ผ่าปม“ทย.-ทอท.”ชิงบริหารสนามบินภูมิภาค29แห่ง
กรมท่าอากาศยานขอ2ปีจัดทัพคลัสเตอร์ฮับ-รายได้
คิงเพาเวอร์ฉลองปีที่28แจกคูปองลดดิวตี้ฟรี 4 แห่ง
อีสานเปิดแลนด์มาร์ก 5 แหล่งท่องเที่ยวห้ามพลาด
บีพีซีจีเครือบางจากจับมือแสนสิริสร้างบ้านโซลาร์รูฟ
ทอท.เพิ่ม3ช่องทางเข้าดอนเมือง 6พ.ย.60-ก.ย.61
เที่ยว “บ้านสันลมจอย”เชียงใหม่ ชุมชนสุดพอเพียง
เปิดเบื้องลึกอารีพงษ์ลุกจากเก้าอี้ประธานฯบินไทย
ผ่า5เทรนด์โลก5ปีหน้าท่องเที่ยวจีนคุมเศรษฐกิจโลก
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.
ติดตามได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
ช่วงที่ 1 เกาะติดสัมภาษณ์เจาะลึก “คุณดรุณ แสงฉาย” อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) กระทรวงคมนาคม ในรายการถึงแผนยกเครื่องสนามบินภูมิภาคเพื่อผ่าทางรอดครั้งใหญ่ 29 สนามบิน ก่อนที่รัฐบาลจะทุบโต๊ะยกให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” นำทั้งหมดไปบริหารแทน โดย ทย.ขอเวลา 2 ปี เพื่อสร้าง “Cluster Aviation Hub” กับทำโครงสร้าง “รายได้” การบินและเชิงพาณิชย์ระบบใหม่ให้สมบูรณ์ภายในปี 2562
“คุณดรุณ แสงฉาย” เปิดเผยว่าปัจจุบันศักภาพความสามารถให้บริการของสนามบินภูมภาคที่อยู่ในความดูแลของ ทย. กระจายตัวทั่วประเทศ 29 สนามบิน พร้อมที่จะปรับแผนพัฒนาเป็นศูนย์กลางของแต่ละภาคโดยจัดทำเป็นคลัสเตอร์ ฮับ การบินภาค ประกอบด้วย
“ภาคอีสาน” มี อุดรธานี อุบลราชธานี โดยเฉพาะ “ขอนแก่น” เป็นจุดตัดของ GMS รถไฟไทย-จีน ถนนมิตรภาพสู่หนองคาย จึงมีศักยภาพการเติบโตสูงมาก ทางจังหวัดจึงทำระบบโครงข่ายการขนส่งรอบรับ แต่โดยรวมขอนแก่นก็มีข้อจำกัดถูกเมืองล้อมสนามบิน ส่วนอุดรธานี รับผู้โดยสารจาก สปป.ลาว และอุบลราชธานีดูแลการกระจายตัวทางอีสานใต้
“ภาคใต้” มีสนามบิน ทอท.อยู่คือ ภูเก็ต ขณะนี้มีผู้ใช้บริการค่อนข้างแน่นปีละ 3-14 ล้านคน จึงมี “กระบี่” รองรับจำนวนที่นักเดินทางเพิ่มขึ้น ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กทพ.) หน่วยงานกำกับดูแลสนามบินของกระทรวงคมนาคมได้เข้ามาศึกษาทำแผนแม่บท ควบคู่กับทาง ทย.รับลูกมาศึกษาครอบคลุมทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย คำนึงถึงฮับเพื่อเป็นสนามบินภูมิภาคสนับสนุนการท่องเที่ยวเติบโตอย่างมาก
“ภาคเหนือ” ทอท.มีเชียงใหม่ เชียงราย ส่วนของ ทย.มีสนามบินขนาดเล็ก แม่ฮ่องสอน ลำปาง น่าน โดยมีเชียงใหม่เป็นหลักปัจจุบันการจราจรเริ่มแออัด ทาง กทพ.จึงเริ่มศึกษาเพื่อสร้างที่ “บ้านธิ” ลำพูน กำลังประเมินแนวทางจะดำเนินการต่ออย่างไรในอนาคต
โดยภาพรวมกรมท่าอากาศยานกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พยายามจะร่วมมือกันสร้าง “คลัสเตอร์ ฮับการบิน 3 ภูมิภาค” ให้เกิดเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ “กรมท่าอากาศยาน” ได้จัดเตรียมสนามบินศูนย์กลางของแต่ละภาคไว้ในเบื้องต้น ได้แก่ “ภาคใต้” เตรียมศึกษาความเป็นไปได้การสร้างสนามบินแห่งใหม่จังหวัดพังงา “ภาคเหนือ” เตรียมก่อสร้างสนามบินจังหวัดลำพูน ส่วน “ภาคอีสาน” ยังคงปักหลักที่ขอนแก่นในฐานะเมืองที่เป็นจุดตัดคมนาคมครบวงจร
อธิบดีดรุณ กล่าวว่า ตามที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เดินทางมาตรวจเยี่ยมกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พร้อมทั้งให้นโยบายเกี่ยวกับความสำคัญของการท่องเที่ยวภาคใต้ เชื่อมโยงการดูแลสนามบินภูมิภาคภาคใต้ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ จีน ยุโรป อินเดีย สนใจเดินทางเข้ามาจำนวนมาก สนามบินจึงมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยวางแผนยกระดับเป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่ รวมทั้งให้ไปร่วมหารือกันภายในระหว่าง ทย.กับ ทอท.ถึงความเหมาะสมในการบริหารสนามบินภูมิภาค 29 แห่งให้เสร็จสิ้นภายในพฤศจิกายนนี้
ส่วนเรื่องการจัดทำ “โครงสร้างรายได้สนามบิน” นับจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นมากกว่าบริการโครงสร้างพื้นฐาน แต่จะต้องมีรายได้เลี้ยงตัวเองด้วยนั้น อธิบดีกรมท่าอากาศยานยืนยันว่ากรมท่าอากาศยานมีบทบาทดำเนินการและให้บริการ (Airport Operator) แก่ทั้งประชาชนทั่วไป สายการบิน และผู้เกี่ยวข้องกับการขนส่ง เมื่อมีทรัพย์สินโดยหลักธรรมชาติต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สายการบินจะเป็นกลุ่มพันธมิตรสำคัญก็ได้พูดคุย ประการแรก คุยกันถึงการสนับสนุนระหว่างกันเนื่องจากสายการบินจะต้องทำวิเคราะห์การตลาดเชิงรุกเพื่อเพิ่มจุดบินใหม่ โอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ส่วนกรมท่าอากาศยานต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการท่องเที่ยว การขนส่งเชื่อมโยงทางรถ และจุดบินต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่น ๆ แก่สายการบิน สิ่งที่ทำได้เพิ่มมาตรการเพื่อจูงใจ ทั้งค่าเช่าพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบิน เปิดสำนักงานสายการบิน และอื่น ๆ ที่จะสร้างแรงจูงใจได้
ผลประโยชน์หลักคือ “ต้องการกระจายผู้โดยสาร” ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล อันจะเป็นการทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มตามท้องถิ่นต่าง ๆ ส่วนลดที่ทางกรมท่าอากาศยานมอบให้แก่สายการบินเพื่อให้นำไปเป็นส่วนลดค่าบริการให้แก่ผู้โดยสารอีกต่อหนึ่ง ในการกระตุ้นให้เดินทางเข้ามายังจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวทุกภาคของไทย
การเกิดขึ้นของสายการบินต้นทุนต่ำ หรือ low cost airline มาตั้งแต่ปี 2553-554-2555 จนกลายเป็น “จุดเปลี่ยนใหญ่ของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย” มาจนถึงขณะนี้ เพราะผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ส่งผลและอานิสงส์ถึงเศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโตตามไปด้วย
ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ส่วนลดค่าบริการต่าง ๆ มูลค่ารวมปีละกว่า 1,000 ล้านบาท แก่ผู้ประกอบการสายการบินปกติและโลว์คอสต์แอร์ไลน์ส ที่ใช้บริการขึ้นลงตามสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยาน เพื่อให้สายการบินไปทำโปรโมชั่นมอบส่วนลดนำผู้โดยสารเข้าสู่ภาคต่าง ๆในระดับท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอด
กรมท่าอากาศยานยังได้ร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จังหวัด สมาคมท่องเที่ยวจังหวัด สมาคมโรงแรมภาคต่าง ๆ ตัวอย่างเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ผมและทีมงานกรมท่าอากาศยาน ลงพื้นที่จังหวัดระนอง พร้อมหารือกับ ททท.หน่วยงานราชการต่าง ๆ ในพื้นที่ สมาคมท่องเที่ยว ระดมความเห็นถึงการวางแผนถึงการวางฟังก์ชั่นเพื่อความเหมาะสมที่จะทำเป็น “Tourist Airport -สนามบินเพื่อการท่องเที่ยว” ซึ่งได้รับข้อเสนอแนะมากมาย ถึงจุดเด่นของระนองเป็นเมืองสุขภาพแหล่งน้ำแร่ และธรรมชาติสวยงาม เป็นเมืองศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ขณะเดียวกันก็ต้องพึ่งพาสนามบินซึ่งมีทั้งเรื่องความปลอดภัย และโปรดักซ์ที่จะนำเสนอขายแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามายังระนอง
สำหรับแผนการจัดทำ “Tourist Airport -สนามบินเพื่อการท่องเที่ยว” นั้น กรมท่าอากาศยานวางแผนนำร่องทำอีก 2 สนามบิน คือ “สนามบินน่าน” และ บุรีรัมย์ เป็นโครงการนำร่องทั้งหมด 3 แห่ง
หากทำสำเร็จก็จะทำให้เกิดการท่องเที่ยว การบิน และสายการบินต่าง ๆ เกิดความเข้าใจชัดเจนถึงเป้าหมายของกรมท่าอากาศยานที่จะพัฒนาสนามบินไปสู่การเป็นประตูเศรษฐกิจท้องถิ่นของทุกภาค
อธิบดีดรุณย้ำว่าแต่ละปีทั้ง 29 สนามบิน ซึ่งนับรวม “สนามบินเบตง” ไว้ด้วยโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อยู่นั้น ภาพรวมแล้วทั้งหมดสามารถทำรายได้ปีละเกินกว่า 1,400 ล้านบาท จากการที่สนามบินภูมิภาคมีส่วนแบ่งผู้โดยสารเดินทางโดยเครื่องบินประมาณ 15-16 % ของทั้งประเทศ
ปีงบประมาณ 2560 มีผู้โดยสารใช้บริการผ่านเข้าออกทางท่าอากาศยานภูมิภาคทั้งหมดกว่า 20 ล้านคน จึงมีรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมการบินและค่าธรรมเนียมผู้โดยสารใช้สนามบิน ค่าเช่าพื้นที่ และค่าบริการต่าง ๆ รวมแล้วเกิน 1,400 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายมีปีละประมาณ 800 ล้านบาท (ค่าบริหาร เงินเดือน ไม่รวมเงินลงทุน) จึงมีเงินเหลือคิดเป็นกำไรราว ๆ 600 ล้านบาท
