ภาคใต้14จังหวัดกอดคอปั๊มเงินท่องเที่ยวปีจอ7.7แสนล้าน
ททท.จัดหนักแคมเปญชุมชน/เมืองรอง-เปิดตะกั่วป่าโมเดล
คิงเพาเวอร์ผุดATLASCLUBบริการลูกค้าCROWN/VEGA
ชวนเที่ยวตากไม่รู้โรยปี’61เด็ดทุกเส้นทางวิถีเมืองสุขใจ
บางจากรุกเปิดร้าน“อินทนิลบีสโทร”แห่งแรกในดอนเมือง
เที่ยวเหนือสุดที่เชียงราย4เทศกาลแสนงดงามส่งท้ายปี
KLMงัดกลยุทธ์เสิร์ฟไม่อั้นชิงเค้กผู้โดยสารนั่งชั้นธุรกิจ
สิงคโปร์แอร์ล้ำยุคใช้KRISบ็อตเบต้าบริการลูกค้าแทนคน
IATAชี้เป้าแอร์ไลน์บินปี’61ฟันกำไรอื้อ3.84หมื่นล้านUS
สายการบินเพิ่มมาตรเข้มผู้โดยสารใช้Smart Luggage
สวัสดีวันเสาร์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
ช่วงที่ 1 ติดตามฟัง “กฤษฎา รัตนพฤกษ์” ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดภารกิจท้าทายในการนำการท่องเที่ยวภาคใต้ 14 จังหวัด ทำหน้าที่ภูมิภาคผู้นำรายได้เข้าประเทศมากเป็นอันดับหนึ่งด้วยเป้าสูงลิ่วต้องทำให้ได้ปีละ 770,000 ล้านบาท ประการสำคัญต้องนำเงินกระจายตรงสู่ชุมชนและเมืองรองให้ได้มากที่สุด และแผนฟื้นฟูกำลังซื้อหลังน้ำท่วม กับ “ตะกั่วทุ่งโมเดล” จะไขปริศนาพาภาคใต้ถึงฝั่งฝันให้ได้ในเร็ววันนี้
.
นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในฐานะที่ภาคใต้ทำรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากที่สุดของประเทศเข้าสู่พื้นที่ 14 จังหวัด ในปี 2560 ประมาณ 700,000 ล้านบาท และปี 2561 ต้องขยับขึ้นเป็น 770,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8 % จึงมีความท้าทายอย่างมากในการวางกลยุทธ์หารายได้มาเติมเต็มมากขึ้นอีกราว 70,000 ล้านบาท
ประการแรกในช่วงปลายปีนี้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้หลายจังหวัด ใน นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ตรัง ชุมพร ภาคใต้ตอนบนได้รับผลกระทบต่อเนื่อง ขณะนี้ฝนหยุดแล้วแม้จะมีน้ำท่วมขังอยู่บ้างแต่ไม่ได้อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว ททท.ตื่นตัวฟื้นฟูการตลาดอย่างรวดเร็ว โดยนครศรีธรรมราช เตรียมกิจกรรมดี๊ดีและขายวันธรรมดาน่าเที่ยวปลุกกระแสการเดินทางกลุ่มสตรี ทำโปรโมชั่นพิเศษต่าง ๆ สอบถามได้ตามสำนักงาน ททท.แต่ละแห่ง เช่นเดียวกับพัทลุง จะจัดล่องเรือเที่ยวทะเลน้อยซึ่งมีที่พักเก๋ไก๋สวยงาม ขณะที่สายการบินให้ตั๋วบินราคาพิเศษหากเลือกไปพักที่ตรัง 2 คืนขึ้นไป ททท. มอบห้องฟรี อีก 1 คืน และบัตรของขวัญรับประทานอาหารมูลค่า 100 บาท ส่วนจังหวัดชุมพร จัดท่องเที่ยว 2 เมือง 2 มหาสมุทร และโปรแกรม คอฟฟี่ ศรีชุมพร ในฐานะเมืองที่มีชื่อเสียงด้านแหล่งปลูกกาแฟโรบาสต้า ต้องการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้เห็นขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ปลูก คั่ว ดื่มกาแฟ
สำหรับ ททท.ส่วนกลางได้ร่วมกับ 2 สายการบิน คือ แอร์เอเชีย และไลออนแอร์ กระจายนักท่องเที่ยวลงไปยังหลายพื้นที่ให้มากที่สุด ทำโปรโมชั่นพิเศษ นครศรีธรรมราช ตรัง ชุมพร และจังหวัดอื่น ๆ จะได้ราคาพิเศษด้วยเช่นกัน เริ่มที่ 590 บาท/เที่ยว จะเริ่มมกราคม 2561 เป็นต้นไป และลดขั้นต่ำกว่า 20 % พร้อมเสิร์ฟอาหารพิเศษแทนการขาย และการจัดกิจกรรมที่มีความหลากหลาย จากผลการร่วมมือกันทำโปรโมชั่นแรง ๆ ขนาดนี้ภายใน 1 เดือน จะสามารถฟื้นฟูกำลังซื้อกลับเข้าสู่ภาคใต้
นอกจากนี้ระหว่างวันที่ 14-17 ธันวาคม 2560 ททท.ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเอกชนท่องเที่ยว นำ 12 เมืองต้องห้ามพลาด 5 ภูมิภาค นำอาหารถิ่น แพกเกจท่องเที่ยว ห้องพัก ตั๋วโดยสารเครื่องบิน ผลิตภัณฑ์ชุมชน ประชารัฐ มาจำหน่าย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ช่วงปลายปีนี้ทางจังหวัดฝั่งอันดามัน ททท.เตรียมจัดเคาน์ดาวน์ในย่านเมืองเก่า ถนนถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งทุกฝ่ายได้ร่วมกันดูแลรักษาความสวยงามทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม โดยจัดทำเป็น Light up ด้วยแสงไฟระยิบระยับ และจัดทำ “ภูเก็ต คาร์นิวัล” กลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ระหว่างพิธีเปิดเคาน์ดาวน์ นับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่เรียก Floor Drop จากยอดตึกสูงทั่วเมืองลงมาสู่พื้น จะงดงามมาก
ภาคใต้เตรียมทำกิจกรรมไฮไลต์ต่อเนื่องช่วงเทศกาลเที่ยวเมืองไทย เดือนมกราคม 2561 ที่สวนลุมพินี โดยจะเน้นการสินค้าชุมชนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา อย่าง หญ้าลิเภา กระจูด เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบเป็นเครื่องใช้แฟชั่นมากมาย และ “อาหารถิ่น”เมื่อไปถึงแล้วต้องหารับประทานจะนำจากทั้ง 14 จังหวัดมานำเสนอตลอดงาน โดยมีเมนูต้องชิมห้ามพลาดในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย
ส่วนการแสดง ปี 2561 จะคัดสรรมาจากท้องถิ่นโดยตรง ของ 3 จังหวัดชายใต้ และจังหวัดอื่น ๆ อาทิ แห่นางดาน นครศรีธรรมราช ขบวนแต่งกายบ๊ะบ๋า-ยาหยา รวมทั้งประเพณีวัฒนธรรมพื้นถิ่น ซึ่งมีวิถีชีวิตของชาวใต้ที่แตกต่างจากเหนือและอีสาน รวมทั้งจะกระตุ้นการท้าเที่ยวข้ามภาค เพื่อให้คนไทยออกมาเดินทางมากขึ้น เพราะเฉลี่ย 1.96 วันต่อคน จึงต้องหาสินค้ามาสร้างแรงจูงใจให้มากยิ่งขึ้น พุ่งเป้าไปยัง “กลุ่มเจนวาย” มีความถี่เดินทางมากกว่าแม้จะจ่ายเงินน้อยแต่จะเป็นกลุ่มสร้างกระแสท่องเที่ยวขยายเป็นวงกว้างกว่าอีกหลายกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับสถิติรายได้ท่องเที่ยวในประเทศโดยรวมของทั้ง 5 ภูมิภาค ใต้ เหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก เข้าเป้าแต่การกระจายยังไปไม่ถึงทุกแห่ง ส่วนปี 2561 จะพยายามเร่งอัตราการเติบโตทางรายได้ของคนไทยเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มเฉลี่ย 8 % เป็นเป้าหมายรายภูมิภาคด้วยเช่นกัน ในภาคใต้จะเพิ่มความเข้มข้นหมวด อาหารและความถี่เที่ยวบิน ซึ่งตอนนี้มีสายการบินเพิ่มเที่ยวบินตรงข้ามภาคลงใต้ อาทิ นิวเจนแอร์ บิน นครราชสีมา สู่ ภูเก็ต แนวโน้มปีหน้าเมื่อระบบคมนาคมทางอากาศ ห้องพัก เติบโต ก็จะส่งผลถึงการท่องเที่ยวรวมดีตามไปด้วย
กลยุทธ์ต้องเน้นเพิ่มส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง อาทิ พัทลุง ตรัง นครศรีธรรมราช ระนอง ยะลา ปัตตานี นราธิวาส โดยเน้นเจาะกำลังซื้อตลาดศักยภาพ ผู้สูงวัย ประชุมสัมมนา ทาง ททท.ภาคใต้ นำเสนอ วิถีการกิน วิถีชีวิต และมุมใหม่ ๆ คือ การท่องเที่ยวเชิงทำประโยชน์ต่อสังคมหรือซีเอสอาร์ เชิญชวนคนเข้าไปเที่ยวและช่วยเหลือวัด บ้านเรือน หลังน้ำท่วม หน่วยงานหรือบริษัทใดสนใจจะไปทำกิจกรรมทาง ททท.ยินดีให้คำแนะนำอย่างเต็มที่
ปี 2561 การวางกลยุทธ์และกำหนดกลุ่มเป้าหมายจึงไม่ไกลเกินเอื้อมที่จะทำให้ภาคใต้เป็นแม่เหล็กดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ภูมิภาค 770,000 ล้านบาท การจะต้องทำเพิ่มจากปีนี้อีกราว 70,000 ล้านบาท สามารถมองเห็นโอกาสอยู่พอสมควร จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด
นอกจากตลาดคนไทยเที่ยวภาคใต้แล้ว ยังมี “ตลาดต่างประเทศ” หนาแน่นกว่าอีกหลายภาคแต่กระจุกตัวอยู่ในภูเก็ต สมุย หาดใหญ่ และบางส่วนของพังงากับกระบี่ จึงต้องหากลยุทธ์กระจายนักท่องเที่ยวไปยัง จังหวัดท่องเที่ยวรอง และเน้นเพิ่มวันพักระยะยาวจากนักท่องเที่ยวยุโรป เรื่อยไปจนถึงกลุ่มคุณภาพอย่าง ญี่ปุ่น มีช่องทางเติมเต็มได้ อีกส่วนหนึ่งคือนักท่องเที่ยวจีน ทางภูมิภาคเอเชียตะวันออกพยายามคัดสรรกลุ่มจีนที่เดินทางอิสระ (F.I.T) เพื่อให้การอยู่ร่วมกับยุโรปและคนไทยตอนนี้เริ่มปรับตัวเข้าหากันได้บ้างแล้ว โดยเฉพาะมารยาททางสังคม
สำหรับแผนงานการกระจายรายได้นักท่องเที่ยวพำนักระยะเวลานาน 15-30 วันต่อคนต่อทริป จึงต้องหาโมเดลซึ่งอยู่ระหว่างทดลองนำร่อง “ตะกั่วป่า โมเดล” ซึ่งมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นอยู่เขาหลัก พักนาน จะชวนไปเที่ยวตะกั่วป่า ครึ่งวัน หรือ 1 วัน โดย ททท.จะบริหารจัดการระบบรถรับส่งจากโรงแรมสู่แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ จะเริ่มโครงการช่วงมกราคม-พฤษภาคม 2561 เพื่อศึกษาการเพิ่มค่าใช้จ่ายและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นแต่ละชุมชนให้เต็มที่ หากโครงการนี้สำเร็จจะนำโมเดลไปขยายยังชุมชนอื่น ๆ ด้วย
ททท.ภูมิภาคภาคใต้ 14 จังหวัด จะเร่งเครื่อง “กระจายรายได้” ปีละ 770,000 ล้านบาท เข้าสู่ชุมชนรอบพื้นที่เมืองรอง ควบคู่กับการเพิ่มการใช้จ่ายเงินเรื่องอาหารการกิน วิถีถิ่น และการเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางระหว่างพื้นที่ เพื่อสนองนโยบายนำการท่องเที่ยวเข้าไปช่วยชุมชนสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจอย่างมั่งคั่งและยั่งยืนให้มากที่สุดต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ทุ่มสร้างATLASCLUBให้สมาชิกCROWN/VEGA”
นางสาววรมาศ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เปิดโซนบริการมอบสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกผู้ถือบัตรประเภท CROWN และ VEGA ที่ The Atlas Club 3 แห่ง ได้แก่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และคิง เพาเวอร์ รางน้ำ เพื่อให้เวลาของการเดินทางคือช่วงเวลาของการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่สิ้นสุด
โดยได้จัดพื้นที่บริการพิเศษพร้อมให้สมาชิกได้พักผ่อนในบรรยากาศแสนสบาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ตั้งแต่ตู้เก็บสัมภาระ ห้องอาบน้ำ บริการฟรี Wi Fi ในโซนการทำงานแบบส่วนตัวที่ช่วยเติมเต็มทุกนาทีสุดแสนพิเศษตลอดการเดินทาง
สมาชิกสามารถติดตามสิทธิประโยชน์และรายละเอียดการใช้บริการ The Atlas Club ได้ที่ facebook Kingpower official หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.ชวนเที่ยวตากไม่รู้โรยปี’61เด็ดทุกเส้นทาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก รายงานว่า ได้เปิดฤดูท่องเที่ยวหน้าหนาว “น้ำตกทีลอซู” ปัจจุบันได้ปรับปรุงเส้นทางรถยนต์เดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น และผู้ประกอบการนำเที่ยวได้จัดโปรแกรมให้ได้สัมผัสกับน้ำตกทีลอซูและสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามใกล้เคียงอีกมากมาย อาทิ มาจับสายรุ้งที่น้ำตกสายรุ้งที่น้ำตกทีลอจ่อ ชมทะเลหมอกที่ดอยหัวหมด ถ้ำตะโค๊ะบิ สวนเกษตรและวิถีชีวิตของชุมชนชนเผ่าต่างๆ
แล้วไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยว “ทะเลหมอกแม่เมย” สุดอลังการที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย สีสันของธรรมชาติในฤดูหนาว เรื่อยไปจนถึงการชมวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ที่อยู่ร่วมกันในเมืองชายแดนอย่างสงบสุขของชาวจังหวัดตาก ผ่านเรื่องราวของงานประเพณีท้องถิ่นที่มีเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่นและสามารถเที่ยวชมได้ตลอดปี
ปี 2561 ททท. จัดส่งเสริมการท่องเที่ยวไฮไลต์ ได้แก่
1.โครงการเที่ยวตากสุดฟิน เต็มอิ่มล้านแรงบันดาลใจ สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และมีแหล่ง/กิจกรรมการท่องเที่ยวใหม่ๆ แนะนำ เช่น โกดัง Art Wisdom Field ภาพวาดแนว Graffiti ชิมกาแฟหอมที่ไร่เตรยาวรรณ กาแฟโป่งคำราม Kasa cup ที่น้ำตกแม่กาษา Rocha Coffee
2.โครงการสัมผัสวิถีเกษตรบนดอย เสพธรรมชาติ ชาร์จพลัง@ตาก มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากมาย อาทิ บ่อน้ำร้อนห้วยน้ำนัก บ่อน้ำร้อนแม่กาษา แช่ออนเซนกลางทุ่งนาที่โป่งคำราม และร้อยเรื่องราวชุมชนชมท่องเที่ยว เช่น
วิถีชุมชนวัดไทยสามัคคี ชุมชุนผู้สูงอายุแม่กาษา ชุมชุนผู้สูงอายุป่ามะม่วง ชุมชนบ้านสันป่าไร่ ชุมชนบ้านหัวเดียด แวะชิมอาหารถิ่น “เมี่ยงจอมพล” เมนูรวบรวมสรรพคุณทางยาลงในสมุนไพรนานาชนิด เป็นเมนูสุขภาพเปรียบเสมือนยาอายุวัฒนะ
3.โครงการท้าปั่น ท้าเที่ยวตาก มีเส้นทางจักรยาน Bike Lane ที่ปลอดภัย และกิจกรรม งานจักรยานมิตรภาพไทย-เมียนมา ประจำปี 2561 และการแข่งขันจักรยานเขื่อนภูมิพลเสือภูเขานานาชาติ ประจำปี 2561
ขณะนี้ ททท. สำนักงานตาก ได้พัฒนา Application “ตากไม่รู้โรย” ซึ่งสามารถกดโทรออก เพื่อติดต่อจองห้องพัก ร้านอาหารและดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ทั่วจังหวัดตาก
สอบถามเพิ่มที่ ททท.) สำนักงานตาก โทร. 055-514-341-3 และดูเพิ่มที่ www.facebook.com/taktravel
ข่าวที่ 3 “บางจากรุกเปิดอินทนิลบีสโทรแห่งแรกในสนามบินดอนเมือง”
นายสุขเกษม จุฑาเจริญสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการค้าปลีก บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับนายอัศวิน อิงคะกุล ประธานกรรมการบริหาร มิราเคิล กรุ๊ป เปิด อินทนิล บีสโทร แห่งแรก ในท่าอากาศยานดอนเมือง (กรุงเทพฯ) ตั้งอยู่ในอาคาร 2 ชั้น 4 เพื่อให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้โดยสารและนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกสนามบิน ซึ่งคาดจะสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและต่างชาติ และพร้อมที่จะเป็นทางเลือกใหม่ไปพร้อม ๆ กัน
ขณะเดียวกันบางจากฯ ได้ทำโปรโมชั่นในร้านอินทนิลสาขาต่าง ๆ ทั่วประเทศ ระหว่างวันนี้ - 28 ก.พ. 61 กับเมนูกาแฟเติมความสดชื่นส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ “Inthanin Merry in Love” เปิดให้สมาชิกบางจากรับส่วนลดอย่างเต็มที่กับความอร่อยที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี และดื่มด่ำกับเมนูของหวานแสนอร่อยรสชาติหวาน หอม ชื่นใจ กับสตรอว์เบอร์รี่ ชีสเค้ก หรือจะเปรี้ยวถึงใจ ไปกับดูโอ้ โยเกิร์ต ที่มีวางจำหน่ายตามร้านอินทนิลคอฟฟี่ และ อินทนิลการ์เด้น ทุกสาขา
ช่วงที่ 2 มุ่งหน้าสู่ดินแดนเหนือสุดแห่งสยาม “จังหวัดเชียงราย” ตลอดเดือนธันวาคมปลายปีนี้ พบกับ 4 เทศกาลความสุข เมืองดอกไม้งาม สีสันดอยตุง เคาน์ดาวน์ และสวดมนต์ข้ามปีกลางธรรมชาติในไร่เชิญตะวัน ส่วนเรื่องสุขภาพห้ามพลาดเคล็ดลับการนวดด้วยตนเองบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ และข่าวสีสัน KLM ใช้ไม้เด็ดเสิร์ฟอาหารผู้โดยสารไม่อั้นช่วงชิงลูกค้าเดินทางชั้นธุรกิจ ส่วนสิงคโปร์แอร์ไลน์สล้ำหน้าเสมอผลิตหุ่นยนต์ประดิษฐ์ “KRIS บ็อตเบต้า” ให้บริการลูกค้าแทนคน ส่วนสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศยาหอมแอร์ไลน์ปีจอโกยกำไรอื้อซ่ารวมเกือบ 4 หมื่นล้านดอลล์ และนักเดินทางต้องรู้ทั่วโลกเริ่มมาตรการเข้มกับผู้โดยสารที่ใช้กระเป๋า Smart Luggage
@เที่ยวเหนือสุดเชียงรายไปกับ4 เทศกาลส่งท้ายปี”
นักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนสุดชีลช่วงปลายปีเดือนธันวาคม 2560 แนะนำให้ขึ้นเหนือสุดมุ่งสู่ “เชียงราย” มีความสวยงามทางธรรมชาติและวิถีถิ่นน่ารักไว้ต้อนรับ 4 เทศกาลส่งท้ายปี
เทศกาลแรก “เชียงรายดอกไม้งาม” ทางสำนักงานเทศบาลนครเชียงราย เนรมิตพื้นที่สวยตุงและโคมนครเชียงราย อ.เมือง นำเรื่องราวดี ๆ ของเมืองมาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2560 – 31 มกราคม 2561
ชวนกันไปชมกิจกรรม การจัดแสดงสวนไม้ดอกเมืองหนาวอาทิ ดอกทิวลิป ดอกลิลลี่ และอีกมากมาย ฟังดนตรีในสวนไปพร้อม ๆ กับการแสดงทางวัฒนธรรมแสนงดงาม
เทศกาลที่สอง “เทศกาลสีสันดอยตุง” มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง จัดเต็มทุกวันหยุดและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเดือนธันวาคม 2560 - มกราคม 2561ในโครงการพัฒนาดอยตุงฯ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
โดยมีกิจกรรม การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน อาหารท้องถิ่น การแสดงทางวัฒนธรรมชนเผ่า กิจกรรมเวิร์คช็อป งานมือ งาน DIY อาทิ การประดิษฐ์เครื่องใช้สอยจากกระดาษสา การทำตุง ไส้หมู การปั้นดิน การเพ้นท์แก้วเซรามิค ฯลฯ
เทศกาลที่สาม “เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” สำนักงานเทศบาลนครเชียงราย เคลียร์พื้นที่บริเวณณ หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ อ.เมือง สร้างสรรค์งานเคาน์ดาวน์ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ต่อเนื่องถึง 1 มกราคม 2561 ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปร่วมดื่มด่ำความสุขท่ามกลางแสงไฟระยับ ในบรรยากาศเย็นสบาย ๆ
ตลอดงานสามารถไปเดินดูถนนคนเดิน ชมการแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง กิจกรรมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่
เทศกาลที่สี่ “สวดมนต์ข้ามปีไร่เชิญตะวัน” เหมาะกับทัวร์สายบุญทั้งหลายที่ทาง ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน เปิด ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน อ.เมือง ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2560 – 1 มกราคม 2561 โดยท่านพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เทศนาธรรมนำสวดมนต์ข้ามปีรับพรและสิ่งดี ๆ ไปด้วยกัน
ภายในงานสามารถที่จะร่วมสนุกกับกิจกรรม workshop และสร้างสรรค์ผลงานศิลปะกับกลุ่มศิลปินเชียงราย และขัวศิลปะ รวมทั้งเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นที่แต่ละชุมชนพร้อมใจกันคัดสรรผลิตภัณฑ์พื้นบ้านมาจำหน่าย
หนาวนี้ที่เชียงราย มีไออุ่นแห่งความสุขพร้อมมอบให้ทุก ๆ คน ได้พักผ่อนแบบเก๋ไก๋ลึกซึ้งเข้าถึงชุมชน
@หัดนวดด้วยตัวเองช่วยคลายอาการปวดเมื่อยได้
ปกติแล้วคนเรามักจะมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายจากโรคออฟฟิศซินโดรม เช่น ปวดคอ ปวดหลัง ปวดข้อมือ ปวดแขน หรือปวดข้อเท้า และอาการปวดศีรษะจากความเครียด ซึ่งเราสามารถนวดด้วยตัวเองบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ดังนี้
จุดที่ 1 ใบหน้า
- จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว ใช้นิ้วที่ถนัดกดเบาๆ 3-5 ครั้ง แล้วคลายออกด้านข้าง
- จุดใต้หัวคิ้ว ใช้ปลายนิ้วที่ถนัดกดคลึงเบาๆ 3-5 ครั้ง
จุดที่ 2 ท้ายทอย
- จุดกึ่งกลางใต้ท้ายทอยตรงรอยบุ๋ม ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือกด 3-5 ครั้ง
- จุดสองจุดด้านข้างรอยบุ๋ม ให้ใช้วิธีการประสานมือบริเวณท้ายทอย แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดจุด พร้อมๆ กัน 3-5 ครั้ง
จุดที่ 3 บริเวณต้นคอ
- ประสานมือบริเวณท้ายทอย ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้าง กดตามแนวสองข้างของ กระดูกต้นคอ โดยกดไล่จากบริเวณตีนผมลงมาถึงบริเวณบ่า 3-5 ครั้ง
จุดที่ 4 บริเวณบ่า
- ใช้ปลายนิ้วมือขวาบีบไหล่ซ้าย ไล่จากบ่าเข้าหาต้นคอ ใช้ปลายนิ้วมือซ้ายบีบไหล่ขวา ไล่จากบ่าเข้าหาต้นคอ ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
- บ่าด้านหน้า ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดใต้กระดูกไหปลาร้า จุดต้นแขน และจุดเหนือรักแร้ ของบ่าซ้าย ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายกดจุดเดียวกันที่บ่าขวา ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
- บ่าด้านหลัง ใช้นิ้วที่ถนัดของมือขวาอ้อมไปกดจุดบนและจุดกลางของกระดูกสะบัก และจุดรักแร้ด้านหลังของบ่าซ้าย ใช้นิ้วที่ถนัดของมือซ้ายกดจุดเดียวกันที่บ่าขวา ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
นวดหลัง และสะโพก เราสามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยหลังและสะโพกด้วยตัวเองได้ดังนี้
1.นอนหงายและชันเข่า ข้างหนึ่งขึ้นมา วางตั้ง ขนานไปกับขาอีกข้าง ที่เหยียดตรง
2.ใช้มือข้างตรงข้ามจับเข่าที่ ตั้งขึ้น หายใจเข้า หายใจออก พร้อมกับดึง หัวเข่าให้พับลงมาฝั่งเดียว กับมือที่จับให้แตะถึงพื้น โดยไม่ยกไหล
3.หายใจเข้าออกปกติ 3-5 ครั้งแล้วผ่อนออก ทำสลับอีกข้าง
นวดแขน - ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดแนวแขนด้านหน้า จากเหนือกึ่งกลางข้อมือ (แนวนิ้วกลาง) ไปจนถึงร่องกล้ามเนื้อสามเหลี่ยม
นวดน่อง และข้อเท้า
1.เหยียดขาข้างหนึ่งออกและวางขาอีกข้าง วางไว้ระดับเข่า
2.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกันเป็นแนวนอน กดจุดแนวชิดกระดูกหน้าแข้งด้านใน โดยวางนิ้วขนานกับแนวกระดูก
ข้อควร ระมัดระวัง
แม้วิธีการนวดที่กล่าวมาจะเป็นวิธีนวดด้วยตัวเองง่ายๆ แต่ก็มีข้อควรระวังไว้ รวมไปถึงการเข้าร้านนวดแผนไทยต่างๆ เพราะการนวดแม้จะมีประโยชน์แต่ถ้านวดผิด วิธีหรือนวดในขณะที่สภาพร่างกายไม่เหมาะก็จะก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ เช่น
1. หลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ (ควรทิ้งระยะเวลา 30 นาทีเป็นอย่างน้อย)
2. ร่างกายมีอาการอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีแผลฟกช้ำมากเกินไป
3. มีไข้ขึ้นสูงเกินกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือมีความดันโลหิตสูงเกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท 4. ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคทางสมอง ฯลฯ
5. ผู้มีข้อต่อหลวม หรือกระดูกพรุน ต้องระมัดระวังในการนวด
6. ไม่ควรนวดบริเวณที่ได้รับการผ่าตัดใหม่ๆ ควรเว้นระยะเวลาประมาณ 1 ปี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “KLMงัดไม้เด็ดเสิร์ฟไม่อั้นชิงเค้กบินชั้นธุรกิจ”
วาสิณี กุลวัฒน์ ผู้จัดการสายการบิน เคแอลเอ็ม รอยัลดัตช์ แอร์ไลน์ หรือ KLM ประจำประเทศไทย กล่าวว่า KLM ได้เปิดให้บริการเซอร์วิส “Anytime For you” ในชั้นผู้โดยสารชั้นธุรกิจที่เดินทางทุกเส้นทางไป-กลับ จากกรุงเทพฯ สู่อัมสเตอร์ดัม และจุดหมายปลายทางทั่วโลก ซึ่งเป็นเส้นทางที่ 2 หลังจากการบริการนี้ได้เปิดให้กลุ่มลูกค้าสัมผัสแล้วในเส้นทางโจฮันเนสเบิร์ก ผู้โดยสารจะสามารถเลือกสั่งอาหารเมนูใดก็ได้เวลาใดก็ได้ตลอดทั้งการเดินทาง
โดยจะเสิร์ฟอาหารมื้อหลักปกติ มีเมนูให้เลือกถึง 8 เมนู ทั้งอาหารจานร้อน Cold dish อาหารคาวหวาน เมนูเพื่อสุขภาพ สามารถสั่งเมนูเสริมนี้ได้ตลอดอย่างไม่มีจำกัด อาหารเมนูต่างๆเหล่านี้ถูกจัดเตรียมและเสริฟในรูปแบบร้านอาหารซึ่งเหมาะสม
