ไทยบุกโร้ดโชว์-WTM2017เจาะขุมทรัพย์ยุโรป5แสนล้าน
ททท.ผนึกบินไทยดึงเอเย่นต์/สื่อทั่วโลกมาไทย15-16พ.ย.
คิงเพาเวอร์ชูThe Trinity Forumปลุกทั่วโลกบูมศก.ไทย
หนาวนี้ชวนกันขึ้นเหนือพักใจที่ศูนย์วิจัยพืชสวนเลยภูเรือ
บางกอกแอร์ขายตั๋วร่วมเวียดนามแอร์นำร่อง6เส้นทาง
เวียตเจ็ตเพิ่มหัวหาดใหม่เชียงใหม่/ภูเก็ตเริ่ม 12ธ.ค.นี้
สวัสดีวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.
ช่วงที่ 1 รับฟังการสัมภาษณ์ข้ามทวีปจากยุโรปในการพูดคุยกับ “คุณศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สายตรงเข้ารายการระหว่างเดินทางปฏิบัติภารกิจนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวเอกชนไปบุกเจาะตลาดทั่วภาคพื้นยุโรปก่อนเริ่มเข้าทำการขายในงานระดับโลก World Travel Mart : WTM 2017 ระหว่าง 6-8พฤศจิกายน นี้ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
คุณศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ เปิดเผยว่าช่วงวันที่ 29 ตุลาคม- 4 พฤศจิกายน 2560 ได้นำทีมผู้บริหารบริษัทตัวแทนนำเที่ยวของไทย 37 ราย ไปทำโรดโชว์กลุ่มแรกประมาณ 20 ราย ตามกลยุทธ์ Pre-WTM 2017 เดินหน้าเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการในแถบสแกนดิเนเวียในพื้นที่ 3 ประเทศแรก เริ่มจากเมืองโคเปนเฮเก้น (เดนมาร์ก) ออสโลว์ (นอร์เวย์) สต็อกโฮม (สวีเดน) จากนั้นวันที่ 6-8 พฤศจิกายน นี้ ผู้ประกอบการไทยทั้งหมดจะเข้าร่วมขายในงาน WTM 2017 แล้วจากนั้นเดินทางต่อไปทำ Post-WTM 2017 อีก 3 ประเทศ ได้แก่ กรุงปราก (สาธารณรัฐเช็ค) วอซอร์ (โปแลนลนด์) และเวียนนา (ออสเตรีย)
โปรดักซ์ไฮไลต์ที่จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ Open New Shade Million Shade Amazing Thailand เป็นสินค้าใหม่ที่มีความหลากหลายทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่มีความแตกต่างจากเดิม ๆ ซึ่งจะมีทั้งความลึกของสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์หลักในการเจาะตลาดนานาชาติตลอดปีงบประมาณ 2561
โดยได้แบ่ง New Shade Million Shade Amazing Thailand แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.Thai Gastronomy เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหารจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ 2. Thai Way of life เส้นทางท่องเที่ยววิถีไทย 3. Thai Art & Crafe เส้นทางท่องเที่ยวเชิงศิลปะและหัตถกรรม 4. Thai Natural Beuty เส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม 5. Thai Culture เส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
หากแบ่งตามพื้นที่หรือ Area Base ภูมิใจที่กล่าวถึง กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ กระบี่ และจังหวัดอื่น ๆ ในเส้นทางเปิดโลกแนวใหม่ที่จะนำเสนอแก่นักท่องเที่ยวทั่วภาคพื้นยุโรป เป็นข้อมูลภาพกว้างที่สื่อไปถึงกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับการลงลึกในแต่ละ New Shade เรื่องอาหารไทยซึ่งสามารถแตกไลน์เมนูอาหารแก่นักท่องเที่ยว เช่น ผัดไทยสารพัดชนิด กุ้ง เส้นจัน หรือเมี่ยงคำกาบบัว และอีกหลากหลายเชดที่น่าสนใจ ซึ่ง สำนักงาน ททท.ทั่วโลกทั้ง 27 แห่งก็จะคัดสรรแต่ละโปรดักซ์ New Shade ตามความต้องการของนักท่องเที่ยวในตลาดนั้น ๆ ขณะเดียวกันก็สามารถ “เพิ่มรายได้” จากนักท่องเที่ยวควบคู่กันไปด้วย เพราะทุก Shade มีความสำคัญเหมือน ๆ กัน เช่น Gastronomy หรือเส้นทางอาหารแต่ละพื้นที่สามารถนำเสนอความแปลกใหม่ที่นักท่องเที่ยวยังไม่รู้จักได้ใกล้เคียงกัน ส่วน Shade ของชายหาดก็อาจจะทำได้เฉพาะบางพื้นที่โดนใจตลาดยุโรปแน่นอน แตกต่างจากเอเชียกับอาเซียนอาจจะมาเที่ยวทะเลน้อยกว่า ทว่าสามารถขายวิถีไทย วิถีชุมชน ซึ่ง ททท.สำนักงานต่าง ๆ ต้องวางกลยุทธ์ให้น้ำหนักแตกต่างกันตามพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศ
แนวโน้มปี2561 ตลาดยุโรปที่จะมาแรงตามกลไกแล้วจะเป็นกลุ่มที่เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนยุโรปตะวันออกมาแรงมาก ๆ รวมทั้งฝรั่งเศส และที่เหลือเติบโตไปด้วยดี ยกเว้นบางตลาดยังคงชะลอตัวอยู่บ้าง อย่าง อิตาลี สแกนดิเนเวีย โดยภาพรวมตลาดจากยุโรปมาเที่ยวเมืองไทยยังอยู่ในเกณฑ์น่าพึงพอใจ มีปีละไม่ต่ำกว่า 20 ประเทศ ซึ่งมีสำนักงาน ททท.และแต่งตั้งตัวแทนการตลาด มีทั้งการนำทั้งจำนวนและกลุ่มคุณภาพ นับเป็นเค้กก้อนโตที่เข้ามายังไทย ซึ่ง “รายได้” จากวันพักเฉลี่ย เปรียบเทียบกับ “จีน” แล้วพักเฉลี่ยครั้งละ 4-5วันต่อคน ชอบใช้จ่ายเงินช้อปปิ้ง ขณะที่ยุโรปพักเฉลี่ย 14-15วันต่อคน ไม่นิยมช้อปปิ้งมากแต่จะใช้จ่ายเรื่องที่พัก กิจกรรม อาหาร เครื่องดื่ม สูงกว่ามาก
ททท.จึงต้องให้ความสำคัญทุกตลาด เพราะพฤติกรรมการพักผ่อนแตกต่างกัน ในช่วงฤดูร้อนเอเชียจะเดินทางมาท่องเที่ยวน้อย ดังนั้นจึงต้องวางกลยุทธ์ช่วงไหนตลาดระยะใกล้เดินทางน้อยก็นำตลาดระยะไกลเข้าไปเติมเต็มสลับกันไปอย่างนี้ตลอดทั้งปี
ส่วนการเข้าร่วมงาน WTM 2017 ระหว่าง 6-8 พฤศจิกายน นี้ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตลอด 3 วัน โดยมีเอกชนไทยเข้าร่วมจำนวนมากกว่าเกือบเท่าตัว เพราะบางกลุ่มเดินทางตรงเข้าพื้นที่ตามความเหมาะสม ขณะนี้การทำตลาดของเอกชนจะได้เปรียบมากกว่ายุคก่อน ๆ เพราะ ททท.เพิ่มจำนวนโร้ดโชว์มากขึ้น รวมถึงการนำผู้ประกอบการและสื่อมวลชนจากต่างประเทศเข้ามาประเทศไทยเพื่อพบปะกับเอกชนไทยและร่วมลงพื้นที่สำรวจสถานที่ท่องเที่ยวด้วยกัน
คุณศรีสุดา ย้ำว่า ททท.ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายพันธมิตร “กลุ่มสายการบิน” ล่าสุดคุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.นัดพบปะหารือกับผู้บริหารสายการบินนานาชาติ โดยได้สรุปเชิงนโยบายอย่างชัดเจน ระหว่าง ททท.กับกลุ่มสายการบินแถวหน้าของโลกจะจับมือกันทำ “โปรโมชั่นท่องเที่ยว” เช่น สายการบินที่ได้รับการปลดล็อกจาก ICAO เตรียมเปิดจุดบินใหม่ เพิ่มเที่ยวบิน และสนามบิน เข้าไทยในจังหวัดต่าง ๆ ททท.จะเข้าไปสนับสนุนทันที
สำหรับความร่วมมือกับ “การบินไทย” หลังประกาศกลับมาฟื้นฟูเส้นทางบินทั่วยุโรป เตรียมร่วมมือกันอย่างชัดเจนโครงการแรก เส้นทางไป-กลับ “เวียนนา (ออสเตรีย) -กรุงเทพฯ” เริ่มตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน นี้ เป็นต้นไป ซึ่งเป้าหมายการตลาดจะตรงกัน รวมทั้งยังได้หารือกับทีมผู้บริหารของการบินไทยโดยนำแผนมากางดูร่วมกันทั้งสององค์กร นำร่องจากสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ ก่อนจะขยายไปยังสำนักงานของ ททท.และการบินไทยในทั่วโลก แล้วชี้จุดเพื่อร่วมมือกันให้การเดินทางและการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยเติบโตไปด้วยกัน
ต่อจากนั้นเตรียมทำโครงการนำผู้ประกอบการและสื่อจากยุโรป 250-300 ราย เดินทางเข้ามายังประเทศไทย วันที่ 15 พฤศจิกายน นี้ จะนำทั้งหมดเข้าร่วมพิธีเปิด “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” โดยพลเอกธนะศักดิ์ ประติมาปกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงานดังกล่าวใจกลางกรุงเทพมหานคร
โดยส่วนใหญ่การบินไทยและมีสายการบินพันธมิตรอย่าง เตอร์กีสแอร์ไลน์ส เข้ามาร่วมด้วย ในการนำผู้ประกอบการและสื่อคณะดังกล่าวจากทั่วโลกเข้ามาร่วมงานและสำรวจแหล่งท่องเที่ยวของไทย ต่อจากนั้นวันที่ 16 พฤศจิกายน นี้ ททท.จะเปิดโครงการต่อเนื่องให้กลุ่มนี้รับรู้คือ New Shade Million Shade Amazing Thailand เข้าร่วมฟังแนวคิดเชิงกลยุทธ์และเป็นข้อความที่จะสื่อถึงตัวแทนการขายท่องเที่ยวทั่วโลก
