ทอท.สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ปี2561โดกยรายได้สนามบินเพียบ-คิงเพาเวอร์ดึง ณเดช คูกมิยะ มอบความส่งท้ายปีที่ซอยรางน้ำ
ทอท.ลุยสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่รับปีจอ2561
ดอนเมืองส้มหล่นผู้โดยสารเพิ่ม47%โกยเงินPSCอื้อ
คิงเพาเวอร์ดึง”ณเดช”เคาน์ดาวน์รางน้ำ30-31ธค.
ททท.ปลุกเอกชนผลิตทัวร์55เมืองรองลดภาษีปี61
บางจากแจกของขวัญปีใหม่ตรึงน้ำมัน-เช็ครถฟรี
เคาน์ดาวน์ภาคตะวันออกที่ระยองกับ7ชิลล์ลุ้นโชค
7วิธีการขับขี่อย่างมีสติเพิ่มปลอดภัยในช่วงปีใหม่
ธรรฐพลซื้อคืนหุ้นAAVลั่นลุยเพิ่มลูกค้า22ล้านคน
ทางหลวงแนะเส้นทางลัด4ภาคขับรถสบายปลายปี
นครพนมจัดอลังการเคาน์ดาวน์2แผ่นดินไทย-ลาว
สวัสดีวันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
ช่วงที่ 1 “นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ให้สัมภาษณ์ส่งท้ายปี ที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่รับปีจอ 2561 โดยประมาณการณ์“รายได้ใหม่” ยกแผงหลังจากสายการบินนานาชาติแห่บินเข้าดอนเมืองทำให้ยอดค่าธรรมเนียมต่างชาติพุ่งจากการเพิ่มของผู้โดยสารอีก 47% และในช่วงต้นปีหน้า ทอท.รอรัฐบาลฟันธงให้เข้าบริหารสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยานไทย 15 แห่ง ยึดหัวหาดสร้างเทรนด์การบินใหม่เป็นวงแหวน “คลัสเตอร์ แอร์พอร์ต” ขานรับนโยบายกระจายท่องเที่ยว 55 เมืองรอง ขณะที่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จัดทัพเสริมทุกเรื่องอำนวยความสะดวกทุกช่องทาง
“นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่าไฮไลต์ล่าสุดมติที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เห็นชอบให้เสนอแผนเข้าบริหารสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยานไทย กระทรวงคมนาคม รวม 15 สนามบิน ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในต้นปีหน้าแล้วจะรู้คำตอบอย่างชัดเจน รัฐบาลจะให้ ทอท.เข้าบริหารสนามบินของกรมท่าอากาศยานไทยแห่งใดบ้าง เพื่อจะได้รุกทำแผนแม่บทการรับมอบสนามบินที่จะต้องเข้าไปบริหาร
ตามหลักการจะแบ่งตามศักยภาพเชื่อมโยงกับ สนามบิน ทอท.ที่มีฐานการบินอยู่ทางภาคเหนือและภาคใต้ มีดอนเมืองกับสุวรรณภูมิอยู่ตรงกลางการเชื่อมตะวันตกกับตะวันออก ดังนั้นในภาคอีสานจึงเสนอเข้าบริหารสนามบินอุบลราชธานี หรืออุดรธานี มีความพร้อมจะเป็นศูนย์กลางการบิน หรือ HUB ต่อจากฮับแล้วต้องพิจารณาถึง ทางวิ่งเครื่องบิน เครื่องเอ็กซเรย์ ได้ตามมาตรฐานเที่ยวบินจากสหภาพยุโรป ตามหลักการลงทุนต้องใช้งบประมาณสูง แตกต่างจาก “สนามบินเครือข่ายเส้นทางรอง” หรือ SPOKE อาจจะไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก เพื่อรับเที่ยวบินจากจีนและอื่น ๆ
แนวทางการเสนอเข้าบริหารสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยานไทย ทอท.เน้นการทำเป็น “Cluster Airport” มีสนามบินเมืองหลัก เมืองรอง เมืองย่อย เชื่อมโยงเส้นทางบริการเข้าหากันได้โดยตรง เพราะคงไม่สามารถลงทุนเทียบชั้นสุวรรณภูมิหรือดอนเมืองได้ โดยสรุปในภาคอีสานจะมี 1 HUB 1-2 SPOKE ส่วนทางเหนือและใต้ ทอท.มีฮับอยู่แล้วในภูเก็ตกับเชียงใหม่ จึงเสนอเฉพาะ SPOKE เพิ่มเข้าไป เป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลเตรียมกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองอย่างเต็มที่
ขณะนี้ ทอท.ได้ส่งรายละเอียดไปยังกระทรวงคมนาคม โดยมี สนข.เป็นศูนย์กลางการจัดทำข้อมูล จะเพิ่มหรือไม่อย่างไร แล้วสรุปออกมาเป็นแนวทาง
ส่วนที่สอง การพัฒนาเชิงพาณิชย์ ได้คุยกับทางกรมธนารักษ์เรื่องจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนตามมูลค่าทรัพย์สิน เพื่อใช้ที่ดินรอบสนามบินที่มีอยู่ทั้งหมด
ดร.นิตินัย ย้ำว่าเรื่อง “รายได้” ตลอดปีงบประมาณ 2560 มีปัจจัยเหนือความคาดหมายประมาณการณ์การเติบโตของรายได้สนามบินเกิดขึ้น หลังปีใหม่จะต้องปรับประมาณการณ์ตัวเลขใหม่ ซึ่งจะขยายตัวช่วงปีใหม่ แต่ก่อนหน้านี้การเติบโตแบบเซอร์ไพรส์มีสายการบินจีนที่ขอมาขึ้นลงสุวรรณภูมิได้ยกเลิกตารางบิน (time slot) จึงถูกแทนที่ด้วยสายการบินจากรัสเซีย และจีนรายใหญ่ เข้ามาใช้ในช่วงเช้าหนาแน่นพลิกสถานการณ์จาก off peak หรือการเดินทางน้อยกลับกลายเป็น peak มีคนเดินทางหนาแน่นช่วงตีสองถึงแปดโมงเช้าเพิ่มขึ้น
ส่วนดอนเมืองตารางบินเต็มพอสมควร ในช่วงที่ ICAO ปลดธงแดง ทำให้มีสายการบินสามารถเปิดเที่ยวบินข้ามประเทศเพิ่มขึ้นได้ สวนทางกับจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศลดลงแต่ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเติบโตถึง 26-27 % ผู้โดยสารเติบโต 47 % เป็นผลมาจากสายการบินเปลี่ยนขนาดฝูงบินให้ใหญ่มีความจุแต่ละเที่ยวเพิ่มขึ้น
จึงผลต่อการ “รายได้” จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมภาษีสนามบิน Passenger Service Charge :PSC ที่เปลี่ยนจากผู้โดยสารในประเทศซึ่งจ่ายเพียงครั้งละ 100 บาทต่อคน เป็นมีนักเดินทางต่างประเทศเพิ่มซึ่งจ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าวครั้งละ 700 บาทต่อคน ดังนั้นช่วงต้นปี 2561 จึงต้องปรับประมาณการณ์รายได้ซึ่งมีสัญญาณเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ได้ร่วมกับทุกฝ่ายวางแผนดูแลผู้โดยสารทุกสนามบินซึ่งเริ่มเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2560 – 3 มกราคม 2561 รวมกว่า 2.94 ล้านคน เฉลี่ยวันละ 4.2 แสนคน จำนวนกว่า 17,500 เที่ยวบิน จะหนาแน่นอยู่บริเวณ ส่วน “ดอนเมือง” 8.8 แสนคน และ “สุวรรณภูมิ” รวมกว่า1.3 ล้านคน เกือบครึ่งหนึ่งของผู้โดยสารเดินทางตลอดเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่คริสต์มาสทั้งสองสนามบินก็ทำสถิติไฮสุด ๆ วันละกว่า 1.9 แสนคน แต่ก็ยังไม่ทำลายสถิติเดิมเมื่อกุมภาพันธ์ปีนี้ทำไว้เกินวันละ 2 แสนคน แต่ก็ต้องจับตาพอเข้าเทศกาลปีใหม่จริงจะเกินกว่าที่ตั้งไว้แน่นอน
ดังนั้น ทอท.จึงได้วางแผนร่วมกับทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่ภายในสนามบินทุกแห่ง ทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หน่วยบริการสัมภาระกระเป๋าผู้โดยสาร และอื่น ๆ ไฮไลต์คือ “จัดตั้งศูนย์อำนวยการการเดินทาง” ประจำแต่ละสนามบิน ภายในสุวรรณภูมิ อยู่ตรงห้อง CIP ชั้น 3 ดอนเมือง อยู่ตรงรอยต่อระหว่างท่าอากาศยานผู้โดยสารหลังเก่าและใหม่ ชั้น 3 ส่วนสนามบินอื่น ๆ ก็เปิดเช่นเดียวกัน เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถไปพบเจ้าหน้าที่สอบถามเส้นทาง แจ้งของหาย และทั่วไป เปิดตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2560 – 3 มกราคม 2561