โครงการนี้เพื่อให้ผู้โดยสารมีความประทับใจ สะดวกสบายและตอบโจทย์การเดินทางโดยให้ทางเลือกมากขึ้นในการบริการ โดยพนักงานให้บริการได้รับการอบรมในการให้บริการพิเศษนี้เป็นอย่างดี ทั้งทางด้านข้อมูลเกี่ยวกับอาหาร และการบริการที่เป็นเลิศ ที่พร้อมจะให้บริการลูกค้าอย่างน่าประทับใจ
ข่าวที่สอง “สิงคโปร์แอร์ล้ำยุคนำบ็อตเบต้าบริการแทนคนแล้ว”
สิงคโปร์แอร์ไลน์ส (SIA) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ ได้เปิดตัว Beta Chatbot บน Facebook เป็นบ็อตเบต้าที่ใช้ชื่อ 'Kris' จะเริ่มใช้งานได้ในหน้า Facebook ทั่วโลกของสิงคโปร์แอร์ไลน์ส พร้อมทั้งมีให้บริการในเว็บไซต์ด้วย โดยเปิดให้ลูกค้าเข้าเยี่ยมชมผ่านทางหน้า SIA Facebook และติดต่อกับสายการบินผ่านทาง Facebook Messenger เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถสนทนากับ Kris เพื่อรับบริการความช่วยเหลือสอบถามก่อนบินได้
ในฐานะที่เป็นบอตเบต้ากริชจะอยู่ในโหมดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและความสามารถของมันจะพัฒนาขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ปัจจุบันบอทเบต้าได้รับการฝึกฝนเพื่อตอบข้อสงสัยในภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัมภาระการเช็คอินการจองทางออนไลน์ตลอดจนการเดินทางไปพร้อมกับทารกและเด็กได้ด้วย
ผู้โดยสารสามารถใช้คำถามรูปแบบต่างๆแล้วจะได้รับการตอบสนองจาก Kris ปรับแต่งข้อมูลโดยใช้รอบการทำซ้ำจากปัญญาประดิษฐ์ ตามจุดประสงค์เพื่อฝึกให้บอทเบต้าตอบกลับการสนทนาซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
Mr Marvin Tan Senior รองประธานอาวุโสฝ่ายบริการลูกค้าและปฏิบัติการ สิงคโปร์แอร์ไลน์ส กล่าวว่า ทางสายการบินมุ่งมั่นที่จะเสนอทางเลือกแก่ลูกค้าให้ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยวิธีที่พวกเขามีส่วนร่วมกับเราในทุกช่วงเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน กริชจะอยู่ภายใต้การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สายการบินได้พัฒนาห้องสมุดความรู้ขึ้นตามสิ่งที่ลูกค้าสอบถามเข้ามาบ่อยๆ และหากความต้องการของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลง ก็จะนำข้อเสนอแนะไปพิจารณาด้วยการขยายแพลตฟอร์มการให้บริการเพิ่มเติม นอกเหนือจากใช้ศูนย์กลางการติดต่อผ่านช่องทางอีเมลแบบเดิม
ข่าวที่สาม “IATAชี้เป้าปี’61แอร์ไลน์แห่ทำกำไรอื้อ3.84หมื่นล้านดอลล์”
สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Aviation Transport Association :IATA) พยากรณ์ว่า สถานการณ์แนวโน้มในปี 2561 อุตสาหกรรมการบินโลกจะกำไรสุทธิของเพิ่มขึ้นเป็น 38,400 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็มีปัจจัยหลัก ๆ ที่น่าสนใจจะต้องติดตามวิเคราะห์อย่างใกล้ชิดอยู่ตลอด คือ
1.กำไรจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อย 8.1% ลดลงจาก 8.3% ในปี 2560
2.กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.7% จาก 4.6% ในปี 2560
3.รายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 824 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือบวกเพิ่ม 9.4% จากปี 2560 ทำรายได้ไว้ที่ 754 พันล้านเหรียญสหรัฐ
4. จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3 พันล้านคน บวกเพิ่ม 6.0% จากปี 2560 มีเพียง 4.1 พันล้านคน
5.ขนส่งสินค้าจะมีปริมาณมากถึง 62,500,000 ตัน บวกเพิ่ม 4.5% จากปี 2560 ทำสถิติไว้ 59,900,000 ตัน
6.การเติบโตของผู้โดยสารและสินค้าจะเป็นไปแบบถดถอยลง ผู้โดยสารปี 2561 บวกเพิ่มเพียง 6.0% จากปี 2560 เพิ่ม 7.5% การขนส่งสินค้าปี 2561 บวกเพิ่มเพียง 4.5% ต่างจากปี 2560 เพิ่มสูงถึง 9.3%
7. กำไรสุทธิเฉลี่ยต่อผู้โดยสารขาออกจะทำได้ 8.90 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ทำได้เพียง 8.45 เหรียญสหรัฐ
Alexandre de Juniac ซีอีโอสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ยืนยันว่า ปี 2561 จะเป็นช่วงโอกาสที่ดีของอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศทั่วโลก สะท้อนได้ผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยตามยุทธศาสตร์ชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมแก่สายการบินมากขึ้นกว่าความต้องการเดินทางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนการขนส่งสินค้าทางอากาศอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งยังเป็นทศวรรษแห่งการจ้างงานเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากถูกมีการเปิดสายการบินใหม่ที่ประสบความสำเร็จพร้อมก้าวเข้าสู่การทำกำไรอย่างมั่นคง
แต่ก็ยังคงเป็นธุรกิจที่ยากลำบากและเรากำลังถูกท้าทายด้านค่าใช้จ่ายโดยการเพิ่มขึ้นค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงแรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งอุตสาหกรรมยังเผชิญความท้าทายในระยะยาวหลายคนอยู่ในมือของรัฐบาลการบินเป็นธุรกิจเสรีภาพและเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาเพื่อดำเนินการต่อเพื่อให้เต็มศักยภาพของรัฐบาลต้องเพิ่มเกมของพวกเขา - การดำเนินการตามมาตรฐานระดับโลกด้านความปลอดภัยการค้นหาระดับภาษีที่สมเหตุสมผลการควบคุมกฎระเบียบอย่างชาญฉลาดและการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นประโยชน์ของการบินเป็นสิ่งที่น่าสนใจ 2.7 ล้านงานโดยตรงและการสนับสนุนที่สำคัญสำหรับ 3.5% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก และอุตสาหกรรมนี้พร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อเสริมสร้างรากฐานในการเชื่อมต่อโลกที่มีความสำคัญต่อชีวิตสมัยใหม่ "นายจูนิอาร์กล่าวเสริม
ข่าวที่สี่ “สายการบินตรวจเข้มผู้โดยสารที่ใช้ Smart luggage”
รายงานจากวงการการบิน ระบุว่าตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไปสายการบินต่าง ๆ จะหันมาเพิ่มความเข้มงวดกับผู้โดยสารที่นำ Smart luggage หรือกระเป๋าเดินทางล้อลากอัจริยะมาใช้เดินทางขึ้นเครื่องบิน ขณะนี้สายการบินในสหรัฐ อย่างน้อย 3 สายการบิน คือ อเมริกัน แอร์ไลน์ เดลต้า และสอลาสก้า ประกาศเพิ่มความเข้มงวดตั้งแต่ 15มกราคม 2561 เป็นต้นไป กับผู้โดยสารที่เดินทางด้วยกระเป๋าอัจฉริยะจะต้องแยกแบตเตอรี่ออกจากกระเป๋า โดยเฉพาะกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง หากไม่สามารถแยกได้ก็ไม่สามารถเช็กอินขึ้นเครื่องได้ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่บรรดาสายการบินไม่อนุญาตให้นำสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแล็กซี่ โน็ต 7 ขึ้นเครื่อง
เนื่องจาก Smart luggage เป็นกระเป๋าสัมภาระที่ได้รับการรูปแบบแนวใหม่เพื่อใช้เดินทางด้วยการทำงานของแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน ในการจ่ายพลังงานซึ่งสร้างความร้อนสูงเกินไปและเป็นตัวจุดประกายไฟ ด้วยประสิทธิภาพการทำงานซึ่งมีทั้งระบบ ล็อกอัตโนมัติ ติดอุปกรณ์จีพีเอสเพื่อติดตาม เซ็นเซอร์น้ำหนักกระเป๋าว่าน้ำหนักเกินหรือไม่ ควบคุมหรือติดตามผ่านสมาร์ทโฟน แบตสำรองให้ชาร์จมือถือได้ ถึงขั้นเป็นพาหนะให้เจ้าของนั่งขี่ได้ในสนามบินได้โดยไม่ต้องเดินเหมือนที่ผ่านมา
