เปิดใจ"ธงชัย พานทอง" นักธุรกิจไทยในเวียดนาม นำร้านช้างทองGolden Elephant เชื่อมท่องเที่ยวอินเตอร์มาไทย-บางกอกแอร์จับมือกรมขนส่งทางบกเปิดบริการรถสาธารณะ3 สนามบิน
เปิดใจ”ธงชัย พานทอง”นักธุรกิจไทยปักธงในเวียดนาม
ทุ่มทำร้านช้างทองเชื่อมวัฒนธรรมดึงต่างชาติเที่ยวไทย
รองนายกฯสมคิดร่วมแกรนด์โอเพนนิ่งคิงเพาเวอร์18มค.
ททท.นครสวรรค์โหมจัดเที่ยว102ปีตรุษจีนที่ปากน้ำโพ
บางจากทุ่ม1.7พันล้านขยายปั๊ม-ค้าปลีกรับรายได้ปีจอ
ตามศาสตร์พระราชาในโครงการส่วนพระองค์บางเบิด
บางกอกแอร์ผนึกขนส่งบริการรถสาธารณะ3สนามบิน
ดรีมเวิลด์ฉลอง25ปี3แคมเปญขายตั๋ว25บาท25มค.
เรเนซองส์กระหน่ำจัดดินเนอร์ปูทั่วโลกแค่2,100บาท
แกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ชูโรงแรมพรีเมี่ยมพัทยารับปีจอ
SPAขยายLet’sRelaxบุกพนมเปญ-ทุ่ม500ล้านบาท
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ gurutourza
ช่วงที่ 1 “คุณธงชัย พานทอง” หรือพี่เบิร์ด นักธุรกิจและเจ้าของร้านช้างทอง-โกลเด้นอีเลเฟ่น ในเวียดนาม มาเปิดใจให้ฟังถึงการเดินทางปักธงลงทุนในต่างแดนนานกว่า 27 ปี โดยใช้อาหารไทยเป็นสะพานเชื่อมวิถีวัฒนธรรมนำสารพัดเมนูตอกย้ำเอกลักษณ์ไทยแท้ผนวกกลยุทธ์ต่อยอดด้านการนำสินค้าไทยเข้าไปจำหน่าย ควบคู่กับการแนะนำเมืองท่องเที่ยวไทยปลุกกระแสชาวเวียดนามและต่างชาติสนใจมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งแนะวิธีการลงทุนในเวียดนามให้อยู่อย่างมีความสุขต้องซื่อสัตย์และปฏิบัติตามกฎหมาย แล้วการค้าขายจะราบรื่นสะดวกสบายทุกอย่าง
“ธงชัย พานทอง” กรรมการผู้จัดการ ร้านอาหารช้างทอง กรุงโฮจิมินห์ เวียดนาม เปิดเผยว่า ในฐานะนักลงทุนไทยที่เข้ามาปักหลักพัฒนาธุรกิจอยู่ในเวียดนามนานกว่า 27 ปี โดยเป็นผู้นำสินค้าไทยมาจำหน่ายในเวียดนามแบบครบวงจรอย่างเต็มตัวได้ประมาณ 5 ปี เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ชาตรามือ นำเข้าต่อเนื่องมาหลายปี น้ำดื่มมงต์เฟอร์ รองเท้าแตะ ผลไม้ไทยอบแห้ง สมุนไพรภูมิพฤกษา ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยา (อย.) เวียดนามเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดกส่วนน้ำพริกเผาฉั่วฮะเส็งกำลังขอ อย.อยู่อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์แนวโน้มจะได้รับอนุญาตให้นำเข้าไปจำหน่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ขายในไทยทำยอดส่งออกมากขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังทำให้ชาวเวียดนามชื่นชอบอาหารไทยดั้งเดิมอย่างน้ำพริกด้วย
สำหรับชาตรามือนั้นได้นำเข้าต่อเนื่องตั้งแต่แรกมานานกว่า 5 ปี ในระยะบุกเบิกชาวเวียดนามยังไม่คุ้นเคยกับชาไทย แต่ได้ทำการตลาดเชิงรุกโดยนำไปร่วมออกงานแสดงสินค้าและนำเข้าไปวางตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ จนกระทั่งขณะนี้นำเข้าเดือนละหลายตันก็สามารถขายหมดเกลี้ยง
ธงชัยอธิบายว่า ธุรกิจนำร่องตั้งแต่เข้ามาอยู่เวียดนามคือร้านอาหารชื่อ “ช้างทอง-Golden Elephant” ปัจจุบันมี 3 สาขา สาขาแรกเปิดได้ 20 ปี ตั้งอยู่บริเวณที่เรียกเขต 1 ใจจกลางเมืองโฮจิมินห์ สาขา 2 อยู่ในห้างวินคอมพ์ สาขา 3 อยู่ใกล้สนามบินนานาชาติโฮจิมินห์ โดยได้เน้นการตกแต่งร้านและเมนูอาหารด้วยการนำเสนอ “ความเป็นไทย” ให้ผู้บริโภคเวียดนามและต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศนี้เกิดความรู้ความเข้าใจในรสชาติอาหารไทย ภายในร้านมีเชฟ 6-7 คน ทำให้คนทั่วโลกในเวียดนามรู้จักคุณภาพของอาหารไทยแท้ๆ มีเมนูขายดี ได้แก่ ผัดไทย แกงเขียวหวาน ต้มยำกุ้ง เมนูสารพัดยำไทย ส้มตำ และลาบชนิดต่าง ๆ
ได้วางกลยุทธ์พัฒนาธุรกิจร้านอาหารไทยช้างทอง ให้เป็นประตูบานแรกที่เปิดให้นักท่องเที่ยวในเวียดนามได้รู้จักเมืองไทยเพิ่มขึ้น เพราะลูกค้าเวียดนามมีประมาณ 80 % และต่างชาติพำนักในเวียดนามอีก 20 % รวมทั้งมีกรุ๊ปนักท่องเที่ยวคนไทยเข้ามาใช้บริการสม่ำเสมอด้วย ซึ่งได้ฟังลูกค้าชมถึงรสชาติอาหารไทยอร่อย เชื่อมโยงไปถึงการกระตุ้นนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางไปยังประเทศไทยเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากความชื่นชอบอาหารไทย อีกทั้งร้านช้างทองยังได้นำชื่อแหล่งท่องเที่ยวไทยไปตั้งเป็นชื่อของห้องอาหาร อาทิ ห้องพัทยา กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ซึ่งใช้เป็นทั้งห้องอาหารและห้องจัดเลี้ยงไปพร้อม ๆ กัน ตั้งอยู่ภายในตึกแบ่งเป็นชั้น ๆ ไป
ประการสำคัญร้านอาหารไทยช้างทองเน้นจุดขายไฮไลต์คือ “ร้านอาหารไทยคือประตูเชื่อมวัฒนธรรมไทยกับนักท่องเที่ยวเวียดนามและต่างชาติ” ดังนั้นในเมนูอาหารจึงเขียนเป็นชื่อไทยทับศัพท์ภาษาเวียดนามและอังกฤษทุกเมนูเรียกตามชื่อไทยไปเลยเพื่อให้คนรู้จักแบบไทยแท้ อาทิ ผัดไทย ต้มยำกุ้ง ส้มตำปู ส้มตำปลาร้า ลาบไก่ และอื่น ๆ โดยให้พนักงานในครัวกับพนักงานเสิร์ฟฝึกการอ่านเมนูชื่อไทยให้ลูกค้าฟัง พร้อมกับแนะนำวิธีรับประทานอาหารไทยอย่างถูกต้องควบคู่กันไปด้วย
ขณะนี้ลูกค้าที่นิยมมารับประทานอาหารไทยที่ร้านช้างทองทุกสาขา ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเวียดนาม และต่างชาติที่อยู่บริเวณใกล้เคียงร้านมาอุดหนุนเป็นประจำ ส่วนตลาด “คนรุ่นใหม่ในเวียดนาม” นิยมเลือกรับประทานอาหารไทยจานเด่น ได้แก่ แกงเขียวหวาน ส้มตำ ยำวุ้นเส้น ผัดไทย ยำปลาดุกฟู ต้มข่าไก่ หรืออาหารอีสาน เช่น ลาบ หมูน้ำตก คอหมูย่าง ส้มตำปลาร้า ราคาเฉลี่ยเมนูละ 100 บาท
นายธงชัยกล่าวว่าสถานการณ์การแข่งขันของร้านอาหารไทยในเวียดนาม ก็มีหลายร้านในโฮจิมินห์ซึ่งมีเจ้าของเป็นชาติอื่น แต่ด้วยความที่ร้านช้างทองเจ้าของเป็นคนไทยจึงมีความได้เปรียบสูงกว่าร้านอื่น จึงมีลูกค้ามาใช้บริการเต็มตลอดทุกวันทุกฤดู เพราะทางร้านเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด
การสั่งวัตถุดิบนำเข้าจากไทยเข้าไปยังเวียดนามมูลค่าหลายล้านบาท เพราะอาหารจะใช้ ข้าวแสนดี เครื่องแกง กะปิใช้ยี่ห้อตราชั่ง ใบมะกรูดและผักสมุนไพรบางชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมหลักในอาหารไทย
ในฐานะผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในต่างแดนมายาวนานนั้น ความต้องการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยก็เพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านการขนส่งและอำนวยความสะดวก เนื่องจากการเริ่มต้นทำธุรกิจต้องเน้นความถูกต้องเป็นหลัก ทั้งการขอเอกสารและการขออนุญาตทางด้านอาหารและยา เพราะเวียดนามก็เน้นความตรงไปตรงมา