ขณะที่สายการบินอื่น ๆ เช่น การ์ตาแอร์เวย์ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เตรียมเปิดบินตรงแบบประจำ ไป-กลับ จากโดฮา เมืองหลวง สู่ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา (พัทยา) ยิ่งไทยมีพันธมิตรสายการบินนานาชาติมากเท่าไรยิ่งจะเป็นผลดีและเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับการประกาศทำโครงการ “ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” นั้น ททท.ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลโดยแบ่งด้านแรก “Supply size” ได้แก่ เรื่องแรก การนำเสนอโครงการเจ้าบ้านที่ดี ทั้งรองนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าการ ททท.ทุ่มเทอย่างเต็มที่รณรงค์ให้ชุมชนให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยอัธยาศรัยไมตรีที่ดีเป็นเสน่ห์ไทยครองใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก เรื่องที่ 2 การพัฒนาและขยายสนามบินทั่วประเทศ ตัวอย่างสนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย หรือการยกระดับกองบังคับการเป็นกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ทำให้มีกำลังพล งบประมาณ เพิ่มมากขึ้น เรื่องที่ 3 การจัดอีเวนต์ระดับประเทศและนานาชาติ เป็นการทำซัพพลายไซซ์ที่ ททท.ต้องกระจายข่าวออกไป
ด้านที่สอง “Demand size” ททท.ต้องมุ่งใส่เกียร์เดินหน้า New Shade ที่ได้วางกลยุทธ์ไว้อย่างแน่นหนาแล้ว ก้าวต่อไปจะต้องสร้างสรรค์กลยุทธ์กระตุ้นกำลังซื้อให้เข้าเป้าหมาย
บทบาทสำคัญของ ททท.ต้องสื่อสารสู่สาธารณะด้วยกลไกให้เกิดการรับรู้เข้าถึงทุกกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดTrinity Forum 2017ดึงทั่วโลกหนุนไทย”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่าได้ร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. รวมพลังคนไทยดึงงาน The Trinity Forum 2017 มาจัดในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2560 พร้อมทั้งมีสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (Airports Council International) และนิตยสารมู้ดดี้ รีพอร์ต ผู้นำด้านข้อมูลข่าวสารการประกอบการเชิงพาณิชย์ในสนามบินและสายการบินร่วมสนับสนุน โดยมีผู้ประกอบการชั้นนำในวงการค้าปลีกในธุรกิจท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 400 คน
ทางกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ในฐานะผู้บุกเบิกดิวตี้ฟรีเมืองไทยรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับผู้เข้าร่วมงานและได้แสดงศักยภาพพลังของคนไทยสู่สายตานักธุรกิจทั่วโลก พร้อมทั้งได้เลือก “วังสวนผักกาด” เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมอันดีงามของเมืองไทยด้วยอีกทาง
อีกทั้งตลอดเกือบ 3 ทศวรรษ คิง เพาเวอร์ ให้บริการนักท่องเที่ยวนานาชาติรวมกว่า 300 ล้านคน ภายใต้แนวคิด “We are travellers too : เราเข้าใจนักเดินทาง เพราะเราก็เป็นนักเดินทางเช่นกัน” โดยมีร้านค้าคิง เพาเวอร์ กระจายทั่วประเทศ 10 สาขา ประกอบด้วย ดิวตี้ฟรีในเมือง 4 คอมเพล็กซ์ ได้แก่ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และดิวตี้ฟรีในสนามบินอีก 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และอู่ตะเภา
ระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2560 ได้เปิดโรงละครอักษรา โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ให้กลุ่มผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ในสนามบินชั้นนำจากทั่วโลกร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนความเห็นกันเพื่อสร้างมาตรฐานระดับสากลและเป็นแผนดำเนินการธุรกิจในท่าอากาศยานทั่วโลก และผลักดันการดำเนินงาน การประเมินสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ในอนาคต
โดยมีหัวข้อหลัก ๆ ประกอบด้วย พัฒนาศักยภาพในการสร้างรายได้ของธุรกิจในท่าอากาศยาน ทิศทางของกลุ่มลูกค้า การประเมินสถานการณ์ แนวโน้มที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ของกลุ่มธุรกิจการบินในอนาคต รวมถึงบทบาทการตั้งรับภาวะเศรษฐกิจ พร้อมทั้งภาพรวมของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสนามบิน นวัตกรรมใหม่ที่จะนำมาใช้ในภาคธุรกิจ กฎหมายข้อบังคับต่าง ๆ การมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันและสร้างประโยชน์สูงสุดแก่กลุ่มผู้ประกอบการ
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะรัฐวิสาหกิจบริหารและดำเนินงานท่าอากาศยานนานาชาติหลักของไทย 6 แห่ง ประกอบด้วย สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง และเชียงราย ได้วางเป้าหมาย 20 ปีข้างหน้า มุ่งสนับสนุนการเชื่อมโยงการขนส่งทางอากาศ และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างยั่งยืนและมั่งคั่งภายใต้กรอบการดำเนินงาน AOT Strategy House
ตลอดปี 2560 ได้บริหารและดำเนินงานท่าอากาศยานของ ทอท.ทั้ง 6 แห่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศเชื่อมโยงให้สายการบินนานาประเทศมาใช้บริการนำเครื่องบินมาขึ้นลงกว่า 823,574 ลำ เพิ่มขึ้น 6 % ขนส่งผู้โดยสารเข้าออกประเทศไทยราว 129 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.7 % ควบคู่กับการโปรโมตรายได้เชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานทุกแห่งเพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม และพร้อมจะนำข้อแนะนำจากเวทีการประชุม The Trinity Florum 2017 ไปขยายผลสร้างความสำเร็จร่วมกันกับทุกฝ่ายเติบโตไปด้วยกันอย่างเข้มแข็งทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
ขณะที่ “มาร์ติน มูดดี้” ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร Moodie Davitt Report กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้จัดการประชุม เดอะ ทรินิตี้ ฟอรั่ม 2017 อีกครั้งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองจุดหมายปลายสำคัญทางการค้าปลีกของการท่องเที่ยวทั่วโลก จึงพร้อมจะร่วมกับคิง เพาเวอร์ และ ทอท.พัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศแห่งประเทศศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน โยจะใช้โอกาสงานประชุมระดับโลกที่มีผู้นำธุรกิจแถวหน้าของโลกกว่า 400 คน ครอบคลุมทุกลุ่มคือ ธุรกิจท่องเที่ยว ค้าปลีก ผู้ประกอบการในสนามบิน ผู้ได้รับสัมปทานดูแลท่าอากาศยาน ผู้ประกอบการร้านค้า และบริษัทที่จัดจำหน่ายแบรนด์ชั้นนำระดับโลกต่าง ๆ อาทิ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทการท่าอากาศยานไทย สนามบินชางงี สนามบินฮ่องกง DFS กลุ่มบริษัทปลอดภาษีของจีน บริษัท Oréal Diageo บริษัท Estée Lauder และ Rémy Cointreau มาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก และหาแนวทางความร่วมมือเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างมั่นคง จับมือกันขับเคลื่อนและพัฒนาให้เกิดรายได้เชิงพาณิชย์ และกลุ่มนักเดินทางได้รับผลประโยชน์สูงสุด วินวินด้วยกันทุกฝ่าย
ข่าวที่ 2 “ททท.งัด e – GREETผ่านไลน์500แหล่งปลุกเที่ยวไทย”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ต้อนรับการเข้าสู่ “ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน Amazing Thailand เริ่ม 1 พฤศจิกายน 2560 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ในฐานะ e – GREET แอมบาสเดอร์ ได้เปิดตัว“e – GREET” ผ่าน “อัลบั้มภาพสวัสดีโชว์ความงามแหล่งท่องเที่ยว” ให้สาธารณชนดาวน์โหลดฟรี รวม 500 ภาพ โดยจะอัพโหลดออกมาวันละ 50 ภาพ
เป็นกลยุทธ์ใหม่ของ ททท.ที่จะพลิกโฉมให้แตกต่างต่างจากเดิมโดยใช้ e – GREET ส่งทักทายประจำวันทางไลน์แชท (Line Chat) คัดเลือกภาพความสวยงามของประเทศไทยในแง่มุมต่างๆ พร้อมคำทักทาย คำอวยพร คำคม ชื่อสถานที่ เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจให้คนไทยและนานาชาติเพิ่มการเดินทางท่องเที่ยวช่วง “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 – 1 มกราคม 2562 จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 โดยพลเอกธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมตรี
ดร.ยุทธศักดิ์ เปิดเผยว่าโครงการ “e – GREET (อี-กรีท)” เป็นพลิกโฉมภาพทักทายตอนเช้าซึ่งรู้จักกันดีในชื่อกลุ่มภาพ “สวัสดีตอนเช้า” ให้เป็นภาพแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เทศกาล งานประเพณี อาหาร บรรยากาศวิถีชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ ททท. ได้บันทึกมาจากแหล่งท่องเที่ยวทั่วไทย พร้อมประกอบกับคำสวัสดี คำทักทาย คำอวยพร จึงเชิญชวนให้มาร่วมกันส่งต่อคำสนุกสนาน หรือคำคม พร้อมชื่อสถานที่ ผ่านตัวอักษรฟ้อนต์ “ทัศนจร”และ “ทัศนศึกษา” ที่ ททท. ออกแบบขึ้น กำกับด้วยตราสัญลักษณ์ของ ททท. และปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน เพิ่มแรงบันดาลใจให้คนหันมาสนใจเดินทางท่องเที่ยวจากภาพที่ได้รับเพิ่มขึ้น เข้าไปโหลดฟรีได้ที่ www.facebook.com/eGREETTAT
ทั้งนี้คำว่า e – GREET มาจาก e : electronic G : Good R : Relation E : Expression E : Emotion T : Thailand ซึ่งหมายถึง การส่งความปรารถนาดีให้แก่กันในการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสวยงามของประเทศไทย
ขณะเดียวกันในช่วงเช้าวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (คทช.) ได้รับรายงานถึงมติคณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการส่งเสริมปี 2561 ให้จัด “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” โดยทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมจัดทำปฏิทินกิจกรรมท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 – 1 มกราคม 2562 จำนวนทั้งสิ้น 183 กิจกรรม แบ่งเป็น 16 กลุ่ม ได้แก่
1.กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงกีฬา 36 กิจกรรม
2.กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงอาหาร 12 กิจกรรม
3.กลุ่มการท่องเที่ยวทางน้ำ 4กิจกรรม
4.กลุ่มการท่องเที่ยวเพื่อการแต่งงาน 1 กิจกรรม
5.กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ 5 กิจกรรม
6.กลุ่มการท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาเซียน 6 กิจกรรม
7.กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 40 กิจกรรม
8.กลุ่มการท่องเที่ยวสีเขียว 5 กิจกรรม
9.กลุ่มการท่องเที่ยวยามค่ำคืน 7 กิจกรรม
10.กลุ่มการท่องเที่ยวศิลปะบันเทิง 16 กิจกรรม
11.กลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชน 14 กิจกรรม
12.กลุ่มการท่องเที่ยวธุรกิจไมซ์ 13 กิจกรรม
13.กลุ่มการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล 3 กิจกรรม
14.กลุ่มกิจกรรมการตลาดระหว่างธุรกิจกับธุรกิจที่ต่างประเทศ 12 กิจกรรม
15.กลุ่มกิจกรรมพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว 6 กิจกรรม
16.กลุ่มกิจกรรมการเป็นเจ้าบ้านที่ดี 3 กิจกรรม
ข่าวที่ 3 “บางจากขยายปั๊มในพื้นที่โครงการพระราชดำริ”
นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) และทีมผู้บริหาร กล่าวว่า ร่วมกับนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางในการพัฒนาสถานีบริการน้ำมันของสหกรณ์ ให้มีความทันสมัยเพื่อยกระดับสถานีบริการน้ำมันของสหกรณ์ รวมทั้งหารือถึงความร่วมมือในการเปิดจุดจำหน่ายสินค้าของสหกรณ์ในพื้นที่โครงการพระราชดำริ และสมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่
เนื่องจากบางจากเป็นผู้นำพลังงานทางเลือกและน้อมนำศาสตร์พระราชาทางด้านการผลิตพลังงานทดแทนมาให้บริการ และความร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ในครั้งนี้ ก็เพื่อจะได้นำผลผลิตมาวางจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและให้เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าที่ถาวรต่อไป
ข่าวที่ 4 “ทอท.คุมเข้มทุกสนามบินช่วงลอยกระทง”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ช่วงเทศกาลลอยกระทงวันที่ 3 และ 4 พฤศจิกายน 2560 ได้ขอความร่วมมือพื้นที่ในบริเวณท่าอากาศยานเชียงใหม่ เชียงราย ปล่อยโคมลอย โคมไฟ ได้ในช่วงเวลาที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยตามมาตรฐานการบิน โดยกำหนดให้ปล่อยได้เฉพาะระหว่างเวลา 19.00 – 01.00 น. ส่วนโคมควันสามารถปล่อยได้ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 ระหว่างเวลา 10.00 – 12.00 น. รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในพื้นที่ปลอดภัยในการเดินอากาศตลอด 24 ชั่วโมง และสำหรับที่จังหวัดเชียงรายห้ามปล่อยโคมลอย โคมควัน ในเขตพื้นที่ความปลอดภัย รวมทั้งคุมเข้มความปลอดภัยในบริเวณรอบพื้นที่สุวรรณภูมิ ดอนเมือง หาดใหญ่ ภูเก็ต ด้วยเช่นกัน
น.ต.มณธนิก รักงาม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ทอท. กล่าวว่าได้การรณรงค์เรื่องการปล่อยโคมลอยให้ปลอดภัย ว่า ได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงวัด สถานศึกษาและชุมชน ที่อยู่ในเขตความปลอดภัยในการเดินอากาศ ประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยที่เหมาะสม โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามประกาศ จ.เชียงใหม่ อย่างเคร่งครัด คือห้ามปล่อยโคมลอย โคมควัน ในเขตพื้นที่ความปลอดภัยในการเดินอากาศ
ยกเว้นแต่เป็นการปล่อยตามประเพณียี่เป็ง (ลอยกระทง) ซึ่งในปี 2560 ตรงกับวันที่ 3 และ 4 พ.ย.2560 โดยต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขคือ ให้ปล่อยโคมลอย โคมไฟ ระหว่างเวลา 19.00-01.00 น. ส่วนโคมควัน สามารถปล่อยได้ในวันที่ 3 พ.ย.2560 ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น. ซึ่งปีนี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่มีเที่ยวบินยกเลิกทำการบิน 78 เที่ยว และเที่ยวบินที่เปลี่ยนแปลงเวลาทำการบิน 79 เที่ยว
ช่วงที่ 2 หนาวนี้ขึ้นเหนือไปชม “ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย (ภูเรือ) กางเต็นต์ ตั้งแคมป์ สูดโอโซน ท่ามกลางทุ่งคริสต์มาส แปลงผัก ผลไม้ เมืองหนาว ส่วนเรื่องสุขภาพก็ช่วยกันรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดการเที่ยวงานสืบสานประเพณีลอยกระทงด้วยหลัก 4 เลือก 2 ลด และข่าวฮ็อต แอตต้าทุ่มเงินครั้งแรกในรอบ 50 ปี เปิดบูธให้สมาชิกบุกตลาดยุโรปในงาน WTM 2017 และอนาคตการบินโลกกับ 4 แนวฮ็อต
@ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย (ภูเรือ) จังหวัดเลย
ผืนแผ่นดินในภาคอีสานอันได้ชื่อว่าอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีในอำเภอภูเรือ ด้วยสภาพภูมิประเทศห้อมล้อมด้วยภูเขาสูง ทางกรมวิชาการเกษตร จึงสำรวจพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมในเขต ตำบลปลาบ่า อำเภอภูเรือ นับพันไร่แล้วในเวลาต่อมาขยายไปจนถึงกว่า 4,500 ไร่ เริ่มต้นจาก การจัดทำเป็น “สถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือ” บุกเบิกการปลูกเมล็ดพันธุ์และทดลองพันธุ์พืชต่าง ๆ ที่เหมาะสม กระทั่งปี 2552 เปลี่ยนเป็น “ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรที่สูงเลย” แล้วก็เปลี่ยนอีกครั้งกลายเป็น “ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย” มาจนถึงปัจจุบันนี้
ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย เปิดให้เข้าชมฟรีได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 08.00-16.30 น. โดยมีบริการด้านพืช ถ่ายทอดเทคโนโลยี ตรวจสอบรับรองแหล่งผลิตพืช บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ โดยให้บริการแก่เกษตรกร ภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ
พืชไฮไลต์ของศูนย์แห่งนี้ คือ “แมคคาเดเมีย” ไม้ยืนต้นอายุเฉลี่ยกว่าร้อยปี ผลมีรสชาติมันหวาน ประกอบด้วยไขมันไม่อิ่มตัว โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซี่ยม และแร่ธาตุอีกหลายชนิด ปัจจุบันได้รับความสนใจเพาะปลูกเพิ่มขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูง หากแปรรูปจะเพิ่มมูลค่าได้หลายแบบ เช่น แมคคาเดเมียอบเกลือ น้ำมันแมคคาเดเมีย และสบู่ถ่านแมกคาเดมีย
ส่วนกิจกรรมสร้างการเรียนรู้แก่ผู้เข้าไปเยี่ยมชม ก็มี เดินชมแปลงสาธิตการเกษตร แปลงพืชเมืองหนาว อย่าง บร็อกโคลี ปวยเล้ง โกลาบี้ แรดิซิโอ พลาสเล่ย์ คะน้าฮ่องกง ผักสลัดต่าง ๆ รวมไปถึงแปลงผลไม้เมืองหนาว อย่าง ท้อ พลับ เกาลัดจีน สาลี่ แมคคาเดเมีย สตรอร์บอรี่ แปลงดอกไม้เมืองหนาว ได้แก่ ทุ่งคริสต์มาส ซัลเวีย เฟิร์น พิทูเนีย ลิ้นมังกร แพนซี แกลดิโอลัส กุหลาบ และโรงเรือนแสดงพืชพรรณนายาก พืชท้องถิ่น เฟิร์นและพืชใกล้เคียง หน้าวัว สับปะรดสี ลิลลี่ เยอบีร่า เบญจมาศ กล้วยไม้ป่า