ททท.จัดหนักแคมเปญชุมชน/เมืองรอง-เปิดตะกั่วป่าโมเดล
คิงเพาเวอร์ผุดATLASCLUBบริการลูกค้าCROWN/VEGA
ชวนเที่ยวตากไม่รู้โรยปี’61เด็ดทุกเส้นทางวิถีเมืองสุขใจ
บางจากรุกเปิดร้าน“อินทนิลบีสโทร”แห่งแรกในดอนเมือง
เที่ยวเหนือสุดที่เชียงราย4เทศกาลแสนงดงามส่งท้ายปี
KLMงัดกลยุทธ์เสิร์ฟไม่อั้นชิงเค้กผู้โดยสารนั่งชั้นธุรกิจ
สิงคโปร์แอร์ล้ำยุคใช้KRISบ็อตเบต้าบริการลูกค้าแทนคน
IATAชี้เป้าแอร์ไลน์บินปี’61ฟันกำไรอื้อ3.84หมื่นล้านUS
สายการบินเพิ่มมาตรเข้มผู้โดยสารใช้Smart Luggage
สวัสดีวันเสาร์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
ช่วงที่ 1 ติดตามฟัง “กฤษฎา รัตนพฤกษ์” ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดภารกิจท้าทายในการนำการท่องเที่ยวภาคใต้ 14 จังหวัด ทำหน้าที่ภูมิภาคผู้นำรายได้เข้าประเทศมากเป็นอันดับหนึ่งด้วยเป้าสูงลิ่วต้องทำให้ได้ปีละ 770,000 ล้านบาท ประการสำคัญต้องนำเงินกระจายตรงสู่ชุมชนและเมืองรองให้ได้มากที่สุด และแผนฟื้นฟูกำลังซื้อหลังน้ำท่วม กับ “ตะกั่วทุ่งโมเดล” จะไขปริศนาพาภาคใต้ถึงฝั่งฝันให้ได้ในเร็ววันนี้
 |
| นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย |
นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในฐานะที่ภาคใต้ทำรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากที่สุดของประเทศเข้าสู่พื้นที่ 14 จังหวัด ในปี 2560 ประมาณ 700,000 ล้านบาท และปี 2561 ต้องขยับขึ้นเป็น 770,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8 % จึงมีความท้าทายอย่างมากในการวางกลยุทธ์หารายได้มาเติมเต็มมากขึ้นอีกราว 70,000 ล้านบาท
ประการแรกในช่วงปลายปีนี้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้หลายจังหวัด ใน นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ตรัง ชุมพร ภาคใต้ตอนบนได้รับผลกระทบต่อเนื่อง ขณะนี้ฝนหยุดแล้วแม้จะมีน้ำท่วมขังอยู่บ้างแต่ไม่ได้อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว ททท.ตื่นตัวฟื้นฟูการตลาดอย่างรวดเร็ว โดยนครศรีธรรมราช เตรียมกิจกรรมดี๊ดีและขายวันธรรมดาน่าเที่ยวปลุกกระแสการเดินทางกลุ่มสตรี ทำโปรโมชั่นพิเศษต่าง ๆ สอบถามได้ตามสำนักงาน ททท.แต่ละแห่ง เช่นเดียวกับพัทลุง จะจัดล่องเรือเที่ยวทะเลน้อยซึ่งมีที่พักเก๋ไก๋สวยงาม ขณะที่สายการบินให้ตั๋วบินราคาพิเศษหากเลือกไปพักที่ตรัง 2 คืนขึ้นไป ททท. มอบห้องฟรี อีก 1 คืน และบัตรของขวัญรับประทานอาหารมูลค่า 100 บาท ส่วนจังหวัดชุมพร จัดท่องเที่ยว 2 เมือง 2 มหาสมุทร และโปรแกรม คอฟฟี่ ศรีชุมพร ในฐานะเมืองที่มีชื่อเสียงด้านแหล่งปลูกกาแฟโรบาสต้า ต้องการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้เห็นขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ปลูก คั่ว ดื่มกาแฟ
สำหรับ ททท.ส่วนกลางได้ร่วมกับ 2 สายการบิน คือ แอร์เอเชีย และไลออนแอร์ กระจายนักท่องเที่ยวลงไปยังหลายพื้นที่ให้มากที่สุด ทำโปรโมชั่นพิเศษ นครศรีธรรมราช ตรัง ชุมพร และจังหวัดอื่น ๆ จะได้ราคาพิเศษด้วยเช่นกัน เริ่มที่ 590 บาท/เที่ยว จะเริ่มมกราคม 2561 เป็นต้นไป และลดขั้นต่ำกว่า 20 % พร้อมเสิร์ฟอาหารพิเศษแทนการขาย และการจัดกิจกรรมที่มีความหลากหลาย จากผลการร่วมมือกันทำโปรโมชั่นแรง ๆ ขนาดนี้ภายใน 1 เดือน จะสามารถฟื้นฟูกำลังซื้อกลับเข้าสู่ภาคใต้
นอกจากนี้ระหว่างวันที่ 14-17 ธันวาคม 2560 ททท.ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเอกชนท่องเที่ยว นำ 12 เมืองต้องห้ามพลาด 5 ภูมิภาค นำอาหารถิ่น แพกเกจท่องเที่ยว ห้องพัก ตั๋วโดยสารเครื่องบิน ผลิตภัณฑ์ชุมชน ประชารัฐ มาจำหน่าย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ช่วงปลายปีนี้ทางจังหวัดฝั่งอันดามัน ททท.เตรียมจัดเคาน์ดาวน์ในย่านเมืองเก่า ถนนถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งทุกฝ่ายได้ร่วมกันดูแลรักษาความสวยงามทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม โดยจัดทำเป็น Light up ด้วยแสงไฟระยิบระยับ และจัดทำ “ภูเก็ต คาร์นิวัล” กลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ระหว่างพิธีเปิดเคาน์ดาวน์ นับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่เรียก Floor Drop จากยอดตึกสูงทั่วเมืองลงมาสู่พื้น จะงดงามมาก
ภาคใต้เตรียมทำกิจกรรมไฮไลต์ต่อเนื่องช่วงเทศกาลเที่ยวเมืองไทย เดือนมกราคม 2561 ที่สวนลุมพินี โดยจะเน้นการสินค้าชุมชนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา อย่าง หญ้าลิเภา กระจูด เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบเป็นเครื่องใช้แฟชั่นมากมาย และ “อาหารถิ่น”เมื่อไปถึงแล้วต้องหารับประทานจะนำจากทั้ง 14 จังหวัดมานำเสนอตลอดงาน โดยมีเมนูต้องชิมห้ามพลาดในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย
ส่วนการแสดง ปี 2561 จะคัดสรรมาจากท้องถิ่นโดยตรง ของ 3 จังหวัดชายใต้ และจังหวัดอื่น ๆ อาทิ แห่นางดาน นครศรีธรรมราช ขบวนแต่งกายบ๊ะบ๋า-ยาหยา รวมทั้งประเพณีวัฒนธรรมพื้นถิ่น ซึ่งมีวิถีชีวิตของชาวใต้ที่แตกต่างจากเหนือและอีสาน รวมทั้งจะกระตุ้นการท้าเที่ยวข้ามภาค เพื่อให้คนไทยออกมาเดินทางมากขึ้น เพราะเฉลี่ย 1.96 วันต่อคน จึงต้องหาสินค้ามาสร้างแรงจูงใจให้มากยิ่งขึ้น พุ่งเป้าไปยัง “กลุ่มเจนวาย” มีความถี่เดินทางมากกว่าแม้จะจ่ายเงินน้อยแต่จะเป็นกลุ่มสร้างกระแสท่องเที่ยวขยายเป็นวงกว้างกว่าอีกหลายกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับสถิติรายได้ท่องเที่ยวในประเทศโดยรวมของทั้ง 5 ภูมิภาค ใต้ เหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก เข้าเป้าแต่การกระจายยังไปไม่ถึงทุกแห่ง ส่วนปี 2561 จะพยายามเร่งอัตราการเติบโตทางรายได้ของคนไทยเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มเฉลี่ย 8 % เป็นเป้าหมายรายภูมิภาคด้วยเช่นกัน ในภาคใต้จะเพิ่มความเข้มข้นหมวด อาหารและความถี่เที่ยวบิน ซึ่งตอนนี้มีสายการบินเพิ่มเที่ยวบินตรงข้ามภาคลงใต้ อาทิ นิวเจนแอร์ บิน นครราชสีมา สู่ ภูเก็ต แนวโน้มปีหน้าเมื่อระบบคมนาคมทางอากาศ ห้องพัก เติบโต ก็จะส่งผลถึงการท่องเที่ยวรวมดีตามไปด้วย
กลยุทธ์ต้องเน้นเพิ่มส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง อาทิ พัทลุง ตรัง นครศรีธรรมราช ระนอง ยะลา ปัตตานี นราธิวาส โดยเน้นเจาะกำลังซื้อตลาดศักยภาพ ผู้สูงวัย ประชุมสัมมนา ทาง ททท.ภาคใต้ นำเสนอ วิถีการกิน วิถีชีวิต และมุมใหม่ ๆ คือ การท่องเที่ยวเชิงทำประโยชน์ต่อสังคมหรือซีเอสอาร์ เชิญชวนคนเข้าไปเที่ยวและช่วยเหลือวัด บ้านเรือน หลังน้ำท่วม หน่วยงานหรือบริษัทใดสนใจจะไปทำกิจกรรมทาง ททท.ยินดีให้คำแนะนำอย่างเต็มที่
ปี 2561 การวางกลยุทธ์และกำหนดกลุ่มเป้าหมายจึงไม่ไกลเกินเอื้อมที่จะทำให้ภาคใต้เป็นแม่เหล็กดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ภูมิภาค 770,000 ล้านบาท การจะต้องทำเพิ่มจากปีนี้อีกราว 70,000 ล้านบาท สามารถมองเห็นโอกาสอยู่พอสมควร จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด
นอกจากตลาดคนไทยเที่ยวภาคใต้แล้ว ยังมี “ตลาดต่างประเทศ” หนาแน่นกว่าอีกหลายภาคแต่กระจุกตัวอยู่ในภูเก็ต สมุย หาดใหญ่ และบางส่วนของพังงากับกระบี่ จึงต้องหากลยุทธ์กระจายนักท่องเที่ยวไปยัง จังหวัดท่องเที่ยวรอง และเน้นเพิ่มวันพักระยะยาวจากนักท่องเที่ยวยุโรป เรื่อยไปจนถึงกลุ่มคุณภาพอย่าง ญี่ปุ่น มีช่องทางเติมเต็มได้ อีกส่วนหนึ่งคือนักท่องเที่ยวจีน ทางภูมิภาคเอเชียตะวันออกพยายามคัดสรรกลุ่มจีนที่เดินทางอิสระ (F.I.T) เพื่อให้การอยู่ร่วมกับยุโรปและคนไทยตอนนี้เริ่มปรับตัวเข้าหากันได้บ้างแล้ว โดยเฉพาะมารยาททางสังคม
สำหรับแผนงานการกระจายรายได้นักท่องเที่ยวพำนักระยะเวลานาน 15-30 วันต่อคนต่อทริป จึงต้องหาโมเดลซึ่งอยู่ระหว่างทดลองนำร่อง “ตะกั่วป่า โมเดล” ซึ่งมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นอยู่เขาหลัก พักนาน จะชวนไปเที่ยวตะกั่วป่า ครึ่งวัน หรือ 1 วัน โดย ททท.จะบริหารจัดการระบบรถรับส่งจากโรงแรมสู่แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ จะเริ่มโครงการช่วงมกราคม-พฤษภาคม 2561 เพื่อศึกษาการเพิ่มค่าใช้จ่ายและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นแต่ละชุมชนให้เต็มที่ หากโครงการนี้สำเร็จจะนำโมเดลไปขยายยังชุมชนอื่น ๆ ด้วย
ททท.ภูมิภาคภาคใต้ 14 จังหวัด จะเร่งเครื่อง “กระจายรายได้” ปีละ 770,000 ล้านบาท เข้าสู่ชุมชนรอบพื้นที่เมืองรอง ควบคู่กับการเพิ่มการใช้จ่ายเงินเรื่องอาหารการกิน วิถีถิ่น และการเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางระหว่างพื้นที่ เพื่อสนองนโยบายนำการท่องเที่ยวเข้าไปช่วยชุมชนสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจอย่างมั่งคั่งและยั่งยืนให้มากที่สุดต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ทุ่มสร้างATLASCLUBให้สมาชิกCROWN/VEGA”
นางสาววรมาศ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เปิดโซนบริการมอบสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกผู้ถือบัตรประเภท CROWN และ VEGA ที่ The Atlas Club 3 แห่ง ได้แก่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และคิง เพาเวอร์ รางน้ำ เพื่อให้เวลาของการเดินทางคือช่วงเวลาของการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่สิ้นสุด
โดยได้จัดพื้นที่บริการพิเศษพร้อมให้สมาชิกได้พักผ่อนในบรรยากาศแสนสบาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ตั้งแต่ตู้เก็บสัมภาระ ห้องอาบน้ำ บริการฟรี Wi Fi ในโซนการทำงานแบบส่วนตัวที่ช่วยเติมเต็มทุกนาทีสุดแสนพิเศษตลอดการเดินทาง
สมาชิกสามารถติดตามสิทธิประโยชน์และรายละเอียดการใช้บริการ The Atlas Club ได้ที่ facebook Kingpower official หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.ชวนเที่ยวตากไม่รู้โรยปี’61เด็ดทุกเส้นทาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก รายงานว่า ได้เปิดฤดูท่องเที่ยวหน้าหนาว “น้ำตกทีลอซู” ปัจจุบันได้ปรับปรุงเส้นทางรถยนต์เดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น และผู้ประกอบการนำเที่ยวได้จัดโปรแกรมให้ได้สัมผัสกับน้ำตกทีลอซูและสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามใกล้เคียงอีกมากมาย อาทิ มาจับสายรุ้งที่น้ำตกสายรุ้งที่น้ำตกทีลอจ่อ ชมทะเลหมอกที่ดอยหัวหมด ถ้ำตะโค๊ะบิ สวนเกษตรและวิถีชีวิตของชุมชนชนเผ่าต่างๆ
แล้วไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยว “ทะเลหมอกแม่เมย” สุดอลังการที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย สีสันของธรรมชาติในฤดูหนาว เรื่อยไปจนถึงการชมวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ที่อยู่ร่วมกันในเมืองชายแดนอย่างสงบสุขของชาวจังหวัดตาก ผ่านเรื่องราวของงานประเพณีท้องถิ่นที่มีเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่นและสามารถเที่ยวชมได้ตลอดปี
ปี 2561 ททท. จัดส่งเสริมการท่องเที่ยวไฮไลต์ ได้แก่
1.โครงการเที่ยวตากสุดฟิน เต็มอิ่มล้านแรงบันดาลใจ สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และมีแหล่ง/กิจกรรมการท่องเที่ยวใหม่ๆ แนะนำ เช่น โกดัง Art Wisdom Field ภาพวาดแนว Graffiti ชิมกาแฟหอมที่ไร่เตรยาวรรณ กาแฟโป่งคำราม Kasa cup ที่น้ำตกแม่กาษา Rocha Coffee
2.โครงการสัมผัสวิถีเกษตรบนดอย เสพธรรมชาติ ชาร์จพลัง@ตาก มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากมาย อาทิ บ่อน้ำร้อนห้วยน้ำนัก บ่อน้ำร้อนแม่กาษา แช่ออนเซนกลางทุ่งนาที่โป่งคำราม และร้อยเรื่องราวชุมชนชมท่องเที่ยว เช่น
วิถีชุมชนวัดไทยสามัคคี ชุมชุนผู้สูงอายุแม่กาษา ชุมชุนผู้สูงอายุป่ามะม่วง ชุมชนบ้านสันป่าไร่ ชุมชนบ้านหัวเดียด แวะชิมอาหารถิ่น “เมี่ยงจอมพล” เมนูรวบรวมสรรพคุณทางยาลงในสมุนไพรนานาชนิด เป็นเมนูสุขภาพเปรียบเสมือนยาอายุวัฒนะ
3.โครงการท้าปั่น ท้าเที่ยวตาก มีเส้นทางจักรยาน Bike Lane ที่ปลอดภัย และกิจกรรม งานจักรยานมิตรภาพไทย-เมียนมา ประจำปี 2561 และการแข่งขันจักรยานเขื่อนภูมิพลเสือภูเขานานาชาติ ประจำปี 2561
ขณะนี้ ททท. สำนักงานตาก ได้พัฒนา Application “ตากไม่รู้โรย” ซึ่งสามารถกดโทรออก เพื่อติดต่อจองห้องพัก ร้านอาหารและดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ทั่วจังหวัดตาก
สอบถามเพิ่มที่ ททท.) สำนักงานตาก โทร. 055-514-341-3 และดูเพิ่มที่ www.facebook.com/taktravel
ข่าวที่ 3 “บางจากรุกเปิดอินทนิลบีสโทรแห่งแรกในสนามบินดอนเมือง”
นายสุขเกษม จุฑาเจริญสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการค้าปลีก บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับนายอัศวิน อิงคะกุล ประธานกรรมการบริหาร มิราเคิล กรุ๊ป เปิด อินทนิล บีสโทร แห่งแรก ในท่าอากาศยานดอนเมือง (กรุงเทพฯ) ตั้งอยู่ในอาคาร 2 ชั้น 4 เพื่อให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้โดยสารและนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกสนามบิน ซึ่งคาดจะสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและต่างชาติ และพร้อมที่จะเป็นทางเลือกใหม่ไปพร้อม ๆ กัน
ขณะเดียวกันบางจากฯ ได้ทำโปรโมชั่นในร้านอินทนิลสาขาต่าง ๆ ทั่วประเทศ ระหว่างวันนี้ - 28 ก.พ. 61 กับเมนูกาแฟเติมความสดชื่นส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ “Inthanin Merry in Love” เปิดให้สมาชิกบางจากรับส่วนลดอย่างเต็มที่กับความอร่อยที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี และดื่มด่ำกับเมนูของหวานแสนอร่อยรสชาติหวาน หอม ชื่นใจ กับสตรอว์เบอร์รี่ ชีสเค้ก หรือจะเปรี้ยวถึงใจ ไปกับดูโอ้ โยเกิร์ต ที่มีวางจำหน่ายตามร้านอินทนิลคอฟฟี่ และ อินทนิลการ์เด้น ทุกสาขา
ช่วงที่ 2 มุ่งหน้าสู่ดินแดนเหนือสุดแห่งสยาม “จังหวัดเชียงราย” ตลอดเดือนธันวาคมปลายปีนี้ พบกับ 4 เทศกาลความสุข เมืองดอกไม้งาม สีสันดอยตุง เคาน์ดาวน์ และสวดมนต์ข้ามปีกลางธรรมชาติในไร่เชิญตะวัน ส่วนเรื่องสุขภาพห้ามพลาดเคล็ดลับการนวดด้วยตนเองบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ และข่าวสีสัน KLM ใช้ไม้เด็ดเสิร์ฟอาหารผู้โดยสารไม่อั้นช่วงชิงลูกค้าเดินทางชั้นธุรกิจ ส่วนสิงคโปร์แอร์ไลน์สล้ำหน้าเสมอผลิตหุ่นยนต์ประดิษฐ์ “KRIS บ็อตเบต้า” ให้บริการลูกค้าแทนคน ส่วนสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศยาหอมแอร์ไลน์ปีจอโกยกำไรอื้อซ่ารวมเกือบ 4 หมื่นล้านดอลล์ และนักเดินทางต้องรู้ทั่วโลกเริ่มมาตรการเข้มกับผู้โดยสารที่ใช้กระเป๋า Smart Luggage
@เที่ยวเหนือสุดเชียงรายไปกับ4 เทศกาลส่งท้ายปี”
นักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนสุดชีลช่วงปลายปีเดือนธันวาคม 2560 แนะนำให้ขึ้นเหนือสุดมุ่งสู่ “เชียงราย” มีความสวยงามทางธรรมชาติและวิถีถิ่นน่ารักไว้ต้อนรับ 4 เทศกาลส่งท้ายปี
เทศกาลแรก “เชียงรายดอกไม้งาม” ทางสำนักงานเทศบาลนครเชียงราย เนรมิตพื้นที่สวยตุงและโคมนครเชียงราย อ.เมือง นำเรื่องราวดี ๆ ของเมืองมาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2560 – 31 มกราคม 2561
ชวนกันไปชมกิจกรรม การจัดแสดงสวนไม้ดอกเมืองหนาวอาทิ ดอกทิวลิป ดอกลิลลี่ และอีกมากมาย ฟังดนตรีในสวนไปพร้อม ๆ กับการแสดงทางวัฒนธรรมแสนงดงาม
เทศกาลที่สอง “เทศกาลสีสันดอยตุง” มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง จัดเต็มทุกวันหยุดและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเดือนธันวาคม 2560 - มกราคม 2561ในโครงการพัฒนาดอยตุงฯ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
โดยมีกิจกรรม การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน อาหารท้องถิ่น การแสดงทางวัฒนธรรมชนเผ่า กิจกรรมเวิร์คช็อป งานมือ งาน DIY อาทิ การประดิษฐ์เครื่องใช้สอยจากกระดาษสา การทำตุง ไส้หมู การปั้นดิน การเพ้นท์แก้วเซรามิค ฯลฯ
เทศกาลที่สาม “เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” สำนักงานเทศบาลนครเชียงราย เคลียร์พื้นที่บริเวณณ หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ อ.เมือง สร้างสรรค์งานเคาน์ดาวน์ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ต่อเนื่องถึง 1 มกราคม 2561 ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปร่วมดื่มด่ำความสุขท่ามกลางแสงไฟระยับ ในบรรยากาศเย็นสบาย ๆ
ตลอดงานสามารถไปเดินดูถนนคนเดิน ชมการแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง กิจกรรมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่
เทศกาลที่สี่ “สวดมนต์ข้ามปีไร่เชิญตะวัน” เหมาะกับทัวร์สายบุญทั้งหลายที่ทาง ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน เปิด ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน อ.เมือง ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2560 – 1 มกราคม 2561 โดยท่านพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เทศนาธรรมนำสวดมนต์ข้ามปีรับพรและสิ่งดี ๆ ไปด้วยกัน
ภายในงานสามารถที่จะร่วมสนุกกับกิจกรรม workshop และสร้างสรรค์ผลงานศิลปะกับกลุ่มศิลปินเชียงราย และขัวศิลปะ รวมทั้งเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นที่แต่ละชุมชนพร้อมใจกันคัดสรรผลิตภัณฑ์พื้นบ้านมาจำหน่าย
หนาวนี้ที่เชียงราย มีไออุ่นแห่งความสุขพร้อมมอบให้ทุก ๆ คน ได้พักผ่อนแบบเก๋ไก๋ลึกซึ้งเข้าถึงชุมชน
@หัดนวดด้วยตัวเองช่วยคลายอาการปวดเมื่อยได้
ปกติแล้วคนเรามักจะมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายจากโรคออฟฟิศซินโดรม เช่น ปวดคอ ปวดหลัง ปวดข้อมือ ปวดแขน หรือปวดข้อเท้า และอาการปวดศีรษะจากความเครียด ซึ่งเราสามารถนวดด้วยตัวเองบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ดังนี้
จุดที่ 1 ใบหน้า
- จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว ใช้นิ้วที่ถนัดกดเบาๆ 3-5 ครั้ง แล้วคลายออกด้านข้าง
- จุดใต้หัวคิ้ว ใช้ปลายนิ้วที่ถนัดกดคลึงเบาๆ 3-5 ครั้ง
จุดที่ 2 ท้ายทอย
- จุดกึ่งกลางใต้ท้ายทอยตรงรอยบุ๋ม ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือกด 3-5 ครั้ง
- จุดสองจุดด้านข้างรอยบุ๋ม ให้ใช้วิธีการประสานมือบริเวณท้ายทอย แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดจุด พร้อมๆ กัน 3-5 ครั้ง
จุดที่ 3 บริเวณต้นคอ
- ประสานมือบริเวณท้ายทอย ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้าง กดตามแนวสองข้างของ กระดูกต้นคอ โดยกดไล่จากบริเวณตีนผมลงมาถึงบริเวณบ่า 3-5 ครั้ง
จุดที่ 4 บริเวณบ่า
- ใช้ปลายนิ้วมือขวาบีบไหล่ซ้าย ไล่จากบ่าเข้าหาต้นคอ ใช้ปลายนิ้วมือซ้ายบีบไหล่ขวา ไล่จากบ่าเข้าหาต้นคอ ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
- บ่าด้านหน้า ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดใต้กระดูกไหปลาร้า จุดต้นแขน และจุดเหนือรักแร้ ของบ่าซ้าย ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายกดจุดเดียวกันที่บ่าขวา ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
- บ่าด้านหลัง ใช้นิ้วที่ถนัดของมือขวาอ้อมไปกดจุดบนและจุดกลางของกระดูกสะบัก และจุดรักแร้ด้านหลังของบ่าซ้าย ใช้นิ้วที่ถนัดของมือซ้ายกดจุดเดียวกันที่บ่าขวา ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
นวดหลัง และสะโพก เราสามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยหลังและสะโพกด้วยตัวเองได้ดังนี้
1.นอนหงายและชันเข่า ข้างหนึ่งขึ้นมา วางตั้ง ขนานไปกับขาอีกข้าง ที่เหยียดตรง
2.ใช้มือข้างตรงข้ามจับเข่าที่ ตั้งขึ้น หายใจเข้า หายใจออก พร้อมกับดึง หัวเข่าให้พับลงมาฝั่งเดียว กับมือที่จับให้แตะถึงพื้น โดยไม่ยกไหล
3.หายใจเข้าออกปกติ 3-5 ครั้งแล้วผ่อนออก ทำสลับอีกข้าง
นวดแขน - ใช้นิ้วหัวแม่มือกดจุดแนวแขนด้านหน้า จากเหนือกึ่งกลางข้อมือ (แนวนิ้วกลาง) ไปจนถึงร่องกล้ามเนื้อสามเหลี่ยม
นวดน่อง และข้อเท้า
1.เหยียดขาข้างหนึ่งออกและวางขาอีกข้าง วางไว้ระดับเข่า
2.ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้อนกันเป็นแนวนอน กดจุดแนวชิดกระดูกหน้าแข้งด้านใน โดยวางนิ้วขนานกับแนวกระดูก
ข้อควร ระมัดระวัง
แม้วิธีการนวดที่กล่าวมาจะเป็นวิธีนวดด้วยตัวเองง่ายๆ แต่ก็มีข้อควรระวังไว้ รวมไปถึงการเข้าร้านนวดแผนไทยต่างๆ เพราะการนวดแม้จะมีประโยชน์แต่ถ้านวดผิด วิธีหรือนวดในขณะที่สภาพร่างกายไม่เหมาะก็จะก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ เช่น
1. หลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ (ควรทิ้งระยะเวลา 30 นาทีเป็นอย่างน้อย)
2. ร่างกายมีอาการอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีแผลฟกช้ำมากเกินไป
3. มีไข้ขึ้นสูงเกินกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือมีความดันโลหิตสูงเกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท 4. ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคทางสมอง ฯลฯ
5. ผู้มีข้อต่อหลวม หรือกระดูกพรุน ต้องระมัดระวังในการนวด
6. ไม่ควรนวดบริเวณที่ได้รับการผ่าตัดใหม่ๆ ควรเว้นระยะเวลาประมาณ 1 ปี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “KLMงัดไม้เด็ดเสิร์ฟไม่อั้นชิงเค้กบินชั้นธุรกิจ”
วาสิณี กุลวัฒน์ ผู้จัดการสายการบิน เคแอลเอ็ม รอยัลดัตช์ แอร์ไลน์ หรือ KLM ประจำประเทศไทย กล่าวว่า KLM ได้เปิดให้บริการเซอร์วิส “Anytime For you” ในชั้นผู้โดยสารชั้นธุรกิจที่เดินทางทุกเส้นทางไป-กลับ จากกรุงเทพฯ สู่อัมสเตอร์ดัม และจุดหมายปลายทางทั่วโลก ซึ่งเป็นเส้นทางที่ 2 หลังจากการบริการนี้ได้เปิดให้กลุ่มลูกค้าสัมผัสแล้วในเส้นทางโจฮันเนสเบิร์ก ผู้โดยสารจะสามารถเลือกสั่งอาหารเมนูใดก็ได้เวลาใดก็ได้ตลอดทั้งการเดินทาง
โดยจะเสิร์ฟอาหารมื้อหลักปกติ มีเมนูให้เลือกถึง 8 เมนู ทั้งอาหารจานร้อน Cold dish อาหารคาวหวาน เมนูเพื่อสุขภาพ สามารถสั่งเมนูเสริมนี้ได้ตลอดอย่างไม่มีจำกัด อาหารเมนูต่างๆเหล่านี้ถูกจัดเตรียมและเสริฟในรูปแบบร้านอาหารซึ่งเหมาะสม
