การบินไทยออสเตรเลียงัดเทรนด์ตลาดใหม่ Network Link ดันไทยขึ้นผู้นำเอเชีย-คิงเพาเวอร์ผนึกแบรนด์โลกมอบขวัญวันแม่
การบินไทยออสซี่งัดเทรนด์ตลาดโลกใหม่ขึ้นผู้นำ
รุกขายตั๋วNetworkแวะไทยต่อเข้ายุโรปพุ่ง45%
คิงเพาเวอร์ดึง3แบรนด์โลกมอบของขวัญวันแม่
ททท.จัดEatLocalแจ้งเกิดอาหารถิ่นกาฬสินธุ์
ผู้นำบางจากเปิด7กลุ่มธุรกิจทำรายได้ทะยาน
ทอท.ซ้อมแผนดอนเมืองสร้างเชื่อมั่น30ล้านคน
กินลมชมวิวแดนใต้เมืองตรังยุทธจักรของอร่อย
6เรื่องที่ต้องระวังภัย“โซเชียล”ส่งผลต่อสุขภาพ
บินไทยหวังปี’65ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภาโกย4พันล้าน
ไทยแอร์จัดโปรบินเชียงใหม่-ฮานอยแค่พันบาท
ทย.เทงบปี’63ขยาย2สนามบินหัวหิน-ระนอง
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เปิดใจนักบริหารรุ่นใหม่ไฟแรง “เสริญ ชูพิชัยกุล” ผู้จัดการทั่วไป ประจำคอมมอนเวลท์ และออสเตรเลีย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมนำการตลาดฝ่าวงล้อมการแข่งขันอันดุเดือดนำ “สายการบินแห่งชาติ” ผงาดขึ้นเป็น “ผู้นำเอเชีย” ด้วยเทรนด์การตลาดแนวใหม่ Network Link ใช้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อเที่ยวบินผู้โดยสารจากนานาชาติฝั่งแปซิฟิกหันมาใช้การบินไทยกระจายต่อไปยังจุดหมายปลายทางแถบสหภาพยุโรป อินเดีย และทวีปไกล ควบคู่ไปกับการปลุกสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส ในออสเตรเลียที่มีอยู่กว่า 3 แสนราย กลับมาจงรักภักดีต่อแบรนด์ ROP รวมทั้งจะจับมือกับ ททท.ซิดนีย์ เดินหน้าให้ไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อนดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายเงินกระจายสู่ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล
นายเสริญ ชูพิชัยกุล ผู้จัดการทั่วไป ประจำคอมมอนเวลท์ และออสเตรเลีย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เปิดบินเข้าออสเตรเลียมา 4 ทศวรรษ ขณะนี้ดูแลพื้นที่การตลาดโดยมีเที่ยวบินประจำบริการ สัปดาห์ ไป-กลับ กรุงเทพฯ 4 เมือง สถานการณ์ช่วงครึ่งปีแรก มกราคม-มิถุนายน ทำอัตราบรรทุกผู้โดยสารและรายได้เติบโตเฉลี่ย 8 % โดยมีเที่ยวบินรวมสัปดาห์ละ 39 เที่ยว ประกอบด้วย ซิดนีย์ 11 เที่ยว ใช้ฝูงบินโบอิ้ง 747-400 (ตอนนี้เหลือ 5 ลำ) ใช้ฝูงบินแอร์บัส A350-900 บริสเบน 11 เที่ยว เมลเบอร์น 14 เที่ยว เพิร์ธ 7 เที่ยว ใช้ฝูงบินโบอิ้ง B787-800 วางกลยุทธ์เจาะตลาดเที่ยวบินตรง 60 % และเที่ยวบินเชื่อมต่อไปยังทวีปอื่น (Network linked) 40-45 % เข้าสู่ยุโรป (ชาร์ล เดอ โก ฝรั่งเศส, ลอนดอน อังกฤษ) และอินเดีย
การวางกลยุทธ์เจาะตลาดในออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป โดยเน้นสร้างความเชื่อมั่นนำเสนอโปรดักซ์ที่สามารถแข่งขันกับสายการบินอื่นได้สบาย ๆ โดยเปรียบเทียบให้เห็นถึงมูลค่าเพิ่มของบริการ (Value Addes) ขณะนี้ฝูงบินของการบินไทยมีบริการไฮเทคโนโลยี Live TV on Broad 3 ใน 4 เมืองเข้าออสเตรเลีย ส่วนในช่วงตารางบินฤดูหนาว เริ่มปลายเดือนตุลาคม 2561 -25 มีนาคม 2562 จะบุกหนักเที่ยวบินจากออสเตรเลีย ต่อเครื่องในกรุงเทพฯ เข้ายุโรป และ อินเดีย ซึ่งมีไทยทีม คือ ไทยสไมล์ บริการในประเทศและเอเชียใต้ ส่วนการเพิ่มราคาตั๋วโดยสารช่วงฤดูการเดินทางหนาแน่นสิ่งแรกต้องเพิ่มอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยให้ได้มากกว่า 80 % โดยการช่วงชิงผู้โดยสารออสเตรเลียเดินทางต่างประเทศช่วงวันหยุดพักผ่อน (peak holidays) ส่วนราคาตั๋วต้องรอประเมินสถานการณ์การแข่งขันให้ชัดเจนอีกครั้ง ตามปกติจะเพิ่มประมาณ 70-80 เหรียญออสเตรเลีย จากปัจจุบันขายตั๋วไป-กลับ 700-800 เหรียญออสเตรเลีย
