บิ๊กบินไทยเท4โปรเจ็กต์ดันรายได้ครึ่งหลังปี’61
จัดมหกรรมตั๋วถูก-จับมือขาใหญ่ทั่วโลกทำยอด
ชวนซื้อ2แพกเกจคิงเพาเวอร์การ์ดราคาสุดคุ้ม!
ททท.เปิดบ้านรับASWTออสซี่ทัวร์7เมืองรอง
บางจากย้ำเปิดขายB20หนุนรัฐ-เกษตรกรไทย
สนามบินดอนเมืองซ้อมแผนฉุกเฉิน8-9ส.ค.นี้
TCEBรุกขายไมซ์ชุมชนสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก
สิงหาพาแม่แอ่วเหนือไหว้3พระธาตุถิ่นล้านนา
ข่าวดีก.คลังเร่งแจกสิทธิ30บาทรักษาทุกโรค
บินไทยจัดตั๋วบินวันแม่3จังหวัดเริ่มพันบาท
ท่องเที่ยวครึ่งปีแรกโกย1.45ล้านล.จีนแชมป์
บอร์ดท่องเที่ยวชาติเท891ล้านดันเมืองรอง
2กระทรวงผุดกก.ใหม่หนุนท่องเที่ยวเข้มข้น
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 ติดตามสัมภาษณ์พิเศษ “วิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) งัด 4 โปรเจ็กต์การตลาดลุยเพิ่มรายได้ครึ่งปีหลัง นำร่อง “3-5 ส.ค.นี้” เทจัดมหกรรมตั๋วถูก Thai Market Place พร้อมเร่งต่อยอดบริการยอดฮิต Live TV on Broad ผนวกจุดแข็ง 4 รางวัล สกายแทร็กซ์ เสริมทัพ ตั้งเป้าตารางบินฤดูหนาว ปลายเดือนตุลาคม 2561 โหมเพิ่มความถี่เที่ยวบินต่างประเทศเพียบ และเดินหน้าผนึกเครือข่ายบริษัทชั้นนำตลาดการบินขยายฐานลูกค้า ผนวกดึงไมซ์แห่จัดประชุมในไทยครั้งละ 3-4 พันคน
นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า 4 โปรเจ็กต์บริการช่วงครึ่งปีหลัง 1.บริการ LIVE TV ON BROAD ให้ผู้โดยสารการบินไทยได้ชมทีวีลอยฟ้ารายการสดบนเครื่องแบบเรียลไทม์เที่ยวบินระหว่างประเทศในฝูงบินแอร์บัส A350 , B787 และฝูงบินอื่น ๆ จำนวน 20 ลำ เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วงต้อนรับฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 เพิ่งเสร็จสิ้นลงกระแสตอบรับดีมาก สร้างความประทับใจและการตลาดแบบบอกต่อที่จะช่วยกระตุ้นให้มีผู้โดยสารระดับพรีเมียมหันมาเดินทางกับการบินไทยเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 เป็นต้นไปจะนำกีฬาดัง กอล์ฟ เทนนิส ฟุตบอลระดับพรีเมียร์ยุโรป สปอต 24 และรายการข่าวตลอดปีในช่อง CNN , BBC และ NHK สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ลูกค้าจำนวนมาก
2.ช่วงตารางบินฤดูหนาวที่จะเริ่มปลายเดือนตุลาคม 2561-มีนาคม 2562 การบินไทยเตรียมเพิ่มความถี่เข้าสู่ กรุงโซล เกาหลีใต้ ฮ่องกง หรือ ยุโรป เมืองหลัก ๆ อย่าง เวียนนา (ออสเตรีย) และ มิราน (อิตาลี) เพิ่มจาก 4 เป็น 5 เที่ยว/สัปดาห์ ขณะที่สถานการณ์ตลาดระยะไกลข้ามทวีปจากอเมริกา ยุโรป ยังคงเติบโตเชิงบวก อัตราการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าเพิ่ม 1-2 หลัก จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้าไทย เพราะเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและการลงทุนขนาดใหญ่ของโลกที่จะเจาะตลาดนักธุรกิจ ผู้จัดการประชุมระดับอินเตอร์เดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินอย่างเต็มที่ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป
ล่าสุดการบินไทยได้ลงนามสัญญาจับมือทำการตลาดกับบริษัท คาร์ลสัน วากองลี กรุ๊ป ได้ลงนามบุก 8 ประเทศ โดยจะทยอยลงนามกับตัวแทนตลาดอินเตอร์ขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง อาทิ เมื่อเดือนกรกฎาคมเซ็นต์สัญญากับ MICE Hongkong นำผู้จัดประชุมเข้ามาในไทย 3,000-4,000 คน
ขณะเดียวกันคนไทยก็นิยมเดินทางขาออกไปยังท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น ยุโรป โดยการบินไทยจะมีแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อจากผู้โดยสารคนไทย โดยเฉพาะ LIVE ON BROAD รวมทั้งผลงานที่การบินไทยได้รับรางวัลจาก SKY TRAX 2018 ถึง 3 รางวัลระดับโลก ได้แก่ 1.Best Economy ชนะทุกสายการบินไทย 2.Best Spa Louge in the World 3.Best Catering นอกจากนั้นยังได้ขยับอันดับจากปีที่ผ่านมามาถึงปี 2561 ได้ตำแหน่ง Top Ten World Airlines จึงตั้งเป้าหมายจะเพิ่มบริการความสะดวกสบายในทุกเส้นทางบินสร้างประทับใจทุกรูปแบบให้แก่ผู้โดยสารทุกเส้นทางบินทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก
นายวิวัฒน์ย้ำว่า จุดขายในการสร้างจุดขาย “สบายต่างกัน” ช่วงตุลาคม 2561 จะทยอยเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณาเก้าอี้ที่นั่งฝูงบินการบินไทยแต่ละลำจะมีความกว้าง มีพื้นที่มากกว่าสายการบินอื่น ๆ โดยเฉพาะผู้โดยสารเดินทางระยะไกลในชั้นประหยัด ชั้นธุรกิจ จะมีพื้นที่กว้างมากกว่าคู่แข่งรายอื่น ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้การบินไทยได้รับรางวัลระดับโลกจาก SKY TRAX 2018 ด้วยเช่นกันทั้ง Best Economy in The World และ Cabin Crew พนักงานบริการบนเครื่องบินติดอันดับ 4 ของโลก นับเป็นรางวัลการันตีความสำเร็จสูงมาก เพราะมีคู่แข่งที่ร่วมชิงชัยกว่า 100 สายการบิน สะท้อนถึงสิ่งที่การบินไทยมีจุดแข็งต่างจากสายการบินอื่น ๆ ครบวงจรทั้งเรื่อง 1.พื้นที่นั่งแต่ละเก้าอี้ทุกชั้นโดยสาร 2.นวัตกรรมความบันเทิงทางเทคโนโลยีล้ำสมัย LIVE TV ON Broad 3.พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ล้วนแล้วแต่มีประสิทธิภาพสูง แข่งขันกับสายการบินนานาชาติทั่วโลกได้อย่างเต็มศักยภาพโดยจะไม่หยุดยั้งพัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
เรื่องที่ 3 การบินไทยพร้อมจะผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่าย Star Alliance กับสายการบินระดับโลก ยังคงเดินหน้าเชื่อมต่อเครื่องบินเข้าสู่ทุกจุดหมายในโลกนี้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารได้ไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างราบรื่น และการร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ ล่าสุดได้มีส่วนช่วยนำนักดำน้ำชาวอังกฤษเข้ามาช่วยเหลือภารกิจนำนักฟุตบอลเยาวชนติดถ้ำหลวง 13 หมูป่า ออกมาได้
ดังนั้นตลอดปี 2561 การบินไทยตั้งเป้าหมายจะทำให้อัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณ 80 % ทั้งชั้นประหยัด ชั้นธุรกิจ ชั้นเฟิร์สคลาส ต้องเติมเต็มแคมเปญกระตุ้นการเติบโตทุกชั้นโดยสาร
เรื่องที่ 4 การจำหน่ายตั๋วโดยสารในราคาอย่างเป็นมิตรกับผู้โดยสาร ไม่แพงอย่างที่คิด มีช่องทางบริการสะดวกทุกอย่าง และคอล เซ็นเตอร์ บริการ 24 ชั่วโมง และซื้อผ่านทางเว็บไซต์ www.thaiairways.com
ระหว่างวันที่ 3-5 สิงหาคม 2561 การบินไทยเตรียมร่วมกับพันธมิตรทั้งบริษัทตัวแทนจำหน่ายตั๋วโดยสาร แพกเกจท่องเที่ยว สถาบันการเงิน องค์กรการท่องเที่ยว เช่น สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ในไทย จัดมหกรรม “Thailand Market Place 2018” จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ณ เซ็นทรัล เวิลด์ กรุงเทพฯ นำตั๋วโดยสารราคาพิเศษ แพกเกจท่องเที่ยวมานำเสนอขายตลอด 3 วัน เพื่อเจาะถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ติดตาม 4 โปรเจ็กต์ทางการตลาด ที่จะหนุนนำให้การบินไทย สายการบินแห่งชาติผงาดมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างสมาร์ทอีกครั้งตั้งแต่ปี 2561 นี้เป็นต้นไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชวนซื้อ2แพ็กเกจการ์ดสุดคุ้ม”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนเลือกซื้อ KING POWER CARD ในราคาสุดคุ้ม! By PowerAdmin วันนี้ – 30 กันยายน 2561 กับ 2 แพกเกจ คือ
แพ็กเกจ 6,000 บาท ยอดเงินในบัตร 6,000 บาท ส่วนลด 10% คูปอง on-top 5% สำหรับการซื้อสินค้า 1 / ใบเสร็จ จำนวน 2 ใบ พิเศษ รับทันทีคูปองส่วนลด 200 บาท (วันนี้ – 30 ก.ย. 61)
แพ็กเกจ 1,000 บาท ยอดเงินในบัตร 1,000 บาท ส่วนลด 5% คูปอง on-top 5% สำหรับการซื้อสินค้า 1 / ใบเสร็จ จำนวน 1 ใบ รับฟรี 50 กะรัตเพียงลงทะเบียนสมัครสมาชิกคิง เพาเวอร์
พร้อมบริการห้องรับรองพิเศษ และสิทธิประโยชน์อีกมากมายตลอดการเดินทาง
สรุปสิทธิประโยชน์ของทั้ง 2 แพกเกจ คิง เพาเวอร์ การ์ด
