ณรัล วิวรรธนไกร ทายาทSPA นำไทยขึ้นผู้นำเอเชีย-ททท.ใแร์งบกลางแสนล้านทำท่องเที่ยวแก้จน-เที่ยวภูหินร่องกล้า
เปิดใจทายาทธุรกิจSPAปั้นไทยขึ้นผู้นำเอเชีย
นำ3แบรนด์รุกต่อยอดภูมิปัญญาสมุนไพรไทย
คิงเพาเวอร์รางน้ำให้ช้อปรับ7 ต่อ ถึง 31ม.ค.
ททท.แชร์งบใหม่แสนล้านปี’61ทำเที่ยวแก้จน
บางจากมีบริการช่วยรถเสียฉุกเฉินตลอดทั้งปี
หนาวนี้บุกไปดูดงดอกไม้งามในภูหินร่องกล้า
เครื่องสำอางมาตรฐานมีวิธีดูอย่างไรปลอดภัย
ทอท.จ้างล็อกซ์เลย์ทำสายพานกระเป๋า3.6พันล.
ดอนเมืองแนะเลือกใช้3เส้นทางเข้าสนามบิน
กรมท่องเที่ยวฝันของบ2หมื่นล้านฟื้นฟูแหล่ง
โรงแรมวีดึงเชฟมิชลินโกยเงินวาเลนไทน์4วัน
สวัสดีวันเสาร์ที่ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
ช่วงที่ 1 ติดตามฟังการเจาะลึกทายาทนักธุรกิจรุ่นใหม่ “ณรัล วิวรรธนไกร” ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท สยาม เวลเนส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA กลุ่มทุนดาวรุ่งทางด้านเวลเนส สปา แบรนด์คนไทย จะมาเล่าเส้นทางสู่ความสำเร็จจากไทยขยายการค้าการลงทุนเข้าไปยังอาณาจักรแห่งมหาอำนาจด้านกำลังซื้อใหญ่ของโลกอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน และกลุ่มอาเซียน ด้วย 3 แบรนด์ พร้อม ๆ กับสร้างนวัตกรรมการต่อยอดภูมิปัญญาสมุนไพรไทย โดยสามารถทำให้ตอบโจทก์นโยบายรัฐบาลในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและกระจายรายได้สู่ชุมชนไปพร้อม ๆ กันได้
ณรัล วิวรรธนไกร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท สยาม เวลเนส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA เปิดเผยว่า ในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่ที่เข้ามาดูแลธุรกิจเวลเนสสปาแถวหน้าของเมืองไทยตั้งเป้าอีก 2 ปีข้างหน้าภายในปี 2563 จะนำธุรกิจผงาดขึ้นเป็นผู้นำภูมิภาคเอเชีย และจะสร้างรายได้หมุนเวียนปี 2561 ให้ได้ถึง 1,200 ล้านบาท เติบโต 25 % ธุรกิจหลักคือบริการเวลเนส สปา ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ “ระรินจินดา” สปาระดับพรีเมี่ยม “Let’s Relax” ระดับ 4 ดาว กระจายอยู่ตามหัวเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งปีนี้จะฉลองครบ 20 ปี และแบรนด์บ้านสวนมาสซาจ ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่มุ่งมั่นจะให้ทุกภาคส่วนช่วยกันโปรโมตการท่องเที่ยวสู่เมือง กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
ตามแผนจะขยายแบรนด์ Let’s Relax สปาไทยแพร่หลายไปสู่ต่างประเทศ ล่าสุดเปิดแนวรุกขายแฟรนส์ไชน์ไปสู่ 3 มณฑลในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนแห่กันเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยจำนวนมากเป็นอันดับ 1 รวมทั้งได้เข้ามาใช้บริการ Let’s Relax รวมถึง 1 ล้านคน จึงเป็นการสร้างฐานที่ดีทางบริการกับลูกค้าจีน เห็นได้ชัดจากการจัดประกวดของ We Chat และ Weibo ซึ่งเป็นโซเชียลและออนไลน์ที่มีใช้มากที่สุดผลปรากฎว่าโหวตให้แบรนด์ของเราครองแชมป์ความพึงพอใจในบริการต่อเนื่องมาถึง 3 ปี ระหว่าง 2558-2559-2560 จึงก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการเข้าไปลงทุนขยายแฟรนส์ไชน์ในจีนจะสนใจสัมผัสสปาไทย และดูแลสุขภาพมากขึ้น ปัจจุบันชาวจีนนิยมดูแลรักษาสุขภาพเพิ่มตลอดจากทุกกลุ่ม
ส่วนการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาไทยสถิติปี 2560 ใช้เงินเฉลี่ยคนละมากกว่า 6,000 บาทต่อทริป แต่ลูกค้าของสยามเวลเนสจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวอิสระด้วยตนเอง (Free Individaul Travel : FIT) จึงมียอดการใช้เงินสูงกว่านักท่องเที่ยวจีนโดยทั่วไปใช้กับสปาไทย ปกติจะเข้ามาเลือกทำเมนูสปากับ Let’s Relax คนละ 1,000-1,500 บาทต่อครั้ง ส่วนใหญ่คือมาเป็นกลุ่มคู่รัก ครอบครัว พาพ่อแม่ลูกเข้ามา จึงมีอัตราการเข้ามาทำสปาซ้ำ ๆ ค่อนข้างสูง
ขณะเดียวกัน บมจ.สยามเวลเนส ยังได้ขยายแฟรนส์ไชน์ Let’s Relax เข้าไปยังกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศ CLMV มีอัตรการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียน และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างสดใส
ขณะที่แบรนด์ “ระรินจินดา” ระดับ 5 ดาวเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติระดับบนซึ่งต้องการโปรดักซ์ไฮเอนด์จากการนำโปรดักซ์สมุนไพรภูมิปัญญาไทยเข้ามาช่วยผ่อนคลายสุขภาพ ปัจจุบันมี 3 สาขา คือ ราชดำริ
นายณรัลย้ำว่าปี 2561 ได้เตรียมความพิเศษไว้ให้ลูกค้าคนไทยด้วยเช่นกันหลังจากจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผ่านเข้าสู่ปีที่ 4 แล้วก็ประเมินกำลังซื้อคนไทยระดับกลางขึ้นไปถึงกลุ่มบนต้องการสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน จึงรุกเข้าไปทำประชาสัมพันธ์ภายใต้แบรนด์ระรินจินดาเจาะไฮเอนด์ด้วยคอนเซ็ปต์ Ultimate Wellness Experience ส่งมอบประสบการณ์สปาเอ็กซ์คลูซีฟจึงสร้างสรรเมนูสุขภาพตอบสนองวัยรุ่น วัยทำงาน
รวมทั้งการนวดบำบัดสำหรับคุณแม่ก่อนและหลังคลอด อาทิ คอร์สอยู่ไฟนำภูมิปัญญาไทยมาต่อยอด โดยเฉพาะกลุ่มคุณแม่ตลาดบนที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง หลังคลอดแล้วจะมีทรีตเมนท์ช่วยคุณแม่กลับมาสมบูรณ์อย่างรวดเร็วอีกครั้ง
และนวัตกรรมคอร์สใหม่การนวดผ่อนคลายแก้โรค office syndrome ร่างกายประสบอยู่จากการใช้แทปเล็ต มือถือ มากเกินไป
อีกทั้ง Let’s Relax ยังมีสาขาบริการอยู่ตามสถานีรถไฟฟ้า อโศก พร้อมพงษ์ เอกมัย ทองหล่อ สนามกีฬาแห่งชาติ ทำให้คนไทยเข้าถึงแบรนด์สปาไทยมากขึ้นในโซนใจกลางเมืองย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ และยังได้จับมือกับบัตรเครดิตพรีเมี่ยมที่ต้องการนำไลฟ์สไตล์เข้ามาสู่คนไทยและทำให้คนเลือกใช้แบรนด์สปามาตรฐานเพิ่มมากขึ้น
ส่วนแคมเปญใหม่ที่จะออกวางตลาดช่วงต้นปี 2561 นำโดยแบรนด์ระรินจินดาที่เปิดตัวคอนเซ็ปต์ Ultimate Wellness Experience จะมีแพกเกจใหม่ ๆ มาแนะนำ เช่น อัลตร้าโครน เครื่องปรับสัดส่วนของร่างกายเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างซิคแพ็ตเป็นเทรนด์ยอดนิยม จะมีบัตรไดม่อนกับรูบี้การ์ด เหมาะกับกลุ่มคนไทยที่ต้องการเข้ามาใช้อย่างสม่ำเสมอ ส่วน Let’s Relax จะเริ่มแคมเปญใหม่ช่วงกลางปีเพื่อฉลองครบ 20 ปี จะมีแคมเปญและสื่อสารการตลาดใหม่ ๆ ตอบโจทก์ผู้บริโภคคนไทย
นายณรัลกล่าวว่าทางสยาม เวลเนสต้องการจะเป็นผู้นำนวัตกรรมสุขภาพบริการด้วยเทรนด์ใหม่นำสปาจากนานาประเทศเข้ามาต่อยอด จึงได้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นพบเห็นศาสตร์การแช่น้ำร้อนเรียกว่า “ออนเซน” จึงนำมาผสมผสานเข้ากับสมุนไพรไทยพัฒนาเป็นออนเซนในเมืองแห่งแรกของประเทศในแบบฉบับญี่ปุ่นที่สาขาทองหล่อ ส่วนผู้มีประสบการณ์เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วทำออนเซนมาก่อนจะมีบ่อน้ำร้อน บ่อออนเซน ทางบริษัทก็ได้ลงทุนทำ White Ion บ่อฟองออกซิเจนขาว ๆ ทำให้ผิวนุ่มเหมาะกับสุภาพสตรี หรือบ่อน้ำแร่คัดมาจากเมืองเคโระทากายาม่าติด 1 ใน 3 น้ำแร่ชั้นนำดีสุดของญี่ปุ่นมาใช้ดูแลบำรุงผิว
