ททท.จ่อมีข่าวดีรัฐประกาศแจกของขวัญปีใหม่
เที่ยวลดหย่อนภาษี-บิ๊กเซอร์ไพรส์ATFเชียงใหม่
ช้อปออนไลน์คิงเพาเวอร์ลดไม่ยั้งทุกแบรนด์35%
บางจาก-ไปรษณีย์เปิดบริการโลจิสติกส์อัจฉริยะ
ILINKเร่งโปรเจ็กต์APMสุวรรณภูมิใน870 วัน
ตะลอนทัวร์เชิงนิเวศน์ในอ้อมกอดบ้านน้ำเชี่ยว
บินไทยควงแบงก์-คาร์โก้-เชฟมิชลินปั๊มเงินปี’61
แปลงโฉมดุสิตครั้งใหญ่ทศวรรษ5สู่ดุสิตคัลเลอร์
ดุสิตธานีฉลอง48ปีลดทุกห้องอาหาร48%ข้ามปี
กอบกาญจน์โชว์ผลงานอำลาเก้าอี้รมว.ท่องเที่ยว
สวัสดีวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
ช่วงที่ 1 “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมนำข่าวดีจากรัฐบาลมอบเป็นของขวัญปีใหม่ในเรื่อง “มาตรการเที่ยวลดหย่อนภาษี” และการส่งเสริมให้คนไทยออกมาเคาน์ดาวน์กันอย่างคึกคักโดยจะขยายพื้นที่จัดงานไปสู่เมืองท่องเที่ยวรอง กลาง เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้ ต่อด้วยการการปลุกวัยรุ่นก้าวออกมาเที่ยวอย่างสร้างสรรค์กับไทยเท่ภาค 2 ด้วย 3 หมวด 5 วิถีเท่ รวมถึงจะทำเซอร์ไพรส์ในฐานะประเทศ “เจ้าภาพ ATF 2018” ปลายเดือนมกราคมปีหน้าให้อยู่ในภาพจำของอาเซียนทุกคน
“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เตรียมพร้อมร่วมกับทั่วประเทศจัด Amazing Thailand Countdown 2018 โดยจะดำเนินการ 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก ให้การสนับสนุนเอกชนและหน่วยงานของรัฐจัดงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เช่น เชียงใหม่ เฟสติวัล พัทยา เคาน์ดาวน์ ไนต์ พาราไดซ์ หาดใหญ่ หรือ ที่ขอนแก่น ส่วนที่สอง ททท.สำนักงานทั่วประเทศ จัดเองในเมืองท่องเที่ยวรอง เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน กำลังพิจารณาในพื้นที่ เชียงราย กาญจนบุรี จันทบุรี อุดรธานี รวมทั้งภูเก็ต ทุกพื้นที่มีความน่าสนใจ
แรงจูงใจที่จะให้คนไปร่วมเคาน์ดาวน์ ขณะนี้ก็มีเรื่องของ “มาตรการท่องเที่ยวลดหย่อนภาษี” กำลังเจรจากับทางกระทรวงการคลัง โดยได้เสนอกติกาที่จะให้คนเดินทาง กระทรวงการคลังให้ ททท.มาพิจารณา เรื่องที่ 1 กำหนดพื้นที่ท่อองเที่ยวเมืองรองเพิ่มขึ้น เลือกบางจังหวัดที่มีจำนวนคนเดินทางเข้าไปน้อย เรื่องที่ 2 ค่าใช้จ่ายที่จะนำมาลดหย่อนภาษี ซึ่งกระทรวงการคลังต้องสูญเสียบางส่วนไปซึ่งตามปกติจะต้องนำมาพัฒนาประเทศ ดังนั้นจึงต้องคัดเลือกบางหมวด เช่น ห้องพัก ห้างร้านที่สามารถออกใบกำกับภาษี ได้ จึงเป็นประเด็นที่ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ
มาตรการท่องเที่ยวลดภาษีได้น่าจะเป็นของขวัญปีใหม่ อย่างเร็วคือช่วงต้นเดือนมกราคม 2561
สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะสดใสเงินสะพัดมากกว่าทุกปีอย่างแน่นอน พุ่งทะยานไปข้างหน้ามีผลดีต่อทุกภาคส่วน สถิติล่าสุดถึง 15 พฤศจิกายน 2560 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยถึง 30.5 ล้านคน เปรียบเทียบในช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านคน ฉนั้นการเดินทางเข้าของต่างชาติน่าจะเติบโตไม่มีปัญหาใด ๆ และด้วยอากาศหนาวเย็นของปีนี้จะเป็นแม่เหล็กดึงดูด “คนไทยเที่ยวในประเทศ” ช่วงท้ายปีคึกคักสูงกว่าทุกปี ทำให้เม็ดเงินสะพัดตามเป้าหมายทั้งตลาดในและต่างประเทศนั่นเอง
ส่วนภารกิจกระตุ้น “เที่ยวไทยเท่” ซึ่งเปิดภาค 2 ออกมาตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นกระแสคนรุ่นใหม่ออกมาเดินทางเที่ยวในประเทศอย่างสร้างสรร เป็นโครงการต่อเนื่องจากภาคแรกได้คัด “เท่เซ็ตเตอร์ 9 คน” มาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ผลปรากฏว่าตลอดปีนี้เท่เซ็ตเตอร์มาแรงสุดคือ “น้องนาย-ณ ภัทร เสียงสมบุญ” สถิติจากคลิปเข้าชม 10 ล้านวิว สร้างการรับรู้ได้มากถึง 80 ล้านเพจวิว ดังนั้นเที่ยวไทยเท่ภาคสองจึงตั้งเป้ากระตุ้นเพิ่มขึ้น มองถึงคุณค่า สร้างประโยชน์ให้ท้องถิ่น กระจายรายได้ลงลึกสู่ชาวชุมชนอย่างแท้จริง โดยมุ่งให้เช้าไปทำ 5 ช ได้แก่ “ชม ชิม ช้อป ช่วย แชร์”
ในความหมายของแต่ละ ช.ได้แก่ ช่วย เพิ่มเข้ามาในการท่องเที่ยวอย่างช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังการช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
ปัจจุบันคนรุ่นใหม่วัยรุ่นออกมาท่องเที่ยวเมืองไทยในจำนวนปีละกว่า 160 ล้านคนครั้ง จะมีส่วนแบ่งตลาดวัยรุ่นอยู่ประมาณ 30 % เป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพเดินทางต่อเนื่องในระยะยาว เพราะสามารถเดินทางกับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว และในโลกสมัยใหม่ชื่นชอบโพสต์ แชร์ ทำให้เกิดการปลุกกระแส “ท่องเที่ยวเมืองรอง” ได้เร็วยิ่งขึ้นได้ด้วย
ในปี 2561 ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน จะเพิ่มความเข้มข้นปี 2561 มีไฮไลต์ 3 เรื่องผนวกรวมอยู่ในเป้าหมาย ประกอบด้วย ท่องเที่ยวชุมชน ท่องเที่ยวเชิงอาหาร การสร้างธรรมาภิบาลที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม จะหันมาส่งเสริมการลดขยะ ยิ่งท่องเที่ยวมากขยะต้องน้อยลง หรือการส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงอาหาร ททท.ยกระดับโดยจับมือทำ มิชลิน ไกด์ บุ๊ค , โฟว์ แอนด์ บียอน และยังมีโครงการร่วมมือกับอีกหลายแห่ง
สำหรับท่องเที่ยวชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อนที่จะให้ความสำคัญเชิงลึก ในฐานะเป็นกำลังหลักการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น ททท.จะได้นำโครงการจับคู่ตลาดในประเทศกับต่างประเทศมาต่อยอดอีกขั้นคือ โครงการ G LINK เช่น ลอสแองเจลิส จับคู่กับชุมพร ปีหน้าจะจัดทำแพกเกจขายชุมพรกับอเมริกา พร้อม ๆ กับร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมีหมู่บ้านนวัตกรรมสร้างสรรค์ นำมาพัฒนาเป็นแพกเกจท่องเที่ยวขายในตลาดต่างประเทศอย่างกว้างขวาง และงานโร้ดโชว์ เทรดโชว์ ระดับโลก
การคัดเลือกชุมชนท่องเที่ยวจะต่อยอดจากรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประจำปี หรือ “กินรี” จัดทุก 2 ปี แล้วคัดเลือกร่วมกับ UNDP สหประชาชาติ โดยต้องยอมรับชุมชนที่คัดเลือกเข้ามานั้นอาจจะไม่ยังไม่พร้อมรองรับตลาดต่างประเทศได้ทั้งหมด จึงต้องพิจารณาชุมชนที่มีความพร้อมจริง ๆ ก่อน เพราะตามนโยบายรัฐบาลก็ไม่ต้องการให้ไปเร่งนำชุมชนที่ยังไม่พร้อมเข้ามารับตลาดต่างประเทศ จึงจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป โดย ททท.จะทำการตลาดให้อย่างเข้มแข็ง ส่วนที่ยังไม่พร้อมก็จะใช้วิธีบ่มเพาะด้านข้อมูลและวิธีบริการเพื่อให้เกิดความยั่งยืนการพัฒนาตลาดระยะยาว
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวต่อถึงการเตรียมเป็นเจ้าภาพในนามประเทศไทยจัดมหกรรม “ASEAN TOURISM FORUM 2018” ระหว่าง 24-26 มกราคม 2561 ที่จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในขั้นตอนวางแผนงานเน้นบรรยากาศ กลิ่นอายวัฒนธรรมล้านนา แนวทางการจัด จะนำผู้ซื้อจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจกับผู้ขายของไทยและสมาชิกอาเซียน เรื่อยไปจนถึงชมการแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
