จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB"
TCEBมอบของขวัญไมซ์ปี’67ทำอิมแพ็กเศรษฐกิจ3.5แสนล้าน
ใช้IBTM2024ส่งท้ายปีสวยๆบูมไมซ์ชุมชน-โมเดลโลว์คาร์บอน
ถก50ชาติที่เชียงรายก.พ.68ร่วมหนุนพืชสวนโลก “อุดร-โคราช”
คิงเพาเวอร์แจกของขวัญปีใหม่สมาชิกช้อปทุกสนามบินลด25%
ชวนไปคิงเพาเวอร์ซิตี้บูทีกสนุกกับ TO-DO-LIST ได้ถึง 5 สไตล์
ช้อปคิงเพาเวอร์4สนามบินเปิดวาร์ปจ่ายผ่านCardXคืน2.8หมื่น
ททท.นำอินเดียเที่ยวไทย2ล้านคนแล้ว-ปี68เพิ่มรายได้โต 15%
บางจากแจกของขวัญปีใหม่ตรึงราคาน้ำมันพร้อมเติม8ความสุข
ชวนเที่ยว“พิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน”ทั่วไทย52แห่งไฮไลต์ 5 พิกัด
5
ผลไม้กินอย่างเหมาะสม!!“ช่วยชะลอวัย-ลดความแก่”ได้นะ
“สรวงศ์
เทียนทอง”นั่งรัฐมนตรีท่องเที่ยว3เดือนเปิด 5 ผลงาน
มนพร-บวท.มอบของขวัญปีบินทั่วไทยI-SMART1.82หมื่นเที่ยว
วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #จิรุตถ์อิศรางกูรณอยุธยา
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/p/15WkSie3Py/
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !! จิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” สร้างปรากฏการณ์ MICE
ส่งท้ายปีในงาน IBTM World 2024 พ่วงขายพืชสวนโลกในไทย
เปิดเส้นทางไมซ์ชุมชน โลว์คาร์บอน ส่วน “พืชสวนโลกอุดร 2569-โคราช
2572” ได้จีนหนุนเต็มที่ รุกใช้งานประชุมที่เชียงราย ก.พ.68
สานต่อเครือข่าย 50 ประเทศ ปี’67 ปิดจ็อบดีเยี่ยม 25.3 ล้านคน โต 43.47 % ทำ“รายได้” ทางตรง1.5
แสนล้านบาท เกินเป้าเดิมตั้งไว้แค่1.35 แสนล้านบาท สร้างพลังทางเศรษฐกิจ
ทางตรงและทางอ้อมรวมแล้ว 3.28 แสนล้านบาท
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่าปี 2567 ทีเส็บร่วมกับทุกภาคส่วนสร้างความสำเร็จตลาดไมซ์ MICE ปิดท้ายเทรดโชว์รายการใหญ่สุด IBTM World 2024 ที่สเปน เปิดไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน นำผู้ประกอบการไทย 25 ราย โรงแรม บริษัทจัดงาน ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ ไปร่วมจับคู่ธุรกิจตลาดหลักประชุมและเดินทางเพื่อเป็นรางวัลหรือ MI :Meeting Incentive เจาะยุโรป รวมทั้งได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนนานาชาติถึงการเปิดเมกะโปรเจกต์ใหม่ ๆ ในกรุงเทพมหานคร ของไทย อย่าง One Bangkok, ดุสิต เซ็นทรัล ปาร์ค แผนปรับปรุงศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ และอื่น ๆ
ไฮไลต์งานพืชสวนโลกในภาคอีสานจัดต่อเนื่อง
ได้แก่ พืชสวนโลกอุดรธานี 2569 จังหวัดอุดรธานี
กับพืชสวนโลกโคราช 2572 งานประชุมเวิลด์แบงก์ 2569 และงานประชุมนานาชาติขนาดใหญ่อีกหลายรายการ
แล้วยังได้นำเสนอ Bangkok Sustainability Protocal Gastronomy ซึ่งความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญมากซึ่งเป็นกระแสของโลกทั้งปัจจุบันและอนาคต โดยไทยได้พัฒนาอาหารไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับความสนใจจากนานาชาติ โดยเฉพาะ “โมเดลลดคาร์บอน” จากลดระยะทางการโลจิสติกส์ของอุตสาหกรรมไมซ์โดยเลือกใช้ “วัตถุดิบท้องถิ่น” ทำให้เกิดกลไกการขับเคลื่อน Carbon Neutral ลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ มีอัตลักษณ์วัฒนธรรมประยุกต์โดยใช้การเสิร์ฟเบรกระหว่างประชุมงาน
การนำเสนอเรื่องราวจากของจริงดังกล่าวเป็นพลังทำให้ประเทศไทยจะมีคะแนนทางด้าน
SDGs :Sustainable Development Goals เพิ่มสูงขึ้นในเวทีโลก
แล้วยังได้เปิดเส้นทาง 1.“MICE low Carbon Routing” การรักษาสิ่งแวดล้อมในเมืองไมซ์ทั้ง กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เชียงใหม่ ผนวกกับ 2.Eco Adventure ไมซ์ในสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติการผจญภัย โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรหลักคือสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) ของกลุ่มธุรกิจเอกชนที่ทำงานเชิงรุกเปิดเส้นทางท่องเที่ยวที่สามารถทำให้เกิดคาร์บอนเป็นศูนย์ได้
รวมทั้งนำเสนอ “กิจกรรมชุมชน” แสดงให้เห็นถึงไมซ์ของไทยเข้าไปเลือกใช้ Eco Inspiration ดันจุดขายกกิจกรรมชุมชน ไมซ์คาร์บอนต่ำ การประชุมแบบท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ สร้างแรงดึงดูดคนเข้ามาร่วมเป็นจำนวน แล้วยังทำให้เกิดการจับคู่ธุรกิจกว่า 1,000 นัดหมาย หลังการขายมีผู้จองมาจัดไมซ์แล้วกว่า 80 กรุ๊ป คุ้มค่าการลงทุนเกิน 8 เท่า
ส่วนตัวเลขที่เก็บข้อมูลได้ก็มี
บริษัทดำเนินธุรกิจด้านการแพทย์หรือ Medical บริษัทยาชั้นนำเรื่องสุขภาพหรือ Health Care บริษัทเกี่ยวกับประกัน
ไฟแนนซ์ สถาบันการเงิน เครื่องสำอางค์ และธุรกิจการศึกษา สนใจเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางนำกลุ่มคณะเดินทางเพื่อเป็นรางวัล
(incentive) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก
งานอินเซนทีฟของบริษัททางเทคโนโลยีไอที กับงานอินชัวรันซ์ เดือนพฤษภาคม 2568
งานบิสิเนสลีด 100-500 คน/กรุ๊ป จากมีจำนวนมาก
สวนกระแสกับสภาพเศรษฐกิจของยุโรปปัจจุบันรวมแล้วมีมากกว่า 20,000 ราย เปรียบเทียบแล้วดีกว่าไปร่วมงานที่แฟรงเฟิร์ต เยอรมัน
ซึ่งได้ไมซ์มาประมาณ 80 กรุ๊ป 15,000
ราย
แล้วยังได้ร่วมประชุมกับสมาคมการประชุมนานาชาติ หรือ ICCA :International Congress and Convention Association สมาชิกทั่วโลกสนใจนำงานมาจัดในไทยกว่า 70 กรุ๊ป
ผอ.จิรุตถ์กล่าวว่า ไมซ์ในประเทศที่ไทยกำลังเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกอุดรธานี 2569 ล่าสุดทีเส็บได้ลงพื้นที่ร่วมกับสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ “AIPH :The International Association of Horticultural Producers เข้ามาตรวจความพร้อมของทั้งอุดรธานี และนครราชสีมา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 2 จังหวัด โดยมีอธิบดีกรมวิชาการเกษตรเสนอข้อมูลกับคณะกรรมการสมาคม AIPH ทั้ง 7 ประเทศ รวมทั้งผมตัวแทนทีเส็บร่วมคณะด้วยตลอด โดยการตรวจเยี่ยมผังพร้อมส่งมอบให้ผู้รับผิดชอบการก่อสร้าง กำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ร่วมกันกับทุกฝ่ายภาครัฐ เอกชน ต่างก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่
ล่าสุดมีโอกาสได้พูดคุยกับทางเมืองเฉิงตู
สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีประสบการณ์จัดงานพืชสวนโลกเสร็จไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2567 เตรียมนำ “สวนกุหลาบ”
มาจัดแสดงพาวิลเลี่ยนในงานพืชสวนโลกเมืองไทยทั้งที่อุดรธานี และนครราชสีมา
ส่วนกรมวิชาการเกษตรตอนนี้คัดเลือกบริษัทพีอาร์เข้ามารับผิดชอบประชาสัมพันธ์ทั้งในและต่างประเทศแล้ว
ตอนนี้ภาครัฐ เอกชน ในพื้นที่ภาคอีสาน โดยมีจังหวัดเจ้าภาพหลักคือ “อุดรธานี”ประชุมเตรียมความพร้อมร่วมกับ หนองคาย บึงกาฬ และอีกหลายจังหวัด รวมทั้งประชุมคณะกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดในอีสานตอนนี้ นับเป็นความตื่นตัวของทุกภาคส่วน เริ่มทำงานกันอย่างเต็ม กำลังเร่งจัดจ้างบริษัทออร์กาไนเซอร์เพื่อทำการขายพื้นที่สร้างพาวิลเลี่ยน การบริหารจัดการโปรโมทงาน ตามเกณฑ์มาตรฐาน ประเทศเจ้าภาพที่ได้รับเลือกจัดงานพืชสวนโลก Type B จะต้องมีพาวิลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล ไม่ต่ำกว่า 20 พาวิลเลี่ยน ซึ่งได้รับการยืนยันจากกรมวิชาการเกษตรมีคำยืนยันพร้อมเดินทางมาร่วมเปิดในงานแล้ว 9 พาวิลเลี่ยน
สำหรับเดือนกุมภาพันธ์
2568 จะร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมการพืชสวนโลกระหว่างประเทศ
ที่จังหวัดเชียงราย
ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของสมาคม 50 ประเทศ กว่า 80 ราย ซึ่งจังหวัดต่าง ๆ
จะต้องไปดูความพร้อม แล้วในจำนวนนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่มาเปิดพาวิลเลี่ยนในไทยด้วย
ซึ่งทีเส็บจะพยายามสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มนี้สนับสนุนอย่างเต็มที่
แล้วทีเส็บก็ต้องขอขอบคุณคุณสนั่น อังอุบลกุล คุณสุธีร์ สธนสถาพร ซึ่งเป็นคณะกรรมการร่วม3 สถาบัน หรือ “กกร.” มีสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ให้การสนับสนุนลงพื้นที่ตลอด ส่วนทางฝ่าย MICE CAP ของทีเส็บเข้าไปดูความพร้อมของการคัดเลือก “บุคลากร” เจ้าหน้าที่เข้าสู่ภารกิจเพื่อทำหน้าที่โปรโมทต้อนรับนานาชาติ กับจัดหาออร์กาไนเซอร์ ควบคู่กับการจัดเสวนา ที่พักโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร เพื่อรองรับนักเดินทางตลอดงานพืชสวนโลกอุดรธานี
ผอ.จิรุตถ์
กล่าวว่าในภาพรวมปี 2567 (กันยายน 2566-30 กันยายน 2567) มีนักเดินทางไมซ์เดินทางเข้าประเทศไทยสูงขึ้น จาก 1.สายการบินเพิ่มเส้นทางและความถี่เที่ยวบิน 2.การท่องเที่ยวโลกฟื้นตัวเพราะเลี่ยงจากประเทศคู่แข่งขัน
3.มาตรการยกเว้นวีซ่า 94 ประเทศ
ทำให้ไมซ์ได้รับอานิสงส์สูง เพราะนักเดินทางไมซ์ที่เข้ามาจัดงานจะพำนักในไทย 15-20
วัน จึงไม่ต้องยุ่งยากในการบินไปต่อวีซ่า โดยมีสาธารณรัฐประชาชนจีน
กับอินเดีย ที่นำ MI เข้ามาไทยมากสุด ไม่รวมไต้หวัน
จึงถือเป็น Quick Win ของอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งระบบ
ปี 2567 มีนักเดินทางไมซ์ในประเทศและต่างประเทศ 25.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 43.47 % สูงกว่าปีก่อนทำได้ 24 ล้านคน ส่วน “รายได้” ทางตรงทำได้ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท เกินที่ตั้งเป้าไว้เดิมเพียง 1.35 แสนล้านบาท มาจากไมซ์ตลาดต่างประเทศสูงมากเป็นพิเศษ แล้วอุตสาหกรรมไมซ์มีตัวชี้วัดใหม่เป็นการสร้างพลังทางเศรษฐกิจ (Economic impack) ทางตรงและทางอ้อมรวมแล้ว 3.28 แสนล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานตลอดปี 3 แสนตำแหน่ง สร้างรายได้ทางภาษีเข้าหน่วยงานรัฐบาลกว่า 25,024 ล้านบาท