ส่วนผู้ชายที่มีอาการปวดเมื่อยได้ทำบ่อแช่ออนเซน World Pool กับ เจ็ตฟาสต์ ที่มีแรงดันน้ำและแรงดันลมทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
หลังจากออนเซนเสร็จแล้วจะมีห้องหินร้อนซึ่งเป็นนวัตกรรมอีกอย่างจากญี่ปุ่น ก่อนที่จะไปทำการนวดแผนไทยซึ่งทางสยาม เวลเนส มีความชำนาญมากว่า 20 ปี ทั้งนวดไทย น้ำมัน และนวดเท้า
โดยสรุปแล้วเมื่อเข้ามาใช้บริการนวตกรรมออนเซนแบบญี่ปุ่นแล้วต่อด้วยนวดไทย ก็จะทำให้ร่างกายรู้สึกสบายขึ้นมากตั้งแต่หัวจดเท้าในแต่ละครั้งที่ได้ใช้บริการ
ส่วนสนนราคาค่าบริการแพกเกจสปาของสยาม เวลเนส ในส่วนออนเซนจับกลุ่ม B ถึง A- เริ่มต้นครั้งละ 650 บาทต่อเมนูทรีตเมนต์ หรือราว 2,000 เยน ซึ่งกระแสตอบรับจากกลุ่มญี่ปุ่นที่พำนักอาศัยและทำงานอยู่ในประเทศไทย มีวัฒนธรรมการใช้ออนเซนสม่ำเสมอ พอได้พบกับแพกเกจคุณภาพจึงกลับมาใช้ต่อเนื่องเป็นประจำ รวมถึงคนไทยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นตามนโยบาย VISA FREE จึงเริ่มคุณเคยกับการทำออนเซนก็กลับมาใช้บริการในไทยด้วย
นอกจากจะให้บริการเวลเนส สปา แล้วสยาม เวลเนส ยังได้ให้การสนับสนุนวัตถุดิบของคนไทยด้วยกันเพื่อนำมาทำผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงามในรูปแบบที่ได้มาตรฐานสากล ตัวอย่างคือ ชา จากศูนย์พัฒนาพืชพรรณของมูลนิธิชัยพัฒนา โดยทางฝ่ายบริหารสยาม เวลเนสได้เดินทางไปยังเชียงราย มีไร่ที่รัฐบาลจีนส่งมาให้รัฐบาลไทยเพื่อช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ จึงจะเห็นผู้สูงวัยที่ทำงานอยู่ในไร่ดังกล่าวมื้อเต่งตึงแต่ใบหน้าเหี่ยวย่นไปตามสภาพ ซึ่งเป็นผลมาจากทุกวันจะใช้มือทำการสกัดน้ำมันชาอันมีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณ จึงได้นำน้ำมันชามาต่อยอดกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ได้ด้วย
ส่วนการวางแผนขยายสาขาสปาไทยตามนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มุ่งเน้นนักธุรกิจโหมช่วยโปรโมตเมืองท่องเที่ยวรองของประเทศไทยนั้น ทางสยาม เวลเนส จะใช้แบรนด์ “บ้านสวนมาสซาส” ซึ่งเข้าไปซื้อแบรนด์มาตั้งแต่ปี 2558 เป็นนวดไทยระดับ 3 ดาวที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี มีสาขาอยู่ตามชานเมืองกรุงเทพฯ 8 สาขา ขณะนี้ได้เพิ่มไปยังต่างจังหวัด ได้แก่ อุดรธานี หนองคาย เป็นพื้นที่ยังไม่มีบริการนวดไทยที่เป็นแบรนด์มาตรฐาน เพราะพฤติกรรมของคนไทยเองยอมจ่ายแพงขึ้นได้หากสถานที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ราคาสมเหตุผล จึงเป็นอีกสินค้าท่องเที่ยวสามารถตอบโจทก์ลูกค้าคนไทยและคนในพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจ กับผู้บริหารระดับกลางและสูง
นอกจากขยายตามหัวเมืองใหญ่ภาคอีสานแล้วก็กำลังศึกษาในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ เพื่อต่ยอดภายใต้แบรนด์บ้านสวนมาสซาจ
สยาม เวลเนส กรุ๊ป นับเป็นแบรนด์สปาไทยที่แข็งแกร่งและพร้อมจะนำประเทศก้าวสู่ผู้นำสปาเอเชียได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “ช้อปคิงเพาเวอร์สัปดาห์ท้ายมค.รับ7ต่อ”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำการบุกเบิกธุรกิจร้านค้าปลอดอากรของเมืองไทย รายงานว่า ในปี 2561 มุ่งมั่นที่จะพัฒนาการลงทุนก้าวไปสู่ร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวแบบครบวงจร ควบคู่กับการกระตุ้นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติใช้จ่ายเงินเพื่อกระจายเม็ดเงินหมุนเวียนให้ได้มากที่สุด จึงได้ทยอยจัดแคมเปญการขายแนวใหม่ ๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลา
โดยในช่วงสัปดาห์สุดท้ายเดือนมกราคม ระหว่างวันนี้ - 31 มกราคม 2561 ที่คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ให้สมาชิกรับสิทธิ์เต็ม ๆ ถึง 7 ต่อ คือ ช็อปครบ 1,000 บาท รับคูปองส่วนลด 1,000 บาท ช้อปครบ 3,000 บาท รับคูปองทานอาหาร 200 บาท ช้อปครบ 5,000 บาท รับคูปองส่วนลด 1,000 บาท
ช้อปครบ 15,000 บาท รับคูปองส่วนลด 1,500 บาท ช้อปครบทุก 20,000 บาท รับ Gift Voucher คืนสูงสุด 30,000 บาท ช้อปครบ 30,000 บาท ในแผนกแฟชั่นและนาฬิกา รับ Overnight Luggage รับ iPhone X
สอบถามรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.จ่อใช้งบแสนล้านกลางปี’61ชูท่องเที่ยวแก้จน”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุมโดยมีผู้บริหาร ททท.เข้าร่วมประชุมเรื่องการพิจารณารายจ่ายเพิ่มเติมหรืองบกลางปี 2561 และแนวทางการปฏิบัติของกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการบริหารเชิงพื้นที่ เพื่อจะจัดสรรงบรวมกว่า 100,000 ล้านบาท ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีเรื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรวมอยู่ด้วย
ซึ่งบทบาทหลักของ ททท.มีหน้าที่เสนอแนวคิด วิธีทำแผนการดำเนินงาน สรุปเป็นโครงการลงมือปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อทำให้คนไปท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด พร้อมกับกระจายตัวเที่ยวตามเมืองหลักด้วย
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2561 จะเสนอแผนท่องเที่ยวแก้จน นำการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ชุมชน ภายใต้งบงบประมาณ 5,000 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 เพื่อเริ่มใช้ทำโครงการต่าง ๆ ได้ในช่วงระหว่างเมษายน-ตุลาคมนี้ เริ่มจากจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวค่อนข้างยากจน ตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร คือ กาฬสินธุ์ แม่ฮ่องสอน จากนั้นจะกระจายไปใน 55 จังหวัด
เบื้องต้นจะนำร่อง 2 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน และกาฬสินธุ์ เนื่องจากมีประชากรในพื้นที่มีค่าเฉลี่ยรายได้อยู่ในกลุ่มต่ำสุดของประเทศ จากการสำรวจพื้นฐานพบว่าทั้ง 2 จังหวัดมีความพร้อมอยู่แล้ว เช่น แม่ฮ่องสอน มีแหล่งน้ำพุร้อน ก็จะประสานกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ให้ช่วยให้คำแนะนำในการปรับปรุงมาตรฐานเพื่อรับการท่องเที่ยว
ส่วนกาฬสินธุ์จะต้องเน้นการสร้างแบรนด์ท่องเที่ยวเพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจ เนื่องจากสินค้าทางการท่องเที่ยวปัจจุบันยังขาดความชัดเจน
ข่าวที่ 3 “บางจากมอบบริการช่วยรถเสียฉุกเฉินฟรีตลอดปี”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จัดทำสิทธิประโยชน์เฉพาะให้แก่สมาชิกผู้ถือบัตรบางจากฯเพื่อเพิ่มความอุ่นใจของการเดินทางในประเทศไทย ตลอดปี 2561 ด้วย “บริการ 24 ชั่วโมง ช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินบนท้องถนน” ฟรีตั้งแต่ที่คุณได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ จนถึง 31 ธ.ค. 2561 เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าแม้จะเกิดเหตุขัดข้อง ในระหว่างการเดินทาง และต้องการความช่วยเหลือ เราจะอยู่เคียงข้างคุณ ในทุกที่ที่ต้องการ
