เอกชนยกเครื่องทัวร์ในประเทศหวังโกย3แสนล้าน
เร่งผลิตแพกเกจเที่ยวไทยรับ3นโยบาย“รัฐบาลบิ๊กตู่”
คิงเพาเวอร์ลดทุกมื้อ30%ควิซีนอันปลั๊ก-รามายณะ
ททท.ดึงทั่วโลกซื้อขายกระหึ่มATF2018เชียงใหม่
บางจากเจ้าแรกไทยUSAให้2ใบรับรององค์กรกรีน
ชม”นาบัวพุทธ-เรนฟอเรส-บ้านร่มเกล้า”พิษณุโลก
ระวังภัยสุขภาพใกล้ตัวจากเวียนศรีษะสารพัดโรค
TCEBชูพ็อกเก็ตบุ๊คไมซ์ปรับทัศนคติอุตฯแสนล้าน
ทางหลวงชนบทรุกทำถนนเลียบทะเลเที่ยวเมืองรอง
สภาทัวร์ตื่นบี้รัฐปรับท่าเทียบเรืออันดามันรับทัวร์โต
บินไทยชวนบริจาคไมล์ปันสุขช่วยการแพทย์ศิริราช
แอร์เอเชียชิงเปิดบินทะเลใต้ใกล้กรุง“กทม-ชุมพร”
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 ติดตามฟัง “ภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์” นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) นำทัพบริษัทสมาชิกผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวผุดรายการนำเที่ยวหวังแชร์ส่วนแบ่งรายได้ในประเทศเข้ากระเป๋าเอกชนตลอดปีจอกว่า 300,000 ล้านบาท ด้วยการเร่งทำแพเกจทัวร์ขานรับ 3 นโยบาย “เที่ยวเมืองรอง-อาหารถิ่นและมิชลิน-กระจายเงินสู่ชุมชนท่องเที่ยวฐานราก” ไปพร้อม ๆ กับปลุกจิตสำนึกขั้นรุนแรงแก่นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติที่เดินทางเป็นกรุ๊ปกับบริษัททัวร์ช่วยเก็บขยะดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เก่า ก่อนขยายไปเที่ยวตามพื้นที่ใหม่ ๆ
นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า ปี 2561 ภาคเอกชนจะเน้นเดินตามนโยบายของภาครัฐทั้งการส่งเสริมมาตรการท่องเที่ยวลดหย่อนภาษีในเมืองรองทั่วประเทศ 55 จังหวัด การท่องเที่ยวชุมชน รวมถึงวัฒนธรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวิถีไทยอย่างยั่งยืน ผนวกเรื่องการปลุกกระแสอาหารมิชลินและอาหารถิ่น โดยจะทำโปรแกรมท่องเที่ยววางตลาดขายในแต่ละช่วงให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทย เริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกต้นปีได้ทำแพกเกจเที่ยวภาคเหนือ ไตรมาสสองเข้าสู่ฤดูร้อนกำลังทยอยผลิตแพกเกจลงสู่ภาคใต้ และช่วงกลางปีไตรมาสสามเป็นฤดูฝนก็จะทำแพกเกจท่องเที่ยวในรัศมีรอบกรุงเทพฯ 300 กม.
ปี 2561 บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวภาคเอกชนในกลุ่มของ สทน.จะทำโปรแกรมและแพกเกจท่องเที่ยวต่อเนื่องตลอดในทุกฤดู เนื่องจากประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ต้นปีมีสัญญาณที่ดีของผู้บริโภค หลังจากรัฐบาลหันมาส่งเสริมเมืองรอง และจะผนวกเจาะขายกลุ่มตลาดประชุมสัมมนา ท่องเที่ยวโครงการพระราชดำริ เน้นทำกิจกรรมท่องเที่ยวเพื่อคืนกำไรสู่สังคม ซึ่งทางองค์กรเอกชนติดต่อเข้ามาเพื่อขอซื้อโปรแกรมดังกล่าวสูงขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายเงิน 2 คืน 1 วัน 3,000-4,000 บาทต่อคนต่อทริป แต่เมื่อใส่กิจกรรมซีเอสอาร์เพิ่มเข้าไปจะใช้จ่ายเพิ่ม 4,000-5,000 คนต่อทริป
กลุ่มนักท่องเที่ยวมาแรงปีนี้คือ กลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้หญิง ผู้สูงอายุ กลุ่มเจนวาย แนวโน้มจะเติบโตเพิ่มเป็นพิเศษ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวรองรับซึ่งจะต้องร่วมมือกับท้องถิ่นและองค์กรต่าง ๆ เพื่อแก้ไขความเสื่อมโทรม เพราะหลายปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก แหล่งท่องเที่ยวเดิมจึงเริ่มทรุดโทรมและไม่สมควรที่จะทิ้งของเก่าแล้วไปหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่มาขายโดยไม่ได้ดูแลรักษา ดังนั้นจึงต้องรณรงค์เรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
ปีนี้ทางผู้ประกอบการนำเที่ยวจะทำ 3 ก. คือ 1.การกิน เพราะมีความโดดเด่นทางด้านอาหารถิ่นและร้านที่ได้รับรางวัลมิชลิน ไกด์ บุ๊ค 2.การกอด เพื่อให้รักประวัติศาสตร์ ชีวิต ชุมชน ที่ดีงามไว้ และ 3.การเก็บ ดูแลรักษาปัญหาโดยร่วมเก็บขยะตามแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการปลุกจิตสำนึกกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่พาเข้าไปจะต้องไม่ทำลายธรรมชาติหรือสร้างปัญหาต่าง ๆ ทิ้งไว้
ตั้งแต่เริ่มเปิดศักราชใหม่ทางเอกชนได้ร่วมหารือและจับมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผนึกกำลังกันทำเรื่อง ความสะดวก ปลอดภัย สะอาด
ขณะเดียวกันเอกชนก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในมหกรรม “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561” จัดเป็นงานที่ดีที่ได้ยกของเด่น ๆ มาไว้ยังสวนลุมพินี ในช่วง 2 ปีหลังพยายามผลักดันให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าร่วมมากขึ้น ทาง ททท.และกระทรวงท่องเที่ยวฯ ก็เห็นความสำคัญ เพิ่มบทบาทเอกชนในงานมากขึ้น ด้วยการให้นำสินค้าของบริษัทนำเที่ยวตั้งเป็น Clinic ท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณโซนสอง มีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลรายละเอียดทุกเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางแต่ละฤดู
โปรแกรมที่นำไปวางเพื่อแนะนำแก่นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย เดินชมตามภูมิภาคต่าง ๆ แล้ว ต้องการจะเดินทางไปท่องเที่ยวหลังจากนี้เป็นต้นไป ก็แวะไปยังคลินิกท่องเที่ยวของ สทน.เพื่อขอคำแนะนำการทำโปรแกรมหรือวางแผนการเดินทางได้ตลอดจนถึงวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม นี้
แนวโน้มของคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศตลอดปี 2561 จะมีแรงกระตุ้นจากการใช้มาตรการลดหย่อนภาษีเข้ามาปลุกกระแสตลอดทั้งปีทั้งเดินทางและใช้เงินเพิ่มมากขึ้น โดยจะช่วยสร้างเงินสะพัดให้อยู่ในกลุ่มของภาคเอกชนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศตามเป้า 1 ล้านล้านบาท น่าจะได้มากกว่า 300,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความสงบของประเทศด้วย เพราะไทยเป็นจุดหมายปลายที่ได้รับความนิยมจากคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งการเป็นเจ้าบ้านที่ดีและการดูแลเรื่องความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวแรก “คิงเพาเวอร์ไลฟ์สไตล์ใหม่กินอาหารได้จุดใจมค.ลดเลย30%”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ หลังปรับโฉมใหม่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ต้อนรับเดือนมกราคม 2561 ด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ไม่ต้องมีเที่ยวบินเดินทางต่างประเทศก็มาเดินช้อปที่ร้านดิวตี้ฟรี รางน้ำ อันเป็นจุดหมายแห่งไลฟ์สไตล์ ที่มีทั้งร้านอาหารสตรีทฟู้ด สินค้าแบรนด์ไทย และช่วงครึ่งหลังเดือนมกราคมนี้ พร้อมมอบความคุ้มค่าในการใช้บัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ อิ่มอร่อยกับอาหารมื้อต่าง ๆ เริ่มจาก “บาร์บีคิวซันเดย์บรั๊นซ์บุฟเฟต์” รับทันทีส่วนลด 30 % โดยจ่ายรวมท้งอาหารรวมเครื่องดื่มเพียงคนละ 1,255 บาทเท่านั้น เด็กอายุต่ำกว่า 11 ปีรับประทานฟรี ที่ห้องอาหารควิซีน อันปลั๊ก โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ (รางน้ำ)
สำหรับเมนูบาร์บีคิวซันเดย์บรั๊นซ์บุฟเฟต์ได้จัดทัพอาหารทะเลนำเข้ามามายมาให้เลือกรับประทานกันอย่างจุใจ ทั้ง หอยนางรมฟินแคลร์ ปูหิมะฝรั่งเศส เนื้อสัตว์รวมถึงซี่โครงย่างสไตล์ลาตินนำเข้าจากอเมริกา ในมุมบาร์บีคิว และเมนูนานานาชาติละลานตา
ส่วนที่ “ภัตตาคารรามายณะ ภูเก็ต คอมเพล็กซ์” ในดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ก็จัดโปรโมชั่นพิเศษ มา 3 จ่าย 2 ระหว่างวันนี้ – 31 มกราคม 2561 เต็มอิ่มกับบุฟเฟต์นานาชาติ อาหารและเครื่องดื่มหลากชนิด เพียงแค่ใช้บัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ กับโปรโมชั่นพิเศษดังกล่าวที่ภัตตาคารรามายาณะ ภูเก็ต เปิดบริการทุกวัน ในการเลือกรับประทาน บุฟเฟต์มื้อกลางวัน เพียงคนละ 400 บาทสุทธิ บุฟเฟต์มื้อค่ำ จัดเต็มอาหารทะเล เพียงคนละ 600 บาทสุทธิ สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ โทร.0 7639 7888 ต่อ 8387, 8389