ส่วนการจัดทำโครงสร้างรายได้ระหว่าง “รายได้ที่มาจากการบินโดยตรง – AERO “ และ รายได้เชิงพาณิชย์จากกิจกรรมอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการบิน หรือ Non AERO /Commercial” อยู่ในแผนงานที่กรมท่าอากาศยานจะต้องทำในอนาคตด้วยการเพิ่มรายได้ ควบคู่กับการลดรายจ่าย
รายได้เดิมมาจากค่าเช่าอาคารผู้โดยสาร แต่สนามบินภูมิภาคส่วนใหญ่ของกรมท่าอากาศยานยังมีจุดแข็งคือ มีที่ดินผืนใหญ่ ตัวอย่าง สนามบินระนอง และสนามบินเพชรบูรณ์ มีที่ดินแห่งละกว่า 2,400 ไร่ กำลังดำเนินการแยกพื้นที่ในส่วนกิจกรรมในเชิงพาณิชย์ ตามปกติจะต้องมีกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการเดินทางอย่าง อาคารผู้โดยสาร หลุมจอดเครื่องบิน
นับจากนี้เป็นต้นไป กรมท่าอากาศยาน ต้องเดินหน้าดำเนินการวางแผนหารายได้จากพื้นที่ที่มีอยู่โดยรอบสนามบิน ด้วยวิธี “หาผู้ร่วมทุน” ในแบบ ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและเอกชน หรือ Public Private Partnership : PPP เพื่อสร้างรายได้มากขึ้น สำหรับรายได้ภายในท่าอากาศยานก็เร่งจัดระบบอย่างเหมาะสมต่อไป
ผมยอมรับรายได้ที่มาจากกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบินนั้น สนามบินภูมิภาคยังทำได้น้อยอยู่ประมาณปีละเพียง 10 % ของรายได้ทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังต่ำอยู่เพราะกรมท่าอากาศยานเพิ่งจัดตั้งได้เพียง 2 ปีกว่าเท่านั้น และตั้งขึ้นในช่วงองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ปักธงแดงประเทศไทยพอดี กระทรวงคมนาคมจึงมีนโยบายให้แยกมาตั้งกรมท่าอากาศยาน และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ขึ้น ฉะนั้นจึงเป็นช่วงรอยต่อการจัดทำปรับเปลี่ยนกฎระเบียบให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
สำหรับรายได้จากกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่ยังต่ำอยู่นั้น มองอีกด้านก็เป็นข้อดีที่ประชาชนจะได้ใช้บริการในราคาถูกด้วย
ส่วนปีงบประมาณ 2561 กรมท่าอากาศยานจะเริ่มเดินหน้าปรับใหม่ในการหาผู้ประกอบการเข้ามาดำเนินงานอย่างชัดเจนมากขึ้น
กรมท่าอากาศยานขอย้ำว่าได้ให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยตามหลักสากล ซึ่งปัจจุบันสนามบินภูมิภาคอยู่ในเกณฑ์เป็นสนามบินปลอดภัยด้านบุคลากรและเครื่องมือทั้งทางด้าน การตรวจอาวุธ รถดับเพลิง พนักงาน กรณีอุปกรณ์เครื่องเอ็กซ์เรย์ได้เริ่มนำร่องทำตามแบบสากลแล้วที่ สนามบินกระบี่ ทำเป็น In-Line Sceening คือเช็คอินพร้อมกับมีสายพานเอ็กซเรย์สัมภาระกระเป๋าโดยผู้โดยสารจะไม่ได้สัมผัสกระเป๋าอีกต่อไป จึงทำให้พื้นที่ในอาคารผู้โดยสารมีจำนวนมากขึ้น สะดวกแก่บริการอื่น ๆ แตกต่างจากเดิมใช้วิธีเอ็กซเรย์จากด้านนอกเคาน์เตอร์เช็คอิน แต่สนามบินภูมิภาคอีกเป็นจำนวนมาก
ในปีต่อไปจะขออนุมัติงบประมาณภายในปี 2562 จะเดินหน้าจัดทำระบบมาตรฐานการเอ็กซเรย์สัมภาระ In-Line Sceening ให้เป็นระบบสากลครบทั้ง 29 สนามบิน ซึ่งเป็นไปตามกฎของ ICAO ด้วย ล่าสุดทางทีม ICAO เดินทางมาประเทศไทยเพื่อตรวจสนามบินนานาชาติในประเทศไทย ทางสนามบินภูมิภาคเองก็เตรียมความพร้อมให้สุ่มตรวจด้วยเช่นกัน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีนโยบายชัดเจนให้ทุกฝ่ายในทุกสนามบินภูมิภาคเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาสำหรับให้เจ้าหน้าที่ ICAO เข้าตรวจได้ทุกสถานการณ์
ต้องจับตาดูภายในเดือนพฤศจิกายน นี้ “กรมท่าอากาศยาน” กับ “บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) -ทอท.”จะต้องทำข้อสรุปเสนอกระทรวงคมนาคมว่าจะให้หน่วยงานใดบริหารสนามบินภูมิภาคทั้ง 29 แห่ง และช่วงเดือนธันวาคมนี้ต้องติดตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะขานรับเรื่องนี้อย่างไรต่อไป เนื่องจากอนาคตสนามบินภูมิภาคจะเป็น “กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น” อย่างแท้จริง เนื่องจากโลกของบริการโลจิสติกส์ให้แก่กลุ่มคอนซูเมอร์ คน สัตว์ สิ่งของ ก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ฉลอง28ปีแจกคูปองช้อปดิวตี้ฟรี4แห่ง”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ในโอกาสฉลองครบรอบ 28 ปี ตลอดเดือนพฤศจิกายน ระหว่าง1 – 30 พฤศจิกายน 2560 นี้ พบโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์เพียงลงทะเบียน รับทันที คูปองส่วนลดมูลค่า 500 บาทสำหรับช็อป 5,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยาและภูเก็ตเท่านั้น ตรวจสอบแบรนด์สินค้าและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ ณ.จุดขาย คูปองส่วนลดจะหมดอายุ วันที่ 5 ธันวาคม 2560 และสามารถใช้ร่วมกับส่วนลดหน้าบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ และรายการผ่อน 0 % คูปองจะหมดอายุ วันที่ 5 ธันวาคม 2560
กติกาการรับคูปอง จำกัด 1 สิทธิ์ / ท่าน / วัน พร้อมทั้งจะงดส่งเสริมการขาย 16 พ.ย. 60 ตั้งแต่ เวลา 18.00 -24.00 น. และ17-19 พ.ย. 60 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และงด 24-26 พ.ย. 60 ที่ คิง เพาเวอร์ พัทยาและภูเก็ต
ส่วนคูปองส่วนลด 30% ของสมาชิกคิง เพาเวอร์ VEGA & CROWN ไม่สามารถร่วมรายการ เช่นเดียวกับบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ – ไทยพาณิชย์ และบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ – กสิกรไทย
ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ www.kingpower.com หรือคอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “เที่ยวไทยอีสานหน้าหนาวใน5แลนด์มาร์กเด็ด”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แนะนำการท่องเที่ยวต้อนรับลมหนาวตั้งแต่พฤศจิกายน นี้เป็นต้นไป ชวนไปเที่ยวเก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง ใน5 แลนด์มาร์คเด็ดแดนอีสาน
แห่งที่ 1 อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง บ้านตาเป็ก ต.ตาเป็ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์
ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์ ตัวปราสาทหินพนมรุ้งเป็นหนึ่งในปราสาทหินซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบขอมที่มีชื่อเสียง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15-18 สร้างขึ้นบนภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว
และในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 เมษายนของทุกปี พบกับความมหัศจรรย์พนมรุ้ง ชมปรากฏการณ์มหัศจรรย์ แสงตะวันส่องทะลุประตู 15 ช่อง ของประสาทหินพนมรุ้ง
แห่งที่ 2 พญาศรีสัตตนาคราช ลานศรีสัตตนาคราช เทศบาลเมืองนครพนม จ.นครพนม
พญาศรีสัตตนาราช ประดิษฐาน บนลานศรีสัตตนาคราช ริมฝั่งแม่น้ำโขง จ.นครพนม ถือเป็นเป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน ซึ่งใช้เวลาในการสร้างนานเกือบ 5 ปี ที่สำคัญองค์พญาศรีสัตตนาคราชองค์นี้ จะไม่มีที่ใดเหมือนเพราะมีสร้อยสังวาล คล้องคอ เหมือนกับลวดลายที่ซุ้มประตูขององค์พระธาตุพนม เพื่อแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของจังหวัดที่สืบสานต่อเนื่องมายาวนาน
แห่งที่ 3 ภูทอก บ้านคำแคน ต.นาแสง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
ภูทอก หรือ "วัดเจติยาคีรีวิหาร" ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เหมาะแก่การบำเพ็ญธรรมของภิกษุ-สามเณรและพุทธศาสนิกชนทั่วไป ภูทอก มี 2 ลูก คือภูทอกใหญ่และภูทอกน้อยส่วนที่นักแสวงบุญและ นักท่องเที่ยวทั่วไป สามารถชมได้คือ ภูทอกน้อย สวนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม
จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก แบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งจะมีจะมีบันไดไม้ให้เดินแบบตรงทอดยาวจนถึงจุดสูงสุดของยอดภูทอก
แห่งที่ 4 ผาสุดแผ่นดิน ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ
เป็นจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด “ผาสุดแผ่นดิน” เป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ มีความสูง 846 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถมองลงไปเห็นวิวเบื้องล่าง เป็นภูเขาสีเขียวสลับซับซ้อนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา ในจังหวัดลพบุรี