คลิกลงทะเบียนรับสิทธิ์ 15 ม.ค.–30 เม.ย. 61 www.bangchak.co.th หรือสอบถามได้ที่ 02-206-5494 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
กติกาหลัก ๆ จะต้องเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล 4 ล้อ ไม่รวมถึงรถรับจ้างขนส่ง รถสาธารณะเพื่อการพาณิชย์ และรถจักรยานยนต์ โดยจะให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทยตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นตามเกาะต่าง ๆ แต่ไม่รวม เกาะภูเก็ต, เกาะสมุย และเกาะช้าง
สำหรับบริการ 24 ชั่วโมง ช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินบนท้องถนน เพื่อสร้างความอุ่นใจในทุกเส้นทางซึ่งเครือข่ายพันธมิตรของบางจากพร้อมให้บริการในทุกเส้นทางครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วไทย และพร้อมแก้ไขปัญหาที่ทำให้รถยนต์สามารถเดินทางต่อไปได้อย่างไม่ปลอดภัย
โดยได้มอบสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายในการเดินทาง คือ
• บริการช่างช่วยเหลือฉุกเฉิน - จัดส่งช่างซ่อมตามที่สมาชิกร้องขอ โดยคุ้มครองค่าแรงและค่าเดินทางของช่างสูงสุด 1,000 บาทต่อครั้ง ความคุ้มครองจะไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนชิ้นส่วน หรืออะไหล่ (ถ้ามี)
• บริการช่างกุญแจฉุกเฉิน – กรณีล็อครถโดยไม่ตั้งใจ เจ้าหน้าที่จะประสานงานนำกุญแจสำรองเพื่อทำการเปิดให้แก่ท่าน โดยคุ้มครองค่าแรงและค่าเดินทางของช่างสูงสุด 1,000 บาทต่อครั้ง
• บริการเติมน้ำมันฉุกเฉิน - ในกรณีที่รถยนต์ของท่านน้ำมันหมดฉุกเฉินจนไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ทางเราประสานงานจัดหาเจ้าหน้าที่นำส่งน้ำมัน โดยคุ้มครองค่าแรงและค่าเดินทางของช่างสูงสุด 1,000 บาทต่อครั้ง
• บริการรถยก-ลากฉุกเฉิน - จัดหารถยกเพื่อทำบริการยก/ลากจูงไปยังศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่ท่านต้องการ โดยคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการยก/ลากจูงฟรีใน 20 กิโลเมตรแรก (มูลค่า 2,300 บาท/ครั้ง) ค่าใช้จ่ายในกิโลเมตรถัดไปเป็นความรับผิดชอบของท่าน โดยเจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งค่าบริการ และขอความเห็นชอบจากท่านก่อนการดำเนินการ
• บริการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมงในกรณีที่รถเสีย
เงื่อนไข หมายเลขบัตรสมาชิกบางจาก 1 ใบ / 1 สิทธิ์ คุ้มครองรถ 1 คัน จำกัดการใช้สิทธิ์ 1 หมายเลขสมาชิก / ประเภทของการบริการหัวข้อละ 1 ครั้ง และสิทธิประโยชน์เฉพาะสมาชิกที่ทำการลงทะเบียนและได้รับการยืนยันสิทธิ์ทาง SMS เท่านั้น
ช่วงที่ 2 ออกเดินทางไป “ภูหินร่องกล้า” พิษณุโลก แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยเป็นที่สุดแห่งการท่องเที่ยวแดนดอกไม้งามตามธรรมชาติฤดูหนาว ทั้งทุ่งดอกกระดาษและนางพญาเสือโคร่ง พร้อมกับเรื่องราวดี ๆ มากมาย ส่วนเรื่องสุขภาพมาดูกันว่าจะสังเกตุเครื่องสำอางอย่างไรที่ได้มาตรฐาน และข่าวท้ายชั่วโมง ทอท.ได้ไฟเขียวจากบอร์ดเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้จ้างกลุ่มล็อกซ์เลย์ลุยทำระบบสายพานกระเป๋าในวงเงิน 3,600 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จทันปี 2562 ตามแผนเพิ่มบริการให้เพียงพอต่อการขยายสนามบินรับผู้โดยสารเป็นปีละ 60 ล้านคน จากเดิม 45 ล้านคน ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองออกมาย้ำกันชัด ๆ อีกครั้งถึงการใช้เส้นทางเบี่ยงเข้าสนามบินตลอดปีนี้ ขณะที่โรงแรมมีแพกเกจอาหารมานำเสนอช่วงวาเลนไทน์
@หนาวนี้ตามไปดูดงดอกไม้ในภูหินร่องกล้า
" แหล่งเรียนรู้การพัฒนาป่าไม้เพาะชำกล้าไม้หายากที่ควรอนุรักษ์ พันธุกรรมไว้เพื่อปลูกตามแนวพระราชดำริ " โครงการพัฒนาป่าไม้ ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า ม.10 บ้านร่องกล้า ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลกอช.ภูหินร่องกล้า เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ช่วงที่นิยมท่องเที่ยวอยู่ในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ สำหรับเดือนอื่น ๆ ก็เที่ยวได้เช่นกัน
นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาสูดอากาศสดชื่นท่ามกลางภูเขาเขียวขจีสัมผัสอากาศเย็นสบายกันที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ที่นี่ยังมีแหล่งเรียนรู้การพัฒนาป่าไม้และเพาะชำกล้าไม้หายาก อันเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้าจัดตั้งขึ้นเพื่อการฟื้นฟูสภาพป่า เพาะชำกล้าไม้ และ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับราษฎร ที่โครงการฯยังมีแปลงปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า แปลงสาธิต การปลูกสตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน ปลอดสารพิษ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อย่างใกล้ชิด
พื้นที่ในโครงการฯ มีแนวหินผาเป็นจุดชมวิวถึง 6 จุดสำคัญ ได้แก่ ผาไททานิค ผาพบรัก ผาบอกรัก ผาคู่รัก ผารักยืนยง และผาสลัดรัก สามารถยืนชมทิวทัศน์ผืนป่าเขียวชอุ่ม ไม่เพียงแค่ทุ่งดอกกระดาษและหน้าผาแห่งรักเท่านั้น ในช่วงฤดูหนาว ที่นี่ยังเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยผลิบานอีกหนึ่งจุดด้วย
เส้นทางท่องเที่ยว จ.พิษณุโลก
วันแรก “ช่วงเช้า” เยี่ยมชมศาลสมเด็จพระนเรศวร และพระพุทธชินราชที่วัดพระศรีมหาธาตุ “ช่วงบ่าย” เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จ่าทวี เดินเล่นถนนคนเดินพิษณุโลก ร่วมรำวงย้อนยุค
วันที่สอง “ช่วงเช้า”อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า “ช่วงบ่าย” อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เที่ยวในโครงการฯทุ่งดอกกระดาษ ผาบอกรัก
วันที่สาม “ช่วงเช้า” แวะจุดชมวิวภูทับเบิก และวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วรับประทานอาหารกลางวันที่เขาค้อทะเลภู “ช่วงบ่าย” เยี่ยมชมไร่บีเอ็น และ Route 12
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ทุ่งดอกกระดาษหรือดอกบานไม่รู้โรย อันเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญ ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องเกล้า ลานหินปุ่ม ชมสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า ที่ลานหินริหน้าผา ผาชูธง จุดชมอาทิตย์ยามอัสดงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
กิจกรรมห้ามพลาด เดินชมทุ่งดอกกระดาษที่ผาพบรักและต้นเมเปิลเปลี่ยนสี ที่โรงเรียนการเมือง ในช่วงฤดูหนาว ลัดเลาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก ระยะทางประมาณ 2,460 เมตร
โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า โทร.08-1596-5977
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 สายพิษณุโลก-หล่มสัก ถึงสามแยกบ้านแยง แยกขวาผ่านบ้านห้วยตีนตั่ง- บ้านห้วยน้ำไซ-ฐานพัชรินทร์ สู่ที่ทำการอุทยานฯ รวมระยะทางประมาณ 31 กม.