ขอแนะนำผู้ประกอบการไทยที่สนใจเข้ามาทำธุรกิจในเวียดนามให้มีความสุข อย่างแรก ต้องเรียนรู้กฎหมายขนบธรรมเนียมของเวียดนาม สำแดงเอกสารชัดเจน มีหุ้นส่วนที่ดี สินค้ามีคุณภาพทางเจ้าหน้าที่จะมาตรวจสอบก่อนถึงมาตรฐานของแต่ละล็อตตรงกันหรือไม่ เสียภาษีอย่างถูกต้อง ก็ผ่านฉลุยดำเนินกิจการอย่างมีความสุขเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น ชาตรามือกระแสตอบรับดีมาก
สำหรับการร่วมกิจกรรมของร้านช้างทองกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานโฮจิมินห์ หรือหน่วยงานภาครัฐไทยหน่วยอื่น ๆ ในเวียดนาม ทั้ง กงสุลใหญ่ การบินไทย เป็นทีม ไทยแลนด์ ที่ทำงานอย่างเข้มแข็ง ให้การสนับสนุนคนไทยด้วยกันเป็นอย่างดีมาตลอดเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “รองนายกฯสมคิดร่วมแกรนด์โอเพนิ่งคิงเพาเวอร์ฯ18ม.ค.นี้”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่าวันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561เวลา 17.30 น. GRAND OPENING “THE NEW KING POWER RANGNAM” บริเวณลาน ฟาวเท่น สแควร์ ชั้น 1 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โดยได้รับเกีรยรติจาก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมแสดงความยินดีพร้อมเยี่ยมชมภายในบริเวณอาคารร้านค้าพร้อมกับผู้บริหารและแขกที่เข้าร่วมงาน
ระหว่างงานได้จัดให้มีการแสดงในชุด The Spirit of Journey ชมการแสดงม้าประกอบแสงสีเสียงน้ำพุและมัลติมีเดีย พร้อมทั้งการเปิดตัวหนังโฆษณาตัวใหม่ของ คิง เพาเวอร์ และพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ คุณฟ่าน ปิงปิง
สำหรับคิง เพาเวอร์ รางน้ำ ที่เป็นมากกว่าดิวตี้ฟรี ด้วยคอนเซ็ปต์ Explore Endlessly-การค้นพบที่ไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ทุกการเดินทางแก่ทั้งชาวไทยและนานาชาตินั้น กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ใช้เงินลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท สร้างสรรค์สวรรค์ของแหล่งช้อปปิ้งที่อัดแน่นด้วยสินค้าดิวตี้ฟรีครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งแฟชั่นแบรนด์เนม น้ำหอม เครื่องสำอาง นาฬิกา แว่นกันแดด ของมาก สินค้าไทยหัตถกรรม ร้านอาหารไทยและนานาชาติ สตรีทฟู้ด และพื้นที่กิจกรรมความบันเทิงให้ได้สัมผัสแบบ 360 องศา
สมาชิกคิง เพาเวอร์ ระดับพรีเมี่ยม ที่ถือบัตร CROWN และ VEGA นอกจากได้รับส่วนลดต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถใช้พื้นที่บริการพิเศษใน The Atlas Club โดยได้ออกแบบพื้นที่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งตู้เก็บสัมภาระ ห้องอาบน้ำ อาหาร เครื่องดื่ม อินเตอร์เน็ตฟรี Wifi สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.ชวนเที่ยวตรุษจีน102ปีปากน้ำโพ 9-22ก.พ.นี้”
นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครสวรรค์ กล่าวว่า ปีนี้ชาวนครสวรรค์ร่วมใจกันจัดตรุษจีนอันประเพณีสืบทอดกันมากกว่า 102 ปี เตรียมจัดงานประเพณีเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ปากน้ำโพ ฉลองเทศกาล ตรุษจีนปากน้ำโพ ประจำปี พ.ศ. 2561 ต่อเนื่องกัน 12 วัน 12 คืน ระหว่างวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ - วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อเป็นศิริมงคลและความเจริญก้าวหน้าด้านการค้า การเคารพกราบไหว้เปรียบเสมือนเทพเจ้าได้มาอวยชัยให้พรยังร้านค้าอันเป็นแหล่งทำกิน
ในพิธีจะมีขบวนแห่มากมาย อาทิ เช่น สิงโต จากคณะเชื้อสายจีนต่าง ๆ เอ็งกอ ล่อโก้ว มังกรทอง ขบวนสาวงาม นางฟ้า ขบวนเจ้าแม่กวนอิม ที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ช่วงวันสำคัญคือ วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ “วันจ่าย” วันพฤหัสที่ 15 กุมภาพันธ์ “วันไหว้” วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ “วันชิวอิก (วันถือ/วันเที่ยว/วันขึ้นปีใหม่)” วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ “วันชิวชา (แห่กลางคืน)” วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ “วันชิวสี่ (แห่กลางคืน)”
ทั้งนี้เมื่อครั้งอดีตบรรพบุรุษจีนนับถือเทพเจ้า เมื่อมาตั้งรกรากที่ใด จะอัญเชิญเอาเทพเจ้าที่นับถือติดตัวมาด้วย เช่นเดียวกับชาวจีนในตลาดปากน้ำโพนับถือ เจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าพ่อกวนอู-เจ้าแม่ทับทิม-เจ้าแม่สวรรค์ จึงได้จัดตั้งศาลเพียงตาเป็นที่ประทับของเจ้าพ่อ-เจ้าแม่เพื่อกราบไหว้บูชา โดยตั้งขึ้น 2 ศาล คือ ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันออกของตลาดปากน้ำโพ และศาลเจ้าแม่หน้าผา ริมฝั่งแม่น้ำปิงที่บ้านหน้าผา ขึ้นไปทางเหนือของตลาดปากน้ำโพ
สอบถามได้ที่ ททท.สำนักงานนครสวรรค์ โทร.0 5622 1811-2 หรือ www.tourismnakhonsawan.org
ข่าวที่ 3 “บางจากทุ่มลงทุนปีจอกว่า1.7พันล้านตั้งเป้าโต10%”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2561 ตั้งงบลงทุนไว้กว่า 1,700 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นส่วนธุรกิจการตลาดและค้าปลีก 200 ล้านบาท ขยายสถานีบริการน้ำมัน(ปั๊ม) 1,500 ล้านบาท ตั้งเป้าขยายกว่า 80 สาขา จากที่มีอยู่ปัจจุบัน 1,115 สาขา รวมทั้งคาดการณ์ยอดขายในทุกผลิตภัณฑ์จะเติบโตกว่า 10% สูงกว่าปีที่ผ่านมาเติบโตเพียง 6-7%
ส่วนการลงทุนในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน บางจากตั้งงบฯไว้ปี 2561-62 ราว 10,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 120,000 บาร์เรลต่อวัน จากปี 60 สามารถกลั่นได้ 111,600 บาร์เรลต่อวัน แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากช่วงเดือน พ.ค. นี้ ปีนี้จะชัดดาวน์โรงกลั่นเพื่อทำการซ่อมบำรุง 45 วัน แต่มั่นใจผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจะเป็นตัวสนับสนุนให้รายได้เติบโตจากปีก่อน รวมถึงราคาน้ำมันที่มีเกณฑ์จะสูงขึ้นด้วย ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็นผลมาจากปริมาณความต้องการของโลกนั่นเพิ่มขึ้น และความไม่สงบในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่ทำให้ต้องมีการกักตุนน้ำมันกันมากขึ้นด้วย
ช่วงที่ 2 ได้เวลาแพ็กกระเป๋าตามรอยพระบาทในสัมผัสโครงการศาสตร์พระราชา “โครงการส่วนพระองค์บางเบิด จังหวัดชุมพร” ผืนทรายชายทะเลที่กลับกลายเป็นแผ่นดินทองทางการเกษตรและแหล่งปลูกหน้าวัวสวยงามสุดของเมืองไทย ส่วนการดูแลสุขภาพ “ละลดเลิกพฤติกรรมติดอาหารหวาน” ตั้งแต่วันนี้จะดีต่อร่างกาย แล้วติดตามข่าวในรอบสัปดาห์ เมื่อบางกอกแอร์เวย์สจับมือกับกรมขนส่งทางบกเริ่มนำร่องแล้วด้วยบริการรถสาธารณะจาก 3 สนามบิน สุโขทัย สมุย ตราด สู่แหล่งท่องเที่ยวรอบพื้นที่ เรื่อยไปจนถึงบรรดาโรงแรมแถวหน้าของเมืองไทย เริ่มที่ “เรเนซองส์ ราชประสงค์” จัดเทศกาลคิง แคร็บ ดินเนอร์ปูทุกสายพันธุ์กินกันแบบไม่อั้นทุกศุกร์-เสาร์ ขณะที่ แกรนด์ เซนเตอร์พอยต์ เตรียมทุ่มทุนทำโรงแรมพรีเมียมในพัทยา และ สยามเวลเนสสปา หรือ SPA ขยายแฟรนไชส์สปาเข้ายึดหัวหาดในกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว
@โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ บางเบิด จังหวัดชุมพร
อากาศสบาย ๆ ในวันว่างแนะนำให้ออกไปสัมผัสการพักผ่อนได้ความรู้ในมุมใหม่ ๆ ใน โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ บางเบิด ตั้งอยู่หมู่ 5 บ้านน้ำพุ ตำบลปากคอลง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร
โครงการนี้มีชื่อเรียกกันติดปากว่า “โครงการส่วนพระองค์บางเบิด” เป็นอีกพื้นที่ซึ่งแม้ดินจะเป็นทรายชายทะเลที่ถูกคลื่นซัดมาทับถมกัน จนกลายสภาพเป็นเนินทราย (Sand Dune) ไม่สามารถทำการเกษตรได้ แต่ด้วยศาสตร์แห่งพระราชาทำให้ผืนดินแห่งนี้ ถูกพลิกฟื้นด้วยพระปรีชาญาณ จนกลายเป็นแหล่งศึกษาวิจัยและพัฒนาส่งเสริมอาชีพ ประการสำคัญยังเป็นแห่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชุมพรด้วย
เมื่อปี 2541 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ กลับจากทรงเยี่ยมพื้นที่จังหวัดชุมพร ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้พัฒนาที่ดินติดทะเลบ้านน้ำพุ ซึ่งเป็นที่ดินส่วนพระองค์ เนื้อที่ 448 ไร่ โดยให้อนุรักษ์สภาพแวดล้อมเดิม ซึ่งมีสภาพเป็นสันทรายป่าชายหาดพัฒนาเป้นที่พื้นที่เพื่อการเกษตร
และเปิดพื้นที่ตัวอย่างให้เกษตรกรเข้ามาศึกษาหาความรู้ฝึกปฏิบัติงานจนำไปประกอบอาชีพได้ ตั้งแต่การผลิต การดูแลรักษา การจัดจำหน่าย ตลอดจนการทำบัญชี เพื่อเป็นการส่งเสริมรายได้แก่ราษฎร
ภายในโครงการมีความสวยงามน่าชม อย่างแปลงดอกหน้าวัว ซึ่งใช้วิถีปลูกลงถ่าน เนื่องจากในพื้นที่โครงการพัฒนาส่วนพระองค์เป็นดินทราย ไม่มีอินทรียวัตถุ และโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ มีถ่านไม้ที่ได้จาการเผาเพื่อเก็บน้ำส้มควันไม้ จึงสามารถนำมาใช้ได้อย่างเกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด
ซึ่งดอกหน้าวัวของที่ไม่ได้ส่งขายตามตลาดทั่วไป แต่ส่งไปยังสวนจิตรลดาทั้งหมด
ส่วน “กิจกรรม” ที่น่าสนใจสามารถทำได้ในโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ บางเบิด ประกอบด้วย
“กิจกรรมศึกษาดูงาน” สามารถเรียนรู้การฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมในพื้นที่เนินทราย แล้วไปชมการอนุรักษความหลากหลายของพันธุ์ไม้ในพื้นที่สันทรายได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงชมงานสาธิตปลูกไม้ตัดดอก โดยเฉพาะดอกหน้าวัวในโรงเพาะชำกางมุ้งขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการป้องกันแมลงศัตรูพืช
การศึกษาตัวอย่างงานการเลี้ยงชะมดให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากชะมดเช็ดจะผลิตไขที่สามารถนำไปสกัดเป็นน้ำหอมได้ และขี้ของชะมดสามารถนำมาคั่วเป็นกาแฟที่มีกลิ่นหอมรสชาติอร่อย
หรือจะไปเรียนรู้โครงการปลูกพืชแบบผสมผสาน พร้อมกับชมการสกัดเย็นน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์
ทุกอย่างล้วนเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ
สนใจนำพนักงานไป “ประชุมเมืองไทย อิ่มใจ ตามรอยพระราชดำริ” ในโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ บางเบิด โทร.089-929-2814
@วิธีเปลี่ยนพฤติกรรมลดการติดอาหารรสหวาน
นับจากนี้ไปคนไทยต้องค่อยๆ ลด ความหวานลงที่ละน้อยให้รู้สึกว่าไม่ทรมานตัวเองมากเกินไป เช่น การปรุงก๋วยเตี๋ยว จากเดิมที่เคยใส่น้ำตาล ที่ละมากๆ ก็ควรปรับลดลงเรื่อยๆ อย่าหักดิบแบบกะทันหัน เพราะ ร่างกายจะไม่ยอมรับและทำได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยมากจะใช้เวลา 1-2 เดือน ร่างกายจะชินกับความหวานน้อยและอร่อยเหมือนเดิม
คาถาลดหวาน หัดพูดให้ติดปากบอกพ่อค้า แม่ค้า ในการประกอบอาหารว่า “ไม่หวาน” ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม หรือ อาหารที่ต้องมีการปรุงรส หรือ เลือกอาหารที่เห็นว่าไม่มันมากจนเกินไปเพราะจะมีรสหวานพ่วงมาด้วย
ดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก พยายามอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ เนื่องมาจากหากร่างกายขาดน้ำจะทำให้รู้สึกหิวและเพิ่มความอยากความหวานมากขึ้น การดื่มน้ำเปล่าประมาณ 1 แก้ว เมื่อรู้สึกอยากความหวานจะช่วยลดความอยากลงได้
เลือกรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ข้าวกล้อง เลือก ผลไม้รสชาติไม่หวาน เพิ่มเติมอาหารประเภทถั่วฝัก ถั่วเปลือกแข็ง ใยอาหารจะช่วยลดความอยากความหวาน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดลงได้ด้วย
เช็คสัญญาณ อาการติดหวาน ดังนี้
– รู้สึกอยากขนมหวานที่ตัวเองชอบเรื่อยๆ - รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี เมื่อไม่ได้กินอาหารหรือขนมที่มีส่วนประกอบของแป้งหรือน้ำตาล – รู้สึกหิวบ่อย - คิดถึงอาหารอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าเพิ่งกินอาหารเสร็จ
- มีนิสัยกินอาหารหวานต่อจากอาหารคาวเป็นประจำ - มีของติดตู้เย็นที่เป็นของหวานอยู่ตลอด
- ชอบผลไม้รสหวาน เช่น มะละกอ ทุเรียน สับปะรด- ชอบผลไม้แห้ง ผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม - ชอบอาหารกลุ่มซีเรียลเคลือบนน้ำตาล
- ทำอาหารทุกจานต้องเติมน้ำตาล เช่น ไข่เจียวเติมน้ำตาล ทำพริกน้ำปลาเติมน้ำตาล - ชอบงานเลี้ยงสังสรรค์ เพราะมีอาหาร เครื่องดื่มและของหวาน - ในมื้ออาหารมักจะเลือกดื่มเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำเปล่า
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บางกอกแอร์ผนึกขนส่งเปิดรถสาธารณะ3สนามบินเชื่อมแหล่งเที่ยว”
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำโครงการเปิดบริการโดยสารสาธารณะเชื่อมท่าอากาศยานกับชุมชน ตัวเมืองและแหล่งท่องเที่ยว เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่ง สุโขทัย สมุย เกาะช้าง (ตราด) เพื่อตอบโจทย์ผู้โดยสารที่ใช้บริการให้ได้รับความสะดวกสบาย
เป็นบริการเพิ่มเติมจากปัจจุบันจากทั้ง 3 สนามบินของบางกอกแอร์เวย์ส นักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้รถยนต์ส่วนตัวสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองในทุกสนามบินมีรถแท็กซี่ รถลีมูซีน ต่อจากนี้เป็นต้นไปเมื่อเพิ่มบริการจะได้รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่นิยมเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้อีกช่องทาง