หัวใจสำคัญของการทำให้ประเทศไทยอยู่ในความทรงจำระหว่างงาน ATF 2018 นั่นคือ สร้างกิจกรรมให้ชาติสมาชิกอาเซียนมีส่วนร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน เพื่อแสดงถึงภาพการบูรณาการทำงานร่วมกัน และประกาศความริเริ่มใหม่ ๆ ซึ่งทางฝ่ายเลขานุการกำลังทำอยู่ แล้วเนรมิตให้เกิดเป็น “Chaingmai Decoration”
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์ลดไม่ยั้ง35%ถึง15มค.61”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดทัพสินค้าร่วมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มาให้ได้ช้อปออนไลน์กันอย่างจุใจทางwww.kingpoweronline.com ด้วยแคมเปญ Let’s Celebrateลดถึง 35 % ไม่ต้องใส่รหัสส่วนลด และส่งให้ฟรีไม่มีขั้นต่ำ ระหว่างวันนี้ – 15 มกราคม 2561
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เร่งขยายแนวรุกขายสินค้าดิวตี้ฟรีออนไลน์ ผ่านช่องทาง www.kingpoweronline.com อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีส่วนแบ่งลูกค้าคนไทย 60 % จากเดิมมีคนไทยนิยมซื้อราว 80 % ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ภายหลังตลาดต่างชาติหันมาสนใจเพิ่มขึ้นมีสัดส่วนราว 40 % โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีความเชี่ยวชาญซื้อสินค้าออนไลน์ขยับจากเดิม 5 เป็น 35 % คาดการณ์ในอนาคต 1-2 ปีข้างหน้า จีนจะขยับยอดซื้ออนไลน์มากถึง 60 %
ระหว่างนี้จะต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อจะให้ผู้ซื้อเข้าถึงสินค้าออนไลน์ของคิง เพาเวอร์ เนื่องจากข้อจำกัดบางอย่างยังคงมีอยู่บ้าง ซึ่งทางรัฐบาลจีนเองก็ต้องป้องกันการจับจ่ายใช้เงินของชาวจีนด้วยเช่นกัน ดังนั้นทางคิง เพาเวอร์ ต้องหาทางออกด้วยการจับมือกับพันธมิตรในจีนด้วยอีกทาง เพื่อทำให้สัดส่วนลูกค้าจีนช้อปออนไลน์ได้ถึง 60 % รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางการซื้อให้สะดวกมากขึ้น ผ่านทาง Application kingpower จะเริ่มได้ช่วงมกราคมหรือไตรมาสแรก 2561 เป็นต้นไป ส่วนในไทยก็โปรโมตผ่านออนไลน์ facebook, line
สำหรับรายได้และความสนใจของนักช้อปซื้อผ่านออนไลน์ มีอัตราการเติบโตระดับดีทั้งกลุ่มคนไทยและต่างชาติ ประเมินจากปริมาณการเข้ามาสั่งซื้อบางครั้งหนาแน่นจนเว็บไซต์ล่มก็มี ซึ่งในพื้นที่ประเทศจีนเองทางคิง เพาเวอร์ ได้ลงทุนโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ควบคู่กันไปด้วย ส่งผลให้ยอดขายเติบโตเพิ่ม 2 เท่า โดยยังคงมีการจำหน่ายสินค้าบางส่วนกับทาง TMALL แต่พยายามแยกตัวออกเป็นอิสระ เพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าออนไลน์ตรงกับคิง เพาเวอร์ โดยจะพยายามพัฒนาเว็บไซต์ แอพลิเคชั่น ให้ทันสมัยเข้าถึงง่ายมากที่สุด แล้วก็ลดสัดส่วนการขายทางทีมอลล์นั่นเอง
ตามแผนพัฒนาเว็บไซต์เชิงรุกไปยังตลาดอื่น ๆ นอกเหนือจากจีน เดิมมีลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ ประมาณ 2 เป็น 6 % ตามสัดส่วนแล้วนักท่องเที่ยวจีนเข้ามายังไทยมีจำนวนมากเป็นอันดับ 1 จึงเป็นกลุ่มที่ช้อปปิ้งสินค้าดิวตี้ฟรีมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่านักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ
ข่าวที่ 2 “ภาคกลางจัดเต็มทัวร์ชุมชนหนองโรงเมืองกาญจน์”
นางปานจิตร สันทัดกลการ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เปิดเผยว่า ได้ขยายแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ใน ชุมชนตำบลหนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีความโดดเด่นเคยเป็นป่าเสื่อมโทรม ชาวบ้านจึงร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูป่าด้วยการปลูกต้นไม้นานาชนิดทดแทน มีทั้งป่าเชิงอนุรักษ์ ป่าสมุนไพร จนเกิดเป็นป่าที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนในชุมชน จึงลงพื้นที่สนับสนุนพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ให้เป็น 1 ใน 10 ชุมชนต้นแบบของกิจกรรม Village Tourism 4.0
กิจกรรมที่ยกระดับและพัฒนาชุมชนโดยบูรณาการการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยง ทั้งวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นทางเลือกใหม่และยังจะช่วยเพิ่มทำให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นทำให้คนในชุมชนมีรายได้มากตามไปด้วย ซึ่งชุมชนมีความพร้อมทั้งทางด้าน ผลิตภัณฑ์ชุมชนจากภูมิปัญญาชาวบ้าน อาทิ เครื่องประดับ แหวน กำไลที่ทำมาจากเถาวัลย์ซึ่งมีอยู่มากมายในป่า ทำฐานการเรียนรู้ทั้งหมด 35 ฐาน สวนผสมตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจด้านการเกษตรและการอนุรักษ์ สามารถเข้ามาเรียนรู้เพื่อนำประโยชน์ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้
ภายในชุมชนยังมีกิจกรรมสาธิตทอผ้าขาวม้า แปรรูปตาล นำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น นำหัวตาลไปทำถ่านใช้ในครัวเรือน ผลตาลไปทำเป็นขนม รวมทั้งมีวิถีวัฒนธรรม การแสดงพื้นบ้านอย่าง เพลงเหย่ย เป็นเพลงพื้นบ้านเก่าแก่ที่กำลังจะสูญหายไป นิยมเล่นช่วงสงกรานต์ งานนักขัตฤกษ์ งานมงคล และงานรื่นเริงทั่วไปของชาวบ้าน ปัจจุบันเยาวชนของบ้านห้วยสะพานสามัคคีและสมาชิกในตำบลต่อยอดโดยนำมาแสดงต้อนรับนักท่องเที่ยว
ข่าวที่ 3 “บางจากผนึกไปรษณีย์บริการโลจิสติกส์อัจฉริยะ”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) พัฒนาธุรกิจบริการสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 โดยทั้งสองบริษัทจะใช้เครือข่ายของปั๊มน้ำมันบางจากเป็นที่ตั้งสาขาไปรษณีย์ และตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ (iBox) พัฒนาระบบรับส่งสินค้าและโลจิสติกส์ พร้อมเปิดโอกาสขยายช่องทางการตลาดสินค้าของสมาชิกเกษตรกรในเครือข่ายปั๊มชุมชนบางจากผ่านระบบ e-Commerce น้ำมันหล่อลื่นบางจาก
เข้าสู่ระบบออนไลน์ www.thailandpostmart.com จำหน่ายไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศด้วย โดยเชื่อมโยงเครือข่ายขนส่งและโลจิสติกส์ของไปรษณีย์ซึ่งครอบคลุมทั่วประเทศ อำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่องและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น
ความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ๆ คือ
1.เป็นช่องทางรับ-ส่งสิ่งของ เพื่อรองรับธุรกิจ e-Commerce อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคโดยการติดตั้งตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ (iBox) ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ใช้เป็นจุดรับ-ส่งสิ่งของตลอด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ในกรณีผู้บริโภคไม่อยู่บ้าน หรือไม่สะดวกรับส่งสินค้าในเวลาราชการ
2. สร้างช่องทางการตลาดใหม่ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชน กับผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ผ่านระบบ e-Commerce ของ ปณท ช่วยขยายฐานลูกค้า ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ชุมชนง่ายขึ้น ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้สมาชิกเกษตรกรในเครือข่ายปั๊มชุมชนบางจากกว่า 1 ล้านครัวเรือน หรือเกือบ 5 ล้านคน เบื้องต้นจะนำร่องจากจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นบางจากผ่าน www.thailandpostmart.com ในอนาคตก็จะมีผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นอื่นๆ เข้ามาจำหน่ายผ่านช่องทางนี้