@การดูเครื่องสำอางอย่างไรที่ได้มาตรฐาน
ทุกวันนี้คุณผู้หญิงและผู้ชายต่างก็หันมาใช้เครื่องสำอาง ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ได้ระบุวันหมดอายุเอาไว้ ตามกฎหมายของอังกฤษที่ระบุไว้ เวลาการใช้งานจะมีความปลอดภัยในการใช้ภายในระยะเวลา 30 เดือน หรือ 2 ปีครึ่ง ยกเว้นผลิตภัณฑ์นั้นระบุวันหมดอายุเป็นอย่างอื่นไว้ที่ฉลากก็ให้ถือตามนั้น
ปัจจุบันเครื่องสำอางส่วนมากนิยมผสมสารธรรมชาติลงไป ซึ่งจะมีผลทำให้อายุการใช้งานสั้นลง เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์หรือสารอันตรายที่เกิดจากการสลายตัวของส่วนผสมในตำรับ
ข้อสังเกตเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐาน
1.ต้องมีฉลากระบุข้อมูลครบถ้วน ซึ่งประกอบด้วย
ชื่อผลิตภัณฑ์ รูปแบบ ครีม / น้ำใส / โลชั่น
วันเดือนปีที่ผลิต
ส่วนประกอบสำคัญ
สถานที่ของผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายที่ระบุไว้ชัดเจน
2. ควรวางจำหน่ายในสถานที่ที่เหมาะสม เพราะสภาพแวดล้อมมีผลต่อความคงตัวของผลิตภัณฑ์
3. ควรบรรจุในภาชนะปิดเรียบร้อย อยู่ในสภาพที่เหมาะสม สะดวกต่อการนำมาใช้ ควรเก็บไว้ในที่แห้ง เย็น ไม่ถูกความร้อนหรือแสงแดด
4. ควรมีความคงตัว มีคุณสมบัติคงเดิมระหว่างการนำไปใช้ ความข้น หนืด สี กลิ่น ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดอายุการใช้งาน
5. ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้เครื่องสำอางใหม่ทุกครั้ง โดยการทาผลิตภัณฑ์ปริมาณเล็กน้อยลงบนท้องแขน หรือบริเวณติ่งหูแล้วทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง หากมมีอาการผื่นผิดปกติเกิดขึ้นแสดงว่าสามารถใช้ได้
6. หากใช้เครื่องสำอางแล้วมีความผิดปกติเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครั้งแรก หรือใช้มาแล้วระยะหนึ่งก็ตาม ต้องหยุดใช้ทันที และถ้าหยุดใช้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกร เพื่อค้นหาสาเหตุและรักษาให้ถูกต้องอย่างเหมาะสม
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บอร์ดให้ทอท.จ้างกลุ่มล็อกซ์เลย์ทำสายพานกระเป๋า3.6พันล้าน”
นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่าที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ ทอท.จ้างนิติบุคคลร่วมทำงาน ล็อกซเล่ย์-แอลพีเอส เป็นผู้รับจ้างงานซื้อพร้อมติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า (BHS) และระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (EDS) (ขาออก) (BHS & EDS) ตามโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554 – 2560) โดยทางล็อกซเล่ย์-แอลพีเอส เสนองานติดตั้งระบบฯ ที่มีเทคนิคดีกว่าผู้เสนอราคารายอื่นและราคาต่ำสุด เป็นเงิน 3,646,789,999.99 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %) ซึ่ง ทอท.เจรจาต่อรองลงเหลือ 3,646,560,000.-บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %) ต่ำกว่าราคากลาง 4 % หรือประหยัดงบประมาณลงได้กว่า 152,201,176.38 บาท
สอดคล้องกับแผนพัฒนาภาพรวมของสุวรรณภูมิโดยจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถ ในการรองรับการให้บริการผู้โดยสารจากปัจจุบัน 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคน และคาดว่าโครงการฯ จะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2562
ข่าวที่สอง “แนะใช้3เส้นทางใหม่เข้าสนามบินดอนเมือง”
นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง กล่าวว่า ตลอดปีนี้แนะนำให้ประชาชนและผู้ใช้ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก เพื่อเดินทาง เข้าสนามบินดอนเมืองในระหว่างกรมทางหลวงกำลังปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) ฝั่งขาออก บริเวณสะพานเข้า ทดม.เพื่อเพิ่มช่องจราจรทางตรงเป็น 3 ช่องจราจร โดยได้มีการรื้อถอนสะพานเดิมและจะปรับปรุงสะพานใหม่ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 จึงขอให้เลือกใช้เส้นทางเลี่ยงเพื่อเข้าสนามบินดอนเมืองอย่างสะดวกได้ 3 เส้นทาง ได้แก่
(1) ใช้สะพานทางเข้าหน้าคลังสินค้า (ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก)
(2) ใช้ทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์ขาออก)
(3) ใช้สะพานกลับรถหน้าฐานทัพอากาศดอนเมืองและเข้า ทดม.โดยช่องทางประตู 3 (ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า)
เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการดอนเมืองเลือกใช้สะพานทางเข้าหน้าคลังสินค้า (ถนนวิภาวดีฝั่งขาออก) มากกว่าเส้นทางอื่น ทำให้การจราจรภายในท่าอากาศยานติดขัด และผู้ใช้บริการไม่ได้รับความสะดวก โดยเฉพาะในช่วงเวลา 12.00 - 15.00 น.
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ดอนเมือง 0-2535-1192 หรือ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง)
ข่าวที่ 3 “กรมท่องเที่ยวฝันของบฟื้นฟูแหล่ง2หมื่นล้าน”
นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า อยู่ระหว่างพิจารณาคำของบประมาณโครงการต่าง ๆ หลังจากได้รับนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้เร่งฟื้นฟูพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังทรุดโทรมเพราะปริมาณคนเข้าไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงเตรียมประเมินแผนงานเพื่อเสนอของบดำเนินการ 20,000 ล้านบาท ปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว2,639 โครงการ แบ่งเป็นเมืองรอง 55 จังหวัด 1,843 โครงการ เมืองหลัก 22 จังหวัด 796 โครงการ จะเน้นพื้นที่ชานเมืองหรือชุมชนนอกเมืองเรื่อยไปจนเมืองรอบสนามบินหลัก
แนวทางการปรับปรุงฟื้นฟูจะทำภายใต้แนวคิดหรือลักษณะโครงการที่เกิดประโยชน์โดยตรงต่อชุมชนท้องถิ่น เช่น สร้างแหล่งกำเนิดสินค้าโอท็อปให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาตลาดเดิมให้มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยว ปรับโฉมเมืองในไฮไลต์ในจังหวัดต่าง ๆ ปรับปรุงภูมิทัศน์ ป้ายบอกทาง และการปรับปรุง ซ่อมแซมแหล่งท่องเที่ยวเพื่อให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่ม รวมทั้งจัดทำแหล่งท่องเที่ยวเพื่อครทั้งมวล หรือ universal design
ข่าวที่สี่ “รร.วีชิงนำเชฟมิชลินสตาร์เสิร์ฟวาเลนไทน์เพียง4วัน”
โรงแรม วี กรุงเทพฯ เอ็มแกลเลอรี บาย โซฟิเทล ชวนคู่รักเติมความหวานต้อนรับวาเลนไทน์ปีนี้ ด้วยมื้ออาหารสุดโรแมนติกแบบส่วนตัวใจกลางเมือง กับมิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว เพียงแค่ 4 วันเท่านั้น โดยเชฟซิลเวน เซนดร้า เชฟและเจ้าของร้าน Itinéraires ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส จะลัดฟ้ามารังสรรค์มื้ออาหารสำคัญวาเลนไทน์กุมภาพันธ์นี้ เป็นมื้อพิเศษสำหรับความตั้งใจนำเสนอรสชาติอันยอดเยี่ยมและเทคนิคประณีตสวยงามระดับเวิร์ลคลาสแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่าง วันที่ 14 ถึง 17 กุมภาพันธ์ 2561 แห่งเดียวเฉพาะที่ห้องอาหาร La VIE – Creative French Cuisine ชั้น 11 ประกอบด้วย
อาหารมื้อกลางวันแบบเซต 4 คอร์ส ราคา 3,000 บาทสุทธิ แบบเซต 4 คอร์สจับคู่กับเครื่องดื่มชั้นเลิศ ราคา 4,500 บาทสุทธิ เริ่มเสิร์ฟเวลา 12:00 น. เป็นต้นไป มื้อค่ำแบบเซต 6 คอร์ส ราคา 6,000 บาทสุทธิ แบบเซต 6 คอร์สจับคู่กับเครื่องดื่มชั้นเลิศ ราคา 8,000 บาทสุทธิ
ติดตามฟังรายการได้เป็นปนะจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทาง FM97.0 เวลา 11.00-12.00 น.