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้จัดทำ One Transport เพื่อบูรณาการและพัฒนาระบบการขนส่งเชื่อมต่อการเดินทางทุกรูปแบบจากท่าอากาศยาน โดยเฉพาะการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ เพื่อเชื่อมสนามบินไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ โดยร่วมกันกำหนดตารางการเดินรถให้สอดคล้องกับเที่ยวบิน และกำหนดค่าโดยสารอย่างเหมาะสม
สำหรับความร่วมมือกับบางกอกแอร์เวย์ส ปี 2561 ทางคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัดได้อนุมัติ จังหวัดสุโขทัย ตามเส้นทางแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก -เส้นทางสถานีขนส่งผู้โดยสาร-ท่าอากาศยานสุโขทัย-อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ช่วงที่ 2 เส้นทางสถานีขนส่งผู้โดยสาร-ท่าอากาศยานสุโขทัย-สถานีรถไฟสวรรคโลก ภายในเมษายนนี้ จะเริ่มกำหนดค่าโดยสารอย่างเป็นทางการและนำรถเข้ามาให้บริการ 3-6 คัน สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินบางกอกแอร์เวย์ส ไป-กลับ กรุงเทพฯ-สุโขทัย ที่มีวันละ 6 เที่ยว
ส่วนสนามบินสมุยและเกาะช้าง (ตราด) เป็นพื้นที่ต่อไปที่จะเปิดให้บริการรถโดยสารสาธารณะจากท่าอากาศยานไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารประจำจังหวัด ตัวเมือง หรือแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่สนามบินสมุย มีเที่ยวบินจำนวนมากถึงวันละ 100 เที่ยว
ตามขั้นตอนเมื่อกำหนดเส้นทางเรียบร้อยแล้ว จะต้องขออนุมัติเส้นทางแล้วประกาศรับคำขอผู้ประกอบการเดินรถ และจะให้บริการได้ช่วงกลางปี 2561 เป็นต้นไป โดยกรมขนส่งทางบกมีแผนจะขยายผลโครงการจัดจุดจอดรถสาธารณะทั่วประเทศในสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยานไทยด้วยทั้ง 29 แห่ง
ข่าวที่สอง “ดรีมเวิลด์ฉลอง25ปีขายบัตรแค่25บาทเริ่ม25ม.ค.”
น.ส.พัณณิน กิติพราภรณ์ กรรมการผู้จัดการ สวนสนุกดรีมเวิลด์ กล่าวว่าปี 2561 วางกลยุทธ์จัดงานครบรอบฉลอง 25 ปี ของสวนสนุกดรีมเวิลด์ หมู่ที่1 ถนนรังสิต-องค์รักษ์ ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยจะใช้เงินกว่า 50 ล้านบาท จัดกิจกรรมและโปรโมชั่น โดยทำผ่านตัวเลข 25 มหัศจรรย์ สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับลูกค้าสนุกตลอดทั้งปี คาดยอดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 5 - 10 %
แคมเปญแรก วันที่ 25 มกราคมนี้ เปิดขายราคาผ่านประตูและเล่นเครื่องเล่นเพียง 25 บาท ให้นักท่องเที่ยว 2,500 คน โดยลงทะเบียนตามกติกาที่กำหนด ส่วนเกินจาก 2,500 คน จะให้ส่วนลด 50 %
แคมเปญที่ 2 ดรีมเวิลด์จะมอบโชคให้กับลูกค้าที่มาเที่ยวได้ลุ้นรางวัลทั้งปี รวม 2,500 รางวัล รวมมูลค่านับล้านบาท มีตั้งแต่แพ็คเกจท่องเที่ยว ในประเทศ และต่างประเทศ บัตรดินเนอร์สุดหรู และอีกมากมาย
แคมเปญที่ 3 ให้มาฉลองวันเกิดกันที่ดรีมเวิลด์ กับ Happy Birth Happy Day รับสิทธิ์เที่ยว "ฟรี" เป็นของขวัญวันเกิด ติดตามได้ทางเว็ปไซต์ หรือเฟสบุ๊คของดรีมเวิลด์
กิจกรรมทางด้านการตลาดแล้ว สวนสนุกดรีมเวิลด์ ยังคงมีกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่เปิดดำเนินการสวนสนุก สำหรับปีนี้ กิจกรรม "แบ่งฝัน ปันให้น้อง" จะมอบโอกาสให้คุณน้องคุณหนูจากมูลนิธิ และสถานสงเคราะห์ต่างๆ ได้มาเที่ยวดรีมเวิลด์ พร้อมอาหารกลางวันฟรี จำนวน 2,500 คน
ข่าวที่ 3 “เรเนซองส์จัดดินเนอร์ปูทุกสายพันธุ์ม.ค.-ก.พ.นี้”
โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ ชวนไปได้กินของอร่อยโดยเฉพาะปูทะเลสดกับเมนูปูรสเด็ดและอาหารรสเลิศต่างๆมากมายหลากหลายชนิด ช่วงมื้อค่ำวันศุกร์และวันเสาร์ ณ ห้องอาหารเฟลเวอร์ ตลอดเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์นี้ มีโปรโมชั่นพิเศษ Crab Extravaganza ในราคาท่านละ 2100++ บาท
ตื่นตาตื่นใจไปกับปูทะเลสดใหม่หลากหลายสายพันธุ์ อาทิ ปูสีน้ำตาลแอตแลนติก ปูหิมะอลาสก้า ปูโคลนยักษ์ ปูม้า และ ปูนิ่ม ให้ท่านเลือกรับประทานกันได้อย่างเต็มที่ในสไตล์ที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปูสดเสิร์ฟบนน้ำแข็งคู่ซอสและเครื่องเคียงต่างๆมากมาย
สอบถามเพิ่มหรือสำรองที่นั่ง โทร 02 125 5010
ข่าวที่สี่ “แกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์เปิดโรงแรมพรีเมี่ยมพัทยารับปีจอ”
นางสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด เปิดเผยว่าปี 2561 กลุ่มโรงแรม”แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์”มีกลยุทธ์ให้บริการโรงแรมระดับ Upper Midscale ด้วยจุดเด่นของทำเลที่ตั้งที่อยู่ใจศูนย์กลางธุรกิจ เป็นเครือโรงแรมสัญชาติไทยที่มีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 10 ของประเทศ สามารถพัฒนาการลงทุนให้สอดคล้องกับภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ในทิศทางที่ดีและมีส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศมีอัตราการขยายได้ดียิ่งขึ้น
ช่วงปลายปี 2561 ทางบริษัทจะเปิดตัวโรงแรมเพิ่ม 1 แห่ง มูลค่าการลงทุนรวม 6,000 ล้านบาท คือ โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา พื้นที่กว่า 33 ไร่ ประกอบไปด้วย โรงแรม ห้างสรรพสินค้า”เทอมินัล 21” ทำให้มีโรงแรมในกลุ่มรวมกันทั้งหมด 5 แห่ง และมีห้องพักทั้งหมดกว่า 2,100 ห้อง
ขณะที่ปี 2560 กลุ่มโรงแรมที่ดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์”แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์” 4 แห่ง มีรายได้รวมกว่า 2,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 85%
ข่าวที่ห้า “SPAขยายLet’s Relaxเข้าพนมเปญ-ทุ่มทุนเพิ่ม500ล้าน”
นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA เปิดเผยล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาแฟรนไชส์ 3 สาขาในกรุงพนมเปญ กัมพูชา ตั้งเป้าขยายธุรกิจสปาภายใต้แบรนด์ Let’s Relax เป็นระยะเวลา 5 ปี จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ปี 2561 ขานรับเศรษฐกิจกัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่ม CLMV มีอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสูงปีนี้ธนาคารโลกระบุการเติบโต 6.7% สูงสุดในภูมิภาคอาเซียน จากอุปสงค์ในประเทศภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ โดยมีจีนเป็นประเทศผู้ลงทุนหลัก
ส่วน SPA ได้อนุมัติแผนธุรกิจปี 2561 ด้านการลงทุนขยายธุรกิจ 500 ล้านบาท แบ่งเป็น 250 ล้านบาท สำหรับการขยายสาขา 10 สาขา ในประเทศ เเละปรับปรุงสาขาเดิมเเละอีก 250 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้โต 25% จากรายได้ของปีที่ผ่านมา
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ทุ่มทำร้านช้างทองเชื่อมวัฒนธรรมดึงต่างชาติเที่ยวไทย
รองนายกฯสมคิดร่วมแกรนด์โอเพนนิ่งคิงเพาเวอร์18มค.