1.รับ King Power Card พร้อมส่วนลดตามมูลค่าที่ซื้อแพ็กเกจ 2.รับคูปองส่วนลด On-Top 5% ตามแต่ละแพ็กเกจ หมดอายุวันที่ 31 ตุลาคม 2561 3.รับเพิ่มคูปอง 200 บาท (สำหรับการซื้อสินค้าภายในวันถัดไป) เมื่อซื้อ King Power Card ราคา 6,000 บาท 4.King Power Card มีอายุ 30 วัน นับจากวันที่ซื้อแพ็กเกจ และเมื่อลงทะเบียนสมัครสมาชิกจะมีอายุบัตร 5 ปี)
โดยลงทะเบียนการเป็นสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ เพื่อรับเพิ่มทันที 50 กะรัต ผ่านช่องทาง http://services.kingpower.com/register พร้อมสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกคิง เพาเวอร์ ตามประเภทบัตรสมาชิก (แพ็กเกจ 1,000 บาท เทียบเท่า NAVY, แพ็กเกจ 6,000 บาท เทียบเท่า SCARLET)
ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ต่างๆ จะได้รับ เมื่อลงทะเบียนสมาชิกแล้วเท่านั้น สามารถตรวจสอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมได้ที่ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “ททท.ดึงASTWออสซี่ทัวร์เมืองหลักรองปี’61
ททท.เปิดเกมรุกตลาดออสเตรเลีย เตรียมต้อนรับงานใหญ่แห่งปี “ประชุมสมาคมนักเขียนออสเตรเลีย-ASTW” 16-18 สิงหาคม นี้ พร้อมนำทีมลุยสำรวจโปรโมตเมืองท่องเที่ยวหลัก-รอง 7 แห่ง โหมจุดขายวิถีไทย และได้รายการระดับโลก “มาสเตอร์ เชฟ” บุกถ่ายทำทั่วเมืองไทย ช่วง เม.ย.2562
นายสันติ ชุดินธรา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าช่วงสิงหาคม 2561 เป็นเดือนแห่งวันแม่ของไทย นับเป็นโอกาสดีที่สมาคมนักเขียนด้านการท่องเที่ยวออสเตรเลีย (Australian Society of Travel Writers- ASTW) จะนำสมาชิก300 คน มีทั้งนักเขียน ช่างภาพ บรรณาธิการ บล็อกเกอร์ด้านการท่องเที่ยว ผู้ที่ทำงานในด้านประชาสัมพันธ์ มาจัดประชุมสามัญประจำปี 2561 หรือ ASTW Annual General Meeting (ASTW AGM) 2018 ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม 2561 ณ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นจังหวะดีที่จะได้นำนักเขียนออสเตรเลียกลุ่มต่าง ๆ ลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวไทยในเมืองหลัก เมืองรอง ไปสร้างประสบการณ์ร่วมตามแคมเปญ Open to the New Shades ชิมอาหารถิ่น ผ้าไทย ในแต่ละภูมิภาค เพื่อนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในตลาดออสเตรเลียช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป
นางรุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานซิดนีย์ ออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ในฐานะดูแลพื้นที่ตลาดการท่องเที่ยวในกลุ่มโอเชเนียทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ วางกลยุทธ์ใช้เวทีการประชุมสมาคมนักเขียนออสเตรเลียซึ่งทุกคนต้องจ่ายเงินค่าลงทะเบียนมาจัดประชุมในไทย ระหว่าง 16-18 สิงหาคม นี้ พาสำรวจพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของไทยซึ่งมีความหลากหลายรวม 7 เส้นทาง ประกอบด้วย เชียงราย แพร่ น่าน เกาะช้าง (จ.ตราด) กระบี่ พังงา กาญจนบุรี เพราะตามปกติแล้วชาวออสเตรเลียจะนิยมมาเที่ยวทะเลภูเก็ต ขณะนี้ ททท.พยายามนำเสนอพื้นที่ท่องเที่ยวทะเลอันดามันจังหวัดอื่น ๆ และจังหวัดทางฝั่งทะเลอ่าวไทยเพิ่มขึ้น เช่นพื้นที่สำคัญอย่าง เกาะช้าง จ.ตราด
โดยตั้งเป้าเจาะกลุ่มเป้าหมายออสเตรเลีย 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มครอบครัว นิยมเดินทางมาพร้อมกันจำนวนครอบครัวละหลายคน ทั้งพ่อแม่ปู่ย่าตายาย 2.กลุ่มเยาวชน 3.กลุ่มมิลเลนเนียล และ 4.กลุ่มไฮเอนด์ เนื่องจากปัจจุบันออสเตรเลียเป็นตลาดที่ ททท.สามารถทำค่าเฉลี่ยรายได้เกินเป้าหมาย การวางกลยุทธ์ช่วงครึ่งหลังปี 2561 ต่อเนื่องถึงปี2562 จึงต้องหันมาเน้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวด้วยการจับมือกับสายการบินซึ่งมีเที่ยวบินตรงจากเมืองรองในออสเตรเลียเข้าไทย เช่น อดิเลค โฮบาตร ดาวิน เมืองเหล่านี้มีสายการบินชั้นนำเปิดบริการบินตรงไป-กลับ คือ สิงคโปร์แอร์ไลน์ส สกู๊ตแอร์ มาเลเซียนแอร์ไลน์ส โดยจะแวะพักในเมืองหลวงอาเซียนแล้วบินต่อเข้าไทยได้สะดวกมาก
ผอ.รุจิรัศมิ์ กล่าวว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังจะเร่งเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียกลุ่มเซ็กเมนต์หลัก ๆ ได้รับรู้ถึงการเดินทางเข้าถึงท้องถิ่นทั่วไทย เพราะถึงแม้ขณะนี้จะไม่มีเที่ยวบินตรงจากออสเตรเลียเข้าภูเก็ตเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ก็ยังเดินทางได้สะดวกโดยมีสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส หรือสายการบินอื่น ๆ บินตรงเข้าไทย
ข่าวที่ 3 “บางจากย้ำขายB20ช่วยรัฐและเกษตรกรลดต้นทุน”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากร่วมส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ B20 ตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน เพื่อช่วยรองรับผลผลิตปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร สร้างเสถียรภาพด้านพลังงานให้ประเทศ รวมทั้งการใช้น้ำมันไบโอดีเซลจะช่วยลดก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ลดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และลดฝุ่นละออง ซึ่งดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจำหน่ายน้ำมันบางจากดีเซลเกรดพิเศษ B20 มาตั้งแต่กรกฎาคม 2561 พร้อมเดินหน้าขยายการจำหน่ายให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการทั้งกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มขนส่งสินค้า รถและเรือโดยสาร เป็นการช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในการขนส่งสินค้าและค่าโดยสาร ซึ่งจะส่งผลต่อการลดค่าครองชีพของประชาชน
ขณะนี้มีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมแล้วกว่า 20 ราย รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีพีไอคอนกรีต จำกัด ปริมาณการใช้รวมประมาณเดือนละ 2.5 ล้านลิตร ซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลได้ประมาณ 3,500 ตันต่อปี
โครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันบางจากดีเซลเกรดพิเศษ B20 บางจากฯ ร่วมกับกระทรวงพลังงานและผู้ประกอบการ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรายอื่น เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นเพื่อเร่งบรรเทาปัญหาน้ำมันปาล์มดิบที่ล้นตลาดในขณะนี้และในระยะต่อไป และจะจำหน่ายน้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ B20 ที่ใช้กับเครื่องมือเครื่องจักรกลทางการเกษตร เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาราคาน้ำมันแพง ช่วยลดต้นทุนภาคการเกษตร
ข่าวที่ 4 “ทอท.แจ้งดอนเมืองลุยซ้อมแผน8-9ส.ค.นี้”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รายงานว่าท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) จะจัดการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยาน ประจำปี 2561 ในวันที่ 8 สิงหาคม 2561 เวลา 22.00 น. ถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2561 เวลา 01.30 น. ณ ชั้น 3 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาคาร 2 ทดม. ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมกรณีขู่วางระเบิดและเกิดเหตุระเบิดภายในอาคารผู้โดยสาร ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 82 เรื่อง ระบบการจัดการด้านนิรภัยสนามบินและตามข้อเสนอแนะขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO)
สำหรับการฝึกซ้อมฯ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการในมาตรการรักษาความปลอดภัย และความปลอดภัยของท่าอากาศยานอย่างสูงสุด ซึ่งอาจทำให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการไม่ได้รับความสะดวกสบาย ในช่วงเวลาดังกล่าว