นำ3แบรนด์รุกต่อยอดภูมิปัญญาสมุนไพรไทย
คิงเพาเวอร์รางน้ำให้ช้อปรับ7 ต่อ ถึง 31ม.ค.
ททท.แชร์งบใหม่แสนล้านปี’61ทำเที่ยวแก้จน
บางจากมีบริการช่วยรถเสียฉุกเฉินตลอดทั้งปี
หนาวนี้บุกไปดูดงดอกไม้งามในภูหินร่องกล้า
เครื่องสำอางมาตรฐานมีวิธีดูอย่างไรปลอดภัย
ทอท.จ้างล็อกซ์เลย์ทำสายพานกระเป๋า3.6พันล.
ดอนเมืองแนะเลือกใช้3เส้นทางเข้าสนามบิน
กรมท่องเที่ยวฝันของบ2หมื่นล้านฟื้นฟูแหล่ง
โรงแรมวีดึงเชฟมิชลินโกยเงินวาเลนไทน์4วัน
สวัสดีวันเสาร์ที่ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
ช่วงที่ 1 ติดตามฟังการเจาะลึกทายาทนักธุรกิจรุ่นใหม่ “ณรัล วิวรรธนไกร” ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท สยาม เวลเนส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA กลุ่มทุนดาวรุ่งทางด้านเวลเนส สปา แบรนด์คนไทย จะมาเล่าเส้นทางสู่ความสำเร็จจากไทยขยายการค้าการลงทุนเข้าไปยังอาณาจักรแห่งมหาอำนาจด้านกำลังซื้อใหญ่ของโลกอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน และกลุ่มอาเซียน ด้วย 3 แบรนด์ พร้อม ๆ กับสร้างนวัตกรรมการต่อยอดภูมิปัญญาสมุนไพรไทย โดยสามารถทำให้ตอบโจทก์นโยบายรัฐบาลในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและกระจายรายได้สู่ชุมชนไปพร้อม ๆ กันได้
ณรัล วิวรรธนไกร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท สยาม เวลเนส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA |
ตามแผนจะขยายแบรนด์ Let’s Relax สปาไทยแพร่หลายไปสู่ต่างประเทศ ล่าสุดเปิดแนวรุกขายแฟรนส์ไชน์ไปสู่ 3 มณฑลในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนแห่กันเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยจำนวนมากเป็นอันดับ 1 รวมทั้งได้เข้ามาใช้บริการ Let’s Relax รวมถึง 1 ล้านคน จึงเป็นการสร้างฐานที่ดีทางบริการกับลูกค้าจีน เห็นได้ชัดจากการจัดประกวดของ We Chat และ Weibo ซึ่งเป็นโซเชียลและออนไลน์ที่มีใช้มากที่สุดผลปรากฎว่าโหวตให้แบรนด์ของเราครองแชมป์ความพึงพอใจในบริการต่อเนื่องมาถึง 3 ปี ระหว่าง 2558-2559-2560 จึงก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการเข้าไปลงทุนขยายแฟรนส์ไชน์ในจีนจะสนใจสัมผัสสปาไทย และดูแลสุขภาพมากขึ้น ปัจจุบันชาวจีนนิยมดูแลรักษาสุขภาพเพิ่มตลอดจากทุกกลุ่ม
ส่วนการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาไทยสถิติปี 2560 ใช้เงินเฉลี่ยคนละมากกว่า 6,000 บาทต่อทริป แต่ลูกค้าของสยามเวลเนสจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวอิสระด้วยตนเอง (Free Individaul Travel : FIT) จึงมียอดการใช้เงินสูงกว่านักท่องเที่ยวจีนโดยทั่วไปใช้กับสปาไทย ปกติจะเข้ามาเลือกทำเมนูสปากับ Let’s Relax คนละ 1,000-1,500 บาทต่อครั้ง ส่วนใหญ่คือมาเป็นกลุ่มคู่รัก ครอบครัว พาพ่อแม่ลูกเข้ามา จึงมีอัตราการเข้ามาทำสปาซ้ำ ๆ ค่อนข้างสูง
ขณะเดียวกัน บมจ.สยามเวลเนส ยังได้ขยายแฟรนส์ไชน์ Let’s Relax เข้าไปยังกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศ CLMV มีอัตรการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียน และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างสดใส
ขณะที่แบรนด์ “ระรินจินดา” ระดับ 5 ดาวเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติระดับบนซึ่งต้องการโปรดักซ์ไฮเอนด์จากการนำโปรดักซ์สมุนไพรภูมิปัญญาไทยเข้ามาช่วยผ่อนคลายสุขภาพ ปัจจุบันมี 3 สาขา คือ ราชดำริ
นายณรัลย้ำว่าปี 2561 ได้เตรียมความพิเศษไว้ให้ลูกค้าคนไทยด้วยเช่นกันหลังจากจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผ่านเข้าสู่ปีที่ 4 แล้วก็ประเมินกำลังซื้อคนไทยระดับกลางขึ้นไปถึงกลุ่มบนต้องการสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน จึงรุกเข้าไปทำประชาสัมพันธ์ภายใต้แบรนด์ระรินจินดาเจาะไฮเอนด์ด้วยคอนเซ็ปต์ Ultimate Wellness Experience ส่งมอบประสบการณ์สปาเอ็กซ์คลูซีฟจึงสร้างสรรเมนูสุขภาพตอบสนองวัยรุ่น วัยทำงาน
รวมทั้งการนวดบำบัดสำหรับคุณแม่ก่อนและหลังคลอด อาทิ คอร์สอยู่ไฟนำภูมิปัญญาไทยมาต่อยอด โดยเฉพาะกลุ่มคุณแม่ตลาดบนที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง หลังคลอดแล้วจะมีทรีตเมนท์ช่วยคุณแม่กลับมาสมบูรณ์อย่างรวดเร็วอีกครั้ง
และนวัตกรรมคอร์สใหม่การนวดผ่อนคลายแก้โรค office syndrome ร่างกายประสบอยู่จากการใช้แทปเล็ต มือถือ มากเกินไป
อีกทั้ง Let’s Relax ยังมีสาขาบริการอยู่ตามสถานีรถไฟฟ้า อโศก พร้อมพงษ์ เอกมัย ทองหล่อ สนามกีฬาแห่งชาติ ทำให้คนไทยเข้าถึงแบรนด์สปาไทยมากขึ้นในโซนใจกลางเมืองย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ และยังได้จับมือกับบัตรเครดิตพรีเมี่ยมที่ต้องการนำไลฟ์สไตล์เข้ามาสู่คนไทยและทำให้คนเลือกใช้แบรนด์สปามาตรฐานเพิ่มมากขึ้น
ส่วนแคมเปญใหม่ที่จะออกวางตลาดช่วงต้นปี 2561 นำโดยแบรนด์ระรินจินดาที่เปิดตัวคอนเซ็ปต์ Ultimate Wellness Experience จะมีแพกเกจใหม่ ๆ มาแนะนำ เช่น อัลตร้าโครน เครื่องปรับสัดส่วนของร่างกายเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างซิคแพ็ตเป็นเทรนด์ยอดนิยม จะมีบัตรไดม่อนกับรูบี้การ์ด เหมาะกับกลุ่มคนไทยที่ต้องการเข้ามาใช้อย่างสม่ำเสมอ ส่วน Let’s Relax จะเริ่มแคมเปญใหม่ช่วงกลางปีเพื่อฉลองครบ 20 ปี จะมีแคมเปญและสื่อสารการตลาดใหม่ ๆ ตอบโจทก์ผู้บริโภคคนไทย
นายณรัลกล่าวว่าทางสยาม เวลเนสต้องการจะเป็นผู้นำนวัตกรรมสุขภาพบริการด้วยเทรนด์ใหม่นำสปาจากนานาประเทศเข้ามาต่อยอด จึงได้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นพบเห็นศาสตร์การแช่น้ำร้อนเรียกว่า “ออนเซน” จึงนำมาผสมผสานเข้ากับสมุนไพรไทยพัฒนาเป็นออนเซนในเมืองแห่งแรกของประเทศในแบบฉบับญี่ปุ่นที่สาขาทองหล่อ ส่วนผู้มีประสบการณ์เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วทำออนเซนมาก่อนจะมีบ่อน้ำร้อน บ่อออนเซน ทางบริษัทก็ได้ลงทุนทำ White Ion บ่อฟองออกซิเจนขาว ๆ ทำให้ผิวนุ่มเหมาะกับสุภาพสตรี หรือบ่อน้ำแร่คัดมาจากเมืองเคโระทากายาม่าติด 1 ใน 3 น้ำแร่ชั้นนำดีสุดของญี่ปุ่นมาใช้ดูแลบำรุงผิว
ส่วนผู้ชายที่มีอาการปวดเมื่อยได้ทำบ่อแช่ออนเซน World Pool กับ เจ็ตฟาสต์ ที่มีแรงดันน้ำและแรงดันลมทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
หลังจากออนเซนเสร็จแล้วจะมีห้องหินร้อนซึ่งเป็นนวัตกรรมอีกอย่างจากญี่ปุ่น ก่อนที่จะไปทำการนวดแผนไทยซึ่งทางสยาม เวลเนส มีความชำนาญมากว่า 20 ปี ทั้งนวดไทย น้ำมัน และนวดเท้า
โดยสรุปแล้วเมื่อเข้ามาใช้บริการนวตกรรมออนเซนแบบญี่ปุ่นแล้วต่อด้วยนวดไทย ก็จะทำให้ร่างกายรู้สึกสบายขึ้นมากตั้งแต่หัวจดเท้าในแต่ละครั้งที่ได้ใช้บริการ