นอกจากนี้ยังสามารถเดินศึกษาธรรมชาติ ชมทัศนียภาพทะเลภูเขารอบ ๆ ศูนย์ ตั้งแคมป์ กางเต็นท์ จัดกองไฟ ส่วนในช่วงฤดูหนาวราวเดือนธันวาคมถึงปลายมกราคมของทุกปี “ทุ่งคริสต์มาสภูเรือ” จะบานสะพรั่งสีแดงสดใสครอบคลุมพื้นที่กว่า 5 ไร่ เหมาะแก่การพักผ่อนและเชลฟี่เป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันก็มีสิ่งอำนวยความสะดวก “บริการที่พัก” รองรับได้ราว 300 คน ประกอบด้วย “บ้านวีไอพี” (แบบเอ-เฟรม) มีอยู่ 2 หลัง บ้านภูเคียงดาว และบ้านภูเคียงเมฆ พักได้หลังละ 6 คน ราคาหลังละ 1,000 บาทต่อคืน “บ้านธรรมดา” ประกอบด้วย บ้านพยับหมอก บ้านรัตนธารา บ้านจรัสแสง พักได้หลังละ 8-10 คน บ้านอิงดอย บ้านปุยเมฆ พักได้หลังละ 6 คน บ้านฟ้าเรืองรอง พักได้หลังละ 15 คน บ้านเอกพะยอม พักได้ 20 คน แต่ละหลังจะคิดราคาเหมาจ่ายคนละ 100 บาทต่อคนต่อคืน
ส่วนจุดกางเต็นท์พร้อมห้องน้ำชาย/หญิง ห้องสุขา มี 15 ห้อง โดยมีเต็นท์ให้เช่า ขนาด 4-6 คน หลังละ 300 บาทต่อคืน และนำเต็นท์มาเองคิดค่าบริการบำรุงสถานที่หลังละ 100 บาทต่อคืน
“ห้องประชุม” ภายในศูนย์จัดไว้พร้อมอุปกรณ์ LCD คิดค่าบริการวันละ 2,000 บาท ”ร้านอาหารและเครื่องดื่ม” ตั้งอยู่ภายในสวนภูเรือ
สนใจท่องเที่ยวศูนย์วิจัยพืชสวนเลย โทร.042-891-199, 042-891-398, 042-389-891, 042-039-892 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.doa.go.th/hrc/loei
@การลอยกระทงตามหลัก 4 เลือก 2 ลด
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย แนะนำว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ขอให้ทุกคนใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปริมาณขยะ ลดโลกร้อน และยังคงสืบสานประเพณีที่ดีงามควรใช้หลัก 4 เลือก 2 ลด คือ 1. เลือกกระทงให้เหมาะกับแหล่งน้ำที่จะไปลอย เช่น กระทงขนมปัง ควรลอยในแหล่งน้ำที่มีปลากินขนมปัง กระทงหยวกกล้วยเหมาะกับแหล่งน้ำที่มีเจ้าหน้าที่เก็บขนขึ้นมาและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น นำไปหมักทำปุ๋ย 2. เลือกกระทงที่ทำจากวัสดุจากธรรมชาติ เก็บขนได้ทัน ไม่มีสารก่อมลพิษต่อแหล่งน้ำ ป้องกันน้ำเน่าเสีย เช่น ทำจากต้นกล้วย หยวกกล้วย ใบตอง 3. เลือกกระทงที่ไม่ใช้วัสดุหลากหลายเกินไป เพื่อลดภาระการคัดแยกก่อนนำไปกำจัด เลี่ยงกระทงที่มีเข็มหมุด พลาสติก โฟม เพราะย่อยสลายยากและเป็นขยะในแหล่งน้ำได้ 4. เลือกลอยกระทงออนไลน์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปลอยนอกสถานที่
ส่วนการช่วยลดปริมาณขยะได้ . ลดขนาดกระทง ลอยขนาดเล็กแทนขนาดใหญ่ เพราะใช้วัสดุน้อยกว่า ขยะน้อยกว่า และ 6. ลดจำนวนเหลือ 1 กระทงลอยร่วมกัน ช่วยลดขยะและประหยัดเงิน เช่น มากันเป็นครอบครัวๆ ละ 1 ใบ มาเป็นกลุ่มเพื่อน กลุ่มละ 1 ใบ มากับแฟน ลอยกระทงร่วมกัน 1 ใบ เป็นการสานสัมพันธ์ที่ดี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “แอตต้าทุ่มเงินเปิดบูธWTM2017ชูขายทัวร์ชุมชน”
นางมิ่งขวัญ เมธเมาลี อุปนายก และประธานฝ่ายการตลาดยุโรป สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่แอตต้าลงทุนกว่า 2 ล้านบาท เช่าพื้นที่ขนาด 50 ตารางเมตร เปิดบูธให้สมาชิกเปิดเวทีขายในงาน WTM 2017 กรุงลอนดอน โดยแยกจากไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน นำโปรดักซ์ไฮไลต์ใหม่เด่น ๆ ไปเจาะขายให้คู่ค้าในตลาดยุโรปปี 2561 คือ “ Community based tourism (CBT)” จับมือกับองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) นำชุมชนไปจัดแสดง ได้แก่ ชุมชนกกสะทอน เมืองเก่าสุโขทัย ซะซอม ศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้าน หน้ากากผีตาโขนจะจัดแสดงการเขียนหน้ากากผีตาโขน และโชว์วัฒนธรรมต่างๆ ให้ บริษัทนำเที่ยวต่างชาติสนใจมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น
แอตต้าจะชูยุทธศาสตร์ “Multigenerational Trend” ปลุกกระแส “Multigenerational Vacations with local experiences” หรือส่งเสริมการเดินทางแบบร่วมกันทุกวัยทั้งกับกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยกว่าและมีอายุมาก โน้มน้าวให้ชาวต่างชาติเข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชนท้องถิ่น (local experiences ) ทำการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน รวมถึงสร้างกลไกกระจายรายได้สู่ชุมชน ต่อยอดการท่องเที่ยวแบบมีความรับผิดชอบ (Corporate social responsibility : CSR) การท่องเที่ยวแบบจิตอาสา (Volunteer Vacations) สร้างแรงจูงใจให้องค์การในยุโรปนำพนักงานหรือลูกค้ามาทำกิจกรรมในไทยเพิ่มขึ้น ขยายสู่ The Rise of Sustainable Tourism เพิ่มกลุ่มตลาดคุณภาพนำรายได้เข้าประเทศอย่างคุ้มค่าในระยะยาว
ข่าวที่สอง “งานเที่ยวไทยบูม10ทัวร์ชุมชนเงินสะพัด100ล้าน”
นายกฤตย์ พัตรปาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค. เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจัดงาน “ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 45 ระหว่าง 2-5 พฤศจิกายน นี้ ที่อิมแพค เมืองทองธานี โดยยังคงได้รับความร่วมมือในการทำโปรโมชั่นแรง ๆ ลด แลก แจก แถมจากกลุ่มโรงแรม รีสอร์ต ทัวร์ สายการบิน เรือท่องเที่ยว รถเช่า อุปกรณ์การเดินทาง คาดการณ์ตลอด 4 วัน จะมีผู้เข้าร่วมซื้อมากกว่า 200,000 คน ทำเงินสะพัดกว่า100 ล้านบาท
ไฮไลต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้นำชุมชนการท่องเที่ยวเข้ามาร่วมเปิดตัวแคมเปญ Village Tourism 4.0 นำสินค้าและโปรแกรมท่องเที่ยวมาขายรวม 10 ชุมชน และกลุ่มบัตรเครดิตก็ทำโปรโมชั่นใช้จ่ายเงินซื้อท่องเที่ยวผ่านบัตรจะได้ส่วนลดสูงสุดถึง 35 % เช่น เครือกรุงศรีคอนซูเมอร์ บัตรเครดิตซิตี้แบงก์
ข่าวที่สาม “บางกอกแอร์ขายตั๋วร่วมเวียดนามแอร์6เส้นทาง”
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า ลงนามข้อตกลงในการให้บริการเที่ยวบินร่วม (Code Share Agreement) กับเวียดนามแอร์ไลน์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเส้นทางบินระหว่างสองประเทศ โดยเส้นทางบินที่ให้บริการโดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์สมี 6 เส้นทางบิน ได้แก่
เส้นทางไป-กลับ ระหว่าง กรุงเทพฯ-สมุย กรุงเทพฯ-ภูเก็ต กรุงเทพฯ-กระบี่ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-เชียงราย และกรุงเทพฯ-ดานัง (เวียดนาม) และเส้นทางบินที่ให้บริการโดยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ มี 2 เส้นทางบิน ได้แก่ เส้นทางไป-กลับ ระหว่าง กรุงเทพฯ-โฮจิมินห์ (เวียดนาม) และกรุงเทพฯ-ฮานอย (เวียดนาม)
ข่าวที่สี่ “เวียตเจ็ทยึดหัวหาดใหม่เชียงใหม่/ภูเก็ตเริ่ม ธ.ค.นี้”
สายการบินเวียตเจ็ท รายงานว่า เดือนธันวาคมนี้ เตรียมเปิดบินใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่
เส้นทางแรก “โฮจิมินห์ – เชียงใหม่” เริ่ม 12 ธันวาคม 2560 สัปดาห์ละ 4 เที่ยว บินทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และอาทิตย์ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ออกจากโฮจิมินห์ 11.35 น. ถึงเชียงใหม่ 13.30 น. และออกจากเชียงใหม่ 14.20 น. ถึงโฮจิมินห์ 16.25 น.
เส้นทางที่ 2 โฮจิมินห์ – ภูเก็ต เริ่ม 15 ธันวาคม 2560 สัปดาห์ละ 4 เที่ยว บินทุกวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ออกจากโฮจิมินห์ 10.15 น. ถึงภูเก็ต 12.10 น. และออกจากภูเก็ต 13.05 น. ถึงโฮจิมินห์ 15.10 น.
เมื่อปลายเดือนตุลาคมเวียตเจ็ทโปรโมชั่นขายตั๋วโดยสารราคาเริ่มต้น 0 บาท (ไม่รวมภาษีและค่าบริการ) 180,000 ที่นั่ง ไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้นำไปเดินทางระหว่าง 1 พฤศจิกายน 2560 – 31 พฤษภาคม 2561
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ทาง สวท.FM 97.0 MHz.เวลา 11.00-12.00 น.ฟังย้อนหลังได้ใน www.facebook.com/rauydauykhao อ่านทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และ gurutourza
ททท.ผนึกบินไทยดึงเอเย่นต์/สื่อทั่วโลกมาไทย15-16พ.ย.