ผลงานของทีเส็บตลอดปี 2567 ไฮไลต์คือ 1.Money 2020 Asia จัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน ฟินเทค ไม่เลือกสิงคโปร์หรือจีน แต่ในโลกนี้เลือกเพียง 3 ประเทศ คือ กรุงเทพฯ ประเทศไทย ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา และฮอลแลนด์ แล้วงานนี้ยังจะอยู่กับไทยต่อตามสัญญาที่ลงนามกันไว้อีก 2 ปี 2.การประชุม ICCA Conference 2024 เป็นศูนย์รวมการกลุ่มคนในวงการโลกด้านการจัดประชุมขนาดใหญ่เลือกมาจัดในไทย มีขนาดใหญ่ของรองจากญี่ปุ่น และเมริกา 3.Thailand Boat Show 2024 มีคนเข้าร่วมกว่า 2,000 คน 4.งาน Sustainable Week of Asia 5.SF Asia2024 ประสบความสำเร็จมาก 6.งานประชุม UNESCO 7.FIFA Congress มีผู้เข้าร่วมมากสุดกว่า 200 ประเทศ จึงเป็นก้าวสำคัญที่ไทยจะสามารถร่วมกับประเทศเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันฟุตบอลโลกได้
ทีเส็บขอขอบคุณทุกภาคส่วนช่วยกันโปรโมทไทยให้เป็นผู้นำตลาดไมซ์ภูมิภาคเอเชีย เช่น ติดอันดับ 4 ด้านเอ็กซิบิชั่น ที่มีคนจากทั่วโลกเข้ามาจัดงานมากสุด เป็นความสำเร็จที่ทุกฝ่ายดีใจ ปี 2568 หลังจากไปลงนามสัญญาที่เยอรมันนำงาน UFI Pressident ทางคุณมุก ได้รับเลือกจากทั่วโลกให้เป็นประธานสมาคม UFI ที่เป็นผู้นำหญิงที่ได้เป็นประธานระดับโลก รวมทั้งได้นำในเวทีดังกล่าว
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์แจกของขวัญปีใหม่สมาชิกช้อปทุกสนามบินลด25%
คิง เพาเวอร์ ตะโกนบอก นักท่องเที่ยวเตรียมตัวให้พร้อม รับของขวัญปีใหม่ ใครมีออกทริปช่วงคริสมาสต์ เตรียมจด! ลิสต์สินค้าน่าช้อป พร้อมรับคูปองส่วนลดสูงสุด 25% พิเศษ ! “เฉพาะสมาชิกคิง เพาเวอร์” เท่านั้น ช้อปครบจบได้ที่สนามบิน! สินค้าในแผนกน้ำหอม เครื่องสำอาง หรือแฟชั่น ตั้งแต่วันนี้– 5 ม.ค. 2568 นี้เท่านั้น เลือกได้ตามสไตล์ทุกคน ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต รับความคุ้ม 2 แบบ
คุ้ม 1 สมัครสมาชิก NAVY ฟรี! (จากปกติเติมเงิน 1,000 บาท) พร้อมรับทันที! ส่วนลด 10% ทุกการช้อปภายในวันสมัคร
คุ้ม 2 สมัครสมาชิก SCARLET และเติมเงินไว้ใช้ช้อป 20,000 บาท พร้อมรับทันที! คูปองส่วนลด 25% โดยคูปองหมดอายุภายในวันสมัคร
พิเศษ!
เมื่อเติมเงินทุก 20,000
บาท (สามารถเติมเงินได้ที่จุดบริการสมาชิก) รับเพิ่ม! คูปองส่วนลด 3,000 บาท โดยคูปองหมดอายุภายในวันสมัคร
ข่าวที่ 2 -ชวนไปคิงเพาเวอร์ซิตี้บูทีกสนุกกับ TO-DO-LISTได้ถึง5สไตล์
คิง เพาเวอร์ ชวนไปพบกับ TO-DO-LIST ส่งท้ายปี 2567 ที่ คิง เพาเวอร์ ซิตี้ บูทีก โซน Parade ชั้น 1-2, One Bangkok วันนี้ – 5 มกราคม 2568
1.ช้อปเทศกาลของขวัญ ลดทุกวันสูงสุด 30% ละลานตากับสินค้าแบรนด์สมัยใหม่ที่ร่วมรายการ
2.ปล่อยใจชิลไปกับเสียงดนตรี พบกับไลน์อัพ DJ สุดฮิปที่จะมาสร้าง Vibe สุดสนุกตลอดสัปดาห์
3.สมัครสมาชิกใหม่ คิง เพาเวอร์ SCARLET + เติมเงิน 20,000 บาท
4.รับฟรี! คูปองส่วนลด 3,000 บาท และกระเป๋า Exclusive* (จำนวนจำกัด)(เฉพาะลูกค้าคนไทยและ EXPAT เท่านั้น)
รับ Surprises Alert! เฉพาะลูกค้าคนไทย กับ Weekend Surprise! ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
รับเพิ่ม Gift Voucher 500 บาทเมื่อช้อปครบ 20,000 บ. ขึ้นไป (สุทธิ / เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) ที่โซน Sunglasses Street
Weekday Surprise! ทุกวันอังคาร-พุธ ลดเพิ่ม 5%เมื่อช้อปน้ำหอมหรือเครื่องสำอาง (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) ที่โซน Beauty Boulevard
5.สินค้าป้ายฟ้า สินค้าซื้อแล้วรับกลับทันที สำหรับคนไม่มีไฟลต์ ส่วนสินค้าป้ายขาว
สินค้าปลอดภาษี สำหรับคนมีไฟลต์
ข่าวที่ 3-ช้อปคิงเพาเวอร์4สนามบินเปิดวาร์ปจ่ายผ่านCardXคืน2.8หมื่น
“คิง เพาเวอร์ สาขาหลัก 4 สนามบิน” สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต
แนะนำเลือกช้อปสินค้าซอฟท์ พาวเวอร์ อาหาร เอกลักษณ์ไทย มีทั้งขนมขบเคี้ยว ของว่าง
อาหารสำเร็จรูป คงรสชาติความอร่อยไทยแท้
แล้ว “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์”
เปิดวาร์ปหลากสไตล์ตลอดเทศกาลความสุขปลายธันวาคม 2567-5 มกราคม 2568 เช่น 1.ช้อปแล้วจ่ายด้วยบัตรเครดิต CardX KING POWER PLATINUM และ CardX
PLATINUM LIMITED รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 28,000 บาท 2.ร่วม
ULTIMATE GIFT OF THE YEAR ช้อปออนไลน์ครบตามเงื่อนไข รับสิทธิพิเศษจากพันธมิตรได้ด้วย
3.ผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทยช้อปคิง
เพาเวอร์ ครบ 10,000
บาทสุทธิ/ใบเสร็จ รับฟรีคูปองเงินสดมูลค่า
1,000 บาท และอีกมากมาย
ข่าวที่
4-ททท.นำอินเดียเที่ยวไทย2ล้านคนแล้ว-ปี68เพิ่มรายได้โต15%
นายสรวงศ์ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวอินเดียคนที่
