์กลางด้านนวัตกรรมของบางจากฯ ร่วมพัฒนาและสนับสนุนเทคโนโลยีตอบโจทย์ความต้องการของอนาคต
ทำหน้าที่เป็นพื้นที่เชื่อมโยงนักวิจัย นักลงทุน และพันธมิตรธุรกิจ
สร้างเครือข่ายนวัตกรรมอย่างแข็งแกร่งและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน
รวมทั้งทำร่วมมือใหม่
ๆ 3 เรื่อง
ได้แก่ เรื่องที่ 1 การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการแพทย์ทางไกล หรือเทเลเมดิซีน
ขณะนี้เข้ามามีบทบาทสำคัญช่วยยกระดับการดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุม ทันสมัย ประชาชนเข้าถึงได้ในวงกว้างมากขึ้น
เรื่องที่ 2 ขยายผลการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์และสาธารณสุข
เรื่องที่ 3 ความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ด้าน ๆ เช่น
การตั้งจุดบริการชาร์จรถไฟฟ้า ร้านกาแฟอินทนิล
แบรนด์กาแฟรักษ์โลกอันดับหนึ่งของไทย นำมาให้บริการในพื้นที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารต่อไป
ท่องเที่ยว-เที่ยวเทศกาลบางกอกอาร์ตเบียนเนเล่”ยกศิลปะโลกมาไว้ในกรุง11แห่ง
เมืองไทย
เที่ยวได้ทุกวัน ชวนกันสำรวจกรุงเทพฯ ไปชมงาน “บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2024” โชว์สุดยอดผลงาน "รักษา กายา (Nurture Gaia)” ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 25 ก.พ. 2568 ตื่นตากับงานศิลปะกว่า 200 ชิ้น จาก 76 ศิลปินชั้นนำจากทั่วโลก ได้ทั่วกรุงเทพฯ เลือกได้ 11 แลนด์มาร์ก
เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ
ที่กำหนดจัดขึ้นในทุก ๆ 2 ปี “บางกอก อาร์ต
เบียนนาเล่ 2024” โดย มูลนิธิ บางกอก อาร์ต
เบียนนาเล่ ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยการผสานความร่วมมือครั้งสำคัญกับ กรุงเทพมหานคร
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(TCEB) เครือข่ายพันธมิตรภาครัฐ และเอกชนทุกภาคส่วน
จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ภายใต้แนวคิด "รักษา กายา (Nurture Gaia)” จัดเต็มผลงานศิลปะจาก 76 ศิลปิน 39 สัญชาติ ชั้นนำทั่วโลก โดยเป็นสุดยอดผลงานศิลปะร่วมสมัยมากกว่า 200 ผลงาน
เปิดพิกัดพื้นที่ร่วมจัดแสดงตามสถานที่สำคัญใจกลางกรุงเทพมหานครทั้งหมด
11 แห่ง ได้แก่
นักท่องเที่ยวสามารถชมเทศกาล
“บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2024 : Bangkok
Art Biennale หรือ BAB” นำมาร่วมแสดงบนแลนด์มาร์กใจกลางกรุงเทพฯ 11 แห่ง ได้แก่ 1.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร 2.วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร 3.วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร 4.วัดบวรนิเวศวิหาร 5.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร 6.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป หรือ หอศิลป์เจ้าฟ้า 7.หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร 8.มิวเซียมสยาม
พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ 9.วันแบงค็อก 10.ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
10.ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
เทศกาล “บางกอก
อาร์ต เบียนนาเล่ 2024” จัดงาน BAB
ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมโยง “ต้นทุน” ทางศิลปวัฒนธรรมของเมือง
กับ “ศิลปกรรมสมัยใหม่” ที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร โดยครั้งแรกจัดเมื่อปี 2561 จากนั้นจึงจัดต่อเนื่องทุก 2 ปี ปี 2563 และ ปี 2565
ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดียิ่งมาโดยตลอด ทำให้เกิดพลังเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ต้นทุนทางวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ และโลกเข้าด้วยกัน
นอกจากจะสร้างรายได้เชิงการท่องเที่ยวแล้ว
ยังสร้างโอกาสให้ศิลปินไทยและทั่วโลกได้แสดงผลงานในกรุงเทพมหานคร
ให้คนไทยและชาวโลกได้ร่วมชื่นชม
