วินวินสมาย-หอการค้าบูม3สนุก "เที่ยววิถีชนเผ่า งานศิลป์ ถิ่นสนุก"-ไปบ้านโลมาอิรวีดี ปูมา ชุมชนแหลมกลัด ตราด
วินวินสมาย-หอการค้านำร่องคลัสเตอร์เที่ยวเมือง3สนุก
นำวิถีชนเผ่า-งานศิลป์แดนโคตะปุระบุกกรุง18-21ธ.ค.
คิงเพาเวอร์จัดExplore Enlesslyใช้แต้มช้อปได้ไม่อั้น
ททท.ผนึกGurunaviผุดบิ๊กแอพโกยรายได้ญี่ปุ่นปี’61
บางจากชวนร่วมเช็คอินไลน์ออฟฟิเชียลลุ้นรางวัลล้าน
ไปพักบ้าน“โลมาอิรวดี-ปูม้า”ชุมชนแหลมกลัด ตราด
เลือกกิน9อาหารทะลวงไขมันในเลือดสูงได้ชะงัด
"รมว.วีระศักดิ์" ดันมาตรการแนวใหม่ภาษีท่องเที่ยว
สถาบันบินพลเรือนจ่อใช้7.2พันล้านปั้นคนหนุนEEC
หาดใหญ่คึกคักมาลินโด้แอร์มาเลย์เปิดบินเพิ่ม2เมือง
เริ่มแล้วสุดยอดอาหารอิตาเลี่ยนโรงแรมเรเนซองส์
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 “วสุมน เนตรกิจเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิน วิน สมาย จำกัด และรองประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม ร่วมกับหอการค้าไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการที่จะเดินหน้ายกระดับการท่องเที่ยว “คลัสเตอร์ 3 จังหวัดสนุก” สกลนคร-นครพนม-มุกดาหาร หนึ่งเดียวแห่งการท่องเที่ยว “วิถีชนเผ่า งานศิลป์ ถิ่นสนุก” เตรียมบุกเมืองกรุง 18-21 ธันวาคม นี้ ปูพรมเที่ยว เชื่อมโยงลุ่มน้ำโขงให้เป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ “โคตะปุระ” นับหมื่นปี และไฮไลต์ปี 2561 นครพนมจะเป็นเจ้าภาพจัด Mekhong Tourism Forum 2018 งานอินเตอร์ที่จะเป็นสปริงบอร์ดนำคลัสเตอร์สนุกเข้าสู่ตลาดท่องเที่ยวนานาชาติเต็มรูปแบบต่อไป
“วสุมน เนตรกิจเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิน วิน สมาย จำกัด และรองประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า นับจากปลายปีนี้เป็นต้นไปทางจังหวัดนครพนม ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน จึงหารือร่วมกับภาคเอกชน 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ จึงมีแนวคิดนำวิถีชีวิตความโดดเด่นของทุกชนเผ่าผนึกรวมไทยนครทำเป็นกลุ่มพัฒนาขึ้นเป็นเส้นทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จัดทำโปรเจ็กต์ “มหกรรมท่องเที่ยววิถีชนเผ่า งานศิลป์ ถิ่นสนุก” อยู่ภายใต้โครงการกลุ่มจังหวัดสนุก (Sanook Cluster) ประกอบด้วยจังหวัด สกลนคร นครพนม มุกดาหาร
หลังจากนครพนมกับมุกดาหารได้จัดงานมาแล้ว 2 ครั้ง และล่าสุดจัดเรื่องอาหารเด่นของชนเผ่าที่หารับประทานได้ จากนั้นจึงเกิดขึ้นในกลุ่มสนุก เพราะมีพื้นที่ติดต่อกันมีวิถีชีวิตชาติพันธุ์ วัฒนธรรม เหนียวแน่น คล้ายคลึงกัน จึงได้จัดกิจกรรมการขายขึ้นใหม่ “ท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดสนุก ตามรอยอารยธรรมลุ่มน้ำโขง” ธรรมะ ธรรมชาติ นำวัฒนธรรม สู่สากล อันเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นสินค้าหลัก ๆ ทางการท่องเที่ยว
การจัดกิจกรรมแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก จัดทำข้อมูล จะผลิตเป็นสื่อเพื่อทำฐานข้อมูลให้นักท่องเที่ยวสนใจเข้ามาเรียนรู้ ส่วนที่สอง ทั้ง 3 จังหวัดที่มาแสดงจัดทำไปเมื่อ 23-26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่ลานพญานาค จ.นครพนม แบ่งโซน การแสดงวิถีวัฒนธรรมชาติพันธุ์บนเวที สร้างการรับรู้ในพื้นที่ คนทั่วไป นักท่องเที่ยว โซนอัตลักษณ์ของชนเผ่ามาเสนอ โซนสาม อาหารชนเผ่า ดึงเมนูเด็ด ๆ เป็นเอกลักษณ์ โซนสี่ ส่งเสริมกิจกรรมเกี่ยวกับจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น โซนที่ห้า นำเสนอข้อมูลรายละเอียดของการท่องเที่ยวทั้งหมด และสุดท้ายแต่งเพลงโดยมีครูสลา แต่งให้ด้วย
จากนั้นก็ได้วางแผนนำงาน “มหกรรมท่องเที่ยววิถีชนเผ่า งานศิลป์ ถิ่นสนุก” มาจัดในกรุงเทพมหานคร ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ระหว่างวันที่ 18-21 ธันวาคม 2560 โดยได้ย่อยกิจกรรมลงเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเข้ามาร่วมส่งเสริมวิถีชนเผ่าสนุกของภาคอีสาน
งานนี้จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในหลากหลายกลุ่มทั้งคนไทย เนื่องจากเพิ่งจะเริ่มรวมตัวของชาติพันธุ์ เพื่อเป็นการซักซ้อมความพร้อม บริการที่ดี ก่อนจะขยายผลไปยังตลาดต่างประเทศ การเลือกศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะเน้นปูพรมสร้างการรับรู้อย่างลึกซึ้งกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยก่อนเบื้องต้น เพื่อโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวเมืองสนุกสายใหม่ เป็นกิจกรรมเสริมกิจกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบัน
เส้นทางแนะนำต้อนรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทีมงานได้ทำเส้นทางท่องเที่ยววิถีชาติพันธุ์ ทั้ง 3 จังหวัด มี 9 ชนเผ่า (เพิ่มมาอีกเผ่าคือไทยโย้ย) 2 เชื้อชาติ อาทิ สกลนคร 6 ชนเผ่า ลากเส้นจากสนามบินสกลนคร เข้าสู่อำเภอกุสุมาลย์ มีวิถีไทยโซ่ ระหว่างทางมีบ้านท่าแร่ มีวิถีเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส จุดชมเก่าตึกเก่าแก่ตอนฝรั่งเศสเข้ามาสร้างสถาปัตยกรรม จากนั้นไปชมวิถีชาว “ไทยย้อ” ต.บ้านโพน อ.โพนนาแก้ว ห่างกัน 13 กม.ต่อด้วย “ภูไท” ที่บ้านห้วยหีบ (ระหว่างทางจะมีตำบลโนนหอม) อ.โคกสีสุพรรณ ระยะห่าง 30 กม. และบ้านผู้ไทอีก 15 กม. ระหว่างทางแนะนำ “ศูนย์พัฒนาภูพาน” จุดกำเนิดของขึ้นชื่อ 3 ดำ “ไก่-หมู-“ ต่อไปที่ “ไทยเจริญ” ตำบลกุดบาก อำเภอกุดบาก มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ “วัดถ้ำพวง” ปูชนียสถานบนเขาแห่งแรกของเมืองไทยที่น่าสนใจมาก ย่อจากอินเดียมาไว้วัดถ้ำพวง
ต่อไปยัง “ไทยอีสาน-ไทยลาว” ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ ที่อยู่ห่างออกจากตัวเมืองประมาณ 80 กม.ใกล้เข้าสู่รอบวงกลม มุ่งหน้าสู่ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม แล้วเดินทางต่ออีก 25 กม.สู่ “ไทยโย้ย” อำเภออากาศอำนวย สกลนคร เป็นชาติพันธุ์แตกต่างเพิ่มขึ้นซึ่งไม่มีในมุกดาหารและพนครพนม อากาศอำนวยเป็นพื้นที่มีแหล่งผ้าย้อมคราม
วนกลับเข้าเมือง เชื้อชาติเวียดนามและจีน อาศัยอยู่ในแถบนี้เป็นหลัก แล้วไปเก็บภาพที่วัดพระธาตุเชิงชุม แล้วไปชิมเมนูอาหารโคขุน
ส่วน “นครพนม” นักท่องเที่ยวนิยมไปสักการะพระธาตุพนม รวมทั้งมีพระธาตุวันเกิดครบทุกวัน นอกจากพระธาตุต่าง ๆ แล้ว ทำให้เกิดกระจายตัวของนักท่องเที่ยวสู่ชุมชนต่าง ๆ กราบพระธาตุเรียบร้อยแล้ว ไปกราบพญาศรีสัตนนาคราช ริมแม่น้ำโขง วิวสวยมาก แถมเดือนธันวาคมนี้เข้าสู่สภาพอากาศหนาวเย็นสบาย
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ พระธาตุพนม สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 สวยสุด ๆ ทิวทัศน์ริมฝั่งโขงงดงามสุดเช่นกัน
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวเดิม ล่าสุดชนเผ่ารวมตัวกันอย่างเข้มแข็งรวมตัวกันเปิดบริการท่องเที่ยว “ชนเผ่า” ขึ้นใหม่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มนับจากปลายปีนี้เป็นต้นไป ในนครพนมสามารถท่องเที่ยววิถีเชื้อชาติได้ก่อนอยู่บริเวณในอำเภอเมือง เป็นไทยยวนและจีนดั้งเดิมอาศัยอยู่จำนวนมาก เป็น Little Viednam อาหารสูตรดั้งเดิม และอนุสรณ์สถานโฮจิมินห์
ต่อจากนั้นก็มุ่งไปยังพระธาตุประจำวันเกิด อาทิ พระธาตุรุกขนคร ประจำวันเกิดพุธกลางคืน ระหว่างทางมีชุมชนบ้าน “ชาวเผ่านากวน” บ้านนาถ่อน ไม่ไกลจากตัวเมือง ต่อด้วย “พระธาตุเรณู” มีชุมชนบ้านนาบัว ชนเผ่าภูไท พระธาตุแห่งที่สาม “พระธาตุพนม” ใกล้ ๆ กันมีชุมชนเผ่าไทยข่า บ้านสบแม แต่ละชนเผ่าจะมีกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวค่อนข้างพร้อมที่จะให้บริการในระดับหนึ่งทีเดียว
