ททท.จัด3งานยักษ์ดึงเงินเข้าชุมชนต้นปี’61
เที่ยวเมืองไทย-ตรุษจีน-ATF2018แรงสุดๆ
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #Amazingthailand
https://www.matichon.co.th/news/812273
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การตลาดที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงในการจัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 38” ระหว่าง 17-21 มกราคม 2561 ณ สวนลุมพินี ตลอด 5 วันกระแสตอบรับความสำเร็จดีเกินคาดทำรายได้ถึง 500 ล้านบาท มีผู้เข้าชมและช้อปปิ้งสินค้าชุมชนและเมืองรองของทั้ง 5 ภูมิภาค ผลิตภัณฑ์ยอดขายครองแชมป์ก็มีผ้าพื้นเมืองเหนือ อีสาน ใต้ และอาหารถิ่น ขายดี ตลอดงานมีจำนวนผู้เข้าชมมากถึง 680,000 คน อัตราการเพิ่มทั้งจำนวนและรายได้ผู้เข้างานนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10-15 % เป็นผลมาจากการวางแผนและจัดทำผังงานได้เป็นอย่างดี สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายเงินเต็มที่ โดยเฉพาะผ้าพื้นเมืองรุ่น Limited ซื้อภายในงานแล้วรอคิวรับสินค้าภายหลัง ส่วนอาหารถิ่นและของดีกรุงเทพฯ 50 เขตก็ขายดีมากเช่นกัน
นายุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการ ททท. กล่าวว่า ททท.ได้ใช้เวทีงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 เปิดประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรกในรอบ 58 ปี โดยนำ Music Marketing เข้ามาเสริมทัพ จัดทำอัลบั้มเพลงท่องเที่ยว “Open to the New Shades”เป็นแคมเปญด้านการสื่อสารการตลาดปี2561 เพื่อใช้โปรโมตการท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง จำนวน 13 เพลง แต่งเนื้อร้องทำนองโดยคุณโก้ Mr. Saxman นักดนตรีแจ๊สชั้นนำของเมืองไทย บรรจงบอกเล่าถึงเสน่ห์ของเมืองไทย ผ่านตัวโน๊ต จังหวะ และเสียงดนตรีของทั้งเครื่องดนตรีไทยและดนตรีสากล พร้อมทั้งใส่จินตนาการเกี่ยวกับเมืองไทยที่ผสมผสานกันอย่างไพเราะและลงตัวสำหรับเพลงหลักของอัลบั้มชุดนี้คือ “Open to the New Shades” ได้เชิญนักดนตรีชั้นนำจากทั่วโลกมาร่วมเล่นและลงเสียงกว่า 20 คน
เมื่อผนวกการเร่งออกตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปีของ ททท.จัดงานต่อเนื่องจากงานแรกช่วงเปิดปีศักราชจัด “Amazing Thailand Countdown” 31 ธันวาคม 2560- 1 มกราคม 2561 กระแสตอบรับการท่องเที่ยวตามที่ ททท.ไฮไลต์จัด 4 เมืองรอง 1 เมืองหลักก็ประสบความสำเร็จทำรายได้เมืองละ 500 ล้านบาท รวม 5 จังหวัดนำเงินกระจายสู่พื้นที่ราว 2,500 ล้านบาท รวมเข้ากับงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยแล้วเม็ดเงินการท่องเที่ยวกระจายตรงลงสู่ท้องถิ่นรวมกว่า 3,000 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และจะยังคงมีนักท่องเที่ยวในกลุ่มที่เข้าชมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยอีกกว่า 61 % ของทั้งหมดเดินทางไปเที่ยวตามพื้นที่ต่อเนื่องตลอดปี 2561