3.ความร่วมมืออื่นๆ เช่น การเปิดสาขาย่อยของไปรษณีย์ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก การเปิดสถานีบริการน้ำมัน ร้านกาแฟอินทนิล หรือร้านค้า Non-oil อื่นๆ ของบางจากฯ และในพื้นที่ ปณท พร้อมทั้งสนับสนุนใช้พลังงานสะอาดกับรถขนส่งของไปรษณีย์ไทยไปพร้อม ๆ กัน
ข่าวที่ 4 “ILINKติดตั้งAPMสุวรรณภูมิให้ทอท.ใน870วัน”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รายงาน ได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลติดตั้งงานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัต (APM) มูลค่าตามสัญญาจ้างรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วเกือบ 3,000 ล้านบาท โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยภาคเอกชนได้เร่งดำเนินงานเพื่อจัดทำงานให้แล้วเสร็จตามที่กำหนดไว้ภายใน 2 ปี
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 ทาง บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยถึงการร่วมลงนามสัญญากับอีก 4 บริษัทไปตั้งแต่วันที่ พฤศจิกายน 2560 ดำเนินการเดินหน้าสัญญาสัมปทานกับ ทอท.ติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติสุวรรณภูมิร่วมกันในนาม “นิติบุคคลร่วมทำงานไออาร์ทีวี” ประกอบด้วย บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK มีมูลค่าของสัญญาจ้าง 2,099 ล้านบาท บริษัท เรืองณรงค์ จำกัด 540 ล้านบาท บริษัท ไทยเกอร์ เทคโนโลยี จำกัด 210 ล้านบาท บริษัท วิวเท็กซ์ จำกัด 150 ล้านบาท มีกำหนดระยะเวลาการทำงานติดตั้ง APM ให้แล้วเสร็จภายใน 870 วัน
ช่วงที่ 2 ร่วมเดินทางเที่ยวชุมชนสองศาสนาที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข “บ้านน้ำเชี่ยว จ.ตราด” เป็นศูนย์กลางดึงดูดทัวร์เชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ วิถีชีวิตทุกรูปแบบที่มีคุณค่า แถมเป็นแหล่งอาหารอร่อย งอบสานดีไซน์เก๋ ๆ เพียบ ขณะเดียวกันก็ต้องหันมาใส่ใจลองเลือกกินอาหารป้องกันภูมิแพ้ และข่าว
@เที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว ตราด สุดยอดชุมชนเชิงนิเวศน์
ชุมชนสองศาสนาของชาวพุทธและมุสลิม “บ้านน้ำเชี่ยว” จังหวัดตราด เป็นชุมชนที่ใช้ชีวิตอยู่กันด้วยความรักสามัคคี ร่วมมือกันพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ จนได้รับรางวัลมากมาย ด้วยการจัดการอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งกลุ่มงานกันชัดเจน จะมีกลุ่มทำอาหารต้อนรับนักท่องเที่ยว กลุ่มกิจกรรมสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะการทำงอบ กลุ่มเรือ ให้บริการพานักท่องเที่ยวชมป่าชายเลน และสาธิตการดำน้ำเก็บหอยปากเป็ด
เมื่อเดินทางไปพักผ่อนยังบ้านน้ำเชี่ยว ก็ต้องไปชมความสมบูรณ์ของป่าชายเลนซึ่งจัดทำเป็น เส้นทาง“ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน” ถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์อย่าง ปู ปลาตีน ลิง นกหลายสายพันธุ์ และหอดูนกขนาดเท่าตึกสามชั้น บนยอดหอมองลงมาจะเห็นวิวพาโนรามาป่าครบถ้วนทุกมุม
หรือจะไป “ล่องเรือชมธรรมชาติ” ในคลองน้ำเชี่ยว ไปจนถึงปากอ่าว เมื่อเรือทอดสมอ ก็ถึงเวลาเรียนรู้วิธีการงมหอยปากเป็ด กิจกรรมนี้สร้างความสนุกสนานแก่นักท่องเที่ยว แถมยังท้าทายความสามารถสำหรับคนที่อยากทดลองทำด้วยตัวเอง เพราะเป็นภูมิปัญญาชุมชนที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา
ไปท่องเที่ยว “มัสยิดอัลกุบรอ” อายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ตั้งโดดเด่นอยู่ริมคลองเป็นศูนย์รวมใจของชาวมุสลิมบ้านน้ำเชี่ยว
หรือจะไปสักการะพระพุทธสารีริกธาตุที่ “วัดน้ำเชี่ยว” ศูนยรวมจิตใจของชวพุทธ และมีพระประจำวันเดปางต่าง ๆ สามรถกราบบูชาได้ และทางสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติยกย่องให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างประจำปี 2548
เมื่อหิวในระหว่างมื้อของแต่ละวันสามารถแวะไปเลือกรับประทานอาหารถิ่นบ้านน้ำเชี่ยวได้บริเวณ “ศาลาจุดบริการนักท่องเที่ยว” ที่กลุ่มจัดเตรียมอาหารต้อนรับจะสรรหาวัตถุดิบมาปรุงให้นักท่องเที่ยวรับประทาน และยังปิดให้ร่วมลงมือทำกิจกรรม งอบน้ำเชี่ยว หัตถกรรมพื้นบ้านอันเป็นมรดกล้ำค่าสร้างรายได้เข้าท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน และลงอทำตังเมกรอบ ข้าวเกรียบยาหน้า (ลักษณะคล้ายขนมเบื้องกับข้าวเกรียบปากหม้อ) เป็นเมนูที่ชาวบ้านรื้อฟื้นขึ้นมาทำเป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น
อาหารถิ่นบ้านน้ำเชี่ยว ต้องชิมให้ได้ เมนูอาหารคาว คือ ก๋วยเตี๋ยวผัดบ้านน้ำเชี่ยว ความพิเศษอยู่ตรงการใส่กะทิ ทำให้หอมมันรสชาติกลมกล่อม ปลาทูน้ำเชี่ยว ที่อร่อยไม่แพ้แหล่งอื่น ที่ “ครัวชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว” กินพร้อมกับน้ำพริกกะปิ ส่วนเมนูของหวานก็มี ตังเมกรอบ เป็นขนมน้ำตาลชัก คล้ายกับแท่งไม้แห้ง รสชาติหวานมันกรอบ และข้าวเกรียบยาหน้าจาก “ครัวป้าแต๋ว” ซึ่งใช้วัตถุดิบธรรมชาติ หอมกลิ่นกุ้ง อร่อยจนลืมอิ่ม
จากชุมชนสามารถนั่งเรือไปท่องเที่ยวรอบบริเวณ “เกาะช้าง” หรือจะพายเรือคายัก ชมทิวทัศน์ ดำน้ำดูปะการัง แล้วขึ้นไปนอนพักผ่อนกินลมชมวิวมะพร้าวตามแนวชายหาดยาว หรือจะไปชม “หาดทรายดำ” แหล่งศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนนั่นเอง
ของฝากที่ควรซื้อ คือ งอบบ้านน้ำเชี่ยว มีหลายรูปทรงให้เลือกตามความชอบ มีทั้งทรงสเด็จ ทรงกระดองเต่า ทรงกระทะคว่ำ และอาหารทะเลมีทั้งแบบปปรรูและสด ๆ
สนใจไปท่องเที่ยว ติดต่อชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว โทร.084-892-5374
@4 กลุ่มอาหารช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้ เริ่มกลายเป็นโรคสุดฮิตของคนไทย ซึ่งสร้างความทรมานให้กับผู้ป่วยอย่างมาก โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ที่อากาศไม่บริสุทธิ์ คุณลิซ่า คอลลิเออร์ คูล นักเขียนเจ้าของรางวัล National Health Information Award มีตัวช่วยได้แก่อาหาร 4 อย่าง ดังต่อไปนี้
1. ผลไม้ตระกูลส้ม มะนาว องุ่น เพราะผลไม้เหล่านี้จะมีวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการ ภูมิแพ้ ได้ โดยพยาบาลเด็กอ่อนได้กล่าวว่าเด็กแรกเกิดที่ดื่มนมแม่เป็นประจำ จะมีภูมิต้านทานต่อโรค ภูมิแพ้ เพราะได้รับวิตามินซีจากน้ำนม
2. มะเขือเทศ เป็นแหล่งรวมของวิตามินซีเช่นเดียวกับผลไม้ตระกูลส้ม นอกจากนี้ในมะเขือเทศยังมีไลโคปินซึ่งช่วยลดอาการหอบหืดจาก ภูมิแพ้ ได้เป็นอย่างดี
3. เมล็ดทานตะวัน นอกจากวิตามินซีแล้ว วิตามินอีก็เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่ช่วยต่อสู้กับโรค ภูมิแพ้ ได้ จากการวิจัยพบว่าอาหารที่มีวิตามินอีสูงจะช่วยลดการตอบสนองของร่างกายต่อสารก่อ ภูมิแพ้ ซึ่งเมล็ดทานตะวันก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี
4. ผักโขม เป็นอีกหนึ่งอาหารสำหรับพิชิต ภูมิแพ้ อย่างแท้จริง เนื่องจากอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารที่หากร่างกายขาดไปจะมีแนวโน้มที่จะเป็นโรค ภูมิแพ้ และหอบหืดได้ง่ายยิ่งขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “การบินไทยดึงแบงก์-คาร์โก้-เชฟมิชลินปั๊มตลาดปี’61
นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ตลอดเดือนพฤศจิกายน นี้ ทุกฝ่ายได้เร่งผลักดันกิจกรรมการตลาดเพื่อวางกลยุทธ์และแผนเพิ่มรายได้ และร่วมกับพันธมิตรธุรกิจหลากหลายกลุ่มด้วยกัน ล่าสุดการบินไทยเพิ่มเพื่อนใหม่จับมือ CITI BANK เพิ่มคะแนนแลกไมล์ตั๋วบินทันใจทางมือถือ ทำโปรแกรม. Thai Airways Citi reward. Pay with point ซึ่งทางบัตรเครดิตซิติแบงก์มีโปรโมชั่นเริ่มต้นเพียง4,000 คะแนน ได้สิทธิแลกเป็นเงินมูลค่า 1,000บาท แล้วสามารถนำไปใช้ซื้อตั๋วโดยสารการบินตามเส้นทางทั้งในและต่างประเทศ
รวมทั้งได้จัดประชุม “Cargo & Mail Sales System-wide Meeting” ให้แก่พนักงานขายระวางสินค้าจากสถานีต่าง ๆ ทั่วโลก ของฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ (คาร์โก้) การบินไทยฯ เดินทางมาร่วมวางแผนกลยุทธ์ แผนการขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อให้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการในปี 2561 เต็มศักยภาพ
ขณะที่ “นายเฉลิมพล แก้วชินพร” ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตั้งแต่พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ได้จัดบริการ Chef on Board นำร่องเส้นทางแรก ปารีส-กรุงเทพฯ แก่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่ง นำมิสเตอร์ฟรองซัวส์ อดัมสกี้ เชฟมิชลินสตาร์ จากฝรั่งเศส มารังสรรค์เมนูสุดพิเศษต่างๆ หมุนเวียนให้บริการในแต่ละเดือน อาทิ หอยนางรมชุบเจลลี่ท็อปปิ้งด้วยไข่ปลาคาเวียร์เสิร์ฟพร้อมกับสลัดเรมูลาดวาซาบิ แอปเปิ้ลเขียวและเซเลอรี่ เนื้อตุ๋นสไตล์ฝรั่งเศสเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบดกับเห็ดทรัฟเฟิลและผักชนิดต่างๆ หรือ ปลาแซลมอนรมควันเสิร์ฟพร้อมไข่ปลาบิน รับประทานกับต้นกระเทียมฟองดองท์และน้ำสลัดสมุนไพร
ทุกฝ่ายในการบินไทยต่างพยายามร่วมกันฟื้นฟูบริการให้กลับมาครองใจผู้โดยสารกระเป๋าหนักอีกครั้ง เพื่อสร้างผลกำไรกลับคืนมาโดยเร็ว
ข่าวที่ 2 “ดุสิตธานีนำทัพสู่ทศวรรษ5ด้วยดุสิตคัลเลอร์”
นายชนินทร์ โทณวณิก ประธานกรรมการ และ ศุภจี สุพันธ์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเปิดโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จัดงาน The Art of Thai Hospitality ต้อนรับสื่อมวลชนไทยและนานาชาติ โดยผู้บริหารทั้ง 2 คน ให้ข้อมูลว่า ดุสิตธานีเป็นโรงแรมคนไทยเปิดให้บริการมาครบ 48 ปี โดยได้มอบความอบอุ่นในแบบวิถีไทยให้คนทั่วโลกเข้าถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งเตรียมเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 5 ภายใต้แบรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาสร้างสีสันเพิ่มคือดุสิต คัลเลอร์
“ศุภจี สุพันธ์ธรรม” ยืนยันว่าได้ไฟเขียวจากที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ให้เดินหน้าใช้เงินลงทุนราว 3.67 ล้านบาท ผุดเมกะโปรเจ็กต์สไตล์ Mixuse ใหม่แทนที่โรงแรมดุสิตธานีปัจจุบัน โดยจะเริ่มทยอยทุบอาคารหลังเดิมทิ้งตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2561 เป็นต้นไป แต่ยังคงคอนเซ็ปต์อนุรักษ์วิถีไทยไว้ครบถ้วนในโครงการใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มจะใช้แบรนด์ใหม่ดุสิต คัลเลอร์ โดยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปีเศษ เพื่อเปิดให้บริการโฉมใหม่ภายในปี 2563 ภายในเมกะโปรเจ็กต์ใหม่จะมีห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร เรสซิเดนท์ ครบวงจร
วางแผนระหว่างการก่อสร้างจะทยอยนำบริการส่วนอื่น ๆ ที่ยังคงสามารถทำรายได้ให้คงอยู่ ได้แก่ ร้านอาหาร จะใช้วิธีไปเช่าใช้สถานที่ด้านนอกเปิดบริการเบื้องต้นเจรจาไว้แล้ว 3 แห่ง รวมถึงบริการซักรีด และอื่น ๆ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจทำรายได้ให้โรงแรมดุสิตธานีมาตลอด
ส่วนการขยายเครือข่ายแบรนด์ดุสิตในต่างประเทศทั่วโลก ภายใน 2 ปีข้างหน้า จะเข้าบริหารให้ได้ตามเป้าหมาย 62 แห่ง โครงการที่คืบหน้าไปมากแล้วคือเกียวโต ญี่ปุ่น และดุสิต D2 ในฟิลิปปินส์
สำหรับ"ดุสิต คัลเลอร์ส" ในเกียวโต ญี่ปุ่น ได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับบริษัท คัลเลอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดตั้งเป็น บริษัทดุสิต คัลเลอร์ส จำกัด เปิดโรงแรมในชื่อ ดุสิต คัลเลอร์ส ขนาด 200 ห้อง กำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2562 พร้อมรองรับโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ ปี 2563
ข่าวที่สาม “ดุสิตฉลอง48ปีลดทุกห้องอาหาร48%”
นางสุกัญญา จันทร์ชู ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ กล่าวว่า ในโอกาสฉลองปีที่ 48 ระหว่างวันนี้- 27 กุมภาพันธ์ 2561 ได้นำเมนูอาหารซีฟู้ดระดับพรีเมี่ยมมาจัดมหกรรมบุฟเฟต์ลดสูงสุด 48 % เหลือเพียงคนละ 1,315 บาท จากราคาเต็ม 2528 บาท ที่ห้อง “เดอะ พาวิลเลี่ยน” ของโรงแรมระดับตำนานแถวหน้าของเมืองไทย
เปิดโปรโมชั่นบุฟเฟต์มื้อเย็นวันศุกร์-วันเสาร์ ได้เพิ่มความแปลกใหม่จากวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ ด้วยล็อบสเตอร์ที่จะนำมามอบให้คนละ 1 ตัว พร้อมตับห่าน อาหารทะเลสด ชูชิ ซาชิมิ เนื้ออบต่างๆ สลัดบาร์ ของหวานสารพัดเค้ก ไอศรีม ผลไม้ตามฤดูกาล และเครื่องดื่มซื้อ 1 แถม 1
สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ จัดบุฟเฟต์ Ultimate Alaska King Crab & Lobster Brunch Buffet ลดเหลือคนละ 1,866 บาท จากราคาเต็ม 3,587 บาท
เช่นเดียวกับที่ห้อง “เดอะ เมฟลาวเวอร์” จัดเมนูซิกเนเจอร์ เช่นเดียวกันห้องอาหารเวียดนาม เทียนดอง ห้องแฮมมิงตัน พร้อมใจกันลดอาหารมื้อหลัก ๆ 48 % ฉลองดุสิตธานีครบรอบ 48 ปี
ข่าวที่สี่ “กอบกาญจน์โชว์ผลงานก่อนอำลาตำแหน่ง”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อำลาเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยจัดแถลงข่าวครั้งสุดท้ายพร้อมกล่าวด้วยน้ำตาถึง ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติภารกิจกว่า 3 ปีเศษ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทำให้มีรายได้เข้าประเทศตามเป้าหมายต่อเนื่อง
ตลอด 10 เดือนแรก ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2560 การท่องเที่ยวสามารถกระจายรายได้สู่ภูมิภาคต่างๆ 2,167,932 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.67% มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1,472,698 ล้านล้านบาท และคนไทยเที่ยวในประเทศ 695,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.34%
ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยว ต่างชาติรวม 28,824,753 คน เพิ่ม 6.69% คนไทยเที่ยวไทย 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) รวม 109.15 ล้านคนครั้ง เพิ่ม 6.32% เฉพากันยายนเดือนเดียวมีคนไทยเที่ยวในประเทศ 13.11 ล้านคนครั้ง เพิ่มขึ้น 5.79%
ติดตามฟังรายการเป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทาง สวท.FM 97.0 MHz.และติดตามอ่านทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ : #gurutourza