ข่าวที่ 2 “ททท.ดึงอินเตอร์กว่า500องค์กรร่วมนิวเฉดATF2018เชียงใหม่”
ททท.เปิดกลยุทธ์นำไทยเจ้าภาพครั้งที่ 6 จัดงานใหญ่อาเซียน ATF 2018 ปลุกผู้ขาย 276 องค์กร เจรจาคู่ค้าจากทั่วโลก 240 ราย พร้อมเป็นประเทศแรกดีไซน์พื้นที่ “โปรดักซ์ โชว์เคส” ให้สมาชิก 10 ประเทศ ตั้งเป้าจุดพลุความร่วมมือ “ASEAN-Sustainable Connectivity Connectivity Boundless Prosperity”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงาน ASEAN Tourism Forum (ATF 2018 ) ) ระหว่าง 22 -26 มกราคม2561 ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าเฉลิมพระเกียรติ จ.เชียงใหม่ ภายใต้ Theme Theme Theme Theme “ASEAN-Sustainable Connectivity Connectivity Boundless Prosperity”เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหวางประเทศสมาชิกอำเซียน และประเทศไทยได้เป็นเจ้ำภาพจัดรวม 5 ครั้งแล้ว ปี 2561 เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 6 (ATF ครั้งที่ 37)
ปีนี้มีกลุ่มตัวแทนผู้ขายการท่องเที่ยว (Sellers) ตอบรับเข้าร่วมงานมากถึง 276 องค์กร รวม 323 บูธ ประกอบด้วย โรงแรมที่พัก 73 % ธุรกิจท่องเที่ยว/ไมซ์ 11 % หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว/สมาคม 9 % และบริษัทตัวแทนท่องเที่ยว/ทัวร์โอเปอเรเตอร์ 4 % ที่เหลือเป็นกลุ่มอื่น ๆ
สำหรับผู้ประกอบธุรกิจของชาติสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมขายท่องเที่ยวกับตัวแทนผู้ซื้อจากทั่วโลกในงาน TRAVEX อันดับ 1 คือไทยมี 117 ราย ลำดับรองลงไป ได้แก่ อินโดนีเซีย 50 ราย ฟิลิปปินส์ 30 ราย มมาเลเซีย 24 ราย สิงคโปร์ 20 ราย เวียดนาม 15 ราย กัมพูชา 10 ราย สปป.ลาว 4 ราย เมียนมา 3 ราย
ทางด้านตัวแทนกลุ่มผู้ซื้อ (buyer) จากทั่วโลกมีจำนวนรวม 240 ราย ประกอบด้วย ยุโรป 113 ราย เอเชีย 28 ราย อาเซียน 62 ราย อเมริกา 40 ราย
ภายในงาน ATF 2017 ได้ออกแบบพื้นที่จัดแสดงที่เรียกว่า ASEAN PRODUCT SHOWCASES ให้แก่ 10 ประเทศในอาเซียนเพื่อมาสาธิต สินค้ำและวัฒธนธรรมของแต่ละประเทศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการจัดงาน ATF ที่ออกแบบการจัดพื้นที่ให้ในลักษณะนี้
ส่วนของประเทศไทย บริเวณ ASEAN Product Showcase ททท.ได้นำเสนอตู้ภาษาไทย และการจัด DIY ศิลปะบนช้ำงปูนปลาสเตอร์ ภายใต้โครงการ ELEPHANT PARADE LAND เพื่อนำรายได้จากการขายช้างปูนพลาสเตอร์ นำไปช่วยรักษาช้างที่ป่วยในประเทศไทยซึ่งช้างปูนปลาสเตอร์เหล่านี้ได้ผลิตเป็นสินค้าที่ระลึกส่งออกไปขายในตลาดยุโรป และอเมริกาหารายได้เพิ่มอีกช่องทาง
รวมทั้งการจัดทำโซน “Premium Product Showcase” 3 ไฮไลต์ ประกอบด้วย 1.พื้นที่นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวต้นแบบ -Best Itineraries Showcase 2.พื้นที่สาธิตการทำอาหารและผลิตภัณฑ์ด้านอาหาร – Cooking Demonstration 3.พื้นที่จัดแสดงสินค้าพรีเมี่ยม คิชเช่นแวร์และอุปกรณ์การตกแต่ง - Premium Product D
ข่าวที่ 3 “บางจากผงาดรายแรกได้2ใบรับรองLEEDจากUSA”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดตัว 2 ใบรับรองแห่งอาคารสีเขียวระดับนานาชาติ หรือใบรับรอง LEED (Leadership in Energy and Environmental Design: LEED) ของสภาอาคารเขียวสหรัฐ อเมริกา (U.S. Green Building Council : USGBC) ตามที่อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท บางจากฯ ได้รับใบรับรองดังกล่าวในระดับ Platinum โดยเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยที่ได้รับใบรับรองในประเภท LEED for Commercial Interior (LEED CI) บนพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
สำหรับงานตกแต่งภายในเชิงพาณิชย์ ได้ทำพิธีเปิดตัวใบรับรอง LEED ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท บางจากฯ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ พร้อมได้รับเกียรติจาก Mr. Erik Anderson ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และกลุ่มพันธมิตรร่วมแสดงความยินดี
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท บางจากฯ มีการตกแต่งด้านสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ออกแบบและก่อสร้างโดยคำนึงถึง การประหยัดพลังงาน น้ำ การดูแลคุณภาพอากาศ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อร่วมดูแลคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ผู้ใช้อาคาร และสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาให้ใบรับรองจาก USGBC โดยใบรับรองทั้ง 2 ที่บริษัท บางจากฯ ได้รับ แบ่งเป็น ใบรับรองที่มอบให้สำหรับ Bangchak Convention and Meeting Center บนพื้นที่ขนาด 2,193 ตารางเมตร บริเวณห้องประชุมชั้น 8 และชั้น 10 และใบรับรองที่มอบให้ Bangchak @Bangchak Head Office บนพื้นที่ขนาด 10,676 ตารางเมตร ของอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัท บางจากฯ โดยมีเกณฑ์การพิจารณา 7 ด้าน ประกอบด้วย ด้าน Sustainable Sites, Water Efficiency, Energy and Atmosphere, Material and Resources, Indoor Environmental Quality, Innovation และ Regional Priority Credit
การได้รับใบรับรองครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจากผู้บริหารและพนักงานบางจากฯ ทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจในการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ปฏิบัติตามนโยบายด้านการบริหารจัดการอาคารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ด้วยบริษัท บางจากฯ มีวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่กลุ่มบริษัทนวัตกรรมสีเขียวชั้นนำในเอเชียที่มีบรรษัทภิบาลที่ดีและดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางแบบมีส่วนร่วมและยั่งยืน มีแนวทางการบริหารสู่ความยั่งยืนที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหประชาชาติที่ว่าด้วยเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนในการจัดการและพัฒนาสิ่งแวดล้อมทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในระดับโลก
ช่วงที่สอง ออกเดินทางไปท่องเที่ยวมุมใหม่ในเมืองอกแตก “พิษณุโลก” แล้วจะรู้จักเมืองไทยกว้างขึ้นกับทุ่งนา ป่าเขา ธรรมชาติเชิงเกษตร ทุกอนูบนผืนแผ่นดินไทยคือความสุขของทุกคน เมื่อได้ไปซึมซัมความสุขที่ โฮมสเตย์บ้านนาบัวพุทธ ไร่เรนฟอเรสต์ และสวนพฤกษศาสตร์ร่มเกล้า
@เที่ยวพิษโลกมุมใหม่ในนาบัวพุทธ/ไร่เรนฟอเรสต์-สวนพฤกษศาสตร์”
การเดินทางเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ยิ่งถ้าได้ไปทัวร์เมืองไทยในพื้นที่ใหม่ตามเมืองท่องเที่ยวยิ่งได้กำไรชีวิตใน “พิษณุโลก” เมืองอกแตกที่ใคร ๆ ยังเข้าไม่ถึง วันนี้จะพาไปอิ่มเอมใจตามชุมชน 3 อำเภอ เริ่มจาก “โฮมสเตย์บ้านนาบัว” อำเภอนคร ที่ตำบลนาบัวเป็นหมู่บ้านตั้งอยู่กลางหุบเขาคล้ายแอ่งกระทะ ชาวบ้านแถบนี้จะใช้แปลงนาทำอาชีพปลูกดอกบัวพุทธ ดอกสีม่วงเป็นริ้วทิวงามตลอดท้องทุ่ง พัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ท่องเที่ยวเชิงการเกษตร รอบบริเวณมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้ง น้ำตก เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เดินชมต้นจำปาขาวอายุกว่า 700 ปี การสาธิตทำนาโยน การทำปุ๋ยชีวภาพใช้อย่างปลอดภัย อีกทั้งชาวชุมชนได้คิดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ชมด้วย เป็นการแสดงพื้นบ้าน การทำหัตถกรรมท้องถิ่น
ชาวนาบัวเป็นชุมชนที่ได้รับรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยความโดดเด่นเรื่องการบริหารจัดกงานเงินออมและการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่คงความอุดมสมบูรณ์ เรื่อยไปจนถึงการรักษาประเพณีพื้นบ้านไว้เป็นอย่างดี