นายธเนศวร์กล่าวว่า แผนงานขั้นต่อไปหลังเสร็จเสร็จมหกกรรมเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 ทางฝ่ายสื่อสารการตลาด ทททจะเดินหน้าทำทันทีอีก 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ดึงสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยวชัด ๆ ขึ้นมาขาย รวมทั้งให้ชุมชนเตรียมความพร้อมควบคู่กันไป ทาง ททท.ฝ่ายสินค้าและตลาดในประเทศที่ดูแลสำนักงานทั่วประเทศ 40 แห่ง พร้อมใจกันพัฒนาท่องเที่ยวเมืองหลักขยายไปยังเมืองรอง ส่วนที่ 2 นำเครื่องมือทางการสื่อสารเข้ามาใช้เต็มรูปแบบ ตามช่องทางสื่อที่มีอยู่จำนวนมาก ตัวอย่าง จะร้อยเรียงการสื่อสารจากเวทีการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ส่วนที่ 3 โปรโมตเมืองท่องเที่ยวรองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีแบรนด์โดนใจ ทั้งที่ กาฬสินธุ์ และแม่ฮ่องสอน ซึ่งผมจะลงพื้นที่ไปหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อหาบุคลิกของกาฬสินธุ์ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวเป็นจุดขายไฮไลต์คือ “ไดโนเสาร์” เตรียมหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์และผู้เกี่ยวข้องถึงวิธีทำเรื่องแบรนด์ไดโนเสาร์เชื่อมโยงไปถึงเส้นทางท่องเที่ยวเข้าขอนแก่นได้ด้วย เป็นการสร้างแบรนด์ให้ชัดเจนเพื่อกระตุ้นรายได้ให้เข้าไปเร็วที่สุด
“ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้นโยบายช่วงเทศกาลสงกรานต์ควรมีภาพของนักท่องเที่ยวเล่นหยอกล้อเล่นกับไดโนเสาร์ นำไปสู่การขยายผลโปรโมตเชื่อมโยงเข้าด้วยกันในหลายจังหวัดภาคอีสานต่อไป เป็นภารกิจของฝ่ายสื่อสารการตลาด ททท.ที่จะต้องรุกหนักอย่างรวดเร็วด้วยอีกทาง” นายธเนศวร์กล่าว
จากนั้นจังหวัดเป้าหมายต่อไปคือ “แม่ฮ่องสอน” ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เข้าพัฒนาทางด้านซัพลลายไซต์ ทางคมนาคมก็ได้เข้าเชิญชวนให้สายการบินเปิดเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น และด้วยทัศนียภาพของเมืองอยู่บนภูเขาสูง ททท.คาดหวังหากมีสายการบินเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้นก็จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวไหลเข้าไปมากขึ้น เพราะปัจจุบันเดินทางรถค่อนข้างจะผ่านโค้งจำนวนมาก ในมุมการโปรโมตไม่น่าหนักใจเพราะช่องทางของ ททท.ทำได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แต่ต้องไปคุยกับทางท้องถิ่นให้ชัดถึงตัวตนของพื้นที่ ซึ่งเป็นหลักการทำโปรโมตต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วมนำเสนอจุดขายและอัตลักษณ์แต่ละแห่ง