ในวันที่ 8-9 สิงหาคม นี้ ทอท.ขอแนะนำให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมายังท่าอากาศยานล่วงหน้า 2 - 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน และ ทอท.ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้
ข่าวที่ 5 “TCEBรุกไมซ์ชุมชนสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก7ส.ค.”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า เตรียมนำเครือข่ายพันธมิตรลงพื้นที่ทำโครการ “ประชุมเมืองไทย ไมซ์เพื่อชุมชน” ในวันที่ 7 สิงหาคม 2561 ณ สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด สระบุรี ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของคนในพื้นที่ตั้งสหกรณ์โคนมมวกเหล็กขึ้นเพื่อสืบทอดอาชีพเลี้ยงโคนม ซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงมอบให้แก่เกษตรกรในการส่งเสริมกิจกรรมโคนม เพื่อให้นมที่มาจากเกษตรกร เป็นนมสดร้อยเปอร์เซ็นต์ส่งถึงผู้บริโภค ภายในกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สะอาด ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังผลิตเพื่อส่งสวนจิตรลดาด้วย
สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก เป็นอีกแหล่งชุมชนที่มีความพร้อมจะรองรับกลุ่มบริษัทคอร์ปอเรตขนาดใหญ่ สามารถใช้เป็นสถานที่ทางเลือกนำพนักงานไปจัดประชุมและอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนได้อย่างเต็มที่ตามโครงการ “ประชุมเมืองไทย ไมซ์เพื่อชุมชุม” ของทีเส็บนั่นเอง
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 จับมือกับเครือข่ายอนาคตไทย ทำโครงการ “ไมซ์ชุมชน” โดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งคัดเลือกสหกรณ์ทั่วประเทศที่สามารถจัดสถานที่เป็นโชว์เคสต์ของโปรดักซ์กับอุตสาหกรรมเด่น ๆ พื้นที่แรกทำแล้วคือ บ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี โดยมีบริษัทคอร์ปอเรตกลุ่มพนักงานธนาคารเครือข่ายอนาคตเป็นลูกค้าที่ลงพื้นที่ไปอุดหนุนสินค้าของบ้านลาด
จากผลการประเมินความพึงพอใจของกลุ่มแรกที่ไปยังบ้านลาด 50 คน เป็นเข้าไปยังแหล่งชุมชนปลูกกล้วยหอมทองส่งออก สามารถที่จะนำหน่วยงานเข้าไปจัดประชุมและปรับปรุงแพกเกจจิ้งจำหน่ายได้ราคาสูงขึ้น เป็นตัวอย่างที่ทีเส็บจะนำไปขยายผลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 เป็นต้นไป
ช่วงที่ 2 ตลอดสิงหาคมปีนี้ แต่ละครอบครัว และบรรดาวัยเก๋าต้องห้ามพลาด ชวนคุณแม่ไปไหว้พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ในแดนล้านนาภาคเหนือ แนะนำเที่ยวแบบสบาย ๆ ไหว้ 3 พระธาตุ “ดอยสุเทพ เชียงใหม่-หริภุญไชย ลำพูน-ลำปางหลวง ลำปาง” ด้านการใส่ใจสุขภาพมีข่าวดีจากกระทรวงคลังมาบอกต่อ ก.ย.นี้จะให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐ 11 ล้านคน ได้ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค และข่าวร้อนท้ายชั่วโมง “การบินไทยขายตั๋ววันแม่” ราคาพิเศษ 3 เส้นทางในไทย เริ่มต้นใบละพันบาท “ท่องเที่ยวครึ่งปีแรก” ดึงเงินเข้าประเทศ 1.45 ล้านล้านบาท จีนยังเป็นแชมป์ใช้จ่ายรวมกว่า 6 แสนล้าน “บอร์ดท่องเที่ยวชาติ” เทแล้ว 891 ล้านบาท ให้ ททท.กับกรมท่องเที่ยวเร่งปั๊มเมืองรองโต “2กระทรวงท่องเที่ยว-ทรัพยากรฯ” กอดคอตั้งกรรมการชุดใหม่หวังบูรณาการท่องเที่ยวแบบเข้มข้น
@สิงหาพาแม่ไหว้3พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ล้านนา
ใกล้จะถึงวันสำคัญเดือนสิงหา พาแม่เที่ยว ชวนกันไปในเมืองหลัก เมืองรอง แดนล้านนา ภาคเหนือ แต่ละจังหวัดที่มีพระธาตุศักดิ์สิทธิ์อายุนับพันปี ให้ได้สักการะพร้อมคุณแม่
พระธาตุแรก “พระธาตุดอยสุเทพ” จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกันเป็นว่าเป็นพระธาตุประจำปีมะแม เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวเชียงใหม่และคนทั่วไทย สร้างขึ้นสมัยพญากือนาธรรมิกราช องค์พระธาตุใหญ่อัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย โดย “พระมหาสุมนเถระ” องค์พระธาตุแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก นำไปประดิษฐานที่วัดสวนดอก อีกส่วนอัญเชิญขึ้นบนหลังช้างเพื่อเสี่ยงทาย ซึ่งช้างได้วิ่งมาหยุดอยู่บน “ดอยสุเทวะฤาษี” หรือ ดอยสุเทพ พระเจ้ากือนาจึงทรงรับสั่งให้สร้างเจดีย์สูง 5 วาขึ้น เพื่อประดิษฐานพระธาตุส่วนที่เหลือให้ชาวล้านนาได้เคารพสักการะ โดยได้บูรณปฏิสังขรณ์อย่างต่อเนื่องมาตลอด
เดินทางต่อไปยังจังหวัดลำปาง ก็มี “พระธาตุลำปางหลวง” ประจำคนเกิดปีฉลุ ตามตำนานเล่าวว่าสมเด็จพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระเถระสามรูป เสด็จมาถึงบ้านสัมภะการีวัน หรือ บ้านลำปางหลวง ระหว่างประทับเหนือดอยม่อนน้อย มีชาวลัวะชื่ออ้ายก้อนเลื่อมใสศรัทธา จึงนำน้ำผึ้งกับน้ำมะตูมมาถวายพระพุทธเจ้า จึงพระราชทานเกศาให้หนึ่งเส้น ลัวะอ้ายก้อนได้นำบรรจุผอบทองคำ จากนั้นก็นำมาประดิษฐานในเจดีย์เหนืออุโมงค์สูง 7 ศอก ซึ่งเป็นทรงระฆังคว่ำแบบล้านนาบุทองจังโก้ ยอดฉัตรประดับทองคำ ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปสักการะขอพรกัน
ส่วนจังหวัดลำพูน มี “พระธาตุหริภุญไชย” พระธาตุประจำคนเกิดปีระกา สร้างขึ้นสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 รัชสัยพญาอทิตยราช แห่งราชวงศ์จามเทวีวงศ์ ภายในเจีดย์ล้านนาทรงไทยแท้ ประดิษฐานพระเกศบรมธาตุ ส่วนศรีษะ ซึ่งบรรจุในพระโกศทองคำ ทุกวันพระใหญ่วิสาขบูชา จะมีพิธีสรงน้ำพระธาตุหริภัญไชย โดยใช้น้ำทิพย์จากยอดดอยขะมัย 1 ใน 7 บ่อน้ำทิพย์ที่ใช้งานพระราชพิธีสำคัญ
หากได้มีโอกาสขึ้นเหนือสู่ดินแดนล้านนา แล้วไปสักการะพระธาตุแต่ละแห่งในแต่ละจังหวัด จะเป็นมงคลแก่ชีวิตทุกคน
@รัฐให้11ล้านคนใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกโรคก.ย.นี้
กระทรวงการคลัง มีข่าวดีมาแจ้งประชาชนคนไทย ภายเดือนสิงหาคม 2561 จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการภาครัฐ 11.4 ล้านคน เข้ารักษาพยาบาลฟรีผ่านโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นมาตรการช่วยเหลือชั่วคราว ซึ่งจะเริ่มใช้ได้ภายในเดือนกันยายน 2561 เป็นต้นไป ระหว่างนี้จะหารือกับกระทรวงสาธารณสุขถึงแนวทางการจ่ายเงินชดเชย โดยเบื้องต้นอาจจะใช้เงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โดยจะใช้เงินจำนวนไม่มาก
เงื่อนไขเพียงแค่แสดงผู้มีสิทธิรับการรักษาแสดงบัตรสวัสดิการ ซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยไม่ควรมีภาระ ค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าว
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทยชูตั๋วถูกพิเศษบินวันแม่ในประเทศ3จังหวัด”
นายกรกฏ ชาตะสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย-ประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และวันแม่แห่งชาติ วันที่ 12 สิงหาคม 2561 บริษัทฯ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและพระคุณของผู้เป็นแม่ จึงจัดโปรโมชั่น “สิงหาพาแม่เที่ยว 2561” สำหรับเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเวลาสำคัญ ด้วยตั๋วโดยสารภายในประเทศราคาพิเศษ ได้รวมค่าภาษี และค่าธรรมเนียมทุกประเภทแล้ว ในแต่ละเที่ยวบินมีจำนวนจำกัด แบบมีเงื่อนไข ซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคม 2561 ซื้อแล้วนำไปใช้เดินทางได้จนถึง 30 กันยายน 2561 ในเส้นทางบินดังนี้
1.กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เดินทางเที่ยวเดียว ราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาท/เที่ยว ไป-กลับ เริ่มต้นที่ 3,000 บาท
2.กรุงเทพฯ-กระบี่ เที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 1,600 บาท ไป-กลับเริ่มต้นที่ 3,150 บาท
3.เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต เที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 1,700 บาท ไป-กลับ เริ่มต้นที่ 3,400 บาท