ททท.นครสวรรค์โหมจัดเที่ยว102ปีตรุษจีนที่ปากน้ำโพ
บางจากทุ่ม1.7พันล้านขยายปั๊ม-ค้าปลีกรับรายได้ปีจอ
ตามศาสตร์พระราชาในโครงการส่วนพระองค์บางเบิด
บางกอกแอร์ผนึกขนส่งบริการรถสาธารณะ3สนามบิน
ดรีมเวิลด์ฉลอง25ปี3แคมเปญขายตั๋ว25บาท25มค.
เรเนซองส์กระหน่ำจัดดินเนอร์ปูทั่วโลกแค่2,100บาท
แกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ชูโรงแรมพรีเมี่ยมพัทยารับปีจอ
SPAขยายLet’sRelaxบุกพนมเปญ-ทุ่ม500ล้านบาท
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ gurutourza
ช่วงที่ 1 “คุณธงชัย พานทอง” หรือพี่เบิร์ด นักธุรกิจและเจ้าของร้านช้างทอง-โกลเด้นอีเลเฟ่น ในเวียดนาม มาเปิดใจให้ฟังถึงการเดินทางปักธงลงทุนในต่างแดนนานกว่า 27 ปี โดยใช้อาหารไทยเป็นสะพานเชื่อมวิถีวัฒนธรรมนำสารพัดเมนูตอกย้ำเอกลักษณ์ไทยแท้ผนวกกลยุทธ์ต่อยอดด้านการนำสินค้าไทยเข้าไปจำหน่าย ควบคู่กับการแนะนำเมืองท่องเที่ยวไทยปลุกกระแสชาวเวียดนามและต่างชาติสนใจมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งแนะวิธีการลงทุนในเวียดนามให้อยู่อย่างมีความสุขต้องซื่อสัตย์และปฏิบัติตามกฎหมาย แล้วการค้าขายจะราบรื่นสะดวกสบายทุกอย่าง
ธงชัย พานทอง กรรมการผู้จัดการ ร้านอาหารช้างทอง กรุงโฮจิมินห์ เวียดนาม |
“ธงชัย พานทอง” กรรมการผู้จัดการ ร้านอาหารช้างทอง กรุงโฮจิมินห์ เวียดนาม เปิดเผยว่า ในฐานะนักลงทุนไทยที่เข้ามาปักหลักพัฒนาธุรกิจอยู่ในเวียดนามนานกว่า 27 ปี โดยเป็นผู้นำสินค้าไทยมาจำหน่ายในเวียดนามแบบครบวงจรอย่างเต็มตัวได้ประมาณ 5 ปี เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ชาตรามือ นำเข้าต่อเนื่องมาหลายปี น้ำดื่มมงต์เฟอร์ รองเท้าแตะ ผลไม้ไทยอบแห้ง สมุนไพรภูมิพฤกษา ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยา (อย.) เวียดนามเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดกส่วนน้ำพริกเผาฉั่วฮะเส็งกำลังขอ อย.อยู่อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์แนวโน้มจะได้รับอนุญาตให้นำเข้าไปจำหน่าย ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ขายในไทยทำยอดส่งออกมากขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังทำให้ชาวเวียดนามชื่นชอบอาหารไทยดั้งเดิมอย่างน้ำพริกด้วย
สำหรับชาตรามือนั้นได้นำเข้าต่อเนื่องตั้งแต่แรกมานานกว่า 5 ปี ในระยะบุกเบิกชาวเวียดนามยังไม่คุ้นเคยกับชาไทย แต่ได้ทำการตลาดเชิงรุกโดยนำไปร่วมออกงานแสดงสินค้าและนำเข้าไปวางตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ จนกระทั่งขณะนี้นำเข้าเดือนละหลายตันก็สามารถขายหมดเกลี้ยง
ธงชัยอธิบายว่า ธุรกิจนำร่องตั้งแต่เข้ามาอยู่เวียดนามคือร้านอาหารชื่อ “ช้างทอง-Golden Elephant” ปัจจุบันมี 3 สาขา สาขาแรกเปิดได้ 20 ปี ตั้งอยู่บริเวณที่เรียกเขต 1 ใจจกลางเมืองโฮจิมินห์ สาขา 2 อยู่ในห้างวินคอมพ์ สาขา 3 อยู่ใกล้สนามบินนานาชาติโฮจิมินห์ โดยได้เน้นการตกแต่งร้านและเมนูอาหารด้วยการนำเสนอ “ความเป็นไทย” ให้ผู้บริโภคเวียดนามและต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศนี้เกิดความรู้ความเข้าใจในรสชาติอาหารไทย ภายในร้านมีเชฟ 6-7 คน ทำให้คนทั่วโลกในเวียดนามรู้จักคุณภาพของอาหารไทยแท้ๆ มีเมนูขายดี ได้แก่ ผัดไทย แกงเขียวหวาน ต้มยำกุ้ง เมนูสารพัดยำไทย ส้มตำ และลาบชนิดต่าง ๆ
ได้วางกลยุทธ์พัฒนาธุรกิจร้านอาหารไทยช้างทอง ให้เป็นประตูบานแรกที่เปิดให้นักท่องเที่ยวในเวียดนามได้รู้จักเมืองไทยเพิ่มขึ้น เพราะลูกค้าเวียดนามมีประมาณ 80 % และต่างชาติพำนักในเวียดนามอีก 20 % รวมทั้งมีกรุ๊ปนักท่องเที่ยวคนไทยเข้ามาใช้บริการสม่ำเสมอด้วย ซึ่งได้ฟังลูกค้าชมถึงรสชาติอาหารไทยอร่อย เชื่อมโยงไปถึงการกระตุ้นนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางไปยังประเทศไทยเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากความชื่นชอบอาหารไทย อีกทั้งร้านช้างทองยังได้นำชื่อแหล่งท่องเที่ยวไทยไปตั้งเป็นชื่อของห้องอาหาร อาทิ ห้องพัทยา กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ซึ่งใช้เป็นทั้งห้องอาหารและห้องจัดเลี้ยงไปพร้อม ๆ กัน ตั้งอยู่ภายในตึกแบ่งเป็นชั้น ๆ ไป
ประการสำคัญร้านอาหารไทยช้างทองเน้นจุดขายไฮไลต์คือ “ร้านอาหารไทยคือประตูเชื่อมวัฒนธรรมไทยกับนักท่องเที่ยวเวียดนามและต่างชาติ” ดังนั้นในเมนูอาหารจึงเขียนเป็นชื่อไทยทับศัพท์ภาษาเวียดนามและอังกฤษทุกเมนูเรียกตามชื่อไทยไปเลยเพื่อให้คนรู้จักแบบไทยแท้ อาทิ ผัดไทย ต้มยำกุ้ง ส้มตำปู ส้มตำปลาร้า ลาบไก่ และอื่น ๆ โดยให้พนักงานในครัวกับพนักงานเสิร์ฟฝึกการอ่านเมนูชื่อไทยให้ลูกค้าฟัง พร้อมกับแนะนำวิธีรับประทานอาหารไทยอย่างถูกต้องควบคู่กันไปด้วย
ขณะนี้ลูกค้าที่นิยมมารับประทานอาหารไทยที่ร้านช้างทองทุกสาขา ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเวียดนาม และต่างชาติที่อยู่บริเวณใกล้เคียงร้านมาอุดหนุนเป็นประจำ ส่วนตลาด “คนรุ่นใหม่ในเวียดนาม” นิยมเลือกรับประทานอาหารไทยจานเด่น ได้แก่ แกงเขียวหวาน ส้มตำ ยำวุ้นเส้น ผัดไทย ยำปลาดุกฟู ต้มข่าไก่ หรืออาหารอีสาน เช่น ลาบ หมูน้ำตก คอหมูย่าง ส้มตำปลาร้า ราคาเฉลี่ยเมนูละ 100 บาท
นายธงชัยกล่าวว่าสถานการณ์การแข่งขันของร้านอาหารไทยในเวียดนาม ก็มีหลายร้านในโฮจิมินห์ซึ่งมีเจ้าของเป็นชาติอื่น แต่ด้วยความที่ร้านช้างทองเจ้าของเป็นคนไทยจึงมีความได้เปรียบสูงกว่าร้านอื่น จึงมีลูกค้ามาใช้บริการเต็มตลอดทุกวันทุกฤดู เพราะทางร้านเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด
การสั่งวัตถุดิบนำเข้าจากไทยเข้าไปยังเวียดนามมูลค่าหลายล้านบาท เพราะอาหารจะใช้ ข้าวแสนดี เครื่องแกง กะปิใช้ยี่ห้อตราชั่ง ใบมะกรูดและผักสมุนไพรบางชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมหลักในอาหารไทย
ในฐานะผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในต่างแดนมายาวนานนั้น ความต้องการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยก็เพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านการขนส่งและอำนวยความสะดวก เนื่องจากการเริ่มต้นทำธุรกิจต้องเน้นความถูกต้องเป็นหลัก ทั้งการขอเอกสารและการขออนุญาตทางด้านอาหารและยา เพราะเวียดนามก็เน้นความตรงไปตรงมา
ขอแนะนำผู้ประกอบการไทยที่สนใจเข้ามาทำธุรกิจในเวียดนามให้มีความสุข อย่างแรก ต้องเรียนรู้กฎหมายขนบธรรมเนียมของเวียดนาม สำแดงเอกสารชัดเจน มีหุ้นส่วนที่ดี สินค้ามีคุณภาพทางเจ้าหน้าที่จะมาตรวจสอบก่อนถึงมาตรฐานของแต่ละล็อตตรงกันหรือไม่ เสียภาษีอย่างถูกต้อง ก็ผ่านฉลุยดำเนินกิจการอย่างมีความสุขเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น ชาตรามือกระแสตอบรับดีมาก
