ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.มิชลินไกด์โกยเงินทัวร์กินตลาดฮ่องกง4หมื่นล้าน-เชียงใหม่เที่ยว5เส้นทางใหม่ไม่เหมือนเดิม


ไทยสบช่องใช้มิชลินไกด์ดูดเม็ดเงินฮ่องกงทัวร์กิน
ททท.ชูสีสันใหม่ปี’61ปั๊ม4หมื่นล้านแบ่งเค้กชุมชน
คิงเพาเวอร์ร่วมพลังคนไทยก้าวคนละก้าว100ล้าน
ททท.ปั้นมิชลินสตรีทฟู้ด28ร้านครัวเจ๊ไฝดังข้ามโลก
บางจากชวนอิ่มทุกเวลาได้ที่ร้านSPARอร่อยทุกมื้อ
หน้านี้ไปเที่ยว5มุมใหม่ทั่วเชียงใหม่สบายกระเป๋า
การบินไทยจัดครั้งแรกThaiShopFair15ธ.ค.นี้
บขส.เพิ่มรถเฉียดหมื่นเที่ยว28ธ.ค.-3ม.ค.61
สุวรรณภูมิเคลียร์พื้นที่รับผู้โดยสารตลอดปีใหม่

สวัสดีวันเสาร์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen

ช่วงที่ 1 “สาริมา จินดามาตย์” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานฮ่องกง ดูแลตลาดฮ่องกง มาเก๊า ลัดฟ้ามาไทยโดยให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางรายการถึง “ไทย” กำลังเป็นดาวเด่นเมืองศูนย์กลางความนิยมเรื่องอาหารในกลุ่มนักท่องเที่ยวสายกินแหลกจากทั้งสองประเทศ พร้อมดันจุดขายใหม่มิชลิน สตาร์ เป็นแม่เหล็กดูดกำลังซื้อนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพตามไล่ล่าทัวร์กินตามร้านดัง ชิมลางขายช่วงวันหยุดยาวปีใหม่นี้ ทุ่มเททุกช่องทางทำให้ปี 2561 นำเม็ดเงินตลาดฮ่องกง มาเก๊า มาไทยได้ถึง 40,000 ล้านบาท



“สาริมา จินดามาตย์” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานฮ่องกง เปิดเผยว่า ตลอดเดือนธันวาคมนี้ได้นำสื่อมวลชนจากฮ่องกง มาเก๊า มาสำรวจเส้นทางเพื่อเตรียมข้อมูลไปตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวฮ่องกงซึ่งเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยซ้ำปีละหลายครั้ง ทันทีที่ไทยประกาศจัดทำโครงการ “ร้านมิชลิน ไกด์ บุ๊ค กรุงเทพฯ” ชาวฮ่องกงตื่นเต้นมาก ทางสำนักงานจึงพยายามสื่อสารไปยังชาวฮ่องกง บริษัทตัวแทนนำเที่ยว อย่างรวดเร็ว เพราะจะเป็น “จุดขายใหม่” กระตุ้นชาวฮ่องกงมาเสาะแสวงหาร้านอร่อยที่มีให้เลือกเพิ่มอีกมากมาย อีกทั้งบริการของคนไทยมีบริการด้วยจิตใจ ยินดีต้อนรับ สร้างความประทับใจดีมาก ตั้งแต่ระดับร้านริมทางหรือสตรีทฟู้ดเรื่อยไปจนถึงภัตตาคารหรู ๆ
การประกาศร้าน “มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ” จะช่วยสร้างพลังปลุกตลาดฮ่องกงในมุมใหม่มาเที่ยวเชิงแสวงหาของกินกันเพิ่มขึ้นทั้งเส้นทาง ร้านอาหารมิชลินน้องใหม่ รับรองได้ว่าชาวฮ่องกงจะนำเงินมากินกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งแน่นอนทุกสัปดาห์



เส้นทางหลัก ๆ ที่ชาวฮ่องกงมุ่งหน้ามากินในกรุงเทพฯ มีหลากหลายถนนมากโดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อกว่า 20 แห่งเข้ามาสำรวจเรียบร้อยแล้ว และในอนาคตอันใกล้นี้จะกลายเป็นสีสันใหม่สร้างรายได้เพิ่มอีกมหาศาล เพราะฮ่องกงมีกำลังซื้อสูงทุ่มเรื่องอาหารไม่อั้นตั้งแต่ 3,000-5,000 บาทต่อคน เปรียบเทียบแล้วดีกว่ากินในฮ่องกง ดังนั้น ททท.จะบรรจุไว้ในโปรแกรมแล้วทำเป็นเทเลเมดแนะนำตามชอบรายบุคคล สนุกสนานกับเมนูที่มีอยู่ในเมืองไทยทั้ง อาหารไทย ฝรั่งเศส ยุโรป ญี่ปุ่น

ชาวฮ่องกงเข้าใจมาตรฐานของมิชลินซึ่งเป็นคัมภีร์นำไปสู่การเดินทางมาตามไล่ล่ากินอาหารมิชลินในรูปแบบต่าง ๆ รู้จักอาหาร Fine Dining สตรีทฟู้ด ก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวผัด ยิ่งพอมีมิชลิน ไกด์ เกิดขึ้น มีข้อแนะนำซึ่งแต่ละร้านล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะต่างกันไป แล้วสัปดาห์นี้ก็ได้นำสื่อไปนำเสนอทุกซอกมุมของร้าน “เจ๊ไฝ-สุนพินยา สุจันตะ” ร้านราดหน้าย่านประตูผีซึ่งเป็นสตรีทฟู้ดร้านแรกของเมืองไทยที่ได้รับมิชลิน 1 ดาว จึงวางกลยุทธ์การขายต่อเนื่องไปถึง “เทศกาลท่องเที่ยวปีใหม่” จะใช้จุดแข็งของกรุงเทพฯเมืองแห่งมิชลิน สตาร์ โหมกระแสให้ชาวฮ่องกงแห่แหนกันมาเลือกกินเลือกจ่ายเงิน ซึ่งมีวันหยุดยาวและเส้นทางบินไม่ไกลใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ อีกทั้งยังจะขยายฐาน “กลุ่มครอบครัว” ยกกันมากินอาหารดี ๆ อร่อย ๆ ในบ้านเราเพิ่มขึ้นกว่าทุกปีได้ด้วย