สอบถามและสำรองที่นั่งพร้อมออกตั๋วโดยสารได้ที่สำนักงานขายการบินไทยและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ THAI Contact Center (02) 356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือ www.thaiairways.com
ข่าวที่สอง “ท่องเที่ยวครึ่งปีโกย1.45ล้านล้านจีนแชมป์ใช้เงิน”
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงาน สถิติรายได้ท่องเที่ยวภาพรวมตลอดครึ่งปี 6 เดือนแรก 2561 มีรายได้รวม 1.458ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0 % มาจากตลาดต่างชาติเที่ยวไทย 1.016 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.88 % เฉพาะ กรกฎาคม 2561 เพียงเดือนเดียว จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยมากถึง 3,199,740 คน เติบโต 3.62 % สร้างรายได้รวม 165,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.69 %
ส่วน “ตลาดคนไทยเที่ยวไทย” สรุปยอด 5 เดือนแรก มกราคม-พฤษภาคม 2561 จำนวนรวม 62.29 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 4.93 % (เที่ยวเมืองหลัก 57.90 ล้านคน-ครั้ง เพิ่ม 5.02 % สร้างรายได้ 3.40 แสนล้านบาท เที่ยวเมืองรอง 35.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.98 % สร้างรายได้ 1.0 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.14 %) สร้างรายได้รวม 4.42 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.90 %
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์ “นักท่องเที่ยวจีน” ตลาดหลักจะเดินทางเที่ยวเมืองไทยตลอดปี 2561 จะมีจำนวน 11.08 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.09 % สร้างรายได้รวม 6.13 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.0 %
โดยเฉพาะกรกฎาคม 2561 เดือนเดียว “นักท่องเที่ยวจีน” จะเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทย ประมาณ 933,665 คน ลดลง 0.45 % สร้างรายได้ 49,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.08 % สาเหตุของจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเพราะ 4 ปัจจัย ได้แก่ 1.อุบัติเหตุเรือล่มในภูเก็ต เกิดความไม่เชื่อมั่นมาตรฐานด้านความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางน้ำ 2.กระแสความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ในโลกโซเชียล 3.ระดับความระมัดระวังต่อพยากรณ์อากาศมากขึ้น อย่างคลื่นลมในทะเล ช่วงนี้ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหันไปเที่ยวเกาหลีประเทศใกล้บ้านเพิ่มขึ้นตั้งแต่มิถุนายนที่ผ่านมา บวก 49 % และ 4.สถานเอกอัครราชทูตจีน ประกาศเตือนการท่องเที่ยวทางน้ำและสภาพอากาศในไทย
ส่วนแนวโน้ม “นักท่องเที่ยวจีน” ช่วงครึ่งปีหลัง 6 เดือนหลัง กรกฎาคม - ธันวาคม 2561 จำนวน 5.15 ล้านคน ลดลง 6.69 % รายได้ 2.93 แสนล้านบาท ลดลง 0.37 % มาจาก 4 ปัจจัยหลัก 1.ช่วงฤดูเดินทางวันหยุด Golden week 2. มาตรการกระตุ้นของภาครัฐ 3.การทำตลาดเชิงรุกของ ททท.และเอกชน 4.การจัดอีเวนต์ระดับโลกที่จัดในไทย อาทิ โมโตจีพี และการเป็นสถานที่จัดประกวด มิสยูนิเวอร์ส
สำหรับแนวโน้มช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 นักท่องเที่ยวอื่น ๆ 10 ประเทศ ที่เดินทางเข้าไทย ประกอบด้วย 1.มาเลเซีย เพิ่ม 20 % 2.สปป.ลาว เพิ่ม 15 % 3.ญี่ปุ่น 4.อินเดีย 5.เยอรมัน เพิ่มประเทศละ 5 % 6.สหรัฐอเมริกา เพิ่ม 2 % ส่วนที่ติดลบ ได้แก่ 7.เกาหลีใต้ ลด 0.1 % 8.ออสเตรเลีย ลด 2 % 9.ฝรั่งเศส ลด 3 %
ข่าวที่สาม“บอร์ดท่องเที่ยวชาติแจกแล้ว891ล้าน-ททท./กรมฯ”
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2561 โดยมีผลสรุปความคืบหน้าการดำเนินโครงการไทยนิยมยั่งยืน ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 891.29 ล้านบาท แบ่งเป็น
หน่วยงานแรก กรมการท่องเที่ยว 106.29 ล้านบาท ไปจัดทำ 1.โครงการฝึกอบรมภาษาอังกฤษ 2.การจัดการท่องเที่ยวชุมชน 3.ทำโฮมสเตย์ 4.อำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัย 5.จัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 6.พัฒนาระบบสารสนเทศ
หน่วยงานที่ 2 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 785.00 ล้านบาท นำไปจัดทำ
1.โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชนตามโครงการท่องเที่ยวชุมชน อะเมซิ่งไทยแลนด์ โกโลคอล (Amazing Thailand Go Local) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินโครงการการส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวชุมชนและการกระจายรายได้สู่เมืองรอง ภายใต้โครงการ Amazing Thailand Go Local ปรับสัดส่วนผู้เยี่ยมเยือนเมืองหลักต่อเมืองรอง จากเดิม 70:30 เป็น 65:35
2.โครงการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะเพื่อการท่องเที่ยว (Tourism Smart DATA Management) 3.โครงการส่งเสริมการตลาดเพื่อการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งห่วงโซ่คุณค่าด้าน การท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองรอง (Marketing-Led Tourism Development)
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ สร้างอัตลักษณ์ของพื้นที่และจัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองรอง เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และการพัฒนาคนสร้างเสริมความเข้มแข็งของชุมชน ผ่านโครงการอาสาสมัครเพื่อการท่องเที่ยวในรูปแบบพัฒนาผู้สอน แผนการดำเนินงานปี 2562 เน้นการใช้วิถีการกินนำไปสู่การสัมผัส Local Experience สร้างมูลค่าเพิ่มด้วย content สร้างกระแสใส่ใจสิ่งแวดล้อม และ ชูอัตลักษณ์เมืองรองมาเป็นส่วนผสมหลักในการสร้างสรรค์สินค้า สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวเพื่อตอบความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับแผนขับเคลื่อนงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สำคัญ คณะกรรมการฯ เห็นชอบให้เดินหน้าภารกิจหลัก 1.ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิม 2.ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญ 3.นโยบายการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของไทย เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2564) โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินโครงการ/กิจกรรม ตามแผนปฏิบัติการของยุทธศาสตร์ดังกล่าว 4.เห็นชอบมาตรฐานที่พักแบบพำนักระยะยาว (LongStay Standard) ฉบับปรับปรุงและการจัดทำ “แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชน” เพื่อเสนอให้สำนักงบประมาณ พิจารณาทบทวนและกำหนดแนวทางการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ต่อไป
ข่าวที่สี่ “2กระทรวงตั้งกก.ชุดใหม่รุกบูรณาการท่องเที่ยว”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงท่องเที่ยวฯและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อการส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เปิดประชุมเป็นครั้งแรกโดยรัฐมนตรีทั้ง 2 กระทรวง ได้ลงนามแต่งตั้งให้ปลัดทั้งสองกระทรวงเป็นประธานร่วมกันในโอกาสการประชุมครั้งต่อไป
เบื้องต้นในการประชุมครั้งแรกหารือกัน 4 เรื่อง ได้แก่ 1.แผนพัฒนาบริเวณถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอนเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 2.การใช้ระบบcarrying capacityในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ 3.การจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ.. 4.การเตรียมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในเมืองรอง
เป้าหมายเพื่อใช้เวทีนี้บูรณาการทั้งแผน แนวคิดและการเชื่อมระบบการทำงานเช้าหากันที่สำคัญยิ่งระหว่างสองกระทรวงให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นต่อไป
ติดตามฟังรายการเป็นประจำทาง ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
จัดมหกรรมตั๋วถูก-จับมือขาใหญ่ทั่วโลกทำยอด
ชวนซื้อ2แพกเกจคิงเพาเวอร์การ์ดราคาสุดคุ้ม!