ความพิเศษเทศกาล BAB ปี 2567 ในเทศกาลได้เพิ่มพื้นที่จัดแสดงงานใหม่
2 กลุ่มพื้นที่ ได้แก่ กลุ่มพื้นที่ 1 เมกะโปรเจกต์ One Bangkok แลนด์มาร์คระดับโลก
ล้ำด้วยเทคโนโลยี ศิลปะ วัฒนธรรม และความยั่งยืน
ยกระดับภาพลักษณ์และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้โดดเด่นในเวทีโลก กลุ่มพื้นที่ 2
สถานที่ที่งดงาม และมีคุณค่าเชิงประวัติศาสตร์ เช่น
วัดบวรนิเวศวิหาร เส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยาอย่าง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป หรือ
หอศิลป์เจ้าฟ้า
โดยมี
“กิจกรรมพิเศษ” ช่วงสัปดาห์เฉลิมฉลองเปิดงาน ด้วยการแสดงสดจากศิลปินชั้นนำ เช่น
การแสดงของศิลปิน Kira O'Reilly (ฟินแลนด์-ไอร์แลนด์)
เป็นผลงานถ่ายทอดประสบการณ์ความเป็นผู้หญิง ผลงานศิลปิน Amanda Coogan (ไอร์แลนด์) ที่ทำงานร่วมกับชุมชนผู้ใช้ภาษามือ ผลงานศิลปิน ไอแซค ชอง ไว
วิดีโอจัดวางพูดถึงผลกระทบจากสงคราม และความเศร้าโศกที่สังคมร่วมแบ่งปันกัน
ผลงานศิลปิน Elmgreen & Dragset จัดแสดงประติมากรรมละเอียดอ่อน
บอบบาง ชุดผลงานจัดวางเฉพาะพื้นที่ โดยศิลปินหลายคนรวมทั้ง ชเวจอฮวา เพื่อตอบสนองกับพื้นที่สาธารณะทั่วกรุงเทพ
ควบคู่งานประชุมสัมมนาวิชาการด้วย
ปี 2567
เทศกาล BAB นำเสนอแนวคิดหลัก ได้แก่ "รักษา กายา : Nurture Gaia” มุ่งเน้นจะถ่ายทอดความหมายที่แตกต่างของธรรมชาติ การเลี้ยงดู
ความเป็นผู้หญิง การครุ่นคิดเกี่ยวกับนิเวศวิทยา การเมือง
หรืออำนาจเหนือธรรมชาติต่าง ๆ
ผ่านผลงานศิลปะร่วมสมัยจากทั่วโลกด้วยสื่อศิลปะหลากหลาย
สะท้อนให้เห็นถึงสภาพปัจจุบัน กระตุ้นให้ฉุกคิด รวมทั้งมองหาวิธีใหม่จัดการกับประเด็นปัญหาอนาคตในด้านสังคม
และสิ่งแวดล้อม
ลองมาเที่ยวงานศิลปะจากศิลปินทั่วโลก
ที่ยกมาไว้ให้ชมถึงกรุงเทพฯ กันได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สุขภาพ –5 โรคช่วงหน้าหนาวทุกวัยเตรียมรับมือป้องกันสุขภาพด่วนๆ
ลมหนาวเริ่มมาเยือนแล้ว
จึงแนะนำให้เตรียมตัวรับมือป้องกัน “5โรคระบาด”
ที่มาช่วงหน้าหนาว ทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนมีโรคประจำตัว
หมั่นรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
กลุ่มเสี่ยงโรคระบาดหน้าหนาว
ช่วงฤดูหนาว มีกลุ่มเสี่ยงโรคระบาด ได้แก่ เด็กเล็กช่วงอายุ 0-5 ปี ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง
5
โรคระบาดหน้าหนาว
ทุกเพศทุกวัยควรระวัง ได้แก่
1.โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่อาการสำคัญ คือ
มีไข้ ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ไอ เจ็บหรือแสบคอ สำหรับไข้หวัดใหญ่จะมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป
คือ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดกระดูกและกล้ามเนื้อ
หรืออาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
2.โรคติดเชื้อไวรัส RSV มีอาการสำคัญเหมือนโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
ซึ่งผู้ป่วยมักหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
แต่สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี
รวมทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรังเกี่ยวกับหัวใจและปอด และผู้ป่วยภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
หากพบว่ามีไข้สูงมากกว่า
39 องศาเซลเซียส ไอ มีเสมหะ หายใจเร็วและแรง
หอบเหนื่อยหรือมีเสียงวี๊ดขณะหายใจ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
3.โรคมือ เท้า ปากอาการสำคัญ คือ มีไข้ 2–4 วัน เบื่ออาหาร มีแผลคล้ายแผลร้อนในที่ปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม
และมีผื่นเป็นจุดแดง ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำพองใส แดง บริเวณที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
ต้นขา หรือที่ก้น ไม่มีอาการคัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนจะทุเลาและหายเป็นปกติภายใน 10
วัน
4.โรคหลอดลมอักเสบ และปอดบวมอาการสำคัญ