แล้วเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสักการะพระธาตุ
“พระธาตุศรีคูณ” ประจำคนเกิดวันอังคาร ตั้งอยู่ในอำเภอนาแก มีชนเผ่า “ไทยเจริญ” ชมวิถีการทอผ้า เอกลักษณ์และอัตลักษณ์พิเศษ
“พระธาตุประสิทธิ์” อำเภอนาหว้า มีชนเผ่า “ไทยอีสาน” ต้อนรับนักท่องเที่ยวมานานเป็นแหล่งผลิตเครื่องดนตรีอีสานส่งออกมายาวนาน
“พระธาตุโพนสวรรค์” บ้านโพนจามีชนเผ่า “ไทยโซ่” และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
แล้ววนออกไปยัง “พระธาตุท่าอุเทน” ประจำคนเกิดวันศุกร์ แล้วผ่านตรง ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน จะมีชนเผ่า “ไทยย้อ” วัดคามะวาสี แล้วก็เข้าสู่ตัวเมือง เป็นเส้นทางเที่ยววงกลมประมาณ 28 กม.จะมีแหล่งท่องเที่ยวชนเผ่าไทยแสน อยู่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำโขงไทย-ลาว แห่งที่ 3
เป็นการท่องเที่ยวครบนครพนมครบ 8 ชนเผ่า ที่จะได้สัมผัสวิถีชีวิตมนหลากหลายมุมด้วยกัน
ส่วยลนการท่องเที่ยวในจังหวัดมุกดาหาร มี 6 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ เริ่มต้นจาก หอแก้วมุกดาหาร อำเภอเมือง ไปอีก 31 กม.สัมผัสวิถีชีวิตชนเผ่า “ไทยเจริญ” ที่อำเภอดอนตาล ไทยย้อย ต.ดงเย็น ต่อเนื่องถึง ผู้ไท ต.บ้านเบ้า อ.หนองสูง วนเป็นวงกลมไปชมพูไท บ้านแคร่ ต.ท่าคร้อ ถัดไปเป็น “ไทยอีสาน” บ้านผึ่งแดด อ.เมือง ส่วนอีกสองชนเผ่า “รูหรือไทยข่า” ต.กกตูม อ.ดงหลวง ปิดท้ายที่ชนเผ่า “ไทยโซ่” ต.ดงหลวง อ.ดงหลวง
โดยภาพรวมแล้วการจุดประกายจุดขาย “เส้นทางท่องเที่ยว 8-9 ชนเผ่า” ขึ้นมากลุ่มจังหวัดสนุกนั้น จะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากนำรายได้เข้าสู่ชุมชน โดยมีหอการค้าไทยให้เลือกทำโครงการ “ 1 หอการค้า 1ชุมชน” ทางนครพนมเลือกท่าอุเทน ดังนั้นแนวโน้มการพัฒนาต่อเนื่องจะสดใสในการเที่ยวชุมชนชาวเผ่าและเชื้อชาติ เพราะได้รับการสนับสนุน
แนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปี 2561 ทางคณะทำงานการท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขงเลือกนครพนมเป็นสถานที่จัด Mekhong Tourism Forum 2018 ระหว่าง 25-29 มิถุนายน 2561 เพื่อจัดประชุมและท่องเที่ยวจากนานาชาติ เข้าร่วมงานกว่า 300 คน เป็นความภูมิใจของชาวนครพนม ระหว่างนี้วางแผนจัดการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเพื่อรองรับงานนี้โดยเฉพาะ เส้นทาง “นครพนม-แขวงคำม่วน สปป.ลาว” ทุกฝ่ายตื่นตัวเรื่องท่องเที่ยว
และเส้นทางเชื่อมโยง “มุกดาหาร-สะหวันเขต” อยู่ระหว่างพัฒนาจุดขายใหม่ซึ่งโดดเด่นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ศูนย์กลางแห่งอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ และตำนานพร้อมประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ที่มีการเคลื่อนย้ายระหว่าง สปป.ลาว เวียดนาม เข้ามายังไทย โดยตั้งชื่อใหม่ว่า “ตามรอยโคตะปุระ” น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของต่างชาติที่จะเข้ามาค้นหาเสน่ห์ของเมืองลุ่มน้ำโขง
ประเทศไทยมีพื้นที่พร้อมเปิดจุดขายใหม่แห่ง “วิถีชนเผ่าและชาติพันธุ์ลุ่มน้ำโขง” อย่างเป็นรูปธรรมขึ้นในกลุ่มจังหวัดสนุก “สกลนคร-นครพนม-มุกดาหาร” ซึ่งรวมอัตลักษณ์ และจุดกำเนิดเรื่องราว “ตามรอยโคตะปุระ” ด้วยการแปลงโฉมของดีมีคุณค่าเป็นเสน่ห์ที่น่าค้นหาเหมาะกับนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ เพื่อสร้างความมั่งคั่ง ยั่งยืน มาสู่เศรษฐกิจฐานรากและการท่องเที่ยวแนวตะเข็บรอยต่อไทยกลุ่มประเทศฝั่งโขงให้รุ่งเรืองต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิง เพาเวอร์ จัดExplore Enlessly ใช้แต้มช้อปไม่อั้น”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดรายการต้อนรับเดือนแห่งความสุขส่งท้ายปี Explore Enlessly ระหว่างวันนี้-31 ธันวาคม 2560 ด้วยรายการส่งเสริมการขาย สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกคิง เพาเวอร์ รับส่วนลดสูงสุด 20%ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต พร้อมทั้งเปิดให้นำคะแนนสะสมกะรัตในบัตรมาแลกเป็นส่วนลดออนท็อปเพิ่มได้ไม่จำกัด 1 คะแนน เท่ากับ 1 บาท
โดยมีสินค้าที่ร่วมรายการหลากหลายหมวดด้วยกัน แต่มีข้อยกเว้นในบางกรณี นั่นคือ ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดหน้าบัตรสมาชิก รายการส่งเสริมการขายอื่นๆ Birthday Celebration, Cash Card, Gift Card, Cash Voucher, Gift Voucher, ยอดเงินในบัตรสมาชิก, คูปองส่วนลด ทุกประเภทยกเว้นยอดเงินในบัตรสมาชิกที่ได้รับจากการสมัครสมาชิกสามารถร่วมรายการ และสินค้าผ่อนชำระ 0% ไม่สามารถร่วมรายการได้เช่นกัน
สอบถามรายละเอียดร่วมช้อปกับมหกรรมส่งท้ายปีคิง เพาเวอร์ ได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.ผนึกGurunavi ผุดแอพใหม่โกยเงินญี่ปุ่นปี’61”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าได้ปรับโครงสร้างการตลาดภายใต้โครงการสนามแม่เหล็กท่องเที่ยว (Electromagnetic Field : EMF) ตามแผนแม่บท 5 ปี ระหว่างปี 2561-2564 ด้วยการทำกลยุทธ์เชิงรุก 3 กิจกรรม ได้แก่ Eating อาหารการกิน, Meeting การจัดประชุมสัมมนา และ Fun & Festival ความสนุกสนานของเทศกาลอีเว้นท์ต่างๆ เน้นพัฒนารูปแบบ foodtravel การท่องเที่ยวเพื่ออาหาร ผ่านการนำจุดแข็งเรื่องอาหารในเมืองไทยที่มีความหลากหลาย
ล่าสุดได้เร่งกลยุทธ์หาช่องทางเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เดินทางเข้ามาไทยเติบโตทั้งด้านจำนวนและรายได้ต่อเนื่อง หลังจากพบว่าตลอด 11 เดือนแรก ระหว่างมกราคม –พฤศจิกายน 2560 มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาท่องเที่ยวไทยแล้วกว่า 1.39 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.01% ททท. คาดตลอดปี 2560 ญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาเที่ยวมากถึง1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.86 % สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 65,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.18 %
โดยได้ลงนามข้อตกลง MOU กับ Gurunavi ผู้นำเว็บไซต์แนะนำร้านอาหารยอดนิยมใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (The Japan External Trade Organization: JETRO) เพื่อเปิด Application แนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย เพื่อำนวยความสะดวกช่วยให้นักท่องเที่ยวค้นหาร้านอาหารได้หลายหลายรูปแบบ พร้อมข้อมูลประกอบอย่างละเอียด มีทั้ง ทำเลที่ตั้ง หมายเลขโทรศัพท์ วิธีการเดินทาง คำแนะนำเกี่ยวกับเมนู เวลาทำการ ราคาเฉลี่ย และบัตรเครดิตสำหรับชำระเงิน บริการจองร้านอาหารและกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารอีกมากมายตลอดทั้งปี
หลังลงนามเสร็จเรียบร้อย ตามแผนการทำงานระยะแรก ททท. จะสนับสนุนข้อมูลทำแอพพลิเคชั่นแนะนำร้านอาหารในประเทศไทย ส่วนทางบริษัท Gurunavi, Inc. จะเริ่มจัดทำฐานข้อมูลร้านอาหารในไทยเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์เร็วๆ นี้ ช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ในไทย (Expat) ให้สามารถค้นหาและเข้าถึงร้านอาหารที่ตรงกับความต้องการได้ง่ายขึ้นด้วย
ข่าวที่ 3 “บางจากชวนร่วม”เช็คอิน”ไลน์ลุ้นรับรางวัลรวมนับล้าน”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชวนร่วมร่วมสนุกกับกิจกรรม “เช็คอิน…บางจาก จากใจ” กิจกรรม ครั้งที่ 3 วันที่ 1 ธันวาคม 2560 – 31 ธันวาคม 2560 ในการลงทะเบียนร่วมสนุกกิจกรรมเช็คอิน “บางจาก จากใจ” และจะเล่นไปได้จนถึง 31 มีนาคม 2561 โดยจะมีของรางวัลสมนาคุณมากมายมูลค่ารวมนับล้านบาท