คิงเพาเวอร์ชูThe Trinity Forumปลุกทั่วโลกบูมศก.ไทย
หนาวนี้ชวนกันขึ้นเหนือพักใจที่ศูนย์วิจัยพืชสวนเลยภูเรือ
บางกอกแอร์ขายตั๋วร่วมเวียดนามแอร์นำร่อง6เส้นทาง
เวียตเจ็ตเพิ่มหัวหาดใหม่เชียงใหม่/ภูเก็ตเริ่ม 12ธ.ค.นี้
สวัสดีวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.
ช่วงที่ 1 รับฟังการสัมภาษณ์ข้ามทวีปจากยุโรปในการพูดคุยกับ “คุณศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สายตรงเข้ารายการระหว่างเดินทางปฏิบัติภารกิจนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวเอกชนไปบุกเจาะตลาดทั่วภาคพื้นยุโรปก่อนเริ่มเข้าทำการขายในงานระดับโลก World Travel Mart : WTM 2017 ระหว่าง 6-8พฤศจิกายน นี้ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท |
คุณศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ เปิดเผยว่าช่วงวันที่ 29 ตุลาคม- 4 พฤศจิกายน 2560 ได้นำทีมผู้บริหารบริษัทตัวแทนนำเที่ยวของไทย 37 ราย ไปทำโรดโชว์กลุ่มแรกประมาณ 20 ราย ตามกลยุทธ์ Pre-WTM 2017 เดินหน้าเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการในแถบสแกนดิเนเวียในพื้นที่ 3 ประเทศแรก เริ่มจากเมืองโคเปนเฮเก้น (เดนมาร์ก) ออสโลว์ (นอร์เวย์) สต็อกโฮม (สวีเดน) จากนั้นวันที่ 6-8 พฤศจิกายน นี้ ผู้ประกอบการไทยทั้งหมดจะเข้าร่วมขายในงาน WTM 2017 แล้วจากนั้นเดินทางต่อไปทำ Post-WTM 2017 อีก 3 ประเทศ ได้แก่ กรุงปราก (สาธารณรัฐเช็ค) วอซอร์ (โปแลนลนด์) และเวียนนา (ออสเตรีย)
โปรดักซ์ไฮไลต์ที่จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ Open New Shade Million Shade Amazing Thailand เป็นสินค้าใหม่ที่มีความหลากหลายทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่มีความแตกต่างจากเดิม ๆ ซึ่งจะมีทั้งความลึกของสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์หลักในการเจาะตลาดนานาชาติตลอดปีงบประมาณ 2561
โดยได้แบ่ง New Shade Million Shade Amazing Thailand แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.Thai Gastronomy เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหารจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ 2. Thai Way of life เส้นทางท่องเที่ยววิถีไทย 3. Thai Art & Crafe เส้นทางท่องเที่ยวเชิงศิลปะและหัตถกรรม 4. Thai Natural Beuty เส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม 5. Thai Culture เส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
หากแบ่งตามพื้นที่หรือ Area Base ภูมิใจที่กล่าวถึง กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ กระบี่ และจังหวัดอื่น ๆ ในเส้นทางเปิดโลกแนวใหม่ที่จะนำเสนอแก่นักท่องเที่ยวทั่วภาคพื้นยุโรป เป็นข้อมูลภาพกว้างที่สื่อไปถึงกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับการลงลึกในแต่ละ New Shade เรื่องอาหารไทยซึ่งสามารถแตกไลน์เมนูอาหารแก่นักท่องเที่ยว เช่น ผัดไทยสารพัดชนิด กุ้ง เส้นจัน หรือเมี่ยงคำกาบบัว และอีกหลากหลายเชดที่น่าสนใจ ซึ่ง สำนักงาน ททท.ทั่วโลกทั้ง 27 แห่งก็จะคัดสรรแต่ละโปรดักซ์ New Shade ตามความต้องการของนักท่องเที่ยวในตลาดนั้น ๆ ขณะเดียวกันก็สามารถ “เพิ่มรายได้” จากนักท่องเที่ยวควบคู่กันไปด้วย เพราะทุก Shade มีความสำคัญเหมือน ๆ กัน เช่น Gastronomy หรือเส้นทางอาหารแต่ละพื้นที่สามารถนำเสนอความแปลกใหม่ที่นักท่องเที่ยวยังไม่รู้จักได้ใกล้เคียงกัน ส่วน Shade ของชายหาดก็อาจจะทำได้เฉพาะบางพื้นที่โดนใจตลาดยุโรปแน่นอน แตกต่างจากเอเชียกับอาเซียนอาจจะมาเที่ยวทะเลน้อยกว่า ทว่าสามารถขายวิถีไทย วิถีชุมชน ซึ่ง ททท.สำนักงานต่าง ๆ ต้องวางกลยุทธ์ให้น้ำหนักแตกต่างกันตามพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศ
แนวโน้มปี2561 ตลาดยุโรปที่จะมาแรงตามกลไกแล้วจะเป็นกลุ่มที่เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนยุโรปตะวันออกมาแรงมาก ๆ รวมทั้งฝรั่งเศส และที่เหลือเติบโตไปด้วยดี ยกเว้นบางตลาดยังคงชะลอตัวอยู่บ้าง อย่าง อิตาลี สแกนดิเนเวีย โดยภาพรวมตลาดจากยุโรปมาเที่ยวเมืองไทยยังอยู่ในเกณฑ์น่าพึงพอใจ มีปีละไม่ต่ำกว่า 20 ประเทศ ซึ่งมีสำนักงาน ททท.และแต่งตั้งตัวแทนการตลาด มีทั้งการนำทั้งจำนวนและกลุ่มคุณภาพ นับเป็นเค้กก้อนโตที่เข้ามายังไทย ซึ่ง “รายได้” จากวันพักเฉลี่ย เปรียบเทียบกับ “จีน” แล้วพักเฉลี่ยครั้งละ 4-5วันต่อคน ชอบใช้จ่ายเงินช้อปปิ้ง ขณะที่ยุโรปพักเฉลี่ย 14-15วันต่อคน ไม่นิยมช้อปปิ้งมากแต่จะใช้จ่ายเรื่องที่พัก กิจกรรม อาหาร เครื่องดื่ม สูงกว่ามาก
ททท.จึงต้องให้ความสำคัญทุกตลาด เพราะพฤติกรรมการพักผ่อนแตกต่างกัน ในช่วงฤดูร้อนเอเชียจะเดินทางมาท่องเที่ยวน้อย ดังนั้นจึงต้องวางกลยุทธ์ช่วงไหนตลาดระยะใกล้เดินทางน้อยก็นำตลาดระยะไกลเข้าไปเติมเต็มสลับกันไปอย่างนี้ตลอดทั้งปี
ส่วนการเข้าร่วมงาน WTM 2017 ระหว่าง 6-8 พฤศจิกายน นี้ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตลอด 3 วัน โดยมีเอกชนไทยเข้าร่วมจำนวนมากกว่าเกือบเท่าตัว เพราะบางกลุ่มเดินทางตรงเข้าพื้นที่ตามความเหมาะสม ขณะนี้การทำตลาดของเอกชนจะได้เปรียบมากกว่ายุคก่อน ๆ เพราะ ททท.เพิ่มจำนวนโร้ดโชว์มากขึ้น รวมถึงการนำผู้ประกอบการและสื่อมวลชนจากต่างประเทศเข้ามาประเทศไทยเพื่อพบปะกับเอกชนไทยและร่วมลงพื้นที่สำรวจสถานที่ท่องเที่ยวด้วยกัน
คุณศรีสุดา ย้ำว่า ททท.ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายพันธมิตร “กลุ่มสายการบิน” ล่าสุดคุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.นัดพบปะหารือกับผู้บริหารสายการบินนานาชาติ โดยได้สรุปเชิงนโยบายอย่างชัดเจน ระหว่าง ททท.กับกลุ่มสายการบินแถวหน้าของโลกจะจับมือกันทำ “โปรโมชั่นท่องเที่ยว” เช่น สายการบินที่ได้รับการปลดล็อกจาก ICAO เตรียมเปิดจุดบินใหม่ เพิ่มเที่ยวบิน และสนามบิน เข้าไทยในจังหวัดต่าง ๆ ททท.จะเข้าไปสนับสนุนทันที
สำหรับความร่วมมือกับ “การบินไทย” หลังประกาศกลับมาฟื้นฟูเส้นทางบินทั่วยุโรป เตรียมร่วมมือกันอย่างชัดเจนโครงการแรก เส้นทางไป-กลับ “เวียนนา (ออสเตรีย) -กรุงเทพฯ” เริ่มตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน นี้ เป็นต้นไป ซึ่งเป้าหมายการตลาดจะตรงกัน รวมทั้งยังได้หารือกับทีมผู้บริหารของการบินไทยโดยนำแผนมากางดูร่วมกันทั้งสององค์กร นำร่องจากสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ ก่อนจะขยายไปยังสำนักงานของ ททท.และการบินไทยในทั่วโลก แล้วชี้จุดเพื่อร่วมมือกันให้การเดินทางและการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยเติบโตไปด้วยกัน
ต่อจากนั้นเตรียมทำโครงการนำผู้ประกอบการและสื่อจากยุโรป 250-300 ราย เดินทางเข้ามายังประเทศไทย วันที่ 15 พฤศจิกายน นี้ จะนำทั้งหมดเข้าร่วมพิธีเปิด “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” โดยพลเอกธนะศักดิ์ ประติมาปกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงานดังกล่าวใจกลางกรุงเทพมหานคร
โดยส่วนใหญ่การบินไทยและมีสายการบินพันธมิตรอย่าง เตอร์กีสแอร์ไลน์ส เข้ามาร่วมด้วย ในการนำผู้ประกอบการและสื่อคณะดังกล่าวจากทั่วโลกเข้ามาร่วมงานและสำรวจแหล่งท่องเที่ยวของไทย ต่อจากนั้นวันที่ 16 พฤศจิกายน นี้ ททท.จะเปิดโครงการต่อเนื่องให้กลุ่มนี้รับรู้คือ New Shade Million Shade Amazing Thailand เข้าร่วมฟังแนวคิดเชิงกลยุทธ์และเป็นข้อความที่จะสื่อถึงตัวแทนการขายท่องเที่ยวทั่วโลก