ขณะเดียวกันก็เดียวกันก็ได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจมาตรฐานความปลอดภัยทุกวงรอบ จัดเตรียมแม่บ้านทำความสะอาดห้องน้ำให้เพียงพอต่อปริมาณการใช้อยู่ตลอดเวลา
ส่วนกิจกรรมต้อนรับปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็มีของขวัญ ยกเว้นบริการค่าจอดรถ “สุวรรณภูมิ” วันนี้- 2 มกราคม 2561 บริเวณลานจอดระยะยาว (longterm parking ) โซนซี จะมีรถชัตเติ้ลบัสหมุนเวียนรับฟรีมายังสนามบิน จอดได้ 700 คัน “ดอนเมือง” วันนี้- 4 มกราคม 2561 เปิดลานจอด 6 พื้นที่ ได้แก่ อาคาร 5 ชั้น คลังสินค้า ลานจอดด้านข้างคลังสินค้า รองรับได้ 1,000 คัน โดยมีรถบัสรับส่งทุก 15 นาที
สำหรับแผนรองรับการระบายผู้โดยสารออกจากเคาน์เตอร์เช็คอิน เคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทาง ได้ประเมินสถานการณ์จะแออัดพอสมควร จึงต้องจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนั่งทุกเคาน์เตอร์ พร้อมทั้งจ้างพนักงานพิเศษเพิ่มคอยทำหน้าที่เดินตรวจเอกสารเข้าเมืองของชาวต่างชาติ ส่วนคนไทยยกเลิกโดยไม่ต้องกรอกใบ ตม.6 แล้ว มั่นใจจะมีเจ้าหน้าที่เพียงพอเพราะได้จ้างเพิ่มทั้งจำนวนคนและรอบพิเศษ
สำหรับผู้โดยสารที่ใช้สนามบินดอนเมืองต้องเผื่อเวลาพิเศษกว่าปกติ เนื่องจากบริเวณวิภาวดีด้านหน้าสนามบินกำลังซ่อมอยู่การจราจรจะหนาแน่นมากกว่าปกติ
ดร.นิตินัย กล่าวว่าในปี 2561 วางแผนเดินหน้าลุยพัฒนาแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก งานภาครัฐในฐานะผู้ให้บริการ การลงทุนขยายสนามบิน โดย ทอท.ทำแผนแม่บทเมกะโปรเจ็กต์ 10 ปีข้างหน้า เริ่มจากต้นปี 2559 จะใช้เงินพัฒนา 2.2 แสนล้านบาท เพื่อขยายศักยภาพ 6 สนามบิน ให้รองรับการเดินทางเข้า-ออกได้ถึงปีละ 184 ล้านคน จากปัจจุบันรับได้ปีละ 83 ล้านคน
นับจากปีที่ผ่านมา ทอท.ต้องวางกลยุทธ์เพิ่มการรองรับเป็น 100 ล้านคน ซึ่งในปี 2560 ก็สามารถทำได้แล้ว เห็นได้จากท่าอากาศยานดอนเมือง มีอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเปิดบริการหลังใหม่ ปี 2561 ได้ทุบอาคารบริเวณคาร์โก้หมดแล้ว ปรับเป็นลานจอดรถจากเหนือจดใต้ ทำโรงจอดรถหัวท้าย โดยจะมี “รถไฟฟ้าอัตโนมัติ” จะแล้วเสร็จกลางปีหน้าเช่นกัน
ปี 2561 ยังคงเดินหน้าต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตอนนี้กำลังก่อสร้างอาคารหลังใหม่จะแล้วเสร็จประมาณพฤศจิกายน 2562 ใช้เวลากว่าปีครึ่งน่าจะแล้วเสร็จใช้งานได้ ท่าอากาศยานภูเก็ต ต่อเติมปรับปรุงเหลืออีกครึ่งหนึ่งจะแล้วเสร็จภายในมิถุนายน 2561 จากนั้นจะสามารถลดความแออัดลงได้มาก ศักยภาพรองรับได้เต็ม 12 ล้านคน
ปี 2561 จะเป็นอีกก้าวความสำเร็จของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในการเป็นห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ เดินทางเข้าสู่เมืองท่องเที่ยวหลักและท่องเที่ยวรองอย่างเต็มศักยภาพ ด้วยแผนแม่บทการขยายสนามบินเพิ่มปริมาณการต้อนรับนักท่
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ “คิง เพาเวอร์ดึงณเดชส่งความสุขที่รางน้ำถึง-31ธ.ค.นี้”
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ชวนสัมผัสประสบการณ์ความสุขที่ไม่สิ้นสุด กับเทศกาลส่งท้ายปี ในงาน “Explore Endless Celebration2018” กับเทศกาลแห่งความสุขไม่สิ้นสุดส่งท้ายปี ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและจากทั่วทุกมุมโลก มาร่วมสัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษ ระหว่าง 29 - 31 ธันวาคม 2560 ช่วงเวลาตั้งแต่ 20.00 – 22.00 น. โดยได้เนรมิตพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคารให้โดดเด่น สวยงาม ด้วยต้นคริสมาสขนาดใหญ่พร้อมด้วยการประดับประดาไฟให้สวยงาม เพื่อให้เป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวผู้มีไลฟ์สไตล์ไม่ซ้ำใคร
นักท่องเที่ยวจะได้กระทบไหล่ดาราศิลปินดังแถวหน้าของเมืองแบบใกล้ชิด อาทิ ณเดชน์ คุกิมิยะ เจมส์ มาร์ และมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้องชื่อดัง เช่น นิว-จิ๋ว ดา เอนโดฟิน และในวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ร่วมมีตแอนด์กรี๊ดกับทีมนักแสดงจากซีรีย์ดัง 2 Moons The Series และสนุกสุดมันไปกับมินิคอนเสิร์ตจาก โพลีแคท และ อะตอม ชนกันต์
พร้อมเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปี 2560 ส่งผ่านช่วงเวลาที่ดีด้วยการนับถอยหลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2561 นอกจากนี้ยังสามารถร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ จัดเตรียมไว้ต้อนรับแบบเต็มพิกัด เพื่อการสร้างประสบการณ์ที่ครบถ้วนให้กับผู้มาเยือนอย่างแท้จริง และสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมความบันเทิงต่าง ๆ อีกมากมายที่จัดไว้ต้อนรับ อาทิ บูธถ่ายภาพ (Photo Booth) ที่สามารถรับภาพถ่ายในรูปแบบโพรารอยด์ และสามารถแชร์ภาพไปยัง Facebook และ Instagram ได้ทันที บูธเพ้นท์ Glitter Tattoo
นอกจากนี้ยังได้นำอาหารดังมารวมไว้ในรูปแบบ Food Truck อาทิ บาร์บีคิวรสเด็ดจากAAH.AAM Kitchen พิซซ่าสไตล์อิตาเลียนจาก BabyPizza ผัดไทยหนักเครื่องบายเชฟดรีม ไอติมดีไซน์เก๋ Annette Itim TukTukและพบซุ้มขนมสายไหมและป๊อบคอร์นที่มาคอยให้บริการ พร้อมด้วยเครื่องดื่มหลากหลายรูปแบบที่มีให้เลือกดื่มตลอดทั้งงาน
กิจกรรมสุดพิเศษต่าง ๆ ที่ คิง เพาเวอร์ ได้เตรียมไว้ต้อนรับลูกค้านักเดินทาง จัดขึ้นระหว่าง 29 - 31 ธันวาคม 2560 นี้ โดยมีเหล่าเซเลบริตี้และกองทัพดารามาร่วมสร้างสีสัน พร้อมด้วยศิลปินนักร้องชื่อดังมากมายที่มาสร้างความบันเทิง สนุกสนาน อย่างเต็มพิกัด โดยมีตารางกิจกรรมในงาน “Explore Endless Celebration 2018” ดังนี้
วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม 2560 เวลา 20.15 น. ร่วมกระทบไหล่แบบใกล้ชิดกับ ณเดชน์ คุกิมิยะ และสนุกสุดมันไปกับมินิคอนเสิร์ตจากนักร้องดูโอขวัญใจคนไทยอย่าง นิว-จิ๋ว เวลา 22.10 น.
วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2560 เวลา 20.15 น. มีตแอนด์กรี๊ดไปกับ เจมส์ มาร์ และเพลิดเพลินไปกับมินิคอนเสิร์ตจากนักร้องดีว่าสาวเสียงทรงพลังของไทย ดา เอนโดฟิน เวลา 22.00 น.
วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2560 เวลา 20.10 น. ใกล้ชิดกับทีมนักแสดงจากซีรีย์ดัง 2 Moons The Seriesในระยะประชิดตัว และสนุกสุดเหวี่ยงแบบไร้ขีดจำกัดกับมินิคอนเสิร์ตจาก Polycatเวลา 22.00 น. จากนั้นพบกับมินิคอนเสิร์ตจาก อะตอม- ชนกันต์ รัตนอุดม เวลา 23.00 น. ปิดท้ายด้วยการนับถอยหลังเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่า 2560 และร่วมต้อนรับปีใหม่ 2561ไป พร้อมกันอย่างมีความสุข
ติดตามข้อมูลเพิ่มได้ที่ www.kingpower.com หรือ โทร 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.ปลุกเอกชนปั้นโปรแกรม55เมืองรองลดภาษีปี’61”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2560 เป็นของขวัญปีใหม่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังให้ใช้มาตรการให้นักท่องเที่ยวเดินทางในประเทศสามารถนำใบเสร็จค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองรองระหว่าง 55 จังหวัด จากที่ ททท.เสนอกระทรวงการคลังไปทั้งหมด 61 จังหวัด แต่พิจารณาแล้วถูกตัดออกเนื่องจากประเมินสถิติแล้วมีจำนวนนักท่องเที่ยวใกล้เคียงเมืองท่องเที่ยวหลักมี 7 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สุราษฎร์ธานี (แผ่นดิน) สมุทรสาคร
มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวดังกล่าวนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 61-31 ธ.ค. 2561 และคาดการณ์จะช่วยกระตุ้นคนไทยออกมาเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้สิทธิลดหย่อนภาษีไม่ต่ำกว่าเดิม 200,000 คนขึ้นไป เป็นสถิติเดิมที่รัฐบาลเคยใช้มาตรการท่องเที่ยวลดหย่อนภาษีเมื่อปี 2559
สำหรับปี 2561 ขณะนี้ทางกระทรวงการคลังได้จัดทำร่างกฎกระทรวง ฉบับที่..(พ.ศ...) ออกกตามประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับโครงการมาตรการท่องเที่ยวเมืองรองลดหย่อนภาษีปีหน้า โดยมีสาระสำคัญการนำมาหักลดหย่อนคือเงินที่จ่ายเป็นค่าบริการแก่ผู้ประกอบการตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ในการท่องเที่ยวจังหวัดรอง และที่ไม่ใช่จังหวัดท่องเที่ยวรองตามกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับรอง เงินที่จ่ายค่าที่พักโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบการตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม หรือจ่ายค่าที่พักโฮมสเตย์ พร้อมทั้งได้กำหนดคำจำกัดความเมืองรองไว้ในกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้
ทั้งนี้มีรายงานว่ารัฐบาลตั้งเป้าหมายจากมาตรการดังกล่าวจะช่วยกระจายรายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศทำให้เกิดการใช้จ่ายเงินซื้อผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมา ซึ่งสามารถขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 3 แสนล้านบาท
นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ได้จัดประชุมกับทุกสมาคมท่องเที่ยวในประเทศเพื่อหารือและให้โจทก์การทำโปรแกรมทัวร์รองรับมาตรการท่องเที่ยว 55 เมืองรองลดหย่อนภาษี โดยให้จัดทำเป็น 3 ประเภท คือ 1.เที่ยวเมืองหลักเชื่อมเมืองรอง 2.เที่ยวเมืองรองเชื่อมเมืองรอง และ 3.เที่ยวเมืองรองผนวกชุมชนต้นแบบ
จากนั้นภายในวันที่ 9 มกราคม 2561 จะสรุปรายละเอียดของโปรแกรมที่สมาคมท่องเที่ยวในประเทศไปจัดทำมาเพื่อพิจารณาแล้วนำไปบรรจุทำประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง โดยจะเปลี่ยนโปรแกรมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม รวมทั้งตรงตามฤดูกาลด้วย
ทั้งนี้ในวันที่ 4 มกราคม 2561 นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.จะร่วมกันแถลงข่าวเพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียดการเดินหน้าโครงการท่องเที่ยว 55 เมืองรองลดภาษีตลอดปี 2561
ข่าวที่ 3 “บางจากฯ ตรึ่งราคาน้ำมันเป็นของขวัญปีใหม่วันนี้-3มค.61”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ บริษัท บางจากฯ ไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันระหว่างวันนี้ – 3 ม.ค. 61 รวม 7 วัน มอบของขวัญและแทนคำขอบคุณแก่คนไทย และให้บริการตรวจเช็คสภาพรถฟรี 11 รายการ ส่งเสริมการขับขี่อย่างปลอดภัย พร้อมมอบสิทธิพิเศษแก่สมาชิกบัตรบางจากหลายรายการ เพื่อเติมเต็มความสุขให้คนไทยที่เดินทางไปพักผ่อน เยี่ยมครอบครัวญาติมิตร
รวมทั้งยังได้ร่วมกับกรมการขนส่งทางบกจัดโครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” เพื่อเตรียมความพร้อมสภาพรถก่อนเดินทาง และรณรงค์การขับขี่อย่างปลอดภัยตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยให้บริการตรวจเช็คสภาพรถฟรี 11 รายการ เช่น น้ำมันเบรคและคลัทช์ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย ก้านปัดน้ำฝน และน้ำฉีดกระจก เป็นต้น ณ ศูนย์บริการ Green Serve และ Wash Pro ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก 25 สาขา ทั่วประเทศ ตั้งแต่ 15 ธ.ค. 60 – 15 ม.ค. 61 สามารถตรวจสอบรายชื่อสถานีบริการได้ทางwww.bcpcarcare.com
ทางบางจากได้เตรียมสำรองน้ำมันทั้งที่สถานีบริการ คลังน้ำมันบางจากทุกภูมิภาค และเพิ่มจำนวนรถขนส่ง เพื่อให้ประชาชนที่เดินทางมีน้ำมันใช้อย่างเพียงพอ พร้อมเพิ่มทีมบริการเสริมเพื่อความรวดเร็ว และดูแลการจราจรภายในสถานีบริการน้ำมัน มีห้องน้ำสะอาด ตู้ ATM ธุรกิจเสริม ร้านกาแฟอินทนิล SPAR ซูเปอร์มาร์เก็ต ใบจาก บิ๊กซี มินิ ที่พร้อมให้บริการเครื่องดื่ม อาหารว่าง สินค้าอุปโภคบริโภค สำหรับผู้เดินทางได้แวะพักเติมน้ำมัน ซื้อหาอาหาร ของใช้จำเป็น และในสถานีบริการบางแห่งให้บริการสปาเท้า สปาเกลือ และสปาหิน เพื่อให้ผู้เดินทางได้และผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการขับขี่หรือนั่งรถเป็นเวลานาน
พร้อมทั้งจัดกิจกรรมสมนาคุณพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรแก๊สโซฮอล์คลับและดีเซลคลับ โดยมอบคะแนนสะสมเพิ่ม เมื่อเติมบางจากแก๊สโซฮอล์ 91S, 95S, E20S, E85S และไฮดีเซล S เพื่อใช้รับส่วนลดในการเติมน้ำมันและสิทธิประโยชน์อื่นๆ และให้สมาชิกแลกคะแนนทางเว็บไซต์เพียง 500 คะแนนเพื่อรับกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุมูลค่าสูงสุดถึง 100,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ ศูนย์บริการลูกค้าโทร.1651 กด 4 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.bcpgreenclub.com
ช่วงที่ 2 อออกไปเคาน์ดาวน์มุมใหม่ในภาคตะวันออก ปีนี้ "จังหวัดระยอง" เปิดท่าเทียบเรือบ้านเพ อำเภอเมือง เป็นครั้งแรก ที่จะระดมเรือไดหมึกแสงสีเขียวมรกตมาเป็นแสงแห่งการร่วมนับถอยหลังเข้าสู่วันใหม่ ที่จะสร้างความตื่นตาแก่นักท่องเที่ยว ส่วนการดูแลสุขภาพห้ามพลาด 7 วิธีขับขี่ปลอดภัย และข่าวช่วงท้ายชั่วโมง ร้อนแรงสุดส่งท้ายปีเมื่อ "เสี่ยธรรฐพล แบเลเว็ลด์" ทุ่มเงินกว่า 8,200 ล้านบาท ซื้อหุ้น AAVไทยแอร์เอเชียคืนจาก้จ้าสัววิชัย รวมไปถึงข่าวกรมทางหลวงแนะเส้นทางลัด4ภาคเดินทางช่วงเชียงใหม่ หรือจะไปเคาน์ดาวน์ 2 แผ่นดินที่นครพนม
@เคาน์ดาวน์ภาคตะวันออกระยองจัดใหญ่7ชิลล์ลุ้นโชค
ออกมาร่วมเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีในอีกบรรยากาศแถบจังหวัดริมฝั่งทะเลอ่าวไทย “ภาคตะวันออก”
จังหวัดระยอง เป็นครั้งแรกที่เริ่มจัด Amazing Thailand Countdown 2018 เมืองท่องเที่ยวรองริมชายฝั่งทะเลตะวันออกด้วยงาน “ท่องเที่ยวสุขใจรับปีใหม่เก๋ไก๋ที่ระยอง” บริเวณท่าเทียบเรือบ้านเพ อำเภอเมือง โดยได้ออกแบบนำเรือไดหมึกจำนวนกว่าร้อยลำใช้แสงไฟสีเขียวมรกตระยิบระยับของเรืออันสว่างไสวเต็มท้องทะเลเป็นวิถีชีวิตชาวประมงมาสร้างสีสันให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมกันนับถอยหลังช่วงค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2560 เข้าสู่เช้าวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2561
ระหว่างวันที่ 30-31 ธันวาคม 2560 นี้ ททท.ร่วมกับทุกภาคส่วนในระยอง จัดกิจกรรมเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมเคาน์ดาวน์ไปกับ 7 ชิลล์ ได้แก่ 1.ชิลล์ชิลล์...สนุกกับดนตรี 2 Gen ทั้ง เพลย์กราวนด์ คาวบอย ไมค์ภิรมย์พร และดนตรี EDM ดนตรีตื๊ด ๆ สไตล์วัยรุ่น 2.ชิลล์ชิม...กับอาหารถิ่นหลากเมนู นำทีมโดยเชฟชุมชนนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาปรุงอาหารพื้นบ้านออกแบบหน้าตาสวยงามและรสชาติอร่อย อาทิ เมนูเส้นแกลงผัดกุ้งนุ่ม ทะเลขึ้นบก จัดบุฟเฟต์ชิมอาหารทะเลคิดราคาเพียงคนละ 200 บาทเท่านั้น และอาหารฟู้ดทรัคมากมาย 3.ชิลล์ช้อป... ร้านค้าชุมชนพร้อมนำของดีเมืองระยองมาจำหน่ายตลอดงาน
4.ชิลล์ชิค...ทางสวนพฤกษ์ศาสตร์และสวนป่า ระยอง ยกทีมมาสอนทำกิจกรรม DIY ให้นำกลับไปเป็นของที่ระลึกส่งท้ายปี 5.ชิลล์เอ๊าท์...ยกนวดไทยมาไว้ริมทะเล และจัดทีมนวดแต่งกายผีเสื้อสมุทรของแท้มาบริการ 6.ชิลล์แชะแชร์ รับโชค...เชิญชวนนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานได้แชร์ผ่าน facebook, Instragram ติด #เที่ยวสุขใจรับปีใหม่เก๋ไก๋ที่ระยอง ลุ้นรับทองคำ หรือแพกเกจท่องเที่ยว ได้ทันที ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2560
7.ชิลล์ช่วย...เป็นการช่วยกันทำความดีเพื่อสังคมในเช้าวันที่ 1 มกราคม 2561 ด้วยการเก็บขยะหลังเสร็จงานเคาน์ดาวน์ฉลองต้อนรับปีใหม่
จังหวัดชลบุรี เนรมิตท่าเทียบเรือท่องเที่ยว (แหลมบาลีฮาย) ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย “เทศกาลปีใหม่พัทยา 2560 Pattaya Countdown 2017” วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เฉลิมฉลองอย่างจุใจ ตระการตากับการแสดงพลุที่ยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมรับชมคอนเสิร์ต จากศิลปินชั้นนำของเมืองไทย
จังหวัดจันทบุรี ก็จัดงานวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชรำลึก และงานกาชาดจังหวัด ในช่วงเดียวกันกับระยองเริ่มมาตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2560 - 3 มกราคม 2561 ไปพบกับได้ที่สนามกีฬาจังหวัดจันทบุรี / สวนสาธารณะทุ่งนาเชย ชมนิทรรศการของหน่วยงานราชการและการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองของจันทบุรี ปิดท้ายด้วยการนั่งชมสาวงามจากประกวดนางสาวจันทบูร ดินแดนแห่งวิถีชีวิตชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์โรแมนติกอีกแห่งของอ่าวไทย