สิ่งแรกที่ผู้ร่วมกิจกรรมต้องมี คือ ต้องเป็นสมาชิกบัตรบางจากเท่านั้น ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็สามารถคลิกสมัครสมาชิกออนไลน์ได้ทันที หลังจากเป็นสมาชิกมีข้อมูลอยู่ในระบบแล้ว ก็ร่วมเล่นกิจกรรมโดยการ “เช็คอิน” บนหน้า Line Official บางจาก ในช่วงเล่นเกมสมาชิกจะต้องอยู่ที่ปั๊มบางจากสาขาที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น และผู้ร่วมกิจกรรมจะกดปุ่ม “เช็คอิน” ได้เพียงวันละ 1 ครั้ง
กิจกรรมนี้จะแบ่งการสะสมยอดเช็คอินต่อเดือน ดังนี้ ทุกๆยอดการเช็คอิน ครั้งที่ 5 ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับทันที หมูย่าง SPAR 1 ไม้ เพียง 1,500 ท่านแรก ทุกๆยอดการเช็คอิน ครั้งที่ 10 ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับทันที เอสเพรสโซ่เย็น 1 แก้ว เพียง 4,500 ท่านแรก ทุกๆยอดการเช็คอิน ครั้งที่ 15 ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับทันที ถุงผ้า 1 ใบ เพียง 160 ท่านแรกทุกๆยอดการเช็คอิน ครั้งที่ 20 ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับทันที ตุ๊กตาน้องจริงใจ 1 ตัว เพียง 80 ท่านแรก
ระยะเวลากิจกรรมสะสมเช็คอิน: รอบกิจกรรม ครั้งที่ 3: วันที่ 1 ธันวาคม 2560 – 31 ธันวาคม 2560 ครั้งที่ 4: วันที่ 1 มกราคม 2561– 31 มกราคม 2561 ครั้งที่ 5: วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 – 28 กุมภาพันธ์ 2561 ครั้งที่ 6: วันที่ 1 มีนาคม 2561 – 31 มีนาคม 2561
สำหรับของรางวัล มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,725,000 บาท ประกอบด้วย รางวัล ที่ 1: ตุ๊กตาน้องจริงใจ มูลค่า 300 บาท จำนวน 80 รางวัลต่อเดือน รวมมูลค่า 144,000 บาท รางวัลที่ 2 : ถุงผ้า มูลค่า 100 บาท จำนวน 160 รางวัลต่อเดือน รวมมูลค่า 96,000 บาท รางวัลที่ 3 : เอสเพรสโซ่เย็น 1 แก้ว มูลค่าแก้วละ 50 บาทที่อินทนิล คอฟฟี่ หรือ เอสเพรสโซ่เย็น 1 แก้ว มูลค่าแก้วละ 70 บาทที่อินทนิลการ์เด้น จำนวน 4,500 สิทธิ์ต่อเดือน รวมมูลค่า 1,350,000 บาท (เฉพาะปั๊มที่ร่วมรายการเท่านั้น) รางวัลที่ 4 : หมูย่าง SPAR 1 ไม้ มูลค่า 15 บาท จำนวน 1,500 สิทธิ์ต่อเดือน รวมมูลค่า 135,000 บาท (เฉพาะปั๊มที่ร่วมรายการเท่านั้น)
ช่วงที่ 2 เตรียมออกเดินทางไปเยี่ยมบ้าน “โลมาอิรวดีและปูม้าขาใหญ่” ที่ “ชุมชนแหลมกลัด จังหวัดตราด” ดินแดนเล็ก ๆ ของชาวประมงที่ใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านสร้างบ้านใต้น้ำให้สัตว์ทะเลดูแลธรรมชาติอย่างอุดมสมบูรณ์ไว้ ต่อด้วยเรื่องสุขภาพเลือกกินอาหารเพื่ออยู่ให้ไกลจากโรคหลอดเลือดสูง และข่าวฮ็อต ๆ
@เยี่ยมบ้านโลมาที่ชุมชนแหลมกลัด ตราด
เริ่มจะถึงวันหยุดยาวส่งท้ายปี มองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหน ขอแนะนำให้ไปสัมผัสวิถีความสุขที่ “ชุมชนแหลมกลัด” จ.ตราด ท้องถิ่นที่มีเรื่องราวความสุขท่ามกลางธรรมชาติเชิงนิเวศน์อันอุดมสมบูรณ์ เพียบพร้อมด้วยแหล่งอาหารทะเลสด ๆ
ชาวชุมชนแหลมกลัดเป็นเจ้าของ “บ้านหลังใหญ่ของสัตว์น้ำ” ด้วยการนำภูมิปัญญาพื้นบ้านใช้อุปกรณ์ทำหญ้าเทียมดึงสัตว์น้ำเข้ามาอยู่รวมกันในซั้งช่วยระบบนิเวศน์ให้เกิดการเกื้อกูลและพึ่งพากลายเป็นถิ่นประมงเชิงอนุรักษ์ลำดับต้น ๆ ของเมืองไทย
สีสันการท่องเที่ยวในชุมชนแหลมกลัด คือ การได้ชม “โลมาอิรวดี” นั่งเรือประมงพื้นบ้านไปกับชาวประมงผู้เชี่ยวชาญท้องทะเล มุ่งหน้าสู่ “อ่าวแหลมกลัด” ฝูงโลมาอิรวดี ชนิดหัวบาตร ฝูงละไม่ต่ำกว่า 10 ตัว จะโผล่มาทักทายนักท่องเที่ยวเสมอ ๆ
แล้วแวะไปดู “ศูนย์เพาะพันธุ์ปูม้า” ความสำเร็จของชาวบ้านในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ระบบนิเวศน์วิทยา จนทำให้ปูม้ายกทัพกันมาวางไข่ โดยได้รับการดูแลเป็นอย่างดี รอให้ลูก ๆ ราว 10 % เติบโตรอดชีวิตแล้วก็ปล่อยแม่ ๆ กลับสู่ท้องทะเลบ้านหลังใหญ่ของปูทุกตัว เป็นภาพความน่ารัก ๆ อีกสไตล์
ส่วนบริเวณเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนต้องที่ “คลองประทุน” เดินไปตามทางเท้าที่ชาวบ้านจัดทำอย่างสวยงามกลมกลืนธรรมชาติ หรือไม่ก็นั่งเรือไปสูดโอโซนดูป่าชายเลนสองฝั่งคลอง ถ้าไปช่วงพลบค่ำจะมีหิ่งห้อยระยิบระยับให้ตื่นตาตื่นใจ
หรือจะเดินพักผ่อนชาย “หาดทรายขาว” เป็นอีกกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบเดินช่วงเช้าและยามเย็น ตามชายหาดทอดยาวถึง 22 กิโลเมตร โดยมีลานสุสานหอยขาวขนาดใหญ่ที่สุดให้ชมด้วย
ต้องห้ามพลาดคือ ชิมอาหารถิ่น เมนูเอกลักษณ์เฉพาะคือ “แมงกะพรุน” รับประทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ซึ่งชาวบ้านนำมาทำความสะอาดอย่างดี ดองด้วยรากไม้ชนิดหนึ่งล้างกลิ่นคาวจากแมงกะพรุนจนหมด พอได้ที่ก็นำมาเป็นอาหารเมนูเด็ดต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนร้านอาหารพื้นบ้านเจ้าประจำก็มี “ร้านพลอยแดงซีฟู้ด” ต้องสั่งเมนูเด็ด ปูผัดผงกระหรี่ แกงป่าปลาเห็ดโคน กุ้งลายเสือเผา และ “ครัวเขาบรรทัดซีฟู้ด” มีผัดกระเพรากั้ง ปลากะพงทอดน้ำปลา กุ้งหมึกผัดไข่เค็ม
สถานที่พักไม่ไกลจากชุมชนมากนัก แนะนำ “มุกแก้วรีสอร์ต” ตั้งอยู่บริเวณหาดมุกแก้ว ตั้งอยู่กลางสวนสวยและน้ำทะเลใส มีห้องพักขนาดเล็กและขนาดกลาง สามารถเข้าพักแบบหมู่คณะได้ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง
ก่อนจะกลับบ้านต้องอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนกันด้วย ซื้ออาหารทะเล ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบสดและแปรรูป อาทิ หอยดอง ไข่เค็ม และสมุนไพรชุมชนยอดนิยมอีกอย่างคือ น้ำมันเหลือง และอื่น ๆ
สนใจท่องเที่ยว ติดต่อ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนตำบลแหลมกลัด โทร.087-834-8250, 080-191-3169
@อาหาร 9 อย่างช่วยทะลวงไขมันในเลือดได้ชะงัด
ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.sriphat.med.cmu.ac.th share-si , lnwpost.com แนะนำให้เลือกรับประทานอาหาร 9 อย่างที่จะเข้าไปช่วยทะลวงไขมันในเลือดสูง โดยจะลดภาวะที่ร่างกายมีระดับไขมันในเลือดสูงกว่าปกติ อาจเป็นระดับโคเลสเตอรอลสูง หรือระดับไตรกลีเซอร์ไรด์สูงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือสูงทั้งสองชนิดก็ได้ ภาวะไขมันในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อาหารดังกล่าวคือ
1.ลูกเดือย ช่วยในเรื่องการลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยระบบการเผาผลาญ มีสรรพคุณทางด้านขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำ และมีแคลลอรี่ต่ำ ไม่ทำให้อ้วน และยังช่วยเรื่องการขับถ่าย ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
2.กระเทียม ขิง มีสรรพคุณในการต่อต้านมะเร็ง และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดเส้นเลือดอุดตันอีกด้วย
3.บร็อคโคลี่ เป็นผักสีเขียวที่มีแคลเซียมสูง เหมาะกับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ และวิธีการเก็บวิตามิน แร่ธาตุหลากหลายในบร็อคโคลี่ให้ยังคงอยู่ คือเลือกใช้วิธีการเด็ดผัก ไม่ควรใช้วิธีการหั่น และไม่หลีกเลี่ยงการต้มผักเป็นเวลานาน
4.แครอท เป็นผักสีส้มที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ และยังมีสารสำคัญคือสาร “ฟอลคารินอล” ซึ่งช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบไหลเวียนของเลือด มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอวัย และการเกิดริ้วรอยแห่งวัยอีกด้วย
5.ข้าวโอ๊ต ธัญพืชตัวนี้ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยลดคอเลสเตอรอล อุดุมไปด้วยวิตามิน E และช่วยในการลดความเข้มข้นของคอเลสเตอรอล
6. ถั่วเหลือง มีสรรพคุณช่วยป้องกันการอุดตันของไขมันในเส้นเลือดได้ ซึ่งกรดไขมันไม่อิ่มตัวในเหลืองสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้