ขณะที่สายการบินอื่น ๆ เช่น การ์ตาแอร์เวย์ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เตรียมเปิดบินตรงแบบประจำ ไป-กลับ จากโดฮา เมืองหลวง สู่ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา (พัทยา) ยิ่งไทยมีพันธมิตรสายการบินนานาชาติมากเท่าไรยิ่งจะเป็นผลดีและเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับการประกาศทำโครงการ “ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” นั้น ททท.ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลโดยแบ่งด้านแรก “Supply size” ได้แก่ เรื่องแรก การนำเสนอโครงการเจ้าบ้านที่ดี ทั้งรองนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าการ ททท.ทุ่มเทอย่างเต็มที่รณรงค์ให้ชุมชนให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยอัธยาศรัยไมตรีที่ดีเป็นเสน่ห์ไทยครองใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก เรื่องที่ 2 การพัฒนาและขยายสนามบินทั่วประเทศ ตัวอย่างสนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย หรือการยกระดับกองบังคับการเป็นกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ทำให้มีกำลังพล งบประมาณ เพิ่มมากขึ้น เรื่องที่ 3 การจัดอีเวนต์ระดับประเทศและนานาชาติ เป็นการทำซัพพลายไซซ์ที่ ททท.ต้องกระจายข่าวออกไป
ด้านที่สอง “Demand size” ททท.ต้องมุ่งใส่เกียร์เดินหน้า New Shade ที่ได้วางกลยุทธ์ไว้อย่างแน่นหนาแล้ว ก้าวต่อไปจะต้องสร้างสรรค์กลยุทธ์กระตุ้นกำลังซื้อให้เข้าเป้าหมาย
บทบาทสำคัญของ ททท.ต้องสื่อสารสู่สาธารณะด้วยกลไกให้เกิดการรับรู้เข้าถึงทุกกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดTrinity Forum 2017ดึงทั่วโลกหนุนไทย”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่าได้ร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. รวมพลังคนไทยดึงงาน The Trinity Forum 2017 มาจัดในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2560 พร้อมทั้งมีสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (Airports Council International) และนิตยสารมู้ดดี้ รีพอร์ต ผู้นำด้านข้อมูลข่าวสารการประกอบการเชิงพาณิชย์ในสนามบินและสายการบินร่วมสนับสนุน โดยมีผู้ประกอบการชั้นนำในวงการค้าปลีกในธุรกิจท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 400 คน
ทางกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ ในฐานะผู้บุกเบิกดิวตี้ฟรีเมืองไทยรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับผู้เข้าร่วมงานและได้แสดงศักยภาพพลังของคนไทยสู่สายตานักธุรกิจทั่วโลก พร้อมทั้งได้เลือก “วังสวนผักกาด” เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมอันดีงามของเมืองไทยด้วยอีกทาง
อีกทั้งตลอดเกือบ 3 ทศวรรษ คิง เพาเวอร์ ให้บริการนักท่องเที่ยวนานาชาติรวมกว่า 300 ล้านคน ภายใต้แนวคิด “We are travellers too : เราเข้าใจนักเดินทาง เพราะเราก็เป็นนักเดินทางเช่นกัน” โดยมีร้านค้าคิง เพาเวอร์ กระจายทั่วประเทศ 10 สาขา ประกอบด้วย ดิวตี้ฟรีในเมือง 4 คอมเพล็กซ์ ได้แก่ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และดิวตี้ฟรีในสนามบินอีก 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และอู่ตะเภา
ระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2560 ได้เปิดโรงละครอักษรา โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ให้กลุ่มผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ในสนามบินชั้นนำจากทั่วโลกร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนความเห็นกันเพื่อสร้างมาตรฐานระดับสากลและเป็นแผนดำเนินการธุรกิจในท่าอากาศยานทั่วโลก และผลักดันการดำเนินงาน การประเมินสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ในอนาคต
โดยมีหัวข้อหลัก ๆ ประกอบด้วย พัฒนาศักยภาพในการสร้างรายได้ของธุรกิจในท่าอากาศยาน ทิศทางของกลุ่มลูกค้า การประเมินสถานการณ์ แนวโน้มที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ของกลุ่มธุรกิจการบินในอนาคต รวมถึงบทบาทการตั้งรับภาวะเศรษฐกิจ พร้อมทั้งภาพรวมของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสนามบิน นวัตกรรมใหม่ที่จะนำมาใช้ในภาคธุรกิจ กฎหมายข้อบังคับต่าง ๆ การมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันและสร้างประโยชน์สูงสุดแก่กลุ่มผู้ประกอบการ
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะรัฐวิสาหกิจบริหารและดำเนินงานท่าอากาศยานนานาชาติหลักของไทย 6 แห่ง ประกอบด้วย สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง และเชียงราย ได้วางเป้าหมาย 20 ปีข้างหน้า มุ่งสนับสนุนการเชื่อมโยงการขนส่งทางอากาศ และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างยั่งยืนและมั่งคั่งภายใต้กรอบการดำเนินงาน AOT Strategy House
ตลอดปี 2560 ได้บริหารและดำเนินงานท่าอากาศยานของ ทอท.ทั้ง 6 แห่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศเชื่อมโยงให้สายการบินนานาประเทศมาใช้บริการนำเครื่องบินมาขึ้นลงกว่า 823,574 ลำ เพิ่มขึ้น 6 % ขนส่งผู้โดยสารเข้าออกประเทศไทยราว 129 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.7 % ควบคู่กับการโปรโมตรายได้เชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานทุกแห่งเพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม และพร้อมจะนำข้อแนะนำจากเวทีการประชุม The Trinity Florum 2017 ไปขยายผลสร้างความสำเร็จร่วมกันกับทุกฝ่ายเติบโตไปด้วยกันอย่างเข้มแข็งทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
ขณะที่ “มาร์ติน มูดดี้” ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร Moodie Davitt Report กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้จัดการประชุม เดอะ ทรินิตี้ ฟอรั่ม 2017 อีกครั้งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองจุดหมายปลายสำคัญทางการค้าปลีกของการท่องเที่ยวทั่วโลก จึงพร้อมจะร่วมกับคิง เพาเวอร์ และ ทอท.พัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศแห่งประเทศศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน โยจะใช้โอกาสงานประชุมระดับโลกที่มีผู้นำธุรกิจแถวหน้าของโลกกว่า 400 คน ครอบคลุมทุกลุ่มคือ ธุรกิจท่องเที่ยว ค้าปลีก ผู้ประกอบการในสนามบิน ผู้ได้รับสัมปทานดูแลท่าอากาศยาน ผู้ประกอบการร้านค้า และบริษัทที่จัดจำหน่ายแบรนด์ชั้นนำระดับโลกต่าง ๆ อาทิ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทการท่าอากาศยานไทย สนามบินชางงี สนามบินฮ่องกง DFS กลุ่มบริษัทปลอดภาษีของจีน บริษัท Oréal Diageo บริษัท Estée Lauder และ Rémy Cointreau มาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก และหาแนวทางความร่วมมือเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างมั่นคง จับมือกันขับเคลื่อนและพัฒนาให้เกิดรายได้เชิงพาณิชย์ และกลุ่มนักเดินทางได้รับผลประโยชน์สูงสุด วินวินด้วยกันทุกฝ่าย
ข่าวที่ 2 “ททท.งัด e – GREETผ่านไลน์500แหล่งปลุกเที่ยวไทย”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ต้อนรับการเข้าสู่ “ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน Amazing Thailand เริ่ม 1 พฤศจิกายน 2560 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ในฐานะ e – GREET แอมบาสเดอร์ ได้เปิดตัว“e – GREET” ผ่าน “อัลบั้มภาพสวัสดีโชว์ความงามแหล่งท่องเที่ยว” ให้สาธารณชนดาวน์โหลดฟรี รวม 500 ภาพ โดยจะอัพโหลดออกมาวันละ 50 ภาพ
เป็นกลยุทธ์ใหม่ของ ททท.ที่จะพลิกโฉมให้แตกต่างต่างจากเดิมโดยใช้ e – GREET ส่งทักทายประจำวันทางไลน์แชท (Line Chat) คัดเลือกภาพความสวยงามของประเทศไทยในแง่มุมต่างๆ พร้อมคำทักทาย คำอวยพร คำคม ชื่อสถานที่ เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจให้คนไทยและนานาชาติเพิ่มการเดินทางท่องเที่ยวช่วง “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 – 1 มกราคม 2562 จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 โดยพลเอกธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมตรี
ดร.ยุทธศักดิ์ เปิดเผยว่าโครงการ “e – GREET (อี-กรีท)” เป็นพลิกโฉมภาพทักทายตอนเช้าซึ่งรู้จักกันดีในชื่อกลุ่มภาพ “สวัสดีตอนเช้า” ให้เป็นภาพแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เทศกาล งานประเพณี อาหาร บรรยากาศวิถีชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ ททท. ได้บันทึกมาจากแหล่งท่องเที่ยวทั่วไทย พร้อมประกอบกับคำสวัสดี คำทักทาย คำอวยพร จึงเชิญชวนให้มาร่วมกันส่งต่อคำสนุกสนาน หรือคำคม พร้อมชื่อสถานที่ ผ่านตัวอักษรฟ้อนต์ “ทัศนจร”และ “ทัศนศึกษา” ที่ ททท. ออกแบบขึ้น กำกับด้วยตราสัญลักษณ์ของ ททท. และปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน เพิ่มแรงบันดาลใจให้คนหันมาสนใจเดินทางท่องเที่ยวจากภาพที่ได้รับเพิ่มขึ้น เข้าไปโหลดฟรีได้ที่ www.facebook.com/eGREETTAT