2 ล้าน มาถึงเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
และหน่วยงานเกี่ยวข้องจัดกิจกรรมต้อนรับ Mr.Chetan Gupta นักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางจากกรุงนิวเดลีด้วยการบินไทย เที่ยวบิน
TG324 ได้รับแพกเกจเที่ยวเมืองไทยฟรีทั้ง
รางวัลตั๋วโดยสารเครื่องบินชั้นประหยัดของการบินไทย ไป-กลับ อินเดีย-กรุงเทพฯ 2
ที่นั่ง บริการรถลีมูซีนจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT” โรงแรมที่พักระดับ
5 ดาว พร้อมบริการเดินทางตลอดทริป จากบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด
ปี 2568 ททท.ตั้งเป้าหมายจะนำนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทยให้ถึง
2,180,500 คน โดยจะผนวกจุดขายนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวกลุ่ม
5 Must Do in Thailand สร้างประสบการณ์และกระตุ้นการใช้จ่ายเติบโตอย่างชัดเจน
โดยจะใช้ปัจจัยหนุนจากกลยุทธ์ Airline Connectivitiy ผลักดันอินเดียเที่ยวไทยเพิ่มทั้งจำนวนคนและรายได้การท่องเที่ยวเติบโตเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า
15 %
ขณะที่ปี 2567
ตั้งเป้าจะมีนักท่องเที่ยวอินเดียเที่ยวเมืองไทย 1.74 ล้านคน สร้างรายกระจายถึงมือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกว่า
85,000 ล้านบาท แต่ได้อานิสงจากสายการบินเพิ่มเที่ยวบิน
ไป-กลับ อินเดียมาไทยตลอดปีรวม 16,146 เที่ยวบิน รวมกว่า 2.9 ล้านที่นั่ง
จึงส่งผลดีกับสถานการณ์ปัจจุบันฟื้นตัวกลับมาแล้วกว่า 92.2 % จากฐานปี
2562 ซึ่งมีการเพิ่มเที่ยวบิน และเปิดเส้นทางบินใหม่ ไป-กลับ อินเดียมายังไทย
โดยสามารถปลดล็อกที่นั่งผู้โดยสารใหม่เป็น 42,000 ที่นั่ง/สัปดาห์ จากเดิม 29,759 ที่นั่ง/สัปดาห์
ได้แก่
1.สายการบินอินดิโก เปิดบิน ไฮเดอราบัด-กรุงเทพฯ 2.การบินไทย เปิดบิน
โคชิน-กรุงเทพฯ 3.ไทยแอร์เอเชีย เปิดบิน วิศาขาปัฏฏนัม-กรุงเทพฯ 4.ไทย ไลอ้อน แอร์
เปิดบิน มายังกรุงเทพฯ จาก เมืองอัมริตสาร์กัลกัตตา โคชิน และอาห์เมดาบัด ทำให้อินเดียตัดสินใจออกเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น
ส่วนกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวอินเดียคนที่
2 ล้าน
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ธันวาคม
2567
ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับ ททท.มุ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความสำเร็จทางการตลาดที่สามารถกระตุ้นอินเดียมาเที่ยวเมืองไทยสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ด้วยแรงดึงดูด 3 ปัจจัย
ได้แก่
ปัจจัยที่ 1 มาตรการรัฐบาลเปิดฟรีวีซ่า
ให้กับประชากรในอินเดีย และประเทศอื่น ๆ
ทำให้นักท่องเที่ยวขยายตัวเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยที่ 2
สายการบินเปิดเส้นทางการบินเพิ่มตามเมืองศักยภาพในอินเดีย รวมทั้งผลการเจรจาปลดล็อกเพิ่มที่นั่งเที่ยวบิน
(Seat Capacity) ใหม่เป็น
42,000 จากเดิม 29,759 ที่นั่ง/สัปดาห์
ปัจจัยที่ 3
ททท.ทำกิจกรรมการตลาดเชิงรุกในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจัดงานส่งเสริมการขายท่องเที่ยวเมืองไทย
เช่น งาน South Asia's Travel & Tourism Exchange (SATTE) 2025
งาน Outbound Travel Mart (OTM) 2025 และงาน India
International Travel & Tourism Fair and Exhibition (ITB India) และส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์
Amazing Thailand ช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในใจนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมาใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นต่อไป
ข่าวที่
5- บางจากแจกของขวัญปีใหม่ตรึงราคาน้ำมัน-เติม8ความสุข
นายเสรี
อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจาก “เติมความสุข”
เทศกาลปีใหม่ ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ ที่เข้าร่วมรายการ
โดยขอประกาศตรึงราคาน้ำมันและลดค่าใช้จ่ายให้ผู้บริโภค 8 รายการ ดังนี้
1.เติมความสุขให้เต็มถัง เริ่ม 28 ธันวาคม 2567-2 มกราคม 2568
จะตรึงราคาน้ำมันไม่ปรับขึ้นแม้ราคาน้ำมันตลาดโลกจะปรับขึ้น
และหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง ก็จะปรับลดราคาลงด้วย
เพื่อร่วมแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้ผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและฉลองเทศกาลแห่งความสุขกับครอบครัว
2.เติมความสุขให้ลูกค้าและชุมชน
โดยคัดสรรผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตรที่ทั้งอร่อย และมีประโยชน์
“ข้าวกล้องป๊อบ 4 ภาค” นำมาสมนาคุณลูกค้าสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ เมื่อเติมบางจากแก๊สโซฮอล์ชนิดใดก็ได้ครบทุก
1,200 บาท รับฟรี ข้าวกล้องป๊อบ 4 ภาค 1 ซอง มูลค่า 15 บาท เริ่มวันนี้ -28