7. ถั่วเขียว อุดมไปด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยรักษาและสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิวหนัง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวและยังช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะอีกด้วย
8.ถั่วชนิดต่างๆ เป็นโปรตีนคุณภาพดีที่ช่วยในการลดความเข้มข้นของคอเลสเตอรอลได้ เปลือกหุ้มเมล็ดแบ่งได้เป็นสองชนิด ชนิดไม่ละลายในน้ำ จะช่วยเพิ่มกากใยและอุ้มน้ำ ทำให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายเป็นปกติ และชนิดละลายในน้ำ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
9. มะเขือเทศ มี “ไลโคปีน” เป็นสารสำคัญ ซึ่งสารตัวนี้ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด รักษาโรคความดันโลหิตสูง และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “รมว.วีระศักดิ์ดันเที่ยวลดภาษี-ช้อปชุมชนช่วยชาติ”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งได้สัปดาห์เศษก็พร้อมจะหารือกับกระทรวงการคลัง เรื่องการนำมาตรการด้านภาษีเข้ามาช่วยเพิ่มการท่องเที่ยวภายในประเทศนำรายได้กระจายสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ เบื้องต้นจะเสนอให้คลังพิจารณาหักลดหย่อนภาษีให้ร้านค้า ภาษีป้ายให้ ผู้ประกอบการที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการเปิดบ้าน หรือร้านค้าที่ให้นักท่องเที่ยวใช้บริการห้องน้ำ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อเสริมศักยภาพการบริการกับนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ เบื้องต้นจะใช้วิธีติดป้ายร้านให้นักท่องเที่ยวรับรู้
เป้าหมายของการเสนอใช้มาตรการภาษีเพื่อผู้ประกอบการและท้องถิ่น มุ่งหวังจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปกระจายรายได้สู่เมืองรอง ลดความเหลื่อมล้ำของคนในชาติ
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเสริมว่า จะเสนอโครงการช้อปช่วยชุมชนตามเมืองท่องเที่ยวรองด้วยเช่นกัน โดยอยู่ระหว่างหารือร่วมกับพันธมิตรสนับสนุนรางวัลจะจูงใจให้คนไทยเที่ยวในประเทศ แล้วซื้อสินค้าครบมูลค่า 200-300 บาท จะได้รับอี-คูปองชิงโชค เป็นกิมมิกที่จะช่วยสร้างสีสันการใช้จ่ายสินค้าท้องถิ่นเพิ่มขึ้นได้ในปี 2561
ข่าวที่สอง “สบพ.จ่อลงทุน7.2พันล้านขานรับอู่ตะเภาฮับบินใหม่”
พล.ร.ต.ปิยะ อาจมุงคุณ ผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) เปิดเผยว่า เตรียมแผนลงทุนทางด้านการพัฒนาบุคลากรการบินเข้าสู่อุตสาหกรรมใน 3 ปีหน้า จะใช้เงินกว่า 7,200 ล้านบาท เดินหน้า 3 โปรเจ็กต์หลัก ได้แก่
โครงการที่ 1 ก่อสร้างอาคารเรียน 18 ชั้น บริเวณสำนักงานใหญ่จตุจักร ซึ่งรัฐบาลอนุมัติให้ใช้งบ 1,400 ล้านบาท ตามแผนการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมใช้งานได้ในปี 2564 จะสามารถผลิตบุคลากรทั้งด้านอากาศและภาคพื้น เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากปัจจุบันผลิตได้ปีละ 1,400 คน ต่อไปจะได้ถึงปีละ 3,000 คน
โครงการที่ 2 ผลิตนักบินในศูนย์ฝึกหัวหินตามมาตรฐานสากล เพิ่มเป็น 2 เท่าเช่นกัน จากปีละ 80-100 คนเป็น 160 คน แต่จะต้องเสนอขอใช้งบลงทุนปี 2562 เบื้องต้นประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องบินฝึกบิน ปรับปรุงเครื่องมือต่างๆ ให้ได้ตามมาตรฐานองค์กรการพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
โครงการที่ 3 จัดตั้งเทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ชลบุรี โดยจะจัดให้มีการเรียนการสอน ในลักษณะโรงเรียนบวกโรงงาน พัฒนามาตรฐานหลักสูตรสูงขึ้นอีกขั้น พร้อมกับเพิ่มหลักสูตรสู่มาตรฐานของสำนักงานความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) เข้าไปด้วย
ทั้งนี้ สบพ. ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเบื้องต้นกับกองทัพเรือจัดทำศูนย์เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ไปเรียบร้อยแล้ว ตกลงจะเดินหน้าผลิตช่างซ่อมบำรุงอากาศยานปีละ 300 คน และตามแผนจะย้ายกองวิชาช่างบำรุงรักษาอากาศยาน และวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์การบินจากสำนักงานจตุจักรไปยังศูนย์ดังกล่าว เพื่อรองรับศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) โครงการร่วมทุนของการบินไทยกับแอร์บัส และโรงงานผลิตชิ้นส่วนอากาศยานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งตะวันออก (EEC)
ข่าวที่สาม “สนามบินหาดใหญ่รับน้องใหม่มาลินโด้แอร์ มาเลย์”
นายชูวิทย์ พันธุ์เณร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานหาดใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ขณะนี้มีสายการบินน้องใหม่ มาลินโด้แอร์ (OD) เปิดเที่ยวบินตรงจาก มาเลเซียเข้าสู่หาดใหญ่เต็มรูปแบบ ต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวช่วงตารางบินฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่ธันวาคม 2560 – 23 มีนาคม 2561 บริการบินเส้นทาง ไป-กลับ สุบัง (มาเลเซีย) - หาดใหญ่ - ปีนัง (มาเลเซีย) และ ปีนัง - หาดใหญ่ - ปีนัง ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์
ซึ่งจะเป็นสัญญาณที่ดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภาพรวมของหาดใหญ่ และเมืองใกล้เคียง ในการเพิ่มรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากหาดใหญ่เป็นเมืองที่ชาวมาเลเซียนิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี อัตราการเติบโตเพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยวทุกปีจะมีเที่ยวบินสนใจเปิดเส้นทางเพิ่มตลอดเวลา
ข่าวที่สี่ “เริ่มแล้วสุดยอดอาหารอิตาเลียนที่โรงแรมเรเนซองส์”
โรงแรม เรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ จัดรายการอาหารอิตาเลียนแสนอร่อยและไวน์ยอดเยี่ยม ที่ห้องอาหาร ลา ทาโวล่า แอนด์ ไวน์ บาร์ นี้เหมาะสำหรับทุกโอกาสไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงอาหารกลางวันทางธุรกิจหรืองานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนๆ และครอบครัวตอนกลางคืน
แนะนำเมนูอิตาเลียนใหม่สูตรต้นตำรับที่รับรองความเข้มข้นถึงรสชาติเครื่องเทศนานาชนิดที่เชฟหนุ่มอีตาเลียน Salvatore Catania สรรหามาปรุงอย่างพิถีพิถัน เมนูไฮไลต์ที่อยากให้ทุกท่านมาลิ้มลองเมนู ได้แก่
Octopus Salad สลัดปลาหมึกยักษ์ และ Salmon Tartar แซลมอนทาร์ทาร์ ซิ่งเป็นเมนูฟิวชั่นยั่วเย้า จากการนำปลาแซลมอนดิบ มาคลุกเค้ากับส้มโอและซอสส้ม
ผู้ที่ชื่นชอบรับประทานพิซซ่า พิซซ่าบางกรอบที่อบในเตาอบหินและเสิร์ฟร้อนๆ เป็นอีกเมนูที่น่า สนใจอย่างยิ่ง Pizza arotolata พิซซ่า arotolata ที่ได้ผสมผสานปลาแอนโชวี่ ชีสพาร์ซาน และ ใบ rocketได้ลงตัวอย่างมาก และ Burrata margarita ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อชีส ที่ไม่ควรพลาดคือ Tagliatelle al tartufo โฮมเมดพาสต้าผัดกับซอสครีมและทรัฟเฟิลของเชฟ Salvatore ที่มาคลุกเคล้าในพาเมซานชีสลูกใหญ่ และ Slow braised pork cheeks in Barolo, pumpkin gnocchi แก้มหมูตุ๋นในเรดไวน์ซอสที่ละลายในปากเสริฟกับกรัมปิ้งฟักทอง
ปิดท้ายมื้ออาหารขอแนะนำ Affogato modern (ไอศครีมกลิ่นเหล้าอัลมอนเสริฟกับกาแฟเอสเปรสโซ๋) Bignole alla nocciola (เอแคร์สอดไส้ครีมถั่วเฮเซลนัท) และ Torta della noona (ลูกแพร์ทาร์ต)
ห้องอาหาร ลา ทาโวล่า แอนด์ ไวน์ บาร์ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 11.30 น. - 14.30 น. และ 18.00 น. - 22.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ 02 125 5020
ติดตามฟังรายการทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM97.0MHz. ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.