เที่ยวลดหย่อนภาษี-บิ๊กเซอร์ไพรส์ATFเชียงใหม่
ช้อปออนไลน์คิงเพาเวอร์ลดไม่ยั้งทุกแบรนด์35%
บางจาก-ไปรษณีย์เปิดบริการโลจิสติกส์อัจฉริยะ
ILINKเร่งโปรเจ็กต์APMสุวรรณภูมิใน870 วัน
ตะลอนทัวร์เชิงนิเวศน์ในอ้อมกอดบ้านน้ำเชี่ยว
บินไทยควงแบงก์-คาร์โก้-เชฟมิชลินปั๊มเงินปี’61
แปลงโฉมดุสิตครั้งใหญ่ทศวรรษ5สู่ดุสิตคัลเลอร์
ดุสิตธานีฉลอง48ปีลดทุกห้องอาหาร48%ข้ามปี
กอบกาญจน์โชว์ผลงานอำลาเก้าอี้รมว.ท่องเที่ยว
สวัสดีวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
ช่วงที่ 1 “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมนำข่าวดีจากรัฐบาลมอบเป็นของขวัญปีใหม่ในเรื่อง “มาตรการเที่ยวลดหย่อนภาษี” และการส่งเสริมให้คนไทยออกมาเคาน์ดาวน์กันอย่างคึกคักโดยจะขยายพื้นที่จัดงานไปสู่เมืองท่องเที่ยวรอง กลาง เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้ ต่อด้วยการการปลุกวัยรุ่นก้าวออกมาเที่ยวอย่างสร้างสรรค์กับไทยเท่ภาค 2 ด้วย 3 หมวด 5 วิถีเท่ รวมถึงจะทำเซอร์ไพรส์ในฐานะประเทศ “เจ้าภาพ ATF 2018” ปลายเดือนมกราคมปีหน้าให้อยู่ในภาพจำของอาเซียนทุกคน
“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เตรียมพร้อมร่วมกับทั่วประเทศจัด Amazing Thailand Countdown 2018 โดยจะดำเนินการ 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก ให้การสนับสนุนเอกชนและหน่วยงานของรัฐจัดงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เช่น เชียงใหม่ เฟสติวัล พัทยา เคาน์ดาวน์ ไนต์ พาราไดซ์ หาดใหญ่ หรือ ที่ขอนแก่น ส่วนที่สอง ททท.สำนักงานทั่วประเทศ จัดเองในเมืองท่องเที่ยวรอง เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน กำลังพิจารณาในพื้นที่ เชียงราย กาญจนบุรี จันทบุรี อุดรธานี รวมทั้งภูเก็ต ทุกพื้นที่มีความน่าสนใจ
แรงจูงใจที่จะให้คนไปร่วมเคาน์ดาวน์ ขณะนี้ก็มีเรื่องของ “มาตรการท่องเที่ยวลดหย่อนภาษี” กำลังเจรจากับทางกระทรวงการคลัง โดยได้เสนอกติกาที่จะให้คนเดินทาง กระทรวงการคลังให้ ททท.มาพิจารณา เรื่องที่ 1 กำหนดพื้นที่ท่อองเที่ยวเมืองรองเพิ่มขึ้น เลือกบางจังหวัดที่มีจำนวนคนเดินทางเข้าไปน้อย เรื่องที่ 2 ค่าใช้จ่ายที่จะนำมาลดหย่อนภาษี ซึ่งกระทรวงการคลังต้องสูญเสียบางส่วนไปซึ่งตามปกติจะต้องนำมาพัฒนาประเทศ ดังนั้นจึงต้องคัดเลือกบางหมวด เช่น ห้องพัก ห้างร้านที่สามารถออกใบกำกับภาษี ได้ จึงเป็นประเด็นที่ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ
มาตรการท่องเที่ยวลดภาษีได้น่าจะเป็นของขวัญปีใหม่ อย่างเร็วคือช่วงต้นเดือนมกราคม 2561
สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะสดใสเงินสะพัดมากกว่าทุกปีอย่างแน่นอน พุ่งทะยานไปข้างหน้ามีผลดีต่อทุกภาคส่วน สถิติล่าสุดถึง 15 พฤศจิกายน 2560 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยถึง 30.5 ล้านคน เปรียบเทียบในช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านคน ฉนั้นการเดินทางเข้าของต่างชาติน่าจะเติบโตไม่มีปัญหาใด ๆ และด้วยอากาศหนาวเย็นของปีนี้จะเป็นแม่เหล็กดึงดูด “คนไทยเที่ยวในประเทศ” ช่วงท้ายปีคึกคักสูงกว่าทุกปี ทำให้เม็ดเงินสะพัดตามเป้าหมายทั้งตลาดในและต่างประเทศนั่นเอง
ส่วนภารกิจกระตุ้น “เที่ยวไทยเท่” ซึ่งเปิดภาค 2 ออกมาตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นกระแสคนรุ่นใหม่ออกมาเดินทางเที่ยวในประเทศอย่างสร้างสรร เป็นโครงการต่อเนื่องจากภาคแรกได้คัด “เท่เซ็ตเตอร์ 9 คน” มาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ผลปรากฏว่าตลอดปีนี้เท่เซ็ตเตอร์มาแรงสุดคือ “น้องนาย-ณ ภัทร เสียงสมบุญ” สถิติจากคลิปเข้าชม 10 ล้านวิว สร้างการรับรู้ได้มากถึง 80 ล้านเพจวิว ดังนั้นเที่ยวไทยเท่ภาคสองจึงตั้งเป้ากระตุ้นเพิ่มขึ้น มองถึงคุณค่า สร้างประโยชน์ให้ท้องถิ่น กระจายรายได้ลงลึกสู่ชาวชุมชนอย่างแท้จริง โดยมุ่งให้เช้าไปทำ 5 ช ได้แก่ “ชม ชิม ช้อป ช่วย แชร์”
ในความหมายของแต่ละ ช.ได้แก่ ช่วย เพิ่มเข้ามาในการท่องเที่ยวอย่างช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังการช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
ปัจจุบันคนรุ่นใหม่วัยรุ่นออกมาท่องเที่ยวเมืองไทยในจำนวนปีละกว่า 160 ล้านคนครั้ง จะมีส่วนแบ่งตลาดวัยรุ่นอยู่ประมาณ 30 % เป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพเดินทางต่อเนื่องในระยะยาว เพราะสามารถเดินทางกับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว และในโลกสมัยใหม่ชื่นชอบโพสต์ แชร์ ทำให้เกิดการปลุกกระแส “ท่องเที่ยวเมืองรอง” ได้เร็วยิ่งขึ้นได้ด้วย
ในปี 2561 ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน จะเพิ่มความเข้มข้นปี 2561 มีไฮไลต์ 3 เรื่องผนวกรวมอยู่ในเป้าหมาย ประกอบด้วย ท่องเที่ยวชุมชน ท่องเที่ยวเชิงอาหาร การสร้างธรรมาภิบาลที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม จะหันมาส่งเสริมการลดขยะ ยิ่งท่องเที่ยวมากขยะต้องน้อยลง หรือการส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงอาหาร ททท.ยกระดับโดยจับมือทำ มิชลิน ไกด์ บุ๊ค , โฟว์ แอนด์ บียอน และยังมีโครงการร่วมมือกับอีกหลายแห่ง
สำหรับท่องเที่ยวชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อนที่จะให้ความสำคัญเชิงลึก ในฐานะเป็นกำลังหลักการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น ททท.จะได้นำโครงการจับคู่ตลาดในประเทศกับต่างประเทศมาต่อยอดอีกขั้นคือ โครงการ G LINK เช่น ลอสแองเจลิส จับคู่กับชุมพร ปีหน้าจะจัดทำแพกเกจขายชุมพรกับอเมริกา พร้อม ๆ กับร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมีหมู่บ้านนวัตกรรมสร้างสรรค์ นำมาพัฒนาเป็นแพกเกจท่องเที่ยวขายในตลาดต่างประเทศอย่างกว้างขวาง และงานโร้ดโชว์ เทรดโชว์ ระดับโลก
การคัดเลือกชุมชนท่องเที่ยวจะต่อยอดจากรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประจำปี หรือ “กินรี” จัดทุก 2 ปี แล้วคัดเลือกร่วมกับ UNDP สหประชาชาติ โดยต้องยอมรับชุมชนที่คัดเลือกเข้ามานั้นอาจจะไม่ยังไม่พร้อมรองรับตลาดต่างประเทศได้ทั้งหมด จึงต้องพิจารณาชุมชนที่มีความพร้อมจริง ๆ ก่อน เพราะตามนโยบายรัฐบาลก็ไม่ต้องการให้ไปเร่งนำชุมชนที่ยังไม่พร้อมเข้ามารับตลาดต่างประเทศ จึงจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป โดย ททท.จะทำการตลาดให้อย่างเข้มแข็ง ส่วนที่ยังไม่พร้อมก็จะใช้วิธีบ่มเพาะด้านข้อมูลและวิธีบริการเพื่อให้เกิดความยั่งยืนการพัฒนาตลาดระยะยาว
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวต่อถึงการเตรียมเป็นเจ้าภาพในนามประเทศไทยจัดมหกรรม “ASEAN TOURISM FORUM 2018” ระหว่าง 24-26 มกราคม 2561 ที่จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในขั้นตอนวางแผนงานเน้นบรรยากาศ กลิ่นอายวัฒนธรรมล้านนา แนวทางการจัด จะนำผู้ซื้อจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจกับผู้ขายของไทยและสมาชิกอาเซียน เรื่อยไปจนถึงชมการแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
หัวใจสำคัญของการทำให้ประเทศไทยอยู่ในความทรงจำระหว่างงาน ATF 2018 นั่นคือ สร้างกิจกรรมให้ชาติสมาชิกอาเซียนมีส่วนร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน เพื่อแสดงถึงภาพการบูรณาการทำงานร่วมกัน และประกาศความริเริ่มใหม่ ๆ ซึ่งทางฝ่ายเลขานุการกำลังทำอยู่ แล้วเนรมิตให้เกิดเป็น “Chaingmai Decoration”