กุมภาพันธ์ 2568
3.เติมความสุข เติมแรงให้ทั้งรถทั้งคน เมื่อสมาชิกบางจากกรีนไมลส์เติมน้ำมันบางจากดีเซลทุกชนิดครบทุก
1,200 บาท รับฟรีทันทีเครื่องดื่ม M-150 จำนวน 1 ขวด มูลค่า
12 บาท เริ่มวันนี้-28 กุมภาพันธ์ 2568
4.เติมความสุขสดชื่นกับน้ำดื่มขวดใหญ่ รับน้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร 1 ขวด มูลค่า
15 บาท ฟรี เมื่อเติมน้ำมันบางจากชนิดใดก็ได้ครบทุก 900 บาท เริ่มวันนี้-28
กุมภาพันธ์ 2568
5.เติมความสุขอย่างมั่นใจก่อนการเดินทาง ในโครงการ “ตรวจรถฟรี
ขับขี่ปลอดภัยกับ FURiO Care” ซึ่งบางจากฯร่วมกับกรมการขนส่งทางบก
บริการตรวจเช็กรถฟรี 11 รายการ พร้อมให้คำแนะนำที่ศูนย์ FURiO Care และWASH PRO ในสถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมโครงการ
เริ่มวันนี้-31 มกราคม 2568 และน้ำมันหล่อลื่น FURiO ราคาพิเศษลดสูงสุด
40% ตรวจสอบสาขาที่ร่วมรายการพร้อมรายละเอียดทาง https://www.bcpcarcare.com/th/Promotion/detail/HNY2024
6.เติมความสุขอย่างอุ่นใจก่อนเดินทาง สมาชิกบางจากกรีนไมลส์ใช้เพียง
9 คะแนน แลกรับแผนความคุ้มครอง “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ
(ไมโครอินชัวรันส์)” สมัครได้ตั้งแต่วันนี้-28 กุมภาพันธ์ 2568
กรมธรรม์มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน ดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.bcpgreenmiles.com
7.เติมความสดชื่นกับอินทนิล ซื้อเครื่องดื่ม 2 แก้ว รับฟรีอีก 1 แก้ว
ระหว่างวันที่ 23-27 ธันวาคม 2567 และสมาชิกบางจากกรีนไมลส์เติมน้ำมันครบ 100 บาท
นำใบเสร็จรับส่วนลด 5 บาท เมื่อซื้อเครื่องดื่มและสินค้าที่ร้านอินทนิล เริ่มวันนี้-1
มกราคม 2568 ที่ร้านอินทนิลที่ร่วมรายการ แล้วยังมีเมนูใหม่ล่าสุดเป็น Boost
Up Smoothies ‘น้ำผลไม้อินจู๊ซ’ เครื่องดื่มผักผลไม้ปั่นกับบูสเตอร์
มีประโยชน์ สดชื่นดีต่อสุขภาพ มี 5 รสชาติ ให้เลือก เปิดขายแล้วตั้งแต่ 16 ธันวาคม
2567
8.เติมพลังไฟให้รถ เติมความสดชื่นให้คน ด้วยจุดบริการ EV Charging
Station ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ที่มีมากกว่า 355 สาขา 1,076
หัวจ่าย บนเส้นทางหลักทุกระยะ 100 กิโลเมตร
ครอบคลุมทุกทิศทั่วไทย ทั้งขาเข้าและขาออกเมือง รองรับรถ EV หลากหลายรุ่น
หลากหลายแบรนด์ ระหว่างชาร์จก็พักดื่มกาแฟผ่อนคลายที่ร้านอินทนิล
หรือช้อปปิ้งในร้านสะดวกซื้อได้ ดูรายละเอียดจุดบริการ EV Charging Station
ได้ที่ Bangchak Mobile Application
กลุ่มบางจาก
สนับสนุนการเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข
และปลอดภัยตลอดวันหยุดเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ช่วงที่ 2 ออกมาเที่ยวเทศกาล “พิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน” ทั่วไทย เสาร์ 21-อาทิตย์ 22 ธ.ค.นี้ เชียงใหม่จัดยาวถึง 28-29
ธ.ค.67 แต่ละแห่งมีกิจกรรมซอฟท์ พาวเวอร์ ชม
ชิม ช้อป สนุก ๆ เพียบ แล้วฟัง “5ผลไม้กินอย่างเหมาะสม”
ช่วยชะลอวัยได้นะ ตามติดข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “สรวงศ์ เทียนทอง”
นั่งรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว 3 เดือน เปิด 5 ผลงาน ข่าวที่สอง “รมช.มนพร” นำวิทยุการบิน มอบของขวัญปีใหม่ใช้ I-SMART
บริหารเที่ยวบินสะดวกรวดเร็ว 1.8 เที่ยวบิน
ท่องเที่ยว
–ชวนเที่ยว“พิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน” ทั่วไทย 52 แห่งไฮไลต์
5พิกัด
ออกมาเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ให้ฉ่ำ
ๆ “พิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน” หรือ Night at the Museum Festival 2024
กับกรมธนารักษ์ จัดให้นักท่องเที่ยวได้ชมทั่วประเทศวันเสาร์-อาทิตย์ 21-22 ธันวาคม
และ 28-29 ธันวาคม
2567
โดยมีพิพิธภัณฑ์ของกรมธนารักษ์ให้ชมด้วย
5 แห่ง ได้แก่ พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ พิพิธบางลำพู พิพิธตลาดน้อย
พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น และพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดเชียงใหม่ แต่ละแห่งมีเรื่องราวและกิจกรรมที่น่าสนใจชวนไปเช็คอินได้ใน
4 ภาค
5 พิกัด
พิกัดที่
1 พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ ภายใต้ชื่องาน
“จังหวะกะเหรียญ” 20-22 ธันวาคม นี้ เวลา 17.00-22.00 น. สนุกกับ 5 กิจกรรม
คือ 1. ชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน 2. นิทรรศการพิเศษ เงินตรากับเพลงลูกทุ่ง 3. Workshop
ชุมทางงานศิลป์ 4. Workshop ระบายสีเครื่องปั้นดินเผา 5. Workshop
ยาดมสมุนไพร พร้อมรับชมการแสดงดนตรีเพลงลูกทุ่งจากนักเรียนนักศึกษา
และฉายหนังกลางแปลง
พิกัดที่
2 พิพิธบางลำพู ภายใต้ชื่องาน “สวัสดีบางลำพู”
วันที่ 20-22 ธันวาคม นี้ เวลา 17.00-22.00 น.
เพิ่มประสบการณ์ดี ๆ 5
กิจกรรม คือ 1.
ชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน 2. กิจกรรมสาธิตการปักชุดโขน-ละคร และ Workshop การทำมาลัยจากกระดาษทิชชู
ขนม และเครื่องหอมไทย 3. การแสดงจากเด็กและเยาวชนในชุมชนบางลำพู 4. ตลาดไทยชูรส
ตลาดไทยทำ ช้อปสินค้าและของดีจากชุมชน 5.พิเศษชมวิวป้อมพระสุเมรุ
และฉายหนังกลางแปลงบนดาดฟ้าพิพิธบางลำพู นักท่องเที่ยวจะได้รับพาสปอร์ตสวัสดีบางลำพู
ไว้สะสมตราประทับภายในงานเพื่อแลกรับของที่ระลึกฟรี 100 คน/วัน
พิกัดที่
3 พิพิธตลาดน้อย ภายใต้ชื่องาน “อัตลักษณ์ไทย-จีน
ตั๊กลักเกี้ยไนท์” วันที่ 20-22 ธันวาคม นี้ เวลา 17.00-22.00 น. สนุกกับ 3 กิจกรรม
คือ 1. ชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน และพิเศษด้วยการเปิดระเบียงให้ขึ้นชมวิว 2. Workshop
ทำของเล่นและอาหาร 3.ชม
ชิม ช็อป ตั๊กลักเกี้ย ไนท์มาร์เก็ตของดีจากชุมชนตลาดน้อย
พิกัดที่
4 พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น
ภายใต้ชื่องาน “เดือนธันวา ผ้าขาวม้า ท้าลมหนาว (NIGHT AT THE MUSEUM)” ในวันที่
20-22 ธันวาคม 2567 เวลา 10.00-22.00 น. พบกับกิจกรรม 1. COINS พาเบิ่งนิทรรศการในยามค่ำคืน
2. COINS พาม่วน ชมการแสดงละครเพลง คาบาเรต์โชว์
และการแสดงดนตรี 3. COINS พาเฮ็ด กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ 4. COINS
มาโชว์ การประกวด AMBASSADORS ผ้าขาวม้า
SOFT POWER ขอนแก่น 5. COINS พาชิม
อาหารและเครื่องดื่มจากร้านค้าท้องถิ่น
พิกัดที่
5 พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดเชียงใหม่ จัดในธีม
“Coinlorful Night : ลาย เส้น เล่นสี” วันที่ 28-29 ธันวาคม 2567
เวลา 16.00-22.00 น. ร่วมเรียนรู้ 5
กิจกรรม 1. ชมนิทรรศการยามค่ำคืน 2. Workshop
ระบายสีกระเป๋าผ้าลวดลายเงินตราและอาคารบ้านทิพวรรณ 3. ออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหรียญ
และผลงานศิลปะ 4. การออกร้านค้าจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 5.เพลิดเพลินกับชมการแสดงดนตรี
ภายในงานได้จัด “นิทรรศการความรู้เกี่ยวกับเหรียญกษาปณ์”
พร้อมกิจกรรมพิเศษ พร้อมของขวัญที่ระลึก กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์วัฒนธรรม
ชูของดี ของเด่น ในแต่ละเพื้นที่ โชว์พลังซอฟท์ พาวเวอร์
ที่จะนำไทยสร้างความยั่งยืน
สุขภาพ –5
ผลไม้กินอย่างเหมาะสม!!“ช่วยชะลอวัย-ลดความแก่”ได้
รู้หรือไม่ว่าสัญญาณแห่งวัยที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าและผิวกายสามารถชะลอวัยได้ด้วย
“การกินอาหารที่เหมาะสม” เพราะอาหารบางชนิดมีส่วนช่วยทำให้ผิวอ่อนเยาว์
ช่วยชะลอวัย ต้านความชราได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำ 5 ชนิดดังนี้
1.ผักโขม-มีส่วนช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งยังจัดอยู่ในประเภทของผักที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการเติมออกซิเจนภายในร่างกาย
นอกจากนี้ผักโขมยังอุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี
วิตามินอี วิตามินเค เหล็ก แมกนีเซียม และลูทีน
ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกายของคนเราด้วยกันทั้งสิ้น
2.บร็อคโคลี่ -ช่วยต้านการอักเสบและช่วยต้านการเกิดริ้วรอย
อีกทั้งยังเป็นผักที่มากมายด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี
วิตามินเค เส้นใย ลูทีน โฟเลต แคลเซียม
และสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิดเลยทีเดียว
นอกจากนี้วิตามินซีที่อุดมอยู่ในบร็อคโคลี่ยังมีความสามารถช่วยผลิตคอลลาเจน
ซึ่งเป็นสารที่ช่วยทำให้ผิวของคนเราแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นสุขภาพดีอีกด้วย
3.มะละกอ -คือผลไม้ที่มีความสามารถในการชะลอวัย
ต้านความชรา และช่วยทำให้ผิวอ่อนเยาว์ เนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี และวิตามินเค
อีกทั้งยังมีแร่ธาตุหลากหลายชนิด ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม
และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการบำรุงผิวและสามารถบำรุงสุขภาพโดยรวมได้เป็นอย่างดี
พร้อมทั้งยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวและช่วยลดการเกิดริ้วรอยต่างๆ
ได้ดีด้วยเช่นกัน
4.บลูเบอร์รี -อุดมด้วยวิตามินเอและวิตามินซี
รวมทั้งแอนโธไซยานิน
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพในการช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากแสงแดด
ความเครียด และมลภาวะต่างๆ
โดยสารอาหารเหล่านี้จะช่วยควบคุมการตอบสนองต่อการอักเสบและช่วยป้องกันการสูญเสียคอลลาเจนภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี
5.ทับทิม -อุดมด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพอยู่มากมาย
ทั้งนี้ทับทิมยังถือเป็นผลไม้ที่มีความสามารถในการปกป้องร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ
พร้อมทั้งช่วยลดระดับการอักเสบในระบบต่างๆ ของร่างกายได้ดีเลยทีเดียว
ที่สำคัญทับทิมยังมีสารประกอบที่เรียกว่าสารพูนิคาลาจิน
ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยรักษาคอลลาเจนในผิวหนังและช่วยชะลอสัญญาณแห่งวัยที่เกิดขึ้นบนผิวได้อีกด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –“สรวงศ์ เทียนทอง”นั่งรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ3เดือนเปิด5ผลงาน
“สรวงศ์
เทียนทอง” นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวครบ 3 เดือน เปิด 5 ผลงานเด่น “ท่องเที่ยว” ทำเงินทะลุ 2.4 ล้านล้านบาท “กีฬา” พร้อมยกระดับเป็นฮับสปอร์ตโลก
ปี’68 เอาจริง 2
นโยบาย ภายใต้ “Amazing
Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025”