เที่ยวเมืองไทย สนุกครบทุกอรรถรสทั้งเก๋ไก๋ ลึกซึ้ง ในหลากหลายเฉด หลายมิติ รอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ทุกแห่ง
@7เทคนิคขับรถปลอดภัยตลอดช่วงปีใหม่
ช่วงเทศกาลการเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือออกท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทางทุกครั้งคือเรื่อง “ความปลอดภัย” ใครที่ต้องขับรถเดินทางไกลๆ หรือต้องผ่านเส้นทางที่เสี่ยงอันตรายโค้งเยอะๆ ไม่ชำนาญเส้นทางห้ามประมาทโดยเด็ดขาด เพราะอุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความประมาทของผู้ใช้รถใช้ถนน
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายๆ ประเทศที่มีแนวโน้มการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบจากข่าวหรือสื่อออนไลน์ที่นำเสนออยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสาเหตุหลักมาจาก “พฤติกรรมการหลับในและการขับรถเร็ว” ถือเป็น 2 พฤติกรรมเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมา ทั้งนี้ยังมีสถานการณ์อุบัติเหตุอันตรายข้างทางที่เกิดขึ้นในประเทศไทยโดยเฉลี่ยที่รวบรวมได้ 510 ข้อมูลในช่วงปี พ.ศ. 2556-2560 พบว่ามีผู้ประสบเหตุเสียชีวิตโดยประมาณ 784 คน และบาดเจ็บสาหัสโดยประมาณ 994 คน การหลับในขณะขับขี่ พบที่ร้อยละ 30 ขับรถเร็ว พบที่ร้อยละ 25 ดังนั้นการปฏิบัติตามกฏจราจรสามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ คำว่า " ปลอดภัยไว้ก่อน " กลายมาเป็นเทคนิคในการขับรถให้ปลอดภัย
สิ่งที่ผู้ขับขี่ไม่ควรลืมในการขับขี่อย่างปลอดภัย
1.คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง หรือสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง
2.ควรหยุดพักรถเป็นระยะ หากต้องเดินทางไกล
3.เคารพกฎจราจร ไม่ฝ่าไฟแดง ไม่ขับรถย้อนศร
4.เตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการง่วงหรือหลับใน
5.เมาไม่ขับ
6.ไม่ขับรถเร็ว
7.งดการใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ธรรฐพลลั่นซื้อหุ้นAAVคืนไทยแอร์พร้อมโต22ล้านคน”
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ได้ประกาศซื้อหุ้น บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น “AAV” จากนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และครอบครัว รวม 36.3 % ในราคาหุ้นละ 4.70 บาท จำนวนรวมกว่า 1,761 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 8,279 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ถือหุ้นอยู่เพียง 5 % แต่หลังการซื้อขายเสร็จเรียบร้อยจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ AAV มากถึง 41.3 %
นายธรรศพลฐ์ ย้ำว่าเมื่อซื้อหุ้นกลับคืนมาแล้วตนและทีมงานผู้บริหารสายการบินที่ร่วมก่อตั้งจะเดินหน้าพัฒนารับเครื่องบินใหม่ 7 ลำ ควบคู่เพิ่มยอดผู้โดยสารเติบโตตามแผนปี 2561 จะทำให้ได้ถึง 22 ล้านคน โดยจะพุ่งเป้ารุกทำตลาดอาเซียน จีน และอินเดีย รวมทั้งยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคิง เพาเวอร์ ไว้เหมือนเดิม จะไม่กระทบต่อความร่วมมือทางการตลาดแต่อย่างใด
ทั้งนี้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนให้นายธรรฐพลเข้าซื้อหุ้นคืนจากครอบครัววัฒนประภา ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือครองหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ จะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของกิจการ (Mandatory Tender Offer) กำหนดจะยื่นคำเสนอซื้อวันที่ 8 มกราคม 2561 เพื่อเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือจากผู้ถือหุ้นอื่น ๆ 58.7 % ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ AAV ที่ราคาเสนอซื้อหุ้นละ 4.70 บาท
ข่าวที่สอง “ทางหลวงเปิดเส้นทางลัด4ภาคให้คนเที่ยวปีใหม่”
นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.60 – 2 มกราคม 2561 คาดว่าจะมีประชาชนใช้บริการทางหลวงสายหลักจำนวนมาก เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว กรมทางหลวงจึงแนะนำเส้นทางเลือกในการเดินทางสู่จังหวัดทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยบูรณาการร่วมกับตำรวจทางหลวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยไปกับกรมทางหลวง” เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้ทางได้รับความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย รวมทั้งเป็นข้อมูลศึกษาเส้นทางซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดและลดระยะเวลาในการเดินทาง
ภาคเหนือ
เส้นทางที่ 1 ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – จ.อยุธยา – จ.อ่างทอง – จ.สิงห์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 32 ถนนสายเอเชีย) – อ.มโนรมย์ (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครสวรรค์
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นนทบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง – สุพรรณฯ) –จ.สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340 สุพรรณฯ – ชัยนาท) – จ.ชัยนาท (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครสวรรค์
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไปรังสิต – อ.วังน้อย – จ.สระบุรี – จ.ลพบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – อ.ตากฟ้า (ทางหลวงหมายเลข 11) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดพิษณุ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.สระบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – อ.ม่วงค่อม (ทางหลวงหมายเลข 205) – อ.ท่าหลวง (ทางหลวงหมายเลข 2256) – อ.ด่านขุนทด (ทางหลวงหมายเลข 2148) – อ.ขามทะเลสอ (ทางหลวงหมายเลข 2068) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป อ.วังน้อย (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – จ.สระบุรี – อ.ปากช่อง – อ.สีคิ้ว (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นครนายก (ทางหลวงหมายเลข 305) – อ.บ้านนา (ทางหลวงหมายเลข 3051, 33) – อ.แก่งคอย (ทางหลวงหมายเลข 3222) – อ.ปากช่อง (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ไป จ.ฉะเชิงเทรา (ทางหลวงหมายเลข 314) – อ.พนมสารคาม – อ.กบินทร์บุรี – อ.วังน้ำเขียว – อ.ปักธงชัย (ทางหลวงหมายเลข 304) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
ภาคตะวันออก
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯไป จ.ชลบุรี (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 หรือมอเตอร์เวย์)
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯไป อ.บางปะกง (ทางหลวงหมายเลข 34 ถนนบางนา-ตราด) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป อ.พนัสนิคม – จ.ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 304)
ภาคใต้
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯไป จ.สมุทรสาคร – จ.สมุทรสงคราม (ทางหลวงหมายเลข 35) – แยกวังมะนาว – จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯไป อ.สามพราน – อ.นครชัยศรี – จ.นครปฐม – จ.ราชบุรี – แยกวังมะนาว – จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯไป ถนนบรมราชชนนี (ทางหลวงหมายเลข 338 ปิ่นเกล้า – นครชัยศรี) – อ.นครชัยศรี –จ.นครปฐม – จ.ราชบุรี – แยกวังมะนาว – จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ใช้ทางขับรถช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด และปฏิบัติตามกฎจราจร ป้ายเตือน คำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด สอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มหรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างการเดินทาง ได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 ศูนย์บริการข้อมูลทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) 1586 กด 7 และตำรวจทางหลวง 1193 .
ข่าวที่สาม “นครพนมจัดอลังการเคาน์ดาวน์2แผ่นดิน”
นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม ร่วมกับ เทศบาลเมืองนครพนม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กำหนดจัดกิจกรรม “นครพนม ไทย-ลาว Countdown สองแผ่นดิน 2561” ภายใต้ โครงการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดนครพนมเพื่อเชื่อมโยง GMS โดยเป็นการจัดงานแบบบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนเพื่อเป็นการเปิดตัวแคมเปญ “นครพนม...พร้อม” ซึ่งแสดงถึงจังหวัดนครพนมมีความพร้อมในทุกด้านเพื่อร่วมส่งเสริมความก้าวหน้าเจริญเติบโตทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน และการเกษตร มุ่งก่อให้เกิดรายได้กระจายสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง และสร้างความสุขให้กับประชาชนในท้องถิ่นและผู้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดนครพนม
ทั้งนี้การจัดงานครั้งนี้นอกจากหน่วยงานหลักแล้วยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน อันได้แก่ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนม สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม วัฒนธรรมจังหวัดนครพนม ภาคเอกชนโดย หอการค้าจังหวัดนครพนม สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครพนม ในการร่วมจัดนิทรรศการแสดงวิสัยทัศน์ แนวทางการดำเนินงานในปี 2561 และนโยบายต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในทุกมิติของจังหวัดนครพนมในการร่วมบูรณาการส่งเสริมให้จังหวัดนครพนมมีความเจริญเติบโต ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน และได้เชิญหน่วยงานท่องเที่ยวของแขวงคำม่วน และแขวงสะหวันนะเขต เข้าร่วมงานเพื่อประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวลาว 2018” ด้วยเช่นกัน
ขอให้ทุกท่านมีความสุขตลอดเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
ดอนเมืองส้มหล่นผู้โดยสารเพิ่ม47%โกยเงินPSCอื้อ
คิงเพาเวอร์ดึง”ณเดช”เคาน์ดาวน์รางน้ำ30-31ธค.