จากนั้นเดินทางไปยัง “อำเภอวังทอง” เพื่อไปสูดโอโซนบริสุทธิ์ที่ “เรนฟอเรสท์ ฟาร์ม” ที่ตำบลแก่งโสภา เป็นอีกแห่งที่นำแนวคิดการพึ่งพาตนเองด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ดูแลกันเอกง กระทั่งสามารถผลิตพลังงานทดแทนจากไบโอดีเซล ไบโอแก๊ส น้ภส้มควันไม้เตาพลังงานแกลบ และพลังงานแสงอาทิตย์ ใช้เอง แถมยังเป็นแหล่งคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพพื้นบ้าน มีทั้ง สบู่ น้ำยาสระผม น้ำยาเอนกประสงค์ ยาหม่อง กลายเป็นธุรกิจชุมชนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปลุกจิตสำนึกดึงเยาวชนในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
มีกรรมวิธีการพัฒนาฟาร์มอย่างเป็นขั้นตอน ทั้งเรื่องการเพาะปลูก ผลิตอาหารปลอดสารเคมี ทำปศุสัตว์ บ่อปลา เลี้ยงไก่ไข่ เป็ด หมูหลุม ไส้เดือน ปุ๋ยหมัก เรื่อยไปจนถึงการผลิตพลังงานจากธรรมชาติใช้เอง การปลูกป่าแบบสวนผสม สามารถลดค่าใช้จ่ายแถมมีรายได้อย่างยั่งยืน
ปิดท้ายที่ “อำเภอชาติตระการ” ไปชม “สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าพิษณุโลกในพระราชดำริ” ที่ตำบลบ่อภาค สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จทอดพระเนตการดำเนินงานของโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ ภูขิด ภูเมี่ยง ภูสอยดาว จากนั้นจึงมีพระราชประสงค์เพื่อการอนุรักษ์พื้นที่ป่าอันสมบูรณ์ไว้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและเพื่อสนับสนุนราษฎรในหมู่พื้นที่ พร้อม ๆ กับพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
ไปถึงแล้วนักท่องเที่ยวจะได้ชมการจัดแสดงพรรณไม้ประจำถิ่น ไม้หายากและใกล้สูญพันธุ์ โรงเรือนกล้วยไม้ไทยสายพันธ์หายากกว่า 300 ชนิด รวมถึงพรรณไม้ค้นพบใหม่อย่าง สร้อยสยาม และที่สำคัญมีเส้นทางให้เดินท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติหรือจะเลือกนั่งรถอีแต็กของชาวบ้านก็ได้ ตลอดสองข้างทางจะได้เพลิดเพลินไปกับวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าม้งไปพร้อม ๆ กัน
ความสุขของทุกคนอยู่ใกล้แค่เอื้อม เพียงออกไปเปิดหูเปิดตาเที่ยวเมืองไทย แล้วจะเห็นมุมใหม่ในอีกหลายมิติคงอยู่และเปลี่ยนแปลงไปอย่างสร้างสรรค์ ออกมาท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยมีสิ่งสวย ๆ งาม มากกว่าที่คิด
@ระวังอาการเวียนศรีษะกับภัยสุขภาพใกล้ตัว
ปัจจุบันหลายคนอาจเคยเกิดอาการเวียนศีรษะ ซึ่งพบได้บ่อยกับทุกเพศทุกวัย และก่อนต้องเผชิญกับการเจ็บป่วยด้วยอาการดังกล่าว การป้องกันโดยดูแลสุขภาพ รู้เท่าทันโรคเพื่อรักษามีความสำคัญ
อาการเวียนศีรษะ จากข้อมูลงานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพงานสร้างเสริมสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้ว่า เวียนศีรษะ เป็นอาการที่ใช้อธิบายความรู้สึกไม่สบายที่เกิดขึ้นจากการรบกวนสภาวะการรับรู้สภาพการทรงตัวของร่างกาย เกิดจากความผิดปกติของระบบการทรงตัวระบบใดระบบหนึ่ง หรือหลายระบบ ได้แก่ สายตา ระบบรับความรู้สึกของข้อต่อทั่วร่างกาย ระบบประสาทการทรงตัวในหูชั้นใน และระบบประสาทกลาง ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมสัญญาณประสาท
สำหรับ อาการเวียนศีรษะหมุน เป็นความรู้สึกเหมือนมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของ สิ่งแวดล้อมรอบตัว หรือของตนเอง หรือเสียการทรงตัว ทำให้ผู้นั้นไม่สามารถควบคุมการทรงตัวในลักษณะ ปกติได้ มักมีอาการเวียนหมุน สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็น บ้าน โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ รอบตัวหมุน ซึ่งในความจริงนั้นสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ได้หมุน อาการเวียนศีรษะชนิดนี้จึงค่อนข้างรุนแรง และอาจมีอาการแทรกซ้อน อื่น ๆ ตามมาได้ เช่น ใจเต้นแรง ฯลฯ โดยสาเหตุอาการเวียนศีรษะชนิดนี้คือ ความผิดปกติของอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน
โรคที่เป็นสาเหตุของอาการเวียนศีรษะจึงได้แก่ โรคหูชั้นในผิดปกติ อาจเกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่บางรายอาจมีประวัติโรคทางหู หรืออุบัติเหตุมาก่อน โรคกลุ่มนี้จะก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะที่พบบ่อยที่สุด โดยเป็นแบบบ้านหมุนหรือโคลงเคลง และมักมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย ขณะเกิดอาการมักต้องอยู่นิ่ง ๆ หากเคลื่อนไหวศีรษะอาจทำให้มีอาการมากขึ้น และมักเป็นขณะเปลี่ยนท่าทาง เช่น ลุกจากเตียงนอนหรือล้มตัวลงนอน ตะแคงซ้ายขวา ในบางรายอาจมีอาการหูอื้อและเสียงรบกวนในหู
การอักเสบติดเชื้อ เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง เชื้อไวรัสเป็นสาเหตุที่พบบ่อย มักจะเป็นหวัดหรือระบบทางเดินหายใจอักเสบนำมาก่อน หากเชื้อลามเข้าหูชั้นในและเส้นประสาทจะเกิดการอักเสบ ส่งผลให้มีอาการเวียนศีรษะรุนแรง และเป็นอยู่หลายวัน แต่การได้ยินจะปกติดี ส่วนการอักเสบของหูชั้นในที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย อาการจะรุนแรงมากและอาจสูญเสียการได้ยิน พบในผู้ที่มีประวัติโรคการอักเสบของหูส่วนกลาง หูน้ำหนวก แล้วโรคลุกลามเข้าไปในหูชั้นใน
นอกจากนี้เกิดจาก อุบัติเหตุ ที่ทำอันตรายต่อหูชั้นใน โดยเฉพาะอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน จะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะอย่างมาก ร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน บางรายอาจสูญเสียการได้ยินร่วมด้วย โดยอาการจะเป็นนานหลายวันถึงสัปดาห์ จากนั้นจะค่อย ๆ ดีขึ้น
โรคเนื้องอกเส้นประสาทการทรงตัวหรือเส้นประสาทการได้ยิน มักพบอาการเสื่อมการได้ยิน ร่วมกับอาการมึน เวียนศีรษะ อาจมีเสียงรบกวนในหู ในรายที่ก้อนเนื้องอกขนาดใหญ่ ไม่ได้รับการรักษา อาจมีอาการชาที่ใบหน้าซีกนั้น เดินเซ หรืออาการทางสมอง เนื่องจากก้อนเนื้องอกไปกดเส้นประสาท
อีกทั้งระบบการไหลเวียนเลือดก็เป็นอีกสาเหตุ หากเลือดไหลเวียนไปสมองไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดอาการมึนเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลมได้ อย่างเช่น การลุกขึ้นยืนเร็ว ๆ จากท่านอนหรือท่านั่ง ซึ่งทั่วไปจะหายได้เอง
แต่สำหรับผู้ป่วยจะเกิดอาการค่อนข้างบ่อย สาเหตุเกิดจากความดันโลหิตต่ำ เส้นเลือดตีบ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือโลหิตจาง เป็นต้น ส่วน โรคทางระบบประสาท มักมีอาการเวียนศีรษะร่วมกับอาการทางระบบประสาทอื่นๆ เช่น แขนขาอ่อนแรง ชารอบปากและแขนขา เห็นภาพซ้อน และโรคภูมิแพ้ก็เป็นอีกสาเหตุซึ่งบางคนอาจเวียนศีรษะเมื่อได้รับสิ่งที่แพ้
อย่างไรก็ตามอาการเวียนศีรษะเป็นอาการที่เกิดจากหลายสาเหตุ เมื่อมีอาการพบความผิดปกติไม่ควรวางใจ ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง ทั้งนี้การดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย การเล่นกีฬาเบา ๆ หรือบริหารร่างกาย เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพการทรงตัว ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ลดภาวะที่จะก่อให้เกิดความเครียด รักษาอารมณ์และสภาพจิตใจให้เบิกบานแจ่มใส พักผ่อนให้เพียงพอ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กล่าวว่า “ไมซ์เป็นธุรกิจดาวรุ่งที่ทั่วโลและไทยให้ความสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ของโลกมีขนาดใหญ่ถึงเกือบ 400,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2560 ไทยมีรายได้จากไมซ์ต่างประเทศและคนไทยมาจัดงานรวม 36.3 ล้านคน สร้างรายได้ 1.79 แสนล้านบาท
จากปัจจัยดังกล่าวจึงเกิดแนวคิดจัดทำพ็อกเก็ตบุ๊ค “MICE ไม่ได้แปลว่าหนู” เล่มแรกของเมืองไทย โดยรวบรวมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับไมซ์ในมุมต่าง ๆ มาเล่าอย่างเข้าใจง่าย อ่านตามไปได้อย่างเพลิดเพลิน เปี่ยมอรรถรส จนเกิดความรู้ ความเข้าใจ เป็นการจุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจ มาร่วมสร้างสรรค์ไมซ์ให้ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต ต่อยอดสร้างคนพันธุ์ไมซ์รุ่นใหม่ให้กับประเทศ โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการในธุรกิจไมซ์ หรือคนที่สนใจอยากเข้ามาทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ รวมไปถึงนิสิตนักศึกษาและประชาชนทั่วไป”