คือ มีไข้ ไอ มีเสมหะมาก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เหนื่อยหอบ
5.โรคอุจจาระร่วงจากเชื้อโรต้าไวรัสอาการสำคัญ
คือ มีไข้ อาเจียน และถ่ายเหลวเป็นน้ำ ซึ่งอาการถ่ายเหลวจะหายภายใน 3-7 วัน
แล้วยังมีฝุ่นละออง
PM2.5 ซึ่งอาจทำให้เกิดโรค เช่น ภูมิแพ้
ผื่นผิวหนังอักเสบ ตาอักเสบ และอื่น ๆ
วิธีดูแลตัวเอง
ลดความเสี่ยงโรคระบาดหน้าหนาว
1.
หมั่นดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
และจัดเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น
2.
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
กินอาหารร้อนหรืออาหารปรุงสุกใหม่
3.
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
พักผ่อนให้เพียงพอ
4.
ใส่หน้ากากอนามัย/ผ้า ล้างมือบ่อยๆ
ด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดหรือใช้เจลแอลกอฮอล์ 70%
5.
หากบุตรหลานป่วยให้พักรักษาตัวอยู่บ้าน
และควรหยุดเรียนจนกว่าจะหายเป็นปกติ
6.
ดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อม
โดยการกำจัดขยะและสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ ดูแลรักษาและทำความ
สะอาดอาคาร
สถานที่ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องเล่น ของใช้ ของเด็กเล่น
เป็นประจำทุกสัปดาห์ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–
AOTย้ำ 1 ธ.ค.6สนามบินใช้ระบบสแกนหน้าบินใน&ต่างประเทศ
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT” เปิดเผย ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 พร้อมแล้วที่การเดินทางในประเทศจะให้บริการ
Biometric หรือระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล
ผู้โดยสารเที่ยววบินในประเทศและระหว่างประเทศ ตามสนามบินหรือท่าอากสยานทั่วประเทศที่อยู่ในความดูของ
AOT ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง
เชียงใหม่แม่ฟ้าหลวงเชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาใช้บริการในแต่ละจุดบริการภายในสนามบินเหลือประมาณ
1 นาที จากเดิม 3
นาที
ผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ
Biometric ลงทะเบียนใช้งานขณะมาเช็กอินที่สนามบิน
ได้ 2 วิธี คือ
วิธีที่
1 เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอินสายการบิน โดยแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ
Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร
จากนั้นระบบจะดำเนินการบันทึกข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารไว้
วิธีที่
2 เช็กอินที่เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ หรือเครื่อง CUSS: Common Use Self
Service ในสนามบินแต่ละแห่ง
โดย “กดปุ่ม” เลือกสายการบินที่เดินทาง ตามด้วย “กดเลือก” ให้ความยินยอมลงทะเบียนใบหน้าในระบบ
Biometric (Consent Notice) แล้วก็เริ่มเช็กอินผ่านระบบจนได้รับบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง
หรือบอร์ดดิ้พาสส์ จากนั้น “สแกนบาร์โค้ด” ในบอร์ดดิ้งพาสส์ แล้ว “เสียบ” หนังสือเดินทาง
(Passport) หรือบัตรประชาชน
ขั้นตอนสุดท้าย
“สแกนใบหน้าตัวเอง” การลงทะเบียนก็เสร็จสิ้นเดินทางได้ตามปกติ
โดยระบบ
Biometric
จะบันทึกข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสาร และหากต้องการจะโหลดกระเป๋าสัมภาระ
ก็ทำผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติได้ที่เครื่อง CUBD: Common
Use Bag Drop ไปจนถึง “ผ่าน”
จุดตรวจค้น และขึ้นเครื่อง โดยผู้โดยสารไม่ต้องแสดงพาสปอร์ตหรือบอร์ดดิ้งพาสส์ซ้ำอีกต่อไป
สำหรับข้อมูลของผู้โดยสารที่ระบบบันทึกไว้จะถูกลบทิ้งนับจากเริ่มลงทะเบียนภายใน48
ชั่วโมง เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
และ ข้อกำหนดของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data
Protection Act: PDPA) ของประเทศไทย
ข่าวที่สอง -การบินไทยขายหุ้นเพิ่มทุน9,822ล้านหุ้น4.48บาท/หุ้น6-12 ธ.ค.