ททท.เปิดบ้านรับASWTออสซี่ทัวร์7เมืองรอง
บางจากย้ำเปิดขายB20หนุนรัฐ-เกษตรกรไทย
สนามบินดอนเมืองซ้อมแผนฉุกเฉิน8-9ส.ค.นี้
TCEBรุกขายไมซ์ชุมชนสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก
สิงหาพาแม่แอ่วเหนือไหว้3พระธาตุถิ่นล้านนา
ข่าวดีก.คลังเร่งแจกสิทธิ30บาทรักษาทุกโรค
บินไทยจัดตั๋วบินวันแม่3จังหวัดเริ่มพันบาท
ท่องเที่ยวครึ่งปีแรกโกย1.45ล้านล.จีนแชมป์
บอร์ดท่องเที่ยวชาติเท891ล้านดันเมืองรอง
2กระทรวงผุดกก.ใหม่หนุนท่องเที่ยวเข้มข้น
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 ติดตามสัมภาษณ์พิเศษ “วิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) งัด 4 โปรเจ็กต์การตลาดลุยเพิ่มรายได้ครึ่งปีหลัง นำร่อง “3-5 ส.ค.นี้” เทจัดมหกรรมตั๋วถูก Thai Market Place พร้อมเร่งต่อยอดบริการยอดฮิต Live TV on Broad ผนวกจุดแข็ง 4 รางวัล สกายแทร็กซ์ เสริมทัพ ตั้งเป้าตารางบินฤดูหนาว ปลายเดือนตุลาคม 2561 โหมเพิ่มความถี่เที่ยวบินต่างประเทศเพียบ และเดินหน้าผนึกเครือข่ายบริษัทชั้นนำตลาดการบินขยายฐานลูกค้า ผนวกดึงไมซ์แห่จัดประชุมในไทยครั้งละ 3-4 พันคน
นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า 4 โปรเจ็กต์บริการช่วงครึ่งปีหลัง 1.บริการ LIVE TV ON BROAD ให้ผู้โดยสารการบินไทยได้ชมทีวีลอยฟ้ารายการสดบนเครื่องแบบเรียลไทม์เที่ยวบินระหว่างประเทศในฝูงบินแอร์บัส A350 , B787 และฝูงบินอื่น ๆ จำนวน 20 ลำ เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วงต้อนรับฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 เพิ่งเสร็จสิ้นลงกระแสตอบรับดีมาก สร้างความประทับใจและการตลาดแบบบอกต่อที่จะช่วยกระตุ้นให้มีผู้โดยสารระดับพรีเมียมหันมาเดินทางกับการบินไทยเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 เป็นต้นไปจะนำกีฬาดัง กอล์ฟ เทนนิส ฟุตบอลระดับพรีเมียร์ยุโรป สปอต 24 และรายการข่าวตลอดปีในช่อง CNN , BBC และ NHK สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ลูกค้าจำนวนมาก
2.ช่วงตารางบินฤดูหนาวที่จะเริ่มปลายเดือนตุลาคม 2561-มีนาคม 2562 การบินไทยเตรียมเพิ่มความถี่เข้าสู่ กรุงโซล เกาหลีใต้ ฮ่องกง หรือ ยุโรป เมืองหลัก ๆ อย่าง เวียนนา (ออสเตรีย) และ มิราน (อิตาลี) เพิ่มจาก 4 เป็น 5 เที่ยว/สัปดาห์ ขณะที่สถานการณ์ตลาดระยะไกลข้ามทวีปจากอเมริกา ยุโรป ยังคงเติบโตเชิงบวก อัตราการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้าเพิ่ม 1-2 หลัก จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้าไทย เพราะเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและการลงทุนขนาดใหญ่ของโลกที่จะเจาะตลาดนักธุรกิจ ผู้จัดการประชุมระดับอินเตอร์เดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินอย่างเต็มที่ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป
ล่าสุดการบินไทยได้ลงนามสัญญาจับมือทำการตลาดกับบริษัท คาร์ลสัน วากองลี กรุ๊ป ได้ลงนามบุก 8 ประเทศ โดยจะทยอยลงนามกับตัวแทนตลาดอินเตอร์ขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง อาทิ เมื่อเดือนกรกฎาคมเซ็นต์สัญญากับ MICE Hongkong นำผู้จัดประชุมเข้ามาในไทย 3,000-4,000 คน
ขณะเดียวกันคนไทยก็นิยมเดินทางขาออกไปยังท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น ยุโรป โดยการบินไทยจะมีแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อจากผู้โดยสารคนไทย โดยเฉพาะ LIVE ON BROAD รวมทั้งผลงานที่การบินไทยได้รับรางวัลจาก SKY TRAX 2018 ถึง 3 รางวัลระดับโลก ได้แก่ 1.Best Economy ชนะทุกสายการบินไทย 2.Best Spa Louge in the World 3.Best Catering นอกจากนั้นยังได้ขยับอันดับจากปีที่ผ่านมามาถึงปี 2561 ได้ตำแหน่ง Top Ten World Airlines จึงตั้งเป้าหมายจะเพิ่มบริการความสะดวกสบายในทุกเส้นทางบินสร้างประทับใจทุกรูปแบบให้แก่ผู้โดยสารทุกเส้นทางบินทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก
นายวิวัฒน์ย้ำว่า จุดขายในการสร้างจุดขาย “สบายต่างกัน” ช่วงตุลาคม 2561 จะทยอยเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณาเก้าอี้ที่นั่งฝูงบินการบินไทยแต่ละลำจะมีความกว้าง มีพื้นที่มากกว่าสายการบินอื่น ๆ โดยเฉพาะผู้โดยสารเดินทางระยะไกลในชั้นประหยัด ชั้นธุรกิจ จะมีพื้นที่กว้างมากกว่าคู่แข่งรายอื่น ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้การบินไทยได้รับรางวัลระดับโลกจาก SKY TRAX 2018 ด้วยเช่นกันทั้ง Best Economy in The World และ Cabin Crew พนักงานบริการบนเครื่องบินติดอันดับ 4 ของโลก นับเป็นรางวัลการันตีความสำเร็จสูงมาก เพราะมีคู่แข่งที่ร่วมชิงชัยกว่า 100 สายการบิน สะท้อนถึงสิ่งที่การบินไทยมีจุดแข็งต่างจากสายการบินอื่น ๆ ครบวงจรทั้งเรื่อง 1.พื้นที่นั่งแต่ละเก้าอี้ทุกชั้นโดยสาร 2.นวัตกรรมความบันเทิงทางเทคโนโลยีล้ำสมัย LIVE TV ON Broad 3.พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ล้วนแล้วแต่มีประสิทธิภาพสูง แข่งขันกับสายการบินนานาชาติทั่วโลกได้อย่างเต็มศักยภาพโดยจะไม่หยุดยั้งพัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
เรื่องที่ 3 การบินไทยพร้อมจะผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่าย Star Alliance กับสายการบินระดับโลก ยังคงเดินหน้าเชื่อมต่อเครื่องบินเข้าสู่ทุกจุดหมายในโลกนี้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารได้ไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างราบรื่น และการร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ ล่าสุดได้มีส่วนช่วยนำนักดำน้ำชาวอังกฤษเข้ามาช่วยเหลือภารกิจนำนักฟุตบอลเยาวชนติดถ้ำหลวง 13 หมูป่า ออกมาได้
ดังนั้นตลอดปี 2561 การบินไทยตั้งเป้าหมายจะทำให้อัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณ 80 % ทั้งชั้นประหยัด ชั้นธุรกิจ ชั้นเฟิร์สคลาส ต้องเติมเต็มแคมเปญกระตุ้นการเติบโตทุกชั้นโดยสาร
เรื่องที่ 4 การจำหน่ายตั๋วโดยสารในราคาอย่างเป็นมิตรกับผู้โดยสาร ไม่แพงอย่างที่คิด มีช่องทางบริการสะดวกทุกอย่าง และคอล เซ็นเตอร์ บริการ 24 ชั่วโมง และซื้อผ่านทางเว็บไซต์ www.thaiairways.com
ระหว่างวันที่ 3-5 สิงหาคม 2561 การบินไทยเตรียมร่วมกับพันธมิตรทั้งบริษัทตัวแทนจำหน่ายตั๋วโดยสาร แพกเกจท่องเที่ยว สถาบันการเงิน องค์กรการท่องเที่ยว เช่น สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ในไทย จัดมหกรรม “Thailand Market Place 2018” จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ณ เซ็นทรัล เวิลด์ กรุงเทพฯ นำตั๋วโดยสารราคาพิเศษ แพกเกจท่องเที่ยวมานำเสนอขายตลอด 3 วัน เพื่อเจาะถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ติดตาม 4 โปรเจ็กต์ทางการตลาด ที่จะหนุนนำให้การบินไทย สายการบินแห่งชาติผงาดมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างสมาร์ทอีกครั้งตั้งแต่ปี 2561 นี้เป็นต้นไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชวนซื้อ2แพ็กเกจการ์ดสุดคุ้ม”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนเลือกซื้อ KING POWER CARD ในราคาสุดคุ้ม! By PowerAdmin วันนี้ – 30 กันยายน 2561 กับ 2 แพกเกจ คือ
แพ็กเกจ 6,000 บาท ยอดเงินในบัตร 6,000 บาท ส่วนลด 10% คูปอง on-top 5% สำหรับการซื้อสินค้า 1 / ใบเสร็จ จำนวน 2 ใบ พิเศษ รับทันทีคูปองส่วนลด 200 บาท (วันนี้ – 30 ก.ย. 61)
แพ็กเกจ 1,000 บาท ยอดเงินในบัตร 1,000 บาท ส่วนลด 5% คูปอง on-top 5% สำหรับการซื้อสินค้า 1 / ใบเสร็จ จำนวน 1 ใบ รับฟรี 50 กะรัตเพียงลงทะเบียนสมัครสมาชิกคิง เพาเวอร์
พร้อมบริการห้องรับรองพิเศษ และสิทธิประโยชน์อีกมากมายตลอดการเดินทาง
สรุปสิทธิประโยชน์ของทั้ง 2 แพกเกจ คิง เพาเวอร์ การ์ด