แห่งที่ 5 วิมานพญาแถน (พญาคันคาก) ถ.แจ้งสนิท อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร
เป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดยโสธร เห็นตั้งเด่นอยู่ริมลำน้ำทวนในตัวเมืองยโสธร คือตัวอาคารพญาคันคากขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิมานพญาแถน ที่นอกจากนี้ยังมีอาคารพญานาคอีกด้วย อาคารพญาคันคาก เป็นอาคารประติมากรรม เป็นรูปพญาคันคาก
ภายในตัวอาคาร จะมีการจัดเป็นนิทรรศการ เกี่ยวกับประวัติ ความสำคัญ ความเชื่อต่างๆที่เกี่ยวกับวิถีคนอีสาน ตำนานบั้งไฟ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่พักผ่อนอันยิ่งใหญ่ สวยงาม ของจังหวัดยโสธร
ข่าวที่ 3 “บีซีพีจีผนึกแสนสิริลุยทำบ้านพลังงานแสงแดด”
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในเครือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จับมือกับนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของไทย โดยบีซีพีจีในฐานะผู้ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนา Smart Green Energy Community หรือชุมชนพลังงานสีเขียวอัจฉริยะร่วมกัน เป็นแผนร่วมกันในระยะยาว 5 ปี เบื้องต้นมีโครงการของแสนสิริจะข้าร่วมแล้วกว่า 20 โครงการ
ทั้งนี้ทางบีซีพีจีจะเป็นผู้ลงทุนติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในโครงการของแสนสิริ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการสามารถผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้ด้วยตนเอง รวมถึงยังสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนไฟฟ้าระหว่างกันภายในโครงการได้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการใช้ blockchain technology และแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน
ข่าวที่ 4“ทอท.จัด3ทางเข้าสนามบินดอนเมืองเริ่ม6พ.ย.60-30กย.61”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2560 เวลา 22.00 น.เป็นต้นไป กรมทางหลวงจะรื้อสะพานและปิดการจราจรเพื่อทำโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) ฝั่งขาออก บริเวณสะพานเข้าท่าอากาศยานดอนเมือง โดยเพิ่มช่องจราจรทางตรงเป็น 3 ช่องจราจร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง และลดปัญหาการจราจรหนาแน่น ช่วงเริ่มก่อสร้างและคาดจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2561
ดังนั้นในช่วงก่อสร้าง ทอท.เตรียมเพิ่มช่องจราจรให้ประชาชนใช้เส้นทางเข้าท่าอากาศยานดอนเมืองได้ 3 เส้นทาง คือ
1.สะพานทางเข้าหน้าคลังสินค้า (ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก)
2.ทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์)
3. สะพานกลับรถฐานทัพอากาศ เพื่อเข้าช่องทางประตู 3 (ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า)
ทอท.ขอแนะนำให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมายังท่าอากาศยาน ล่วงหน้า 2 - 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน
สามารถดูรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางเข้าท่าอากาศยานดอนเมืองได้ที่ www.airportthai.co.th และ www.facebook.com/AOTofficial/ หรือติดต่อ AOT Contact Center โทร. 1722
ช่วงที่ 2 ตลุยเที่ยวในหมู่บ้านชนเผ่าอ่าข่าลีซูที่เรียนรู้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปดำรงชีวิตอย่างมีความสุขที่ “ชุมชนบ้านสันลมจอย” จังหวัดเชียงใหม่ ต่อด้วยเรื่องการดูแลสุขภาพด้วยการเลือกกินผักผลไม้อย่างปลอดภัย และ ข่าวร้อนเบื้องลึก “อารีย์พงศ์ ภู่ชอุ่ม” ลาออกจากเก้าอี้ประธานบอร์ดการบินไทย มีเหตุและปัจจัยอะไรดลใจ และข่าววิเคราะห์ผ่า 5 เทรนด์โลก 5 ปีหน้าท่องเที่ยวจีนคุมเศรษฐกิจโลก
@เที่ยววิถีพอเพียง“ชุมชนบ้านสันลมจอย” เชียงใหม่
ลมหนาวเริ่มกระตุ้นให้คนเลือกที่จะการเดินทางขึ้นเหนือไปพักผ่อนในหมู่บ้านพอเพียงอย่าง “ชุมชนบ้านสันลมจอย” จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่ซึ่งมีความหลากหลายของชาติพันธุ์รวมกันอยู่อย่างเข้มแข็งมากว่า 30 ปี ที่ชาวเขาเผ่าอาข่ากับลีซู ย้ายถิ่นฐานลงมาปักฐานอยู่บนพื้นที่ราบโดยยังคงอัตลักษณ์ของความเป็นชนเผ่าไว้อย่างครบถ้วนทั้ง ภาษา การแต่งกาย ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี กระทั่งถึงทุกวันนี้จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของภาคเหนือ
“บ้านสันลมจอย” เต็มไปด้วยไออุ่นแห่งความพอเพียง ที่อยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางชาติพันธุ์ความแตกต่าง โดยใช้ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นสะพานเชื่อมวิถีชีวิต โดยคนในชุมชนช่วยกันปลูกแปลงผักปลอดสารพิษ แบ่งกันกินกันใช้ เหลือเก็บขายสร้างรายได้ และรอยยิ้มให้ชุมชน นับเป็น “ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง” สมบูรณ์แบบ
ภายในชุมชนยังได้จัดให้มี “ถนนคนเดินสายวัฒนธรรม” ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกวันศุกร์ เพื่อให้ผู้คนได้มาเดินเลือกซื้อสินค้าที่ชาวบ้านคัดสรรมาขาย ไม่ว่าจะเป็นงานหัตถกรรม โอท็อป งานฝีมือของชาวลีซู อาข่า และอาหารพื้นเมืองรสเด็ด
บริเวณโดยรอบยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร เชื่อมต่อกับอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มีจุดแวะศึกษาได้ถึง 9 จุด ระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้เห็นพันธุ์ไม้ป่าเบญจพรรณ ดงหินแกรนิต สัตว์นานาชนิด สะท้อนภาพความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่แห่งนี้
รอบชุมชนมีวัดให้ปฏิบัติธรรมหรือเดินชมได้ คือ “วัดร่ำเปิง” (ตโปทาราม) เป็นวัดแห่งแรกที่มีพระไตรปิฏกฉบับล้านนา รวบรวมฉบับภาษาต่าง ๆ มากที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐานของคนไทยและต่างชาติทั้งหญิงทั้งชาย “วัดอุโมงค์” (สวนพุทธธรรม) มีอุโมงค์งดงามใต้เจดีย์สามารถเดินขึ้นไปชมเจดีย์อายุกว่า 700 ปี เป็นอีกวัดอีกที่คนนิยมมาปฏิบัติธรรม
อาหารถิ่นของชุมชนบ้านสันลมจอย เมนูเด็ด ๆ ได้แก่ “ยำไก่เมืองรือยำจิ๊นไก่” เป็นสูตรพื้นเมืองเหนือ ตามสูตรต้องนำไก่มาต้มยำใส่พริกลาบหรือเครื่องปรุงคลุกเคล้าสมุนไพรนานาชนิด “แกงผักหวานป่าใส่ไข่มดส้ม” หากินได้ช่วงฤดูผักหวานป่าผลิยอดในช่วงเดือนมีนาคมและมิถุนายน รวมทั้งตรงกับช่วงมดแดงออกไข่จำนวนมากด้วย “แกงอ่อมไก่เมือง” ใช้เนื้อสัตว์หลายอย่างผสมเข้าด้วยกันคือ เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อปลา เอกลักษณ์คือนิยมใส่เครื่องในสัตว์ลงไปแล้วทำให้สุก
ร้านอาหารประจำชุมชนเลื่องชื่อก็มี ร้าน “ข้าวต้มยัง” มีสารพัดเมนูเสิร์ฟพร้อมข้าวต้ม “ร้านมิ่งเมือง” เจ้าตำรับข้าวผัดไส้อั่วสมุนไพรสด วุ้นเส้นผัดไทยกุ้งสด ลาบหมูคั่ว “ร้านดินดี คาเฟ่” มียำสูตรเด็ดทั้ง ยำใบบัวบก ต้มยำเห็ดรวม ข้าวกล้องงอกผสมน้ำเต้าหู้
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถทำร่วมกับชุมชนได้คือ “การศึกษาวิถีชาวเผ่าเรียนรู้ปรัชญาพอเพียง” ด้วยการเดินศึกษาวิถีชีวิตชาวเผ่าดั้งเดิมและเรียนรู้งานหัตถกรรมในชุมชน แล้วแวะไปที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อชมแปลงปลูกผักปลอดสารพิษที่ทุกคนช่วยกันปลูกไว้ แล้วแวะรับประทานอาหารกลางวันตามเมนูท้องถิ่นที่แต่ละบ้านแต่ละร้านนำมาต้อนรับนักท่องเที่ยว
ก่อนกลับควรอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของชาวบ้านอย่ง กระเป๋าสานจากไม้ไผ่ย้อมสี ธูปหอมจากกระบอกไม้ไผ่ ผ้าแม้ว พระดินเหนียว และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มีให้เลือกตามใจชอบมากมาย
สนใจเดินทางไปท่องเที่ยวติดต่อ “ชมรมส่งเสริมท่องเที่ยวชุมชนสันลมจอย” โทร.081-030-1412, 062-564-7309
@ปลุกเทรนด์ใหม่กินผักผลไม้อย่างปลอดภัย
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. อธิบายว่า ร่วมกับภาคีเครือข่าย "พัฒนาพื้นที่ต้นแบบส่งเสริมการบริโภคผักผลไม้ปลอดภัย"โดยมีพื้นที่ต้นแบบ ประกอบด้วย 1.เมืองเกษตรสีเขียวและอาหารปลอดภัย จ.เชียงราย 2.เครือข่ายความมั่นคงทางอาหารชาติพันธุ์ 3.พื้นที่ต้นแบบความมั่นคงทางอาหาร จ.อุบลราชธานี 4.สามพรานโมเดล ระบบห่วงโซ่อุปทานที่เป็นธรรม 5.จันทบุรีโมเดล เกษตรอินทรีย์วิถีคนจันท์ 6.สงขลาโมเดล พื้นที่ต้นแบบแหล่งให้บริการอาหารเพื่อสุขภาพ "โครงการเด็กไทยแก้มใส" มีโรงเรียนนำร่องกว่า 544 แห่ง