ส่วนสนนราคาค่าบริการแพกเกจสปาของสยาม เวลเนส ในส่วนออนเซนจับกลุ่ม B ถึง A- เริ่มต้นครั้งละ 650 บาทต่อเมนูทรีตเมนต์ หรือราว 2,000 เยน ซึ่งกระแสตอบรับจากกลุ่มญี่ปุ่นที่พำนักอาศัยและทำงานอยู่ในประเทศไทย มีวัฒนธรรมการใช้ออนเซนสม่ำเสมอ พอได้พบกับแพกเกจคุณภาพจึงกลับมาใช้ต่อเนื่องเป็นประจำ รวมถึงคนไทยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นตามนโยบาย VISA FREE จึงเริ่มคุณเคยกับการทำออนเซนก็กลับมาใช้บริการในไทยด้วย
นอกจากจะให้บริการเวลเนส สปา แล้วสยาม เวลเนส ยังได้ให้การสนับสนุนวัตถุดิบของคนไทยด้วยกันเพื่อนำมาทำผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงามในรูปแบบที่ได้มาตรฐานสากล ตัวอย่างคือ ชา จากศูนย์พัฒนาพืชพรรณของมูลนิธิชัยพัฒนา โดยทางฝ่ายบริหารสยาม เวลเนสได้เดินทางไปยังเชียงราย มีไร่ที่รัฐบาลจีนส่งมาให้รัฐบาลไทยเพื่อช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ จึงจะเห็นผู้สูงวัยที่ทำงานอยู่ในไร่ดังกล่าวมื้อเต่งตึงแต่ใบหน้าเหี่ยวย่นไปตามสภาพ ซึ่งเป็นผลมาจากทุกวันจะใช้มือทำการสกัดน้ำมันชาอันมีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณ จึงได้นำน้ำมันชามาต่อยอดกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ได้ด้วย
ส่วนการวางแผนขยายสาขาสปาไทยตามนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มุ่งเน้นนักธุรกิจโหมช่วยโปรโมตเมืองท่องเที่ยวรองของประเทศไทยนั้น ทางสยาม เวลเนส จะใช้แบรนด์ “บ้านสวนมาสซาส” ซึ่งเข้าไปซื้อแบรนด์มาตั้งแต่ปี 2558 เป็นนวดไทยระดับ 3 ดาวที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี มีสาขาอยู่ตามชานเมืองกรุงเทพฯ 8 สาขา ขณะนี้ได้เพิ่มไปยังต่างจังหวัด ได้แก่ อุดรธานี หนองคาย เป็นพื้นที่ยังไม่มีบริการนวดไทยที่เป็นแบรนด์มาตรฐาน เพราะพฤติกรรมของคนไทยเองยอมจ่ายแพงขึ้นได้หากสถานที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ราคาสมเหตุผล จึงเป็นอีกสินค้าท่องเที่ยวสามารถตอบโจทก์ลูกค้าคนไทยและคนในพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจ กับผู้บริหารระดับกลางและสูง
นอกจากขยายตามหัวเมืองใหญ่ภาคอีสานแล้วก็กำลังศึกษาในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ เพื่อต่ยอดภายใต้แบรนด์บ้านสวนมาสซาจ
สยาม เวลเนส กรุ๊ป นับเป็นแบรนด์สปาไทยที่แข็งแกร่งและพร้อมจะนำประเทศก้าวสู่ผู้นำสปาเอเชียได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “ช้อปคิงเพาเวอร์สัปดาห์ท้ายมค.รับ7ต่อ”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำการบุกเบิกธุรกิจร้านค้าปลอดอากรของเมืองไทย รายงานว่า ในปี 2561 มุ่งมั่นที่จะพัฒนาการลงทุนก้าวไปสู่ร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวแบบครบวงจร ควบคู่กับการกระตุ้นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติใช้จ่ายเงินเพื่อกระจายเม็ดเงินหมุนเวียนให้ได้มากที่สุด จึงได้ทยอยจัดแคมเปญการขายแนวใหม่ ๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลา
โดยในช่วงสัปดาห์สุดท้ายเดือนมกราคม ระหว่างวันนี้ - 31 มกราคม 2561 ที่คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ให้สมาชิกรับสิทธิ์เต็ม ๆ ถึง 7 ต่อ คือ ช็อปครบ 1,000 บาท รับคูปองส่วนลด 1,000 บาท ช้อปครบ 3,000 บาท รับคูปองทานอาหาร 200 บาท ช้อปครบ 5,000 บาท รับคูปองส่วนลด 1,000 บาท
ช้อปครบ 15,000 บาท รับคูปองส่วนลด 1,500 บาท ช้อปครบทุก 20,000 บาท รับ Gift Voucher คืนสูงสุด 30,000 บาท ช้อปครบ 30,000 บาท ในแผนกแฟชั่นและนาฬิกา รับ Overnight Luggage รับ iPhone X
สอบถามรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.จ่อใช้งบแสนล้านกลางปี’61ชูท่องเที่ยวแก้จน”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุมโดยมีผู้บริหาร ททท.เข้าร่วมประชุมเรื่องการพิจารณารายจ่ายเพิ่มเติมหรืองบกลางปี 2561 และแนวทางการปฏิบัติของกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการบริหารเชิงพื้นที่ เพื่อจะจัดสรรงบรวมกว่า 100,000 ล้านบาท ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีเรื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรวมอยู่ด้วย
ซึ่งบทบาทหลักของ ททท.มีหน้าที่เสนอแนวคิด วิธีทำแผนการดำเนินงาน สรุปเป็นโครงการลงมือปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อทำให้คนไปท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด พร้อมกับกระจายตัวเที่ยวตามเมืองหลักด้วย
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2561 จะเสนอแผนท่องเที่ยวแก้จน นำการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ชุมชน ภายใต้งบงบประมาณ 5,000 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 เพื่อเริ่มใช้ทำโครงการต่าง ๆ ได้ในช่วงระหว่างเมษายน-ตุลาคมนี้ เริ่มจากจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวค่อนข้างยากจน ตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร คือ กาฬสินธุ์ แม่ฮ่องสอน จากนั้นจะกระจายไปใน 55 จังหวัด
เบื้องต้นจะนำร่อง 2 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน และกาฬสินธุ์ เนื่องจากมีประชากรในพื้นที่มีค่าเฉลี่ยรายได้อยู่ในกลุ่มต่ำสุดของประเทศ จากการสำรวจพื้นฐานพบว่าทั้ง 2 จังหวัดมีความพร้อมอยู่แล้ว เช่น แม่ฮ่องสอน มีแหล่งน้ำพุร้อน ก็จะประสานกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ให้ช่วยให้คำแนะนำในการปรับปรุงมาตรฐานเพื่อรับการท่องเที่ยว
ส่วนกาฬสินธุ์จะต้องเน้นการสร้างแบรนด์ท่องเที่ยวเพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจ เนื่องจากสินค้าทางการท่องเที่ยวปัจจุบันยังขาดความชัดเจน
ข่าวที่ 3 “บางจากมอบบริการช่วยรถเสียฉุกเฉินฟรีตลอดปี”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จัดทำสิทธิประโยชน์เฉพาะให้แก่สมาชิกผู้ถือบัตรบางจากฯเพื่อเพิ่มความอุ่นใจของการเดินทางในประเทศไทย ตลอดปี 2561 ด้วย “บริการ 24 ชั่วโมง ช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินบนท้องถนน” ฟรีตั้งแต่ที่คุณได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ จนถึง 31 ธ.ค. 2561 เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าแม้จะเกิดเหตุขัดข้อง ในระหว่างการเดินทาง และต้องการความช่วยเหลือ เราจะอยู่เคียงข้างคุณ ในทุกที่ที่ต้องการ
คลิกลงทะเบียนรับสิทธิ์ 15 ม.ค.–30 เม.ย. 61 www.bangchak.co.th หรือสอบถามได้ที่ 02-206-5494 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