สำหรับการผลิตสื่อโฆษณาแนวใหม่ ๆ ททท.ตั้งโจทก์ต้องผลิตภาพยนต์โฆษณาให้โด่งดังมุ่งเข้าสู่เมืองรอง ขณะนี้กำลังเปิดให้บริษัทเอเย่นต์ซี่โฆษณาแข่งขันกันเข้ามารับผิดชอบการผลิตโปรดักชั่น ส่วนแนวคิดเนื้อหาคอนเซ็ปต์หลักทาง ททท.จะดูแลเอง และจะใช้ซิลิบริตี้เป็นพรีเซ็นเตอร์นำกระแส เน้นความพอเพียง เป็นจริงจัง พร้อมทั้งต้องแน่ใจเมื่อสร้างกระแสแล้วต้องทำให้ท้องถิ่นชุมชนเกิดรายได้จริง ด้วยวิธีบูรณาการหลายส่วนเข้าด้วยกันมีอีเวนต์เข้ามาเสริมต้องเกี่ยวโยงไปถึงเชิง CSR การโฆษณาด้วย
สำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีน ททท.เตรียมโปรโมตเพื่อรองรับการหลั่งไหลของคลื่นนักท่องเที่ยวจีน นั้น จะกระจายต่างชาติและคนไทยไปท่องเที่ยวเมืองรอง อาทิ กรุงเทพฯ ไปจังหวัดรอบปริมณฑล นครสวรรค์ไปพิษณุโลก ชลบุรี ไประยอง จันทบุรี หรือนครสวรรค์ไปพิษณุโลก แต่จะไม่เร่งรัดถึงขนาดต้องเปิดเมืองใหม่ให้นักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้าไป แต่จะดูเรื่องความพร้อมของชุมชนเป็นหลัก เพราะการโปรโมตเมืองรองไม่ได้เน้นสร้างดีมานต์จนมากเกินไป แต่จะเน้นการสื่อสารตลาดให้เกิดความเข้าใจและภาพจำของดีมานต์และซัพพลายให้ภูมิใจในการเป็นเจ้าของบ้าน สิ่งที่ต้องเพิ่มพิเศษคือช่วยกันสอดส่องดูแลทั้งเรื่องห้ามหลอกลวงนักท่องเที่ยวและมาตรการความปลอดภัย หลักดังกล่าวนี้สามารถใช้ได้กับการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย เพื่อทำให้การท่องเที่ยวเป็นกุญแจดอกหลักในการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ
นอกจากนี้ ททท.ยังเป็นตัวแทนประเทศไทยจัดงานใหญ่ ASEAN TOURISM FORUM 2018 เป็นเจ้าภาพ6 ครั้ง ระหว่าง 22-26 มกราคม 2561 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะใช้ธีม ภายใต้ Theme Theme Theme Theme “ASEAN-Sustainable Connectivity Connectivity Boundless Prosperity”เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหวางประเทศสมาชิกอาเซียน ปีนี้มีกลุ่มตัวแทนผู้ขายการท่องเที่ยว (Sellers) เข้าร่วม 276 องค์กร 323 บูธ ประกอบด้วย โรงแรม 73 % ธุรกิจท่องเที่ยว/ไมซ์ 11 % หน่วยงานการท่องเที่ยว/สมาคม 9 % บริษัทตัวแทนท่องเที่ยว/ทัวร์โอเปอเรเตอร์ 4 % ที่เหลือเป็นกลุ่มอื่น ๆ
ส่วนผู้ประกอบธุรกิจชาติสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมขายท่องเที่ยวกับตัวแทนผู้ซื้อจากทั่วโลกในงาน TRAVEX อันดับ 1 คือ ไทย 117 ราย ลำดับรองลงไป ได้แก่ อินโดนีเซีย 50 ราย ฟิลิปปินส์ 30 ราย มมาเลเซีย 24 ราย สิงคโปร์ 20 ราย เวียดนาม 15 ราย กัมพูชา 10 ราย สปป.ลาว 4 ราย เมียนมา 3 ราย โดยมีตัวแทนกลุ่มผู้ซื้อ (buyer) จากทั่วโลกเข้าร่วมเจรจาธุรกิจ 240 ราย ประกอบด้วย ยุโรป 113 ราย เอเชีย 28 ราย อาเซียน 62 ราย อเมริกา 40 ราย
ภายในงาน ATF 2017 เป็นครั้งแรกในรอบ 37 ปีที่ไทยเป็นประเทศแรกที่ได้ออกแบบพื้นที่จัดแสดงที่เรียกว่า ASEAN PRODUCT SHOWCASES ให้แก่ 10 ประเทศอาเซียน แต่ละประเทศจัดสาธิตแสดงสินค้าและวัฒธนธรรมต่าง ๆ