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์ลดไม่ยั้ง35%ถึง15มค.61”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดทัพสินค้าร่วมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มาให้ได้ช้อปออนไลน์กันอย่างจุใจทางwww.kingpoweronline.com ด้วยแคมเปญ Let’s Celebrateลดถึง 35 % ไม่ต้องใส่รหัสส่วนลด และส่งให้ฟรีไม่มีขั้นต่ำ ระหว่างวันนี้ – 15 มกราคม 2561
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เร่งขยายแนวรุกขายสินค้าดิวตี้ฟรีออนไลน์ ผ่านช่องทาง www.kingpoweronline.com อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีส่วนแบ่งลูกค้าคนไทย 60 % จากเดิมมีคนไทยนิยมซื้อราว 80 % ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ภายหลังตลาดต่างชาติหันมาสนใจเพิ่มขึ้นมีสัดส่วนราว 40 % โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีความเชี่ยวชาญซื้อสินค้าออนไลน์ขยับจากเดิม 5 เป็น 35 % คาดการณ์ในอนาคต 1-2 ปีข้างหน้า จีนจะขยับยอดซื้ออนไลน์มากถึง 60 %
ระหว่างนี้จะต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อจะให้ผู้ซื้อเข้าถึงสินค้าออนไลน์ของคิง เพาเวอร์ เนื่องจากข้อจำกัดบางอย่างยังคงมีอยู่บ้าง ซึ่งทางรัฐบาลจีนเองก็ต้องป้องกันการจับจ่ายใช้เงินของชาวจีนด้วยเช่นกัน ดังนั้นทางคิง เพาเวอร์ ต้องหาทางออกด้วยการจับมือกับพันธมิตรในจีนด้วยอีกทาง เพื่อทำให้สัดส่วนลูกค้าจีนช้อปออนไลน์ได้ถึง 60 % รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางการซื้อให้สะดวกมากขึ้น ผ่านทาง Application kingpower จะเริ่มได้ช่วงมกราคมหรือไตรมาสแรก 2561 เป็นต้นไป ส่วนในไทยก็โปรโมตผ่านออนไลน์ facebook, line
สำหรับรายได้และความสนใจของนักช้อปซื้อผ่านออนไลน์ มีอัตราการเติบโตระดับดีทั้งกลุ่มคนไทยและต่างชาติ ประเมินจากปริมาณการเข้ามาสั่งซื้อบางครั้งหนาแน่นจนเว็บไซต์ล่มก็มี ซึ่งในพื้นที่ประเทศจีนเองทางคิง เพาเวอร์ ได้ลงทุนโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ควบคู่กันไปด้วย ส่งผลให้ยอดขายเติบโตเพิ่ม 2 เท่า โดยยังคงมีการจำหน่ายสินค้าบางส่วนกับทาง TMALL แต่พยายามแยกตัวออกเป็นอิสระ เพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าออนไลน์ตรงกับคิง เพาเวอร์ โดยจะพยายามพัฒนาเว็บไซต์ แอพลิเคชั่น ให้ทันสมัยเข้าถึงง่ายมากที่สุด แล้วก็ลดสัดส่วนการขายทางทีมอลล์นั่นเอง
ตามแผนพัฒนาเว็บไซต์เชิงรุกไปยังตลาดอื่น ๆ นอกเหนือจากจีน เดิมมีลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ ประมาณ 2 เป็น 6 % ตามสัดส่วนแล้วนักท่องเที่ยวจีนเข้ามายังไทยมีจำนวนมากเป็นอันดับ 1 จึงเป็นกลุ่มที่ช้อปปิ้งสินค้าดิวตี้ฟรีมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่านักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ
ข่าวที่ 2 “ภาคกลางจัดเต็มทัวร์ชุมชนหนองโรงเมืองกาญจน์”
นางปานจิตร สันทัดกลการ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เปิดเผยว่า ได้ขยายแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ใน ชุมชนตำบลหนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีความโดดเด่นเคยเป็นป่าเสื่อมโทรม ชาวบ้านจึงร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูป่าด้วยการปลูกต้นไม้นานาชนิดทดแทน มีทั้งป่าเชิงอนุรักษ์ ป่าสมุนไพร จนเกิดเป็นป่าที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนในชุมชน จึงลงพื้นที่สนับสนุนพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ให้เป็น 1 ใน 10 ชุมชนต้นแบบของกิจกรรม Village Tourism 4.0
กิจกรรมที่ยกระดับและพัฒนาชุมชนโดยบูรณาการการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยง ทั้งวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นทางเลือกใหม่และยังจะช่วยเพิ่มทำให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นทำให้คนในชุมชนมีรายได้มากตามไปด้วย ซึ่งชุมชนมีความพร้อมทั้งทางด้าน ผลิตภัณฑ์ชุมชนจากภูมิปัญญาชาวบ้าน อาทิ เครื่องประดับ แหวน กำไลที่ทำมาจากเถาวัลย์ซึ่งมีอยู่มากมายในป่า ทำฐานการเรียนรู้ทั้งหมด 35 ฐาน สวนผสมตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจด้านการเกษตรและการอนุรักษ์ สามารถเข้ามาเรียนรู้เพื่อนำประโยชน์ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้
ภายในชุมชนยังมีกิจกรรมสาธิตทอผ้าขาวม้า แปรรูปตาล นำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น นำหัวตาลไปทำถ่านใช้ในครัวเรือน ผลตาลไปทำเป็นขนม รวมทั้งมีวิถีวัฒนธรรม การแสดงพื้นบ้านอย่าง เพลงเหย่ย เป็นเพลงพื้นบ้านเก่าแก่ที่กำลังจะสูญหายไป นิยมเล่นช่วงสงกรานต์ งานนักขัตฤกษ์ งานมงคล และงานรื่นเริงทั่วไปของชาวบ้าน ปัจจุบันเยาวชนของบ้านห้วยสะพานสามัคคีและสมาชิกในตำบลต่อยอดโดยนำมาแสดงต้อนรับนักท่องเที่ยว
ข่าวที่ 3 “บางจากผนึกไปรษณีย์บริการโลจิสติกส์อัจฉริยะ”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) พัฒนาธุรกิจบริการสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 โดยทั้งสองบริษัทจะใช้เครือข่ายของปั๊มน้ำมันบางจากเป็นที่ตั้งสาขาไปรษณีย์ และตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ (iBox) พัฒนาระบบรับส่งสินค้าและโลจิสติกส์ พร้อมเปิดโอกาสขยายช่องทางการตลาดสินค้าของสมาชิกเกษตรกรในเครือข่ายปั๊มชุมชนบางจากผ่านระบบ e-Commerce น้ำมันหล่อลื่นบางจาก
เข้าสู่ระบบออนไลน์ www.thailandpostmart.com จำหน่ายไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศด้วย โดยเชื่อมโยงเครือข่ายขนส่งและโลจิสติกส์ของไปรษณีย์ซึ่งครอบคลุมทั่วประเทศ อำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่องและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น
ความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ๆ คือ
1.เป็นช่องทางรับ-ส่งสิ่งของ เพื่อรองรับธุรกิจ e-Commerce อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคโดยการติดตั้งตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ (iBox) ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ใช้เป็นจุดรับ-ส่งสิ่งของตลอด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ในกรณีผู้บริโภคไม่อยู่บ้าน หรือไม่สะดวกรับส่งสินค้าในเวลาราชการ
2. สร้างช่องทางการตลาดใหม่ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชน กับผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ผ่านระบบ e-Commerce ของ ปณท ช่วยขยายฐานลูกค้า ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ชุมชนง่ายขึ้น ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้สมาชิกเกษตรกรในเครือข่ายปั๊มชุมชนบางจากกว่า 1 ล้านครัวเรือน หรือเกือบ 5 ล้านคน เบื้องต้นจะนำร่องจากจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นบางจากผ่าน www.thailandpostmart.com ในอนาคตก็จะมีผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นอื่นๆ เข้ามาจำหน่ายผ่านช่องทางนี้