1.รับ King Power Card พร้อมส่วนลดตามมูลค่าที่ซื้อแพ็กเกจ 2.รับคูปองส่วนลด On-Top 5% ตามแต่ละแพ็กเกจ หมดอายุวันที่ 31 ตุลาคม 2561 3.รับเพิ่มคูปอง 200 บาท (สำหรับการซื้อสินค้าภายในวันถัดไป) เมื่อซื้อ King Power Card ราคา 6,000 บาท 4.King Power Card มีอายุ 30 วัน นับจากวันที่ซื้อแพ็กเกจ และเมื่อลงทะเบียนสมัครสมาชิกจะมีอายุบัตร 5 ปี)
โดยลงทะเบียนการเป็นสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ เพื่อรับเพิ่มทันที 50 กะรัต ผ่านช่องทาง http://services.kingpower.com/register พร้อมสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกคิง เพาเวอร์ ตามประเภทบัตรสมาชิก (แพ็กเกจ 1,000 บาท เทียบเท่า NAVY, แพ็กเกจ 6,000 บาท เทียบเท่า SCARLET)
ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ต่างๆ จะได้รับ เมื่อลงทะเบียนสมาชิกแล้วเท่านั้น สามารถตรวจสอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมได้ที่ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “ททท.ดึงASTWออสซี่ทัวร์เมืองหลักรองปี’61
ททท.เปิดเกมรุกตลาดออสเตรเลีย เตรียมต้อนรับงานใหญ่แห่งปี “ประชุมสมาคมนักเขียนออสเตรเลีย-ASTW” 16-18 สิงหาคม นี้ พร้อมนำทีมลุยสำรวจโปรโมตเมืองท่องเที่ยวหลัก-รอง 7 แห่ง โหมจุดขายวิถีไทย และได้รายการระดับโลก “มาสเตอร์ เชฟ” บุกถ่ายทำทั่วเมืองไทย ช่วง เม.ย.2562
นายสันติ ชุดินธรา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าช่วงสิงหาคม 2561 เป็นเดือนแห่งวันแม่ของไทย นับเป็นโอกาสดีที่สมาคมนักเขียนด้านการท่องเที่ยวออสเตรเลีย (Australian Society of Travel Writers- ASTW) จะนำสมาชิก300 คน มีทั้งนักเขียน ช่างภาพ บรรณาธิการ บล็อกเกอร์ด้านการท่องเที่ยว ผู้ที่ทำงานในด้านประชาสัมพันธ์ มาจัดประชุมสามัญประจำปี 2561 หรือ ASTW Annual General Meeting (ASTW AGM) 2018 ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม 2561 ณ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นจังหวะดีที่จะได้นำนักเขียนออสเตรเลียกลุ่มต่าง ๆ ลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวไทยในเมืองหลัก เมืองรอง ไปสร้างประสบการณ์ร่วมตามแคมเปญ Open to the New Shades ชิมอาหารถิ่น ผ้าไทย ในแต่ละภูมิภาค เพื่อนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในตลาดออสเตรเลียช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป
นางรุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานซิดนีย์ ออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ในฐานะดูแลพื้นที่ตลาดการท่องเที่ยวในกลุ่มโอเชเนียทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ วางกลยุทธ์ใช้เวทีการประชุมสมาคมนักเขียนออสเตรเลียซึ่งทุกคนต้องจ่ายเงินค่าลงทะเบียนมาจัดประชุมในไทย ระหว่าง 16-18 สิงหาคม นี้ พาสำรวจพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของไทยซึ่งมีความหลากหลายรวม 7 เส้นทาง ประกอบด้วย เชียงราย แพร่ น่าน เกาะช้าง (จ.ตราด) กระบี่ พังงา กาญจนบุรี เพราะตามปกติแล้วชาวออสเตรเลียจะนิยมมาเที่ยวทะเลภูเก็ต ขณะนี้ ททท.พยายามนำเสนอพื้นที่ท่องเที่ยวทะเลอันดามันจังหวัดอื่น ๆ และจังหวัดทางฝั่งทะเลอ่าวไทยเพิ่มขึ้น เช่นพื้นที่สำคัญอย่าง เกาะช้าง จ.ตราด
โดยตั้งเป้าเจาะกลุ่มเป้าหมายออสเตรเลีย 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มครอบครัว นิยมเดินทางมาพร้อมกันจำนวนครอบครัวละหลายคน ทั้งพ่อแม่ปู่ย่าตายาย 2.กลุ่มเยาวชน 3.กลุ่มมิลเลนเนียล และ 4.กลุ่มไฮเอนด์ เนื่องจากปัจจุบันออสเตรเลียเป็นตลาดที่ ททท.สามารถทำค่าเฉลี่ยรายได้เกินเป้าหมาย การวางกลยุทธ์ช่วงครึ่งหลังปี 2561 ต่อเนื่องถึงปี2562 จึงต้องหันมาเน้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวด้วยการจับมือกับสายการบินซึ่งมีเที่ยวบินตรงจากเมืองรองในออสเตรเลียเข้าไทย เช่น อดิเลค โฮบาตร ดาวิน เมืองเหล่านี้มีสายการบินชั้นนำเปิดบริการบินตรงไป-กลับ คือ สิงคโปร์แอร์ไลน์ส สกู๊ตแอร์ มาเลเซียนแอร์ไลน์ส โดยจะแวะพักในเมืองหลวงอาเซียนแล้วบินต่อเข้าไทยได้สะดวกมาก
ผอ.รุจิรัศมิ์ กล่าวว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังจะเร่งเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวออสเตรเลียกลุ่มเซ็กเมนต์หลัก ๆ ได้รับรู้ถึงการเดินทางเข้าถึงท้องถิ่นทั่วไทย เพราะถึงแม้ขณะนี้จะไม่มีเที่ยวบินตรงจากออสเตรเลียเข้าภูเก็ตเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ก็ยังเดินทางได้สะดวกโดยมีสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส หรือสายการบินอื่น ๆ บินตรงเข้าไทย
ข่าวที่ 3 “บางจากย้ำขายB20ช่วยรัฐและเกษตรกรลดต้นทุน”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากร่วมส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ B20 ตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน เพื่อช่วยรองรับผลผลิตปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร สร้างเสถียรภาพด้านพลังงานให้ประเทศ รวมทั้งการใช้น้ำมันไบโอดีเซลจะช่วยลดก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ลดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และลดฝุ่นละออง ซึ่งดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจำหน่ายน้ำมันบางจากดีเซลเกรดพิเศษ B20 มาตั้งแต่กรกฎาคม 2561 พร้อมเดินหน้าขยายการจำหน่ายให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการทั้งกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มขนส่งสินค้า รถและเรือโดยสาร เป็นการช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในการขนส่งสินค้าและค่าโดยสาร ซึ่งจะส่งผลต่อการลดค่าครองชีพของประชาชน
ขณะนี้มีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมแล้วกว่า 20 ราย รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีพีไอคอนกรีต จำกัด ปริมาณการใช้รวมประมาณเดือนละ 2.5 ล้านลิตร ซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลได้ประมาณ 3,500 ตันต่อปี
โครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันบางจากดีเซลเกรดพิเศษ B20 บางจากฯ ร่วมกับกระทรวงพลังงานและผู้ประกอบการ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรายอื่น เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นเพื่อเร่งบรรเทาปัญหาน้ำมันปาล์มดิบที่ล้นตลาดในขณะนี้และในระยะต่อไป และจะจำหน่ายน้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ B20 ที่ใช้กับเครื่องมือเครื่องจักรกลทางการเกษตร เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาราคาน้ำมันแพง ช่วยลดต้นทุนภาคการเกษตร
ข่าวที่ 4 “ทอท.แจ้งดอนเมืองลุยซ้อมแผน8-9ส.ค.นี้”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รายงานว่าท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) จะจัดการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยาน ประจำปี 2561 ในวันที่ 8 สิงหาคม 2561 เวลา 22.00 น. ถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2561 เวลา 01.30 น. ณ ชั้น 3 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาคาร 2 ทดม. ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมกรณีขู่วางระเบิดและเกิดเหตุระเบิดภายในอาคารผู้โดยสาร ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 82 เรื่อง ระบบการจัดการด้านนิรภัยสนามบินและตามข้อเสนอแนะขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO)
สำหรับการฝึกซ้อมฯ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการในมาตรการรักษาความปลอดภัย และความปลอดภัยของท่าอากาศยานอย่างสูงสุด ซึ่งอาจทำให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการไม่ได้รับความสะดวกสบาย ในช่วงเวลาดังกล่าว
ในวันที่ 8-9 สิงหาคม นี้ ทอท.ขอแนะนำให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมายังท่าอากาศยานล่วงหน้า 2 - 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน และ ทอท.ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้