ทั้งนี้คำว่า e – GREET มาจาก e : electronic G : Good R : Relation E : Expression E : Emotion T : Thailand ซึ่งหมายถึง การส่งความปรารถนาดีให้แก่กันในการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสวยงามของประเทศไทย
ขณะเดียวกันในช่วงเช้าวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (คทช.) ได้รับรายงานถึงมติคณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการส่งเสริมปี 2561 ให้จัด “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” โดยทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมจัดทำปฏิทินกิจกรรมท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 – 1 มกราคม 2562 จำนวนทั้งสิ้น 183 กิจกรรม แบ่งเป็น 16 กลุ่ม ได้แก่
1.กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงกีฬา 36 กิจกรรม
2.กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงอาหาร 12 กิจกรรม
3.กลุ่มการท่องเที่ยวทางน้ำ 4กิจกรรม
4.กลุ่มการท่องเที่ยวเพื่อการแต่งงาน 1 กิจกรรม
5.กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ 5 กิจกรรม
6.กลุ่มการท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาเซียน 6 กิจกรรม
7.กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 40 กิจกรรม
8.กลุ่มการท่องเที่ยวสีเขียว 5 กิจกรรม
9.กลุ่มการท่องเที่ยวยามค่ำคืน 7 กิจกรรม
10.กลุ่มการท่องเที่ยวศิลปะบันเทิง 16 กิจกรรม
11.กลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชน 14 กิจกรรม
12.กลุ่มการท่องเที่ยวธุรกิจไมซ์ 13 กิจกรรม
13.กลุ่มการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล 3 กิจกรรม
14.กลุ่มกิจกรรมการตลาดระหว่างธุรกิจกับธุรกิจที่ต่างประเทศ 12 กิจกรรม
15.กลุ่มกิจกรรมพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว 6 กิจกรรม
16.กลุ่มกิจกรรมการเป็นเจ้าบ้านที่ดี 3 กิจกรรม
ข่าวที่ 3 “บางจากขยายปั๊มในพื้นที่โครงการพระราชดำริ”
นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) และทีมผู้บริหาร กล่าวว่า ร่วมกับนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางในการพัฒนาสถานีบริการน้ำมันของสหกรณ์ ให้มีความทันสมัยเพื่อยกระดับสถานีบริการน้ำมันของสหกรณ์ รวมทั้งหารือถึงความร่วมมือในการเปิดจุดจำหน่ายสินค้าของสหกรณ์ในพื้นที่โครงการพระราชดำริ และสมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่
เนื่องจากบางจากเป็นผู้นำพลังงานทางเลือกและน้อมนำศาสตร์พระราชาทางด้านการผลิตพลังงานทดแทนมาให้บริการ และความร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ในครั้งนี้ ก็เพื่อจะได้นำผลผลิตมาวางจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและให้เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าที่ถาวรต่อไป
ข่าวที่ 4 “ทอท.คุมเข้มทุกสนามบินช่วงลอยกระทง”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ช่วงเทศกาลลอยกระทงวันที่ 3 และ 4 พฤศจิกายน 2560 ได้ขอความร่วมมือพื้นที่ในบริเวณท่าอากาศยานเชียงใหม่ เชียงราย ปล่อยโคมลอย โคมไฟ ได้ในช่วงเวลาที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยตามมาตรฐานการบิน โดยกำหนดให้ปล่อยได้เฉพาะระหว่างเวลา 19.00 – 01.00 น. ส่วนโคมควันสามารถปล่อยได้ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 ระหว่างเวลา 10.00 – 12.00 น. รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในพื้นที่ปลอดภัยในการเดินอากาศตลอด 24 ชั่วโมง และสำหรับที่จังหวัดเชียงรายห้ามปล่อยโคมลอย โคมควัน ในเขตพื้นที่ความปลอดภัย รวมทั้งคุมเข้มความปลอดภัยในบริเวณรอบพื้นที่สุวรรณภูมิ ดอนเมือง หาดใหญ่ ภูเก็ต ด้วยเช่นกัน
น.ต.มณธนิก รักงาม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ทอท. กล่าวว่าได้การรณรงค์เรื่องการปล่อยโคมลอยให้ปลอดภัย ว่า ได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงวัด สถานศึกษาและชุมชน ที่อยู่ในเขตความปลอดภัยในการเดินอากาศ ประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยที่เหมาะสม โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามประกาศ จ.เชียงใหม่ อย่างเคร่งครัด คือห้ามปล่อยโคมลอย โคมควัน ในเขตพื้นที่ความปลอดภัยในการเดินอากาศ
ยกเว้นแต่เป็นการปล่อยตามประเพณียี่เป็ง (ลอยกระทง) ซึ่งในปี 2560 ตรงกับวันที่ 3 และ 4 พ.ย.2560 โดยต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขคือ ให้ปล่อยโคมลอย โคมไฟ ระหว่างเวลา 19.00-01.00 น. ส่วนโคมควัน สามารถปล่อยได้ในวันที่ 3 พ.ย.2560 ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น. ซึ่งปีนี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่มีเที่ยวบินยกเลิกทำการบิน 78 เที่ยว และเที่ยวบินที่เปลี่ยนแปลงเวลาทำการบิน 79 เที่ยว
ช่วงที่ 2 หนาวนี้ขึ้นเหนือไปชม “ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย (ภูเรือ) กางเต็นต์ ตั้งแคมป์ สูดโอโซน ท่ามกลางทุ่งคริสต์มาส แปลงผัก ผลไม้ เมืองหนาว ส่วนเรื่องสุขภาพก็ช่วยกันรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดการเที่ยวงานสืบสานประเพณีลอยกระทงด้วยหลัก 4 เลือก 2 ลด และข่าวฮ็อต แอตต้าทุ่มเงินครั้งแรกในรอบ 50 ปี เปิดบูธให้สมาชิกบุกตลาดยุโรปในงาน WTM 2017 และอนาคตการบินโลกกับ 4 แนวฮ็อต
@ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย (ภูเรือ) จังหวัดเลย
ผืนแผ่นดินในภาคอีสานอันได้ชื่อว่าอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีในอำเภอภูเรือ ด้วยสภาพภูมิประเทศห้อมล้อมด้วยภูเขาสูง ทางกรมวิชาการเกษตร จึงสำรวจพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมในเขต ตำบลปลาบ่า อำเภอภูเรือ นับพันไร่แล้วในเวลาต่อมาขยายไปจนถึงกว่า 4,500 ไร่ เริ่มต้นจาก การจัดทำเป็น “สถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือ” บุกเบิกการปลูกเมล็ดพันธุ์และทดลองพันธุ์พืชต่าง ๆ ที่เหมาะสม กระทั่งปี 2552 เปลี่ยนเป็น “ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรที่สูงเลย” แล้วก็เปลี่ยนอีกครั้งกลายเป็น “ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย” มาจนถึงปัจจุบันนี้
ศูนย์วิจัยพืชสวนเลย เปิดให้เข้าชมฟรีได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 08.00-16.30 น. โดยมีบริการด้านพืช ถ่ายทอดเทคโนโลยี ตรวจสอบรับรองแหล่งผลิตพืช บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ โดยให้บริการแก่เกษตรกร ภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ
พืชไฮไลต์ของศูนย์แห่งนี้ คือ “แมคคาเดเมีย” ไม้ยืนต้นอายุเฉลี่ยกว่าร้อยปี ผลมีรสชาติมันหวาน ประกอบด้วยไขมันไม่อิ่มตัว โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซี่ยม และแร่ธาตุอีกหลายชนิด ปัจจุบันได้รับความสนใจเพาะปลูกเพิ่มขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูง หากแปรรูปจะเพิ่มมูลค่าได้หลายแบบ เช่น แมคคาเดเมียอบเกลือ น้ำมันแมคคาเดเมีย และสบู่ถ่านแมกคาเดมีย
ส่วนกิจกรรมสร้างการเรียนรู้แก่ผู้เข้าไปเยี่ยมชม ก็มี เดินชมแปลงสาธิตการเกษตร แปลงพืชเมืองหนาว อย่าง บร็อกโคลี ปวยเล้ง โกลาบี้ แรดิซิโอ พลาสเล่ย์ คะน้าฮ่องกง ผักสลัดต่าง ๆ รวมไปถึงแปลงผลไม้เมืองหนาว อย่าง ท้อ พลับ เกาลัดจีน สาลี่ แมคคาเดเมีย สตรอร์บอรี่ แปลงดอกไม้เมืองหนาว ได้แก่ ทุ่งคริสต์มาส ซัลเวีย เฟิร์น พิทูเนีย ลิ้นมังกร แพนซี แกลดิโอลัส กุหลาบ และโรงเรือนแสดงพืชพรรณนายาก พืชท้องถิ่น เฟิร์นและพืชใกล้เคียง หน้าวัว สับปะรดสี ลิลลี่ เยอบีร่า เบญจมาศ กล้วยไม้ป่า