ปัจจุบันสายการบินบริการไป-กลับ ระหว่าง ไทย-ฮ่องกง ช่วงตารางบินฤดูหนาวแนวโน้มอัตราการขนส่งผู้โดยสารจะเต็ม 80-100 % ตามรายงานของสายการบินหลัก ๆ ได้แก่ การบินไทย คาเธย์แปซิฟิก ฮ่องกงแอร์ไลน์ส หรือจะเป็นจังหวัดอื่น ๆ ก็มีเที่ยวบินตรงเข้าไปยังปลายทาง เชียงใหม่ เชียงราย โดย ฮ่องกงเอ็กซ์เพรส ดราก้อนแอร์ ส่วนทางใต้ก็มี แอร์เอเชีย กับการบินไทย เข้าสู่ภูเก็ต ด้วย

ปี 2561 รัฐบาลประกาศให้เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน เน้นการกระจายรายได้ท่องเที่ยวลงสู่ชุมชนทั่วประเทศ ทาง ททท.ฮ่องกงเองได้พยายามอย่างหนักที่จะประชาสัมพันธ์ไปยังฮ่องกง มาเก๊า ถึงจุดขายใหม่ ๆ เด่น ๆ ของประเทศไทยในธีม Local Experience New Shade Million Shade โปรโมตทั้งเมืองหลักท่องเที่ยวหลัก และเมืองรอง อาทิ เชียงใหม่ขยายไปจังหวัดใกล้เคียง เชียงราย ลำปาง ลำพูน น่าน ส่งเสริมเพิ่มเติมทุกมิติ หรือกรุงเทพฯ ต่อไปยัง หัวหิน พัทยา เกาะเสม็ด ภาคตะวันออก ระยอง จันทบุรี ซึ่งมีเที่ยวบินตรงเข้าเกาะสมุย ต่อไปยังสุราษฎร์ธานี หรือจะมาทางชุมพร และเพิ่มการท่องเที่ยวโดยรถไฟตู้นอนไปตามจังหวัดรอบปริมณฑล

นอกจากนี้ยังโปรโมตกิจกรรมทำเงินได้สูงอย่าง ดำน้ำ ทำอาหารไทย เรียนมวยไทย นวดไทย เป็นการสร้างทางเลือกให้นักท่องเที่ยวได้ทำกิจกรรมอย่างหลากหลากครบทุกมิติทุกสีสันใหม่ ๆ

สำหรับรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวเข้าเมืองไทย ปี2560 แนวโน้มจะทำได้ถึง 38,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายปี 2561 จะขยับขึ้นเป็นปีละ 40,000 ล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งจาก สายการบิน เจ้าของแหล่งท่องเที่ยวซึ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี ทำให้ชาวฮ่องกงมีความสุขกลับมาท่องเที่ยวซ้ำ ๆ แต่ละคนปีละหลายครั้ง สถิติทางด้านจำนวนชาวฮ่องกงมีประชากรเพียง 7.3 ล้านคน ในจำนวนนี้ปีที่ผ่านมาเที่ยวเมืองไทยมากถึง 738,200 คน ปี 2560 ตั้งไว้ที่ 780,000 คน ปี 2561 ควรขยับขึ้นไปถึง 800,000 คนขึ้นไป การเติบโตจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน เพราะประชากรโลกมีจำกัด เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนประชากรต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไทยนับได้ว่าสูงเกือบอันดับต้น ๆ ของโลก จัดเป็น “กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง” ของเอเชียในไทย จากจำนวนคนบนเกาะขนาดเล็กมีพื้นที่ใหญ่ 2 เท่าของเกาะภูเก็ตเอง แต่มีสำนักงานการท่องเที่ยวทั่วโลกมาเปิดอยู่กว่า 60 ประเทศ เพราะค่าเฉลี่ยคนฮ่องกงเดินทางเที่ยวต่างประเทศเฉลี่ย เดินทางโดยเครื่องบินระหว่างประเทศปีละ 2 ครั้งต่อคน หากเป็นการเดินทางทางรถและเรือปีละเกิน 10 ครั้งต่อคน

ททท.ฮ่องกงจึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อช่วงชิงกำลังซื้อฮ่องกงแข่งกับประเทศอื่น ๆ เพื่อให้หันมาประเทศไทยมากที่สุด เพราะเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งเรื่อง การใช้จ่ายเงิน มีวินัย เข้าใจอัตลักษณ์ของไทยเป็นอย่างดี เหมาะจะเติมเต็มรายได้กระจายสู่ชุมชนและทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์บริจาคครบ100ล้านก้าวคนละก้าว”



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดงานต้อนรับฮีโร่คนไทย “ตูน บอดี้สแลม-นายอาทิวราห์ คงมาลัย” ประธานโครงการ “ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” พร้อมคณะอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 3-6 ธันวาคม 2560  ณ โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ ซอยรางน้ำ

โดยคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการ นำครอบครัวลูก ๆ ทั้ง 4 คน คือ อัยยวัฒน์-วรมาศ-อภิเชษฐ์-อรุณรุ่ง” ศรีวัฒนประภา และผู้บริหารเข้าร่วมแสดงความขอบคุณทีมก้าวคนละก้าวซึ่งเป็นพลังคนไทย พร้อมกับมอบเงินสมทบเพิ่มอีก 87 ล้านบาท จนครบ 100 ล้านบาท หลังจากช่วงแรกได้บริจาคเข้าร่วมโครงการเบื้องต้นไปแล้ว 24 ล้านบาท