โดยน้อมนำแนวทางการดำเนินงานและเจริญรอยตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างคุณภาพและทักษะชีวิตให้เด็กไทยมีสุขภาพแข็งแรง "ส่งเสริมการปลูกผักผลไม้เพื่อกินเอง" เช่น โครงการสวนผักคนเมือง ส่งเสริมการปลูกผักในครัวเรือน สวนผักในองค์กร มีการให้ความรู้ผู้บริโภคที่เข้าถึงได้ง่าย และเกิดเป็นกระแสค่านิยมใหม่ในสังคม
ที่ผ่านมา สสส.รณรงค์ให้ประชาชนบริโภคผักและผลไม้วันละ 400 กรัม และจัดทำอินโฟกราฟฟิกและคลิปวิดีโอวิธีล้างผักช่วยลดสารตกค้างจากยาฆ่าแมลง เพื่อสื่อสารและสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเห็นความสำคัญและบริโภคผักผลไม้โดยปลอดภัย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “เบื้องลึกประธานบอร์ดบินไทยลาออกฉุกเฉิน”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า มีกรรมการหรือบอร์ดการบินไทยยื่นใบลาออก 2 คน คือ นายอารีพงษ์ ภู่ชอุ่ม ประธานกรรมการ โดยระบุเหตุผลครบอายุเกษียนต้องลาออกตามมารยาท นาย คณิศ แสงสุพรรณ กรรมการซึ่งเป็นตัวแทนจากกระทรวงการคลังได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป
การลาออกครั้งนี้เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีกระแสของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมปรับโผคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 5 ซึ่งมีการพูดถึงนายอารีพงษ์อาจแคนดิเดทที่ได้รับการทาบทามให้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี หรือตำแหน่งอื่น เพราะที่ผ่านมาก็เป็นผู้บริหารคนเดียวซึ่งสามารถโยกย้ายข้ามห้วยไปนั่งเป็นปลัดตามกระทรวงต่าง ๆ ได้ภายในเวลารวดเร็ว จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันต่อไป
นอกจากนี้ยังมีรายงานจากาภายในการบินไทยถึงว่า ที่ผ่านมาบอร์ดการบินไทยบางคนทำหน้าที่ไม่ตรงกับภารกิจโดยเข้าไปยุ่งกับการฝ่ายบริหารและปฏิบัติการจนทำให้การจัดการภายในองค์กรสายการบินแห่งชาติปั่นป่วนทำงานกันลำบาก
อีกทั้งยังมีเรื่องที่ “สำนักงานตรวจคนแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2560 เรียน ประธานบอร์ดการบินไทย ระบุได้ตรวจสอบผลการดำเนินงานบริษัท เปรียบเทียบกับ 4 สายการบิน คือ คาเธย์แปซิฟิก สิงคโปร์แอร์ไลน์ส เอมิเรตส์ และลุฟท์ฮันซ่า พบว่า การบินไทยไม่สามารถบริหารจัดการรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายแผนการปฏิรูป แหล่งเงินส่วนใหญ่มาจากการก่อหนี้และกู้ยืมเงินในขณะที่การชำระหนี้อยู่ในระดับต่ำ มีหนี้สินเป็นภาระดอกเบี้ยคิดเป็น 6.7 เท่าของกำไรส่วนเกินที่เป็นตัวเงินซึ่งไม่รวมต้นทุนทางการเงิน สภาพคล่องการบินไทยอยู่ในระดับต่ำ
เป็นเอกสารที่เกิดคำถามขึ้นภายในการบินไทยด้วยกันเองว่าที่ผ่านมาทั้งบอร์ดและฝ่ายบริหาร ยังไม่ได้ตอบคำถาม “พนักงาน” และ “สังคม” ให้ชัดเจนถึงแนวทางการนำการบินไทยออกจากกับดักความอ่อนแอทางธุรกิจโดยจะนำเครื่องมือใดเข้ามาปลดล็อกทำให้บริษัทเดินหน้าต่ออย่างเข้มแข็ง หรือจะช่วยกันขจัดปัญหาให้พ้นจากวังวนเดิม ๆ อย่างไรภายในช่วงเวลากี่ปีข้างหน้า และ/หรือ จะใช้วิธีเปลี่ยนบอร์ดชุดใหม่ผลัดกันเข้ามานับหนึ่งอีกครั้งท่ามกลางมรสุมที่ยังระอุอยู่จนถึงทุกวันนี้
ข่าวที่สอง “ผ่า5เทรนด์โลก5ปีหน้าจีนคุมท่องเที่ยวโลก
Euromonitor International ศูนย์พยากรณ์การท่องเที่ยวระดับโลก ได้นำข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาเผยแพร่ โดยประเมินสถานการณ์อนาคต 5 ปีหน้ามีความท้าทายรออยู่ เริ่มจากปี 2560 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าเศรษฐกิจโลกจากตัวเลขนักท่องเที่ยวอินบาวนด์เพิ่มขึ้น 3.7% และรายได้เติบโตที่ 4.1% ซึ่งสูงกว่า GDP ของโลกที่ขยายตัวในระดับ 3.5% เท่านั้น
แต่นับจากปี 2561 เป็นต้นไป อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะชะลอตัวลงเหลือแค่ 3.1 % ทำให้ทั่วโลกต่างหาวิธีจัดการกับความตึงเครียดจากความไม่แน่นอนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ได้แก่ การบริหารงานของ Trump การเผชิญกับปัญหา Brexit และความตึงเครียดในระดับภูมิภาคทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกาหลีเหนือ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งเศรษฐกิจจีนอาจจะชะลอลง
แนวโน้มการท่องเที่ยวอินบาวนด์ของโลกจะขึ้นกับ 4 ตัวแปรหลัก ได้แก่
1.นักท่องเที่ยวจีนทะลักเดินทางเที่ยวต่างประเทศใน 5 ปีหน้า พุ่งปีละ 128 ล้านคน
ปี 2565 คาดจีนจะเป็นตลาดการท่องเที่ยวต่างประเทศที่มีใหญ่สุดในโลก จีนจะเดินทางออกต่างประเทศกว่า 128 ล้านคน โดยมุ่งหน้าทะลักเข้าสหรัฐฯ มากที่สุดในช่วง 2560-2565 เติบโต 8.4% รวมถึงฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากจากนักท่องเที่ยวจีนด้วย
รวมไปถึงเรื่องการกระจายรายได้ จีนจะใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นระหว่าง 5 ปีข้างหน้าปี 2560-2565 แนวโน้มขยายตัว 10.9 % ส่วนใหญ่มาจาก GDP ต่อหัวและการเพิ่มขึ้นของครัวเรือนชนชั้นกลาง
ในขณะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ๆ ที่ได้รับอานิสงส์จากทัวร์จีนเติบโตแข็งแกร่งที่สุดช่วงปี 2556-2557 ด้วยการประกาศลดขั้นตอนการขอวีซ่าและทำเงินเยนให้อ่อนค่าลง ดึงจีนเข้าไปใช้เงินท่องเที่ยวกว่าปีละ 6 ล้านคน ส่งผลทำให้เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น (CAGR) ขยับขึ้นไปได้ถึง 54%
ในทางกลับกันรัฐบาลจีน ประกาศห้ามเดินทางไปยังเกาหลีใต้ ส่งผลทันทีปี 2560 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 39%
2.อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะถูกกดดันหนักเรื่องราคา
Stalwarts สะท้อนอนาคตการท่องเที่ยว 5 ปีข้างหน้า ภาพรวมทั่วโลกธุรกิจที่พักและสายการบินยังคงครองยอดขาย ซึ่งเป็นปัจจัยเดิม ๆ ที่จะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจท่องเที่ยว (CAGR) เติบโตในระดับ 3.3% ทั้งสองกลุ่มธุรกิจจะครองยอดขายแต่ละปีมูลค่ารวมกว่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ทว่าตัวแปรสำคัญคือทุกบริษัทต่างกำลังมุ่งไปสู่การ “ปฎิวัติอุตสาหกรรมเข้าสู่ยุคใหม่” ทั้งเรื่องความต้องการ รูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายต่ำหรือเช่าระยะสั้นจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาการเติบโต เพื่อเป็นกลไกป้องกันหาวิธีลดความกดดันทางด้านราคาให้ได้มากที่สุด
3.การขาของยักษ์ใหญ่มุ่งใช้ออนไลน์ครองตลาดท่องเที่ยวโลก
ประเทศในกลุ่มสหราชอาณาจักรได้เปลี่ยนเข้าสู่การขายท่องเที่ยวผ่านออนไลน์สูงขึ้นตั้งแต่ปี 2558 ระหว่างปี 2560-2565 จะทำสถิติขายผ่านออนไลน์ทะยานขึ้นไปถึง 70% ของตลาดการท่องเที่ยวทั้งหมดส่วนที่เหลืออีก 30% จะยังคงทำการตลาดแบบดั้งเดิม ประเทศที่ก้าวได้เร็วในเรื่องนี้ก็มี เยอรมนี จีน รัสเซียและอินเดีย
4.ผู้บริโภคจะกดราคาสินค้าหรูหราคุ้มค่าให้ต่ำลง
สินค้าท่องเที่ยวซึ่งเป็นแบรนด์ระดับกลางถึงหรูหรายังคงเป็นที่นิยม แต่ผลตอบแทนอาจลดลง และต้องเผชิญกับความท้าทายจากผู้บริโภคซึ่งต้องการบริการระดับพรีเมียมมากขึ้นในมาตรฐานราคาต่ำลง . แนวโน้มการทำ premiumisation จึงอาจมีผลกระทบต่อราคาของแบรนด์หรูหราในการปรับตัวต่อเนื่องเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดตามความคาดหวังของผู้บริโภคที่แท้จริง
5.ความสำเร็จของแบรนด์ทั่วโลกและจีนปัจจัยที่น่าจับตา
สถิติการทำยอดขายของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการเติบโตในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ มหานครเซี่ยงไฮ้ของจีนคือ Chunqiu ซึ่งเป็นธุรกิจตัวกลางสามารถทำยอดขายเพิ่มสูงสุด 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วย Expedia 5,500 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ และสายการบินในโซนตะวันตกเฉียงใต้ของจีน 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ที่ใหญ่ที่สุดแบรนด์เดินทางทั่วโลก
ขณะที่ปี 2560 ธุรกิจออนไลน์อย่าง Ctrip โกยยอดขายทะลุ 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน Booking.com ก็กวาดรายได้ถึง 33,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำ ทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 1.00-12.00 น.