“ศุภวรรณ ตีระรัตน์” รองผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์พัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม TCEB ผู้รับผิดชอบการจัดทำพ็อกเก็ตบุ๊ค กล่าวว่า ได้จัดพิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊คขั้นต่ำ 5,000 เล่ม ส่วนหนึ่งจะแจกไปยังสถาบันการศึกษาที่สอนหลักสูตรเกี่ยวข้องกับไมซ์และตั้งเป้าหมายจะสร้างความรู้ความเข้าใจไมซ์แก่คนทั่วไปอย่างถูกต้องมากขึ้น ด้วยเนื้อหาภายในพ็อกเก็ตบุ๊ก “MICE ไม่ได้แปลว่าหนู” แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
ส่วนแรก KNOW MICE นี่ล่ะ...ไมซ์ แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับธุรกิจไมซ์ ไม่ว่าจะเป็นความหมายที่แท้จริงของหัวใจ 4 ห้องที่สำคัญของไมซ์ Meetings, Incentive Travels, Conventions และ Exhibitions แล้วยังทำให้เรารู้ด้วยว่า ธุรกิจที่พักแนวใหม่ Airbnb ซึ่งฉีกกรอบการเข้าพักแบบเดิมๆ ได้แนวคิดมาจากงานประชุมสัมมนาด้านการออกแบบที่ซานฟรานซิสโกในปี 2007 หรือพูดง่ายๆ ก็คือ Airbnb เกิดจากธุรกิจไมซ์นั่นเอง นอกจากนั้นยังได้รวบรวมเทรนด์ใหม่ๆของไมซ์ที่ห้ามพลาด อาทิ Sport Event หรือ Smart MICE ที่มีการนำดิจิทัลหรือการนำ Mobile Application มาใช้เพื่อสร้างสีสันให้ไมซ์ รวมไปถึงการนำเสนอเรื่องจัดตั้งเมืองไมซ์หรือ MICE Cities อย่างเป็นทางการได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่นและพัทยา เป็นต้น
ส่วนที่สองได้แก่ THE MIGHTY MICE เมื่อไมซ์เข้ามา จงเปิดประตู เป็นการถอดบทเรียนการประมูลสิทธิ์ การดำเนินงานเป็นเจ้าภาพจัดงานของไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน โดยนำเสนอทั้งหมด 7 งานด้วยกัน ได้แก่ Organo Gold Asia Convention ซึ่งถูกยกให้เป็นกรณีศึกษาของการจัดงานประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2558 และปี 2560, การจัดประชุม Quantum FY18 Sales & Partner Kick off 2017 ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เลือกเชียงใหม่เป็นปลายทางการประชุมที่ทุกอย่างในงานได้เตรียมไว้ให้ทุกคนร้อง“ว้าว”, การประชุมสมัชชาสหภาพคนตาบอดโลก, งาน FDI Annual World Dental Congress 2015 ครั้งที่ 103 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค เป็นงานประชุมทันตแพทย์โลกขององค์กรสหพันธ์ทันตกรรมโลก ที่มีคนเข้าร่วมงานเป็นหมื่นคน ประเทศไทยใช้เวลาเตรียมงานนี้ถึง 2 ปีเต็ม, Future Energy Asia 2018 งานประชุมพลังงานระดับโลกซึ่งกำลังจะจัดขึ้นในต้นปี 2561 มีคนเข้าร่วมประชุมจากทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 1,500 คน และคาดว่าจะมีคนเข้าชมงานจัดแสดงสินค้าไม่น้อยกว่า 15,000 คน, งาน VIV Asia เป็นงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านปศุสัตว์และสัตว์น้ำระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และจัดขึ้นในประเทศไทยหลายต่อหลายครั้งจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และสุดท้ายงาน Harmony World Puppet Carnival in Bangkok Thailand 2014 งานเทศกาลหุ่นโลกที่หุ่นจากนานาประเทศกว่า 80 ประเทศได้พากันเดินขบวนพาเหรดอย่างยิ่งใหญ่และยาวเหยียดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร
ส่วนที่สาม มีชื่อว่า WHEN MICE MEETS MASS บทเรียนนอกตำราจากคนพันธุ์ไมซ์ เป็นบทสัมภาษณ์บุคคลแถวหน้าของประเทศในแวดวงไมซ์กว่า 11 คน จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ทั้งหมดเพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมได้นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างจริงจัง
ข่าวที่สอง “สภาท่องเที่ยวดันรัฐยกเครื่องท่าเทียบเรือทั่วอันดามัน”
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า เตรียมผลักดันให้รัฐบาลเข้ามาปรับปรุงพัฒนาท่าเทียบเรือน้ำลึกในเมืองท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งกลุ่มจังหวัดอันดามันเป็นพื้นที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศปี 2560 มีมูลค่า690,000 ล้านบาทเศษ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ท่าเที่ยบเรือที่ได้มาตรฐานในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ในช่วงน้ำลงเรือขนาดใหญ่และขนาดกลางไม่สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้เนื่องจากลำคลองตื้นเขิน ต้องถ่ายผู้โดยสารจากเรือใหญ่สู่เรือหางยาวเพื่อเข้าฝั่ง การเดินทางและขนสัมภาระลำบากต้องใช้เวลามากทำให้กระทบไปถึงผู้โดยสารบางรายต้องเดินทางไปต่อเที่ยวบิน เพื่อปรับภาพลักษณ์และบริการใหม่ให้ได้มาตรฐาน ภาครัฐควรเข้ามาพัฒนาท่าเที่ยบเรือดังกล่าวตลอดจนการขุดลอกคลองบริเวณท่าเทียบเรือหาดนพรัตน์ธาราโดยเร่งด่วน และพัฒนาท่าเทียบเรือในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รองรับการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตในอนาคตด้วย
ข่าวที่สาม “ทช.ลุยสร้างถนนเชื่อมท่องเที่ยวทะเลใต้ชุมพร-ระนอง”
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า ได้ขานรับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบนอย่างยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เพื่อร่วมมือกันพัฒนาการท่องเที่ยวโดยการเร่งทำโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นระบบ ดังนั้นกรมทางหลวงชนบทจึงลุยปรับปรุงถนนเชื่อมเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติมโดยเน้นความต่อเนื่อง สวยงาม ร่มรื่น สะดวก และง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว เริ่มจากในชุมพรมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่ง เช่น หาดบ่อเมา หาดทรายรี หาดบางเบิด และอีกหลากหลายแห่ง
ขณะนี้กรมทางหลวงชนบท ได้เดินหน้าก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 3201-บ้านบางจาก อำเภอปะทิว ชุมพร ระยะทาง 8.595 กิโลเมตร โดยใช้งบประมาณการก่อสร้าง 83.480 ล้านบาท พัฒนาหาดบ่อเมาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของชุมพร ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งเครื่องหมายจราจรคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2561
ข่าวที่สี่ “การบินไทยชวนบริจาคไมล์ซื้ออุปกรณ์แพทย์ให้ศิริราช”
นางอุษณีย์แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จัดโครงการบริจาคไมล์ “ไมล์ปันสุข” ชวนให้สมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส มาร่วมกันสร้างความดีด้วยการบริจาคไมล์สะสมกับโครงการบริจาคไมล์ ร่วมบริจาคได้ทางเว็บไซต์ thaiairways.com/rop ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม 2561 แทนการเปลี่ยนเป็นบัตรโดยสารการบินไทยในเส้นทางต่างๆ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อนำไปมอบให้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเป็นการหารายได้สมทบทุนใช้ในการจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช
ข่าวที่ห้า “ไทยแอร์เอเชียนำร่องบินแล้วกรุงเทพฯ-ชุมพร”
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผอ.ฝ่ายการพาณิชย์ ไทยแอร์เอเชียแอร์เอเชีย กล่าวว่าเปิดเส้นทางบินใหม่ลงสู่ทะเลภาคใต้เปิดประตูสู่แหล่งดำน้ำที่สวยงามของเมืองไทยมีชื่อเสียงติดอันดับโลกอย่าง เกาะเต่า โดยจัดบินตรงทุกวัน "กรุงเทพ-ชุมพร" ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเศษ ออกจากกรุงเทพฯ ด้วยเที่ยวบิน FD 3148 ออกจากกรุงเทพฯ 07.25 น. ถึงชุมพร 08.35 น. ส่วนขากลับด้วยเที่ยวบิน FD 3149 ออกจากชุมพร 09.10 น. ถึงกรุงเทพฯ 10.35 น.