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2560 ได้มารอต้อนรับตูน ตั้งแต่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จากนั้นร่วมวิ่งมายัง คิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ เป็นระยะทาง 1.4 กิโลเมตร  โดยกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมสนับสนุนบริจาค 87 กว่าล้านบาท ตั้งแต่เริ่มโครงการ และมีหน่วยงานอื่นร่วมสนับสนุนเงินในวันนี้อีก 12.36 ล้านบาท ยอดรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 100 ล้านบาท เพื่อโครงการ “ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” พร้อมกับมอบลูกฟุตบอลในโครงการ “ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย” จำนวนกว่า 20,000 ลูก ให้กับเยาวชนทั่วประเทศ รวม 77 จังหวัด

อัยยวัฒน์กล่าวย้ำหนักแน่นว่า ตั้งใจให้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นส่วนเล็ก ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ตอบแทนสิ่งที่ดีมีคุณค่ากลับคืนสู่สังคม เพราะตอนได้ฟังพี่ตูนพูดถึงโครงการนี้ รู้สึกมีความสุขเพราะเขาเป็นคนที่ทำให้คนไทยรู้จักการให้ สร้างความรัก ความสามัคคี ยุคนี้เป็นการทำที่ค่อนยากลำบาก จึงไม่อยากให้พี่ตูนกดดันตัวเองมากจนเกินไป อีกทั้งตลอดระยะร่วมวิ่งในกรุงเทพฯ ระยะสั้น ๆ เพียงไม่กี่กิโลเมตร ได้เห็นคนไทยพร้อมใจกันควักแบงก์พันบริจาคเข้าร่วมโครงการอย่างมีความสุข เป็นน้ำใจที่ประเมินคุณค่ามิได้ ทว่าจะเป็นคุณูปการแก่คนไทยอีกมากมายที่จะต้องพึ่งพาโรงพยาบาล

ข่าวที่ 2 “ททท.ดันสตรีทฟู้ดขึ้นชั้นมิชลินร้านเจ๊ไฝดังข้ามโลก”


“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การลงทุนจัดทำ “Michalin Guide Bangkok-คู่มือ มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ” เป็นกลยุทธ์ต่อเนื่องระยะ 5 ปีขึ้นไป หลังจากไทยเป็นประเทศอันดับที่ 29 ที่มิชลินคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจัดทำคู่มือดังกล่าว โดยมีเป้าหมายความสำเร็จสำคัญเพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาไทยปีละกว่า 30 ล้านคน หันมาใช้จ่ายเงินเพิ่มในการบริโภคอาหารมากขึ้นสร้างกำลังซื้อกลุ่มตลาดคุณภาพควบคู่กันไปด้วยในระยะยาว แต่ละปีการท่องเที่ยวช่วยสร้างรายได้กระจายสู่หมวดอุตสาหกรรมอาหารปีละกว่า 550,000 ล้านบาท คิดเป็น 25-30 % ของรายได้การท่องเที่ยวจากตลาดต่างประเทศเข้าเมืองไทย

ส่วนไฮไลต์การเปิดตัวโครงการ “Michalin Guide Bangkok-คู่มือ มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ” ทางทีมจัดทำคู่มือมิชลิน ไกด์ ใช้เวลากว่า 8 เดือน ลงพื้นที่สุ่มตรวยคัดเลือกร้านอาหารในกรุงเทพฯ ที่มีคุณสมบัติความพร้อมตามเกณฑ์สากลของมิชลินจากองค์ประกอบครบทั้ง 5  ปัจจัย ได้แก่ 1.คุณภาพของวัตถุดิบที่เลือกนำมาปรุงอาหารแต่ละเมนู  2.เทคนิควิธีสร้างรสชาติให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ 3.บุคลิกของพ่อครัวแม่ครัวหรือเชฟ 4.รสชาติความอร่อยคงที่ 5.ราคาสอดคล้องกับคุณภาพของอาหารแต่ละจาน เป็นประตูเปิดสู่ตลาดโลกด้วยมิชลินสตาร์ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าสู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป

ผลปรากฏว่ามี “ร้านอาหารริมทาง-Street food” ในกรุงเทพฯ ผ่านเกณฑ์ของมิชลินมากถึง 28 ร้าน รวมทั้งมีร้านที่ได้การประกาศเข้าเกณฑ์มิชลินบรรจุไว้ในมิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ รวม 98 ร้าน แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทแรก มิชลิน 1 ดาว 14 ร้าน ประเภทที่สอง มิชลิน 2 ดาว 3 ร้าน ประเภทที่สาม Bib Gourmand ร้านยอดนิยมในหมู่เชฟ ราคาขายเมนูละไม่เกิน 1,000 บาท อีก 35 ร้าน สำหรับ ประเภทมิชลิน 3 ดาว ปีนี้ยังไม่มีร้านใดผ่านเกณฑ์