กรมท่าอากาศยานขอ2ปีจัดทัพคลัสเตอร์ฮับ-รายได้
คิงเพาเวอร์ฉลองปีที่28แจกคูปองลดดิวตี้ฟรี 4 แห่ง
อีสานเปิดแลนด์มาร์ก 5 แหล่งท่องเที่ยวห้ามพลาด
บีพีซีจีเครือบางจากจับมือแสนสิริสร้างบ้านโซลาร์รูฟ
ทอท.เพิ่ม3ช่องทางเข้าดอนเมือง 6พ.ย.60-ก.ย.61
เที่ยว “บ้านสันลมจอย”เชียงใหม่ ชุมชนสุดพอเพียง
เปิดเบื้องลึกอารีพงษ์ลุกจากเก้าอี้ประธานฯบินไทย
ผ่า5เทรนด์โลก5ปีหน้าท่องเที่ยวจีนคุมเศรษฐกิจโลก
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.
ติดตามได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
ช่วงที่ 1 เกาะติดสัมภาษณ์เจาะลึก “คุณดรุณ แสงฉาย” อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) กระทรวงคมนาคม ในรายการถึงแผนยกเครื่องสนามบินภูมิภาคเพื่อผ่าทางรอดครั้งใหญ่ 29 สนามบิน ก่อนที่รัฐบาลจะทุบโต๊ะยกให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” นำทั้งหมดไปบริหารแทน โดย ทย.ขอเวลา 2 ปี เพื่อสร้าง “Cluster Aviation Hub” กับทำโครงสร้าง “รายได้” การบินและเชิงพาณิชย์ระบบใหม่ให้สมบูรณ์ภายในปี 2562
ดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) กระทรวงคมนาคม |
“คุณดรุณ แสงฉาย” เปิดเผยว่าปัจจุบันศักภาพความสามารถให้บริการของสนามบินภูมภาคที่อยู่ในความดูแลของ ทย. กระจายตัวทั่วประเทศ 29 สนามบิน พร้อมที่จะปรับแผนพัฒนาเป็นศูนย์กลางของแต่ละภาคโดยจัดทำเป็นคลัสเตอร์ ฮับ การบินภาค ประกอบด้วย
“ภาคอีสาน” มี อุดรธานี อุบลราชธานี โดยเฉพาะ “ขอนแก่น” เป็นจุดตัดของ GMS รถไฟไทย-จีน ถนนมิตรภาพสู่หนองคาย จึงมีศักยภาพการเติบโตสูงมาก ทางจังหวัดจึงทำระบบโครงข่ายการขนส่งรอบรับ แต่โดยรวมขอนแก่นก็มีข้อจำกัดถูกเมืองล้อมสนามบิน ส่วนอุดรธานี รับผู้โดยสารจาก สปป.ลาว และอุบลราชธานีดูแลการกระจายตัวทางอีสานใต้
“ภาคใต้” มีสนามบิน ทอท.อยู่คือ ภูเก็ต ขณะนี้มีผู้ใช้บริการค่อนข้างแน่นปีละ 3-14 ล้านคน จึงมี “กระบี่” รองรับจำนวนที่นักเดินทางเพิ่มขึ้น ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กทพ.) หน่วยงานกำกับดูแลสนามบินของกระทรวงคมนาคมได้เข้ามาศึกษาทำแผนแม่บท ควบคู่กับทาง ทย.รับลูกมาศึกษาครอบคลุมทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย คำนึงถึงฮับเพื่อเป็นสนามบินภูมิภาคสนับสนุนการท่องเที่ยวเติบโตอย่างมาก
“ภาคเหนือ” ทอท.มีเชียงใหม่ เชียงราย ส่วนของ ทย.มีสนามบินขนาดเล็ก แม่ฮ่องสอน ลำปาง น่าน โดยมีเชียงใหม่เป็นหลักปัจจุบันการจราจรเริ่มแออัด ทาง กทพ.จึงเริ่มศึกษาเพื่อสร้างที่ “บ้านธิ” ลำพูน กำลังประเมินแนวทางจะดำเนินการต่ออย่างไรในอนาคต
โดยภาพรวมกรมท่าอากาศยานกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พยายามจะร่วมมือกันสร้าง “คลัสเตอร์ ฮับการบิน 3 ภูมิภาค” ให้เกิดเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ “กรมท่าอากาศยาน” ได้จัดเตรียมสนามบินศูนย์กลางของแต่ละภาคไว้ในเบื้องต้น ได้แก่ “ภาคใต้” เตรียมศึกษาความเป็นไปได้การสร้างสนามบินแห่งใหม่จังหวัดพังงา “ภาคเหนือ” เตรียมก่อสร้างสนามบินจังหวัดลำพูน ส่วน “ภาคอีสาน” ยังคงปักหลักที่ขอนแก่นในฐานะเมืองที่เป็นจุดตัดคมนาคมครบวงจร
อธิบดีดรุณ กล่าวว่า ตามที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เดินทางมาตรวจเยี่ยมกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พร้อมทั้งให้นโยบายเกี่ยวกับความสำคัญของการท่องเที่ยวภาคใต้ เชื่อมโยงการดูแลสนามบินภูมิภาคภาคใต้ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ จีน ยุโรป อินเดีย สนใจเดินทางเข้ามาจำนวนมาก สนามบินจึงมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยวางแผนยกระดับเป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่ รวมทั้งให้ไปร่วมหารือกันภายในระหว่าง ทย.กับ ทอท.ถึงความเหมาะสมในการบริหารสนามบินภูมิภาค 29 แห่งให้เสร็จสิ้นภายในพฤศจิกายนนี้
ส่วนเรื่องการจัดทำ “โครงสร้างรายได้สนามบิน” นับจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นมากกว่าบริการโครงสร้างพื้นฐาน แต่จะต้องมีรายได้เลี้ยงตัวเองด้วยนั้น อธิบดีกรมท่าอากาศยานยืนยันว่ากรมท่าอากาศยานมีบทบาทดำเนินการและให้บริการ (Airport Operator) แก่ทั้งประชาชนทั่วไป สายการบิน และผู้เกี่ยวข้องกับการขนส่ง เมื่อมีทรัพย์สินโดยหลักธรรมชาติต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สายการบินจะเป็นกลุ่มพันธมิตรสำคัญก็ได้พูดคุย ประการแรก คุยกันถึงการสนับสนุนระหว่างกันเนื่องจากสายการบินจะต้องทำวิเคราะห์การตลาดเชิงรุกเพื่อเพิ่มจุดบินใหม่ โอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ส่วนกรมท่าอากาศยานต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการท่องเที่ยว การขนส่งเชื่อมโยงทางรถ และจุดบินต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่น ๆ แก่สายการบิน สิ่งที่ทำได้เพิ่มมาตรการเพื่อจูงใจ ทั้งค่าเช่าพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบิน เปิดสำนักงานสายการบิน และอื่น ๆ ที่จะสร้างแรงจูงใจได้
ผลประโยชน์หลักคือ “ต้องการกระจายผู้โดยสาร” ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล อันจะเป็นการทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มตามท้องถิ่นต่าง ๆ ส่วนลดที่ทางกรมท่าอากาศยานมอบให้แก่สายการบินเพื่อให้นำไปเป็นส่วนลดค่าบริการให้แก่ผู้โดยสารอีกต่อหนึ่ง ในการกระตุ้นให้เดินทางเข้ามายังจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวทุกภาคของไทย
การเกิดขึ้นของสายการบินต้นทุนต่ำ หรือ low cost airline มาตั้งแต่ปี 2553-554-2555 จนกลายเป็น “จุดเปลี่ยนใหญ่ของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย” มาจนถึงขณะนี้ เพราะผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ส่งผลและอานิสงส์ถึงเศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโตตามไปด้วย
ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ส่วนลดค่าบริการต่าง ๆ มูลค่ารวมปีละกว่า 1,000 ล้านบาท แก่ผู้ประกอบการสายการบินปกติและโลว์คอสต์แอร์ไลน์ส ที่ใช้บริการขึ้นลงตามสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยาน เพื่อให้สายการบินไปทำโปรโมชั่นมอบส่วนลดนำผู้โดยสารเข้าสู่ภาคต่าง ๆในระดับท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอด
กรมท่าอากาศยานยังได้ร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จังหวัด สมาคมท่องเที่ยวจังหวัด สมาคมโรงแรมภาคต่าง ๆ ตัวอย่างเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ผมและทีมงานกรมท่าอากาศยาน ลงพื้นที่จังหวัดระนอง พร้อมหารือกับ ททท.หน่วยงานราชการต่าง ๆ ในพื้นที่ สมาคมท่องเที่ยว ระดมความเห็นถึงการวางแผนถึงการวางฟังก์ชั่นเพื่อความเหมาะสมที่จะทำเป็น “Tourist Airport -สนามบินเพื่อการท่องเที่ยว” ซึ่งได้รับข้อเสนอแนะมากมาย ถึงจุดเด่นของระนองเป็นเมืองสุขภาพแหล่งน้ำแร่ และธรรมชาติสวยงาม เป็นเมืองศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ขณะเดียวกันก็ต้องพึ่งพาสนามบินซึ่งมีทั้งเรื่องความปลอดภัย และโปรดักซ์ที่จะนำเสนอขายแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามายังระนอง
สำหรับแผนการจัดทำ “Tourist Airport -สนามบินเพื่อการท่องเที่ยว” นั้น กรมท่าอากาศยานวางแผนนำร่องทำอีก 2 สนามบิน คือ “สนามบินน่าน” และ บุรีรัมย์ เป็นโครงการนำร่องทั้งหมด 3 แห่ง
หากทำสำเร็จก็จะทำให้เกิดการท่องเที่ยว การบิน และสายการบินต่าง ๆ เกิดความเข้าใจชัดเจนถึงเป้าหมายของกรมท่าอากาศยานที่จะพัฒนาสนามบินไปสู่การเป็นประตูเศรษฐกิจท้องถิ่นของทุกภาค
อธิบดีดรุณย้ำว่าแต่ละปีทั้ง 29 สนามบิน ซึ่งนับรวม “สนามบินเบตง” ไว้ด้วยโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อยู่นั้น ภาพรวมแล้วทั้งหมดสามารถทำรายได้ปีละเกินกว่า 1,400 ล้านบาท จากการที่สนามบินภูมิภาคมีส่วนแบ่งผู้โดยสารเดินทางโดยเครื่องบินประมาณ 15-16 % ของทั้งประเทศ
ปีงบประมาณ 2560 มีผู้โดยสารใช้บริการผ่านเข้าออกทางท่าอากาศยานภูมิภาคทั้งหมดกว่า 20 ล้านคน จึงมีรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมการบินและค่าธรรมเนียมผู้โดยสารใช้สนามบิน ค่าเช่าพื้นที่ และค่าบริการต่าง ๆ รวมแล้วเกิน 1,400 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายมีปีละประมาณ 800 ล้านบาท (ค่าบริหาร เงินเดือน ไม่รวมเงินลงทุน) จึงมีเงินเหลือคิดเป็นกำไรราว ๆ 600 ล้านบาท