นำวิถีชนเผ่า-งานศิลป์แดนโคตะปุระบุกกรุง18-21ธ.ค.
คิงเพาเวอร์จัดExplore Enlesslyใช้แต้มช้อปได้ไม่อั้น
ททท.ผนึกGurunaviผุดบิ๊กแอพโกยรายได้ญี่ปุ่นปี’61
บางจากชวนร่วมเช็คอินไลน์ออฟฟิเชียลลุ้นรางวัลล้าน
ไปพักบ้าน“โลมาอิรวดี-ปูม้า”ชุมชนแหลมกลัด ตราด
เลือกกิน9อาหารทะลวงไขมันในเลือดสูงได้ชะงัด
"รมว.วีระศักดิ์" ดันมาตรการแนวใหม่ภาษีท่องเที่ยว
สถาบันบินพลเรือนจ่อใช้7.2พันล้านปั้นคนหนุนEEC
หาดใหญ่คึกคักมาลินโด้แอร์มาเลย์เปิดบินเพิ่ม2เมือง
เริ่มแล้วสุดยอดอาหารอิตาเลี่ยนโรงแรมเรเนซองส์
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 “วสุมน เนตรกิจเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิน วิน สมาย จำกัด และรองประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม ร่วมกับหอการค้าไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการที่จะเดินหน้ายกระดับการท่องเที่ยว “คลัสเตอร์ 3 จังหวัดสนุก” สกลนคร-นครพนม-มุกดาหาร หนึ่งเดียวแห่งการท่องเที่ยว “วิถีชนเผ่า งานศิลป์ ถิ่นสนุก” เตรียมบุกเมืองกรุง 18-21 ธันวาคม นี้ ปูพรมเที่ยว เชื่อมโยงลุ่มน้ำโขงให้เป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ “โคตะปุระ” นับหมื่นปี และไฮไลต์ปี 2561 นครพนมจะเป็นเจ้าภาพจัด Mekhong Tourism Forum 2018 งานอินเตอร์ที่จะเป็นสปริงบอร์ดนำคลัสเตอร์สนุกเข้าสู่ตลาดท่องเที่ยวนานาชาติเต็มรูปแบบต่อไป
วสุมน เนตรกิจเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิน วิน สมาย จำกัด และรองประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม |
“วสุมน เนตรกิจเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิน วิน สมาย จำกัด และรองประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า นับจากปลายปีนี้เป็นต้นไปทางจังหวัดนครพนม ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน จึงหารือร่วมกับภาคเอกชน 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ จึงมีแนวคิดนำวิถีชีวิตความโดดเด่นของทุกชนเผ่าผนึกรวมไทยนครทำเป็นกลุ่มพัฒนาขึ้นเป็นเส้นทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จัดทำโปรเจ็กต์ “มหกรรมท่องเที่ยววิถีชนเผ่า งานศิลป์ ถิ่นสนุก” อยู่ภายใต้โครงการกลุ่มจังหวัดสนุก (Sanook Cluster) ประกอบด้วยจังหวัด สกลนคร นครพนม มุกดาหาร
หลังจากนครพนมกับมุกดาหารได้จัดงานมาแล้ว 2 ครั้ง และล่าสุดจัดเรื่องอาหารเด่นของชนเผ่าที่หารับประทานได้ จากนั้นจึงเกิดขึ้นในกลุ่มสนุก เพราะมีพื้นที่ติดต่อกันมีวิถีชีวิตชาติพันธุ์ วัฒนธรรม เหนียวแน่น คล้ายคลึงกัน จึงได้จัดกิจกรรมการขายขึ้นใหม่ “ท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดสนุก ตามรอยอารยธรรมลุ่มน้ำโขง” ธรรมะ ธรรมชาติ นำวัฒนธรรม สู่สากล อันเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นสินค้าหลัก ๆ ทางการท่องเที่ยว
การจัดกิจกรรมแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก จัดทำข้อมูล จะผลิตเป็นสื่อเพื่อทำฐานข้อมูลให้นักท่องเที่ยวสนใจเข้ามาเรียนรู้ ส่วนที่สอง ทั้ง 3 จังหวัดที่มาแสดงจัดทำไปเมื่อ 23-26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่ลานพญานาค จ.นครพนม แบ่งโซน การแสดงวิถีวัฒนธรรมชาติพันธุ์บนเวที สร้างการรับรู้ในพื้นที่ คนทั่วไป นักท่องเที่ยว โซนอัตลักษณ์ของชนเผ่ามาเสนอ โซนสาม อาหารชนเผ่า ดึงเมนูเด็ด ๆ เป็นเอกลักษณ์ โซนสี่ ส่งเสริมกิจกรรมเกี่ยวกับจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น โซนที่ห้า นำเสนอข้อมูลรายละเอียดของการท่องเที่ยวทั้งหมด และสุดท้ายแต่งเพลงโดยมีครูสลา แต่งให้ด้วย
จากนั้นก็ได้วางแผนนำงาน “มหกรรมท่องเที่ยววิถีชนเผ่า งานศิลป์ ถิ่นสนุก” มาจัดในกรุงเทพมหานคร ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ระหว่างวันที่ 18-21 ธันวาคม 2560 โดยได้ย่อยกิจกรรมลงเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเข้ามาร่วมส่งเสริมวิถีชนเผ่าสนุกของภาคอีสาน
งานนี้จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในหลากหลายกลุ่มทั้งคนไทย เนื่องจากเพิ่งจะเริ่มรวมตัวของชาติพันธุ์ เพื่อเป็นการซักซ้อมความพร้อม บริการที่ดี ก่อนจะขยายผลไปยังตลาดต่างประเทศ การเลือกศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะเน้นปูพรมสร้างการรับรู้อย่างลึกซึ้งกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยก่อนเบื้องต้น เพื่อโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวเมืองสนุกสายใหม่ เป็นกิจกรรมเสริมกิจกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบัน
เส้นทางแนะนำต้อนรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทีมงานได้ทำเส้นทางท่องเที่ยววิถีชาติพันธุ์ ทั้ง 3 จังหวัด มี 9 ชนเผ่า (เพิ่มมาอีกเผ่าคือไทยโย้ย) 2 เชื้อชาติ อาทิ สกลนคร 6 ชนเผ่า ลากเส้นจากสนามบินสกลนคร เข้าสู่อำเภอกุสุมาลย์ มีวิถีไทยโซ่ ระหว่างทางมีบ้านท่าแร่ มีวิถีเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส จุดชมเก่าตึกเก่าแก่ตอนฝรั่งเศสเข้ามาสร้างสถาปัตยกรรม จากนั้นไปชมวิถีชาว “ไทยย้อ” ต.บ้านโพน อ.โพนนาแก้ว ห่างกัน 13 กม.ต่อด้วย “ภูไท” ที่บ้านห้วยหีบ (ระหว่างทางจะมีตำบลโนนหอม) อ.โคกสีสุพรรณ ระยะห่าง 30 กม. และบ้านผู้ไทอีก 15 กม. ระหว่างทางแนะนำ “ศูนย์พัฒนาภูพาน” จุดกำเนิดของขึ้นชื่อ 3 ดำ “ไก่-หมู-“ ต่อไปที่ “ไทยเจริญ” ตำบลกุดบาก อำเภอกุดบาก มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ “วัดถ้ำพวง” ปูชนียสถานบนเขาแห่งแรกของเมืองไทยที่น่าสนใจมาก ย่อจากอินเดียมาไว้วัดถ้ำพวง
ต่อไปยัง “ไทยอีสาน-ไทยลาว” ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ ที่อยู่ห่างออกจากตัวเมืองประมาณ 80 กม.ใกล้เข้าสู่รอบวงกลม มุ่งหน้าสู่ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม แล้วเดินทางต่ออีก 25 กม.สู่ “ไทยโย้ย” อำเภออากาศอำนวย สกลนคร เป็นชาติพันธุ์แตกต่างเพิ่มขึ้นซึ่งไม่มีในมุกดาหารและพนครพนม อากาศอำนวยเป็นพื้นที่มีแหล่งผ้าย้อมคราม
วนกลับเข้าเมือง เชื้อชาติเวียดนามและจีน อาศัยอยู่ในแถบนี้เป็นหลัก แล้วไปเก็บภาพที่วัดพระธาตุเชิงชุม แล้วไปชิมเมนูอาหารโคขุน
ส่วน “นครพนม” นักท่องเที่ยวนิยมไปสักการะพระธาตุพนม รวมทั้งมีพระธาตุวันเกิดครบทุกวัน นอกจากพระธาตุต่าง ๆ แล้ว ทำให้เกิดกระจายตัวของนักท่องเที่ยวสู่ชุมชนต่าง ๆ กราบพระธาตุเรียบร้อยแล้ว ไปกราบพญาศรีสัตนนาคราช ริมแม่น้ำโขง วิวสวยมาก แถมเดือนธันวาคมนี้เข้าสู่สภาพอากาศหนาวเย็นสบาย
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ พระธาตุพนม สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 สวยสุด ๆ ทิวทัศน์ริมฝั่งโขงงดงามสุดเช่นกัน
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวเดิม ล่าสุดชนเผ่ารวมตัวกันอย่างเข้มแข็งรวมตัวกันเปิดบริการท่องเที่ยว “ชนเผ่า” ขึ้นใหม่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มนับจากปลายปีนี้เป็นต้นไป ในนครพนมสามารถท่องเที่ยววิถีเชื้อชาติได้ก่อนอยู่บริเวณในอำเภอเมือง เป็นไทยยวนและจีนดั้งเดิมอาศัยอยู่จำนวนมาก เป็น Little Viednam อาหารสูตรดั้งเดิม และอนุสรณ์สถานโฮจิมินห์
ต่อจากนั้นก็มุ่งไปยังพระธาตุประจำวันเกิด อาทิ พระธาตุรุกขนคร ประจำวันเกิดพุธกลางคืน ระหว่างทางมีชุมชนบ้าน “ชาวเผ่านากวน” บ้านนาถ่อน ไม่ไกลจากตัวเมือง ต่อด้วย “พระธาตุเรณู” มีชุมชนบ้านนาบัว ชนเผ่าภูไท พระธาตุแห่งที่สาม “พระธาตุพนม” ใกล้ ๆ กันมีชุมชนเผ่าไทยข่า บ้านสบแม แต่ละชนเผ่าจะมีกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวค่อนข้างพร้อมที่จะให้บริการในระดับหนึ่งทีเดียว