เที่ยวเมืองไทย-ตรุษจีน-ATF2018แรงสุดๆ
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #Amazingthailand
https://www.matichon.co.th/news/812273
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การตลาดที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงในการจัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 38” ระหว่าง 17-21 มกราคม 2561 ณ สวนลุมพินี ตลอด 5 วันกระแสตอบรับความสำเร็จดีเกินคาดทำรายได้ถึง 500 ล้านบาท มีผู้เข้าชมและช้อปปิ้งสินค้าชุมชนและเมืองรองของทั้ง 5 ภูมิภาค ผลิตภัณฑ์ยอดขายครองแชมป์ก็มีผ้าพื้นเมืองเหนือ อีสาน ใต้ และอาหารถิ่น ขายดี ตลอดงานมีจำนวนผู้เข้าชมมากถึง 680,000 คน อัตราการเพิ่มทั้งจำนวนและรายได้ผู้เข้างานนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10-15 % เป็นผลมาจากการวางแผนและจัดทำผังงานได้เป็นอย่างดี สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายเงินเต็มที่ โดยเฉพาะผ้าพื้นเมืองรุ่น Limited ซื้อภายในงานแล้วรอคิวรับสินค้าภายหลัง ส่วนอาหารถิ่นและของดีกรุงเทพฯ 50 เขตก็ขายดีมากเช่นกัน
นายุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการ ททท. กล่าวว่า ททท.ได้ใช้เวทีงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 เปิดประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรกในรอบ 58 ปี โดยนำ Music Marketing เข้ามาเสริมทัพ จัดทำอัลบั้มเพลงท่องเที่ยว “Open to the New Shades”เป็นแคมเปญด้านการสื่อสารการตลาดปี2561 เพื่อใช้โปรโมตการท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง จำนวน 13 เพลง แต่งเนื้อร้องทำนองโดยคุณโก้ Mr. Saxman นักดนตรีแจ๊สชั้นนำของเมืองไทย บรรจงบอกเล่าถึงเสน่ห์ของเมืองไทย ผ่านตัวโน๊ต จังหวะ และเสียงดนตรีของทั้งเครื่องดนตรีไทยและดนตรีสากล พร้อมทั้งใส่จินตนาการเกี่ยวกับเมืองไทยที่ผสมผสานกันอย่างไพเราะและลงตัวสำหรับเพลงหลักของอัลบั้มชุดนี้คือ “Open to the New Shades” ได้เชิญนักดนตรีชั้นนำจากทั่วโลกมาร่วมเล่นและลงเสียงกว่า 20 คน
เมื่อผนวกการเร่งออกตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปีของ ททท.จัดงานต่อเนื่องจากงานแรกช่วงเปิดปีศักราชจัด “Amazing Thailand Countdown” 31 ธันวาคม 2560- 1 มกราคม 2561 กระแสตอบรับการท่องเที่ยวตามที่ ททท.ไฮไลต์จัด 4 เมืองรอง 1 เมืองหลักก็ประสบความสำเร็จทำรายได้เมืองละ 500 ล้านบาท รวม 5 จังหวัดนำเงินกระจายสู่พื้นที่ราว 2,500 ล้านบาท รวมเข้ากับงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยแล้วเม็ดเงินการท่องเที่ยวกระจายตรงลงสู่ท้องถิ่นรวมกว่า 3,000 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และจะยังคงมีนักท่องเที่ยวในกลุ่มที่เข้าชมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยอีกกว่า 61 % ของทั้งหมดเดินทางไปเที่ยวตามพื้นที่ต่อเนื่องตลอดปี 2561