ส่วนการจัดทำโครงสร้างรายได้ระหว่าง “รายได้ที่มาจากการบินโดยตรง – AERO “ และ รายได้เชิงพาณิชย์จากกิจกรรมอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการบิน หรือ Non AERO /Commercial” อยู่ในแผนงานที่กรมท่าอากาศยานจะต้องทำในอนาคตด้วยการเพิ่มรายได้ ควบคู่กับการลดรายจ่าย
รายได้เดิมมาจากค่าเช่าอาคารผู้โดยสาร แต่สนามบินภูมิภาคส่วนใหญ่ของกรมท่าอากาศยานยังมีจุดแข็งคือ มีที่ดินผืนใหญ่ ตัวอย่าง สนามบินระนอง และสนามบินเพชรบูรณ์ มีที่ดินแห่งละกว่า 2,400 ไร่ กำลังดำเนินการแยกพื้นที่ในส่วนกิจกรรมในเชิงพาณิชย์ ตามปกติจะต้องมีกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการเดินทางอย่าง อาคารผู้โดยสาร หลุมจอดเครื่องบิน
นับจากนี้เป็นต้นไป กรมท่าอากาศยาน ต้องเดินหน้าดำเนินการวางแผนหารายได้จากพื้นที่ที่มีอยู่โดยรอบสนามบิน ด้วยวิธี “หาผู้ร่วมทุน” ในแบบ ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและเอกชน หรือ Public Private Partnership : PPP เพื่อสร้างรายได้มากขึ้น สำหรับรายได้ภายในท่าอากาศยานก็เร่งจัดระบบอย่างเหมาะสมต่อไป
ผมยอมรับรายได้ที่มาจากกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบินนั้น สนามบินภูมิภาคยังทำได้น้อยอยู่ประมาณปีละเพียง 10 % ของรายได้ทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังต่ำอยู่เพราะกรมท่าอากาศยานเพิ่งจัดตั้งได้เพียง 2 ปีกว่าเท่านั้น และตั้งขึ้นในช่วงองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ปักธงแดงประเทศไทยพอดี กระทรวงคมนาคมจึงมีนโยบายให้แยกมาตั้งกรมท่าอากาศยาน และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ขึ้น ฉะนั้นจึงเป็นช่วงรอยต่อการจัดทำปรับเปลี่ยนกฎระเบียบให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
สำหรับรายได้จากกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่ยังต่ำอยู่นั้น มองอีกด้านก็เป็นข้อดีที่ประชาชนจะได้ใช้บริการในราคาถูกด้วย
ส่วนปีงบประมาณ 2561 กรมท่าอากาศยานจะเริ่มเดินหน้าปรับใหม่ในการหาผู้ประกอบการเข้ามาดำเนินงานอย่างชัดเจนมากขึ้น
กรมท่าอากาศยานขอย้ำว่าได้ให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยตามหลักสากล ซึ่งปัจจุบันสนามบินภูมิภาคอยู่ในเกณฑ์เป็นสนามบินปลอดภัยด้านบุคลากรและเครื่องมือทั้งทางด้าน การตรวจอาวุธ รถดับเพลิง พนักงาน กรณีอุปกรณ์เครื่องเอ็กซ์เรย์ได้เริ่มนำร่องทำตามแบบสากลแล้วที่ สนามบินกระบี่ ทำเป็น In-Line Sceening คือเช็คอินพร้อมกับมีสายพานเอ็กซเรย์สัมภาระกระเป๋าโดยผู้โดยสารจะไม่ได้สัมผัสกระเป๋าอีกต่อไป จึงทำให้พื้นที่ในอาคารผู้โดยสารมีจำนวนมากขึ้น สะดวกแก่บริการอื่น ๆ แตกต่างจากเดิมใช้วิธีเอ็กซเรย์จากด้านนอกเคาน์เตอร์เช็คอิน แต่สนามบินภูมิภาคอีกเป็นจำนวนมาก
ในปีต่อไปจะขออนุมัติงบประมาณภายในปี 2562 จะเดินหน้าจัดทำระบบมาตรฐานการเอ็กซเรย์สัมภาระ In-Line Sceening ให้เป็นระบบสากลครบทั้ง 29 สนามบิน ซึ่งเป็นไปตามกฎของ ICAO ด้วย ล่าสุดทางทีม ICAO เดินทางมาประเทศไทยเพื่อตรวจสนามบินนานาชาติในประเทศไทย ทางสนามบินภูมิภาคเองก็เตรียมความพร้อมให้สุ่มตรวจด้วยเช่นกัน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีนโยบายชัดเจนให้ทุกฝ่ายในทุกสนามบินภูมิภาคเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาสำหรับให้เจ้าหน้าที่ ICAO เข้าตรวจได้ทุกสถานการณ์
ต้องจับตาดูภายในเดือนพฤศจิกายน นี้ “กรมท่าอากาศยาน” กับ “บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) -ทอท.”จะต้องทำข้อสรุปเสนอกระทรวงคมนาคมว่าจะให้หน่วยงานใดบริหารสนามบินภูมิภาคทั้ง 29 แห่ง และช่วงเดือนธันวาคมนี้ต้องติดตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะขานรับเรื่องนี้อย่างไรต่อไป เนื่องจากอนาคตสนามบินภูมิภาคจะเป็น “กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น” อย่างแท้จริง เนื่องจากโลกของบริการโลจิสติกส์ให้แก่กลุ่มคอนซูเมอร์ คน สัตว์ สิ่งของ ก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ฉลอง28ปีแจกคูปองช้อปดิวตี้ฟรี4แห่ง”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ในโอกาสฉลองครบรอบ 28 ปี ตลอดเดือนพฤศจิกายน ระหว่าง1 – 30 พฤศจิกายน 2560 นี้ พบโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์เพียงลงทะเบียน รับทันที คูปองส่วนลดมูลค่า 500 บาทสำหรับช็อป 5,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยาและภูเก็ตเท่านั้น ตรวจสอบแบรนด์สินค้าและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ ณ.จุดขาย คูปองส่วนลดจะหมดอายุ วันที่ 5 ธันวาคม 2560 และสามารถใช้ร่วมกับส่วนลดหน้าบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ และรายการผ่อน 0 % คูปองจะหมดอายุ วันที่ 5 ธันวาคม 2560
กติกาการรับคูปอง จำกัด 1 สิทธิ์ / ท่าน / วัน พร้อมทั้งจะงดส่งเสริมการขาย 16 พ.ย. 60 ตั้งแต่ เวลา 18.00 -24.00 น. และ17-19 พ.ย. 60 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และงด 24-26 พ.ย. 60 ที่ คิง เพาเวอร์ พัทยาและภูเก็ต
ส่วนคูปองส่วนลด 30% ของสมาชิกคิง เพาเวอร์ VEGA & CROWN ไม่สามารถร่วมรายการ เช่นเดียวกับบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ – ไทยพาณิชย์ และบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ – กสิกรไทย
ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ www.kingpower.com หรือคอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “เที่ยวไทยอีสานหน้าหนาวใน5แลนด์มาร์กเด็ด”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แนะนำการท่องเที่ยวต้อนรับลมหนาวตั้งแต่พฤศจิกายน นี้เป็นต้นไป ชวนไปเที่ยวเก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง ใน5 แลนด์มาร์คเด็ดแดนอีสาน
แห่งที่ 1 อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง บ้านตาเป็ก ต.ตาเป็ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์
ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์ ตัวปราสาทหินพนมรุ้งเป็นหนึ่งในปราสาทหินซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบขอมที่มีชื่อเสียง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15-18 สร้างขึ้นบนภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว
และในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 เมษายนของทุกปี พบกับความมหัศจรรย์พนมรุ้ง ชมปรากฏการณ์มหัศจรรย์ แสงตะวันส่องทะลุประตู 15 ช่อง ของประสาทหินพนมรุ้ง
แห่งที่ 2 พญาศรีสัตตนาคราช ลานศรีสัตตนาคราช เทศบาลเมืองนครพนม จ.นครพนม
พญาศรีสัตตนาราช ประดิษฐาน บนลานศรีสัตตนาคราช ริมฝั่งแม่น้ำโขง จ.นครพนม ถือเป็นเป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน ซึ่งใช้เวลาในการสร้างนานเกือบ 5 ปี ที่สำคัญองค์พญาศรีสัตตนาคราชองค์นี้ จะไม่มีที่ใดเหมือนเพราะมีสร้อยสังวาล คล้องคอ เหมือนกับลวดลายที่ซุ้มประตูขององค์พระธาตุพนม เพื่อแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของจังหวัดที่สืบสานต่อเนื่องมายาวนาน
แห่งที่ 3 ภูทอก บ้านคำแคน ต.นาแสง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
ภูทอก หรือ "วัดเจติยาคีรีวิหาร" ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เหมาะแก่การบำเพ็ญธรรมของภิกษุ-สามเณรและพุทธศาสนิกชนทั่วไป ภูทอก มี 2 ลูก คือภูทอกใหญ่และภูทอกน้อยส่วนที่นักแสวงบุญและ นักท่องเที่ยวทั่วไป สามารถชมได้คือ ภูทอกน้อย สวนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม
จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก แบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งจะมีจะมีบันไดไม้ให้เดินแบบตรงทอดยาวจนถึงจุดสูงสุดของยอดภูทอก
แห่งที่ 4 ผาสุดแผ่นดิน ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ
เป็นจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด “ผาสุดแผ่นดิน” เป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ มีความสูง 846 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถมองลงไปเห็นวิวเบื้องล่าง เป็นภูเขาสีเขียวสลับซับซ้อนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา ในจังหวัดลพบุรี