กติกาหลัก ๆ จะต้องเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล 4 ล้อ ไม่รวมถึงรถรับจ้างขนส่ง รถสาธารณะเพื่อการพาณิชย์ และรถจักรยานยนต์ โดยจะให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทยตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นตามเกาะต่าง ๆ แต่ไม่รวม เกาะภูเก็ต, เกาะสมุย และเกาะช้าง
สำหรับบริการ 24 ชั่วโมง ช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินบนท้องถนน เพื่อสร้างความอุ่นใจในทุกเส้นทางซึ่งเครือข่ายพันธมิตรของบางจากพร้อมให้บริการในทุกเส้นทางครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วไทย และพร้อมแก้ไขปัญหาที่ทำให้รถยนต์สามารถเดินทางต่อไปได้อย่างไม่ปลอดภัย
โดยได้มอบสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายในการเดินทาง คือ
• บริการช่างช่วยเหลือฉุกเฉิน - จัดส่งช่างซ่อมตามที่สมาชิกร้องขอ โดยคุ้มครองค่าแรงและค่าเดินทางของช่างสูงสุด 1,000 บาทต่อครั้ง ความคุ้มครองจะไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนชิ้นส่วน หรืออะไหล่ (ถ้ามี)
• บริการช่างกุญแจฉุกเฉิน – กรณีล็อครถโดยไม่ตั้งใจ เจ้าหน้าที่จะประสานงานนำกุญแจสำรองเพื่อทำการเปิดให้แก่ท่าน โดยคุ้มครองค่าแรงและค่าเดินทางของช่างสูงสุด 1,000 บาทต่อครั้ง
• บริการเติมน้ำมันฉุกเฉิน - ในกรณีที่รถยนต์ของท่านน้ำมันหมดฉุกเฉินจนไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ทางเราประสานงานจัดหาเจ้าหน้าที่นำส่งน้ำมัน โดยคุ้มครองค่าแรงและค่าเดินทางของช่างสูงสุด 1,000 บาทต่อครั้ง
• บริการรถยก-ลากฉุกเฉิน - จัดหารถยกเพื่อทำบริการยก/ลากจูงไปยังศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่ท่านต้องการ โดยคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการยก/ลากจูงฟรีใน 20 กิโลเมตรแรก (มูลค่า 2,300 บาท/ครั้ง) ค่าใช้จ่ายในกิโลเมตรถัดไปเป็นความรับผิดชอบของท่าน โดยเจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งค่าบริการ และขอความเห็นชอบจากท่านก่อนการดำเนินการ
• บริการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมงในกรณีที่รถเสีย
เงื่อนไข หมายเลขบัตรสมาชิกบางจาก 1 ใบ / 1 สิทธิ์ คุ้มครองรถ 1 คัน จำกัดการใช้สิทธิ์ 1 หมายเลขสมาชิก / ประเภทของการบริการหัวข้อละ 1 ครั้ง และสิทธิประโยชน์เฉพาะสมาชิกที่ทำการลงทะเบียนและได้รับการยืนยันสิทธิ์ทาง SMS เท่านั้น
ช่วงที่ 2 ออกเดินทางไป “ภูหินร่องกล้า” พิษณุโลก แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยเป็นที่สุดแห่งการท่องเที่ยวแดนดอกไม้งามตามธรรมชาติฤดูหนาว ทั้งทุ่งดอกกระดาษและนางพญาเสือโคร่ง พร้อมกับเรื่องราวดี ๆ มากมาย ส่วนเรื่องสุขภาพมาดูกันว่าจะสังเกตุเครื่องสำอางอย่างไรที่ได้มาตรฐาน และข่าวท้ายชั่วโมง ทอท.ได้ไฟเขียวจากบอร์ดเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้จ้างกลุ่มล็อกซ์เลย์ลุยทำระบบสายพานกระเป๋าในวงเงิน 3,600 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จทันปี 2562 ตามแผนเพิ่มบริการให้เพียงพอต่อการขยายสนามบินรับผู้โดยสารเป็นปีละ 60 ล้านคน จากเดิม 45 ล้านคน ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองออกมาย้ำกันชัด ๆ อีกครั้งถึงการใช้เส้นทางเบี่ยงเข้าสนามบินตลอดปีนี้ ขณะที่โรงแรมมีแพกเกจอาหารมานำเสนอช่วงวาเลนไทน์
@หนาวนี้ตามไปดูดงดอกไม้ในภูหินร่องกล้า
" แหล่งเรียนรู้การพัฒนาป่าไม้เพาะชำกล้าไม้หายากที่ควรอนุรักษ์ พันธุกรรมไว้เพื่อปลูกตามแนวพระราชดำริ " โครงการพัฒนาป่าไม้ ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า ม.10 บ้านร่องกล้า ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลกอช.ภูหินร่องกล้า เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ช่วงที่นิยมท่องเที่ยวอยู่ในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ สำหรับเดือนอื่น ๆ ก็เที่ยวได้เช่นกัน
นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาสูดอากาศสดชื่นท่ามกลางภูเขาเขียวขจีสัมผัสอากาศเย็นสบายกันที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ที่นี่ยังมีแหล่งเรียนรู้การพัฒนาป่าไม้และเพาะชำกล้าไม้หายาก อันเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้าจัดตั้งขึ้นเพื่อการฟื้นฟูสภาพป่า เพาะชำกล้าไม้ และ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับราษฎร ที่โครงการฯยังมีแปลงปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า แปลงสาธิต การปลูกสตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน ปลอดสารพิษ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อย่างใกล้ชิด
พื้นที่ในโครงการฯ มีแนวหินผาเป็นจุดชมวิวถึง 6 จุดสำคัญ ได้แก่ ผาไททานิค ผาพบรัก ผาบอกรัก ผาคู่รัก ผารักยืนยง และผาสลัดรัก สามารถยืนชมทิวทัศน์ผืนป่าเขียวชอุ่ม ไม่เพียงแค่ทุ่งดอกกระดาษและหน้าผาแห่งรักเท่านั้น ในช่วงฤดูหนาว ที่นี่ยังเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยผลิบานอีกหนึ่งจุดด้วย
เส้นทางท่องเที่ยว จ.พิษณุโลก
วันแรก “ช่วงเช้า” เยี่ยมชมศาลสมเด็จพระนเรศวร และพระพุทธชินราชที่วัดพระศรีมหาธาตุ “ช่วงบ่าย” เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จ่าทวี เดินเล่นถนนคนเดินพิษณุโลก ร่วมรำวงย้อนยุค
วันที่สอง “ช่วงเช้า”อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า “ช่วงบ่าย” อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เที่ยวในโครงการฯทุ่งดอกกระดาษ ผาบอกรัก
วันที่สาม “ช่วงเช้า” แวะจุดชมวิวภูทับเบิก และวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วรับประทานอาหารกลางวันที่เขาค้อทะเลภู “ช่วงบ่าย” เยี่ยมชมไร่บีเอ็น และ Route 12
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ทุ่งดอกกระดาษหรือดอกบานไม่รู้โรย อันเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญ ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องเกล้า ลานหินปุ่ม ชมสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า ที่ลานหินริหน้าผา ผาชูธง จุดชมอาทิตย์ยามอัสดงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
กิจกรรมห้ามพลาด เดินชมทุ่งดอกกระดาษที่ผาพบรักและต้นเมเปิลเปลี่ยนสี ที่โรงเรียนการเมือง ในช่วงฤดูหนาว ลัดเลาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก ระยะทางประมาณ 2,460 เมตร
โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า โทร.08-1596-5977
การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 สายพิษณุโลก-หล่มสัก ถึงสามแยกบ้านแยง แยกขวาผ่านบ้านห้วยตีนตั่ง- บ้านห้วยน้ำไซ-ฐานพัชรินทร์ สู่ที่ทำการอุทยานฯ รวมระยะทางประมาณ 31 กม.