นอกจากนี้ยังสามารถเดินศึกษาธรรมชาติ ชมทัศนียภาพทะเลภูเขารอบ ๆ ศูนย์ ตั้งแคมป์ กางเต็นท์ จัดกองไฟ ส่วนในช่วงฤดูหนาวราวเดือนธันวาคมถึงปลายมกราคมของทุกปี “ทุ่งคริสต์มาสภูเรือ” จะบานสะพรั่งสีแดงสดใสครอบคลุมพื้นที่กว่า 5 ไร่ เหมาะแก่การพักผ่อนและเชลฟี่เป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันก็มีสิ่งอำนวยความสะดวก “บริการที่พัก” รองรับได้ราว 300 คน ประกอบด้วย “บ้านวีไอพี” (แบบเอ-เฟรม) มีอยู่ 2 หลัง บ้านภูเคียงดาว และบ้านภูเคียงเมฆ พักได้หลังละ 6 คน ราคาหลังละ 1,000 บาทต่อคืน “บ้านธรรมดา” ประกอบด้วย บ้านพยับหมอก บ้านรัตนธารา บ้านจรัสแสง พักได้หลังละ 8-10 คน บ้านอิงดอย บ้านปุยเมฆ พักได้หลังละ 6 คน บ้านฟ้าเรืองรอง พักได้หลังละ 15 คน บ้านเอกพะยอม พักได้ 20 คน แต่ละหลังจะคิดราคาเหมาจ่ายคนละ 100 บาทต่อคนต่อคืน
ส่วนจุดกางเต็นท์พร้อมห้องน้ำชาย/หญิง ห้องสุขา มี 15 ห้อง โดยมีเต็นท์ให้เช่า ขนาด 4-6 คน หลังละ 300 บาทต่อคืน และนำเต็นท์มาเองคิดค่าบริการบำรุงสถานที่หลังละ 100 บาทต่อคืน
“ห้องประชุม” ภายในศูนย์จัดไว้พร้อมอุปกรณ์ LCD คิดค่าบริการวันละ 2,000 บาท ”ร้านอาหารและเครื่องดื่ม” ตั้งอยู่ภายในสวนภูเรือ
สนใจท่องเที่ยวศูนย์วิจัยพืชสวนเลย โทร.042-891-199, 042-891-398, 042-389-891, 042-039-892 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.doa.go.th/hrc/loei
@การลอยกระทงตามหลัก 4 เลือก 2 ลด
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย แนะนำว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ขอให้ทุกคนใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปริมาณขยะ ลดโลกร้อน และยังคงสืบสานประเพณีที่ดีงามควรใช้หลัก 4 เลือก 2 ลด คือ 1. เลือกกระทงให้เหมาะกับแหล่งน้ำที่จะไปลอย เช่น กระทงขนมปัง ควรลอยในแหล่งน้ำที่มีปลากินขนมปัง กระทงหยวกกล้วยเหมาะกับแหล่งน้ำที่มีเจ้าหน้าที่เก็บขนขึ้นมาและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น นำไปหมักทำปุ๋ย 2. เลือกกระทงที่ทำจากวัสดุจากธรรมชาติ เก็บขนได้ทัน ไม่มีสารก่อมลพิษต่อแหล่งน้ำ ป้องกันน้ำเน่าเสีย เช่น ทำจากต้นกล้วย หยวกกล้วย ใบตอง 3. เลือกกระทงที่ไม่ใช้วัสดุหลากหลายเกินไป เพื่อลดภาระการคัดแยกก่อนนำไปกำจัด เลี่ยงกระทงที่มีเข็มหมุด พลาสติก โฟม เพราะย่อยสลายยากและเป็นขยะในแหล่งน้ำได้ 4. เลือกลอยกระทงออนไลน์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปลอยนอกสถานที่
ส่วนการช่วยลดปริมาณขยะได้ . ลดขนาดกระทง ลอยขนาดเล็กแทนขนาดใหญ่ เพราะใช้วัสดุน้อยกว่า ขยะน้อยกว่า และ 6. ลดจำนวนเหลือ 1 กระทงลอยร่วมกัน ช่วยลดขยะและประหยัดเงิน เช่น มากันเป็นครอบครัวๆ ละ 1 ใบ มาเป็นกลุ่มเพื่อน กลุ่มละ 1 ใบ มากับแฟน ลอยกระทงร่วมกัน 1 ใบ เป็นการสานสัมพันธ์ที่ดี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “แอตต้าทุ่มเงินเปิดบูธWTM2017ชูขายทัวร์ชุมชน”
นางมิ่งขวัญ เมธเมาลี อุปนายก และประธานฝ่ายการตลาดยุโรป สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่แอตต้าลงทุนกว่า 2 ล้านบาท เช่าพื้นที่ขนาด 50 ตารางเมตร เปิดบูธให้สมาชิกเปิดเวทีขายในงาน WTM 2017 กรุงลอนดอน โดยแยกจากไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน นำโปรดักซ์ไฮไลต์ใหม่เด่น ๆ ไปเจาะขายให้คู่ค้าในตลาดยุโรปปี 2561 คือ “ Community based tourism (CBT)” จับมือกับองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) นำชุมชนไปจัดแสดง ได้แก่ ชุมชนกกสะทอน เมืองเก่าสุโขทัย ซะซอม ศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้าน หน้ากากผีตาโขนจะจัดแสดงการเขียนหน้ากากผีตาโขน และโชว์วัฒนธรรมต่างๆ ให้ บริษัทนำเที่ยวต่างชาติสนใจมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น
แอตต้าจะชูยุทธศาสตร์ “Multigenerational Trend” ปลุกกระแส “Multigenerational Vacations with local experiences” หรือส่งเสริมการเดินทางแบบร่วมกันทุกวัยทั้งกับกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยกว่าและมีอายุมาก โน้มน้าวให้ชาวต่างชาติเข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชนท้องถิ่น (local experiences ) ทำการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน รวมถึงสร้างกลไกกระจายรายได้สู่ชุมชน ต่อยอดการท่องเที่ยวแบบมีความรับผิดชอบ (Corporate social responsibility : CSR) การท่องเที่ยวแบบจิตอาสา (Volunteer Vacations) สร้างแรงจูงใจให้องค์การในยุโรปนำพนักงานหรือลูกค้ามาทำกิจกรรมในไทยเพิ่มขึ้น ขยายสู่ The Rise of Sustainable Tourism เพิ่มกลุ่มตลาดคุณภาพนำรายได้เข้าประเทศอย่างคุ้มค่าในระยะยาว
ข่าวที่สอง “งานเที่ยวไทยบูม10ทัวร์ชุมชนเงินสะพัด100ล้าน”
นายกฤตย์ พัตรปาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค. เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจัดงาน “ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 45 ระหว่าง 2-5 พฤศจิกายน นี้ ที่อิมแพค เมืองทองธานี โดยยังคงได้รับความร่วมมือในการทำโปรโมชั่นแรง ๆ ลด แลก แจก แถมจากกลุ่มโรงแรม รีสอร์ต ทัวร์ สายการบิน เรือท่องเที่ยว รถเช่า อุปกรณ์การเดินทาง คาดการณ์ตลอด 4 วัน จะมีผู้เข้าร่วมซื้อมากกว่า 200,000 คน ทำเงินสะพัดกว่า100 ล้านบาท
ไฮไลต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้นำชุมชนการท่องเที่ยวเข้ามาร่วมเปิดตัวแคมเปญ Village Tourism 4.0 นำสินค้าและโปรแกรมท่องเที่ยวมาขายรวม 10 ชุมชน และกลุ่มบัตรเครดิตก็ทำโปรโมชั่นใช้จ่ายเงินซื้อท่องเที่ยวผ่านบัตรจะได้ส่วนลดสูงสุดถึง 35 % เช่น เครือกรุงศรีคอนซูเมอร์ บัตรเครดิตซิตี้แบงก์
ข่าวที่สาม “บางกอกแอร์ขายตั๋วร่วมเวียดนามแอร์6เส้นทาง”
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า ลงนามข้อตกลงในการให้บริการเที่ยวบินร่วม (Code Share Agreement) กับเวียดนามแอร์ไลน์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเส้นทางบินระหว่างสองประเทศ โดยเส้นทางบินที่ให้บริการโดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์สมี 6 เส้นทางบิน ได้แก่
เส้นทางไป-กลับ ระหว่าง กรุงเทพฯ-สมุย กรุงเทพฯ-ภูเก็ต กรุงเทพฯ-กระบี่ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-เชียงราย และกรุงเทพฯ-ดานัง (เวียดนาม) และเส้นทางบินที่ให้บริการโดยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ มี 2 เส้นทางบิน ได้แก่ เส้นทางไป-กลับ ระหว่าง กรุงเทพฯ-โฮจิมินห์ (เวียดนาม) และกรุงเทพฯ-ฮานอย (เวียดนาม)
ข่าวที่สี่ “เวียตเจ็ทยึดหัวหาดใหม่เชียงใหม่/ภูเก็ตเริ่ม ธ.ค.นี้”
สายการบินเวียตเจ็ท รายงานว่า เดือนธันวาคมนี้ เตรียมเปิดบินใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่
เส้นทางแรก “โฮจิมินห์ – เชียงใหม่” เริ่ม 12 ธันวาคม 2560 สัปดาห์ละ 4 เที่ยว บินทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ และอาทิตย์ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ออกจากโฮจิมินห์ 11.35 น. ถึงเชียงใหม่ 13.30 น. และออกจากเชียงใหม่ 14.20 น. ถึงโฮจิมินห์ 16.25 น.
เส้นทางที่ 2 โฮจิมินห์ – ภูเก็ต เริ่ม 15 ธันวาคม 2560 สัปดาห์ละ 4 เที่ยว บินทุกวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ออกจากโฮจิมินห์ 10.15 น. ถึงภูเก็ต 12.10 น. และออกจากภูเก็ต 13.05 น. ถึงโฮจิมินห์ 15.10 น.
เมื่อปลายเดือนตุลาคมเวียตเจ็ทโปรโมชั่นขายตั๋วโดยสารราคาเริ่มต้น 0 บาท (ไม่รวมภาษีและค่าบริการ) 180,000 ที่นั่ง ไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้นำไปเดินทางระหว่าง 1 พฤศจิกายน 2560 – 31 พฤษภาคม 2561
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ทาง สวท.FM 97.0 MHz.เวลา 11.00-12.00 น.ฟังย้อนหลังได้ใน www.facebook.com/rauydauykhao อ่านทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และ gurutourza
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น