แห่งที่ 5 วิมานพญาแถน (พญาคันคาก) ถ.แจ้งสนิท อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร
เป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดยโสธร เห็นตั้งเด่นอยู่ริมลำน้ำทวนในตัวเมืองยโสธร คือตัวอาคารพญาคันคากขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิมานพญาแถน ที่นอกจากนี้ยังมีอาคารพญานาคอีกด้วย อาคารพญาคันคาก เป็นอาคารประติมากรรม เป็นรูปพญาคันคาก
ภายในตัวอาคาร จะมีการจัดเป็นนิทรรศการ เกี่ยวกับประวัติ ความสำคัญ ความเชื่อต่างๆที่เกี่ยวกับวิถีคนอีสาน ตำนานบั้งไฟ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่พักผ่อนอันยิ่งใหญ่ สวยงาม ของจังหวัดยโสธร
ข่าวที่ 3 “บีซีพีจีผนึกแสนสิริลุยทำบ้านพลังงานแสงแดด”
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในเครือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จับมือกับนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของไทย โดยบีซีพีจีในฐานะผู้ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนา Smart Green Energy Community หรือชุมชนพลังงานสีเขียวอัจฉริยะร่วมกัน เป็นแผนร่วมกันในระยะยาว 5 ปี เบื้องต้นมีโครงการของแสนสิริจะข้าร่วมแล้วกว่า 20 โครงการ
ทั้งนี้ทางบีซีพีจีจะเป็นผู้ลงทุนติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในโครงการของแสนสิริ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการสามารถผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้ด้วยตนเอง รวมถึงยังสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนไฟฟ้าระหว่างกันภายในโครงการได้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการใช้ blockchain technology และแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน
ข่าวที่ 4“ทอท.จัด3ทางเข้าสนามบินดอนเมืองเริ่ม6พ.ย.60-30กย.61”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2560 เวลา 22.00 น.เป็นต้นไป กรมทางหลวงจะรื้อสะพานและปิดการจราจรเพื่อทำโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) ฝั่งขาออก บริเวณสะพานเข้าท่าอากาศยานดอนเมือง โดยเพิ่มช่องจราจรทางตรงเป็น 3 ช่องจราจร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง และลดปัญหาการจราจรหนาแน่น ช่วงเริ่มก่อสร้างและคาดจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2561
ดังนั้นในช่วงก่อสร้าง ทอท.เตรียมเพิ่มช่องจราจรให้ประชาชนใช้เส้นทางเข้าท่าอากาศยานดอนเมืองได้ 3 เส้นทาง คือ
1.สะพานทางเข้าหน้าคลังสินค้า (ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก)
2.ทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์)
3. สะพานกลับรถฐานทัพอากาศ เพื่อเข้าช่องทางประตู 3 (ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า)
ทอท.ขอแนะนำให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมายังท่าอากาศยาน ล่วงหน้า 2 - 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน
สามารถดูรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางเข้าท่าอากาศยานดอนเมืองได้ที่ www.airportthai.co.th และ www.facebook.com/AOTofficial/ หรือติดต่อ AOT Contact Center โทร. 1722
ช่วงที่ 2 ตลุยเที่ยวในหมู่บ้านชนเผ่าอ่าข่าลีซูที่เรียนรู้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปดำรงชีวิตอย่างมีความสุขที่ “ชุมชนบ้านสันลมจอย” จังหวัดเชียงใหม่ ต่อด้วยเรื่องการดูแลสุขภาพด้วยการเลือกกินผักผลไม้อย่างปลอดภัย และ ข่าวร้อนเบื้องลึก “อารีย์พงศ์ ภู่ชอุ่ม” ลาออกจากเก้าอี้ประธานบอร์ดการบินไทย มีเหตุและปัจจัยอะไรดลใจ และข่าววิเคราะห์ผ่า 5 เทรนด์โลก 5 ปีหน้าท่องเที่ยวจีนคุมเศรษฐกิจโลก
@เที่ยววิถีพอเพียง“ชุมชนบ้านสันลมจอย” เชียงใหม่
ลมหนาวเริ่มกระตุ้นให้คนเลือกที่จะการเดินทางขึ้นเหนือไปพักผ่อนในหมู่บ้านพอเพียงอย่าง “ชุมชนบ้านสันลมจอย” จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่ซึ่งมีความหลากหลายของชาติพันธุ์รวมกันอยู่อย่างเข้มแข็งมากว่า 30 ปี ที่ชาวเขาเผ่าอาข่ากับลีซู ย้ายถิ่นฐานลงมาปักฐานอยู่บนพื้นที่ราบโดยยังคงอัตลักษณ์ของความเป็นชนเผ่าไว้อย่างครบถ้วนทั้ง ภาษา การแต่งกาย ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี กระทั่งถึงทุกวันนี้จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของภาคเหนือ
“บ้านสันลมจอย” เต็มไปด้วยไออุ่นแห่งความพอเพียง ที่อยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางชาติพันธุ์ความแตกต่าง โดยใช้ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นสะพานเชื่อมวิถีชีวิต โดยคนในชุมชนช่วยกันปลูกแปลงผักปลอดสารพิษ แบ่งกันกินกันใช้ เหลือเก็บขายสร้างรายได้ และรอยยิ้มให้ชุมชน นับเป็น “ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง” สมบูรณ์แบบ
ภายในชุมชนยังได้จัดให้มี “ถนนคนเดินสายวัฒนธรรม” ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกวันศุกร์ เพื่อให้ผู้คนได้มาเดินเลือกซื้อสินค้าที่ชาวบ้านคัดสรรมาขาย ไม่ว่าจะเป็นงานหัตถกรรม โอท็อป งานฝีมือของชาวลีซู อาข่า และอาหารพื้นเมืองรสเด็ด
บริเวณโดยรอบยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร เชื่อมต่อกับอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มีจุดแวะศึกษาได้ถึง 9 จุด ระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้เห็นพันธุ์ไม้ป่าเบญจพรรณ ดงหินแกรนิต สัตว์นานาชนิด สะท้อนภาพความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่แห่งนี้
รอบชุมชนมีวัดให้ปฏิบัติธรรมหรือเดินชมได้ คือ “วัดร่ำเปิง” (ตโปทาราม) เป็นวัดแห่งแรกที่มีพระไตรปิฏกฉบับล้านนา รวบรวมฉบับภาษาต่าง ๆ มากที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐานของคนไทยและต่างชาติทั้งหญิงทั้งชาย “วัดอุโมงค์” (สวนพุทธธรรม) มีอุโมงค์งดงามใต้เจดีย์สามารถเดินขึ้นไปชมเจดีย์อายุกว่า 700 ปี เป็นอีกวัดอีกที่คนนิยมมาปฏิบัติธรรม
อาหารถิ่นของชุมชนบ้านสันลมจอย เมนูเด็ด ๆ ได้แก่ “ยำไก่เมืองรือยำจิ๊นไก่” เป็นสูตรพื้นเมืองเหนือ ตามสูตรต้องนำไก่มาต้มยำใส่พริกลาบหรือเครื่องปรุงคลุกเคล้าสมุนไพรนานาชนิด “แกงผักหวานป่าใส่ไข่มดส้ม” หากินได้ช่วงฤดูผักหวานป่าผลิยอดในช่วงเดือนมีนาคมและมิถุนายน รวมทั้งตรงกับช่วงมดแดงออกไข่จำนวนมากด้วย “แกงอ่อมไก่เมือง” ใช้เนื้อสัตว์หลายอย่างผสมเข้าด้วยกันคือ เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อปลา เอกลักษณ์คือนิยมใส่เครื่องในสัตว์ลงไปแล้วทำให้สุก
ร้านอาหารประจำชุมชนเลื่องชื่อก็มี ร้าน “ข้าวต้มยัง” มีสารพัดเมนูเสิร์ฟพร้อมข้าวต้ม “ร้านมิ่งเมือง” เจ้าตำรับข้าวผัดไส้อั่วสมุนไพรสด วุ้นเส้นผัดไทยกุ้งสด ลาบหมูคั่ว “ร้านดินดี คาเฟ่” มียำสูตรเด็ดทั้ง ยำใบบัวบก ต้มยำเห็ดรวม ข้าวกล้องงอกผสมน้ำเต้าหู้
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถทำร่วมกับชุมชนได้คือ “การศึกษาวิถีชาวเผ่าเรียนรู้ปรัชญาพอเพียง” ด้วยการเดินศึกษาวิถีชีวิตชาวเผ่าดั้งเดิมและเรียนรู้งานหัตถกรรมในชุมชน แล้วแวะไปที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อชมแปลงปลูกผักปลอดสารพิษที่ทุกคนช่วยกันปลูกไว้ แล้วแวะรับประทานอาหารกลางวันตามเมนูท้องถิ่นที่แต่ละบ้านแต่ละร้านนำมาต้อนรับนักท่องเที่ยว
ก่อนกลับควรอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของชาวบ้านอย่ง กระเป๋าสานจากไม้ไผ่ย้อมสี ธูปหอมจากกระบอกไม้ไผ่ ผ้าแม้ว พระดินเหนียว และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มีให้เลือกตามใจชอบมากมาย
สนใจเดินทางไปท่องเที่ยวติดต่อ “ชมรมส่งเสริมท่องเที่ยวชุมชนสันลมจอย” โทร.081-030-1412, 062-564-7309
@ปลุกเทรนด์ใหม่กินผักผลไม้อย่างปลอดภัย
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. อธิบายว่า ร่วมกับภาคีเครือข่าย "พัฒนาพื้นที่ต้นแบบส่งเสริมการบริโภคผักผลไม้ปลอดภัย"โดยมีพื้นที่ต้นแบบ ประกอบด้วย 1.เมืองเกษตรสีเขียวและอาหารปลอดภัย จ.เชียงราย 2.เครือข่ายความมั่นคงทางอาหารชาติพันธุ์ 3.พื้นที่ต้นแบบความมั่นคงทางอาหาร จ.อุบลราชธานี 4.สามพรานโมเดล ระบบห่วงโซ่อุปทานที่เป็นธรรม 5.จันทบุรีโมเดล เกษตรอินทรีย์วิถีคนจันท์ 6.สงขลาโมเดล พื้นที่ต้นแบบแหล่งให้บริการอาหารเพื่อสุขภาพ "โครงการเด็กไทยแก้มใส" มีโรงเรียนนำร่องกว่า 544 แห่ง