แล้วเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสักการะพระธาตุ
“พระธาตุศรีคูณ” ประจำคนเกิดวันอังคาร ตั้งอยู่ในอำเภอนาแก มีชนเผ่า “ไทยเจริญ” ชมวิถีการทอผ้า เอกลักษณ์และอัตลักษณ์พิเศษ
“พระธาตุประสิทธิ์” อำเภอนาหว้า มีชนเผ่า “ไทยอีสาน” ต้อนรับนักท่องเที่ยวมานานเป็นแหล่งผลิตเครื่องดนตรีอีสานส่งออกมายาวนาน
“พระธาตุโพนสวรรค์” บ้านโพนจามีชนเผ่า “ไทยโซ่” และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
แล้ววนออกไปยัง “พระธาตุท่าอุเทน” ประจำคนเกิดวันศุกร์ แล้วผ่านตรง ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน จะมีชนเผ่า “ไทยย้อ” วัดคามะวาสี แล้วก็เข้าสู่ตัวเมือง เป็นเส้นทางเที่ยววงกลมประมาณ 28 กม.จะมีแหล่งท่องเที่ยวชนเผ่าไทยแสน อยู่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำโขงไทย-ลาว แห่งที่ 3
เป็นการท่องเที่ยวครบนครพนมครบ 8 ชนเผ่า ที่จะได้สัมผัสวิถีชีวิตมนหลากหลายมุมด้วยกัน
ส่วยลนการท่องเที่ยวในจังหวัดมุกดาหาร มี 6 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ เริ่มต้นจาก หอแก้วมุกดาหาร อำเภอเมือง ไปอีก 31 กม.สัมผัสวิถีชีวิตชนเผ่า “ไทยเจริญ” ที่อำเภอดอนตาล ไทยย้อย ต.ดงเย็น ต่อเนื่องถึง ผู้ไท ต.บ้านเบ้า อ.หนองสูง วนเป็นวงกลมไปชมพูไท บ้านแคร่ ต.ท่าคร้อ ถัดไปเป็น “ไทยอีสาน” บ้านผึ่งแดด อ.เมือง ส่วนอีกสองชนเผ่า “รูหรือไทยข่า” ต.กกตูม อ.ดงหลวง ปิดท้ายที่ชนเผ่า “ไทยโซ่” ต.ดงหลวง อ.ดงหลวง
โดยภาพรวมแล้วการจุดประกายจุดขาย “เส้นทางท่องเที่ยว 8-9 ชนเผ่า” ขึ้นมากลุ่มจังหวัดสนุกนั้น จะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากนำรายได้เข้าสู่ชุมชน โดยมีหอการค้าไทยให้เลือกทำโครงการ “ 1 หอการค้า 1ชุมชน” ทางนครพนมเลือกท่าอุเทน ดังนั้นแนวโน้มการพัฒนาต่อเนื่องจะสดใสในการเที่ยวชุมชนชาวเผ่าและเชื้อชาติ เพราะได้รับการสนับสนุน
แนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปี 2561 ทางคณะทำงานการท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขงเลือกนครพนมเป็นสถานที่จัด Mekhong Tourism Forum 2018 ระหว่าง 25-29 มิถุนายน 2561 เพื่อจัดประชุมและท่องเที่ยวจากนานาชาติ เข้าร่วมงานกว่า 300 คน เป็นความภูมิใจของชาวนครพนม ระหว่างนี้วางแผนจัดการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเพื่อรองรับงานนี้โดยเฉพาะ เส้นทาง “นครพนม-แขวงคำม่วน สปป.ลาว” ทุกฝ่ายตื่นตัวเรื่องท่องเที่ยว
และเส้นทางเชื่อมโยง “มุกดาหาร-สะหวันเขต” อยู่ระหว่างพัฒนาจุดขายใหม่ซึ่งโดดเด่นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ศูนย์กลางแห่งอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ และตำนานพร้อมประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ที่มีการเคลื่อนย้ายระหว่าง สปป.ลาว เวียดนาม เข้ามายังไทย โดยตั้งชื่อใหม่ว่า “ตามรอยโคตะปุระ” น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของต่างชาติที่จะเข้ามาค้นหาเสน่ห์ของเมืองลุ่มน้ำโขง
ประเทศไทยมีพื้นที่พร้อมเปิดจุดขายใหม่แห่ง “วิถีชนเผ่าและชาติพันธุ์ลุ่มน้ำโขง” อย่างเป็นรูปธรรมขึ้นในกลุ่มจังหวัดสนุก “สกลนคร-นครพนม-มุกดาหาร” ซึ่งรวมอัตลักษณ์ และจุดกำเนิดเรื่องราว “ตามรอยโคตะปุระ” ด้วยการแปลงโฉมของดีมีคุณค่าเป็นเสน่ห์ที่น่าค้นหาเหมาะกับนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ เพื่อสร้างความมั่งคั่ง ยั่งยืน มาสู่เศรษฐกิจฐานรากและการท่องเที่ยวแนวตะเข็บรอยต่อไทยกลุ่มประเทศฝั่งโขงให้รุ่งเรืองต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิง เพาเวอร์ จัดExplore Enlessly ใช้แต้มช้อปไม่อั้น”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดรายการต้อนรับเดือนแห่งความสุขส่งท้ายปี Explore Enlessly ระหว่างวันนี้-31 ธันวาคม 2560 ด้วยรายการส่งเสริมการขาย สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกคิง เพาเวอร์ รับส่วนลดสูงสุด 20%ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต พร้อมทั้งเปิดให้นำคะแนนสะสมกะรัตในบัตรมาแลกเป็นส่วนลดออนท็อปเพิ่มได้ไม่จำกัด 1 คะแนน เท่ากับ 1 บาท
โดยมีสินค้าที่ร่วมรายการหลากหลายหมวดด้วยกัน แต่มีข้อยกเว้นในบางกรณี นั่นคือ ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดหน้าบัตรสมาชิก รายการส่งเสริมการขายอื่นๆ Birthday Celebration, Cash Card, Gift Card, Cash Voucher, Gift Voucher, ยอดเงินในบัตรสมาชิก, คูปองส่วนลด ทุกประเภทยกเว้นยอดเงินในบัตรสมาชิกที่ได้รับจากการสมัครสมาชิกสามารถร่วมรายการ และสินค้าผ่อนชำระ 0% ไม่สามารถร่วมรายการได้เช่นกัน
สอบถามรายละเอียดร่วมช้อปกับมหกรรมส่งท้ายปีคิง เพาเวอร์ ได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.ผนึกGurunavi ผุดแอพใหม่โกยเงินญี่ปุ่นปี’61”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าได้ปรับโครงสร้างการตลาดภายใต้โครงการสนามแม่เหล็กท่องเที่ยว (Electromagnetic Field : EMF) ตามแผนแม่บท 5 ปี ระหว่างปี 2561-2564 ด้วยการทำกลยุทธ์เชิงรุก 3 กิจกรรม ได้แก่ Eating อาหารการกิน, Meeting การจัดประชุมสัมมนา และ Fun & Festival ความสนุกสนานของเทศกาลอีเว้นท์ต่างๆ เน้นพัฒนารูปแบบ foodtravel การท่องเที่ยวเพื่ออาหาร ผ่านการนำจุดแข็งเรื่องอาหารในเมืองไทยที่มีความหลากหลาย
ล่าสุดได้เร่งกลยุทธ์หาช่องทางเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เดินทางเข้ามาไทยเติบโตทั้งด้านจำนวนและรายได้ต่อเนื่อง หลังจากพบว่าตลอด 11 เดือนแรก ระหว่างมกราคม –พฤศจิกายน 2560 มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาท่องเที่ยวไทยแล้วกว่า 1.39 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.01% ททท. คาดตลอดปี 2560 ญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาเที่ยวมากถึง1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.86 % สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 65,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.18 %
โดยได้ลงนามข้อตกลง MOU กับ Gurunavi ผู้นำเว็บไซต์แนะนำร้านอาหารยอดนิยมใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (The Japan External Trade Organization: JETRO) เพื่อเปิด Application แนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย เพื่อำนวยความสะดวกช่วยให้นักท่องเที่ยวค้นหาร้านอาหารได้หลายหลายรูปแบบ พร้อมข้อมูลประกอบอย่างละเอียด มีทั้ง ทำเลที่ตั้ง หมายเลขโทรศัพท์ วิธีการเดินทาง คำแนะนำเกี่ยวกับเมนู เวลาทำการ ราคาเฉลี่ย และบัตรเครดิตสำหรับชำระเงิน บริการจองร้านอาหารและกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารอีกมากมายตลอดทั้งปี
หลังลงนามเสร็จเรียบร้อย ตามแผนการทำงานระยะแรก ททท. จะสนับสนุนข้อมูลทำแอพพลิเคชั่นแนะนำร้านอาหารในประเทศไทย ส่วนทางบริษัท Gurunavi, Inc. จะเริ่มจัดทำฐานข้อมูลร้านอาหารในไทยเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์เร็วๆ นี้ ช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ในไทย (Expat) ให้สามารถค้นหาและเข้าถึงร้านอาหารที่ตรงกับความต้องการได้ง่ายขึ้นด้วย
ข่าวที่ 3 “บางจากชวนร่วม”เช็คอิน”ไลน์ลุ้นรับรางวัลรวมนับล้าน”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชวนร่วมร่วมสนุกกับกิจกรรม “เช็คอิน…บางจาก จากใจ” กิจกรรม ครั้งที่ 3 วันที่ 1 ธันวาคม 2560 – 31 ธันวาคม 2560 ในการลงทะเบียนร่วมสนุกกิจกรรมเช็คอิน “บางจาก จากใจ” และจะเล่นไปได้จนถึง 31 มีนาคม 2561 โดยจะมีของรางวัลสมนาคุณมากมายมูลค่ารวมนับล้านบาท