สำหรับการร่วมกิจกรรมของร้านช้างทองกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานโฮจิมินห์ หรือหน่วยงานภาครัฐไทยหน่วยอื่น ๆ ในเวียดนาม ทั้ง กงสุลใหญ่ การบินไทย เป็นทีม ไทยแลนด์ ที่ทำงานอย่างเข้มแข็ง ให้การสนับสนุนคนไทยด้วยกันเป็นอย่างดีมาตลอดเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “รองนายกฯสมคิดร่วมแกรนด์โอเพนิ่งคิงเพาเวอร์ฯ18ม.ค.นี้”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่าวันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2561เวลา 17.30 น. GRAND OPENING “THE NEW KING POWER RANGNAM” บริเวณลาน ฟาวเท่น สแควร์ ชั้น 1 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โดยได้รับเกีรยรติจาก ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมแสดงความยินดีพร้อมเยี่ยมชมภายในบริเวณอาคารร้านค้าพร้อมกับผู้บริหารและแขกที่เข้าร่วมงาน
ระหว่างงานได้จัดให้มีการแสดงในชุด The Spirit of Journey ชมการแสดงม้าประกอบแสงสีเสียงน้ำพุและมัลติมีเดีย พร้อมทั้งการเปิดตัวหนังโฆษณาตัวใหม่ของ คิง เพาเวอร์ และพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ คุณฟ่าน ปิงปิง
สำหรับคิง เพาเวอร์ รางน้ำ ที่เป็นมากกว่าดิวตี้ฟรี ด้วยคอนเซ็ปต์ Explore Endlessly-การค้นพบที่ไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ทุกการเดินทางแก่ทั้งชาวไทยและนานาชาตินั้น กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ใช้เงินลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท สร้างสรรค์สวรรค์ของแหล่งช้อปปิ้งที่อัดแน่นด้วยสินค้าดิวตี้ฟรีครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งแฟชั่นแบรนด์เนม น้ำหอม เครื่องสำอาง นาฬิกา แว่นกันแดด ของมาก สินค้าไทยหัตถกรรม ร้านอาหารไทยและนานาชาติ สตรีทฟู้ด และพื้นที่กิจกรรมความบันเทิงให้ได้สัมผัสแบบ 360 องศา
สมาชิกคิง เพาเวอร์ ระดับพรีเมี่ยม ที่ถือบัตร CROWN และ VEGA นอกจากได้รับส่วนลดต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถใช้พื้นที่บริการพิเศษใน The Atlas Club โดยได้ออกแบบพื้นที่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งตู้เก็บสัมภาระ ห้องอาบน้ำ อาหาร เครื่องดื่ม อินเตอร์เน็ตฟรี Wifi สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.ชวนเที่ยวตรุษจีน102ปีปากน้ำโพ 9-22ก.พ.นี้”
นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครสวรรค์ กล่าวว่า ปีนี้ชาวนครสวรรค์ร่วมใจกันจัดตรุษจีนอันประเพณีสืบทอดกันมากกว่า 102 ปี เตรียมจัดงานประเพณีเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ปากน้ำโพ ฉลองเทศกาล ตรุษจีนปากน้ำโพ ประจำปี พ.ศ. 2561 ต่อเนื่องกัน 12 วัน 12 คืน ระหว่างวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ - วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อเป็นศิริมงคลและความเจริญก้าวหน้าด้านการค้า การเคารพกราบไหว้เปรียบเสมือนเทพเจ้าได้มาอวยชัยให้พรยังร้านค้าอันเป็นแหล่งทำกิน
ในพิธีจะมีขบวนแห่มากมาย อาทิ เช่น สิงโต จากคณะเชื้อสายจีนต่าง ๆ เอ็งกอ ล่อโก้ว มังกรทอง ขบวนสาวงาม นางฟ้า ขบวนเจ้าแม่กวนอิม ที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ช่วงวันสำคัญคือ วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ “วันจ่าย” วันพฤหัสที่ 15 กุมภาพันธ์ “วันไหว้” วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ “วันชิวอิก (วันถือ/วันเที่ยว/วันขึ้นปีใหม่)” วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ “วันชิวชา (แห่กลางคืน)” วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ “วันชิวสี่ (แห่กลางคืน)”
ทั้งนี้เมื่อครั้งอดีตบรรพบุรุษจีนนับถือเทพเจ้า เมื่อมาตั้งรกรากที่ใด จะอัญเชิญเอาเทพเจ้าที่นับถือติดตัวมาด้วย เช่นเดียวกับชาวจีนในตลาดปากน้ำโพนับถือ เจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าพ่อกวนอู-เจ้าแม่ทับทิม-เจ้าแม่สวรรค์ จึงได้จัดตั้งศาลเพียงตาเป็นที่ประทับของเจ้าพ่อ-เจ้าแม่เพื่อกราบไหว้บูชา โดยตั้งขึ้น 2 ศาล คือ ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันออกของตลาดปากน้ำโพ และศาลเจ้าแม่หน้าผา ริมฝั่งแม่น้ำปิงที่บ้านหน้าผา ขึ้นไปทางเหนือของตลาดปากน้ำโพ
สอบถามได้ที่ ททท.สำนักงานนครสวรรค์ โทร.0 5622 1811-2 หรือ www.tourismnakhonsawan.org
ข่าวที่ 3 “บางจากทุ่มลงทุนปีจอกว่า1.7พันล้านตั้งเป้าโต10%”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2561 ตั้งงบลงทุนไว้กว่า 1,700 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นส่วนธุรกิจการตลาดและค้าปลีก 200 ล้านบาท ขยายสถานีบริการน้ำมัน(ปั๊ม) 1,500 ล้านบาท ตั้งเป้าขยายกว่า 80 สาขา จากที่มีอยู่ปัจจุบัน 1,115 สาขา รวมทั้งคาดการณ์ยอดขายในทุกผลิตภัณฑ์จะเติบโตกว่า 10% สูงกว่าปีที่ผ่านมาเติบโตเพียง 6-7%
ส่วนการลงทุนในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน บางจากตั้งงบฯไว้ปี 2561-62 ราว 10,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเป็น 120,000 บาร์เรลต่อวัน จากปี 60 สามารถกลั่นได้ 111,600 บาร์เรลต่อวัน แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากช่วงเดือน พ.ค. นี้ ปีนี้จะชัดดาวน์โรงกลั่นเพื่อทำการซ่อมบำรุง 45 วัน แต่มั่นใจผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจะเป็นตัวสนับสนุนให้รายได้เติบโตจากปีก่อน รวมถึงราคาน้ำมันที่มีเกณฑ์จะสูงขึ้นด้วย ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็นผลมาจากปริมาณความต้องการของโลกนั่นเพิ่มขึ้น และความไม่สงบในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่ทำให้ต้องมีการกักตุนน้ำมันกันมากขึ้นด้วย
ช่วงที่ 2 ได้เวลาแพ็กกระเป๋าตามรอยพระบาทในสัมผัสโครงการศาสตร์พระราชา “โครงการส่วนพระองค์บางเบิด จังหวัดชุมพร” ผืนทรายชายทะเลที่กลับกลายเป็นแผ่นดินทองทางการเกษตรและแหล่งปลูกหน้าวัวสวยงามสุดของเมืองไทย ส่วนการดูแลสุขภาพ “ละลดเลิกพฤติกรรมติดอาหารหวาน” ตั้งแต่วันนี้จะดีต่อร่างกาย แล้วติดตามข่าวในรอบสัปดาห์ เมื่อบางกอกแอร์เวย์สจับมือกับกรมขนส่งทางบกเริ่มนำร่องแล้วด้วยบริการรถสาธารณะจาก 3 สนามบิน สุโขทัย สมุย ตราด สู่แหล่งท่องเที่ยวรอบพื้นที่ เรื่อยไปจนถึงบรรดาโรงแรมแถวหน้าของเมืองไทย เริ่มที่ “เรเนซองส์ ราชประสงค์” จัดเทศกาลคิง แคร็บ ดินเนอร์ปูทุกสายพันธุ์กินกันแบบไม่อั้นทุกศุกร์-เสาร์ ขณะที่ แกรนด์ เซนเตอร์พอยต์ เตรียมทุ่มทุนทำโรงแรมพรีเมียมในพัทยา และ สยามเวลเนสสปา หรือ SPA ขยายแฟรนไชส์สปาเข้ายึดหัวหาดในกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว
@โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ บางเบิด จังหวัดชุมพร
อากาศสบาย ๆ ในวันว่างแนะนำให้ออกไปสัมผัสการพักผ่อนได้ความรู้ในมุมใหม่ ๆ ใน โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ บางเบิด ตั้งอยู่หมู่ 5 บ้านน้ำพุ ตำบลปากคอลง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร
โครงการนี้มีชื่อเรียกกันติดปากว่า “โครงการส่วนพระองค์บางเบิด” เป็นอีกพื้นที่ซึ่งแม้ดินจะเป็นทรายชายทะเลที่ถูกคลื่นซัดมาทับถมกัน จนกลายสภาพเป็นเนินทราย (Sand Dune) ไม่สามารถทำการเกษตรได้ แต่ด้วยศาสตร์แห่งพระราชาทำให้ผืนดินแห่งนี้ ถูกพลิกฟื้นด้วยพระปรีชาญาณ จนกลายเป็นแหล่งศึกษาวิจัยและพัฒนาส่งเสริมอาชีพ ประการสำคัญยังเป็นแห่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชุมพรด้วย
เมื่อปี 2541 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ กลับจากทรงเยี่ยมพื้นที่จังหวัดชุมพร ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้พัฒนาที่ดินติดทะเลบ้านน้ำพุ ซึ่งเป็นที่ดินส่วนพระองค์ เนื้อที่ 448 ไร่ โดยให้อนุรักษ์สภาพแวดล้อมเดิม ซึ่งมีสภาพเป็นสันทรายป่าชายหาดพัฒนาเป้นที่พื้นที่เพื่อการเกษตร
และเปิดพื้นที่ตัวอย่างให้เกษตรกรเข้ามาศึกษาหาความรู้ฝึกปฏิบัติงานจนำไปประกอบอาชีพได้ ตั้งแต่การผลิต การดูแลรักษา การจัดจำหน่าย ตลอดจนการทำบัญชี เพื่อเป็นการส่งเสริมรายได้แก่ราษฎร
ภายในโครงการมีความสวยงามน่าชม อย่างแปลงดอกหน้าวัว ซึ่งใช้วิถีปลูกลงถ่าน เนื่องจากในพื้นที่โครงการพัฒนาส่วนพระองค์เป็นดินทราย ไม่มีอินทรียวัตถุ และโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ มีถ่านไม้ที่ได้จาการเผาเพื่อเก็บน้ำส้มควันไม้ จึงสามารถนำมาใช้ได้อย่างเกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด
ซึ่งดอกหน้าวัวของที่ไม่ได้ส่งขายตามตลาดทั่วไป แต่ส่งไปยังสวนจิตรลดาทั้งหมด
ส่วน “กิจกรรม” ที่น่าสนใจสามารถทำได้ในโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ บางเบิด ประกอบด้วย
“กิจกรรมศึกษาดูงาน” สามารถเรียนรู้การฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมในพื้นที่เนินทราย แล้วไปชมการอนุรักษความหลากหลายของพันธุ์ไม้ในพื้นที่สันทรายได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงชมงานสาธิตปลูกไม้ตัดดอก โดยเฉพาะดอกหน้าวัวในโรงเพาะชำกางมุ้งขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการป้องกันแมลงศัตรูพืช
การศึกษาตัวอย่างงานการเลี้ยงชะมดให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากชะมดเช็ดจะผลิตไขที่สามารถนำไปสกัดเป็นน้ำหอมได้ และขี้ของชะมดสามารถนำมาคั่วเป็นกาแฟที่มีกลิ่นหอมรสชาติอร่อย
หรือจะไปเรียนรู้โครงการปลูกพืชแบบผสมผสาน พร้อมกับชมการสกัดเย็นน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์
ทุกอย่างล้วนเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ
สนใจนำพนักงานไป “ประชุมเมืองไทย อิ่มใจ ตามรอยพระราชดำริ” ในโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ บางเบิด โทร.089-929-2814
@วิธีเปลี่ยนพฤติกรรมลดการติดอาหารรสหวาน
นับจากนี้ไปคนไทยต้องค่อยๆ ลด ความหวานลงที่ละน้อยให้รู้สึกว่าไม่ทรมานตัวเองมากเกินไป เช่น การปรุงก๋วยเตี๋ยว จากเดิมที่เคยใส่น้ำตาล ที่ละมากๆ ก็ควรปรับลดลงเรื่อยๆ อย่าหักดิบแบบกะทันหัน เพราะ ร่างกายจะไม่ยอมรับและทำได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยมากจะใช้เวลา 1-2 เดือน ร่างกายจะชินกับความหวานน้อยและอร่อยเหมือนเดิม
คาถาลดหวาน หัดพูดให้ติดปากบอกพ่อค้า แม่ค้า ในการประกอบอาหารว่า “ไม่หวาน” ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม หรือ อาหารที่ต้องมีการปรุงรส หรือ เลือกอาหารที่เห็นว่าไม่มันมากจนเกินไปเพราะจะมีรสหวานพ่วงมาด้วย
ดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก พยายามอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ เนื่องมาจากหากร่างกายขาดน้ำจะทำให้รู้สึกหิวและเพิ่มความอยากความหวานมากขึ้น การดื่มน้ำเปล่าประมาณ 1 แก้ว เมื่อรู้สึกอยากความหวานจะช่วยลดความอยากลงได้
เลือกรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ข้าวกล้อง เลือก ผลไม้รสชาติไม่หวาน เพิ่มเติมอาหารประเภทถั่วฝัก ถั่วเปลือกแข็ง ใยอาหารจะช่วยลดความอยากความหวาน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดลงได้ด้วย
เช็คสัญญาณ อาการติดหวาน ดังนี้
– รู้สึกอยากขนมหวานที่ตัวเองชอบเรื่อยๆ - รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี เมื่อไม่ได้กินอาหารหรือขนมที่มีส่วนประกอบของแป้งหรือน้ำตาล – รู้สึกหิวบ่อย - คิดถึงอาหารอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าเพิ่งกินอาหารเสร็จ
- มีนิสัยกินอาหารหวานต่อจากอาหารคาวเป็นประจำ - มีของติดตู้เย็นที่เป็นของหวานอยู่ตลอด
- ชอบผลไม้รสหวาน เช่น มะละกอ ทุเรียน สับปะรด- ชอบผลไม้แห้ง ผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม - ชอบอาหารกลุ่มซีเรียลเคลือบนน้ำตาล
- ทำอาหารทุกจานต้องเติมน้ำตาล เช่น ไข่เจียวเติมน้ำตาล ทำพริกน้ำปลาเติมน้ำตาล - ชอบงานเลี้ยงสังสรรค์ เพราะมีอาหาร เครื่องดื่มและของหวาน - ในมื้ออาหารมักจะเลือกดื่มเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำเปล่า
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บางกอกแอร์ผนึกขนส่งเปิดรถสาธารณะ3สนามบินเชื่อมแหล่งเที่ยว”
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำโครงการเปิดบริการโดยสารสาธารณะเชื่อมท่าอากาศยานกับชุมชน ตัวเมืองและแหล่งท่องเที่ยว เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่ง สุโขทัย สมุย เกาะช้าง (ตราด) เพื่อตอบโจทย์ผู้โดยสารที่ใช้บริการให้ได้รับความสะดวกสบาย
เป็นบริการเพิ่มเติมจากปัจจุบันจากทั้ง 3 สนามบินของบางกอกแอร์เวย์ส นักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้รถยนต์ส่วนตัวสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองในทุกสนามบินมีรถแท็กซี่ รถลีมูซีน ต่อจากนี้เป็นต้นไปเมื่อเพิ่มบริการจะได้รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่นิยมเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้อีกช่องทาง
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้จัดทำ One Transport เพื่อบูรณาการและพัฒนาระบบการขนส่งเชื่อมต่อการเดินทางทุกรูปแบบจากท่าอากาศยาน โดยเฉพาะการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ เพื่อเชื่อมสนามบินไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ โดยร่วมกันกำหนดตารางการเดินรถให้สอดคล้องกับเที่ยวบิน และกำหนดค่าโดยสารอย่างเหมาะสม
สำหรับความร่วมมือกับบางกอกแอร์เวย์ส ปี 2561 ทางคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัดได้อนุมัติ จังหวัดสุโขทัย ตามเส้นทางแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก -เส้นทางสถานีขนส่งผู้โดยสาร-ท่าอากาศยานสุโขทัย-อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ช่วงที่ 2 เส้นทางสถานีขนส่งผู้โดยสาร-ท่าอากาศยานสุโขทัย-สถานีรถไฟสวรรคโลก ภายในเมษายนนี้ จะเริ่มกำหนดค่าโดยสารอย่างเป็นทางการและนำรถเข้ามาให้บริการ 3-6 คัน สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินบางกอกแอร์เวย์ส ไป-กลับ กรุงเทพฯ-สุโขทัย ที่มีวันละ 6 เที่ยว
ส่วนสนามบินสมุยและเกาะช้าง (ตราด) เป็นพื้นที่ต่อไปที่จะเปิดให้บริการรถโดยสารสาธารณะจากท่าอากาศยานไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารประจำจังหวัด ตัวเมือง หรือแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่สนามบินสมุย มีเที่ยวบินจำนวนมากถึงวันละ 100 เที่ยว
ตามขั้นตอนเมื่อกำหนดเส้นทางเรียบร้อยแล้ว จะต้องขออนุมัติเส้นทางแล้วประกาศรับคำขอผู้ประกอบการเดินรถ และจะให้บริการได้ช่วงกลางปี 2561 เป็นต้นไป โดยกรมขนส่งทางบกมีแผนจะขยายผลโครงการจัดจุดจอดรถสาธารณะทั่วประเทศในสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยานไทยด้วยทั้ง 29 แห่ง
ข่าวที่สอง “ดรีมเวิลด์ฉลอง25ปีขายบัตรแค่25บาทเริ่ม25ม.ค.”
น.ส.พัณณิน กิติพราภรณ์ กรรมการผู้จัดการ สวนสนุกดรีมเวิลด์ กล่าวว่าปี 2561 วางกลยุทธ์จัดงานครบรอบฉลอง 25 ปี ของสวนสนุกดรีมเวิลด์ หมู่ที่1 ถนนรังสิต-องค์รักษ์ ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยจะใช้เงินกว่า 50 ล้านบาท จัดกิจกรรมและโปรโมชั่น โดยทำผ่านตัวเลข 25 มหัศจรรย์ สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับลูกค้าสนุกตลอดทั้งปี คาดยอดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 5 - 10 %
แคมเปญแรก วันที่ 25 มกราคมนี้ เปิดขายราคาผ่านประตูและเล่นเครื่องเล่นเพียง 25 บาท ให้นักท่องเที่ยว 2,500 คน โดยลงทะเบียนตามกติกาที่กำหนด ส่วนเกินจาก 2,500 คน จะให้ส่วนลด 50 %
แคมเปญที่ 2 ดรีมเวิลด์จะมอบโชคให้กับลูกค้าที่มาเที่ยวได้ลุ้นรางวัลทั้งปี รวม 2,500 รางวัล รวมมูลค่านับล้านบาท มีตั้งแต่แพ็คเกจท่องเที่ยว ในประเทศ และต่างประเทศ บัตรดินเนอร์สุดหรู และอีกมากมาย
แคมเปญที่ 3 ให้มาฉลองวันเกิดกันที่ดรีมเวิลด์ กับ Happy Birth Happy Day รับสิทธิ์เที่ยว "ฟรี" เป็นของขวัญวันเกิด ติดตามได้ทางเว็ปไซต์ หรือเฟสบุ๊คของดรีมเวิลด์
กิจกรรมทางด้านการตลาดแล้ว สวนสนุกดรีมเวิลด์ ยังคงมีกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่เปิดดำเนินการสวนสนุก สำหรับปีนี้ กิจกรรม "แบ่งฝัน ปันให้น้อง" จะมอบโอกาสให้คุณน้องคุณหนูจากมูลนิธิ และสถานสงเคราะห์ต่างๆ ได้มาเที่ยวดรีมเวิลด์ พร้อมอาหารกลางวันฟรี จำนวน 2,500 คน
ข่าวที่ 3 “เรเนซองส์จัดดินเนอร์ปูทุกสายพันธุ์ม.ค.-ก.พ.นี้”
โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ ชวนไปได้กินของอร่อยโดยเฉพาะปูทะเลสดกับเมนูปูรสเด็ดและอาหารรสเลิศต่างๆมากมายหลากหลายชนิด ช่วงมื้อค่ำวันศุกร์และวันเสาร์ ณ ห้องอาหารเฟลเวอร์ ตลอดเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์นี้ มีโปรโมชั่นพิเศษ Crab Extravaganza ในราคาท่านละ 2100++ บาท
ตื่นตาตื่นใจไปกับปูทะเลสดใหม่หลากหลายสายพันธุ์ อาทิ ปูสีน้ำตาลแอตแลนติก ปูหิมะอลาสก้า ปูโคลนยักษ์ ปูม้า และ ปูนิ่ม ให้ท่านเลือกรับประทานกันได้อย่างเต็มที่ในสไตล์ที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปูสดเสิร์ฟบนน้ำแข็งคู่ซอสและเครื่องเคียงต่างๆมากมาย
สอบถามเพิ่มหรือสำรองที่นั่ง โทร 02 125 5010
ข่าวที่สี่ “แกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์เปิดโรงแรมพรีเมี่ยมพัทยารับปีจอ”
นางสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด เปิดเผยว่าปี 2561 กลุ่มโรงแรม”แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์”มีกลยุทธ์ให้บริการโรงแรมระดับ Upper Midscale ด้วยจุดเด่นของทำเลที่ตั้งที่อยู่ใจศูนย์กลางธุรกิจ เป็นเครือโรงแรมสัญชาติไทยที่มีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 10 ของประเทศ สามารถพัฒนาการลงทุนให้สอดคล้องกับภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ในทิศทางที่ดีและมีส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศมีอัตราการขยายได้ดียิ่งขึ้น
ช่วงปลายปี 2561 ทางบริษัทจะเปิดตัวโรงแรมเพิ่ม 1 แห่ง มูลค่าการลงทุนรวม 6,000 ล้านบาท คือ โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา พื้นที่กว่า 33 ไร่ ประกอบไปด้วย โรงแรม ห้างสรรพสินค้า”เทอมินัล 21” ทำให้มีโรงแรมในกลุ่มรวมกันทั้งหมด 5 แห่ง และมีห้องพักทั้งหมดกว่า 2,100 ห้อง
ขณะที่ปี 2560 กลุ่มโรงแรมที่ดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์”แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์” 4 แห่ง มีรายได้รวมกว่า 2,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 85%
ข่าวที่ห้า “SPAขยายLet’s Relaxเข้าพนมเปญ-ทุ่มทุนเพิ่ม500ล้าน”
นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA เปิดเผยล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาแฟรนไชส์ 3 สาขาในกรุงพนมเปญ กัมพูชา ตั้งเป้าขยายธุรกิจสปาภายใต้แบรนด์ Let’s Relax เป็นระยะเวลา 5 ปี จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ปี 2561 ขานรับเศรษฐกิจกัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่ม CLMV มีอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสูงปีนี้ธนาคารโลกระบุการเติบโต 6.7% สูงสุดในภูมิภาคอาเซียน จากอุปสงค์ในประเทศภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ โดยมีจีนเป็นประเทศผู้ลงทุนหลัก
ส่วน SPA ได้อนุมัติแผนธุรกิจปี 2561 ด้านการลงทุนขยายธุรกิจ 500 ล้านบาท แบ่งเป็น 250 ล้านบาท สำหรับการขยายสาขา 10 สาขา ในประเทศ เเละปรับปรุงสาขาเดิมเเละอีก 250 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้โต 25% จากรายได้ของปีที่ผ่านมา
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น