โดยน้อมนำแนวทางการดำเนินงานและเจริญรอยตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างคุณภาพและทักษะชีวิตให้เด็กไทยมีสุขภาพแข็งแรง "ส่งเสริมการปลูกผักผลไม้เพื่อกินเอง" เช่น โครงการสวนผักคนเมือง ส่งเสริมการปลูกผักในครัวเรือน สวนผักในองค์กร มีการให้ความรู้ผู้บริโภคที่เข้าถึงได้ง่าย และเกิดเป็นกระแสค่านิยมใหม่ในสังคม
ที่ผ่านมา สสส.รณรงค์ให้ประชาชนบริโภคผักและผลไม้วันละ 400 กรัม และจัดทำอินโฟกราฟฟิกและคลิปวิดีโอวิธีล้างผักช่วยลดสารตกค้างจากยาฆ่าแมลง เพื่อสื่อสารและสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเห็นความสำคัญและบริโภคผักผลไม้โดยปลอดภัย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “เบื้องลึกประธานบอร์ดบินไทยลาออกฉุกเฉิน”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า มีกรรมการหรือบอร์ดการบินไทยยื่นใบลาออก 2 คน คือ นายอารีพงษ์ ภู่ชอุ่ม ประธานกรรมการ โดยระบุเหตุผลครบอายุเกษียนต้องลาออกตามมารยาท นาย คณิศ แสงสุพรรณ กรรมการซึ่งเป็นตัวแทนจากกระทรวงการคลังได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป
การลาออกครั้งนี้เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีกระแสของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมปรับโผคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 5 ซึ่งมีการพูดถึงนายอารีพงษ์อาจแคนดิเดทที่ได้รับการทาบทามให้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี หรือตำแหน่งอื่น เพราะที่ผ่านมาก็เป็นผู้บริหารคนเดียวซึ่งสามารถโยกย้ายข้ามห้วยไปนั่งเป็นปลัดตามกระทรวงต่าง ๆ ได้ภายในเวลารวดเร็ว จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันต่อไป
นอกจากนี้ยังมีรายงานจากาภายในการบินไทยถึงว่า ที่ผ่านมาบอร์ดการบินไทยบางคนทำหน้าที่ไม่ตรงกับภารกิจโดยเข้าไปยุ่งกับการฝ่ายบริหารและปฏิบัติการจนทำให้การจัดการภายในองค์กรสายการบินแห่งชาติปั่นป่วนทำงานกันลำบาก
อีกทั้งยังมีเรื่องที่ “สำนักงานตรวจคนแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2560 เรียน ประธานบอร์ดการบินไทย ระบุได้ตรวจสอบผลการดำเนินงานบริษัท เปรียบเทียบกับ 4 สายการบิน คือ คาเธย์แปซิฟิก สิงคโปร์แอร์ไลน์ส เอมิเรตส์ และลุฟท์ฮันซ่า พบว่า การบินไทยไม่สามารถบริหารจัดการรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายแผนการปฏิรูป แหล่งเงินส่วนใหญ่มาจากการก่อหนี้และกู้ยืมเงินในขณะที่การชำระหนี้อยู่ในระดับต่ำ มีหนี้สินเป็นภาระดอกเบี้ยคิดเป็น 6.7 เท่าของกำไรส่วนเกินที่เป็นตัวเงินซึ่งไม่รวมต้นทุนทางการเงิน สภาพคล่องการบินไทยอยู่ในระดับต่ำ
เป็นเอกสารที่เกิดคำถามขึ้นภายในการบินไทยด้วยกันเองว่าที่ผ่านมาทั้งบอร์ดและฝ่ายบริหาร ยังไม่ได้ตอบคำถาม “พนักงาน” และ “สังคม” ให้ชัดเจนถึงแนวทางการนำการบินไทยออกจากกับดักความอ่อนแอทางธุรกิจโดยจะนำเครื่องมือใดเข้ามาปลดล็อกทำให้บริษัทเดินหน้าต่ออย่างเข้มแข็ง หรือจะช่วยกันขจัดปัญหาให้พ้นจากวังวนเดิม ๆ อย่างไรภายในช่วงเวลากี่ปีข้างหน้า และ/หรือ จะใช้วิธีเปลี่ยนบอร์ดชุดใหม่ผลัดกันเข้ามานับหนึ่งอีกครั้งท่ามกลางมรสุมที่ยังระอุอยู่จนถึงทุกวันนี้
ข่าวที่สอง “ผ่า5เทรนด์โลก5ปีหน้าจีนคุมท่องเที่ยวโลก
Euromonitor International ศูนย์พยากรณ์การท่องเที่ยวระดับโลก ได้นำข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาเผยแพร่ โดยประเมินสถานการณ์อนาคต 5 ปีหน้ามีความท้าทายรออยู่ เริ่มจากปี 2560 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าเศรษฐกิจโลกจากตัวเลขนักท่องเที่ยวอินบาวนด์เพิ่มขึ้น 3.7% และรายได้เติบโตที่ 4.1% ซึ่งสูงกว่า GDP ของโลกที่ขยายตัวในระดับ 3.5% เท่านั้น
แต่นับจากปี 2561 เป็นต้นไป อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะชะลอตัวลงเหลือแค่ 3.1 % ทำให้ทั่วโลกต่างหาวิธีจัดการกับความตึงเครียดจากความไม่แน่นอนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ได้แก่ การบริหารงานของ Trump การเผชิญกับปัญหา Brexit และความตึงเครียดในระดับภูมิภาคทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกาหลีเหนือ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งเศรษฐกิจจีนอาจจะชะลอลง
แนวโน้มการท่องเที่ยวอินบาวนด์ของโลกจะขึ้นกับ 4 ตัวแปรหลัก ได้แก่
1.นักท่องเที่ยวจีนทะลักเดินทางเที่ยวต่างประเทศใน 5 ปีหน้า พุ่งปีละ 128 ล้านคน
ปี 2565 คาดจีนจะเป็นตลาดการท่องเที่ยวต่างประเทศที่มีใหญ่สุดในโลก จีนจะเดินทางออกต่างประเทศกว่า 128 ล้านคน โดยมุ่งหน้าทะลักเข้าสหรัฐฯ มากที่สุดในช่วง 2560-2565 เติบโต 8.4% รวมถึงฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากจากนักท่องเที่ยวจีนด้วย
รวมไปถึงเรื่องการกระจายรายได้ จีนจะใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นระหว่าง 5 ปีข้างหน้าปี 2560-2565 แนวโน้มขยายตัว 10.9 % ส่วนใหญ่มาจาก GDP ต่อหัวและการเพิ่มขึ้นของครัวเรือนชนชั้นกลาง
ในขณะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ๆ ที่ได้รับอานิสงส์จากทัวร์จีนเติบโตแข็งแกร่งที่สุดช่วงปี 2556-2557 ด้วยการประกาศลดขั้นตอนการขอวีซ่าและทำเงินเยนให้อ่อนค่าลง ดึงจีนเข้าไปใช้เงินท่องเที่ยวกว่าปีละ 6 ล้านคน ส่งผลทำให้เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น (CAGR) ขยับขึ้นไปได้ถึง 54%
ในทางกลับกันรัฐบาลจีน ประกาศห้ามเดินทางไปยังเกาหลีใต้ ส่งผลทันทีปี 2560 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 39%
2.อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะถูกกดดันหนักเรื่องราคา
Stalwarts สะท้อนอนาคตการท่องเที่ยว 5 ปีข้างหน้า ภาพรวมทั่วโลกธุรกิจที่พักและสายการบินยังคงครองยอดขาย ซึ่งเป็นปัจจัยเดิม ๆ ที่จะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจท่องเที่ยว (CAGR) เติบโตในระดับ 3.3% ทั้งสองกลุ่มธุรกิจจะครองยอดขายแต่ละปีมูลค่ารวมกว่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ทว่าตัวแปรสำคัญคือทุกบริษัทต่างกำลังมุ่งไปสู่การ “ปฎิวัติอุตสาหกรรมเข้าสู่ยุคใหม่” ทั้งเรื่องความต้องการ รูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายต่ำหรือเช่าระยะสั้นจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาการเติบโต เพื่อเป็นกลไกป้องกันหาวิธีลดความกดดันทางด้านราคาให้ได้มากที่สุด
3.การขาของยักษ์ใหญ่มุ่งใช้ออนไลน์ครองตลาดท่องเที่ยวโลก
ประเทศในกลุ่มสหราชอาณาจักรได้เปลี่ยนเข้าสู่การขายท่องเที่ยวผ่านออนไลน์สูงขึ้นตั้งแต่ปี 2558 ระหว่างปี 2560-2565 จะทำสถิติขายผ่านออนไลน์ทะยานขึ้นไปถึง 70% ของตลาดการท่องเที่ยวทั้งหมดส่วนที่เหลืออีก 30% จะยังคงทำการตลาดแบบดั้งเดิม ประเทศที่ก้าวได้เร็วในเรื่องนี้ก็มี เยอรมนี จีน รัสเซียและอินเดีย
4.ผู้บริโภคจะกดราคาสินค้าหรูหราคุ้มค่าให้ต่ำลง
สินค้าท่องเที่ยวซึ่งเป็นแบรนด์ระดับกลางถึงหรูหรายังคงเป็นที่นิยม แต่ผลตอบแทนอาจลดลง และต้องเผชิญกับความท้าทายจากผู้บริโภคซึ่งต้องการบริการระดับพรีเมียมมากขึ้นในมาตรฐานราคาต่ำลง . แนวโน้มการทำ premiumisation จึงอาจมีผลกระทบต่อราคาของแบรนด์หรูหราในการปรับตัวต่อเนื่องเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดตามความคาดหวังของผู้บริโภคที่แท้จริง
5.ความสำเร็จของแบรนด์ทั่วโลกและจีนปัจจัยที่น่าจับตา
สถิติการทำยอดขายของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการเติบโตในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ มหานครเซี่ยงไฮ้ของจีนคือ Chunqiu ซึ่งเป็นธุรกิจตัวกลางสามารถทำยอดขายเพิ่มสูงสุด 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วย Expedia 5,500 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ และสายการบินในโซนตะวันตกเฉียงใต้ของจีน 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ที่ใหญ่ที่สุดแบรนด์เดินทางทั่วโลก
ขณะที่ปี 2560 ธุรกิจออนไลน์อย่าง Ctrip โกยยอดขายทะลุ 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน Booking.com ก็กวาดรายได้ถึง 33,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำ ทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 1.00-12.00 น.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น