@การดูเครื่องสำอางอย่างไรที่ได้มาตรฐาน
ทุกวันนี้คุณผู้หญิงและผู้ชายต่างก็หันมาใช้เครื่องสำอาง ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ได้ระบุวันหมดอายุเอาไว้ ตามกฎหมายของอังกฤษที่ระบุไว้ เวลาการใช้งานจะมีความปลอดภัยในการใช้ภายในระยะเวลา 30 เดือน หรือ 2 ปีครึ่ง ยกเว้นผลิตภัณฑ์นั้นระบุวันหมดอายุเป็นอย่างอื่นไว้ที่ฉลากก็ให้ถือตามนั้น
ปัจจุบันเครื่องสำอางส่วนมากนิยมผสมสารธรรมชาติลงไป ซึ่งจะมีผลทำให้อายุการใช้งานสั้นลง เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์หรือสารอันตรายที่เกิดจากการสลายตัวของส่วนผสมในตำรับ
ข้อสังเกตเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐาน
1.ต้องมีฉลากระบุข้อมูลครบถ้วน ซึ่งประกอบด้วย
ชื่อผลิตภัณฑ์ รูปแบบ ครีม / น้ำใส / โลชั่น
วันเดือนปีที่ผลิต
ส่วนประกอบสำคัญ
สถานที่ของผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายที่ระบุไว้ชัดเจน
2. ควรวางจำหน่ายในสถานที่ที่เหมาะสม เพราะสภาพแวดล้อมมีผลต่อความคงตัวของผลิตภัณฑ์
3. ควรบรรจุในภาชนะปิดเรียบร้อย อยู่ในสภาพที่เหมาะสม สะดวกต่อการนำมาใช้ ควรเก็บไว้ในที่แห้ง เย็น ไม่ถูกความร้อนหรือแสงแดด
4. ควรมีความคงตัว มีคุณสมบัติคงเดิมระหว่างการนำไปใช้ ความข้น หนืด สี กลิ่น ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดอายุการใช้งาน
5. ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้เครื่องสำอางใหม่ทุกครั้ง โดยการทาผลิตภัณฑ์ปริมาณเล็กน้อยลงบนท้องแขน หรือบริเวณติ่งหูแล้วทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง หากมมีอาการผื่นผิดปกติเกิดขึ้นแสดงว่าสามารถใช้ได้
6. หากใช้เครื่องสำอางแล้วมีความผิดปกติเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครั้งแรก หรือใช้มาแล้วระยะหนึ่งก็ตาม ต้องหยุดใช้ทันที และถ้าหยุดใช้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกร เพื่อค้นหาสาเหตุและรักษาให้ถูกต้องอย่างเหมาะสม
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บอร์ดให้ทอท.จ้างกลุ่มล็อกซ์เลย์ทำสายพานกระเป๋า3.6พันล้าน”
นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่าที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ ทอท.จ้างนิติบุคคลร่วมทำงาน ล็อกซเล่ย์-แอลพีเอส เป็นผู้รับจ้างงานซื้อพร้อมติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า (BHS) และระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (EDS) (ขาออก) (BHS & EDS) ตามโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554 – 2560) โดยทางล็อกซเล่ย์-แอลพีเอส เสนองานติดตั้งระบบฯ ที่มีเทคนิคดีกว่าผู้เสนอราคารายอื่นและราคาต่ำสุด เป็นเงิน 3,646,789,999.99 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %) ซึ่ง ทอท.เจรจาต่อรองลงเหลือ 3,646,560,000.-บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %) ต่ำกว่าราคากลาง 4 % หรือประหยัดงบประมาณลงได้กว่า 152,201,176.38 บาท
สอดคล้องกับแผนพัฒนาภาพรวมของสุวรรณภูมิโดยจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถ ในการรองรับการให้บริการผู้โดยสารจากปัจจุบัน 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคน และคาดว่าโครงการฯ จะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2562
ข่าวที่สอง “แนะใช้3เส้นทางใหม่เข้าสนามบินดอนเมือง”
นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง กล่าวว่า ตลอดปีนี้แนะนำให้ประชาชนและผู้ใช้ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก เพื่อเดินทาง เข้าสนามบินดอนเมืองในระหว่างกรมทางหลวงกำลังปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) ฝั่งขาออก บริเวณสะพานเข้า ทดม.เพื่อเพิ่มช่องจราจรทางตรงเป็น 3 ช่องจราจร โดยได้มีการรื้อถอนสะพานเดิมและจะปรับปรุงสะพานใหม่ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 จึงขอให้เลือกใช้เส้นทางเลี่ยงเพื่อเข้าสนามบินดอนเมืองอย่างสะดวกได้ 3 เส้นทาง ได้แก่
(1) ใช้สะพานทางเข้าหน้าคลังสินค้า (ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก)
(2) ใช้ทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์ขาออก)
(3) ใช้สะพานกลับรถหน้าฐานทัพอากาศดอนเมืองและเข้า ทดม.โดยช่องทางประตู 3 (ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า)
เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการดอนเมืองเลือกใช้สะพานทางเข้าหน้าคลังสินค้า (ถนนวิภาวดีฝั่งขาออก) มากกว่าเส้นทางอื่น ทำให้การจราจรภายในท่าอากาศยานติดขัด และผู้ใช้บริการไม่ได้รับความสะดวก โดยเฉพาะในช่วงเวลา 12.00 - 15.00 น.
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ดอนเมือง 0-2535-1192 หรือ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง)
ข่าวที่ 3 “กรมท่องเที่ยวฝันของบฟื้นฟูแหล่ง2หมื่นล้าน”
นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า อยู่ระหว่างพิจารณาคำของบประมาณโครงการต่าง ๆ หลังจากได้รับนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้เร่งฟื้นฟูพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังทรุดโทรมเพราะปริมาณคนเข้าไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงเตรียมประเมินแผนงานเพื่อเสนอของบดำเนินการ 20,000 ล้านบาท ปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว2,639 โครงการ แบ่งเป็นเมืองรอง 55 จังหวัด 1,843 โครงการ เมืองหลัก 22 จังหวัด 796 โครงการ จะเน้นพื้นที่ชานเมืองหรือชุมชนนอกเมืองเรื่อยไปจนเมืองรอบสนามบินหลัก
แนวทางการปรับปรุงฟื้นฟูจะทำภายใต้แนวคิดหรือลักษณะโครงการที่เกิดประโยชน์โดยตรงต่อชุมชนท้องถิ่น เช่น สร้างแหล่งกำเนิดสินค้าโอท็อปให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาตลาดเดิมให้มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยว ปรับโฉมเมืองในไฮไลต์ในจังหวัดต่าง ๆ ปรับปรุงภูมิทัศน์ ป้ายบอกทาง และการปรับปรุง ซ่อมแซมแหล่งท่องเที่ยวเพื่อให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่ม รวมทั้งจัดทำแหล่งท่องเที่ยวเพื่อครทั้งมวล หรือ universal design
ข่าวที่สี่ “รร.วีชิงนำเชฟมิชลินสตาร์เสิร์ฟวาเลนไทน์เพียง4วัน”
โรงแรม วี กรุงเทพฯ เอ็มแกลเลอรี บาย โซฟิเทล ชวนคู่รักเติมความหวานต้อนรับวาเลนไทน์ปีนี้ ด้วยมื้ออาหารสุดโรแมนติกแบบส่วนตัวใจกลางเมือง กับมิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว เพียงแค่ 4 วันเท่านั้น โดยเชฟซิลเวน เซนดร้า เชฟและเจ้าของร้าน Itinéraires ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส จะลัดฟ้ามารังสรรค์มื้ออาหารสำคัญวาเลนไทน์กุมภาพันธ์นี้ เป็นมื้อพิเศษสำหรับความตั้งใจนำเสนอรสชาติอันยอดเยี่ยมและเทคนิคประณีตสวยงามระดับเวิร์ลคลาสแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่าง วันที่ 14 ถึง 17 กุมภาพันธ์ 2561 แห่งเดียวเฉพาะที่ห้องอาหาร La VIE – Creative French Cuisine ชั้น 11 ประกอบด้วย
อาหารมื้อกลางวันแบบเซต 4 คอร์ส ราคา 3,000 บาทสุทธิ แบบเซต 4 คอร์สจับคู่กับเครื่องดื่มชั้นเลิศ ราคา 4,500 บาทสุทธิ เริ่มเสิร์ฟเวลา 12:00 น. เป็นต้นไป มื้อค่ำแบบเซต 6 คอร์ส ราคา 6,000 บาทสุทธิ แบบเซต 6 คอร์สจับคู่กับเครื่องดื่มชั้นเลิศ ราคา 8,000 บาทสุทธิ
ติดตามฟังรายการได้เป็นปนะจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทาง FM97.0 เวลา 11.00-12.00 น.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น