โครงการนี้เพื่อให้ผู้โดยสารมีความประทับใจ สะดวกสบายและตอบโจทย์การเดินทางโดยให้ทางเลือกมากขึ้นในการบริการ โดยพนักงานให้บริการได้รับการอบรมในการให้บริการพิเศษนี้เป็นอย่างดี ทั้งทางด้านข้อมูลเกี่ยวกับอาหาร และการบริการที่เป็นเลิศ ที่พร้อมจะให้บริการลูกค้าอย่างน่าประทับใจ
ข่าวที่สอง “สิงคโปร์แอร์ล้ำยุคนำบ็อตเบต้าบริการแทนคนแล้ว”
สิงคโปร์แอร์ไลน์ส (SIA) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ ได้เปิดตัว Beta Chatbot บน Facebook เป็นบ็อตเบต้าที่ใช้ชื่อ 'Kris' จะเริ่มใช้งานได้ในหน้า Facebook ทั่วโลกของสิงคโปร์แอร์ไลน์ส พร้อมทั้งมีให้บริการในเว็บไซต์ด้วย โดยเปิดให้ลูกค้าเข้าเยี่ยมชมผ่านทางหน้า SIA Facebook และติดต่อกับสายการบินผ่านทาง Facebook Messenger เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถสนทนากับ Kris เพื่อรับบริการความช่วยเหลือสอบถามก่อนบินได้
ในฐานะที่เป็นบอตเบต้ากริชจะอยู่ในโหมดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและความสามารถของมันจะพัฒนาขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ปัจจุบันบอทเบต้าได้รับการฝึกฝนเพื่อตอบข้อสงสัยในภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัมภาระการเช็คอินการจองทางออนไลน์ตลอดจนการเดินทางไปพร้อมกับทารกและเด็กได้ด้วย
ผู้โดยสารสามารถใช้คำถามรูปแบบต่างๆแล้วจะได้รับการตอบสนองจาก Kris ปรับแต่งข้อมูลโดยใช้รอบการทำซ้ำจากปัญญาประดิษฐ์ ตามจุดประสงค์เพื่อฝึกให้บอทเบต้าตอบกลับการสนทนาซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
Mr Marvin Tan Senior รองประธานอาวุโสฝ่ายบริการลูกค้าและปฏิบัติการ สิงคโปร์แอร์ไลน์ส กล่าวว่า ทางสายการบินมุ่งมั่นที่จะเสนอทางเลือกแก่ลูกค้าให้ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยวิธีที่พวกเขามีส่วนร่วมกับเราในทุกช่วงเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน กริชจะอยู่ภายใต้การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สายการบินได้พัฒนาห้องสมุดความรู้ขึ้นตามสิ่งที่ลูกค้าสอบถามเข้ามาบ่อยๆ และหากความต้องการของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลง ก็จะนำข้อเสนอแนะไปพิจารณาด้วยการขยายแพลตฟอร์มการให้บริการเพิ่มเติม นอกเหนือจากใช้ศูนย์กลางการติดต่อผ่านช่องทางอีเมลแบบเดิม
ข่าวที่สาม “IATAชี้เป้าปี’61แอร์ไลน์แห่ทำกำไรอื้อ3.84หมื่นล้านดอลล์”
สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Aviation Transport Association :IATA) พยากรณ์ว่า สถานการณ์แนวโน้มในปี 2561 อุตสาหกรรมการบินโลกจะกำไรสุทธิของเพิ่มขึ้นเป็น 38,400 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็มีปัจจัยหลัก ๆ ที่น่าสนใจจะต้องติดตามวิเคราะห์อย่างใกล้ชิดอยู่ตลอด คือ
1.กำไรจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อย 8.1% ลดลงจาก 8.3% ในปี 2560
2.กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.7% จาก 4.6% ในปี 2560
3.รายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 824 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือบวกเพิ่ม 9.4% จากปี 2560 ทำรายได้ไว้ที่ 754 พันล้านเหรียญสหรัฐ
4. จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3 พันล้านคน บวกเพิ่ม 6.0% จากปี 2560 มีเพียง 4.1 พันล้านคน
5.ขนส่งสินค้าจะมีปริมาณมากถึง 62,500,000 ตัน บวกเพิ่ม 4.5% จากปี 2560 ทำสถิติไว้ 59,900,000 ตัน
6.การเติบโตของผู้โดยสารและสินค้าจะเป็นไปแบบถดถอยลง ผู้โดยสารปี 2561 บวกเพิ่มเพียง 6.0% จากปี 2560 เพิ่ม 7.5% การขนส่งสินค้าปี 2561 บวกเพิ่มเพียง 4.5% ต่างจากปี 2560 เพิ่มสูงถึง 9.3%
7. กำไรสุทธิเฉลี่ยต่อผู้โดยสารขาออกจะทำได้ 8.90 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ทำได้เพียง 8.45 เหรียญสหรัฐ
Alexandre de Juniac ซีอีโอสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ยืนยันว่า ปี 2561 จะเป็นช่วงโอกาสที่ดีของอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศทั่วโลก สะท้อนได้ผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยตามยุทธศาสตร์ชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมแก่สายการบินมากขึ้นกว่าความต้องการเดินทางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนการขนส่งสินค้าทางอากาศอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งยังเป็นทศวรรษแห่งการจ้างงานเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากถูกมีการเปิดสายการบินใหม่ที่ประสบความสำเร็จพร้อมก้าวเข้าสู่การทำกำไรอย่างมั่นคง
แต่ก็ยังคงเป็นธุรกิจที่ยากลำบากและเรากำลังถูกท้าทายด้านค่าใช้จ่ายโดยการเพิ่มขึ้นค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงแรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งอุตสาหกรรมยังเผชิญความท้าทายในระยะยาวหลายคนอยู่ในมือของรัฐบาลการบินเป็นธุรกิจเสรีภาพและเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาเพื่อดำเนินการต่อเพื่อให้เต็มศักยภาพของรัฐบาลต้องเพิ่มเกมของพวกเขา - การดำเนินการตามมาตรฐานระดับโลกด้านความปลอดภัยการค้นหาระดับภาษีที่สมเหตุสมผลการควบคุมกฎระเบียบอย่างชาญฉลาดและการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นประโยชน์ของการบินเป็นสิ่งที่น่าสนใจ 2.7 ล้านงานโดยตรงและการสนับสนุนที่สำคัญสำหรับ 3.5% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก และอุตสาหกรรมนี้พร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อเสริมสร้างรากฐานในการเชื่อมต่อโลกที่มีความสำคัญต่อชีวิตสมัยใหม่ "นายจูนิอาร์กล่าวเสริม
ข่าวที่สี่ “สายการบินตรวจเข้มผู้โดยสารที่ใช้ Smart luggage”
รายงานจากวงการการบิน ระบุว่าตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไปสายการบินต่าง ๆ จะหันมาเพิ่มความเข้มงวดกับผู้โดยสารที่นำ Smart luggage หรือกระเป๋าเดินทางล้อลากอัจริยะมาใช้เดินทางขึ้นเครื่องบิน ขณะนี้สายการบินในสหรัฐ อย่างน้อย 3 สายการบิน คือ อเมริกัน แอร์ไลน์ เดลต้า และสอลาสก้า ประกาศเพิ่มความเข้มงวดตั้งแต่ 15มกราคม 2561 เป็นต้นไป กับผู้โดยสารที่เดินทางด้วยกระเป๋าอัจฉริยะจะต้องแยกแบตเตอรี่ออกจากกระเป๋า โดยเฉพาะกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง หากไม่สามารถแยกได้ก็ไม่สามารถเช็กอินขึ้นเครื่องได้ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่บรรดาสายการบินไม่อนุญาตให้นำสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแล็กซี่ โน็ต 7 ขึ้นเครื่อง
เนื่องจาก Smart luggage เป็นกระเป๋าสัมภาระที่ได้รับการรูปแบบแนวใหม่เพื่อใช้เดินทางด้วยการทำงานของแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน ในการจ่ายพลังงานซึ่งสร้างความร้อนสูงเกินไปและเป็นตัวจุดประกายไฟ ด้วยประสิทธิภาพการทำงานซึ่งมีทั้งระบบ ล็อกอัตโนมัติ ติดอุปกรณ์จีพีเอสเพื่อติดตาม เซ็นเซอร์น้ำหนักกระเป๋าว่าน้ำหนักเกินหรือไม่ ควบคุมหรือติดตามผ่านสมาร์ทโฟน แบตสำรองให้ชาร์จมือถือได้ ถึงขั้นเป็นพาหนะให้เจ้าของนั่งขี่ได้ในสนามบินได้โดยไม่ต้องเดินเหมือนที่ผ่านมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น