สิ่งแรกที่ผู้ร่วมกิจกรรมต้องมี คือ ต้องเป็นสมาชิกบัตรบางจากเท่านั้น ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็สามารถคลิกสมัครสมาชิกออนไลน์ได้ทันที หลังจากเป็นสมาชิกมีข้อมูลอยู่ในระบบแล้ว ก็ร่วมเล่นกิจกรรมโดยการ “เช็คอิน” บนหน้า Line Official บางจาก ในช่วงเล่นเกมสมาชิกจะต้องอยู่ที่ปั๊มบางจากสาขาที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น และผู้ร่วมกิจกรรมจะกดปุ่ม “เช็คอิน” ได้เพียงวันละ 1 ครั้ง
กิจกรรมนี้จะแบ่งการสะสมยอดเช็คอินต่อเดือน ดังนี้ ทุกๆยอดการเช็คอิน ครั้งที่ 5 ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับทันที หมูย่าง SPAR 1 ไม้ เพียง 1,500 ท่านแรก ทุกๆยอดการเช็คอิน ครั้งที่ 10 ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับทันที เอสเพรสโซ่เย็น 1 แก้ว เพียง 4,500 ท่านแรก ทุกๆยอดการเช็คอิน ครั้งที่ 15 ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับทันที ถุงผ้า 1 ใบ เพียง 160 ท่านแรกทุกๆยอดการเช็คอิน ครั้งที่ 20 ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับทันที ตุ๊กตาน้องจริงใจ 1 ตัว เพียง 80 ท่านแรก
ระยะเวลากิจกรรมสะสมเช็คอิน: รอบกิจกรรม ครั้งที่ 3: วันที่ 1 ธันวาคม 2560 – 31 ธันวาคม 2560 ครั้งที่ 4: วันที่ 1 มกราคม 2561– 31 มกราคม 2561 ครั้งที่ 5: วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 – 28 กุมภาพันธ์ 2561 ครั้งที่ 6: วันที่ 1 มีนาคม 2561 – 31 มีนาคม 2561
สำหรับของรางวัล มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,725,000 บาท ประกอบด้วย รางวัล ที่ 1: ตุ๊กตาน้องจริงใจ มูลค่า 300 บาท จำนวน 80 รางวัลต่อเดือน รวมมูลค่า 144,000 บาท รางวัลที่ 2 : ถุงผ้า มูลค่า 100 บาท จำนวน 160 รางวัลต่อเดือน รวมมูลค่า 96,000 บาท รางวัลที่ 3 : เอสเพรสโซ่เย็น 1 แก้ว มูลค่าแก้วละ 50 บาทที่อินทนิล คอฟฟี่ หรือ เอสเพรสโซ่เย็น 1 แก้ว มูลค่าแก้วละ 70 บาทที่อินทนิลการ์เด้น จำนวน 4,500 สิทธิ์ต่อเดือน รวมมูลค่า 1,350,000 บาท (เฉพาะปั๊มที่ร่วมรายการเท่านั้น) รางวัลที่ 4 : หมูย่าง SPAR 1 ไม้ มูลค่า 15 บาท จำนวน 1,500 สิทธิ์ต่อเดือน รวมมูลค่า 135,000 บาท (เฉพาะปั๊มที่ร่วมรายการเท่านั้น)
ช่วงที่ 2 เตรียมออกเดินทางไปเยี่ยมบ้าน “โลมาอิรวดีและปูม้าขาใหญ่” ที่ “ชุมชนแหลมกลัด จังหวัดตราด” ดินแดนเล็ก ๆ ของชาวประมงที่ใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านสร้างบ้านใต้น้ำให้สัตว์ทะเลดูแลธรรมชาติอย่างอุดมสมบูรณ์ไว้ ต่อด้วยเรื่องสุขภาพเลือกกินอาหารเพื่ออยู่ให้ไกลจากโรคหลอดเลือดสูง และข่าวฮ็อต ๆ
@เยี่ยมบ้านโลมาที่ชุมชนแหลมกลัด ตราด
เริ่มจะถึงวันหยุดยาวส่งท้ายปี มองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหน ขอแนะนำให้ไปสัมผัสวิถีความสุขที่ “ชุมชนแหลมกลัด” จ.ตราด ท้องถิ่นที่มีเรื่องราวความสุขท่ามกลางธรรมชาติเชิงนิเวศน์อันอุดมสมบูรณ์ เพียบพร้อมด้วยแหล่งอาหารทะเลสด ๆ
ชาวชุมชนแหลมกลัดเป็นเจ้าของ “บ้านหลังใหญ่ของสัตว์น้ำ” ด้วยการนำภูมิปัญญาพื้นบ้านใช้อุปกรณ์ทำหญ้าเทียมดึงสัตว์น้ำเข้ามาอยู่รวมกันในซั้งช่วยระบบนิเวศน์ให้เกิดการเกื้อกูลและพึ่งพากลายเป็นถิ่นประมงเชิงอนุรักษ์ลำดับต้น ๆ ของเมืองไทย
สีสันการท่องเที่ยวในชุมชนแหลมกลัด คือ การได้ชม “โลมาอิรวดี” นั่งเรือประมงพื้นบ้านไปกับชาวประมงผู้เชี่ยวชาญท้องทะเล มุ่งหน้าสู่ “อ่าวแหลมกลัด” ฝูงโลมาอิรวดี ชนิดหัวบาตร ฝูงละไม่ต่ำกว่า 10 ตัว จะโผล่มาทักทายนักท่องเที่ยวเสมอ ๆ
แล้วแวะไปดู “ศูนย์เพาะพันธุ์ปูม้า” ความสำเร็จของชาวบ้านในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ระบบนิเวศน์วิทยา จนทำให้ปูม้ายกทัพกันมาวางไข่ โดยได้รับการดูแลเป็นอย่างดี รอให้ลูก ๆ ราว 10 % เติบโตรอดชีวิตแล้วก็ปล่อยแม่ ๆ กลับสู่ท้องทะเลบ้านหลังใหญ่ของปูทุกตัว เป็นภาพความน่ารัก ๆ อีกสไตล์
ส่วนบริเวณเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนต้องที่ “คลองประทุน” เดินไปตามทางเท้าที่ชาวบ้านจัดทำอย่างสวยงามกลมกลืนธรรมชาติ หรือไม่ก็นั่งเรือไปสูดโอโซนดูป่าชายเลนสองฝั่งคลอง ถ้าไปช่วงพลบค่ำจะมีหิ่งห้อยระยิบระยับให้ตื่นตาตื่นใจ
หรือจะเดินพักผ่อนชาย “หาดทรายขาว” เป็นอีกกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบเดินช่วงเช้าและยามเย็น ตามชายหาดทอดยาวถึง 22 กิโลเมตร โดยมีลานสุสานหอยขาวขนาดใหญ่ที่สุดให้ชมด้วย
ต้องห้ามพลาดคือ ชิมอาหารถิ่น เมนูเอกลักษณ์เฉพาะคือ “แมงกะพรุน” รับประทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ซึ่งชาวบ้านนำมาทำความสะอาดอย่างดี ดองด้วยรากไม้ชนิดหนึ่งล้างกลิ่นคาวจากแมงกะพรุนจนหมด พอได้ที่ก็นำมาเป็นอาหารเมนูเด็ดต้อนรับนักท่องเที่ยว ส่วนร้านอาหารพื้นบ้านเจ้าประจำก็มี “ร้านพลอยแดงซีฟู้ด” ต้องสั่งเมนูเด็ด ปูผัดผงกระหรี่ แกงป่าปลาเห็ดโคน กุ้งลายเสือเผา และ “ครัวเขาบรรทัดซีฟู้ด” มีผัดกระเพรากั้ง ปลากะพงทอดน้ำปลา กุ้งหมึกผัดไข่เค็ม
สถานที่พักไม่ไกลจากชุมชนมากนัก แนะนำ “มุกแก้วรีสอร์ต” ตั้งอยู่บริเวณหาดมุกแก้ว ตั้งอยู่กลางสวนสวยและน้ำทะเลใส มีห้องพักขนาดเล็กและขนาดกลาง สามารถเข้าพักแบบหมู่คณะได้ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง
ก่อนจะกลับบ้านต้องอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนกันด้วย ซื้ออาหารทะเล ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบสดและแปรรูป อาทิ หอยดอง ไข่เค็ม และสมุนไพรชุมชนยอดนิยมอีกอย่างคือ น้ำมันเหลือง และอื่น ๆ
สนใจท่องเที่ยว ติดต่อ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนตำบลแหลมกลัด โทร.087-834-8250, 080-191-3169
@อาหาร 9 อย่างช่วยทะลวงไขมันในเลือดได้ชะงัด
ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.sriphat.med.cmu.ac.th share-si , lnwpost.com แนะนำให้เลือกรับประทานอาหาร 9 อย่างที่จะเข้าไปช่วยทะลวงไขมันในเลือดสูง โดยจะลดภาวะที่ร่างกายมีระดับไขมันในเลือดสูงกว่าปกติ อาจเป็นระดับโคเลสเตอรอลสูง หรือระดับไตรกลีเซอร์ไรด์สูงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือสูงทั้งสองชนิดก็ได้ ภาวะไขมันในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ อาหารดังกล่าวคือ
1.ลูกเดือย ช่วยในเรื่องการลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยระบบการเผาผลาญ มีสรรพคุณทางด้านขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำ และมีแคลลอรี่ต่ำ ไม่ทำให้อ้วน และยังช่วยเรื่องการขับถ่าย ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
2.กระเทียม ขิง มีสรรพคุณในการต่อต้านมะเร็ง และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดเส้นเลือดอุดตันอีกด้วย
3.บร็อคโคลี่ เป็นผักสีเขียวที่มีแคลเซียมสูง เหมาะกับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ และวิธีการเก็บวิตามิน แร่ธาตุหลากหลายในบร็อคโคลี่ให้ยังคงอยู่ คือเลือกใช้วิธีการเด็ดผัก ไม่ควรใช้วิธีการหั่น และไม่หลีกเลี่ยงการต้มผักเป็นเวลานาน
4.แครอท เป็นผักสีส้มที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ และยังมีสารสำคัญคือสาร “ฟอลคารินอล” ซึ่งช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบไหลเวียนของเลือด มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอวัย และการเกิดริ้วรอยแห่งวัยอีกด้วย
5.ข้าวโอ๊ต ธัญพืชตัวนี้ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยลดคอเลสเตอรอล อุดุมไปด้วยวิตามิน E และช่วยในการลดความเข้มข้นของคอเลสเตอรอล
6. ถั่วเหลือง มีสรรพคุณช่วยป้องกันการอุดตันของไขมันในเส้นเลือดได้ ซึ่งกรดไขมันไม่อิ่มตัวในเหลืองสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้