3.ความร่วมมืออื่นๆ เช่น การเปิดสาขาย่อยของไปรษณีย์ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก การเปิดสถานีบริการน้ำมัน ร้านกาแฟอินทนิล หรือร้านค้า Non-oil อื่นๆ ของบางจากฯ และในพื้นที่ ปณท พร้อมทั้งสนับสนุนใช้พลังงานสะอาดกับรถขนส่งของไปรษณีย์ไทยไปพร้อม ๆ กัน
ข่าวที่ 4 “ILINKติดตั้งAPMสุวรรณภูมิให้ทอท.ใน870วัน”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รายงาน ได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลติดตั้งงานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัต (APM) มูลค่าตามสัญญาจ้างรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วเกือบ 3,000 ล้านบาท โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยภาคเอกชนได้เร่งดำเนินงานเพื่อจัดทำงานให้แล้วเสร็จตามที่กำหนดไว้ภายใน 2 ปี
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 ทาง บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยถึงการร่วมลงนามสัญญากับอีก 4 บริษัทไปตั้งแต่วันที่ พฤศจิกายน 2560 ดำเนินการเดินหน้าสัญญาสัมปทานกับ ทอท.ติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติสุวรรณภูมิร่วมกันในนาม “นิติบุคคลร่วมทำงานไออาร์ทีวี” ประกอบด้วย บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK มีมูลค่าของสัญญาจ้าง 2,099 ล้านบาท บริษัท เรืองณรงค์ จำกัด 540 ล้านบาท บริษัท ไทยเกอร์ เทคโนโลยี จำกัด 210 ล้านบาท บริษัท วิวเท็กซ์ จำกัด 150 ล้านบาท มีกำหนดระยะเวลาการทำงานติดตั้ง APM ให้แล้วเสร็จภายใน 870 วัน
ช่วงที่ 2 ร่วมเดินทางเที่ยวชุมชนสองศาสนาที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข “บ้านน้ำเชี่ยว จ.ตราด” เป็นศูนย์กลางดึงดูดทัวร์เชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ วิถีชีวิตทุกรูปแบบที่มีคุณค่า แถมเป็นแหล่งอาหารอร่อย งอบสานดีไซน์เก๋ ๆ เพียบ ขณะเดียวกันก็ต้องหันมาใส่ใจลองเลือกกินอาหารป้องกันภูมิแพ้ และข่าว
@เที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว ตราด สุดยอดชุมชนเชิงนิเวศน์
ชุมชนสองศาสนาของชาวพุทธและมุสลิม “บ้านน้ำเชี่ยว” จังหวัดตราด เป็นชุมชนที่ใช้ชีวิตอยู่กันด้วยความรักสามัคคี ร่วมมือกันพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ จนได้รับรางวัลมากมาย ด้วยการจัดการอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งกลุ่มงานกันชัดเจน จะมีกลุ่มทำอาหารต้อนรับนักท่องเที่ยว กลุ่มกิจกรรมสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะการทำงอบ กลุ่มเรือ ให้บริการพานักท่องเที่ยวชมป่าชายเลน และสาธิตการดำน้ำเก็บหอยปากเป็ด
เมื่อเดินทางไปพักผ่อนยังบ้านน้ำเชี่ยว ก็ต้องไปชมความสมบูรณ์ของป่าชายเลนซึ่งจัดทำเป็น เส้นทาง“ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน” ถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์อย่าง ปู ปลาตีน ลิง นกหลายสายพันธุ์ และหอดูนกขนาดเท่าตึกสามชั้น บนยอดหอมองลงมาจะเห็นวิวพาโนรามาป่าครบถ้วนทุกมุม
หรือจะไป “ล่องเรือชมธรรมชาติ” ในคลองน้ำเชี่ยว ไปจนถึงปากอ่าว เมื่อเรือทอดสมอ ก็ถึงเวลาเรียนรู้วิธีการงมหอยปากเป็ด กิจกรรมนี้สร้างความสนุกสนานแก่นักท่องเที่ยว แถมยังท้าทายความสามารถสำหรับคนที่อยากทดลองทำด้วยตัวเอง เพราะเป็นภูมิปัญญาชุมชนที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา
ไปท่องเที่ยว “มัสยิดอัลกุบรอ” อายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ตั้งโดดเด่นอยู่ริมคลองเป็นศูนย์รวมใจของชาวมุสลิมบ้านน้ำเชี่ยว
หรือจะไปสักการะพระพุทธสารีริกธาตุที่ “วัดน้ำเชี่ยว” ศูนยรวมจิตใจของชวพุทธ และมีพระประจำวันเดปางต่าง ๆ สามรถกราบบูชาได้ และทางสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติยกย่องให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างประจำปี 2548
เมื่อหิวในระหว่างมื้อของแต่ละวันสามารถแวะไปเลือกรับประทานอาหารถิ่นบ้านน้ำเชี่ยวได้บริเวณ “ศาลาจุดบริการนักท่องเที่ยว” ที่กลุ่มจัดเตรียมอาหารต้อนรับจะสรรหาวัตถุดิบมาปรุงให้นักท่องเที่ยวรับประทาน และยังปิดให้ร่วมลงมือทำกิจกรรม งอบน้ำเชี่ยว หัตถกรรมพื้นบ้านอันเป็นมรดกล้ำค่าสร้างรายได้เข้าท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน และลงอทำตังเมกรอบ ข้าวเกรียบยาหน้า (ลักษณะคล้ายขนมเบื้องกับข้าวเกรียบปากหม้อ) เป็นเมนูที่ชาวบ้านรื้อฟื้นขึ้นมาทำเป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น
อาหารถิ่นบ้านน้ำเชี่ยว ต้องชิมให้ได้ เมนูอาหารคาว คือ ก๋วยเตี๋ยวผัดบ้านน้ำเชี่ยว ความพิเศษอยู่ตรงการใส่กะทิ ทำให้หอมมันรสชาติกลมกล่อม ปลาทูน้ำเชี่ยว ที่อร่อยไม่แพ้แหล่งอื่น ที่ “ครัวชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว” กินพร้อมกับน้ำพริกกะปิ ส่วนเมนูของหวานก็มี ตังเมกรอบ เป็นขนมน้ำตาลชัก คล้ายกับแท่งไม้แห้ง รสชาติหวานมันกรอบ และข้าวเกรียบยาหน้าจาก “ครัวป้าแต๋ว” ซึ่งใช้วัตถุดิบธรรมชาติ หอมกลิ่นกุ้ง อร่อยจนลืมอิ่ม
จากชุมชนสามารถนั่งเรือไปท่องเที่ยวรอบบริเวณ “เกาะช้าง” หรือจะพายเรือคายัก ชมทิวทัศน์ ดำน้ำดูปะการัง แล้วขึ้นไปนอนพักผ่อนกินลมชมวิวมะพร้าวตามแนวชายหาดยาว หรือจะไปชม “หาดทรายดำ” แหล่งศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนนั่นเอง
ของฝากที่ควรซื้อ คือ งอบบ้านน้ำเชี่ยว มีหลายรูปทรงให้เลือกตามความชอบ มีทั้งทรงสเด็จ ทรงกระดองเต่า ทรงกระทะคว่ำ และอาหารทะเลมีทั้งแบบปปรรูและสด ๆ
สนใจไปท่องเที่ยว ติดต่อชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว โทร.084-892-5374
@4 กลุ่มอาหารช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้ เริ่มกลายเป็นโรคสุดฮิตของคนไทย ซึ่งสร้างความทรมานให้กับผู้ป่วยอย่างมาก โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ที่อากาศไม่บริสุทธิ์ คุณลิซ่า คอลลิเออร์ คูล นักเขียนเจ้าของรางวัล National Health Information Award มีตัวช่วยได้แก่อาหาร 4 อย่าง ดังต่อไปนี้
1. ผลไม้ตระกูลส้ม มะนาว องุ่น เพราะผลไม้เหล่านี้จะมีวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการ ภูมิแพ้ ได้ โดยพยาบาลเด็กอ่อนได้กล่าวว่าเด็กแรกเกิดที่ดื่มนมแม่เป็นประจำ จะมีภูมิต้านทานต่อโรค ภูมิแพ้ เพราะได้รับวิตามินซีจากน้ำนม
2. มะเขือเทศ เป็นแหล่งรวมของวิตามินซีเช่นเดียวกับผลไม้ตระกูลส้ม นอกจากนี้ในมะเขือเทศยังมีไลโคปินซึ่งช่วยลดอาการหอบหืดจาก ภูมิแพ้ ได้เป็นอย่างดี
3. เมล็ดทานตะวัน นอกจากวิตามินซีแล้ว วิตามินอีก็เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่ช่วยต่อสู้กับโรค ภูมิแพ้ ได้ จากการวิจัยพบว่าอาหารที่มีวิตามินอีสูงจะช่วยลดการตอบสนองของร่างกายต่อสารก่อ ภูมิแพ้ ซึ่งเมล็ดทานตะวันก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี
4. ผักโขม เป็นอีกหนึ่งอาหารสำหรับพิชิต ภูมิแพ้ อย่างแท้จริง เนื่องจากอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารที่หากร่างกายขาดไปจะมีแนวโน้มที่จะเป็นโรค ภูมิแพ้ และหอบหืดได้ง่ายยิ่งขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “การบินไทยดึงแบงก์-คาร์โก้-เชฟมิชลินปั๊มตลาดปี’61
นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ตลอดเดือนพฤศจิกายน นี้ ทุกฝ่ายได้เร่งผลักดันกิจกรรมการตลาดเพื่อวางกลยุทธ์และแผนเพิ่มรายได้ และร่วมกับพันธมิตรธุรกิจหลากหลายกลุ่มด้วยกัน ล่าสุดการบินไทยเพิ่มเพื่อนใหม่จับมือ CITI BANK เพิ่มคะแนนแลกไมล์ตั๋วบินทันใจทางมือถือ ทำโปรแกรม. Thai Airways Citi reward. Pay with point ซึ่งทางบัตรเครดิตซิติแบงก์มีโปรโมชั่นเริ่มต้นเพียง4,000 คะแนน ได้สิทธิแลกเป็นเงินมูลค่า 1,000บาท แล้วสามารถนำไปใช้ซื้อตั๋วโดยสารการบินตามเส้นทางทั้งในและต่างประเทศ
รวมทั้งได้จัดประชุม “Cargo & Mail Sales System-wide Meeting” ให้แก่พนักงานขายระวางสินค้าจากสถานีต่าง ๆ ทั่วโลก ของฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ (คาร์โก้) การบินไทยฯ เดินทางมาร่วมวางแผนกลยุทธ์ แผนการขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อให้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการในปี 2561 เต็มศักยภาพ
ขณะที่ “นายเฉลิมพล แก้วชินพร” ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตั้งแต่พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ได้จัดบริการ Chef on Board นำร่องเส้นทางแรก ปารีส-กรุงเทพฯ แก่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่ง นำมิสเตอร์ฟรองซัวส์ อดัมสกี้ เชฟมิชลินสตาร์ จากฝรั่งเศส มารังสรรค์เมนูสุดพิเศษต่างๆ หมุนเวียนให้บริการในแต่ละเดือน อาทิ หอยนางรมชุบเจลลี่ท็อปปิ้งด้วยไข่ปลาคาเวียร์เสิร์ฟพร้อมกับสลัดเรมูลาดวาซาบิ แอปเปิ้ลเขียวและเซเลอรี่ เนื้อตุ๋นสไตล์ฝรั่งเศสเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบดกับเห็ดทรัฟเฟิลและผักชนิดต่างๆ หรือ ปลาแซลมอนรมควันเสิร์ฟพร้อมไข่ปลาบิน รับประทานกับต้นกระเทียมฟองดองท์และน้ำสลัดสมุนไพร
ทุกฝ่ายในการบินไทยต่างพยายามร่วมกันฟื้นฟูบริการให้กลับมาครองใจผู้โดยสารกระเป๋าหนักอีกครั้ง เพื่อสร้างผลกำไรกลับคืนมาโดยเร็ว
ข่าวที่ 2 “ดุสิตธานีนำทัพสู่ทศวรรษ5ด้วยดุสิตคัลเลอร์”
นายชนินทร์ โทณวณิก ประธานกรรมการ และ ศุภจี สุพันธ์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเปิดโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จัดงาน The Art of Thai Hospitality ต้อนรับสื่อมวลชนไทยและนานาชาติ โดยผู้บริหารทั้ง 2 คน ให้ข้อมูลว่า ดุสิตธานีเป็นโรงแรมคนไทยเปิดให้บริการมาครบ 48 ปี โดยได้มอบความอบอุ่นในแบบวิถีไทยให้คนทั่วโลกเข้าถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งเตรียมเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 5 ภายใต้แบรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาสร้างสีสันเพิ่มคือดุสิต คัลเลอร์
“ศุภจี สุพันธ์ธรรม” ยืนยันว่าได้ไฟเขียวจากที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ให้เดินหน้าใช้เงินลงทุนราว 3.67 ล้านบาท ผุดเมกะโปรเจ็กต์สไตล์ Mixuse ใหม่แทนที่โรงแรมดุสิตธานีปัจจุบัน โดยจะเริ่มทยอยทุบอาคารหลังเดิมทิ้งตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2561 เป็นต้นไป แต่ยังคงคอนเซ็ปต์อนุรักษ์วิถีไทยไว้ครบถ้วนในโครงการใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มจะใช้แบรนด์ใหม่ดุสิต คัลเลอร์ โดยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปีเศษ เพื่อเปิดให้บริการโฉมใหม่ภายในปี 2563 ภายในเมกะโปรเจ็กต์ใหม่จะมีห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร เรสซิเดนท์ ครบวงจร
วางแผนระหว่างการก่อสร้างจะทยอยนำบริการส่วนอื่น ๆ ที่ยังคงสามารถทำรายได้ให้คงอยู่ ได้แก่ ร้านอาหาร จะใช้วิธีไปเช่าใช้สถานที่ด้านนอกเปิดบริการเบื้องต้นเจรจาไว้แล้ว 3 แห่ง รวมถึงบริการซักรีด และอื่น ๆ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจทำรายได้ให้โรงแรมดุสิตธานีมาตลอด
ส่วนการขยายเครือข่ายแบรนด์ดุสิตในต่างประเทศทั่วโลก ภายใน 2 ปีข้างหน้า จะเข้าบริหารให้ได้ตามเป้าหมาย 62 แห่ง โครงการที่คืบหน้าไปมากแล้วคือเกียวโต ญี่ปุ่น และดุสิต D2 ในฟิลิปปินส์
สำหรับ"ดุสิต คัลเลอร์ส" ในเกียวโต ญี่ปุ่น ได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับบริษัท คัลเลอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดตั้งเป็น บริษัทดุสิต คัลเลอร์ส จำกัด เปิดโรงแรมในชื่อ ดุสิต คัลเลอร์ส ขนาด 200 ห้อง กำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2562 พร้อมรองรับโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ ปี 2563
ข่าวที่สาม “ดุสิตฉลอง48ปีลดทุกห้องอาหาร48%”
นางสุกัญญา จันทร์ชู ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ กล่าวว่า ในโอกาสฉลองปีที่ 48 ระหว่างวันนี้- 27 กุมภาพันธ์ 2561 ได้นำเมนูอาหารซีฟู้ดระดับพรีเมี่ยมมาจัดมหกรรมบุฟเฟต์ลดสูงสุด 48 % เหลือเพียงคนละ 1,315 บาท จากราคาเต็ม 2528 บาท ที่ห้อง “เดอะ พาวิลเลี่ยน” ของโรงแรมระดับตำนานแถวหน้าของเมืองไทย
เปิดโปรโมชั่นบุฟเฟต์มื้อเย็นวันศุกร์-วันเสาร์ ได้เพิ่มความแปลกใหม่จากวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ ด้วยล็อบสเตอร์ที่จะนำมามอบให้คนละ 1 ตัว พร้อมตับห่าน อาหารทะเลสด ชูชิ ซาชิมิ เนื้ออบต่างๆ สลัดบาร์ ของหวานสารพัดเค้ก ไอศรีม ผลไม้ตามฤดูกาล และเครื่องดื่มซื้อ 1 แถม 1
สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ จัดบุฟเฟต์ Ultimate Alaska King Crab & Lobster Brunch Buffet ลดเหลือคนละ 1,866 บาท จากราคาเต็ม 3,587 บาท
เช่นเดียวกับที่ห้อง “เดอะ เมฟลาวเวอร์” จัดเมนูซิกเนเจอร์ เช่นเดียวกันห้องอาหารเวียดนาม เทียนดอง ห้องแฮมมิงตัน พร้อมใจกันลดอาหารมื้อหลัก ๆ 48 % ฉลองดุสิตธานีครบรอบ 48 ปี
ข่าวที่สี่ “กอบกาญจน์โชว์ผลงานก่อนอำลาตำแหน่ง”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อำลาเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยจัดแถลงข่าวครั้งสุดท้ายพร้อมกล่าวด้วยน้ำตาถึง ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติภารกิจกว่า 3 ปีเศษ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทำให้มีรายได้เข้าประเทศตามเป้าหมายต่อเนื่อง
ตลอด 10 เดือนแรก ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2560 การท่องเที่ยวสามารถกระจายรายได้สู่ภูมิภาคต่างๆ 2,167,932 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.67% มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1,472,698 ล้านล้านบาท และคนไทยเที่ยวในประเทศ 695,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.34%
ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยว ต่างชาติรวม 28,824,753 คน เพิ่ม 6.69% คนไทยเที่ยวไทย 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) รวม 109.15 ล้านคนครั้ง เพิ่ม 6.32% เฉพากันยายนเดือนเดียวมีคนไทยเที่ยวในประเทศ 13.11 ล้านคนครั้ง เพิ่มขึ้น 5.79%
ติดตามฟังรายการเป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทาง สวท.FM 97.0 MHz.และติดตามอ่านทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ : #gurutourza
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น