ส่วนร้านที่สร้างกระแสความฮือฮากลายเป็นข่าวดังทั่วประเทศและได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลกคือ “ร้านเจ๊ไฝ-ประตูผี” ต้นตำรับราดหน้าซีฟู้ด ราดหน้าเป๋าฮื้อ ไข่เจียวปู ต้นตำรับการทำราดหน้าทะเลสืบทอดจากบรรพบุรุษรุ่นพ่อรวมมาจนถึงปัจจุบันเกือบ 100 ปี โดยมี “เจ๊ไฝ-สุพินยา สุจันตะ” นำสูตรที่เคยทิ้งช่วงหายไปนานกลับมาทำเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัวใหญ่ ลูกหลาน เหลน เกือบ 40 ปี หัวใจสำคัญคือ “ร้านเจ๊ไฝ” สามารถทำให้ร้านริมทางทำราคาขายได้เมนูละ 400-10,000 บาท
“สุพินยา สุจันตะหรือเจ๊ไฝ” วัย 72 ปี เปิดใจ หลังคว้ารางวัลมิชลิน 1 ดาว ว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตกับการรู้จักมิชลินในมุมความยิ่งใหญ่ของการให้รางวัลร้านอาหาร แล้วก็คิดไม่ถึงว่าทางร้านจะได้รางวัลที่เจ้าของร้านอีกมากมายรอคอย เพราะไม่ว่าจะได้รับรางวัลหรือไม่ก็ตาม ก็ได้ใส่จิตวิญญาณการทำอาหารอย่างเต็มที่ด้วยการสร้างสรรเมนูต้องทำด้วยความใส่ใจตั้งแต่เรื่องแรกให้ความสำคัญกับการคัดเลือกวัตถุดิบแต่ละอย่าง ต้องสรรหาวัตถุดิบมาจากแหล่งคุณภาพจริง ๆ เช่น เนื้อปูต้องไปลงสั่งตรงถึงนครศรีธรรมราช เพื่อมาทำไข่เจียวปูกับราดหน้าทะเล หรือเป๋าฮื้อบรรจุกระป๋องที่นำมาทำราดหน้าราคาจานละหลักหมื่นบาท ก็พิถีพิถันเลือกอย่างดีตามความต้องการของลูกค้า เกือบ 40 ปีจึงมีลูกค้าประจำเป็นกลุ่มผู้มีชื่อเสียง บุคคลสำคัญของประเทศ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีไทยเกือบทุกคน และคนดังชาวต่างชาติ ต่างก็แวะเข้ามาอุดหนุนเป็นประจำไม่ขาดสาย ทั้ง ๆ ที่พื้นที่ภายในร้านก็ไม่ได้ใหญ่โตกว้างขวางมีเพียง 10 โต๊ะเท่านั้น มีพนักงานดูแลบริการ 6 คน แต่ละวันรองรับลูกค้าหมุนเวียนเข้าออกได้ประมาณ 250-400 คน โดยจะต้องเป็นแม่ครัวทำเองจานต่อจานทุกเมนู ไม่กล้าปล่อยให้พนักงานทำเองเกรงรสชาติจะไม่คงที่

เมื่อถามอนาคตหลังจากเป็นร้านสตรีทฟู้ดเจ้าแรกของประเทศ ที่ได้รับรางวัลมิชลิน 1 ดาวแล้ว จะรับมือกับกระแสผู้คนที่จะหลั่งไหลเข้ามาเพิ่มอย่างไร

“เจ๊ไฝ” ตอบด้วยประโยคเรียบง่ายว่า เจ๊ไฝอายุมากแล้วจะทำอย่างพออยู่พอกิน รับวันละ 250 คนก็น่าจะเพียงพอและพอเพียงแล้ว และจะยังคงเริ่มเปิดร้านตามปกติทุกวัน เวลา 13.30-01.00 น.หยุดสัปดาห์ละ 1 วัน คือทุกวันอาทิตย์


“เจ๊ไฝ” เล่าถึงประวัติชีวิตว่าเป็นลูกคนจีนพ่อแม่อพยพมาอยู่กรุงเทพฯ แถวที่ตั้งของร้านปัจจุบันตรงบริเวณประตูผี เรียนจบแค่ ป.4 สมัยเด็กไม่เคยคิดจะทำอาชีพร้านอาหาร เห็นพ่อแม่ทำราดหน้าขายดี ส่วนตนเองไปทำงานเย็บผ้าอยู่จนอายุล่วงเลยกว่า 30 ปี พ่อแม่เสียชีวิต อาชีพรับจ้างก็ไม่พอเลี้ยงดูครอบครัวใหญ่ จึงเริ่มคิดนำสูตรราดหน้าของตระกูลมาลองทำขายบ้างตอนอายุประมาณ 40 ปี เริ่มเปิดบริการ “ร้านเจ๊ไฝ” ทุ่มเททำงานหนักมาตลอด เพราะต้องนำรายได้จากการขายราดหน้าและอาหารเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัว มีลูกหลานเหลนอยู่รวมกันก็ใช้เงินจากร้านจุนเจือกันไป

พอถามว่า “รายได้” ทุกวันนี้แต่ละเดือนด้วยราคาราดหน้าเมนูละหลักพันถึงหลักหมื่นบาท “เจ๊ไฝ” มีรายได้หมุนเวียนเท่าไร เจ๊ไฝยิ้มไม่ตอบแต่พะยักหน้ารับเมื่อบอกตัวเลขถึงเดือนละ 6 หลัก พร้อมกับย้ำเน้นเหตุผลเรื่องค่าใช้จ่ายที่ลงทุนสั่งซื้อของคุณภาพดีมาให้ลูกค้ารับประทานอย่างมีความสุข ไม่มีใครเคยผิดหวังเมื่อต้องจ่ายราดหน้าราคาแพงแล้วได้กินของอร่อยถูกปาก ยิ่งได้เห็นวัตถุดิบที่คัดสรรเป็นอย่างดีด้วยแล้วจะต้องยินดีจ่ายอย่างไม่เสียดายเงินแน่นอน

“เจ๊ไฝ” บอกว่าหากใครที่บอกว่าราดหน้าร้านเจ๊ไฝแพงก็ขอให้ลองแวะไปดูการทำงานตั้งแต่ต้นทางหลังครัวจนกลายมาเป็น “เมนูอาหารรสเลิศ” เสิร์ฟอยู่บนโต๊ะของทุกท่าน แล้วจะรู้ว่าร้านเจ๊ไฝใส่ใจความสุขของลูกค้ามาเป็นอันดับแรกนั่นเอง

วันนี้ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ได้สร้างปาฎิหารย์ทำให้ “ร้านสตรีทฟู้ด-เจ๊ไฝ ประตูผี” กลายเป็นครัวไทยสู่ครัวโลก ที่คนไทยและนักท่องเที่ยวนานาประเทศสามารถจับต้องได้จริงถึงร้านริมทางของประเทศก็มีดีเทียบชั้นภัตตาคารหรูและเหลาแถวหน้าของโลกได้ ด้วยการดำเนินธุรกิจภายใต้ “พอเพียง เพียงพอ ใส่ใจ ให้ความสุข” อาหารไทยคือมิตรภาพกับทุกคนโดยไม่แบ่งเชื้อชาติใด ๆ