ทั้งนี้ได้เปิดตัวเที่ยวบินใหม่ กรุงเทพฯ-ชุมพร ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 พร้อมทั้งยังได้แจกตั๋วบินฟรี ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ชุมพร คนละ 1 ที่นั่ง ให้แก่ผู้โชคดี 30 คนแรกที่ร่วมสนุกลงทะเบียนเข้างานแอร์เอเชีย
เร่งผลิตแพกเกจเที่ยวไทยรับ3นโยบาย“รัฐบาลบิ๊กตู่”
คิงเพาเวอร์ลดทุกมื้อ30%ควิซีนอันปลั๊ก-รามายณะ
ททท.ดึงทั่วโลกซื้อขายกระหึ่มATF2018เชียงใหม่
บางจากเจ้าแรกไทยUSAให้2ใบรับรององค์กรกรีน
ชม”นาบัวพุทธ-เรนฟอเรส-บ้านร่มเกล้า”พิษณุโลก
ระวังภัยสุขภาพใกล้ตัวจากเวียนศรีษะสารพัดโรค
TCEBชูพ็อกเก็ตบุ๊คไมซ์ปรับทัศนคติอุตฯแสนล้าน
ทางหลวงชนบทรุกทำถนนเลียบทะเลเที่ยวเมืองรอง
สภาทัวร์ตื่นบี้รัฐปรับท่าเทียบเรืออันดามันรับทัวร์โต
บินไทยชวนบริจาคไมล์ปันสุขช่วยการแพทย์ศิริราช
แอร์เอเชียชิงเปิดบินทะเลใต้ใกล้กรุง“กทม-ชุมพร”
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 ติดตามฟัง “ภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์” นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) นำทัพบริษัทสมาชิกผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวผุดรายการนำเที่ยวหวังแชร์ส่วนแบ่งรายได้ในประเทศเข้ากระเป๋าเอกชนตลอดปีจอกว่า 300,000 ล้านบาท ด้วยการเร่งทำแพเกจทัวร์ขานรับ 3 นโยบาย “เที่ยวเมืองรอง-อาหารถิ่นและมิชลิน-กระจายเงินสู่ชุมชนท่องเที่ยวฐานราก” ไปพร้อม ๆ กับปลุกจิตสำนึกขั้นรุนแรงแก่นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติที่เดินทางเป็นกรุ๊ปกับบริษัททัวร์ช่วยเก็บขยะดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เก่า ก่อนขยายไปเที่ยวตามพื้นที่ใหม่ ๆ
นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เ |
นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า ปี 2561 ภาคเอกชนจะเน้นเดินตามนโยบายของภาครัฐทั้งการส่งเสริมมาตรการท่องเที่ยวลดหย่อนภาษีในเมืองรองทั่วประเทศ 55 จังหวัด การท่องเที่ยวชุมชน รวมถึงวัฒนธรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวิถีไทยอย่างยั่งยืน ผนวกเรื่องการปลุกกระแสอาหารมิชลินและอาหารถิ่น โดยจะทำโปรแกรมท่องเที่ยววางตลาดขายในแต่ละช่วงให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทย เริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกต้นปีได้ทำแพกเกจเที่ยวภาคเหนือ ไตรมาสสองเข้าสู่ฤดูร้อนกำลังทยอยผลิตแพกเกจลงสู่ภาคใต้ และช่วงกลางปีไตรมาสสามเป็นฤดูฝนก็จะทำแพกเกจท่องเที่ยวในรัศมีรอบกรุงเทพฯ 300 กม.
ปี 2561 บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวภาคเอกชนในกลุ่มของ สทน.จะทำโปรแกรมและแพกเกจท่องเที่ยวต่อเนื่องตลอดในทุกฤดู เนื่องจากประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ต้นปีมีสัญญาณที่ดีของผู้บริโภค หลังจากรัฐบาลหันมาส่งเสริมเมืองรอง และจะผนวกเจาะขายกลุ่มตลาดประชุมสัมมนา ท่องเที่ยวโครงการพระราชดำริ เน้นทำกิจกรรมท่องเที่ยวเพื่อคืนกำไรสู่สังคม ซึ่งทางองค์กรเอกชนติดต่อเข้ามาเพื่อขอซื้อโปรแกรมดังกล่าวสูงขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายเงิน 2 คืน 1 วัน 3,000-4,000 บาทต่อคนต่อทริป แต่เมื่อใส่กิจกรรมซีเอสอาร์เพิ่มเข้าไปจะใช้จ่ายเพิ่ม 4,000-5,000 คนต่อทริป
กลุ่มนักท่องเที่ยวมาแรงปีนี้คือ กลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้หญิง ผู้สูงอายุ กลุ่มเจนวาย แนวโน้มจะเติบโตเพิ่มเป็นพิเศษ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวรองรับซึ่งจะต้องร่วมมือกับท้องถิ่นและองค์กรต่าง ๆ เพื่อแก้ไขความเสื่อมโทรม เพราะหลายปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก แหล่งท่องเที่ยวเดิมจึงเริ่มทรุดโทรมและไม่สมควรที่จะทิ้งของเก่าแล้วไปหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่มาขายโดยไม่ได้ดูแลรักษา ดังนั้นจึงต้องรณรงค์เรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
ปีนี้ทางผู้ประกอบการนำเที่ยวจะทำ 3 ก. คือ 1.การกิน เพราะมีความโดดเด่นทางด้านอาหารถิ่นและร้านที่ได้รับรางวัลมิชลิน ไกด์ บุ๊ค 2.การกอด เพื่อให้รักประวัติศาสตร์ ชีวิต ชุมชน ที่ดีงามไว้ และ 3.การเก็บ ดูแลรักษาปัญหาโดยร่วมเก็บขยะตามแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการปลุกจิตสำนึกกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่พาเข้าไปจะต้องไม่ทำลายธรรมชาติหรือสร้างปัญหาต่าง ๆ ทิ้งไว้
ตั้งแต่เริ่มเปิดศักราชใหม่ทางเอกชนได้ร่วมหารือและจับมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผนึกกำลังกันทำเรื่อง ความสะดวก ปลอดภัย สะอาด
ขณะเดียวกันเอกชนก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในมหกรรม “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561” จัดเป็นงานที่ดีที่ได้ยกของเด่น ๆ มาไว้ยังสวนลุมพินี ในช่วง 2 ปีหลังพยายามผลักดันให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าร่วมมากขึ้น ทาง ททท.และกระทรวงท่องเที่ยวฯ ก็เห็นความสำคัญ เพิ่มบทบาทเอกชนในงานมากขึ้น ด้วยการให้นำสินค้าของบริษัทนำเที่ยวตั้งเป็น Clinic ท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณโซนสอง มีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลรายละเอียดทุกเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางแต่ละฤดู
โปรแกรมที่นำไปวางเพื่อแนะนำแก่นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย เดินชมตามภูมิภาคต่าง ๆ แล้ว ต้องการจะเดินทางไปท่องเที่ยวหลังจากนี้เป็นต้นไป ก็แวะไปยังคลินิกท่องเที่ยวของ สทน.เพื่อขอคำแนะนำการทำโปรแกรมหรือวางแผนการเดินทางได้ตลอดจนถึงวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม นี้
แนวโน้มของคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศตลอดปี 2561 จะมีแรงกระตุ้นจากการใช้มาตรการลดหย่อนภาษีเข้ามาปลุกกระแสตลอดทั้งปีทั้งเดินทางและใช้เงินเพิ่มมากขึ้น โดยจะช่วยสร้างเงินสะพัดให้อยู่ในกลุ่มของภาคเอกชนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศตามเป้า 1 ล้านล้านบาท น่าจะได้มากกว่า 300,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความสงบของประเทศด้วย เพราะไทยเป็นจุดหมายปลายที่ได้รับความนิยมจากคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งการเป็นเจ้าบ้านที่ดีและการดูแลเรื่องความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวแรก “คิงเพาเวอร์ไลฟ์สไตล์ใหม่กินอาหารได้จุดใจมค.ลดเลย30%”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ หลังปรับโฉมใหม่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ต้อนรับเดือนมกราคม 2561 ด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ไม่ต้องมีเที่ยวบินเดินทางต่างประเทศก็มาเดินช้อปที่ร้านดิวตี้ฟรี รางน้ำ อันเป็นจุดหมายแห่งไลฟ์สไตล์ ที่มีทั้งร้านอาหารสตรีทฟู้ด สินค้าแบรนด์ไทย และช่วงครึ่งหลังเดือนมกราคมนี้ พร้อมมอบความคุ้มค่าในการใช้บัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ อิ่มอร่อยกับอาหารมื้อต่าง ๆ เริ่มจาก “บาร์บีคิวซันเดย์บรั๊นซ์บุฟเฟต์” รับทันทีส่วนลด 30 % โดยจ่ายรวมท้งอาหารรวมเครื่องดื่มเพียงคนละ 1,255 บาทเท่านั้น เด็กอายุต่ำกว่า 11 ปีรับประทานฟรี ที่ห้องอาหารควิซีน อันปลั๊ก โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ (รางน้ำ)
สำหรับเมนูบาร์บีคิวซันเดย์บรั๊นซ์บุฟเฟต์ได้จัดทัพอาหารทะเลนำเข้ามามายมาให้เลือกรับประทานกันอย่างจุใจ ทั้ง หอยนางรมฟินแคลร์ ปูหิมะฝรั่งเศส เนื้อสัตว์รวมถึงซี่โครงย่างสไตล์ลาตินนำเข้าจากอเมริกา ในมุมบาร์บีคิว และเมนูนานานาชาติละลานตา
ส่วนที่ “ภัตตาคารรามายณะ ภูเก็ต คอมเพล็กซ์” ในดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ก็จัดโปรโมชั่นพิเศษ มา 3 จ่าย 2 ระหว่างวันนี้ – 31 มกราคม 2561 เต็มอิ่มกับบุฟเฟต์นานาชาติ อาหารและเครื่องดื่มหลากชนิด เพียงแค่ใช้บัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ กับโปรโมชั่นพิเศษดังกล่าวที่ภัตตาคารรามายาณะ ภูเก็ต เปิดบริการทุกวัน ในการเลือกรับประทาน บุฟเฟต์มื้อกลางวัน เพียงคนละ 400 บาทสุทธิ บุฟเฟต์มื้อค่ำ จัดเต็มอาหารทะเล เพียงคนละ 600 บาทสุทธิ สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ โทร.0 7639 7888 ต่อ 8387, 8389