ข่าวที่ 5 “TCEBรุกไมซ์ชุมชนสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก7ส.ค.”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า เตรียมนำเครือข่ายพันธมิตรลงพื้นที่ทำโครการ “ประชุมเมืองไทย ไมซ์เพื่อชุมชน” ในวันที่ 7 สิงหาคม 2561 ณ สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด สระบุรี ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของคนในพื้นที่ตั้งสหกรณ์โคนมมวกเหล็กขึ้นเพื่อสืบทอดอาชีพเลี้ยงโคนม ซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงมอบให้แก่เกษตรกรในการส่งเสริมกิจกรรมโคนม เพื่อให้นมที่มาจากเกษตรกร เป็นนมสดร้อยเปอร์เซ็นต์ส่งถึงผู้บริโภค ภายในกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สะอาด ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังผลิตเพื่อส่งสวนจิตรลดาด้วย
สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก เป็นอีกแหล่งชุมชนที่มีความพร้อมจะรองรับกลุ่มบริษัทคอร์ปอเรตขนาดใหญ่ สามารถใช้เป็นสถานที่ทางเลือกนำพนักงานไปจัดประชุมและอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนได้อย่างเต็มที่ตามโครงการ “ประชุมเมืองไทย ไมซ์เพื่อชุมชุม” ของทีเส็บนั่นเอง
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 จับมือกับเครือข่ายอนาคตไทย ทำโครงการ “ไมซ์ชุมชน” โดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งคัดเลือกสหกรณ์ทั่วประเทศที่สามารถจัดสถานที่เป็นโชว์เคสต์ของโปรดักซ์กับอุตสาหกรรมเด่น ๆ พื้นที่แรกทำแล้วคือ บ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี โดยมีบริษัทคอร์ปอเรตกลุ่มพนักงานธนาคารเครือข่ายอนาคตเป็นลูกค้าที่ลงพื้นที่ไปอุดหนุนสินค้าของบ้านลาด
จากผลการประเมินความพึงพอใจของกลุ่มแรกที่ไปยังบ้านลาด 50 คน เป็นเข้าไปยังแหล่งชุมชนปลูกกล้วยหอมทองส่งออก สามารถที่จะนำหน่วยงานเข้าไปจัดประชุมและปรับปรุงแพกเกจจิ้งจำหน่ายได้ราคาสูงขึ้น เป็นตัวอย่างที่ทีเส็บจะนำไปขยายผลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 เป็นต้นไป
ช่วงที่ 2 ตลอดสิงหาคมปีนี้ แต่ละครอบครัว และบรรดาวัยเก๋าต้องห้ามพลาด ชวนคุณแม่ไปไหว้พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ในแดนล้านนาภาคเหนือ แนะนำเที่ยวแบบสบาย ๆ ไหว้ 3 พระธาตุ “ดอยสุเทพ เชียงใหม่-หริภุญไชย ลำพูน-ลำปางหลวง ลำปาง” ด้านการใส่ใจสุขภาพมีข่าวดีจากกระทรวงคลังมาบอกต่อ ก.ย.นี้จะให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐ 11 ล้านคน ได้ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค และข่าวร้อนท้ายชั่วโมง “การบินไทยขายตั๋ววันแม่” ราคาพิเศษ 3 เส้นทางในไทย เริ่มต้นใบละพันบาท “ท่องเที่ยวครึ่งปีแรก” ดึงเงินเข้าประเทศ 1.45 ล้านล้านบาท จีนยังเป็นแชมป์ใช้จ่ายรวมกว่า 6 แสนล้าน “บอร์ดท่องเที่ยวชาติ” เทแล้ว 891 ล้านบาท ให้ ททท.กับกรมท่องเที่ยวเร่งปั๊มเมืองรองโต “2กระทรวงท่องเที่ยว-ทรัพยากรฯ” กอดคอตั้งกรรมการชุดใหม่หวังบูรณาการท่องเที่ยวแบบเข้มข้น
@สิงหาพาแม่ไหว้3พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ล้านนา
ใกล้จะถึงวันสำคัญเดือนสิงหา พาแม่เที่ยว ชวนกันไปในเมืองหลัก เมืองรอง แดนล้านนา ภาคเหนือ แต่ละจังหวัดที่มีพระธาตุศักดิ์สิทธิ์อายุนับพันปี ให้ได้สักการะพร้อมคุณแม่
พระธาตุแรก “พระธาตุดอยสุเทพ” จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกันเป็นว่าเป็นพระธาตุประจำปีมะแม เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวเชียงใหม่และคนทั่วไทย สร้างขึ้นสมัยพญากือนาธรรมิกราช องค์พระธาตุใหญ่อัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย โดย “พระมหาสุมนเถระ” องค์พระธาตุแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก นำไปประดิษฐานที่วัดสวนดอก อีกส่วนอัญเชิญขึ้นบนหลังช้างเพื่อเสี่ยงทาย ซึ่งช้างได้วิ่งมาหยุดอยู่บน “ดอยสุเทวะฤาษี” หรือ ดอยสุเทพ พระเจ้ากือนาจึงทรงรับสั่งให้สร้างเจดีย์สูง 5 วาขึ้น เพื่อประดิษฐานพระธาตุส่วนที่เหลือให้ชาวล้านนาได้เคารพสักการะ โดยได้บูรณปฏิสังขรณ์อย่างต่อเนื่องมาตลอด
เดินทางต่อไปยังจังหวัดลำปาง ก็มี “พระธาตุลำปางหลวง” ประจำคนเกิดปีฉลุ ตามตำนานเล่าวว่าสมเด็จพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระเถระสามรูป เสด็จมาถึงบ้านสัมภะการีวัน หรือ บ้านลำปางหลวง ระหว่างประทับเหนือดอยม่อนน้อย มีชาวลัวะชื่ออ้ายก้อนเลื่อมใสศรัทธา จึงนำน้ำผึ้งกับน้ำมะตูมมาถวายพระพุทธเจ้า จึงพระราชทานเกศาให้หนึ่งเส้น ลัวะอ้ายก้อนได้นำบรรจุผอบทองคำ จากนั้นก็นำมาประดิษฐานในเจดีย์เหนืออุโมงค์สูง 7 ศอก ซึ่งเป็นทรงระฆังคว่ำแบบล้านนาบุทองจังโก้ ยอดฉัตรประดับทองคำ ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปสักการะขอพรกัน
ส่วนจังหวัดลำพูน มี “พระธาตุหริภุญไชย” พระธาตุประจำคนเกิดปีระกา สร้างขึ้นสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 รัชสัยพญาอทิตยราช แห่งราชวงศ์จามเทวีวงศ์ ภายในเจีดย์ล้านนาทรงไทยแท้ ประดิษฐานพระเกศบรมธาตุ ส่วนศรีษะ ซึ่งบรรจุในพระโกศทองคำ ทุกวันพระใหญ่วิสาขบูชา จะมีพิธีสรงน้ำพระธาตุหริภัญไชย โดยใช้น้ำทิพย์จากยอดดอยขะมัย 1 ใน 7 บ่อน้ำทิพย์ที่ใช้งานพระราชพิธีสำคัญ
หากได้มีโอกาสขึ้นเหนือสู่ดินแดนล้านนา แล้วไปสักการะพระธาตุแต่ละแห่งในแต่ละจังหวัด จะเป็นมงคลแก่ชีวิตทุกคน
@รัฐให้11ล้านคนใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกโรคก.ย.นี้
กระทรวงการคลัง มีข่าวดีมาแจ้งประชาชนคนไทย ภายเดือนสิงหาคม 2561 จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการภาครัฐ 11.4 ล้านคน เข้ารักษาพยาบาลฟรีผ่านโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นมาตรการช่วยเหลือชั่วคราว ซึ่งจะเริ่มใช้ได้ภายในเดือนกันยายน 2561 เป็นต้นไป ระหว่างนี้จะหารือกับกระทรวงสาธารณสุขถึงแนวทางการจ่ายเงินชดเชย โดยเบื้องต้นอาจจะใช้เงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โดยจะใช้เงินจำนวนไม่มาก
เงื่อนไขเพียงแค่แสดงผู้มีสิทธิรับการรักษาแสดงบัตรสวัสดิการ ซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยไม่ควรมีภาระ ค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าว
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทยชูตั๋วถูกพิเศษบินวันแม่ในประเทศ3จังหวัด”
นายกรกฏ ชาตะสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย-ประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และวันแม่แห่งชาติ วันที่ 12 สิงหาคม 2561 บริษัทฯ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและพระคุณของผู้เป็นแม่ จึงจัดโปรโมชั่น “สิงหาพาแม่เที่ยว 2561” สำหรับเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเวลาสำคัญ ด้วยตั๋วโดยสารภายในประเทศราคาพิเศษ ได้รวมค่าภาษี และค่าธรรมเนียมทุกประเภทแล้ว ในแต่ละเที่ยวบินมีจำนวนจำกัด แบบมีเงื่อนไข ซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคม 2561 ซื้อแล้วนำไปใช้เดินทางได้จนถึง 30 กันยายน 2561 ในเส้นทางบินดังนี้
1.กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เดินทางเที่ยวเดียว ราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาท/เที่ยว ไป-กลับ เริ่มต้นที่ 3,000 บาท
2.กรุงเทพฯ-กระบี่ เที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 1,600 บาท ไป-กลับเริ่มต้นที่ 3,150 บาท
3.เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต เที่ยวเดียวเริ่มต้นที่ 1,700 บาท ไป-กลับ เริ่มต้นที่ 3,400 บาท
สอบถามและสำรองที่นั่งพร้อมออกตั๋วโดยสารได้ที่สำนักงานขายการบินไทยและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ THAI Contact Center (02) 356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือ www.thaiairways.com