ข่าวที่ 3 “หิวตอนไหนไปร้าน SPAR บางจากอร่อยทุกเมนู”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โปรโมตร้านค้าปลีก SPAR ตลาดอาหารสดใหม่สะอาด ตลอดเดือนธันวาคม 2560 ร้าน SPAR บางจาก จัดเต็มด้วยเมนูอาหารสำเร็จรูปหลากหลายเมนูราคาสบายกระเป๋า  เมนูอาหารคาวบรรจุกล่องรับประทานสะดวกต้องลิ้มลองชิม ไก่ทอด สพาร์ หอม อร่อย, โชมัน ข้าวหน้าเนื้อ-หมู ไข่กระทะสูตรสพาร์
ขณะเดียวกันก็มีเครื่องดื่มถูกสุขอนามัย น้ำมะพร้าวบรรจุขวดปลอดสาร รับประทานได้ภายใน 28 วัน และน้ำอ้อยคั้นสดร้อยเปอร์เซ็นต์

รู้สึกหิวเมื่อไร เวลาไหน สามารถ เข้าไปดูเมนูอาหารคาว เครื่องดื่ม และของรับประทานได้ทันที ที่ออนไลน์ www.sparthailand.com


ช่วงที่ 2 วางแผนไปเที่ยวหน้าหนาวรับปีใหม่มุมใหม่ในเชียงใหม่ เลือกได้ตามใจชอบ 5 เส้นทางความสุข “ตามรอยศรัทธาแห่งขุนเขา-ตามรอยพ่อ วิถีพอเพียง-ตามรอยรัก รากนครา-เที่ยวอินดี้ วิถีชุมชน-หยิบหมอก หยอกลมหนาว” และข่าวด่วนมาแรงเรื่องสุขภาพ “กินกล้วยทุกเช้าห่างไกล 8 โรคร้าย” สำหรับท้ายชั่วโมงต้องฟัง การบินไทยจัดแรกในรอบ 58 ปี งาน “THAI SHOP GIFT FAIR 2017” ส่วน บขส. สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เตรียมบริการเพิ่มเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับคลื่นมหาชนเดินทางช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 28 ธันวาคม 2560 -4 มกราคม 2561

@ “ชวนไป5เส้นทางเที่ยวมุมใหม่ในเชียงใหม่”

หนาวนี้และปีใหม่เตรียมวางแผนไปเที่ยวในบรรยากาศสบาย ๆ มุมแปลกเก๋ ๆ เมืองล้านนา “เชียงใหม่ ใน 5 เส้นทาง ดอกไม้ โครงการหลวง ธรรมชาติดอยสูง และวิถีชีวิตสนุก ๆ

เส้นทางที่ 1 - ตามรอยศรัทธาแห่งขุนเขา



ตื่นแต่เช้า ไปขึ้นเขา “ขุนช่างเคี่ยน” เติมความสดชื่นในทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งทั่วบริเวณหมู่บ้านในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ แล้วไปสโลไลฟ์ที่ “พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ชมพระตำหนัก” ดื่มด่ำความงามของรวมกุหลาบกว่า 360 ชนิด พร้อมสัมผัสสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี



ตกบ่ายเข้า “วัดพระธาตุดอยสุเทพ” ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ประดิษฐานพระธาตุสีทองอันยิ่งใหญ่กลางยอดเขา มีบันไดนาคหลายร้อยขั้น รวมถึงจุดชมวิวแบบ 360 องศา และ “วัดผาลาด” วัดเก่าแก่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 500 ปี งดงามด้วยงานศิลปะ สถาปัตยกรรมกับธรรมชาติ เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำละครรากนครา



ปิดท้ายวันตรงวิวสวย ๆ ใน “อุทยานหลวงราชพฤกษ์” มีเทศกาลชมสวน -Flora Festival 2017 ให้ชมต่อเนื่องระหว่างวันนี้ – 28 ก.พ. 2561 พบกับอลังการไม้ดอกเมืองหนาวนานาพรรณจากมูลนิธิโครงการหลวงบนพื้นที่กว่า 470 ไร่ ที่พร้อมใจกันเบ่งบานต้อนรับนักท่องเที่ยว

เส้นทางที่ 2 : ตามรอยพ่อ วิถีพอเพียง

ตื่นเช้าเข้า “พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ 1” ชมพิพิธภัณฑ์มีชีวิต เรียนรู้แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดชในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และชมความเป็นมาของโครงการหลวง แล้วไปต่อที่ “บ้านยาง” หมู่บ้านจีนยูนนานที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ความเป็นอยู่แบบจีนยูนนานได้อย่างเหนียวแน่น พอไปถึงต้องห้ามพลาดชิมขาหมูหมั่นโถว และสุกี้ยูนนานต้นตำรับ

ช่วงบ่ายไปชม “ไร่ชา 2000” อยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงบ้านนอแล ซึ่งมีแปลงชาที่ปลูกไล่ระดับตามความชันของภูเขาให้ชม รายล้อมด้วยสายหมอกและขุนเขา และ ในหมู่บ้านนอแลก็มี “ไร่สตรอเบอรี่” ที่ชาวบ้านปลูกตามไหล่เขาเป็นบันไดไล่ระดับกันลงมา  อำลาเส้นทางนี้ที่ “สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง” สัมผัสกับความงามของดอกไม้นานาชนิดสะพรั่งทั่วทั้งดอย เป็นแหล่งดงดอกซากุระสายพันธุ์แท้ หนึ่งในเส้นทางความโรแมนติดหน้าหนาว

เส้นทางที่ 3 : ตามรอยรัก รากนครา
ตื่นเช้าไปชม “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง” แหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งมากสุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ตามถนนสีชมพูในขุนเขา และพันธุ์ไม้เมืองหนาวนานาชนิดพร้อมใจกันออกดอกรับลมหนาว โดยเฉพาะกุหลาบพันปีเบ่งบานยาวนานช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์  บริเวณลานผาแง่มชมสถูปจำลองของเจ้าแม้นเมือง ในละครรากนครา