ข่าวที่ 2 “ททท.ดึงอินเตอร์กว่า500องค์กรร่วมนิวเฉดATF2018เชียงใหม่”
ททท.เปิดกลยุทธ์นำไทยเจ้าภาพครั้งที่ 6 จัดงานใหญ่อาเซียน ATF 2018 ปลุกผู้ขาย 276 องค์กร เจรจาคู่ค้าจากทั่วโลก 240 ราย พร้อมเป็นประเทศแรกดีไซน์พื้นที่ “โปรดักซ์ โชว์เคส” ให้สมาชิก 10 ประเทศ ตั้งเป้าจุดพลุความร่วมมือ “ASEAN-Sustainable Connectivity Connectivity Boundless Prosperity”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงาน ASEAN Tourism Forum (ATF 2018 ) ) ระหว่าง 22 -26 มกราคม2561 ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าเฉลิมพระเกียรติ จ.เชียงใหม่ ภายใต้ Theme Theme Theme Theme “ASEAN-Sustainable Connectivity Connectivity Boundless Prosperity”เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหวางประเทศสมาชิกอำเซียน และประเทศไทยได้เป็นเจ้ำภาพจัดรวม 5 ครั้งแล้ว ปี 2561 เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 6 (ATF ครั้งที่ 37)
ปีนี้มีกลุ่มตัวแทนผู้ขายการท่องเที่ยว (Sellers) ตอบรับเข้าร่วมงานมากถึง 276 องค์กร รวม 323 บูธ ประกอบด้วย โรงแรมที่พัก 73 % ธุรกิจท่องเที่ยว/ไมซ์ 11 % หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว/สมาคม 9 % และบริษัทตัวแทนท่องเที่ยว/ทัวร์โอเปอเรเตอร์ 4 % ที่เหลือเป็นกลุ่มอื่น ๆ
สำหรับผู้ประกอบธุรกิจของชาติสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมขายท่องเที่ยวกับตัวแทนผู้ซื้อจากทั่วโลกในงาน TRAVEX อันดับ 1 คือไทยมี 117 ราย ลำดับรองลงไป ได้แก่ อินโดนีเซีย 50 ราย ฟิลิปปินส์ 30 ราย มมาเลเซีย 24 ราย สิงคโปร์ 20 ราย เวียดนาม 15 ราย กัมพูชา 10 ราย สปป.ลาว 4 ราย เมียนมา 3 ราย
ทางด้านตัวแทนกลุ่มผู้ซื้อ (buyer) จากทั่วโลกมีจำนวนรวม 240 ราย ประกอบด้วย ยุโรป 113 ราย เอเชีย 28 ราย อาเซียน 62 ราย อเมริกา 40 ราย
ภายในงาน ATF 2017 ได้ออกแบบพื้นที่จัดแสดงที่เรียกว่า ASEAN PRODUCT SHOWCASES ให้แก่ 10 ประเทศในอาเซียนเพื่อมาสาธิต สินค้ำและวัฒธนธรรมของแต่ละประเทศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการจัดงาน ATF ที่ออกแบบการจัดพื้นที่ให้ในลักษณะนี้
ส่วนของประเทศไทย บริเวณ ASEAN Product Showcase ททท.ได้นำเสนอตู้ภาษาไทย และการจัด DIY ศิลปะบนช้ำงปูนปลาสเตอร์ ภายใต้โครงการ ELEPHANT PARADE LAND เพื่อนำรายได้จากการขายช้างปูนพลาสเตอร์ นำไปช่วยรักษาช้างที่ป่วยในประเทศไทยซึ่งช้างปูนปลาสเตอร์เหล่านี้ได้ผลิตเป็นสินค้าที่ระลึกส่งออกไปขายในตลาดยุโรป และอเมริกาหารายได้เพิ่มอีกช่องทาง
รวมทั้งการจัดทำโซน “Premium Product Showcase” 3 ไฮไลต์ ประกอบด้วย 1.พื้นที่นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวต้นแบบ -Best Itineraries Showcase 2.พื้นที่สาธิตการทำอาหารและผลิตภัณฑ์ด้านอาหาร – Cooking Demonstration 3.พื้นที่จัดแสดงสินค้าพรีเมี่ยม คิชเช่นแวร์และอุปกรณ์การตกแต่ง - Premium Product D
ข่าวที่ 3 “บางจากผงาดรายแรกได้2ใบรับรองLEEDจากUSA”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดตัว 2 ใบรับรองแห่งอาคารสีเขียวระดับนานาชาติ หรือใบรับรอง LEED (Leadership in Energy and Environmental Design: LEED) ของสภาอาคารเขียวสหรัฐ อเมริกา (U.S. Green Building Council : USGBC) ตามที่อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท บางจากฯ ได้รับใบรับรองดังกล่าวในระดับ Platinum โดยเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยที่ได้รับใบรับรองในประเภท LEED for Commercial Interior (LEED CI) บนพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
สำหรับงานตกแต่งภายในเชิงพาณิชย์ ได้ทำพิธีเปิดตัวใบรับรอง LEED ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท บางจากฯ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ พร้อมได้รับเกียรติจาก Mr. Erik Anderson ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และกลุ่มพันธมิตรร่วมแสดงความยินดี
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท บางจากฯ มีการตกแต่งด้านสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ออกแบบและก่อสร้างโดยคำนึงถึง การประหยัดพลังงาน น้ำ การดูแลคุณภาพอากาศ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อร่วมดูแลคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ผู้ใช้อาคาร และสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาให้ใบรับรองจาก USGBC โดยใบรับรองทั้ง 2 ที่บริษัท บางจากฯ ได้รับ แบ่งเป็น ใบรับรองที่มอบให้สำหรับ Bangchak Convention and Meeting Center บนพื้นที่ขนาด 2,193 ตารางเมตร บริเวณห้องประชุมชั้น 8 และชั้น 10 และใบรับรองที่มอบให้ Bangchak @Bangchak Head Office บนพื้นที่ขนาด 10,676 ตารางเมตร ของอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัท บางจากฯ โดยมีเกณฑ์การพิจารณา 7 ด้าน ประกอบด้วย ด้าน Sustainable Sites, Water Efficiency, Energy and Atmosphere, Material and Resources, Indoor Environmental Quality, Innovation และ Regional Priority Credit
การได้รับใบรับรองครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจากผู้บริหารและพนักงานบางจากฯ ทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจในการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ปฏิบัติตามนโยบายด้านการบริหารจัดการอาคารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ด้วยบริษัท บางจากฯ มีวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่กลุ่มบริษัทนวัตกรรมสีเขียวชั้นนำในเอเชียที่มีบรรษัทภิบาลที่ดีและดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางแบบมีส่วนร่วมและยั่งยืน มีแนวทางการบริหารสู่ความยั่งยืนที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหประชาชาติที่ว่าด้วยเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนในการจัดการและพัฒนาสิ่งแวดล้อมทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในระดับโลก
ช่วงที่สอง ออกเดินทางไปท่องเที่ยวมุมใหม่ในเมืองอกแตก “พิษณุโลก” แล้วจะรู้จักเมืองไทยกว้างขึ้นกับทุ่งนา ป่าเขา ธรรมชาติเชิงเกษตร ทุกอนูบนผืนแผ่นดินไทยคือความสุขของทุกคน เมื่อได้ไปซึมซัมความสุขที่ โฮมสเตย์บ้านนาบัวพุทธ ไร่เรนฟอเรสต์ และสวนพฤกษศาสตร์ร่มเกล้า
@เที่ยวพิษโลกมุมใหม่ในนาบัวพุทธ/ไร่เรนฟอเรสต์-สวนพฤกษศาสตร์”
การเดินทางเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ยิ่งถ้าได้ไปทัวร์เมืองไทยในพื้นที่ใหม่ตามเมืองท่องเที่ยวยิ่งได้กำไรชีวิตใน “พิษณุโลก” เมืองอกแตกที่ใคร ๆ ยังเข้าไม่ถึง วันนี้จะพาไปอิ่มเอมใจตามชุมชน 3 อำเภอ เริ่มจาก “โฮมสเตย์บ้านนาบัว” อำเภอนคร ที่ตำบลนาบัวเป็นหมู่บ้านตั้งอยู่กลางหุบเขาคล้ายแอ่งกระทะ ชาวบ้านแถบนี้จะใช้แปลงนาทำอาชีพปลูกดอกบัวพุทธ ดอกสีม่วงเป็นริ้วทิวงามตลอดท้องทุ่ง พัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ท่องเที่ยวเชิงการเกษตร รอบบริเวณมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้ง น้ำตก เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เดินชมต้นจำปาขาวอายุกว่า 700 ปี การสาธิตทำนาโยน การทำปุ๋ยชีวภาพใช้อย่างปลอดภัย อีกทั้งชาวชุมชนได้คิดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ชมด้วย เป็นการแสดงพื้นบ้าน การทำหัตถกรรมท้องถิ่น
ชาวนาบัวเป็นชุมชนที่ได้รับรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยความโดดเด่นเรื่องการบริหารจัดกงานเงินออมและการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่คงความอุดมสมบูรณ์ เรื่อยไปจนถึงการรักษาประเพณีพื้นบ้านไว้เป็นอย่างดี