ททท.ปลุกเอกชนผลิตทัวร์55เมืองรองลดภาษีปี61
บางจากแจกของขวัญปีใหม่ตรึงน้ำมัน-เช็ครถฟรี
เคาน์ดาวน์ภาคตะวันออกที่ระยองกับ7ชิลล์ลุ้นโชค
7วิธีการขับขี่อย่างมีสติเพิ่มปลอดภัยในช่วงปีใหม่
ธรรฐพลซื้อคืนหุ้นAAVลั่นลุยเพิ่มลูกค้า22ล้านคน
ทางหลวงแนะเส้นทางลัด4ภาคขับรถสบายปลายปี
นครพนมจัดอลังการเคาน์ดาวน์2แผ่นดินไทย-ลาว
สวัสดีวันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
ช่วงที่ 1 “นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ให้สัมภาษณ์ส่งท้ายปี ที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่รับปีจอ 2561 โดยประมาณการณ์“รายได้ใหม่” ยกแผงหลังจากสายการบินนานาชาติแห่บินเข้าดอนเมืองทำให้ยอดค่าธรรมเนียมต่างชาติพุ่งจากการเพิ่มของผู้โดยสารอีก 47% และในช่วงต้นปีหน้า ทอท.รอรัฐบาลฟันธงให้เข้าบริหารสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยานไทย 15 แห่ง ยึดหัวหาดสร้างเทรนด์การบินใหม่เป็นวงแหวน “คลัสเตอร์ แอร์พอร์ต” ขานรับนโยบายกระจายท่องเที่ยว 55 เมืองรอง ขณะที่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จัดทัพเสริมทุกเรื่องอำนวยความสะดวกทุกช่องทาง
นิตินัย ศิริสมรรถการ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
“นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่าไฮไลต์ล่าสุดมติที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เห็นชอบให้เสนอแผนเข้าบริหารสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยานไทย กระทรวงคมนาคม รวม 15 สนามบิน ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในต้นปีหน้าแล้วจะรู้คำตอบอย่างชัดเจน รัฐบาลจะให้ ทอท.เข้าบริหารสนามบินของกรมท่าอากาศยานไทยแห่งใดบ้าง เพื่อจะได้รุกทำแผนแม่บทการรับมอบสนามบินที่จะต้องเข้าไปบริหาร
ตามหลักการจะแบ่งตามศักยภาพเชื่อมโยงกับ สนามบิน ทอท.ที่มีฐานการบินอยู่ทางภาคเหนือและภาคใต้ มีดอนเมืองกับสุวรรณภูมิอยู่ตรงกลางการเชื่อมตะวันตกกับตะวันออก ดังนั้นในภาคอีสานจึงเสนอเข้าบริหารสนามบินอุบลราชธานี หรืออุดรธานี มีความพร้อมจะเป็นศูนย์กลางการบิน หรือ HUB ต่อจากฮับแล้วต้องพิจารณาถึง ทางวิ่งเครื่องบิน เครื่องเอ็กซเรย์ ได้ตามมาตรฐานเที่ยวบินจากสหภาพยุโรป ตามหลักการลงทุนต้องใช้งบประมาณสูง แตกต่างจาก “สนามบินเครือข่ายเส้นทางรอง” หรือ SPOKE อาจจะไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก เพื่อรับเที่ยวบินจากจีนและอื่น ๆ
แนวทางการเสนอเข้าบริหารสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยานไทย ทอท.เน้นการทำเป็น “Cluster Airport” มีสนามบินเมืองหลัก เมืองรอง เมืองย่อย เชื่อมโยงเส้นทางบริการเข้าหากันได้โดยตรง เพราะคงไม่สามารถลงทุนเทียบชั้นสุวรรณภูมิหรือดอนเมืองได้ โดยสรุปในภาคอีสานจะมี 1 HUB 1-2 SPOKE ส่วนทางเหนือและใต้ ทอท.มีฮับอยู่แล้วในภูเก็ตกับเชียงใหม่ จึงเสนอเฉพาะ SPOKE เพิ่มเข้าไป เป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลเตรียมกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองอย่างเต็มที่
ขณะนี้ ทอท.ได้ส่งรายละเอียดไปยังกระทรวงคมนาคม โดยมี สนข.เป็นศูนย์กลางการจัดทำข้อมูล จะเพิ่มหรือไม่อย่างไร แล้วสรุปออกมาเป็นแนวทาง
ส่วนที่สอง การพัฒนาเชิงพาณิชย์ ได้คุยกับทางกรมธนารักษ์เรื่องจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนตามมูลค่าทรัพย์สิน เพื่อใช้ที่ดินรอบสนามบินที่มีอยู่ทั้งหมด
ดร.นิตินัย ย้ำว่าเรื่อง “รายได้” ตลอดปีงบประมาณ 2560 มีปัจจัยเหนือความคาดหมายประมาณการณ์การเติบโตของรายได้สนามบินเกิดขึ้น หลังปีใหม่จะต้องปรับประมาณการณ์ตัวเลขใหม่ ซึ่งจะขยายตัวช่วงปีใหม่ แต่ก่อนหน้านี้การเติบโตแบบเซอร์ไพรส์มีสายการบินจีนที่ขอมาขึ้นลงสุวรรณภูมิได้ยกเลิกตารางบิน (time slot) จึงถูกแทนที่ด้วยสายการบินจากรัสเซีย และจีนรายใหญ่ เข้ามาใช้ในช่วงเช้าหนาแน่นพลิกสถานการณ์จาก off peak หรือการเดินทางน้อยกลับกลายเป็น peak มีคนเดินทางหนาแน่นช่วงตีสองถึงแปดโมงเช้าเพิ่มขึ้น
ส่วนดอนเมืองตารางบินเต็มพอสมควร ในช่วงที่ ICAO ปลดธงแดง ทำให้มีสายการบินสามารถเปิดเที่ยวบินข้ามประเทศเพิ่มขึ้นได้ สวนทางกับจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศลดลงแต่ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเติบโตถึง 26-27 % ผู้โดยสารเติบโต 47 % เป็นผลมาจากสายการบินเปลี่ยนขนาดฝูงบินให้ใหญ่มีความจุแต่ละเที่ยวเพิ่มขึ้น
จึงผลต่อการ “รายได้” จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมภาษีสนามบิน Passenger Service Charge :PSC ที่เปลี่ยนจากผู้โดยสารในประเทศซึ่งจ่ายเพียงครั้งละ 100 บาทต่อคน เป็นมีนักเดินทางต่างประเทศเพิ่มซึ่งจ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าวครั้งละ 700 บาทต่อคน ดังนั้นช่วงต้นปี 2561 จึงต้องปรับประมาณการณ์รายได้ซึ่งมีสัญญาณเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ได้ร่วมกับทุกฝ่ายวางแผนดูแลผู้โดยสารทุกสนามบินซึ่งเริ่มเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2560 – 3 มกราคม 2561 รวมกว่า 2.94 ล้านคน เฉลี่ยวันละ 4.2 แสนคน จำนวนกว่า 17,500 เที่ยวบิน จะหนาแน่นอยู่บริเวณ ส่วน “ดอนเมือง” 8.8 แสนคน และ “สุวรรณภูมิ” รวมกว่า1.3 ล้านคน เกือบครึ่งหนึ่งของผู้โดยสารเดินทางตลอดเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่คริสต์มาสทั้งสองสนามบินก็ทำสถิติไฮสุด ๆ วันละกว่า 1.9 แสนคน แต่ก็ยังไม่ทำลายสถิติเดิมเมื่อกุมภาพันธ์ปีนี้ทำไว้เกินวันละ 2 แสนคน แต่ก็ต้องจับตาพอเข้าเทศกาลปีใหม่จริงจะเกินกว่าที่ตั้งไว้แน่นอน
ดังนั้น ทอท.จึงได้วางแผนร่วมกับทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่ภายในสนามบินทุกแห่ง ทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หน่วยบริการสัมภาระกระเป๋าผู้โดยสาร และอื่น ๆ ไฮไลต์คือ “จัดตั้งศูนย์อำนวยการการเดินทาง” ประจำแต่ละสนามบิน ภายในสุวรรณภูมิ อยู่ตรงห้อง CIP ชั้น 3 ดอนเมือง อยู่ตรงรอยต่อระหว่างท่าอากาศยานผู้โดยสารหลังเก่าและใหม่ ชั้น 3 ส่วนสนามบินอื่น ๆ ก็เปิดเช่นเดียวกัน เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถไปพบเจ้าหน้าที่สอบถามเส้นทาง แจ้งของหาย และทั่วไป เปิดตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2560 – 3 มกราคม 2561