นายธเนศวร์กล่าวว่า แผนงานขั้นต่อไปหลังเสร็จเสร็จมหกกรรมเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 ทางฝ่ายสื่อสารการตลาด ทททจะเดินหน้าทำทันทีอีก 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ดึงสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยวชัด ๆ ขึ้นมาขาย รวมทั้งให้ชุมชนเตรียมความพร้อมควบคู่กันไป ทาง ททท.ฝ่ายสินค้าและตลาดในประเทศที่ดูแลสำนักงานทั่วประเทศ 40 แห่ง พร้อมใจกันพัฒนาท่องเที่ยวเมืองหลักขยายไปยังเมืองรอง ส่วนที่ 2 นำเครื่องมือทางการสื่อสารเข้ามาใช้เต็มรูปแบบ ตามช่องทางสื่อที่มีอยู่จำนวนมาก ตัวอย่าง จะร้อยเรียงการสื่อสารจากเวทีการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ส่วนที่ 3 โปรโมตเมืองท่องเที่ยวรองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีแบรนด์โดนใจ ทั้งที่ กาฬสินธุ์ และแม่ฮ่องสอน ซึ่งผมจะลงพื้นที่ไปหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อหาบุคลิกของกาฬสินธุ์ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวเป็นจุดขายไฮไลต์คือ “ไดโนเสาร์” เตรียมหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์และผู้เกี่ยวข้องถึงวิธีทำเรื่องแบรนด์ไดโนเสาร์เชื่อมโยงไปถึงเส้นทางท่องเที่ยวเข้าขอนแก่นได้ด้วย เป็นการสร้างแบรนด์ให้ชัดเจนเพื่อกระตุ้นรายได้ให้เข้าไปเร็วที่สุด
“ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้นโยบายช่วงเทศกาลสงกรานต์ควรมีภาพของนักท่องเที่ยวเล่นหยอกล้อเล่นกับไดโนเสาร์ นำไปสู่การขยายผลโปรโมตเชื่อมโยงเข้าด้วยกันในหลายจังหวัดภาคอีสานต่อไป เป็นภารกิจของฝ่ายสื่อสารการตลาด ททท.ที่จะต้องรุกหนักอย่างรวดเร็วด้วยอีกทาง” นายธเนศวร์กล่าว
จากนั้นจังหวัดเป้าหมายต่อไปคือ “แม่ฮ่องสอน” ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เข้าพัฒนาทางด้านซัพลลายไซต์ ทางคมนาคมก็ได้เข้าเชิญชวนให้สายการบินเปิดเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น และด้วยทัศนียภาพของเมืองอยู่บนภูเขาสูง ททท.คาดหวังหากมีสายการบินเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้นก็จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวไหลเข้าไปมากขึ้น เพราะปัจจุบันเดินทางรถค่อนข้างจะผ่านโค้งจำนวนมาก ในมุมการโปรโมตไม่น่าหนักใจเพราะช่องทางของ ททท.ทำได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แต่ต้องไปคุยกับทางท้องถิ่นให้ชัดถึงตัวตนของพื้นที่ ซึ่งเป็นหลักการทำโปรโมตต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วมนำเสนอจุดขายและอัตลักษณ์แต่ละแห่ง