จากนั้นเดินทางไปยัง “อำเภอวังทอง” เพื่อไปสูดโอโซนบริสุทธิ์ที่ “เรนฟอเรสท์ ฟาร์ม” ที่ตำบลแก่งโสภา เป็นอีกแห่งที่นำแนวคิดการพึ่งพาตนเองด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ดูแลกันเอกง กระทั่งสามารถผลิตพลังงานทดแทนจากไบโอดีเซล ไบโอแก๊ส น้ภส้มควันไม้เตาพลังงานแกลบ และพลังงานแสงอาทิตย์ ใช้เอง แถมยังเป็นแหล่งคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพพื้นบ้าน มีทั้ง สบู่ น้ำยาสระผม น้ำยาเอนกประสงค์ ยาหม่อง กลายเป็นธุรกิจชุมชนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปลุกจิตสำนึกดึงเยาวชนในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
มีกรรมวิธีการพัฒนาฟาร์มอย่างเป็นขั้นตอน ทั้งเรื่องการเพาะปลูก ผลิตอาหารปลอดสารเคมี ทำปศุสัตว์ บ่อปลา เลี้ยงไก่ไข่ เป็ด หมูหลุม ไส้เดือน ปุ๋ยหมัก เรื่อยไปจนถึงการผลิตพลังงานจากธรรมชาติใช้เอง การปลูกป่าแบบสวนผสม สามารถลดค่าใช้จ่ายแถมมีรายได้อย่างยั่งยืน
ปิดท้ายที่ “อำเภอชาติตระการ” ไปชม “สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าพิษณุโลกในพระราชดำริ” ที่ตำบลบ่อภาค สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จทอดพระเนตการดำเนินงานของโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ ภูขิด ภูเมี่ยง ภูสอยดาว จากนั้นจึงมีพระราชประสงค์เพื่อการอนุรักษ์พื้นที่ป่าอันสมบูรณ์ไว้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและเพื่อสนับสนุนราษฎรในหมู่พื้นที่ พร้อม ๆ กับพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
ไปถึงแล้วนักท่องเที่ยวจะได้ชมการจัดแสดงพรรณไม้ประจำถิ่น ไม้หายากและใกล้สูญพันธุ์ โรงเรือนกล้วยไม้ไทยสายพันธ์หายากกว่า 300 ชนิด รวมถึงพรรณไม้ค้นพบใหม่อย่าง สร้อยสยาม และที่สำคัญมีเส้นทางให้เดินท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติหรือจะเลือกนั่งรถอีแต็กของชาวบ้านก็ได้ ตลอดสองข้างทางจะได้เพลิดเพลินไปกับวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าม้งไปพร้อม ๆ กัน
ความสุขของทุกคนอยู่ใกล้แค่เอื้อม เพียงออกไปเปิดหูเปิดตาเที่ยวเมืองไทย แล้วจะเห็นมุมใหม่ในอีกหลายมิติคงอยู่และเปลี่ยนแปลงไปอย่างสร้างสรรค์ ออกมาท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยมีสิ่งสวย ๆ งาม มากกว่าที่คิด
@ระวังอาการเวียนศรีษะกับภัยสุขภาพใกล้ตัว
ปัจจุบันหลายคนอาจเคยเกิดอาการเวียนศีรษะ ซึ่งพบได้บ่อยกับทุกเพศทุกวัย และก่อนต้องเผชิญกับการเจ็บป่วยด้วยอาการดังกล่าว การป้องกันโดยดูแลสุขภาพ รู้เท่าทันโรคเพื่อรักษามีความสำคัญ
อาการเวียนศีรษะ จากข้อมูลงานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพงานสร้างเสริมสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้ว่า เวียนศีรษะ เป็นอาการที่ใช้อธิบายความรู้สึกไม่สบายที่เกิดขึ้นจากการรบกวนสภาวะการรับรู้สภาพการทรงตัวของร่างกาย เกิดจากความผิดปกติของระบบการทรงตัวระบบใดระบบหนึ่ง หรือหลายระบบ ได้แก่ สายตา ระบบรับความรู้สึกของข้อต่อทั่วร่างกาย ระบบประสาทการทรงตัวในหูชั้นใน และระบบประสาทกลาง ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมสัญญาณประสาท
สำหรับ อาการเวียนศีรษะหมุน เป็นความรู้สึกเหมือนมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของ สิ่งแวดล้อมรอบตัว หรือของตนเอง หรือเสียการทรงตัว ทำให้ผู้นั้นไม่สามารถควบคุมการทรงตัวในลักษณะ ปกติได้ มักมีอาการเวียนหมุน สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็น บ้าน โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ รอบตัวหมุน ซึ่งในความจริงนั้นสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ได้หมุน อาการเวียนศีรษะชนิดนี้จึงค่อนข้างรุนแรง และอาจมีอาการแทรกซ้อน อื่น ๆ ตามมาได้ เช่น ใจเต้นแรง ฯลฯ โดยสาเหตุอาการเวียนศีรษะชนิดนี้คือ ความผิดปกติของอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน
โรคที่เป็นสาเหตุของอาการเวียนศีรษะจึงได้แก่ โรคหูชั้นในผิดปกติ อาจเกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่บางรายอาจมีประวัติโรคทางหู หรืออุบัติเหตุมาก่อน โรคกลุ่มนี้จะก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะที่พบบ่อยที่สุด โดยเป็นแบบบ้านหมุนหรือโคลงเคลง และมักมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย ขณะเกิดอาการมักต้องอยู่นิ่ง ๆ หากเคลื่อนไหวศีรษะอาจทำให้มีอาการมากขึ้น และมักเป็นขณะเปลี่ยนท่าทาง เช่น ลุกจากเตียงนอนหรือล้มตัวลงนอน ตะแคงซ้ายขวา ในบางรายอาจมีอาการหูอื้อและเสียงรบกวนในหู
การอักเสบติดเชื้อ เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง เชื้อไวรัสเป็นสาเหตุที่พบบ่อย มักจะเป็นหวัดหรือระบบทางเดินหายใจอักเสบนำมาก่อน หากเชื้อลามเข้าหูชั้นในและเส้นประสาทจะเกิดการอักเสบ ส่งผลให้มีอาการเวียนศีรษะรุนแรง และเป็นอยู่หลายวัน แต่การได้ยินจะปกติดี ส่วนการอักเสบของหูชั้นในที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย อาการจะรุนแรงมากและอาจสูญเสียการได้ยิน พบในผู้ที่มีประวัติโรคการอักเสบของหูส่วนกลาง หูน้ำหนวก แล้วโรคลุกลามเข้าไปในหูชั้นใน
นอกจากนี้เกิดจาก อุบัติเหตุ ที่ทำอันตรายต่อหูชั้นใน โดยเฉพาะอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน จะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะอย่างมาก ร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน บางรายอาจสูญเสียการได้ยินร่วมด้วย โดยอาการจะเป็นนานหลายวันถึงสัปดาห์ จากนั้นจะค่อย ๆ ดีขึ้น
โรคเนื้องอกเส้นประสาทการทรงตัวหรือเส้นประสาทการได้ยิน มักพบอาการเสื่อมการได้ยิน ร่วมกับอาการมึน เวียนศีรษะ อาจมีเสียงรบกวนในหู ในรายที่ก้อนเนื้องอกขนาดใหญ่ ไม่ได้รับการรักษา อาจมีอาการชาที่ใบหน้าซีกนั้น เดินเซ หรืออาการทางสมอง เนื่องจากก้อนเนื้องอกไปกดเส้นประสาท
อีกทั้งระบบการไหลเวียนเลือดก็เป็นอีกสาเหตุ หากเลือดไหลเวียนไปสมองไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดอาการมึนเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลมได้ อย่างเช่น การลุกขึ้นยืนเร็ว ๆ จากท่านอนหรือท่านั่ง ซึ่งทั่วไปจะหายได้เอง
แต่สำหรับผู้ป่วยจะเกิดอาการค่อนข้างบ่อย สาเหตุเกิดจากความดันโลหิตต่ำ เส้นเลือดตีบ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือโลหิตจาง เป็นต้น ส่วน โรคทางระบบประสาท มักมีอาการเวียนศีรษะร่วมกับอาการทางระบบประสาทอื่นๆ เช่น แขนขาอ่อนแรง ชารอบปากและแขนขา เห็นภาพซ้อน และโรคภูมิแพ้ก็เป็นอีกสาเหตุซึ่งบางคนอาจเวียนศีรษะเมื่อได้รับสิ่งที่แพ้
อย่างไรก็ตามอาการเวียนศีรษะเป็นอาการที่เกิดจากหลายสาเหตุ เมื่อมีอาการพบความผิดปกติไม่ควรวางใจ ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง ทั้งนี้การดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย การเล่นกีฬาเบา ๆ หรือบริหารร่างกาย เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพการทรงตัว ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ลดภาวะที่จะก่อให้เกิดความเครียด รักษาอารมณ์และสภาพจิตใจให้เบิกบานแจ่มใส พักผ่อนให้เพียงพอ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กล่าวว่า “ไมซ์เป็นธุรกิจดาวรุ่งที่ทั่วโลและไทยให้ความสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ของโลกมีขนาดใหญ่ถึงเกือบ 400,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2560 ไทยมีรายได้จากไมซ์ต่างประเทศและคนไทยมาจัดงานรวม 36.3 ล้านคน สร้างรายได้ 1.79 แสนล้านบาท
จากปัจจัยดังกล่าวจึงเกิดแนวคิดจัดทำพ็อกเก็ตบุ๊ค “MICE ไม่ได้แปลว่าหนู” เล่มแรกของเมืองไทย โดยรวบรวมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับไมซ์ในมุมต่าง ๆ มาเล่าอย่างเข้าใจง่าย อ่านตามไปได้อย่างเพลิดเพลิน เปี่ยมอรรถรส จนเกิดความรู้ ความเข้าใจ เป็นการจุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจ มาร่วมสร้างสรรค์ไมซ์ให้ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต ต่อยอดสร้างคนพันธุ์ไมซ์รุ่นใหม่ให้กับประเทศ โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการในธุรกิจไมซ์ หรือคนที่สนใจอยากเข้ามาทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ รวมไปถึงนิสิตนักศึกษาและประชาชนทั่วไป”