มุ่งหน้าไปต่อยัง “สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์” ชมสวนแสดงพันธุ์ไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด สวนรวบรวมพันธุ์เฟิร์นทั้งของไทยและต่างประเทศ พร้อมโรงเรือนจัดแสดงพันธุ์พืชกินสัตว์ และผักไฮโดรโพนิก

ช่วงบ่ายขึ้น “ดอยอินทนนท์”  ไปหยอกเช้าไอเย็นสายหมอก ณ จุดสูงสุดของประเทศไทย มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ อาทิ พระมหาธาตุนภเมทนีดล พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เส้นทางธรรมชาติอ่างกา

เส้นทางที่ 4 :เที่ยวอินดี้ วิถีชุมชน

ช่วงเช้าไปเยี่ยม “ชุมชนโหล่งฮิมคาว” วิถีชีวิตชุมชนเล็กๆ ริมแม่น้ำคาว แหล่งรวมศิลปินแขนงต่างๆ เมืองเชียงใหม่ และสามารถเลือกชื้อสินค้าหัตถกรรม งานฝีมือชุมชนโหล่งฮิมคาวได้ที่ “ตลาดฉำฉา” จัดเป็นประจำทุกวันเสาร์ เวลา 09.00 – 14.00 น. แล้วแวะ “พิพิธภัณฑ์ใหม่เอี่ยม” พิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยแห่งใหม่ของเชียงใหม่ ตระกูลบุนนาค และเบอร์เดอเลย์ ก่อตั้งขึ้น เพื่อรวบรวมผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินชั้นนำ และรุ่นใหม่หลายคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาจัดแสดง

ตกบ่ายไป “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก” ที่นำวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากโครงการหลวงมาปรุงเมนูอาหารเสิร์ฟนักท่องเที่ยว หรือนั่งจิบกาแฟชิว ๆ ท่ามกลางไม้เขียวขจี มีเสียงน้ำตกไหลผ่านโครงการตลอดทั้งปี แล้วไปสูดโอโซน ร่วมกิจกรรมเชิงผจญภัยที่ “ชุมชนแม่กำปอง” หมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาอากาศเย็นตลอดทั้งปี มีลำธารใสเย็นไหลผ่านตลอดหมู่บ้าน มีโฮมสเตย์ให้พักค้างคืนหรือจะไปเที่ยวแบบไปกลับก็ได้

เส้นทางที่ 5:หยิบหมอก หยอกลมหนาว

ตื่นเช้าไป “วัดป่าดาราภิรมย์” พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาที่สวยงาม และได้รับคัดเลือกให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรม แล้วไปชม “สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” จัดแสดงพรรณไม้นานาชนิดที่ออกดอกสวยงามตลอดหน้าหนาว และต้องเดินชม Canopy Walkway ทางเดินลอยฟ้าเหนือเรือนยอดไม้ยาวที่สุดในประเทศไทย จากนั้นขึ้นไป “ม่อนแจ่ม” ชมวิวภูเขาที่อยู่ล้อมรอบแบบพาโนราม่า รายล้อมไปด้วยแปลงดอกไม้เมืองหนาวหลากสีสัน

ช่วงบ่าย ขับรถไปทางแม่ริม – สะเมิง ชมไร่สตรอเบอรี่สะเมิงแหล่งปลูกใหญ่ที่สุดในเมืองไทย แล้วชิมสตรอเบอรี่หวานฉ่ำ ท่ามกลางวิวภูเขาล้อมรอบ ปิดท้ายด้วยการเที่ยว “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง” แหล่งรวบรวมกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ นั่งจิบชาสมุนไพรร้อนๆ ท่ามกลางสวนกุหลายที่ตกแต่งสไตล์อังกฤษ

เป็น 5 เส้นทางเที่ยวมุมใหม่ในเชียงใหม่ได้ครบทุกอรรถรส
@ กินกล้วยทุกเช้าช่วยห่างไกลโรคร้าย

วันนี้เราขอนำเรื่องราวมาบอกต่อในการรักษาตัวเองให้ห่างจากโรคร้ายได้แบบง่ายๆ ด้วยการหันมา "กินกล้วย" ตอนเช้าทุกวัน นับเป็นเรื่องน่าทึ่งมาก เพราะแต่ละโรคปกติจะต้องใช้เวลารักษานาน แต่ถ้ากินกล้วยตอนเช้าต่อไปก็ไม่ต้องกินยา เพราะโรคเหล่านี้จะหายไปจากเรา คือ

1. โรคโลหิตจาง กล้วย เป็นผลไม้ที่มีธาตุเหล็กสูงมาก และธาตุเหล็กนี่แหล่ะที่จะไปกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเม็ดเลือด ช่วยให้คนที่เป็นโรคโลหิตจางกลับมาแข็งแรงได้

2. โรคความดันโลหิตสูง กล้วยได้ขึ้นชื่อว่ามีโพแทสเซียมสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ด้วยกัน สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ดีมาก ถึงขนาดที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ได้โฆษณาให้ประชาชนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงหันมากินกล้วยกันให้มาก ๆ

3. โรคท้องผูก ในเนื้อกล้วย มีใยอาหารสูง เป็นตัวช่วยในการขับถ่ายได้ดีขึ้น

4. โรคซึมเศร้า อาการของโรคซึมเศร้ามักเกิดจากสารเคมีในสมองไม่สมดุลกัน แต่จากการวิจัยพบว่ากล้วยมีโปรตีน ไทรโพโตแฟน ที่จะช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน ที่ทำให้สมองรู้สึกผ่อนคลายออกมา จึงสามารถทำให้อารมณ์ดีขึ้น อาการซึมเศร้าค่อย ๆ หายไป

5. อาการเมาค้าง การบรรเทาอาการเมาค้างที่ได้ผลที่สุดคือ กล้วยปั่น ผสมกับ นม และ น้ำผึ้ง เพราะคนเมาค้างกระเพาะจะปั่นป่วนกว่าปกติ กล้วยจะช่วยทำให้กระเพาะเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนน้ำตาลจากน้ำผึ่งช่วยระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายให้สมดุล คนที่มีอาการเมาค้างจึงดีขึ้นได้