บริษัท
การบินไทย จำกัด (มหาชน) เดินหน้ากระบวนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ
โดยมีเจ้าหนี้แสดงเจตนาแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มจำนวนมากช่วง 19 –
21 พฤศจิกายน 2567 ตอนนี้พร้อมจะเข้าสู่การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการส่วนถัดไป
ไม่เกิน 9,822.5 ล้านหุ้น ระหว่าง 6-12 ธันวาคม 2567 มูลค่าไม่เกิน 44,004.7 ล้านบาท ราคาเสนอขาย 4.48 บาท/หุ้น
ให้ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนปรับโครงสร้างทุนตามรายชื่อที่ปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ
ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 (Record Date) ซึ่งมีที่อยู่ในไทยเท่านั้น ทั้งพนักงานบริษัทฯ และบุคคลในวงจำกัด
เสนอขายผ่านทางช่องทางจัดจำหน่ายของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ที่กำหนด
เพื่อปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการและสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน
สู่ศักยภาพการเติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน
@การบินไทยขายหุ้นเพิ่มทุน
9,822 ล้านหุ้น-ราคา4.48บาท/หุ้น
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์
ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
การบินไทย ขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่สนับสนุนตลอดช่วงฟื้นฟูกิจการล้วนเป็นส่วนสำคัญนำพาการบินไทยบรรลุผลสำเร็จตามคาดไว้
โดยได้ทำ 1.ปรับโครงสร้างองค์กร 2.ปรับกลยุทธ์การบริหารต้นทุนเพื่อลดค่าใช้จ่าย
3.ปรับฝูงบินและเส้นทางบินเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างกำไร 4.นำองค์กรสู่ก้าวใหม่ในฐานะบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพกว่าอดีต วันนี้การบินไทยประสบผลสำเร็จจาก
“กระบวนการแปลงหนี้เป็นทุน” ประกอบด้วย
ส่วนที่
1 การแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการแบบภาคบังคับเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน
(Mandatory Conversion) คิดเป็นมูลค่า 37,601.9 ล้านบาท โดยได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 14,773.7 ล้านหุ้น
โดยเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 หรือกระทรวงการคลัง
ได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างเต็มจำนวนสัดส่วนร้อยละ 100 ขณะที่เจ้าหนี้กลุ่มที่
5, กลุ่มที่ 6 (สถาบันการเงิน) และเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้
ได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างในอัตราร้อยละ 24.50
ส่วนที่
2 การใช้สิทธิแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นทุนเพิ่มเติมโดยความสมัครใจ
(Voluntary Conversion) เมื่อ 19-21 พฤศจิกายน
2567 มีเจ้าหนี้จำนวนมากแสดงเจตนารวมกันเกินกว่า 3 เท่าของจำนวนหุ้นที่มีรองรับตามแผนฟื้นฟูกิจการ
โดยได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นจำนวน 4,911.2 ล้านหุ้น
คิดเป็นมูลค่า 12,500.1 ล้านบาท
ส่วนที่
3 การใช้สิทธิแปลงดอกเบี้ยตั้งพักใหม่เป็นทุนมูลค่า 3,351.2
ล้านบาท และได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1,304.5 ล้านหุ้น สุทธิภาษีหัก ณ ที่จ่าย รวม (1) – (3) คิดเป็นภาระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ
รวมทั้งสิ้นมูลค่า 53,453.2 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 20,989.4
ล้านหุ้น ราคา 2.5452 บาท/หุ้น ซึ่งจะส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2567 ส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินการบินไทยกลายเป็นบวก
บรรลุหนึ่งในเงื่อนไขยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ
@พนักงานบินไทย-บุคคลได้สิทธิ์ซื้อในราคาเท่าเทียม
หากมีหุ้นสามัญคงเหลือจากการจัดสรรหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนปรับโครงสร้างทุน
และพนักงานการบินไทย ก็จะเสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด (Private
Placement) ในราคาเดียวกันต่อไป กำหนดโดยผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการตามความเหมาะสม
โดยการพิจารณาจากหลายปัจจัย รวมถึงไม่จำกัดเพียงการประเมินมูลค่ายุติธรรม
ทั้งจากวิธีเปรียบเทียบอัตราส่วนตลาด เช่น
อัตราส่วนมูลค่ากิจการต่อกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EV/EBITDA)
อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E) และวิธีมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดของกิจการ
(Discounted Cash Flow) ข้อจำกัดและโครงสร้างการเสนอขายภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ
ความเสี่ยงของนักลงทุนจากการที่ต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน
จนกว่าหุ้นจะกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลอดจนประโยชน์และผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
นายชาย
เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. การบินไทย กล่าวว่า ผลประกอบการบินไทยงวด
9 เดือนปี 2567 เติบโตแข็งแกร่งและความก้าวหน้าต่อเนื่องในการฟื้นฟูกิจการ
มีผู้โดยสารใช้บริการกว่า 11.62 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน
14.7% มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) 47,778 ล้าน เพิ่มขึ้น 19.2% และในส่วนของกำไร (ขาดทุน) 9
เดือนปี 2567 ทำได้ 24,191 ล้านบาท น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนทำกำไรไว้ 29,330 ล้านบาท และมี EBITDA 33,742 ล้านบาท
ส่วนช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนทำไว้ 37,590 ล้านบาท
@แนะผู้ถือหุ้นเดิมตรวจช่องทางรับจัดสรรหุ้นการบินไทย
ขณะที่
“ผู้ถือหุ้นเดิม” การบินไทยก่อนการปรับโครงสร้างทุนที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นสามารถตรวจสอบสิทธิผ่านช่องทางดังนี้
1.หนังสือแจ้งสิทธิเพิ่มทุนสำหรับผู้ถือหุ้นเดิม
คาดจะส่งออกโดยบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ผ่านทางไปรษณีย์ตามที่อยู่บนสมุดทะเบียน
หรือ
2. ช่องทางเว็บไซต์การบินไทย (https://ir.thaiairways.com/) และสามารถจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ระหว่าง 6 – 12 ธันวาคม 2567 ผ่านทางช่องทางของผู้จัดการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ที่กำหนด
ได้แก่
• สำนักงานใหญ่บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
ผ่านการส่งใบจองซื้อ (Hard Copy) หรือจองซื้อผ่านโทรศัพท์บันทึกเทป
(เฉพาะนิติบุคคล หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน หรือ
ลูกค้าที่มีบัญชีหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทรเท่านั้น)
• สำนักงานใหญ่และสาขา ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านการส่งใบจองซื้อ (Hard
Copy)
• ระบบออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านระบบ Money Connect
by Krungthai บน Krungthai NEXT Application (สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาเท่านั้น
โดยจะต้องมีบัญชีธนาคารผ่านระบบ Krungthai NEXT)
สำหรับ
“พนักงานการบินไทย” ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นในวันและเวลาเดียวกันกับผู้ถือหุ้นเดิมก่อนปรับโครงสร้างทุนอีกช่องทางการจองซื้อคือ
• สำนักงานใหญ่บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
ผ่านการส่งใบจองซื้อ (Hard Copy) (เฉพาะ ลูกค้าที่มีบัญชีหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์
เกียรตินาคินภัทรเท่านั้น)
• สำนักงานใหญ่และสาขา ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านการส่งใบจองซื้อ (Hard
Copy)
• ระบบออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผ่านระบบ Money Connect
by Krungthai บน Krungthai NEXT Application (สำหรับลูกค้าที่มีบัญชีธนาคารผ่านระบบ
Krungthai NEXT เท่านั้น)
• ระบบออนไลน์ผ่าน Application DIME! (เฉพาะลูกค้าบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่มีบัญชีหลักทรัพย์ไทยกับ
DIME! เท่านั้น)
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง
สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น