ข่าวที่สอง “ท่องเที่ยวครึ่งปีโกย1.45ล้านล้านจีนแชมป์ใช้เงิน”
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงาน สถิติรายได้ท่องเที่ยวภาพรวมตลอดครึ่งปี 6 เดือนแรก 2561 มีรายได้รวม 1.458ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0 % มาจากตลาดต่างชาติเที่ยวไทย 1.016 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.88 % เฉพาะ กรกฎาคม 2561 เพียงเดือนเดียว จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยมากถึง 3,199,740 คน เติบโต 3.62 % สร้างรายได้รวม 165,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.69 %
ส่วน “ตลาดคนไทยเที่ยวไทย” สรุปยอด 5 เดือนแรก มกราคม-พฤษภาคม 2561 จำนวนรวม 62.29 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 4.93 % (เที่ยวเมืองหลัก 57.90 ล้านคน-ครั้ง เพิ่ม 5.02 % สร้างรายได้ 3.40 แสนล้านบาท เที่ยวเมืองรอง 35.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.98 % สร้างรายได้ 1.0 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.14 %) สร้างรายได้รวม 4.42 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.90 %
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์ “นักท่องเที่ยวจีน” ตลาดหลักจะเดินทางเที่ยวเมืองไทยตลอดปี 2561 จะมีจำนวน 11.08 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.09 % สร้างรายได้รวม 6.13 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.0 %
โดยเฉพาะกรกฎาคม 2561 เดือนเดียว “นักท่องเที่ยวจีน” จะเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทย ประมาณ 933,665 คน ลดลง 0.45 % สร้างรายได้ 49,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.08 % สาเหตุของจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเพราะ 4 ปัจจัย ได้แก่ 1.อุบัติเหตุเรือล่มในภูเก็ต เกิดความไม่เชื่อมั่นมาตรฐานด้านความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางน้ำ 2.กระแสความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ในโลกโซเชียล 3.ระดับความระมัดระวังต่อพยากรณ์อากาศมากขึ้น อย่างคลื่นลมในทะเล ช่วงนี้ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหันไปเที่ยวเกาหลีประเทศใกล้บ้านเพิ่มขึ้นตั้งแต่มิถุนายนที่ผ่านมา บวก 49 % และ 4.สถานเอกอัครราชทูตจีน ประกาศเตือนการท่องเที่ยวทางน้ำและสภาพอากาศในไทย
ส่วนแนวโน้ม “นักท่องเที่ยวจีน” ช่วงครึ่งปีหลัง 6 เดือนหลัง กรกฎาคม - ธันวาคม 2561 จำนวน 5.15 ล้านคน ลดลง 6.69 % รายได้ 2.93 แสนล้านบาท ลดลง 0.37 % มาจาก 4 ปัจจัยหลัก 1.ช่วงฤดูเดินทางวันหยุด Golden week 2. มาตรการกระตุ้นของภาครัฐ 3.การทำตลาดเชิงรุกของ ททท.และเอกชน 4.การจัดอีเวนต์ระดับโลกที่จัดในไทย อาทิ โมโตจีพี และการเป็นสถานที่จัดประกวด มิสยูนิเวอร์ส
สำหรับแนวโน้มช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 นักท่องเที่ยวอื่น ๆ 10 ประเทศ ที่เดินทางเข้าไทย ประกอบด้วย 1.มาเลเซีย เพิ่ม 20 % 2.สปป.ลาว เพิ่ม 15 % 3.ญี่ปุ่น 4.อินเดีย 5.เยอรมัน เพิ่มประเทศละ 5 % 6.สหรัฐอเมริกา เพิ่ม 2 % ส่วนที่ติดลบ ได้แก่ 7.เกาหลีใต้ ลด 0.1 % 8.ออสเตรเลีย ลด 2 % 9.ฝรั่งเศส ลด 3 %
ข่าวที่สาม“บอร์ดท่องเที่ยวชาติแจกแล้ว891ล้าน-ททท./กรมฯ”
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2561 โดยมีผลสรุปความคืบหน้าการดำเนินโครงการไทยนิยมยั่งยืน ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 891.29 ล้านบาท แบ่งเป็น
หน่วยงานแรก กรมการท่องเที่ยว 106.29 ล้านบาท ไปจัดทำ 1.โครงการฝึกอบรมภาษาอังกฤษ 2.การจัดการท่องเที่ยวชุมชน 3.ทำโฮมสเตย์ 4.อำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัย 5.จัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 6.พัฒนาระบบสารสนเทศ
หน่วยงานที่ 2 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 785.00 ล้านบาท นำไปจัดทำ
1.โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชนตามโครงการท่องเที่ยวชุมชน อะเมซิ่งไทยแลนด์ โกโลคอล (Amazing Thailand Go Local) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินโครงการการส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวชุมชนและการกระจายรายได้สู่เมืองรอง ภายใต้โครงการ Amazing Thailand Go Local ปรับสัดส่วนผู้เยี่ยมเยือนเมืองหลักต่อเมืองรอง จากเดิม 70:30 เป็น 65:35
2.โครงการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะเพื่อการท่องเที่ยว (Tourism Smart DATA Management) 3.โครงการส่งเสริมการตลาดเพื่อการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งห่วงโซ่คุณค่าด้าน การท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองรอง (Marketing-Led Tourism Development)
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ สร้างอัตลักษณ์ของพื้นที่และจัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองรอง เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และการพัฒนาคนสร้างเสริมความเข้มแข็งของชุมชน ผ่านโครงการอาสาสมัครเพื่อการท่องเที่ยวในรูปแบบพัฒนาผู้สอน แผนการดำเนินงานปี 2562 เน้นการใช้วิถีการกินนำไปสู่การสัมผัส Local Experience สร้างมูลค่าเพิ่มด้วย content สร้างกระแสใส่ใจสิ่งแวดล้อม และ ชูอัตลักษณ์เมืองรองมาเป็นส่วนผสมหลักในการสร้างสรรค์สินค้า สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวเพื่อตอบความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับแผนขับเคลื่อนงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สำคัญ คณะกรรมการฯ เห็นชอบให้เดินหน้าภารกิจหลัก 1.ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิม 2.ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญ 3.นโยบายการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของไทย เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2564) โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินโครงการ/กิจกรรม ตามแผนปฏิบัติการของยุทธศาสตร์ดังกล่าว 4.เห็นชอบมาตรฐานที่พักแบบพำนักระยะยาว (LongStay Standard) ฉบับปรับปรุงและการจัดทำ “แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชน” เพื่อเสนอให้สำนักงบประมาณ พิจารณาทบทวนและกำหนดแนวทางการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ต่อไป
ข่าวที่สี่ “2กระทรวงตั้งกก.ชุดใหม่รุกบูรณาการท่องเที่ยว”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงท่องเที่ยวฯและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อการส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เปิดประชุมเป็นครั้งแรกโดยรัฐมนตรีทั้ง 2 กระทรวง ได้ลงนามแต่งตั้งให้ปลัดทั้งสองกระทรวงเป็นประธานร่วมกันในโอกาสการประชุมครั้งต่อไป
เบื้องต้นในการประชุมครั้งแรกหารือกัน 4 เรื่อง ได้แก่ 1.แผนพัฒนาบริเวณถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอนเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 2.การใช้ระบบcarrying capacityในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ 3.การจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ.. 4.การเตรียมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในเมืองรอง
เป้าหมายเพื่อใช้เวทีนี้บูรณาการทั้งแผน แนวคิดและการเชื่อมระบบการทำงานเช้าหากันที่สำคัญยิ่งระหว่างสองกระทรวงให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นต่อไป
ติดตามฟังรายการเป็นประจำทาง ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
 |
| เพ็ญรุ่ง ใยสามเวน ผู้ดำเนืนรายการ และคอลัมนิสต์ท่องเที่ยว-การบิน |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น