6. โรคเสียดท้อง ในกล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติอยู่แล้ว หากคนที่มีอาการเสียดท้องเพราะมีกรดเกินในกระเพาะอาหาร เพียงแค่กินกล้วยตอนเช้าวันละผล จะรู้สึกท้องไส้สงบลง

7. โรคลำไส้เป็นแผล แม้แต่แพทย์ยังแนะนำให้คนป่วยโรคลำไส้เป็นแผล หรือเป็นแผลในกระเพาะอาหาร เพราะเนื้อที่นุ่มนิ่มของกล้วย ไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะ และมีสรรพคุณช่วยเคลือบผนังลำไส้ รักษาแผลให้หายเร็วขึ้นได้ด้วย

8. เส้นเลือดฝอยแตก การกินกล้วยเป็นประจำ (ในตอนเช้าดีที่สุด) จะช่วยลดอันตรายที่เกิดกับเส้นโลหิตแตกได้ถึง 40%

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “บินไทยจัดครั้งแรกTHAI SHOP GIFT  FAIR 15 ธ.ค.นี้”

นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้จัดทำผลิตภัณฑ์พิเศษของการบินไทยต้อนรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2 โครงการหลัก  คือ โครงการที่สอง เตรียมจัดมหกรรม “THAI SHOP GIFT  FAIR 2017” ในวันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2560 ระหว่าง 09.00-15.00 น. บริเวณห้องโถง อาคาร 1 การบินไทยสำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดี เตรียมนำสินค้าในสต็อกมาลดกระหน่ำ 50-70 % พร้อมกับเปิดปรากฏการณ์ครั้งแรกในการพัฒนาระบบขายสินค้า THAI SHOP ผ่านช่องทางใหม่ E-Commerce แบบครบวงจร รุกขยายฐานลูกค้าออนไลน์เจาะกลุ่มตลาดในประเทศและทั่วโลก เป็นกลยุทธ์ใหม่ของการบินไทยในการวางรากฐานปรับขนาดธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้แข่งขันได้ในยุคดิจิตอลอย่างสมบูรณ์แบบ สอดคล้องตามนโยบายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการกระตุ้นให้สายการบินแห่งชาติ ยกระดับธุรกิจก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0

การนำอี-คอมเมิร์ซเข้ามากระตุ้นและเพิ่มยอดขายครั้งนี้ การบินไทยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อต้องการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้บริการผ่านช่องทางที่รวดเร็วควบคู่กับการเลือกชำระเงินได้หลายรูปแบบทันที พร้อมกับมีบริการโลจิสติกส์ส่งตรงถึงลูกค้าปลายทางหรือถึงประตูบ้านทุกคน

ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป ลูกค้า Royal Orchid Plus : ROH การบินไทย สามารถสั่งซื้อสินค้า THAI SHOP และแลกไมล์สะสมเป็นสินค้าได้อย่างสะดวกสบายผ่านออนไลน์ทางเว็บไซต์ www.thaishop.thaiairways.com โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา THAI SHOP  แต่อย่างใด

นายวิวัฒน์กล่าวว่า ตลอดการจัดงานจะได้พบกับการเปิดมิติใหม่ในการพัฒนาหน่วยธุรกิจขายสินค้าของ  THAI SHOP การบินไทยยุคใหม่ ในวันที่ 15  ธันวาคม 2560 ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในองค์กรได้จัดเตรียมกิจกรรมพิเศษมานำเสนอแก่ลูกค้าด้วย โดยจะมีเซเลบริตี้ ผู้มีชื่อเสียง ศิลปิน และไอดอลแถวหน้าของประเทศ มาร่วมสร้างสีสันตลอดงาน มีไฮไลต์หลัก ๆ ดังนี้

กิจกรรมแรก เชิญ “ครูปาน-สมนึก คลังนอก” และ “คุณโอ๋ ฟูตอง-หทัยรัตน์ เจริญชัยชนะ” ศิลปินวาดรูปลายภาพที่มีชื่อเสียงแถวหน้าของเมืองไทย มาร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์ THAI SHOP โดยเลือกเอกลักษณ์การบินไทย คือ ช้าง นางฟ้า กล้วยไม้ วาดลงทั้งเสื้อยืด ผ้าพันคอ กระเป๋าถือ รวมทั้งจะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาจัดแสดงแฟชั่นโชว์ให้ชมภายในงาน THAI SHOP GIFT  FAIR 2017

กิจกรรมที่ 2 “นำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด Food Truck จากหน่วยธุรกิจครัวการบินไทย มาจำหน่ายอาหาร เบอเกอรี่ สดใหม่ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มลองรสชาติตามจุดจอดรถบริการ อีกทั้งยังมีร้านจากศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ สนับสนุนและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนนำมาจำหน่ายเพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากการบินไทยเปิดให้นำสินค้าชุมชนหมวดต่าง ๆ เข้ามาวางจำหน่ายในร้าน THAI SHOP อย่างต่อเนื่อง

กิจกรรมที่ 3 “คืนกำไรสู่สังคม” โดยร่วมกับร้านปันกัน มาร่วมในงานเพื่อรับบริจาคสิ่งของสภาพดี หรือเงินสด รวบรวมไปเป็นทุนการศึกษามอบให้เด็กหรือเยาวชนด้อยโอกาสต่อไป

โครงการแรก เปิดขายบัตร THAI Gift Voucher ในรูปแบบของบัตรแทนเงินสด ออกแบบซองให้มีความสวยงามเป็นพิเศษ หาซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่  30 มิถุนายน 2561   มีให้เลือกซื้อถึง 3 ชุด  เหมาะนำไปมอบเป็นของขวัญมอบช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 และในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เพราะสามารถนำไปใช้แทนเงินสดได้  โดยใช้ร่วมกับการชำระเพิ่มด้วยเงินสด หรือบัตรเครดิต เพื่อใช้แทนเงินสดทั้งการนำไปซื้อบัตรโดยสารการบินไทยได้ทุกเส้นทางในและต่างประเทศ หรือจ่ายค่าแพ็กเกจทัวร์เอื้องหลวง และซื้อสินค้าที่ร้าน THAI Shop ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกช้อปอย่างหลากหลาย