นายสรวงศ์ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้แถลงผลงานเด่น ๆ ในรอบการรับตำแหน่ง
3 เดือน จะเดินหน้านำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจประเทศเติบโตด้วย 2 นโยบายหลัก
คือ นโยบายแรกยกระดับประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวและกีฬาระดับโลก” ภายในปี
2568 นโยบายที่
2 ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์หลักภายใต้แนวคิด
“Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025”
สร้างความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยวและกีฬา
@สรวงศ์นั่งรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา3เดือนเปิด
5ผลงานเด่น
ผลงานที่ 1 ช่วง 3 เดือนแรก “ด้านการท่องเที่ยว”
สถิติ 11
เดือนครึ่ง ระหว่าง 1 มกราคม
-19 ธันวาคม
2567 การท่องเที่ยวทำรายได้หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศแล้วรวมทั้งสิ้น
2.439 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย
“ตลาดต่างประเทศ” ทำรายได้กว่า 1.573 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวรวม 33.49
ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 27% ส่วน
“ตลาดในประเทศ” รณรงค์คนไทยเที่ยวไทย สร้างรายได้ 8.66 แสนล้านบาท
โดยสนับสนุนนโยบาย
Ease of Traveling กระระทรวงมีส่วนร่วมเพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกให้ต่างชาติเดินทางสู่ประเทศไทย
โดย 1.ยกเว้นวีซ่าให้กับ
90 ประเทศ และ 3 เขตเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมขยายเวลาพำนักจาก 30 วันเป็น 60 วัน ให้กลุ่มไมซ์
/MICE กับคนทำงานได้ดิจิทัลในทุกสถานที่หรือ Digital
Nomad 2.พัฒนาระบบขอวีซ่าออนไลน์
เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงานและเพิ่มความรวดเร็วยื่นขออย่างสะดวกรวดเร็ว
@นโยบายกรีนซั่น-เมืองน่าเที่ยว-7กิจกรรมทำรายได้
ผลงานที่
2 โครงการและกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ประกอบด้วย โครงการ “กรีน ซีซั่นและเมืองน่าเที่ยว” ผ่าน 2 กิจกรรม 7 เทศกาล ดังนี้
กิจกรรมที่
1 Amazing Thailand 365 วัน ส่งเสริมการท่องเที่ยวตลอดปี โดยโปรโมตการท่องเที่ยว
55 จังหวัดน่าเที่ยว สร้างการกระจายรายได้อย่างทั่วถึงสู่ท้องถิ่น โดยใช้กลยุทธ์
ซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง พัฒนาพื้นที่แต่ละเมืองให้โดดเด่นด้วยเรื่องราวผูกเข้ากับเอกลักษณ์เด่นท้องถิ่น
กิจกรรมที่
2 เปิด Thailand
Winter Festivals 2024 ภายใต้แนวคิด
“7 Wonders of Thailand” จัดเทศกาลระดับโลกดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติด้วย
1.เทศกาลแรก ลอยกระทง :คลองผดุงกรุงเกษม
พร้อมงานเฉลิมฉลองทั่วประเทศ สร้างรายได้กว่า 7,932 ล้านบาท
2.เคาท์ดาวน์ 2024 :
จัดงานเฉลิมฉลองพลุและการแสดงศิลปวัฒนธรรมตามจุดสำคัญทั่วไทย
3. Amazing Thailand Marathon
Bangkok : มีผู้สมัครจาก
77 ประเทศ รวมกว่า 33,712 คน สร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึง 660 ล้านบาท
4.อัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี
และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นประจำท้องถิ่น อย่าง มหกรรมงานช้างสุรินทร์ งานใส่ไทยเฟสติวัล จังหวัดอุบลราชธานี
และจังหวัดสุรินทร์
งานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส
5. เทศกาลอาหาร เช่น มหกรรมอาหาร
ฟูดเฟสติวัล งานปลาร้าหมอลำ Isan To The
World, NORTHERN COFFEE GATHERING, Hiddem Gem Food Festival กำลังจะจัด26-29 ธันวาคม 2567 ที่จังหวัดขอนแก่น
6. เทศกาลดนตรี สนับสนุนเอกชนจัดงานระดับโลก
เช่น Wonderfruit และ Rolling Loud Thailand
7. เทศกาลแสงสี (Lighting &
Illumination) : นำโดย Vijit Chao Phraya 2024
ในสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวเกิน 700,000 คน
รวมทั้งการท่องเที่ยวผ่านซอฟท์
พาวเวอร์ มีภาพยนตร์ต่างชาติเลือกมาใช้สถานที่ถ่ายทำในไทยช่วงปี 2567 รวม 440 เรื่อง
สร้างรายได้กว่า 5,820 ล้านบาท โดยเฉพาะหนังดังอย่าง The White Lotus
Season 3 และ Jurassic World 4
ผลงานที่
3
ความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ยกระดับสายด่วน
1155 Tourist Police ให้บริการ 8 ภาษา พร้อมเชื่อมต่อกับสายด่วน 191
และ 1669พัฒนาศูนย์ Command Center รวมข้อมูลจากกล้อง CCTV ด้วยระบบ
AI เพื่อวิเคราะห์และเฝ้าระวังสถานการณ์ล่วงหน้า
@ขับเคลื่อนกีฬามวลชน/อาชีพ/ซอฟท์พาวเวอร์สู่ฮับสปอร์ตโลก
ผลงานที่
4 การดำเนินงานด้านกีฬา มีนโยบาย ประกอบด้วย
1.กีฬาเพื่อมวลชนสนับสนุนการออกกำลังกายและพัฒนากีฬานักเรียน
เช่น ส่งทีมนักกีฬาไทยเข้าร่วมการแข่งขัน
ISF Gymnasiade Bahrain 2024 จัดการแข่งขัน
พลศึกษาเกมส์ ครั้งที่ 47 มีผู้เข้าร่วมกว่า 6,420 คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 134
ล้านบาท
2.กีฬาอาชีพ และซอฟท์
พาวเวอร์ จัดการแข่งขันมวยไทย
เช่น Thai Fight และ Hero Fight สร้างรายได้รวมกว่า
2,336 ล้านบาท จัดอบรมผู้ฝึกสอนและยกระดับมาตรฐานค่ายมวยไทย
571 แห่ง จัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก MotoGP 2024 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้เข้าชม
205,000 คน สร้างเงินหมุนเวียนกว่า 4,759 ล้านบาท จัด HOKA Chiang Mai by UTMB 2024:
การแข่งขันวิ่งเทรลที่โดดเด่น สร้างรายได้รวม 1,145 ล้านบาท
ผลงานที่
5 นโยบายขับเคลื่อนเป้าหมายสู่ปี 2568 หลังจากเริ่มปีงบประมาณตั้งแต่ 1 ตุลาคม
2567
ผ่านการใช้งบประมาณปี 2568 มาแล้ว
1 ไตรมาส