ขณะเดียวกันก็เดียวกันก็ได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจมาตรฐานความปลอดภัยทุกวงรอบ จัดเตรียมแม่บ้านทำความสะอาดห้องน้ำให้เพียงพอต่อปริมาณการใช้อยู่ตลอดเวลา
ส่วนกิจกรรมต้อนรับปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็มีของขวัญ ยกเว้นบริการค่าจอดรถ “สุวรรณภูมิ” วันนี้- 2 มกราคม 2561 บริเวณลานจอดระยะยาว (longterm parking ) โซนซี จะมีรถชัตเติ้ลบัสหมุนเวียนรับฟรีมายังสนามบิน จอดได้ 700 คัน “ดอนเมือง” วันนี้- 4 มกราคม 2561 เปิดลานจอด 6 พื้นที่ ได้แก่ อาคาร 5 ชั้น คลังสินค้า ลานจอดด้านข้างคลังสินค้า รองรับได้ 1,000 คัน โดยมีรถบัสรับส่งทุก 15 นาที
สำหรับแผนรองรับการระบายผู้โดยสารออกจากเคาน์เตอร์เช็คอิน เคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทาง ได้ประเมินสถานการณ์จะแออัดพอสมควร จึงต้องจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนั่งทุกเคาน์เตอร์ พร้อมทั้งจ้างพนักงานพิเศษเพิ่มคอยทำหน้าที่เดินตรวจเอกสารเข้าเมืองของชาวต่างชาติ ส่วนคนไทยยกเลิกโดยไม่ต้องกรอกใบ ตม.6 แล้ว มั่นใจจะมีเจ้าหน้าที่เพียงพอเพราะได้จ้างเพิ่มทั้งจำนวนคนและรอบพิเศษ
สำหรับผู้โดยสารที่ใช้สนามบินดอนเมืองต้องเผื่อเวลาพิเศษกว่าปกติ เนื่องจากบริเวณวิภาวดีด้านหน้าสนามบินกำลังซ่อมอยู่การจราจรจะหนาแน่นมากกว่าปกติ
ดร.นิตินัย กล่าวว่าในปี 2561 วางแผนเดินหน้าลุยพัฒนาแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก งานภาครัฐในฐานะผู้ให้บริการ การลงทุนขยายสนามบิน โดย ทอท.ทำแผนแม่บทเมกะโปรเจ็กต์ 10 ปีข้างหน้า เริ่มจากต้นปี 2559 จะใช้เงินพัฒนา 2.2 แสนล้านบาท เพื่อขยายศักยภาพ 6 สนามบิน ให้รองรับการเดินทางเข้า-ออกได้ถึงปีละ 184 ล้านคน จากปัจจุบันรับได้ปีละ 83 ล้านคน
นับจากปีที่ผ่านมา ทอท.ต้องวางกลยุทธ์เพิ่มการรองรับเป็น 100 ล้านคน ซึ่งในปี 2560 ก็สามารถทำได้แล้ว เห็นได้จากท่าอากาศยานดอนเมือง มีอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเปิดบริการหลังใหม่ ปี 2561 ได้ทุบอาคารบริเวณคาร์โก้หมดแล้ว ปรับเป็นลานจอดรถจากเหนือจดใต้ ทำโรงจอดรถหัวท้าย โดยจะมี “รถไฟฟ้าอัตโนมัติ” จะแล้วเสร็จกลางปีหน้าเช่นกัน
ปี 2561 ยังคงเดินหน้าต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตอนนี้กำลังก่อสร้างอาคารหลังใหม่จะแล้วเสร็จประมาณพฤศจิกายน 2562 ใช้เวลากว่าปีครึ่งน่าจะแล้วเสร็จใช้งานได้ ท่าอากาศยานภูเก็ต ต่อเติมปรับปรุงเหลืออีกครึ่งหนึ่งจะแล้วเสร็จภายในมิถุนายน 2561 จากนั้นจะสามารถลดความแออัดลงได้มาก ศักยภาพรองรับได้เต็ม 12 ล้านคน
ปี 2561 จะเป็นอีกก้าวความสำเร็จของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในการเป็นห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ เดินทางเข้าสู่เมืองท่องเที่ยวหลักและท่องเที่ยวรองอย่างเต็มศักยภาพ ด้วยแผนแม่บทการขยายสนามบินเพิ่มปริมาณการต้อนรับนักท่
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ “คิง เพาเวอร์ดึงณเดชส่งความสุขที่รางน้ำถึง-31ธ.ค.นี้”
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ชวนสัมผัสประสบการณ์ความสุขที่ไม่สิ้นสุด กับเทศกาลส่งท้ายปี ในงาน “Explore Endless Celebration2018” กับเทศกาลแห่งความสุขไม่สิ้นสุดส่งท้ายปี ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและจากทั่วทุกมุมโลก มาร่วมสัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษ ระหว่าง 29 - 31 ธันวาคม 2560 ช่วงเวลาตั้งแต่ 20.00 – 22.00 น. โดยได้เนรมิตพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคารให้โดดเด่น สวยงาม ด้วยต้นคริสมาสขนาดใหญ่พร้อมด้วยการประดับประดาไฟให้สวยงาม เพื่อให้เป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวผู้มีไลฟ์สไตล์ไม่ซ้ำใคร
นักท่องเที่ยวจะได้กระทบไหล่ดาราศิลปินดังแถวหน้าของเมืองแบบใกล้ชิด อาทิ ณเดชน์ คุกิมิยะ เจมส์ มาร์ และมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้องชื่อดัง เช่น นิว-จิ๋ว ดา เอนโดฟิน และในวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ร่วมมีตแอนด์กรี๊ดกับทีมนักแสดงจากซีรีย์ดัง 2 Moons The Series และสนุกสุดมันไปกับมินิคอนเสิร์ตจาก โพลีแคท และ อะตอม ชนกันต์
พร้อมเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปี 2560 ส่งผ่านช่วงเวลาที่ดีด้วยการนับถอยหลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2561 นอกจากนี้ยังสามารถร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ จัดเตรียมไว้ต้อนรับแบบเต็มพิกัด เพื่อการสร้างประสบการณ์ที่ครบถ้วนให้กับผู้มาเยือนอย่างแท้จริง และสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมความบันเทิงต่าง ๆ อีกมากมายที่จัดไว้ต้อนรับ อาทิ บูธถ่ายภาพ (Photo Booth) ที่สามารถรับภาพถ่ายในรูปแบบโพรารอยด์ และสามารถแชร์ภาพไปยัง Facebook และ Instagram ได้ทันที บูธเพ้นท์ Glitter Tattoo
นอกจากนี้ยังได้นำอาหารดังมารวมไว้ในรูปแบบ Food Truck อาทิ บาร์บีคิวรสเด็ดจากAAH.AAM Kitchen พิซซ่าสไตล์อิตาเลียนจาก BabyPizza ผัดไทยหนักเครื่องบายเชฟดรีม ไอติมดีไซน์เก๋ Annette Itim TukTukและพบซุ้มขนมสายไหมและป๊อบคอร์นที่มาคอยให้บริการ พร้อมด้วยเครื่องดื่มหลากหลายรูปแบบที่มีให้เลือกดื่มตลอดทั้งงาน
กิจกรรมสุดพิเศษต่าง ๆ ที่ คิง เพาเวอร์ ได้เตรียมไว้ต้อนรับลูกค้านักเดินทาง จัดขึ้นระหว่าง 29 - 31 ธันวาคม 2560 นี้ โดยมีเหล่าเซเลบริตี้และกองทัพดารามาร่วมสร้างสีสัน พร้อมด้วยศิลปินนักร้องชื่อดังมากมายที่มาสร้างความบันเทิง สนุกสนาน อย่างเต็มพิกัด โดยมีตารางกิจกรรมในงาน “Explore Endless Celebration 2018” ดังนี้
วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม 2560 เวลา 20.15 น. ร่วมกระทบไหล่แบบใกล้ชิดกับ ณเดชน์ คุกิมิยะ และสนุกสุดมันไปกับมินิคอนเสิร์ตจากนักร้องดูโอขวัญใจคนไทยอย่าง นิว-จิ๋ว เวลา 22.10 น.
วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2560 เวลา 20.15 น. มีตแอนด์กรี๊ดไปกับ เจมส์ มาร์ และเพลิดเพลินไปกับมินิคอนเสิร์ตจากนักร้องดีว่าสาวเสียงทรงพลังของไทย ดา เอนโดฟิน เวลา 22.00 น.
วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2560 เวลา 20.10 น. ใกล้ชิดกับทีมนักแสดงจากซีรีย์ดัง 2 Moons The Seriesในระยะประชิดตัว และสนุกสุดเหวี่ยงแบบไร้ขีดจำกัดกับมินิคอนเสิร์ตจาก Polycatเวลา 22.00 น. จากนั้นพบกับมินิคอนเสิร์ตจาก อะตอม- ชนกันต์ รัตนอุดม เวลา 23.00 น. ปิดท้ายด้วยการนับถอยหลังเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่า 2560 และร่วมต้อนรับปีใหม่ 2561ไป พร้อมกันอย่างมีความสุข
ติดตามข้อมูลเพิ่มได้ที่ www.kingpower.com หรือ โทร 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.ปลุกเอกชนปั้นโปรแกรม55เมืองรองลดภาษีปี’61”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2560 เป็นของขวัญปีใหม่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังให้ใช้มาตรการให้นักท่องเที่ยวเดินทางในประเทศสามารถนำใบเสร็จค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองรองระหว่าง 55 จังหวัด จากที่ ททท.เสนอกระทรวงการคลังไปทั้งหมด 61 จังหวัด แต่พิจารณาแล้วถูกตัดออกเนื่องจากประเมินสถิติแล้วมีจำนวนนักท่องเที่ยวใกล้เคียงเมืองท่องเที่ยวหลักมี 7 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สุราษฎร์ธานี (แผ่นดิน) สมุทรสาคร
มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวดังกล่าวนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 61-31 ธ.ค. 2561 และคาดการณ์จะช่วยกระตุ้นคนไทยออกมาเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้สิทธิลดหย่อนภาษีไม่ต่ำกว่าเดิม 200,000 คนขึ้นไป เป็นสถิติเดิมที่รัฐบาลเคยใช้มาตรการท่องเที่ยวลดหย่อนภาษีเมื่อปี 2559
สำหรับปี 2561 ขณะนี้ทางกระทรวงการคลังได้จัดทำร่างกฎกระทรวง ฉบับที่..(พ.ศ...) ออกกตามประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับโครงการมาตรการท่องเที่ยวเมืองรองลดหย่อนภาษีปีหน้า โดยมีสาระสำคัญการนำมาหักลดหย่อนคือเงินที่จ่ายเป็นค่าบริการแก่ผู้ประกอบการตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ในการท่องเที่ยวจังหวัดรอง และที่ไม่ใช่จังหวัดท่องเที่ยวรองตามกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับรอง เงินที่จ่ายค่าที่พักโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบการตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม หรือจ่ายค่าที่พักโฮมสเตย์ พร้อมทั้งได้กำหนดคำจำกัดความเมืองรองไว้ในกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้
ทั้งนี้มีรายงานว่ารัฐบาลตั้งเป้าหมายจากมาตรการดังกล่าวจะช่วยกระจายรายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศทำให้เกิดการใช้จ่ายเงินซื้อผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมา ซึ่งสามารถขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 3 แสนล้านบาท
นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ได้จัดประชุมกับทุกสมาคมท่องเที่ยวในประเทศเพื่อหารือและให้โจทก์การทำโปรแกรมทัวร์รองรับมาตรการท่องเที่ยว 55 เมืองรองลดหย่อนภาษี โดยให้จัดทำเป็น 3 ประเภท คือ 1.เที่ยวเมืองหลักเชื่อมเมืองรอง 2.เที่ยวเมืองรองเชื่อมเมืองรอง และ 3.เที่ยวเมืองรองผนวกชุมชนต้นแบบ
จากนั้นภายในวันที่ 9 มกราคม 2561 จะสรุปรายละเอียดของโปรแกรมที่สมาคมท่องเที่ยวในประเทศไปจัดทำมาเพื่อพิจารณาแล้วนำไปบรรจุทำประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง โดยจะเปลี่ยนโปรแกรมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม รวมทั้งตรงตามฤดูกาลด้วย
ทั้งนี้ในวันที่ 4 มกราคม 2561 นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.จะร่วมกันแถลงข่าวเพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียดการเดินหน้าโครงการท่องเที่ยว 55 เมืองรองลดภาษีตลอดปี 2561
ข่าวที่ 3 “บางจากฯ ตรึ่งราคาน้ำมันเป็นของขวัญปีใหม่วันนี้-3มค.61”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ บริษัท บางจากฯ ไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันระหว่างวันนี้ – 3 ม.ค. 61 รวม 7 วัน มอบของขวัญและแทนคำขอบคุณแก่คนไทย และให้บริการตรวจเช็คสภาพรถฟรี 11 รายการ ส่งเสริมการขับขี่อย่างปลอดภัย พร้อมมอบสิทธิพิเศษแก่สมาชิกบัตรบางจากหลายรายการ เพื่อเติมเต็มความสุขให้คนไทยที่เดินทางไปพักผ่อน เยี่ยมครอบครัวญาติมิตร
รวมทั้งยังได้ร่วมกับกรมการขนส่งทางบกจัดโครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” เพื่อเตรียมความพร้อมสภาพรถก่อนเดินทาง และรณรงค์การขับขี่อย่างปลอดภัยตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยให้บริการตรวจเช็คสภาพรถฟรี 11 รายการ เช่น น้ำมันเบรคและคลัทช์ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย ก้านปัดน้ำฝน และน้ำฉีดกระจก เป็นต้น ณ ศูนย์บริการ Green Serve และ Wash Pro ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก 25 สาขา ทั่วประเทศ ตั้งแต่ 15 ธ.ค. 60 – 15 ม.ค. 61 สามารถตรวจสอบรายชื่อสถานีบริการได้ทางwww.bcpcarcare.com
ทางบางจากได้เตรียมสำรองน้ำมันทั้งที่สถานีบริการ คลังน้ำมันบางจากทุกภูมิภาค และเพิ่มจำนวนรถขนส่ง เพื่อให้ประชาชนที่เดินทางมีน้ำมันใช้อย่างเพียงพอ พร้อมเพิ่มทีมบริการเสริมเพื่อความรวดเร็ว และดูแลการจราจรภายในสถานีบริการน้ำมัน มีห้องน้ำสะอาด ตู้ ATM ธุรกิจเสริม ร้านกาแฟอินทนิล SPAR ซูเปอร์มาร์เก็ต ใบจาก บิ๊กซี มินิ ที่พร้อมให้บริการเครื่องดื่ม อาหารว่าง สินค้าอุปโภคบริโภค สำหรับผู้เดินทางได้แวะพักเติมน้ำมัน ซื้อหาอาหาร ของใช้จำเป็น และในสถานีบริการบางแห่งให้บริการสปาเท้า สปาเกลือ และสปาหิน เพื่อให้ผู้เดินทางได้และผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการขับขี่หรือนั่งรถเป็นเวลานาน
พร้อมทั้งจัดกิจกรรมสมนาคุณพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรแก๊สโซฮอล์คลับและดีเซลคลับ โดยมอบคะแนนสะสมเพิ่ม เมื่อเติมบางจากแก๊สโซฮอล์ 91S, 95S, E20S, E85S และไฮดีเซล S เพื่อใช้รับส่วนลดในการเติมน้ำมันและสิทธิประโยชน์อื่นๆ และให้สมาชิกแลกคะแนนทางเว็บไซต์เพียง 500 คะแนนเพื่อรับกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุมูลค่าสูงสุดถึง 100,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ ศูนย์บริการลูกค้าโทร.1651 กด 4 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.bcpgreenclub.com
ช่วงที่ 2 อออกไปเคาน์ดาวน์มุมใหม่ในภาคตะวันออก ปีนี้ "จังหวัดระยอง" เปิดท่าเทียบเรือบ้านเพ อำเภอเมือง เป็นครั้งแรก ที่จะระดมเรือไดหมึกแสงสีเขียวมรกตมาเป็นแสงแห่งการร่วมนับถอยหลังเข้าสู่วันใหม่ ที่จะสร้างความตื่นตาแก่นักท่องเที่ยว ส่วนการดูแลสุขภาพห้ามพลาด 7 วิธีขับขี่ปลอดภัย และข่าวช่วงท้ายชั่วโมง ร้อนแรงสุดส่งท้ายปีเมื่อ "เสี่ยธรรฐพล แบเลเว็ลด์" ทุ่มเงินกว่า 8,200 ล้านบาท ซื้อหุ้น AAVไทยแอร์เอเชียคืนจาก้จ้าสัววิชัย รวมไปถึงข่าวกรมทางหลวงแนะเส้นทางลัด4ภาคเดินทางช่วงเชียงใหม่ หรือจะไปเคาน์ดาวน์ 2 แผ่นดินที่นครพนม
@เคาน์ดาวน์ภาคตะวันออกระยองจัดใหญ่7ชิลล์ลุ้นโชค
ออกมาร่วมเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีในอีกบรรยากาศแถบจังหวัดริมฝั่งทะเลอ่าวไทย “ภาคตะวันออก”
จังหวัดระยอง เป็นครั้งแรกที่เริ่มจัด Amazing Thailand Countdown 2018 เมืองท่องเที่ยวรองริมชายฝั่งทะเลตะวันออกด้วยงาน “ท่องเที่ยวสุขใจรับปีใหม่เก๋ไก๋ที่ระยอง” บริเวณท่าเทียบเรือบ้านเพ อำเภอเมือง โดยได้ออกแบบนำเรือไดหมึกจำนวนกว่าร้อยลำใช้แสงไฟสีเขียวมรกตระยิบระยับของเรืออันสว่างไสวเต็มท้องทะเลเป็นวิถีชีวิตชาวประมงมาสร้างสีสันให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมกันนับถอยหลังช่วงค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2560 เข้าสู่เช้าวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2561
ระหว่างวันที่ 30-31 ธันวาคม 2560 นี้ ททท.ร่วมกับทุกภาคส่วนในระยอง จัดกิจกรรมเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมเคาน์ดาวน์ไปกับ 7 ชิลล์ ได้แก่ 1.ชิลล์ชิลล์...สนุกกับดนตรี 2 Gen ทั้ง เพลย์กราวนด์ คาวบอย ไมค์ภิรมย์พร และดนตรี EDM ดนตรีตื๊ด ๆ สไตล์วัยรุ่น 2.ชิลล์ชิม...กับอาหารถิ่นหลากเมนู นำทีมโดยเชฟชุมชนนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาปรุงอาหารพื้นบ้านออกแบบหน้าตาสวยงามและรสชาติอร่อย อาทิ เมนูเส้นแกลงผัดกุ้งนุ่ม ทะเลขึ้นบก จัดบุฟเฟต์ชิมอาหารทะเลคิดราคาเพียงคนละ 200 บาทเท่านั้น และอาหารฟู้ดทรัคมากมาย 3.ชิลล์ช้อป... ร้านค้าชุมชนพร้อมนำของดีเมืองระยองมาจำหน่ายตลอดงาน
4.ชิลล์ชิค...ทางสวนพฤกษ์ศาสตร์และสวนป่า ระยอง ยกทีมมาสอนทำกิจกรรม DIY ให้นำกลับไปเป็นของที่ระลึกส่งท้ายปี 5.ชิลล์เอ๊าท์...ยกนวดไทยมาไว้ริมทะเล และจัดทีมนวดแต่งกายผีเสื้อสมุทรของแท้มาบริการ 6.ชิลล์แชะแชร์ รับโชค...เชิญชวนนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานได้แชร์ผ่าน facebook, Instragram ติด #เที่ยวสุขใจรับปีใหม่เก๋ไก๋ที่ระยอง ลุ้นรับทองคำ หรือแพกเกจท่องเที่ยว ได้ทันที ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2560
7.ชิลล์ช่วย...เป็นการช่วยกันทำความดีเพื่อสังคมในเช้าวันที่ 1 มกราคม 2561 ด้วยการเก็บขยะหลังเสร็จงานเคาน์ดาวน์ฉลองต้อนรับปีใหม่
จังหวัดชลบุรี เนรมิตท่าเทียบเรือท่องเที่ยว (แหลมบาลีฮาย) ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย “เทศกาลปีใหม่พัทยา 2560 Pattaya Countdown 2017” วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เฉลิมฉลองอย่างจุใจ ตระการตากับการแสดงพลุที่ยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมรับชมคอนเสิร์ต จากศิลปินชั้นนำของเมืองไทย
จังหวัดจันทบุรี ก็จัดงานวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชรำลึก และงานกาชาดจังหวัด ในช่วงเดียวกันกับระยองเริ่มมาตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2560 - 3 มกราคม 2561 ไปพบกับได้ที่สนามกีฬาจังหวัดจันทบุรี / สวนสาธารณะทุ่งนาเชย ชมนิทรรศการของหน่วยงานราชการและการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองของจันทบุรี ปิดท้ายด้วยการนั่งชมสาวงามจากประกวดนางสาวจันทบูร ดินแดนแห่งวิถีชีวิตชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์โรแมนติกอีกแห่งของอ่าวไทย