7. ถั่วเขียว อุดมไปด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยรักษาและสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิวหนัง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวและยังช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะอีกด้วย
8.ถั่วชนิดต่างๆ เป็นโปรตีนคุณภาพดีที่ช่วยในการลดความเข้มข้นของคอเลสเตอรอลได้ เปลือกหุ้มเมล็ดแบ่งได้เป็นสองชนิด ชนิดไม่ละลายในน้ำ จะช่วยเพิ่มกากใยและอุ้มน้ำ ทำให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายเป็นปกติ และชนิดละลายในน้ำ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
9. มะเขือเทศ มี “ไลโคปีน” เป็นสารสำคัญ ซึ่งสารตัวนี้ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด รักษาโรคความดันโลหิตสูง และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “รมว.วีระศักดิ์ดันเที่ยวลดภาษี-ช้อปชุมชนช่วยชาติ”
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา |
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งได้สัปดาห์เศษก็พร้อมจะหารือกับกระทรวงการคลัง เรื่องการนำมาตรการด้านภาษีเข้ามาช่วยเพิ่มการท่องเที่ยวภายในประเทศนำรายได้กระจายสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ เบื้องต้นจะเสนอให้คลังพิจารณาหักลดหย่อนภาษีให้ร้านค้า ภาษีป้ายให้ ผู้ประกอบการที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการเปิดบ้าน หรือร้านค้าที่ให้นักท่องเที่ยวใช้บริการห้องน้ำ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อเสริมศักยภาพการบริการกับนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ เบื้องต้นจะใช้วิธีติดป้ายร้านให้นักท่องเที่ยวรับรู้
เป้าหมายของการเสนอใช้มาตรการภาษีเพื่อผู้ประกอบการและท้องถิ่น มุ่งหวังจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปกระจายรายได้สู่เมืองรอง ลดความเหลื่อมล้ำของคนในชาติ
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเสริมว่า จะเสนอโครงการช้อปช่วยชุมชนตามเมืองท่องเที่ยวรองด้วยเช่นกัน โดยอยู่ระหว่างหารือร่วมกับพันธมิตรสนับสนุนรางวัลจะจูงใจให้คนไทยเที่ยวในประเทศ แล้วซื้อสินค้าครบมูลค่า 200-300 บาท จะได้รับอี-คูปองชิงโชค เป็นกิมมิกที่จะช่วยสร้างสีสันการใช้จ่ายสินค้าท้องถิ่นเพิ่มขึ้นได้ในปี 2561
ข่าวที่สอง “สบพ.จ่อลงทุน7.2พันล้านขานรับอู่ตะเภาฮับบินใหม่”
พล.ร.ต.ปิยะ อาจมุงคุณ ผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) เปิดเผยว่า เตรียมแผนลงทุนทางด้านการพัฒนาบุคลากรการบินเข้าสู่อุตสาหกรรมใน 3 ปีหน้า จะใช้เงินกว่า 7,200 ล้านบาท เดินหน้า 3 โปรเจ็กต์หลัก ได้แก่
โครงการที่ 1 ก่อสร้างอาคารเรียน 18 ชั้น บริเวณสำนักงานใหญ่จตุจักร ซึ่งรัฐบาลอนุมัติให้ใช้งบ 1,400 ล้านบาท ตามแผนการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมใช้งานได้ในปี 2564 จะสามารถผลิตบุคลากรทั้งด้านอากาศและภาคพื้น เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากปัจจุบันผลิตได้ปีละ 1,400 คน ต่อไปจะได้ถึงปีละ 3,000 คน
โครงการที่ 2 ผลิตนักบินในศูนย์ฝึกหัวหินตามมาตรฐานสากล เพิ่มเป็น 2 เท่าเช่นกัน จากปีละ 80-100 คนเป็น 160 คน แต่จะต้องเสนอขอใช้งบลงทุนปี 2562 เบื้องต้นประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องบินฝึกบิน ปรับปรุงเครื่องมือต่างๆ ให้ได้ตามมาตรฐานองค์กรการพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
โครงการที่ 3 จัดตั้งเทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ชลบุรี โดยจะจัดให้มีการเรียนการสอน ในลักษณะโรงเรียนบวกโรงงาน พัฒนามาตรฐานหลักสูตรสูงขึ้นอีกขั้น พร้อมกับเพิ่มหลักสูตรสู่มาตรฐานของสำนักงานความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) เข้าไปด้วย
ทั้งนี้ สบพ. ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเบื้องต้นกับกองทัพเรือจัดทำศูนย์เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ไปเรียบร้อยแล้ว ตกลงจะเดินหน้าผลิตช่างซ่อมบำรุงอากาศยานปีละ 300 คน และตามแผนจะย้ายกองวิชาช่างบำรุงรักษาอากาศยาน และวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์การบินจากสำนักงานจตุจักรไปยังศูนย์ดังกล่าว เพื่อรองรับศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) โครงการร่วมทุนของการบินไทยกับแอร์บัส และโรงงานผลิตชิ้นส่วนอากาศยานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งตะวันออก (EEC)
ข่าวที่สาม “สนามบินหาดใหญ่รับน้องใหม่มาลินโด้แอร์ มาเลย์”
นายชูวิทย์ พันธุ์เณร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานหาดใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ขณะนี้มีสายการบินน้องใหม่ มาลินโด้แอร์ (OD) เปิดเที่ยวบินตรงจาก มาเลเซียเข้าสู่หาดใหญ่เต็มรูปแบบ ต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยวช่วงตารางบินฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่ธันวาคม 2560 – 23 มีนาคม 2561 บริการบินเส้นทาง ไป-กลับ สุบัง (มาเลเซีย) - หาดใหญ่ - ปีนัง (มาเลเซีย) และ ปีนัง - หาดใหญ่ - ปีนัง ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์
ซึ่งจะเป็นสัญญาณที่ดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภาพรวมของหาดใหญ่ และเมืองใกล้เคียง ในการเพิ่มรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากหาดใหญ่เป็นเมืองที่ชาวมาเลเซียนิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี อัตราการเติบโตเพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยวทุกปีจะมีเที่ยวบินสนใจเปิดเส้นทางเพิ่มตลอดเวลา
ข่าวที่สี่ “เริ่มแล้วสุดยอดอาหารอิตาเลียนที่โรงแรมเรเนซองส์”
โรงแรม เรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ จัดรายการอาหารอิตาเลียนแสนอร่อยและไวน์ยอดเยี่ยม ที่ห้องอาหาร ลา ทาโวล่า แอนด์ ไวน์ บาร์ นี้เหมาะสำหรับทุกโอกาสไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงอาหารกลางวันทางธุรกิจหรืองานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนๆ และครอบครัวตอนกลางคืน
แนะนำเมนูอิตาเลียนใหม่สูตรต้นตำรับที่รับรองความเข้มข้นถึงรสชาติเครื่องเทศนานาชนิดที่เชฟหนุ่มอีตาเลียน Salvatore Catania สรรหามาปรุงอย่างพิถีพิถัน เมนูไฮไลต์ที่อยากให้ทุกท่านมาลิ้มลองเมนู ได้แก่
Octopus Salad สลัดปลาหมึกยักษ์ และ Salmon Tartar แซลมอนทาร์ทาร์ ซิ่งเป็นเมนูฟิวชั่นยั่วเย้า จากการนำปลาแซลมอนดิบ มาคลุกเค้ากับส้มโอและซอสส้ม
ผู้ที่ชื่นชอบรับประทานพิซซ่า พิซซ่าบางกรอบที่อบในเตาอบหินและเสิร์ฟร้อนๆ เป็นอีกเมนูที่น่า สนใจอย่างยิ่ง Pizza arotolata พิซซ่า arotolata ที่ได้ผสมผสานปลาแอนโชวี่ ชีสพาร์ซาน และ ใบ rocketได้ลงตัวอย่างมาก และ Burrata margarita ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อชีส ที่ไม่ควรพลาดคือ Tagliatelle al tartufo โฮมเมดพาสต้าผัดกับซอสครีมและทรัฟเฟิลของเชฟ Salvatore ที่มาคลุกเคล้าในพาเมซานชีสลูกใหญ่ และ Slow braised pork cheeks in Barolo, pumpkin gnocchi แก้มหมูตุ๋นในเรดไวน์ซอสที่ละลายในปากเสริฟกับกรัมปิ้งฟักทอง
ปิดท้ายมื้ออาหารขอแนะนำ Affogato modern (ไอศครีมกลิ่นเหล้าอัลมอนเสริฟกับกาแฟเอสเปรสโซ๋) Bignole alla nocciola (เอแคร์สอดไส้ครีมถั่วเฮเซลนัท) และ Torta della noona (ลูกแพร์ทาร์ต)
ห้องอาหาร ลา ทาโวล่า แอนด์ ไวน์ บาร์ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 11.30 น. - 14.30 น. และ 18.00 น. - 22.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ 02 125 5020
ติดตามฟังรายการทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM97.0MHz. ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น