สำหรับการผลิตสื่อโฆษณาแนวใหม่ ๆ ททท.ตั้งโจทก์ต้องผลิตภาพยนต์โฆษณาให้โด่งดังมุ่งเข้าสู่เมืองรอง ขณะนี้กำลังเปิดให้บริษัทเอเย่นต์ซี่โฆษณาแข่งขันกันเข้ามารับผิดชอบการผลิตโปรดักชั่น ส่วนแนวคิดเนื้อหาคอนเซ็ปต์หลักทาง ททท.จะดูแลเอง และจะใช้ซิลิบริตี้เป็นพรีเซ็นเตอร์นำกระแส เน้นความพอเพียง เป็นจริงจัง พร้อมทั้งต้องแน่ใจเมื่อสร้างกระแสแล้วต้องทำให้ท้องถิ่นชุมชนเกิดรายได้จริง ด้วยวิธีบูรณาการหลายส่วนเข้าด้วยกันมีอีเวนต์เข้ามาเสริมต้องเกี่ยวโยงไปถึงเชิง CSR การโฆษณาด้วย
สำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีน ททท.เตรียมโปรโมตเพื่อรองรับการหลั่งไหลของคลื่นนักท่องเที่ยวจีน นั้น จะกระจายต่างชาติและคนไทยไปท่องเที่ยวเมืองรอง อาทิ กรุงเทพฯ ไปจังหวัดรอบปริมณฑล นครสวรรค์ไปพิษณุโลก ชลบุรี ไประยอง จันทบุรี หรือนครสวรรค์ไปพิษณุโลก แต่จะไม่เร่งรัดถึงขนาดต้องเปิดเมืองใหม่ให้นักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้าไป แต่จะดูเรื่องความพร้อมของชุมชนเป็นหลัก เพราะการโปรโมตเมืองรองไม่ได้เน้นสร้างดีมานต์จนมากเกินไป แต่จะเน้นการสื่อสารตลาดให้เกิดความเข้าใจและภาพจำของดีมานต์และซัพพลายให้ภูมิใจในการเป็นเจ้าของบ้าน สิ่งที่ต้องเพิ่มพิเศษคือช่วยกันสอดส่องดูแลทั้งเรื่องห้ามหลอกลวงนักท่องเที่ยวและมาตรการความปลอดภัย หลักดังกล่าวนี้สามารถใช้ได้กับการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย เพื่อทำให้การท่องเที่ยวเป็นกุญแจดอกหลักในการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ
นอกจากนี้ ททท.ยังเป็นตัวแทนประเทศไทยจัดงานใหญ่ ASEAN TOURISM FORUM 2018 เป็นเจ้าภาพ6 ครั้ง ระหว่าง 22-26 มกราคม 2561 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะใช้ธีม ภายใต้ Theme Theme Theme Theme “ASEAN-Sustainable Connectivity Connectivity Boundless Prosperity”เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหวางประเทศสมาชิกอาเซียน ปีนี้มีกลุ่มตัวแทนผู้ขายการท่องเที่ยว (Sellers) เข้าร่วม 276 องค์กร 323 บูธ ประกอบด้วย โรงแรม 73 % ธุรกิจท่องเที่ยว/ไมซ์ 11 % หน่วยงานการท่องเที่ยว/สมาคม 9 % บริษัทตัวแทนท่องเที่ยว/ทัวร์โอเปอเรเตอร์ 4 % ที่เหลือเป็นกลุ่มอื่น ๆ
ส่วนผู้ประกอบธุรกิจชาติสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมขายท่องเที่ยวกับตัวแทนผู้ซื้อจากทั่วโลกในงาน TRAVEX อันดับ 1 คือ ไทย 117 ราย ลำดับรองลงไป ได้แก่ อินโดนีเซีย 50 ราย ฟิลิปปินส์ 30 ราย มมาเลเซีย 24 ราย สิงคโปร์ 20 ราย เวียดนาม 15 ราย กัมพูชา 10 ราย สปป.ลาว 4 ราย เมียนมา 3 ราย โดยมีตัวแทนกลุ่มผู้ซื้อ (buyer) จากทั่วโลกเข้าร่วมเจรจาธุรกิจ 240 ราย ประกอบด้วย ยุโรป 113 ราย เอเชีย 28 ราย อาเซียน 62 ราย อเมริกา 40 ราย
ภายในงาน ATF 2017 เป็นครั้งแรกในรอบ 37 ปีที่ไทยเป็นประเทศแรกที่ได้ออกแบบพื้นที่จัดแสดงที่เรียกว่า ASEAN PRODUCT SHOWCASES ให้แก่ 10 ประเทศอาเซียน แต่ละประเทศจัดสาธิตแสดงสินค้าและวัฒธนธรรมต่าง ๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น