เที่ยวเมืองไทย สนุกครบทุกอรรถรสทั้งเก๋ไก๋ ลึกซึ้ง ในหลากหลายเฉด หลายมิติ รอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ทุกแห่ง
@7เทคนิคขับรถปลอดภัยตลอดช่วงปีใหม่
ช่วงเทศกาลการเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือออกท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทางทุกครั้งคือเรื่อง “ความปลอดภัย” ใครที่ต้องขับรถเดินทางไกลๆ หรือต้องผ่านเส้นทางที่เสี่ยงอันตรายโค้งเยอะๆ ไม่ชำนาญเส้นทางห้ามประมาทโดยเด็ดขาด เพราะอุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความประมาทของผู้ใช้รถใช้ถนน
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายๆ ประเทศที่มีแนวโน้มการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบจากข่าวหรือสื่อออนไลน์ที่นำเสนออยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสาเหตุหลักมาจาก “พฤติกรรมการหลับในและการขับรถเร็ว” ถือเป็น 2 พฤติกรรมเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมา ทั้งนี้ยังมีสถานการณ์อุบัติเหตุอันตรายข้างทางที่เกิดขึ้นในประเทศไทยโดยเฉลี่ยที่รวบรวมได้ 510 ข้อมูลในช่วงปี พ.ศ. 2556-2560 พบว่ามีผู้ประสบเหตุเสียชีวิตโดยประมาณ 784 คน และบาดเจ็บสาหัสโดยประมาณ 994 คน การหลับในขณะขับขี่ พบที่ร้อยละ 30 ขับรถเร็ว พบที่ร้อยละ 25 ดังนั้นการปฏิบัติตามกฏจราจรสามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ คำว่า " ปลอดภัยไว้ก่อน " กลายมาเป็นเทคนิคในการขับรถให้ปลอดภัย
สิ่งที่ผู้ขับขี่ไม่ควรลืมในการขับขี่อย่างปลอดภัย
1.คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง หรือสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง
2.ควรหยุดพักรถเป็นระยะ หากต้องเดินทางไกล
3.เคารพกฎจราจร ไม่ฝ่าไฟแดง ไม่ขับรถย้อนศร
4.เตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการง่วงหรือหลับใน
5.เมาไม่ขับ
6.ไม่ขับรถเร็ว
7.งดการใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ธรรฐพลลั่นซื้อหุ้นAAVคืนไทยแอร์พร้อมโต22ล้านคน”
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ได้ประกาศซื้อหุ้น บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น “AAV” จากนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และครอบครัว รวม 36.3 % ในราคาหุ้นละ 4.70 บาท จำนวนรวมกว่า 1,761 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 8,279 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ถือหุ้นอยู่เพียง 5 % แต่หลังการซื้อขายเสร็จเรียบร้อยจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ AAV มากถึง 41.3 %
นายธรรศพลฐ์ ย้ำว่าเมื่อซื้อหุ้นกลับคืนมาแล้วตนและทีมงานผู้บริหารสายการบินที่ร่วมก่อตั้งจะเดินหน้าพัฒนารับเครื่องบินใหม่ 7 ลำ ควบคู่เพิ่มยอดผู้โดยสารเติบโตตามแผนปี 2561 จะทำให้ได้ถึง 22 ล้านคน โดยจะพุ่งเป้ารุกทำตลาดอาเซียน จีน และอินเดีย รวมทั้งยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคิง เพาเวอร์ ไว้เหมือนเดิม จะไม่กระทบต่อความร่วมมือทางการตลาดแต่อย่างใด
ทั้งนี้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนให้นายธรรฐพลเข้าซื้อหุ้นคืนจากครอบครัววัฒนประภา ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือครองหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ จะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของกิจการ (Mandatory Tender Offer) กำหนดจะยื่นคำเสนอซื้อวันที่ 8 มกราคม 2561 เพื่อเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือจากผู้ถือหุ้นอื่น ๆ 58.7 % ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ AAV ที่ราคาเสนอซื้อหุ้นละ 4.70 บาท
ข่าวที่สอง “ทางหลวงเปิดเส้นทางลัด4ภาคให้คนเที่ยวปีใหม่”
นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.60 – 2 มกราคม 2561 คาดว่าจะมีประชาชนใช้บริการทางหลวงสายหลักจำนวนมาก เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว กรมทางหลวงจึงแนะนำเส้นทางเลือกในการเดินทางสู่จังหวัดทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยบูรณาการร่วมกับตำรวจทางหลวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยไปกับกรมทางหลวง” เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้ทางได้รับความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย รวมทั้งเป็นข้อมูลศึกษาเส้นทางซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดและลดระยะเวลาในการเดินทาง
ภาคเหนือ
เส้นทางที่ 1 ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – จ.อยุธยา – จ.อ่างทอง – จ.สิงห์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 32 ถนนสายเอเชีย) – อ.มโนรมย์ (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครสวรรค์
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นนทบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง – สุพรรณฯ) –จ.สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340 สุพรรณฯ – ชัยนาท) – จ.ชัยนาท (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครสวรรค์
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไปรังสิต – อ.วังน้อย – จ.สระบุรี – จ.ลพบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – อ.ตากฟ้า (ทางหลวงหมายเลข 11) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดพิษณุ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.สระบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – อ.ม่วงค่อม (ทางหลวงหมายเลข 205) – อ.ท่าหลวง (ทางหลวงหมายเลข 2256) – อ.ด่านขุนทด (ทางหลวงหมายเลข 2148) – อ.ขามทะเลสอ (ทางหลวงหมายเลข 2068) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป อ.วังน้อย (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – จ.สระบุรี – อ.ปากช่อง – อ.สีคิ้ว (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นครนายก (ทางหลวงหมายเลข 305) – อ.บ้านนา (ทางหลวงหมายเลข 3051, 33) – อ.แก่งคอย (ทางหลวงหมายเลข 3222) – อ.ปากช่อง (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ไป จ.ฉะเชิงเทรา (ทางหลวงหมายเลข 314) – อ.พนมสารคาม – อ.กบินทร์บุรี – อ.วังน้ำเขียว – อ.ปักธงชัย (ทางหลวงหมายเลข 304) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
ภาคตะวันออก
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯไป จ.ชลบุรี (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 หรือมอเตอร์เวย์)
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯไป อ.บางปะกง (ทางหลวงหมายเลข 34 ถนนบางนา-ตราด) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป อ.พนัสนิคม – จ.ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 304)
ภาคใต้
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯไป จ.สมุทรสาคร – จ.สมุทรสงคราม (ทางหลวงหมายเลข 35) – แยกวังมะนาว – จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯไป อ.สามพราน – อ.นครชัยศรี – จ.นครปฐม – จ.ราชบุรี – แยกวังมะนาว – จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯไป ถนนบรมราชชนนี (ทางหลวงหมายเลข 338 ปิ่นเกล้า – นครชัยศรี) – อ.นครชัยศรี –จ.นครปฐม – จ.ราชบุรี – แยกวังมะนาว – จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ใช้ทางขับรถช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด และปฏิบัติตามกฎจราจร ป้ายเตือน คำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด สอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มหรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างการเดินทาง ได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 ศูนย์บริการข้อมูลทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) 1586 กด 7 และตำรวจทางหลวง 1193 .
ข่าวที่สาม “นครพนมจัดอลังการเคาน์ดาวน์2แผ่นดิน”
นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม ร่วมกับ เทศบาลเมืองนครพนม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กำหนดจัดกิจกรรม “นครพนม ไทย-ลาว Countdown สองแผ่นดิน 2561” ภายใต้ โครงการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดนครพนมเพื่อเชื่อมโยง GMS โดยเป็นการจัดงานแบบบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนเพื่อเป็นการเปิดตัวแคมเปญ “นครพนม...พร้อม” ซึ่งแสดงถึงจังหวัดนครพนมมีความพร้อมในทุกด้านเพื่อร่วมส่งเสริมความก้าวหน้าเจริญเติบโตทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน และการเกษตร มุ่งก่อให้เกิดรายได้กระจายสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง และสร้างความสุขให้กับประชาชนในท้องถิ่นและผู้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดนครพนม
ทั้งนี้การจัดงานครั้งนี้นอกจากหน่วยงานหลักแล้วยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน อันได้แก่ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนม สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม วัฒนธรรมจังหวัดนครพนม ภาคเอกชนโดย หอการค้าจังหวัดนครพนม สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครพนม ในการร่วมจัดนิทรรศการแสดงวิสัยทัศน์ แนวทางการดำเนินงานในปี 2561 และนโยบายต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในทุกมิติของจังหวัดนครพนมในการร่วมบูรณาการส่งเสริมให้จังหวัดนครพนมมีความเจริญเติบโต ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน และได้เชิญหน่วยงานท่องเที่ยวของแขวงคำม่วน และแขวงสะหวันนะเขต เข้าร่วมงานเพื่อประชาสัมพันธ์ “ปีท่องเที่ยวลาว 2018” ด้วยเช่นกัน
ขอให้ทุกท่านมีความสุขตลอดเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน ผู้ดำเนินรายการ รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์ และบล็อกเกิร์ท่องเที่ยว-การบิน |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น