สำหรับบัตรของขวัญ THAI Gift Voucher ของการบินไทยทั้ง 3 ชุด ลด 3 % ทุกชุด ประกอบด้วย ชุดที่ 1 ราคา 3,000 บาท จะมี Gift Voucher ใบละ 1,000 บาท รวม 3 ใบ ชุดที่ 2 ราคา 5,000 บาท จะมี Gift Voucher ใบละ 5,000 บาท รวม 1 ใบ ชุดที่ 3 ราคา 10,000 บาท จะมี Gift Voucher ใบละ 10,000 บาท รวม 1 ใบ  Gift Voucher


สถานที่ซื้อบัตรของขวัญ THAI Gift Voucher เปิดจำหน่ายตามสำนักงานขายการบินไทยทั่วประเทศ ,THAI Contact Center โทร. 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง) และช่องทางออนไลน์ www.thaiairways.com

ข่าวที่สอง “บขส.เพิ่มรถเฉียดหมื่นเที่ยวรับมือ28 ธ.ค.-3ม.ค.61”

นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า เตรียมเพิ่มเที่ยววิ่งรถโดยสาร รถบขส.  รถรถร่วม บขส. รถตู้ รองรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 บขส. เที่ยวขาออกจากกรุงเทพฯ 28-30 ธ.ค. 2560 จะมีบริการถ บขส. รวมกว่า 8,700 เที่ยว จากปกติวันละ  6,200 เที่ยว เพิ่มขึ้นอีกวันละ 2,400 เที่ยว   สามารถรองรับผู้โดยสารสูงถึงวันละ 198,000 คน

ส่วนเที่ยวกลับวันที่ 2-3 ม.ค. 2561 บขส. จัดเที่ยววิ่งรวมกว่า 7,938 เที่ยวจากปกติ วันละ 6,238 เที่ยว เพิ่มเที่ยวเสริมอีกวันละ 1,700 เที่ยว จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึงวันละกว่า 163,000 คน

ดังนั้น บขส.เตรียมมาตรการลดความแออัดและปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 บขส. จะจัดแผนการเดินรถเฉพาะรถโดยสาร บขส. สำหรับผู้โดยสารที่จองตั๋วโดยสารล่วงหน้า รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 และรถวีไอพี ของ บขส. เส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่ 28-30 ธ.ค. 2560 เวลา 18.00-22.00 น. ให้ไปขึ้นรถที่กรมการขนส่งทางบก ซึ่งได้จัดรถตู้ไว้ให้บริการรับ-ส่ง ฟรี บริเวณด้านหน้าอาคารสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)

ส่วนผู้จองตั๋วโดยสารรถปรับอากาศชั้น 2 เส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ตั้งแต่วันที่ 28-30 ธ.ค. 2560 ตั้งแต่เวลา 05.00 น. จนเที่ยวสุดท้าย ขึ้นรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)

สำหรับผู้โดยสารที่ไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า เส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ติดต่อซื้อตั๋วโดยสาร และขึ้นรถเที่ยวเสริมที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เท่านั้น

ข่าวที่สาม “สุวรรณภูมิเคลียร์พื้นที่รับปีใหม่เต็มพิกัด”

นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”กล่าวว่า ช่วงเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้จะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฉลี่ยวันละ 174,000 คน เพิ่มขึ้น 22.2% และจะมีเที่ยวบินให้บริการรวมทั้งสิ้น 143,238 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 975 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 7.2%

ช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าตั้งแต่ 25 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป แนะนำให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาการเดินทาง การขึ้นเที่ยวบินระหว่างประเทศควรเผื่อล่วงหน้า3 ชั่วโมง และเที่ยวบินภายในประเทศให้เผื่อเวลาไว้ 2 ชั่วโมง ซึ่งอาจเลือกเดินทางโดยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ หรือรถขนส่งสาธารณะแทนรถยนต์

ทางสุวรรณภูมิได้เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ ไว้พร้อม ทั้งบริการจอดรถยนต์ ที่อาคารและลานจอดรถยนต์ 1-4 รองรับได้ประมาณ 5,500 คัน รวมทั้งเตรียมพื้นที่จอดรถสำรองบริเวณด้านข้างโรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิ หรือลานจอดรถโซน 5 อีกกว่า 450 คัน กรณีที่ลานจอดรถโซน 1-5 เต็ม จัดเตรียมพื้นที่บริเวณตรงข้ามโรงแรมโนโวเทล คือลานจอดรถโซน 6 และ 7 จอดได้อีก 780 คัน และลานจอดรถระยะยาว (Long Term Parking) โซน A และ D จอดได้อีกถึงประมาณ 1,432 คัน

ข่าวที่สาม “ดอนเมืองโตทั้งคนและรายได้หลังICAOปลดธงแดง”

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า หลังจากที่ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO ได้ปลดรูปธงแดงการบินของประเทศไทย ส่งผลให้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สายการบินต่างประเทศมาไทยขยายตัวมาก ทอท.มีรายได้จากอัตราค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินของผู้โดยสารออกจากสนามบิน (PSC) ของชาวต่างประเทศสูงกว่าชาวไทยถึง 7 เท่า ซึ่งคิดคนละ 700 บาท แนวโน้มช่วงวันหยุดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ปริมาณผู้โดยสารดอนเมืองจะยิ่งหนาแน่นอาจจะถึงวันละเกือบ 2 แสนคน

เพราะขณะนี้ท่าอากาศยานดอนเมือง มีเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 26% ผู้โดยสารที่ใช้บริการเพิ่ม 40% เนื่องจากสายการบินใช้เครื่องบินลำใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลถึงรายได้ดอนเมืองตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาเติบโต 280%

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง FM 97.0 MHz. และอ่านทุกรายละเอียดได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen   และทางบล็อกเกอร์ gurutourza

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai