เปิดใจ”ผู้ว่าฯยุทธศักดิ์”นำทัพท่องเที่ยวบุกตลาดปีจอ’61
รุกเจาะเวียดนาม-อาเซียนชูขายOpen to The NewShade
คิงเพาเวอร์โชว์ออลสโตร์ขายสินค้าไทยแนวใหม่ทุกสาขา
ททท.แพร่-น่านจัดโปรเก๋ไก๋นุ่งซิ่นจิบชาแฮ็ชแท็กถึงกพ.นี้
บางจากชวนเติมน้ำมันรับแต้ม2-4เท่าแลกสิทธิ์ตลอดปี
ตามรอยผักกะชับบ้านทะเลน้อยของอร่อยทั่วระยอง(ฮิ)
หมอชาวบ้านรณรงค์คนไทยช่วยป้องกันโรคตัวเย็นเกิน
โรงแรมดิโอกุระจัดเต็มสปาญี่ปุ่น-ชิมล็อบสเตอร์ลอยฟ้า
อินเตอร์คอนกรุงเทพฯเสิร์ฟเมนูอาหารมิชลินสไตล์บาร์
คาเฟ่แคนทารีชูเมนูคาวหวานเสิร์ฟทุกเมืองท่องเที่ยว
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza
ช่วงที่ 1 ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดใจถึงการชูธงนำทัพท่องเที่ยวรุกตั้งแต่ต้นปในการบุกเข้าสู่อาเซียนใหม่เต็มรูปแบบซึ่งเป็นกำลังหลักมาเที่ยวไทยปีละเกือบ 10 ล้านคน เริ่มจาก “เวียดนาม” ขยายพื้นที่สำนักงานใหม่ และจับมือกับเวียดเจ็ตแอร์ไลน์ ดึงตลาดครอบครัว นักช้อปปิ้ง คนรักสุขภาพ เข้ามาใช้เงิน แล้วจะชวนมาชมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 มางานเดียวเที่ยวครบทั้งประเทศ แล้วยังปิ๊งจัด “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ สงกรานต์” ในเมืองรองหลังจากประสบความสำเร็จจากการจัด อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เคาน์ดาวน์ 4 เมืองรอง 1 เมืองหลัก เพื่อระดมนักท่องเที่ยวหลั่งไหลสู่ 55 เมืองรองตลอดทั้งปีให้ได้ 13 ล้านคน กระจาย “รายได้” จากการเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาทสู่ชุมชนทั่วไทย ทำให้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวยั่งยืนสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าช่วงต้นปี 2561 เตรียมรุกตลาดอาเซียน โดยการขยายพื้นที่สำนักงานในโฮจิมินห์ เวียดนาม รองรับการเติบโตในอนาคตในฐานะ 1 ในกลุ่มประเทศดาวรุ่งอาเซียนใหม่แถบ CLMV -กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ซึ่งแต่ละปีอาเซียนทั้งหมดเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทย 8-9 ล้านคน
การขยายพื้นที่สำนักงาน ททท.โฮจิมินห์ ครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณถึงไทยให้ความสำคัญอย่างมีนัยสำคัญตลาดเวียดนามปี 2561 รวมทั้งการผนึกความร่วมมือกับสายการบินเวียดเจ็ตแอร์ไลน์ ต่อเนื่องถึงการมอบหมายให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องรุกเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพมุ่งไปยังนักท่องเที่ยวครอบครัว ช้อปปิ้ง และสุขภาพ ททท.จะทำเป็นโปรดักซ์แชมเปี้ยน ขานรับกับแคมเปญ Open to the New Shades และ AEC Connectivity ผสมผสานกันไปอย่างเต็มที่
ขณะที่สถานการณ์ "ตลาดนักท่องเที่ยวเวียดนาม" เข้าประเทศไทย ในปี 2560 ( ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2560) เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตทางรายได้รวม 27,536.25 ล้านบาท สูงกว่าปี 2559 ทำรายได้ ไว้ 23,874.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.34 % โดยนักท่องเที่ยว 867,712 คน เพิ่มขึ้น 12.50 % จากปี 2559 มีจำนวน 771,285 คน
ปี 2560 เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์ของนักท่องเที่ยวในประเทศกลุ่มอาเซียนใหม่ CLMV จะพบว่า "เวียดนาม" ทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 2 มีความโดดเด่นเป็นตลาดดาวรุ่งมาแรงอย่างชัดเจน
ส่วนอันดับ 1 คือ "สปป.ลาว" ทำสถิติใช้จ่ายเงินเที่ยวเมืองไทยสูงถึง 37,120.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.12% จากปี 2559 ทำได้ 32,815.09 ล้านบาท โดยปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 1,458,640 คน เพิ่มขึ้น 16.12 % จากปี 2559 มีเพียง 1,256,173 คน
อันดับ 3 "กัมพูชา" นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทย 23,690.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.22 % ปี 2559 ทำได้เพียง 19,226.68 ล้านบาท โดยปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 764,699 คน เพิ่มขึ้น 25.47 % จากปี 2559 มีเพียง 609,461 คน
อันดับ 4 "เมียนมา" นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทย 14,014.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.52 % ปี 2559 มีเพียง 12,680.26 ล้านบาท โดยปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 328,405 คน เพิ่มขึ้น 6.50 % ปี 2559 มีเพียง 308,354 คน
เมื่อรวมยอดรายได้จากตลาดอาเซียนใหม่ CLMV ทั้ง 4 ประเทศ ปี 2560 เข้ามาใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวในไทยยอดรวมสูงถึง 102,361.74 ล้านบาท แตกต่างจากปี 2559 ทำไว้เพียง 88,596.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,765.54 ล้านบาท
ททท.ยังคงให้น้ำหนักกับโปรดักซ์ท่องเที่ยวหมวดอาหารถิ่นในเมนูแตกย่อย ขยายให้สอดคล้องกับความต้องการของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวอาเซียนใหม่
รวมทั้งในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 ระหว่าง 17-21 มกราคม 2561 ณ สวนลุมพินี จะเชิญชวนต่างชาติเข้ามาด้วย สถิติปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมกว่า 1 แสนคน โดยให้ ททท.แต่ละสำนักงานต่างประเทศมางานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย มางานเดียวได้สัมผัสทุกเมืองครบถ้วนทั้งประเทศ
สำหรับความเก๋ไก๋ของเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ปี 2561 ไฮไลต์ความโดดเด่นจะแตกต่างจากปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากรวบรวมของดีของเด่น วัฒนธรรม ประเพณี สินค้า แหล่งท่องเที่ยว ปีนี้สภาพอากาศเย็นจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนได้มากขึ้น และการปรับเวลาการเปลี่ยนให้เร็วขึ้นในแต่ละวันจะเปิดก่อนเที่ยงวัน ต่างจากปีก่อนจะเปิดช่วง 16.00 น.ขึ้นไป
ขณะเดียวกันก็จะใช้งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งนี้ ปูพรมขาย 55 เมืองท่องเที่ยวรองเพื่อนำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนภาษี ทั้งค่าที่พัก โฮมสเตย์ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติที่พัก บวกกับการกระตุ้นด้วยการแจกโชค แจกคูปอง จับมือกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การร่วมมือกับบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวในประเทศ สายการบิน ยังไม่รวมการจัดกิจกรรมอาหารถิ่น ยกระดับวัฒนธรรมประเพณีขึ้นมาให้มากที่สุด
เป้าหมายต้องการเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้าสู่ 55 เมืองรองตามนโยบายรัฐบาลขยับจากปัจจุบันมีสัดส่วนนักท่องเที่ยว 30 % เป็น 35 % ททท.จะต้องเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้าสู่เมืองรองทั้งหมดอีก 5 % หรือคิดเป็นตัวเลขรวมประมาณไม่ต่ำกว่า 13 ล้านคน
ส่วนความถี่ในการโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวแต่ละเมืองรอง เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวเดือนละ 1 ล้านคน ททท.จะต้องกระตุ้นด้วยการช่วงชิงกลุ่มใหม่ที่เดิมไปเที่ยวต่างประเทศ นั่นคือ 1.เพิ่มกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ ๆ 2.จัดกิจกรรมเพิ่มความถี่การเดินทาง นำปฏิทินประจำปีมาวางผังอย่างชัดเจน เช่น คิดจะจัดอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ สงกรานต์ หลังประสบความสำเร็จจาการจัดงาน อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เคาน์ดาวน์ 2017 ใน 4 เมืองรอง 1 เมืองหลัก ระยอง-ลำปาง-สกลนคร-กาญจนบุรี และภูเก็ต จึงน่าจะเป็นต้นแบบนำโมเดลมาใช้ขยายผลกับงานที่ได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศอย่างสงกรานต์ได้
นายยุทธศักดิ์กล่าวว่าปี 2560 ททท.ประสบความสำเร็จนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทยได้ถึง 35 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 33 ล้านคน ส่วนนักท่องเที่ยวในประเทศอาจจะน้อยกว่าเป้าซึ่งตั้งไว้ 154 ล้านคนครั้ง สถิติล่าสุดทำได้ราว 153 ล้านคนครั้ง แต่สิ่งสำคัญคือ “รายได้ท่องเที่ยวในประเทศ” เข้าเป้า 9 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญและไม่ต้องกังวลถึงจำนวนคนเดินทางมาก เพราะรายได้รวมคือ 2.77 ล้านล้านบาท สูงกว่าปี 2559 ทำไว้ 2.5 ล้านล้านบาท
ส่วนสัญญาณบวกปี 2561 ทั้งในประเทศและเศรษฐกิจโลกนั้น ททท.จะพยายามรักษาโมเมนตั้มการเพิ่มรายได้ไว้ พร้อมทั้งจะให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษเรื่อง “กระจายรายได้” และ “ลดความเหลื่อมล้ำในชุมชนท่องเที่ยว” และให้การท่องเที่ยวมีส่วนหลักในการสร้างรายได้แก่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
พร้อมทั้งขอฝากคนไทยไว้ตั้งแต่ต้นปีนี้ ถึงเรื่องการหันมาเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทย มองเห็นถึงประเทศเราเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลก เช่นเดียวกับที่ต่างประเทศทั่วโลกเห็น แล้วก็หันมาใช้เงินท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อความสุขและความอยู่ดีกินดีของคนไทยด้วยกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์เปิดออลสโตร์ขายสินค้าไทยแนวใหม่”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำร้านค้าดิวตี้ฟรีของเมืองไทย รายงานว่า ได้เปิดสโตร์สินค้าแบรนด์ไทยในร้านคิง เพาเวอร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ต้อนรับปีใหม่ตลอดมกราคม 2561 เพื่อให้ได้ช้อปกันอย่างจุใจไปกับ All KING POWER STORES เพื่อซื้อเป็นของขวัญมอบให้คนที่รักสามารถนำไปใช้ได้ทุกทริป เป็นสินค้าที่คิง เพาเวอร์ คัดสรรและออกแบบมาจากความเข้าใจของนักเดินทาง ช่วยให้แพ็คกระเป๋าได้ง่าย สนุก มากยิ่งขึ้น
ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ กระเป๋าผ้าแบบเป้สะพาย ซองใส่อุปกรณ์พกพา ใส่เครื่องสำอาง การ์ด ตั๋วเดินทาง และของใช้เล็ก ๆ น้อย หลากหลายชนิด ด้วยสีสันสวยงามตามเอกลักษณ์ไทย หาซื้อได้ที่โซน Jouney Flagship Store ในร้านคิง เพาเวอร์ รางน้ำ ชั้น 3 และคิง เพาเวอร์ ทุกสาขา
ส่วนผลิตภัณฑ์ขนมไฮไลต์ในเดือนมกราคมนี้ คือ “ช็อกโกแลตรูปช้าง” แบรนด์ คิง เพาเวอร์ เรซิพี ได้นำช้างซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านเมืองของไทยมาดีไซน์เป็นช็อกโกแลต แต่งด้วยลวดลายประณีต ทุกกล่องจะมีรูปช้าง ซึ่งสามารถนำมาต่อกันเป็นภาพพาโนรามา แสดงถึงความสนุกสนานของการเดินทางบนหลังช้างท่องเที่ยววิถีไทย รวมทั้งมีโปสการ์ดลวดลายน่ารักให้เก็บสะสมรวมอยู่ในแพกเกจ เพื่อให้นักท่องเที่ยวนานาชาติที่เข้ามาช้อปนำไปร้อยเรียงบันทึการเดินทางที่น่าจดจำตลอดการท่องเที่ยวในเมืองไทย
ข่าวที่ 2 “ททท.แพร่-น่าน”จัดโปรชีลนุ่งซิ่นจิบชาถึงกพ.61”
นางสาวเอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ (ดูแลพื้นที่แพร่และน่าน) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับจัดทำบัตรโปรโมชั่นพิเศษต้อนรับการท่องเที่ยวปี 2561 มอบลดช็อป ชิม ชิล ระหว่างวันนี้ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 โดยได้ร่วมกับชุมชนเจ้าของแหล่งท่องเที่ยว ผู้ประกอบการที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านของที่ระลึกและสินค้าโอท็อปจังหวัดแพร่กว่า 50 ร้านค้า ตั้งเป้าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวตลอดไตรมาสแรกปีนี้ กระจายรายได้สู่ชุมชนทั้งจังหวัดต้อนรับฤดูท่องเที่ยว
ส่วนจังหวัดน่านได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิง ด้วยแคมเปญ "นุ่งซิ่น..จิบชา @ น่าน" ระหว่างวันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2561 โดยร่วมกับโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา หอการค้าจังหวัดน่าน YEC น่าน และ อพท.น่าน จัดกิจกรรมเชิญชวนนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงมาสัมผัสบรรยากาศเมืองน่าน ย้อนไปใน พ.ศ.2458 ตั้งแต่ยุคแรกที่มีมิชชันนารีเข้ามาในพื้นที่ บริเวณตึกรังษีเกษม โดยจัดชุดน้ำชา พร้อมขนมไทยบริการชุดละ 60 บาท
พร้อมทั้งเปิดให้นักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมแชะแชร์ภาพนุ่งซิ่นจิบชาผ่านทางอินสตาแกรม ติดแฮชแท็ก #TATPHRAE #นุ่งซิ่นจิบชา #ผู้หญิงเที่ยวน่าน ผู้ที่มียอดไลค์สูงสุดในแต่ละเดือนรับของที่ระลึกเมืองน่านได้จาก ททท.สำนักงานแพร่ จนกว่าจะจบงาน
ข่าวที่ 3 “บางจากชวนเติมน้ำมันรับแต้มสะสม2-4เท่า”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดเต็มฉลองเทศกาลปีใหม่ รับคะแนนรัวๆ แทนคำขอบคุณจากใจ ด้วยการเติมน้ำมันบางจากแล้วรับคะแนนคูณ 2-4 ไปได้เลย วันนี้- 15 ม.ค. 2561 เติมน้ำมันบางจาก E20 S / 91 S / 95 S รับคะแนนสะสมคูณ 2 (มูลค่าลดสูงสุด 40 สต./ลิตร) วันนี้ - 31 มี.ค. 2561 เมื่อเติมน้ำมันบางจาก E85 S รับคะแนนสะสมคูณ 4 (มูลค่าลดสูงสุด 80 สต./ลิตร) วันนี้ - 31 ธ.ค. 2561 เติมน้ำมันบางจาก ไฮดีเซล S รับคะแนนสะสมคูณ 2 (มูลค่าลดสูงสุด 10 สต./ลิตร)
ด้วยกติกาง่าย ๆ ดังนี้
1.สมาชิกบัตรบางจากแก๊สโซฮอล์คลับ ปกติรับคะแนนสะสมทุก 1 ลิตร ได้รับ 1 คะแนน พิเศษ..เติม E85 S รับคะแนนสะสมทุก 1 ลิตร ได้รับ 4 คะแนน ตัวอย่าง เติมน้ำมัน 30 ลิตร คะแนนสะสมที่ได้เท่ากับ 30 คูณ 4 ดังนั้นคะแนนที่ได้รับในการเติมครั้งนี้เท่ากับ 120 คะแนน
2.สมาชิกบัตรบางจากแก๊สโซฮอล์คลับ ปกติรับคะแนนสะสมทุก 1 ลิตร ได้รับ 1 คะแนน พิเศษ..เติม E20 S / 91 S / 95 S รับคะแนนสะสมทุก 1 ลิตร ได้รับ 2 คะแนน ตัวอย่าง เติมน้ำมัน 30 ลิตร คะแนนสะสมที่ได้เท่ากับ 30 คูณ 2ดังนั้นคะแนนที่ได้รับในการเติมครั้งนี้เท่ากับ 60 คะแนน
3.สมาชิกบัตรบางจากดีเซลคลับ ปกติรับคะแนนสะสมทุก 4 ลิตร ได้รับ 1 คะแนน พิเศษ..เติม ไฮดีเซล S รับคะแนนสะสมทุก 2 ลิตร ได้รับ 1 คะแนน
การคิดคะแนนสะสมเมื่อเติมไฮดีเซลs : จำนวนการเติมน้ำมัน หาร 4(ผลลัพท์ที่ได้เศษปัดทิ้ง) คูณ 2
ตัวอย่าง เติมน้ำมัน 31 ลิตร คะแนนสะสมที่ได้เท่ากับ (31 หาร 4) คูณ 2 คะแนนที่ได้รับ 14 คะแนน
4.บัตรบางจากแก๊สโซฮอล์คลับ สามารถสะสมคะแนนจากการเติมน้ำมันสูงสุดไม่เกิน 100 ลิตร/ครั้ง และไม่เกิน 400 คะแนน
ช่วงที่ 2 ต้อนรับปีใหม่กับการออกไปตามรอย “ผักกระชับ” เที่ยวเมืองระยอง (ฮิ) ในเส้นทางตลุยกินอาหารถิ่นบ้านทะเลน้อย แล้วไปสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าตากสร้างไว้ แล้วไปตะลอนชิม 10เมนูอาหารชุมชนโดยเชฟชุมพล ส่วน “อาการตัวเย็นเกิน” เป็นโรคหนึ่งที่ต้องป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ จากนั้นไปฟังโรงแรมระดับ 3-5 ดาว แข่งกันจัดเมนูมื้อพิเศษรับปีจอตลอดมกราคมนี้ ชิมล็อบสเตอร์ลอยฟ้า สปาสมุนไพรญี่ปุ่น แวะคาเฟ่ แคนทารี ทั่วไทยมีทั้งอาหารหวานคาวพร้อมเสิร์ฟทุกที่ ทุกเวลา
@ออกเที่ยวตลุยชิมของอร่อยทั่วเมืองรองระยอง(ฮิ)
เพื่อเป็นการต้อนรับปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทยเก๋ไก๋ อย่างยั่งยืน ในเมืองท่องเที่ยวรอง “ระยอง” กำลังเป็นดาวรุ่งมาแรงด้วยสีสันเมืองชายทะเลตะวันออกอ่าวไทยมีเกาะน้อยใหญ่ขึ้นชื่อทั้ง เกาะช้าง เกาะเสม็ด เกาะเกร็ด และรากวัฒนธรรมอาหารการกินภูมิปัญญาพื้นบ้าน วัฒนธรรมท้องถิ่นเข้มแข็ง และรัฐบาลกำลังขยายการรองรับแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
“ระยอง” วันนี้มีแฟนพันธุ์แท้ต่างมุ่งหน้าเข้าไปค้นหา “แหล่งกินอาหารอร่อย” กันอย่างคับคั่ง แกะรอยเส้นทาง “ผักกระชับ” เมนูเด็ดดังที่มีจุดกำเนิดอยู่ที่ “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง เป็นชุมชนเล็ก ๆ มีวิถีชีวิตพอเพียงเลี้ยงชีพอยู่ด้วยการพึ่งตาตนเองใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
ขณะนี้อาหารถิ่นเมนูผักกระชับของชุมชนบ้านทะเลน้อย กลายเป็นดาวดวงใหม่ในวงการท่องเที่ยว ที่ชาวบ้านนำมาปรุงเป็น แกงส้ม และผักกระชับทอดกรอบ อร่อยเทียบชั้นเทมปุระ ชาวบ้านได้รังสรรค์การทำเมนูอื่น ๆ เพิ่มอยู่ตลอดเวลา
สำหรับผักกระชับที่ปลูกในชุมชนบ้านทะเลน้อย ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมง โดยรอบพื้นที่มีต้นไม้ถิ่นออกลูกผลเพียงปีละครั้งเท่านั้น มีลักษณะขนแข็งแหลมคม เมื่อนำเมล็ดมาแช่น้ำใบไว้จะแตกยอดใบออกมาตามภูมิปัญญาดั้งเดิมหมอชาวบ้านบอกว่าสามารถนำมารักษาผู้ป่วยโรคกระดูกได้ จากนั้นก็ได้ขยายพันธุ์การปลูกสืบต่อกันมา แล้วนำมาทำเป็นอาหารด้วย เช่น แกงส้ม ผัดน้ำมัน ลวกต้มกินกับน้ำพริก กินอาหารเป็นยาไปในตัว
เมื่อไปถึง “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” จะมีสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนแบบสงบ ๆ ตามวิถีชาวบ้าน คือ “วัดราชบัลลังก์” มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เคยเสด็จผ่านมาในพื้นที่ก่อนจะเดินทัพรวมไพร่พลไปกอบกู้เมือง อีกทั้งได้สร้างพระพุทธรูปสำคัญไว้ในโบสถ์เก่าแก่ที่วัดราชบัลลังก์ด้วย ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวนิยมไปสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
บริเวณใกล้เคียงชุมชนสามารถแวะไปชมวิว “ป่าชายเลนแม่น้ำประแส” เพื่อชมวิถีการทำประมงพื้นบ้าน ช่วยกันอุดหนุนของทะเลสด ๆ ได้ด้วย
สำหรับเส้นทางสายกินทั่วเมืองรองมี 10 เมนูอาหารอร่อยที่ระยอง โดย เชฟชุมพล ตามโครงการของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนไปชิมกัน
เมนูแรก “ผัดผักกระชับไฟแดงปลากุเลาปากน้ำประแส” ความอร่อยอยู่ตรงผักกระชับที่ได้อารมณ์ร่วมเมื่อเติมปลากุเลาปากน้ำประแสเข้าไปฟีเจอริ่งเข้าด้วยกัน
เมนูที่ 2 “แกงคั่วปูใบชะมวง” แกงกะทิหอมกลิ่นพริกแกงคั่วคลุกเคล้าใบชะมวง
เมนูที่ 3 “หลนกะปิกุ้งเคย” รสกลมกล่อมเข้มข้นด้วย ความหอมมันของกะทิ เต้าเจี้ยว ข้าวหมาก กุ้งลายเสือ
เมนูที่ 4 “ผัดขี้เมาไก่บ้านใส่หน่อกระทือ” รสเผ็ดซี้ดซ้าด นำไก่บ้านมาผักกับแขนงสับปะรดและหน่อกระทือทอดกรอบ เป็นวัตถุดิบหายากมีแห่งเดียวในระยองเท่านั้น
เมนูที่ 5 “ต้มกะทิปลาแดดเดียวใส่ผักกูด” นำปลา 3 น้ำ ทั้ง น้ำเค็ม น้ำจืด น้ำกร่อย ผสมอย่างลงตัวเป็นปลาแดดเดียวแล้วต้มกับกระทิหวานมันใส่ผักกูดเนื้อกรุบ ๆ ลงไป
เมนูที่ 6 “ต้มส้มปลากะพง (ระกำ)” ใช้เนื้อปลากะพงสดนำระกำผลไม้ถิ่นรสเปรี้ยวใส่ลงน้ำซุปคล้ายต้มส้ม อร่อยเกินบรรยาย
เมนูที่ 7 “ปลาหมึกแดดเดียวผักพริกเกลือ” นำปลาหมึกล้วน ๆมาผักกับพริกสีจัดจ้าน รสชาติร้อนแรง เมื่อตักเข้าปากรสชาติจี๊ดซี้ดกันเป็นแถว
เมนูที่ 8 “เส้นแกลงผัดทะเล” นำเส้นเหนียวหนึบมาผัดกับวัตถุดิบทะเลทั้ง กุ้ง หอย หมึก ปู ปลา แบบไม่ให้เส้นขาด เพียงแค่ชิมคำเดียวก็ฟินเหมือนได้อยู่ในทะเลระยองเลยทีเดียว
เมนูที่ 9 “ทะเลผัดพริกขี้หนูสวน” ได้รวมวัตถุดิบทั้งทะเลมารวมไว้ในจานเดียว มีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา หมึก ปรุงรสสไตล์แซบสุดโรยด้วยกระเทียมเจียว อร่อยพอดี ๆ
เมนูที่ 10 “พุดดิ้งทุเรียน ซอสมังคุด” เป็นของหวานทำจากทุเรียนสดเนื้อเนียนเด้งดึ๋ง เสิร์ฟคู่กับซอสมังคุด อร่อยจนต้องชวนกันไปลองชิมให้ได้
แล้วไปพบกับที่เมืองท่องเที่ยวรอง “ระยอง(ฮิ)” กันได้ตลอดปีจอ 2561 กับเส้นทางห้ามพลาดแหล่งแวะชิมอาหารถิ่นเมนูอร่อย ๆ ดินแดนผักกระชับแห่งเดียวในเมืองไทย
@หมอชาวบ้านแนะการป้องกันภาวะตัวเย็นเกินไป
เว็บไซต์หมอชาวบ้าน WWW.doctor.or.th สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายถึง “ภาวะตัวเย็นเกิน” หรือไฮโปเธอร์เมีย (Hypothermia) นั้น เป็นภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิลดต่ำเกินไป ทำให้อวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะหัวใจ และสมองได้รับผลกระทบจนทำหน้าที่ผิดปกติ บางราย ที่มีอาการรุนแรงอาจจะถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ สำหรับสาเหตุมี 2 ปัจจัยคือ การสัมผัสกับความหนาวเย็น เช่น อยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหนาวหรือแช่อยู่ในน้ำเย็นจัดซึ่งมักเกิดขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุ และจากการที่ร่างกายสูญเสียกลไกการปรับอุณหภูมิ ทำให้ไม่สามารถสร้างและเก็บความร้อนในร่างกายได้ มักพบในผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปและในผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองหรืออัมพาต โรคสมองเสื่อม โรคพาร์กินสัน โรคเบาหวานที่มีภาวะประสาทเสื่อม ภาวะขาดไทรอยด์ ภาวะขาดอาการ ผู้ที่กินยานอนหลับ ยากล่อมประสาท รวมถึงผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
การปฐมพยาบาล ควรเริ่มจากการพาผู้ป่วยหลบอากาศที่หนาวเย็น หรือขึ้นจากน้ำเย็นโดยนำเข้าไปในห้องที่อบอุ่นและไม่มีลมเข้า ถ้าเสื้อผ้าเปียกน้ำควรปลดออก เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่แห้ง จากนั้นทำการอบอุ่นร่างกายโดยห่อหุ้มด้วยผ้านวม ผ้าห่ม หรือเสื้อผ้าหนา ถ้าอยู่กลางแจ้งควรใช้ผ้าหนาคลุมใบหน้าและศีรษะเพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อน หรือนอนกอดเพื่อถ่ายเทความร้อนให้ผู้ป่วย ต่อมาจับผู้ป่วยให้นอนนิ่งในท่านอนหงายบนพื้น ที่อบอุ่น โดยหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายที่ไม่จำเป็น ห้ามนวดหรือแตะต้องตัวผู้ป่วย ด้วยความรุนแรงเพราะอาจกระทบกระเทือน จนทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ ถ้าผู้ป่วยยังรู้สึกตัวควรให้ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มอุ่น ๆ ห้ามไม่ให้ผู้ป่วยดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสม ถ้าหยุดหายใจให้ช่วยเหลือด้วยวิธีการเป่าปาก จากนั้นรีบส่งให้ถึงมือแพทย์โดยเร็วที่สุด
ด้านการป้องกัน มีหลักควรปฏิบัติ ได้แก่ ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศหนาว ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้เพียงพอปกคลุมถึงหน้าและศีรษะ และใส่ถุงมือ-ถุงเท้า ควรดูแลกลุ่มเสี่ยงในช่วงที่อากาศหนาวเย็น เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวจัด นี่เป็นคำแนะนำเบื้องต้นป้องกันภาวะ “ไฮโปเธอร์เมีย (Hypothermia) หรือภัยฤดูหนาว” โดยเฉพาะผู้ที่มีร่างกายไม่สมบูรณ์ รวมถึงผู้ที่นิยมดื่มแอลกอฮอล์เพื่อคลายหนาว พึงต้องสำเหนียกไว้
อาการระยะแรกจะมีอาการสั่น พูดอ้อแอ้ เดินเซ งุ่มง่าม หงุดหงิด สับสน ความสามารถในการคิดและการตัดสินใจด้อยลง เมื่ออุณหภูมิร่างกายลดต่ำลงไปอีก ผู้ป่วยจะหยุดสั่น มีอาการเพ้อคลั่ง ไม่รู้ตัว อาจจะหมดสติและหยุดหายใจหรือเสียชีวิตได้ การวินิจฉัยเมื่อเกิดภาวะนี้เมื่อผู้ป่วยถูกส่งตัวถึงแพทย์แล้ว จะมีการวินิจฉัยจากประวัติการสัมผัสถูกความหนาวเย็น อาการที่ตรวจพบระยะแรกผิวหนังผู้ป่วยจะเย็นและซีด จากนั้นมีการหนาวสั่น หายใจเร็ว ชีพจรเต้นเร็ว ความดันเลือดสูง เมื่ออุณหภูมิร่างกายลดต่ำกว่า 32 องศาเซลเซียสผู้ป่วยจะไม่หนาวสั่น แต่จะหายใจช้าลง ชีพจรเต้นช้าลงหรือเต้นผิดจังหวะ ประกอบกับมี ความดันเลือดต่ำ ปากเขียว ตัวเขียว รูม่านตาโต 2 ข้าง หรือถึงขั้นหมดสติ หยุดหายใจ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “รร.ดิโอกุระจัดเต็มสปาญี่ปุ่น-ลอบสเตอร์ลอยฟ้า”
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ต้อนรับปีจอด้วยบริการในมกราคม-กุมภาพันธ์ 2561 ด้วย 2 แพกเกจพิเศษ “สปาและเมนูล็อบสเตอร์”
เริ่มจากสปาแพ็คเกจใหม่ “สมูตตี้ รีทรีท” (Smoothie Retreat Package) ที่ ดิ โอกุระ สปา ระหว่างวันนี้– 31 มีนาคม 2561 ชั้น 25 บริการตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 22.00 น. ใช้เวลาทั้งสิ้น 90 นาที ค่าบริการ 3,800++ บาท (ราคาทั้งหมดยังไม่รวมค่าบริการ 10% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ) ไฮไลต์จับคู่ขัดผิวกับนวดผ่อนคลาย พร้อมสีสันและความหอมหวานของสตรอว์เบอร์รี่ และกลิ่นหอมสดชื่นของดอกคามีเลีย
แพ็คเกจ “สมูตตี้ รีทรีท” เริ่มต้นด้วยการขัดทำความสะอาดผิวทั่วร่างกายด้วยเกลือขัดผิว “สตรอว์เบอร์รี่ สมูตตี้” (Strawberry Smoothie Foaming Salt Scrub) ที่มีลักษณะคล้ายโฟมกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่หอมหวาน เป็นเวลา 30 นาที เกลือขัดผิว “สตรอว์เบอร์รี่ สมูตตี้” นอกจากจะช่วยขจัดเซลผิวที่ตายแล้วออกและกระตุ้นการผลัดผิวอย่างอ่อนโยนแล้ว ยังอุดมไปด้วย วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระจากสตรอว์เบอร์รี่ ช่วยลบรอยแผลเป็นและรอยดำให้จางลง มีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ป้องกันการเสื่อมและหย่อนคล้อยของผิวได้เป็นอย่างดี
จากนั้นจึงนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยน้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นหอมสดชื่นของดอกคามีเลีย (Camellia) หรือ ดอกซึบากิ (Tsubaki) ในประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 60 นาที น้ำมันหอมระเหยกลิ่นดอกซึบากิ นอกจากจะมีกลิ่นหอม และซึมเข้าผิวหนังรวดเร็วแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามิน เอ บี ดี และ อี โอเมก้า 3 6 และ 9 ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังเหมาะกับช่วงต้นปีที่อากาศเย็นและผิวมักจะแห้งกว่าปกติ
แล้วช่วงค่ำชวนลิ้มลองเมนู “ล็อบสเตอร์” หลายรายการ ที่ห้องอาหารเอเลเมนท์ ชั้น 25 ดื่มด่ำกับดินเนอร์ทุกวันอังคาร-วันเสาร์ ระหว่างวันนี้- 28 กุมภาพันธ์ 2561 ราคาเริ่มต้น 490 บาท++
โดยเชฟ แอนโทนี ชอลท์ไมเยอร์ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ ได้คัดสรร ล็อบสเตอร์สดใหม่นำเข้าจากอเมริกาเหนือมาเป็นวัตถุดิบหลักในการรังสรรค์เมนูพิเศษปรุงอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน เมนูแนะนำ อาทิ ล็อบสเตอร์ทาร์ทาร์ เชฟได้นำล็อบสเตอร์สด ๆ มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
เสิร์ฟกับเมล็ดโซบะไอศครีมมันบดรมควัน และสาหร่ายอบกรอบ (Lobster Tartare, smoked potato ice cream, soba, fennel flowers, nori wafer) หรือจะเลือกทานเมนูล็อปสเตอร์ลวกเสิร์ฟพร้อมหอยเชลล์จากฮอกไกผัดให้สุกกำลังพอดี รับประทานกับฟองเต้าหู้ญี่ปุ่น หน่อไม้ฝรั่งขาว ราดด้วยซอสหน่อไม้ฝรั่งขาวรมควันและมะนาวเพื่อเพิ่มรสชาติ (Poach Lobster and Sautéed Hokkaido Scallop, grilled write asparagus sauce, lemon, yuba)
อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาด ล็อบสเตอร์ราดซอสมิโซะขาวย่าง เสิร์ฟคู่กับผักอบในเมอร์แรงเกลือ (Lobster Char Coal, whole grilled lobster, white miso, young vegetables baked in salt crust) นอกจากนั้นยังมีเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย
โทร. 02 687 9000 หรือ elements@okurabangkok.com และ spa@okurabangkok.com
ข่าวที่สอง “รร.อินเตอร์คอนฯโชว์อาหารมิชลินเสิร์ฟสไตล์บาร์”
โรงแรม เดอะ อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เตรียมมหกรรมอาหารต้อนรับเดือนมกราคม 2561 เป็นโรงแรมที่รับมิชลินสตาร์และบรรจุอยู่ใน มิชลิน ไกด์ บุ๊ค (กรุงเทพฯ) เริ่มจากห้องอาหาร “Axis & Spin Lounge” ชั้น 37 สไตล์บาร์ส่วนตัวเสิร์ฟค็อกเทลรสเลิศตั้งแต่ทุ่มตรงเป็นต้นไป
ส่วนอาหารระหว่างมื้อตลอดเดือนมกราคม นี้ ที่ห้อง “H20” ชั้น ชั้น 25, 33,35, 36 , 37 สามารถเลือกเป็นมื้อค่ำแบบส่วนตัวในบรรยากาศริมสระน้ำ ด้วยโปรโมชั่นจ่ายเพียงคนละ 4,999 บาท++ จากปกติ 6,999 บาท ++ “ห้องอาหารอิตาเลียนชั้นนำ Medinii” ชั้น 35 เสิร์ฟมื้อค่ำให้ผู้ที่ต้องการการันตีโต๊ะวิวริมหน้าต่างซึ่งเปิดตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน ในราคาเพียงมื้อละ 1,499 บาท++ พร้อมทั้งมีบุฟเฟต์มื้อกลางวัน จันทร์-ศุกร์ ด้วยโปรโมชั่นคนละ 699 บาท++ (ราคาเต็ม 799 บาท++ ) และวีคเอนด์บรั๊นช์ เสาร์-อาทิตย์ คนละ
ข่าวที่สาม “คาเฟ่แคนทารีชูเมนูคาวหวานเสิร์ฟทุกเมืองท่องเที่ยว”
คาเฟ่ แคนทารี ทุกสาขา ชวนร่วมดื่มด่ำกับอรรถรสของเมนูพิเศษ “ดับเบิล ช็อกโกแลต เอสเปรสโซ เฟรปเป้” วันนี้– 28 กุมภาพันธ์ 2561 สัมผัสความกลมกล่อมหอมหวาน ของช็อกโกแลตปั่นสูตรพิเศษ ในราคาเพียง 130 บาทเท่านั้นรังสรรค์โดยบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญ ผสมกาแฟเอสเปรสโซเข้มข้น เติมความกรุบกรอบด้วยช็อตโกแลตชิพ ท็อปปิ้งด้วยเอสเปรสโซ วิปครีมเนียนนุ่ม โรยด้วยเกล็ดดาร์กช็อกโกแลต สัมผัสความอร่อยนี้ได้อย่างไม่หยุดยั้ง
ส่วนของหวานก็มี “สติ๊กกี้เดท พุดดิ้ง” ที่คาเฟ่ แคนทารี ทุกสาขา วันนี้ – 31 มกราคม 2561 ลิ้มรสพุดดิ้งเนื้อนุ่ม หอมหวานอินทผาลัม ฉ่ำซอสคาราเมลเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลา บนครัมเบิ้ลกรุบกรอบ อร่อยได้ในราคาเพียง 165 บาท ที่ คาเฟ่ แคนทารี 11 แห่ง คือ เชียงใหม่, กาดฝรั่ง, ระยอง, ศรีราชา, ปราจีนบุรี, บางแสน,เกาะยาวน้อย, ภูเก็ต, อยุธยา, สระบุรี และ ป๊อปอัพ คอร์เนอร์ แคนทารี โคราช
พอร์คช็อปแกงเขียวหวาน
คาเฟ่ แคนทารี บางแสน จ.ชลบุรี, กาดฝรั่ง จ.เชียงใหม่, ปราจีนบุรี และระยอง ขอแนะนำเมนูสุดพิเศษประจำเดือนมกราคม “พอร์คช็อปแกงเขียวหวาน” โดยเชฟระดับมืออาชีพ ในราคาเพียง 195 บาท ครบเครื่องเรื่องความอร่อย หอมกรุ่นเครื่องแกงแบบไทยๆ ผสมผสานกับรสชาติกลมกล่อมของสเต็กหมู นุ่ม ละมุนลิ้น
สอบถามที่ call centre: 1627 หรือเ www.cafekantary.com
รุกเจาะเวียดนาม-อาเซียนชูขายOpen to The NewShade
คิงเพาเวอร์โชว์ออลสโตร์ขายสินค้าไทยแนวใหม่ทุกสาขา
ททท.แพร่-น่านจัดโปรเก๋ไก๋นุ่งซิ่นจิบชาแฮ็ชแท็กถึงกพ.นี้
บางจากชวนเติมน้ำมันรับแต้ม2-4เท่าแลกสิทธิ์ตลอดปี
ตามรอยผักกะชับบ้านทะเลน้อยของอร่อยทั่วระยอง(ฮิ)
หมอชาวบ้านรณรงค์คนไทยช่วยป้องกันโรคตัวเย็นเกิน
โรงแรมดิโอกุระจัดเต็มสปาญี่ปุ่น-ชิมล็อบสเตอร์ลอยฟ้า
อินเตอร์คอนกรุงเทพฯเสิร์ฟเมนูอาหารมิชลินสไตล์บาร์
คาเฟ่แคนทารีชูเมนูคาวหวานเสิร์ฟทุกเมืองท่องเที่ยว
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza
ช่วงที่ 1 ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดใจถึงการชูธงนำทัพท่องเที่ยวรุกตั้งแต่ต้นปในการบุกเข้าสู่อาเซียนใหม่เต็มรูปแบบซึ่งเป็นกำลังหลักมาเที่ยวไทยปีละเกือบ 10 ล้านคน เริ่มจาก “เวียดนาม” ขยายพื้นที่สำนักงานใหม่ และจับมือกับเวียดเจ็ตแอร์ไลน์ ดึงตลาดครอบครัว นักช้อปปิ้ง คนรักสุขภาพ เข้ามาใช้เงิน แล้วจะชวนมาชมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 มางานเดียวเที่ยวครบทั้งประเทศ แล้วยังปิ๊งจัด “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ สงกรานต์” ในเมืองรองหลังจากประสบความสำเร็จจากการจัด อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เคาน์ดาวน์ 4 เมืองรอง 1 เมืองหลัก เพื่อระดมนักท่องเที่ยวหลั่งไหลสู่ 55 เมืองรองตลอดทั้งปีให้ได้ 13 ล้านคน กระจาย “รายได้” จากการเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาทสู่ชุมชนทั่วไทย ทำให้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวยั่งยืนสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าช่วงต้นปี 2561 เตรียมรุกตลาดอาเซียน โดยการขยายพื้นที่สำนักงานในโฮจิมินห์ เวียดนาม รองรับการเติบโตในอนาคตในฐานะ 1 ในกลุ่มประเทศดาวรุ่งอาเซียนใหม่แถบ CLMV -กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ซึ่งแต่ละปีอาเซียนทั้งหมดเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทย 8-9 ล้านคน
การขยายพื้นที่สำนักงาน ททท.โฮจิมินห์ ครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณถึงไทยให้ความสำคัญอย่างมีนัยสำคัญตลาดเวียดนามปี 2561 รวมทั้งการผนึกความร่วมมือกับสายการบินเวียดเจ็ตแอร์ไลน์ ต่อเนื่องถึงการมอบหมายให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องรุกเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพมุ่งไปยังนักท่องเที่ยวครอบครัว ช้อปปิ้ง และสุขภาพ ททท.จะทำเป็นโปรดักซ์แชมเปี้ยน ขานรับกับแคมเปญ Open to the New Shades และ AEC Connectivity ผสมผสานกันไปอย่างเต็มที่
ขณะที่สถานการณ์ "ตลาดนักท่องเที่ยวเวียดนาม" เข้าประเทศไทย ในปี 2560 ( ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2560) เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตทางรายได้รวม 27,536.25 ล้านบาท สูงกว่าปี 2559 ทำรายได้ ไว้ 23,874.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.34 % โดยนักท่องเที่ยว 867,712 คน เพิ่มขึ้น 12.50 % จากปี 2559 มีจำนวน 771,285 คน
ปี 2560 เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์ของนักท่องเที่ยวในประเทศกลุ่มอาเซียนใหม่ CLMV จะพบว่า "เวียดนาม" ทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 2 มีความโดดเด่นเป็นตลาดดาวรุ่งมาแรงอย่างชัดเจน
ส่วนอันดับ 1 คือ "สปป.ลาว" ทำสถิติใช้จ่ายเงินเที่ยวเมืองไทยสูงถึง 37,120.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.12% จากปี 2559 ทำได้ 32,815.09 ล้านบาท โดยปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 1,458,640 คน เพิ่มขึ้น 16.12 % จากปี 2559 มีเพียง 1,256,173 คน
อันดับ 3 "กัมพูชา" นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทย 23,690.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.22 % ปี 2559 ทำได้เพียง 19,226.68 ล้านบาท โดยปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 764,699 คน เพิ่มขึ้น 25.47 % จากปี 2559 มีเพียง 609,461 คน
อันดับ 4 "เมียนมา" นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทย 14,014.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.52 % ปี 2559 มีเพียง 12,680.26 ล้านบาท โดยปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 328,405 คน เพิ่มขึ้น 6.50 % ปี 2559 มีเพียง 308,354 คน
เมื่อรวมยอดรายได้จากตลาดอาเซียนใหม่ CLMV ทั้ง 4 ประเทศ ปี 2560 เข้ามาใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวในไทยยอดรวมสูงถึง 102,361.74 ล้านบาท แตกต่างจากปี 2559 ทำไว้เพียง 88,596.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,765.54 ล้านบาท
ททท.ยังคงให้น้ำหนักกับโปรดักซ์ท่องเที่ยวหมวดอาหารถิ่นในเมนูแตกย่อย ขยายให้สอดคล้องกับความต้องการของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวอาเซียนใหม่
รวมทั้งในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 ระหว่าง 17-21 มกราคม 2561 ณ สวนลุมพินี จะเชิญชวนต่างชาติเข้ามาด้วย สถิติปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมกว่า 1 แสนคน โดยให้ ททท.แต่ละสำนักงานต่างประเทศมางานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย มางานเดียวได้สัมผัสทุกเมืองครบถ้วนทั้งประเทศ
สำหรับความเก๋ไก๋ของเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ปี 2561 ไฮไลต์ความโดดเด่นจะแตกต่างจากปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากรวบรวมของดีของเด่น วัฒนธรรม ประเพณี สินค้า แหล่งท่องเที่ยว ปีนี้สภาพอากาศเย็นจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนได้มากขึ้น และการปรับเวลาการเปลี่ยนให้เร็วขึ้นในแต่ละวันจะเปิดก่อนเที่ยงวัน ต่างจากปีก่อนจะเปิดช่วง 16.00 น.ขึ้นไป
ขณะเดียวกันก็จะใช้งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งนี้ ปูพรมขาย 55 เมืองท่องเที่ยวรองเพื่อนำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนภาษี ทั้งค่าที่พัก โฮมสเตย์ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติที่พัก บวกกับการกระตุ้นด้วยการแจกโชค แจกคูปอง จับมือกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การร่วมมือกับบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวในประเทศ สายการบิน ยังไม่รวมการจัดกิจกรรมอาหารถิ่น ยกระดับวัฒนธรรมประเพณีขึ้นมาให้มากที่สุด
เป้าหมายต้องการเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้าสู่ 55 เมืองรองตามนโยบายรัฐบาลขยับจากปัจจุบันมีสัดส่วนนักท่องเที่ยว 30 % เป็น 35 % ททท.จะต้องเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้าสู่เมืองรองทั้งหมดอีก 5 % หรือคิดเป็นตัวเลขรวมประมาณไม่ต่ำกว่า 13 ล้านคน
ส่วนความถี่ในการโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวแต่ละเมืองรอง เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวเดือนละ 1 ล้านคน ททท.จะต้องกระตุ้นด้วยการช่วงชิงกลุ่มใหม่ที่เดิมไปเที่ยวต่างประเทศ นั่นคือ 1.เพิ่มกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ ๆ 2.จัดกิจกรรมเพิ่มความถี่การเดินทาง นำปฏิทินประจำปีมาวางผังอย่างชัดเจน เช่น คิดจะจัดอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ สงกรานต์ หลังประสบความสำเร็จจาการจัดงาน อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เคาน์ดาวน์ 2017 ใน 4 เมืองรอง 1 เมืองหลัก ระยอง-ลำปาง-สกลนคร-กาญจนบุรี และภูเก็ต จึงน่าจะเป็นต้นแบบนำโมเดลมาใช้ขยายผลกับงานที่ได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศอย่างสงกรานต์ได้
นายยุทธศักดิ์กล่าวว่าปี 2560 ททท.ประสบความสำเร็จนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทยได้ถึง 35 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 33 ล้านคน ส่วนนักท่องเที่ยวในประเทศอาจจะน้อยกว่าเป้าซึ่งตั้งไว้ 154 ล้านคนครั้ง สถิติล่าสุดทำได้ราว 153 ล้านคนครั้ง แต่สิ่งสำคัญคือ “รายได้ท่องเที่ยวในประเทศ” เข้าเป้า 9 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญและไม่ต้องกังวลถึงจำนวนคนเดินทางมาก เพราะรายได้รวมคือ 2.77 ล้านล้านบาท สูงกว่าปี 2559 ทำไว้ 2.5 ล้านล้านบาท
ส่วนสัญญาณบวกปี 2561 ทั้งในประเทศและเศรษฐกิจโลกนั้น ททท.จะพยายามรักษาโมเมนตั้มการเพิ่มรายได้ไว้ พร้อมทั้งจะให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษเรื่อง “กระจายรายได้” และ “ลดความเหลื่อมล้ำในชุมชนท่องเที่ยว” และให้การท่องเที่ยวมีส่วนหลักในการสร้างรายได้แก่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
พร้อมทั้งขอฝากคนไทยไว้ตั้งแต่ต้นปีนี้ ถึงเรื่องการหันมาเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทย มองเห็นถึงประเทศเราเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลก เช่นเดียวกับที่ต่างประเทศทั่วโลกเห็น แล้วก็หันมาใช้เงินท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อความสุขและความอยู่ดีกินดีของคนไทยด้วยกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์เปิดออลสโตร์ขายสินค้าไทยแนวใหม่”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำร้านค้าดิวตี้ฟรีของเมืองไทย รายงานว่า ได้เปิดสโตร์สินค้าแบรนด์ไทยในร้านคิง เพาเวอร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ต้อนรับปีใหม่ตลอดมกราคม 2561 เพื่อให้ได้ช้อปกันอย่างจุใจไปกับ All KING POWER STORES เพื่อซื้อเป็นของขวัญมอบให้คนที่รักสามารถนำไปใช้ได้ทุกทริป เป็นสินค้าที่คิง เพาเวอร์ คัดสรรและออกแบบมาจากความเข้าใจของนักเดินทาง ช่วยให้แพ็คกระเป๋าได้ง่าย สนุก มากยิ่งขึ้น
ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ กระเป๋าผ้าแบบเป้สะพาย ซองใส่อุปกรณ์พกพา ใส่เครื่องสำอาง การ์ด ตั๋วเดินทาง และของใช้เล็ก ๆ น้อย หลากหลายชนิด ด้วยสีสันสวยงามตามเอกลักษณ์ไทย หาซื้อได้ที่โซน Jouney Flagship Store ในร้านคิง เพาเวอร์ รางน้ำ ชั้น 3 และคิง เพาเวอร์ ทุกสาขา
ส่วนผลิตภัณฑ์ขนมไฮไลต์ในเดือนมกราคมนี้ คือ “ช็อกโกแลตรูปช้าง” แบรนด์ คิง เพาเวอร์ เรซิพี ได้นำช้างซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านเมืองของไทยมาดีไซน์เป็นช็อกโกแลต แต่งด้วยลวดลายประณีต ทุกกล่องจะมีรูปช้าง ซึ่งสามารถนำมาต่อกันเป็นภาพพาโนรามา แสดงถึงความสนุกสนานของการเดินทางบนหลังช้างท่องเที่ยววิถีไทย รวมทั้งมีโปสการ์ดลวดลายน่ารักให้เก็บสะสมรวมอยู่ในแพกเกจ เพื่อให้นักท่องเที่ยวนานาชาติที่เข้ามาช้อปนำไปร้อยเรียงบันทึการเดินทางที่น่าจดจำตลอดการท่องเที่ยวในเมืองไทย
ข่าวที่ 2 “ททท.แพร่-น่าน”จัดโปรชีลนุ่งซิ่นจิบชาถึงกพ.61”
นางสาวเอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ (ดูแลพื้นที่แพร่และน่าน) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับจัดทำบัตรโปรโมชั่นพิเศษต้อนรับการท่องเที่ยวปี 2561 มอบลดช็อป ชิม ชิล ระหว่างวันนี้ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 โดยได้ร่วมกับชุมชนเจ้าของแหล่งท่องเที่ยว ผู้ประกอบการที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านของที่ระลึกและสินค้าโอท็อปจังหวัดแพร่กว่า 50 ร้านค้า ตั้งเป้าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวตลอดไตรมาสแรกปีนี้ กระจายรายได้สู่ชุมชนทั้งจังหวัดต้อนรับฤดูท่องเที่ยว
ส่วนจังหวัดน่านได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิง ด้วยแคมเปญ "นุ่งซิ่น..จิบชา @ น่าน" ระหว่างวันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2561 โดยร่วมกับโรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา หอการค้าจังหวัดน่าน YEC น่าน และ อพท.น่าน จัดกิจกรรมเชิญชวนนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงมาสัมผัสบรรยากาศเมืองน่าน ย้อนไปใน พ.ศ.2458 ตั้งแต่ยุคแรกที่มีมิชชันนารีเข้ามาในพื้นที่ บริเวณตึกรังษีเกษม โดยจัดชุดน้ำชา พร้อมขนมไทยบริการชุดละ 60 บาท
พร้อมทั้งเปิดให้นักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมแชะแชร์ภาพนุ่งซิ่นจิบชาผ่านทางอินสตาแกรม ติดแฮชแท็ก #TATPHRAE #นุ่งซิ่นจิบชา #ผู้หญิงเที่ยวน่าน ผู้ที่มียอดไลค์สูงสุดในแต่ละเดือนรับของที่ระลึกเมืองน่านได้จาก ททท.สำนักงานแพร่ จนกว่าจะจบงาน
ข่าวที่ 3 “บางจากชวนเติมน้ำมันรับแต้มสะสม2-4เท่า”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดเต็มฉลองเทศกาลปีใหม่ รับคะแนนรัวๆ แทนคำขอบคุณจากใจ ด้วยการเติมน้ำมันบางจากแล้วรับคะแนนคูณ 2-4 ไปได้เลย วันนี้- 15 ม.ค. 2561 เติมน้ำมันบางจาก E20 S / 91 S / 95 S รับคะแนนสะสมคูณ 2 (มูลค่าลดสูงสุด 40 สต./ลิตร) วันนี้ - 31 มี.ค. 2561 เมื่อเติมน้ำมันบางจาก E85 S รับคะแนนสะสมคูณ 4 (มูลค่าลดสูงสุด 80 สต./ลิตร) วันนี้ - 31 ธ.ค. 2561 เติมน้ำมันบางจาก ไฮดีเซล S รับคะแนนสะสมคูณ 2 (มูลค่าลดสูงสุด 10 สต./ลิตร)
ด้วยกติกาง่าย ๆ ดังนี้
1.สมาชิกบัตรบางจากแก๊สโซฮอล์คลับ ปกติรับคะแนนสะสมทุก 1 ลิตร ได้รับ 1 คะแนน พิเศษ..เติม E85 S รับคะแนนสะสมทุก 1 ลิตร ได้รับ 4 คะแนน ตัวอย่าง เติมน้ำมัน 30 ลิตร คะแนนสะสมที่ได้เท่ากับ 30 คูณ 4 ดังนั้นคะแนนที่ได้รับในการเติมครั้งนี้เท่ากับ 120 คะแนน
2.สมาชิกบัตรบางจากแก๊สโซฮอล์คลับ ปกติรับคะแนนสะสมทุก 1 ลิตร ได้รับ 1 คะแนน พิเศษ..เติม E20 S / 91 S / 95 S รับคะแนนสะสมทุก 1 ลิตร ได้รับ 2 คะแนน ตัวอย่าง เติมน้ำมัน 30 ลิตร คะแนนสะสมที่ได้เท่ากับ 30 คูณ 2ดังนั้นคะแนนที่ได้รับในการเติมครั้งนี้เท่ากับ 60 คะแนน
3.สมาชิกบัตรบางจากดีเซลคลับ ปกติรับคะแนนสะสมทุก 4 ลิตร ได้รับ 1 คะแนน พิเศษ..เติม ไฮดีเซล S รับคะแนนสะสมทุก 2 ลิตร ได้รับ 1 คะแนน
การคิดคะแนนสะสมเมื่อเติมไฮดีเซลs : จำนวนการเติมน้ำมัน หาร 4(ผลลัพท์ที่ได้เศษปัดทิ้ง) คูณ 2
ตัวอย่าง เติมน้ำมัน 31 ลิตร คะแนนสะสมที่ได้เท่ากับ (31 หาร 4) คูณ 2 คะแนนที่ได้รับ 14 คะแนน
4.บัตรบางจากแก๊สโซฮอล์คลับ สามารถสะสมคะแนนจากการเติมน้ำมันสูงสุดไม่เกิน 100 ลิตร/ครั้ง และไม่เกิน 400 คะแนน
ช่วงที่ 2 ต้อนรับปีใหม่กับการออกไปตามรอย “ผักกระชับ” เที่ยวเมืองระยอง (ฮิ) ในเส้นทางตลุยกินอาหารถิ่นบ้านทะเลน้อย แล้วไปสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าตากสร้างไว้ แล้วไปตะลอนชิม 10เมนูอาหารชุมชนโดยเชฟชุมพล ส่วน “อาการตัวเย็นเกิน” เป็นโรคหนึ่งที่ต้องป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ จากนั้นไปฟังโรงแรมระดับ 3-5 ดาว แข่งกันจัดเมนูมื้อพิเศษรับปีจอตลอดมกราคมนี้ ชิมล็อบสเตอร์ลอยฟ้า สปาสมุนไพรญี่ปุ่น แวะคาเฟ่ แคนทารี ทั่วไทยมีทั้งอาหารหวานคาวพร้อมเสิร์ฟทุกที่ ทุกเวลา
@ออกเที่ยวตลุยชิมของอร่อยทั่วเมืองรองระยอง(ฮิ)
เพื่อเป็นการต้อนรับปีแห่งการท่องเที่ยววิถีไทยเก๋ไก๋ อย่างยั่งยืน ในเมืองท่องเที่ยวรอง “ระยอง” กำลังเป็นดาวรุ่งมาแรงด้วยสีสันเมืองชายทะเลตะวันออกอ่าวไทยมีเกาะน้อยใหญ่ขึ้นชื่อทั้ง เกาะช้าง เกาะเสม็ด เกาะเกร็ด และรากวัฒนธรรมอาหารการกินภูมิปัญญาพื้นบ้าน วัฒนธรรมท้องถิ่นเข้มแข็ง และรัฐบาลกำลังขยายการรองรับแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
“ระยอง” วันนี้มีแฟนพันธุ์แท้ต่างมุ่งหน้าเข้าไปค้นหา “แหล่งกินอาหารอร่อย” กันอย่างคับคั่ง แกะรอยเส้นทาง “ผักกระชับ” เมนูเด็ดดังที่มีจุดกำเนิดอยู่ที่ “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง เป็นชุมชนเล็ก ๆ มีวิถีชีวิตพอเพียงเลี้ยงชีพอยู่ด้วยการพึ่งตาตนเองใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
ขณะนี้อาหารถิ่นเมนูผักกระชับของชุมชนบ้านทะเลน้อย กลายเป็นดาวดวงใหม่ในวงการท่องเที่ยว ที่ชาวบ้านนำมาปรุงเป็น แกงส้ม และผักกระชับทอดกรอบ อร่อยเทียบชั้นเทมปุระ ชาวบ้านได้รังสรรค์การทำเมนูอื่น ๆ เพิ่มอยู่ตลอดเวลา
สำหรับผักกระชับที่ปลูกในชุมชนบ้านทะเลน้อย ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมง โดยรอบพื้นที่มีต้นไม้ถิ่นออกลูกผลเพียงปีละครั้งเท่านั้น มีลักษณะขนแข็งแหลมคม เมื่อนำเมล็ดมาแช่น้ำใบไว้จะแตกยอดใบออกมาตามภูมิปัญญาดั้งเดิมหมอชาวบ้านบอกว่าสามารถนำมารักษาผู้ป่วยโรคกระดูกได้ จากนั้นก็ได้ขยายพันธุ์การปลูกสืบต่อกันมา แล้วนำมาทำเป็นอาหารด้วย เช่น แกงส้ม ผัดน้ำมัน ลวกต้มกินกับน้ำพริก กินอาหารเป็นยาไปในตัว
เมื่อไปถึง “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” จะมีสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนแบบสงบ ๆ ตามวิถีชาวบ้าน คือ “วัดราชบัลลังก์” มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เคยเสด็จผ่านมาในพื้นที่ก่อนจะเดินทัพรวมไพร่พลไปกอบกู้เมือง อีกทั้งได้สร้างพระพุทธรูปสำคัญไว้ในโบสถ์เก่าแก่ที่วัดราชบัลลังก์ด้วย ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวนิยมไปสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
บริเวณใกล้เคียงชุมชนสามารถแวะไปชมวิว “ป่าชายเลนแม่น้ำประแส” เพื่อชมวิถีการทำประมงพื้นบ้าน ช่วยกันอุดหนุนของทะเลสด ๆ ได้ด้วย
สำหรับเส้นทางสายกินทั่วเมืองรองมี 10 เมนูอาหารอร่อยที่ระยอง โดย เชฟชุมพล ตามโครงการของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนไปชิมกัน
เมนูแรก “ผัดผักกระชับไฟแดงปลากุเลาปากน้ำประแส” ความอร่อยอยู่ตรงผักกระชับที่ได้อารมณ์ร่วมเมื่อเติมปลากุเลาปากน้ำประแสเข้าไปฟีเจอริ่งเข้าด้วยกัน
เมนูที่ 2 “แกงคั่วปูใบชะมวง” แกงกะทิหอมกลิ่นพริกแกงคั่วคลุกเคล้าใบชะมวง
เมนูที่ 3 “หลนกะปิกุ้งเคย” รสกลมกล่อมเข้มข้นด้วย ความหอมมันของกะทิ เต้าเจี้ยว ข้าวหมาก กุ้งลายเสือ
เมนูที่ 4 “ผัดขี้เมาไก่บ้านใส่หน่อกระทือ” รสเผ็ดซี้ดซ้าด นำไก่บ้านมาผักกับแขนงสับปะรดและหน่อกระทือทอดกรอบ เป็นวัตถุดิบหายากมีแห่งเดียวในระยองเท่านั้น
เมนูที่ 5 “ต้มกะทิปลาแดดเดียวใส่ผักกูด” นำปลา 3 น้ำ ทั้ง น้ำเค็ม น้ำจืด น้ำกร่อย ผสมอย่างลงตัวเป็นปลาแดดเดียวแล้วต้มกับกระทิหวานมันใส่ผักกูดเนื้อกรุบ ๆ ลงไป
เมนูที่ 6 “ต้มส้มปลากะพง (ระกำ)” ใช้เนื้อปลากะพงสดนำระกำผลไม้ถิ่นรสเปรี้ยวใส่ลงน้ำซุปคล้ายต้มส้ม อร่อยเกินบรรยาย
เมนูที่ 7 “ปลาหมึกแดดเดียวผักพริกเกลือ” นำปลาหมึกล้วน ๆมาผักกับพริกสีจัดจ้าน รสชาติร้อนแรง เมื่อตักเข้าปากรสชาติจี๊ดซี้ดกันเป็นแถว
เมนูที่ 8 “เส้นแกลงผัดทะเล” นำเส้นเหนียวหนึบมาผัดกับวัตถุดิบทะเลทั้ง กุ้ง หอย หมึก ปู ปลา แบบไม่ให้เส้นขาด เพียงแค่ชิมคำเดียวก็ฟินเหมือนได้อยู่ในทะเลระยองเลยทีเดียว
เมนูที่ 9 “ทะเลผัดพริกขี้หนูสวน” ได้รวมวัตถุดิบทั้งทะเลมารวมไว้ในจานเดียว มีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา หมึก ปรุงรสสไตล์แซบสุดโรยด้วยกระเทียมเจียว อร่อยพอดี ๆ
เมนูที่ 10 “พุดดิ้งทุเรียน ซอสมังคุด” เป็นของหวานทำจากทุเรียนสดเนื้อเนียนเด้งดึ๋ง เสิร์ฟคู่กับซอสมังคุด อร่อยจนต้องชวนกันไปลองชิมให้ได้
แล้วไปพบกับที่เมืองท่องเที่ยวรอง “ระยอง(ฮิ)” กันได้ตลอดปีจอ 2561 กับเส้นทางห้ามพลาดแหล่งแวะชิมอาหารถิ่นเมนูอร่อย ๆ ดินแดนผักกระชับแห่งเดียวในเมืองไทย
@หมอชาวบ้านแนะการป้องกันภาวะตัวเย็นเกินไป
เว็บไซต์หมอชาวบ้าน WWW.doctor.or.th สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายถึง “ภาวะตัวเย็นเกิน” หรือไฮโปเธอร์เมีย (Hypothermia) นั้น เป็นภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิลดต่ำเกินไป ทำให้อวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะหัวใจ และสมองได้รับผลกระทบจนทำหน้าที่ผิดปกติ บางราย ที่มีอาการรุนแรงอาจจะถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ สำหรับสาเหตุมี 2 ปัจจัยคือ การสัมผัสกับความหนาวเย็น เช่น อยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหนาวหรือแช่อยู่ในน้ำเย็นจัดซึ่งมักเกิดขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุ และจากการที่ร่างกายสูญเสียกลไกการปรับอุณหภูมิ ทำให้ไม่สามารถสร้างและเก็บความร้อนในร่างกายได้ มักพบในผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปและในผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองหรืออัมพาต โรคสมองเสื่อม โรคพาร์กินสัน โรคเบาหวานที่มีภาวะประสาทเสื่อม ภาวะขาดไทรอยด์ ภาวะขาดอาการ ผู้ที่กินยานอนหลับ ยากล่อมประสาท รวมถึงผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
การปฐมพยาบาล ควรเริ่มจากการพาผู้ป่วยหลบอากาศที่หนาวเย็น หรือขึ้นจากน้ำเย็นโดยนำเข้าไปในห้องที่อบอุ่นและไม่มีลมเข้า ถ้าเสื้อผ้าเปียกน้ำควรปลดออก เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่แห้ง จากนั้นทำการอบอุ่นร่างกายโดยห่อหุ้มด้วยผ้านวม ผ้าห่ม หรือเสื้อผ้าหนา ถ้าอยู่กลางแจ้งควรใช้ผ้าหนาคลุมใบหน้าและศีรษะเพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อน หรือนอนกอดเพื่อถ่ายเทความร้อนให้ผู้ป่วย ต่อมาจับผู้ป่วยให้นอนนิ่งในท่านอนหงายบนพื้น ที่อบอุ่น โดยหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายที่ไม่จำเป็น ห้ามนวดหรือแตะต้องตัวผู้ป่วย ด้วยความรุนแรงเพราะอาจกระทบกระเทือน จนทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ ถ้าผู้ป่วยยังรู้สึกตัวควรให้ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มอุ่น ๆ ห้ามไม่ให้ผู้ป่วยดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสม ถ้าหยุดหายใจให้ช่วยเหลือด้วยวิธีการเป่าปาก จากนั้นรีบส่งให้ถึงมือแพทย์โดยเร็วที่สุด
ด้านการป้องกัน มีหลักควรปฏิบัติ ได้แก่ ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศหนาว ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้เพียงพอปกคลุมถึงหน้าและศีรษะ และใส่ถุงมือ-ถุงเท้า ควรดูแลกลุ่มเสี่ยงในช่วงที่อากาศหนาวเย็น เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวจัด นี่เป็นคำแนะนำเบื้องต้นป้องกันภาวะ “ไฮโปเธอร์เมีย (Hypothermia) หรือภัยฤดูหนาว” โดยเฉพาะผู้ที่มีร่างกายไม่สมบูรณ์ รวมถึงผู้ที่นิยมดื่มแอลกอฮอล์เพื่อคลายหนาว พึงต้องสำเหนียกไว้
อาการระยะแรกจะมีอาการสั่น พูดอ้อแอ้ เดินเซ งุ่มง่าม หงุดหงิด สับสน ความสามารถในการคิดและการตัดสินใจด้อยลง เมื่ออุณหภูมิร่างกายลดต่ำลงไปอีก ผู้ป่วยจะหยุดสั่น มีอาการเพ้อคลั่ง ไม่รู้ตัว อาจจะหมดสติและหยุดหายใจหรือเสียชีวิตได้ การวินิจฉัยเมื่อเกิดภาวะนี้เมื่อผู้ป่วยถูกส่งตัวถึงแพทย์แล้ว จะมีการวินิจฉัยจากประวัติการสัมผัสถูกความหนาวเย็น อาการที่ตรวจพบระยะแรกผิวหนังผู้ป่วยจะเย็นและซีด จากนั้นมีการหนาวสั่น หายใจเร็ว ชีพจรเต้นเร็ว ความดันเลือดสูง เมื่ออุณหภูมิร่างกายลดต่ำกว่า 32 องศาเซลเซียสผู้ป่วยจะไม่หนาวสั่น แต่จะหายใจช้าลง ชีพจรเต้นช้าลงหรือเต้นผิดจังหวะ ประกอบกับมี ความดันเลือดต่ำ ปากเขียว ตัวเขียว รูม่านตาโต 2 ข้าง หรือถึงขั้นหมดสติ หยุดหายใจ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “รร.ดิโอกุระจัดเต็มสปาญี่ปุ่น-ลอบสเตอร์ลอยฟ้า”
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ต้อนรับปีจอด้วยบริการในมกราคม-กุมภาพันธ์ 2561 ด้วย 2 แพกเกจพิเศษ “สปาและเมนูล็อบสเตอร์”
เริ่มจากสปาแพ็คเกจใหม่ “สมูตตี้ รีทรีท” (Smoothie Retreat Package) ที่ ดิ โอกุระ สปา ระหว่างวันนี้– 31 มีนาคม 2561 ชั้น 25 บริการตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 22.00 น. ใช้เวลาทั้งสิ้น 90 นาที ค่าบริการ 3,800++ บาท (ราคาทั้งหมดยังไม่รวมค่าบริการ 10% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ) ไฮไลต์จับคู่ขัดผิวกับนวดผ่อนคลาย พร้อมสีสันและความหอมหวานของสตรอว์เบอร์รี่ และกลิ่นหอมสดชื่นของดอกคามีเลีย
แพ็คเกจ “สมูตตี้ รีทรีท” เริ่มต้นด้วยการขัดทำความสะอาดผิวทั่วร่างกายด้วยเกลือขัดผิว “สตรอว์เบอร์รี่ สมูตตี้” (Strawberry Smoothie Foaming Salt Scrub) ที่มีลักษณะคล้ายโฟมกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่หอมหวาน เป็นเวลา 30 นาที เกลือขัดผิว “สตรอว์เบอร์รี่ สมูตตี้” นอกจากจะช่วยขจัดเซลผิวที่ตายแล้วออกและกระตุ้นการผลัดผิวอย่างอ่อนโยนแล้ว ยังอุดมไปด้วย วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระจากสตรอว์เบอร์รี่ ช่วยลบรอยแผลเป็นและรอยดำให้จางลง มีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ป้องกันการเสื่อมและหย่อนคล้อยของผิวได้เป็นอย่างดี
จากนั้นจึงนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยน้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นหอมสดชื่นของดอกคามีเลีย (Camellia) หรือ ดอกซึบากิ (Tsubaki) ในประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 60 นาที น้ำมันหอมระเหยกลิ่นดอกซึบากิ นอกจากจะมีกลิ่นหอม และซึมเข้าผิวหนังรวดเร็วแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามิน เอ บี ดี และ อี โอเมก้า 3 6 และ 9 ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังเหมาะกับช่วงต้นปีที่อากาศเย็นและผิวมักจะแห้งกว่าปกติ
แล้วช่วงค่ำชวนลิ้มลองเมนู “ล็อบสเตอร์” หลายรายการ ที่ห้องอาหารเอเลเมนท์ ชั้น 25 ดื่มด่ำกับดินเนอร์ทุกวันอังคาร-วันเสาร์ ระหว่างวันนี้- 28 กุมภาพันธ์ 2561 ราคาเริ่มต้น 490 บาท++
โดยเชฟ แอนโทนี ชอลท์ไมเยอร์ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ ได้คัดสรร ล็อบสเตอร์สดใหม่นำเข้าจากอเมริกาเหนือมาเป็นวัตถุดิบหลักในการรังสรรค์เมนูพิเศษปรุงอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน เมนูแนะนำ อาทิ ล็อบสเตอร์ทาร์ทาร์ เชฟได้นำล็อบสเตอร์สด ๆ มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาด ล็อบสเตอร์ราดซอสมิโซะขาวย่าง เสิร์ฟคู่กับผักอบในเมอร์แรงเกลือ (Lobster Char Coal, whole grilled lobster, white miso, young vegetables baked in salt crust) นอกจากนั้นยังมีเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย
โทร. 02 687 9000 หรือ elements@okurabangkok.com และ spa@okurabangkok.com
ข่าวที่สอง “รร.อินเตอร์คอนฯโชว์อาหารมิชลินเสิร์ฟสไตล์บาร์”
โรงแรม เดอะ อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เตรียมมหกรรมอาหารต้อนรับเดือนมกราคม 2561 เป็นโรงแรมที่รับมิชลินสตาร์และบรรจุอยู่ใน มิชลิน ไกด์ บุ๊ค (กรุงเทพฯ) เริ่มจากห้องอาหาร “Axis & Spin Lounge” ชั้น 37 สไตล์บาร์ส่วนตัวเสิร์ฟค็อกเทลรสเลิศตั้งแต่ทุ่มตรงเป็นต้นไป
ส่วนอาหารระหว่างมื้อตลอดเดือนมกราคม นี้ ที่ห้อง “H20” ชั้น ชั้น 25, 33,35, 36 , 37 สามารถเลือกเป็นมื้อค่ำแบบส่วนตัวในบรรยากาศริมสระน้ำ ด้วยโปรโมชั่นจ่ายเพียงคนละ 4,999 บาท++ จากปกติ 6,999 บาท ++ “ห้องอาหารอิตาเลียนชั้นนำ Medinii” ชั้น 35 เสิร์ฟมื้อค่ำให้ผู้ที่ต้องการการันตีโต๊ะวิวริมหน้าต่างซึ่งเปิดตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน ในราคาเพียงมื้อละ 1,499 บาท++ พร้อมทั้งมีบุฟเฟต์มื้อกลางวัน จันทร์-ศุกร์ ด้วยโปรโมชั่นคนละ 699 บาท++ (ราคาเต็ม 799 บาท++ ) และวีคเอนด์บรั๊นช์ เสาร์-อาทิตย์ คนละ
ข่าวที่สาม “คาเฟ่แคนทารีชูเมนูคาวหวานเสิร์ฟทุกเมืองท่องเที่ยว”
คาเฟ่ แคนทารี ทุกสาขา ชวนร่วมดื่มด่ำกับอรรถรสของเมนูพิเศษ “ดับเบิล ช็อกโกแลต เอสเปรสโซ เฟรปเป้” วันนี้– 28 กุมภาพันธ์ 2561 สัมผัสความกลมกล่อมหอมหวาน ของช็อกโกแลตปั่นสูตรพิเศษ ในราคาเพียง 130 บาทเท่านั้นรังสรรค์โดยบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญ ผสมกาแฟเอสเปรสโซเข้มข้น เติมความกรุบกรอบด้วยช็อตโกแลตชิพ ท็อปปิ้งด้วยเอสเปรสโซ วิปครีมเนียนนุ่ม โรยด้วยเกล็ดดาร์กช็อกโกแลต สัมผัสความอร่อยนี้ได้อย่างไม่หยุดยั้ง
ส่วนของหวานก็มี “สติ๊กกี้เดท พุดดิ้ง” ที่คาเฟ่ แคนทารี ทุกสาขา วันนี้ – 31 มกราคม 2561 ลิ้มรสพุดดิ้งเนื้อนุ่ม หอมหวานอินทผาลัม ฉ่ำซอสคาราเมลเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลา บนครัมเบิ้ลกรุบกรอบ อร่อยได้ในราคาเพียง 165 บาท ที่ คาเฟ่ แคนทารี 11 แห่ง คือ เชียงใหม่, กาดฝรั่ง, ระยอง, ศรีราชา, ปราจีนบุรี, บางแสน,เกาะยาวน้อย, ภูเก็ต, อยุธยา, สระบุรี และ ป๊อปอัพ คอร์เนอร์ แคนทารี โคราช
พอร์คช็อปแกงเขียวหวาน
คาเฟ่ แคนทารี บางแสน จ.ชลบุรี, กาดฝรั่ง จ.เชียงใหม่, ปราจีนบุรี และระยอง ขอแนะนำเมนูสุดพิเศษประจำเดือนมกราคม “พอร์คช็อปแกงเขียวหวาน” โดยเชฟระดับมืออาชีพ ในราคาเพียง 195 บาท ครบเครื่องเรื่องความอร่อย หอมกรุ่นเครื่องแกงแบบไทยๆ ผสมผสานกับรสชาติกลมกล่อมของสเต็กหมู นุ่ม ละมุนลิ้น
สอบถามที่ call centre: 1627 หรือเ www.cafekantary.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น