“ศุภวรรณ ตีระรัตน์” รองผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์พัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม TCEB ผู้รับผิดชอบการจัดทำพ็อกเก็ตบุ๊ค กล่าวว่า ได้จัดพิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊คขั้นต่ำ 5,000 เล่ม ส่วนหนึ่งจะแจกไปยังสถาบันการศึกษาที่สอนหลักสูตรเกี่ยวข้องกับไมซ์และตั้งเป้าหมายจะสร้างความรู้ความเข้าใจไมซ์แก่คนทั่วไปอย่างถูกต้องมากขึ้น ด้วยเนื้อหาภายในพ็อกเก็ตบุ๊ก “MICE ไม่ได้แปลว่าหนู” แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
ส่วนแรก KNOW MICE นี่ล่ะ...ไมซ์ แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับธุรกิจไมซ์ ไม่ว่าจะเป็นความหมายที่แท้จริงของหัวใจ 4 ห้องที่สำคัญของไมซ์ Meetings, Incentive Travels, Conventions และ Exhibitions แล้วยังทำให้เรารู้ด้วยว่า ธุรกิจที่พักแนวใหม่ Airbnb ซึ่งฉีกกรอบการเข้าพักแบบเดิมๆ ได้แนวคิดมาจากงานประชุมสัมมนาด้านการออกแบบที่ซานฟรานซิสโกในปี 2007 หรือพูดง่ายๆ ก็คือ Airbnb เกิดจากธุรกิจไมซ์นั่นเอง นอกจากนั้นยังได้รวบรวมเทรนด์ใหม่ๆของไมซ์ที่ห้ามพลาด อาทิ Sport Event หรือ Smart MICE ที่มีการนำดิจิทัลหรือการนำ Mobile Application มาใช้เพื่อสร้างสีสันให้ไมซ์ รวมไปถึงการนำเสนอเรื่องจัดตั้งเมืองไมซ์หรือ MICE Cities อย่างเป็นทางการได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่นและพัทยา เป็นต้น
ส่วนที่สองได้แก่ THE MIGHTY MICE เมื่อไมซ์เข้ามา จงเปิดประตู เป็นการถอดบทเรียนการประมูลสิทธิ์ การดำเนินงานเป็นเจ้าภาพจัดงานของไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน โดยนำเสนอทั้งหมด 7 งานด้วยกัน ได้แก่ Organo Gold Asia Convention ซึ่งถูกยกให้เป็นกรณีศึกษาของการจัดงานประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2558 และปี 2560, การจัดประชุม Quantum FY18 Sales & Partner Kick off 2017 ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เลือกเชียงใหม่เป็นปลายทางการประชุมที่ทุกอย่างในงานได้เตรียมไว้ให้ทุกคนร้อง“ว้าว”, การประชุมสมัชชาสหภาพคนตาบอดโลก, งาน FDI Annual World Dental Congress 2015 ครั้งที่ 103 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค เป็นงานประชุมทันตแพทย์โลกขององค์กรสหพันธ์ทันตกรรมโลก ที่มีคนเข้าร่วมงานเป็นหมื่นคน ประเทศไทยใช้เวลาเตรียมงานนี้ถึง 2 ปีเต็ม, Future Energy Asia 2018 งานประชุมพลังงานระดับโลกซึ่งกำลังจะจัดขึ้นในต้นปี 2561 มีคนเข้าร่วมประชุมจากทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 1,500 คน และคาดว่าจะมีคนเข้าชมงานจัดแสดงสินค้าไม่น้อยกว่า 15,000 คน, งาน VIV Asia เป็นงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านปศุสัตว์และสัตว์น้ำระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และจัดขึ้นในประเทศไทยหลายต่อหลายครั้งจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และสุดท้ายงาน Harmony World Puppet Carnival in Bangkok Thailand 2014 งานเทศกาลหุ่นโลกที่หุ่นจากนานาประเทศกว่า 80 ประเทศได้พากันเดินขบวนพาเหรดอย่างยิ่งใหญ่และยาวเหยียดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร
ส่วนที่สาม มีชื่อว่า WHEN MICE MEETS MASS บทเรียนนอกตำราจากคนพันธุ์ไมซ์ เป็นบทสัมภาษณ์บุคคลแถวหน้าของประเทศในแวดวงไมซ์กว่า 11 คน จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ทั้งหมดเพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมได้นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างจริงจัง
ข่าวที่สอง “สภาท่องเที่ยวดันรัฐยกเครื่องท่าเทียบเรือทั่วอันดามัน”
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า เตรียมผลักดันให้รัฐบาลเข้ามาปรับปรุงพัฒนาท่าเทียบเรือน้ำลึกในเมืองท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งกลุ่มจังหวัดอันดามันเป็นพื้นที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศปี 2560 มีมูลค่า690,000 ล้านบาทเศษ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ท่าเที่ยบเรือที่ได้มาตรฐานในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ในช่วงน้ำลงเรือขนาดใหญ่และขนาดกลางไม่สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้เนื่องจากลำคลองตื้นเขิน ต้องถ่ายผู้โดยสารจากเรือใหญ่สู่เรือหางยาวเพื่อเข้าฝั่ง การเดินทางและขนสัมภาระลำบากต้องใช้เวลามากทำให้กระทบไปถึงผู้โดยสารบางรายต้องเดินทางไปต่อเที่ยวบิน เพื่อปรับภาพลักษณ์และบริการใหม่ให้ได้มาตรฐาน ภาครัฐควรเข้ามาพัฒนาท่าเที่ยบเรือดังกล่าวตลอดจนการขุดลอกคลองบริเวณท่าเทียบเรือหาดนพรัตน์ธาราโดยเร่งด่วน และพัฒนาท่าเทียบเรือในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รองรับการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตในอนาคตด้วย
ข่าวที่สาม “ทช.ลุยสร้างถนนเชื่อมท่องเที่ยวทะเลใต้ชุมพร-ระนอง”
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า ได้ขานรับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบนอย่างยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เพื่อร่วมมือกันพัฒนาการท่องเที่ยวโดยการเร่งทำโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นระบบ ดังนั้นกรมทางหลวงชนบทจึงลุยปรับปรุงถนนเชื่อมเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติมโดยเน้นความต่อเนื่อง สวยงาม ร่มรื่น สะดวก และง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว เริ่มจากในชุมพรมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่ง เช่น หาดบ่อเมา หาดทรายรี หาดบางเบิด และอีกหลากหลายแห่ง
ขณะนี้กรมทางหลวงชนบท ได้เดินหน้าก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 3201-บ้านบางจาก อำเภอปะทิว ชุมพร ระยะทาง 8.595 กิโลเมตร โดยใช้งบประมาณการก่อสร้าง 83.480 ล้านบาท พัฒนาหาดบ่อเมาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของชุมพร ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งเครื่องหมายจราจรคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2561
ข่าวที่สี่ “การบินไทยชวนบริจาคไมล์ซื้ออุปกรณ์แพทย์ให้ศิริราช”
นางอุษณีย์แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จัดโครงการบริจาคไมล์ “ไมล์ปันสุข” ชวนให้สมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส มาร่วมกันสร้างความดีด้วยการบริจาคไมล์สะสมกับโครงการบริจาคไมล์ ร่วมบริจาคได้ทางเว็บไซต์ thaiairways.com/rop ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม 2561 แทนการเปลี่ยนเป็นบัตรโดยสารการบินไทยในเส้นทางต่างๆ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อนำไปมอบให้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเป็นการหารายได้สมทบทุนใช้ในการจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช
ข่าวที่ห้า “ไทยแอร์เอเชียนำร่องบินแล้วกรุงเทพฯ-ชุมพร”
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผอ.ฝ่ายการพาณิชย์ ไทยแอร์เอเชียแอร์เอเชีย กล่าวว่าเปิดเส้นทางบินใหม่ลงสู่ทะเลภาคใต้เปิดประตูสู่แหล่งดำน้ำที่สวยงามของเมืองไทยมีชื่อเสียงติดอันดับโลกอย่าง เกาะเต่า โดยจัดบินตรงทุกวัน "กรุงเทพ-ชุมพร" ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเศษ ออกจากกรุงเทพฯ ด้วยเที่ยวบิน FD 3148 ออกจากกรุงเทพฯ 07.25 น. ถึงชุมพร 08.35 น. ส่วนขากลับด้วยเที่ยวบิน FD 3149 ออกจากชุมพร 09.10 น. ถึงกรุงเทพฯ 10.35 น.
ทั้งนี้ได้เปิดตัวเที่ยวบินใหม่ กรุงเทพฯ-ชุมพร ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 พร้อมทั้งยังได้แจกตั๋วบินฟรี ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ชุมพร คนละ 1 ที่นั่ง ให้แก่ผู้โชคดี 30 คนแรกที่ร่วมสนุกลงทะเบียนเข้างานแอร์เอเชีย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น