(ตุลาคม-ธันวาคม 2567) ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและกีฬา วางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนกิจกรรมและนโยบายใหม่มุ่งสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ
สร้างแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาไทย ตามนโยบาย “ไปให้ไกล
ไปให้ Grand ในปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา Amazing
Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025”
ทำให้เศรษฐกิจไทยมั่งคั่ง ยั่งยืน
การท่องเที่ยวเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศกระจายเม็ดเงินลงสู่ท้องถิ่นเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี
และยกระดับธุรกิจฐานรากให้เข้มแข็งมั่นคงต่อไป
ข่าวที่สอง –มนพรนำบวท.มอบของขวัญปีบินทั่วไทยI-SMART1.82หมื่นเที่ยว
“รมช.มนพร” นำ บวท.มอบของขวัญปีใหม่
รุกใช้ไฮเทค “I-SMART” บริหารจัดการเที่ยวบินหนาแน่นช่วงเทศกาลเดินทางวันหยุด
7 วัน
27 ธ.ค.-2 ม.ค.68 รวมกว่า18,280 เที่ยว
ส่งสัญญาณดีปี’68
คาดท่องเที่ยวฟื้นเที่ยวบินพุ่งกว่า 1 ล้านเที่ยว
นางมนพร
เจริญศรี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมาย บริษัท
วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) มอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางโดยเครื่องบินช่วงเทศกาลปีใหม่
2568
เตรียมพร้อมโดย บวท.
คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินหยุดต่อเนื่อง 7 วัน ระหว่าง 27 ธันวาคม 2567 - 2 มกราคม 2568
จะมีเที่ยวบินรวม 18,280 เที่ยว เฉลี่ย 2,611 เที่ยว/วัน
เพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันกับปีก่อน 14% ส่งสัญญาณที่ดีต่อเนื่องถึงปี
2568อุตสาหกรรมการบินภายในประเทศจะฟื้นตัวชัดเจนคาดทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 1
ล้านเที่ยว จากปีนี้ 2567
มีรวม 981,270 เที่ยวบิน ทางกระทรวงคมนาคมก็ได้เตรียมจะพัฒนาท่าอากาศยานและระบบเทคโนโลยีต่าง
ๆ รองรับการเติบโตสอดคล้องกับภาคการท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้งด้วยเช่นกัน
@คมนาคมสั่ง
บวท.รับมือไฟลต์ปีใหม่ 7
วัน 1.8 หมื่นเที่ยวบิน
ล่าสุด
บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมบริการนักเดินทางโดยเครื่องบินแบบครบวงจรช่วงวันหยุดปีใหม่
7 วัน
จำนวน 18,280 เที่ยว เติบโตเพิ่ม 14% ภายใต้แนวคิด I-SMART ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม
ด้วยการประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ อำนวยความสะดวกให้ประชาชน
และนักท่องเที่ยวเดินทางได้รวดเร็ว ปลอดภัย ในช่วงเทศกาลซึ่งมีปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้นสูงมาก
จะช่วยป้องกันไม่ให้เที่ยวบินล่าช้า ลดความแออัดเที่ยวบิน พร้อมอำนวยความสะดวกด้านข้อมูลสภาพการจราจรทางอากาศและข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้สายการบินอย่างทั่วถึงรวดเร็ว
@ผู้นำ
บวท.งัดมาตรการเชิงรุกบริหารรันเวย์สนามบินช่วงปีใหม่
นายณพศิษฏ์
จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท
วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า บวท.
เตรียมมาตรการรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ตามนโยบายรัฐบาล
และกระทรวงคมนาคม จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานทางวิ่ง (High
Intensity Runway Operation) หรือ HIROs จะจัดระยะห่างเครื่องบินขาเข้าและขาออกให้กระชับตามกฎเกณฑ์มาตรฐานและสัมพันธ์กับค่าการใช้เวลาบนทางวิ่งของอากาศยาน
(Runway Occupancy Time) เพื่อให้รองรับปริมาณเที่ยวบินได้มากที่สุด
สามารถใช้ทางวิ่งร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพิ่มเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจราจรทางอากาศ ตามข้อกำหนดทางขับ (Preferred-Exit
Taxiway) ที่เหมาะสมให้อากาศยานใช้ออกจากทางวิ่งโดยใช้เวลาบนทางวิ่งน้อยที่สุด
@บวท.โชว์โปรเจกต์HIROsรับเที่ยวบินเพิ่มช่วงจราจรหนาแน่น
สำหรับโครงการ HIROs ของ
บวท.จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินที่ 1.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเป็น
94 เที่ยว/ชั่วโมง จากเดิมรับได้ 68 เที่ยว/ชั่วโมง 2.ท่าอากาศยานดอนเมือง
จะเพิ่มเป็น 57-60 เที่ยว/ชั่วโมง จากเดิม 52 เที่ยว/ชั่วโมง
ผนวกกับการขยายขีดความสามารถด้านการปฏิบัติการบินและการกำหนดความเร็วของอากาศยาน
ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์และคำแนะนำการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศ
เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างอากาศยานบนแนวร่อนให้คงที่ เครื่องบินสามารถทำการลงได้อย่างปลอดภัย
อีกทั้ง บวท. ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ดูแลทั่วทุกบริเวณอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะ พื้นที่การควบคุมการจราจรทางอากาศและวิศวกร การเตรียมมาตรการรองรับกรณีสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด
24 ชั่วโมง ตอบสนองประชาชนผู้ใช้บริการเดินทางอย่างปลอดภัย ถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ
ตามแผนงานกระทรวงคมนาคม ภายใต้แนวคิด I-SMART ประกอบด้วย
I - Inclusive ระบบขนส่งที่เข้าถึงทุกคน
S - Safe, Security and
Sustainable ความปลอดภัย มั่นคง และยั่งยืน M -
Multimodal Transport การคมนาคมขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ A -
Approachable สะดวก, R - Reasonable Price ราคาสมเหตุสมผล,
T - Timely and Technology ตรงเวลาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น