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลัก ๆ จะต้องทำเชิงรุก ได้แก่ 1.กลุ่มสมาชิก Royal Orchid Plus : ROP ซึ่งเป็นผู้โดยสารที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Loyalty Member) ในออสเตรเลียมีถึง 3 แสนสมาชิก จะต้องกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวใช้สิทธิประโยชน์ซื้อตั๋วโดยสารการบินไทย ผ่านช่องทาง Electronic direct mail :EDM กับการทำตลาดโดยตรงจัดทำโปรโมชั่นเฉพาะเจาะจงต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2.กลุ่มครอบครัว วางตำแหน่งการบินไทยเป็น friendly family Airlines ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด 20-25 %
นายเสริญกล่าวว่า การบินไทยในออสเตรเลีย ได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรส่งเสริมตลาดการเดินทางจากออสเตรเลียเข้าประเทศไทย ได้แก่ 1.จับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานซิดนีย์ สนับสนุนโครงการ Australia Travel Writer : ASTW 2018 การจัดประชุมสมาคมนักเขียนออสเตรเลียประจำปี 2561 ที่จะไปจัดในไทย ระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม 2561 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ โดยให้ตั๋วโดยสารราคาพิเศษ และออกบูธในงานด้วยการจัดทำพรีเซ็นเตชั่น 2.ร่วมกับสถานเอกอัครฑูตไทยจัดงาน Thailand Festival ทุกปี
โดยการบินไทยได้นำจุดแข็งต่าง ๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อาหารไทย อาหารถิ่น บริการแบบวิถีไทย ผนวกการเพิ่มช่องทางการขายตั๋วโดยสาร แพกเกจท่องเที่ยว ผ่านทางออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ซึ่งขณะนี้มีส่วนแบ่งการขายอยู่ประมาณ 15 % ของตลาด จากนี้ไปจะเพิ่มความเข้มข้นการทำโปรโมชั่นราคาตั๋วโดยสารขายแบบ Flash Sale และ Promote Code ให้เข้ามาลงทะเบียนเพื่อเก็บรายชื่อลูกค้าไว้เป็นข้อมูลของบริษัท
นายเสริญย้ำว่าสถานการณ์การแข่งขันของสายการบินนานาชาติในตลาดออสเตรเลีย ปัจจุบันมี 10 กว่าสายการบิน ที่จะต้องต่อสู้กับทั้ง โลว์คอสต์แอร์ไลน์ส สายการบินอินเตอร์จากนานาประเทศ โดยเฉพาะตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น อาเซียน ซึ่งบินตรงเข้าเอเชียตะวันออกวันละ 3-4 เที่ยว แต่การบินไทยก็จะต้องเร่งเครื่องใช้ศักยภาพของเที่ยวบินใน 4 เมืองหลัก ต่อสู้ให้ได้ พร้อมทั้งล่าสุดได้รับรางวัลระดับโลกจาก Sky Trax ถึง 3 รางวัลการันตีคุณภาพบริการ ได้แก่ 1.The Best World Economy : เป็นผู้นำที่นั่งชั้นประหยัดอันดับ 1 ของโลก โดยมีพื้นที่ระหว่างเก้าอี้ให้ผู้โดยสารได้ใช้อย่างสะดวกความกว้าง 33 นิ้ว สูงกว่าค่าเฉลี่ยของที่นั่งชั้นประหยัดสายการบินทั่วไทยซึ่งตามมาตรฐานกว้างเพียง 31 นิ้ว 2.The Best World Caterting : บริการอาหารบนเครื่องดีเป็นอันดับ 1 ของโลก 3.The Best World of Louge and Spa : บริการเลาจน์และสปาดีสุดของโลกเช่นกัน
สำหรับการบินไทยในตลาดออสเตรเลีย จะรักษาตำแหน่งของสายการบินที่เหมาะกับผู้โดยสารพักผ่อนและครอบครัว ซึ่งมีศักยภาพในการจ่ายเงินสูงกว่าตลาดทั่วไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ผนึก3แบรนด์โลกมอบของขวัญวันแม่”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำจุดหมายปลายทางแห่งไลฟ์สไตล์ที่เป็นมากกว่าร้านค้าดิวตี้ฟรี ชวนต้อนรับเดือนแห่งวันแม่สิงหาคม 2561 มอบของขวัญที่มีคุณค่าด้วย 3 แบรนด์ บวก beautymember เพื่อสร้างความประทับใจให้คุณแม่ทุกครอบครัว
แบรนด์แรก GUCCI นำพลังแห่งความอ่อนเยาว์และมิตรภาพของหญิงสาวที่มั่นคงยาวนานผ่านกาลเวลา เป็นแรงบันดาลใจสู่การสร้างสรรค์ Gucci Bloom Acqua di Fiori กลิ่นหอมใหม่ที่พัฒนามาจากความหอมต้นฉบับ Gucci Bloom ผ่านความละมุนละไมจากเสน่ห์ของมะลิ ดอกเล็บมือนาง และซ่อนกลิ่น ผสานไว้ด้วยโทนสไปซีจาก Galbanum และ Cassis ติดตรึงด้วยมัสก์และไม้จันทน์หอม จนกลายเป็นความมีชีวิตชีวาและสดชื่น สัมผัสความหอมสดชื่นใหม่ของ Gucci Bloom Acqua di Fiori ได้แล้ววันนี้ที่คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี และเดือนสิงหาคมนี้ พบกับ Gucci Pop-up Store ได้ที่คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
แบรนด์ที่สอง PRADA พบกับจุดหมายใหม่ของเหล่านักช้อป Prada Counter ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ นอกจากจะเป็น Prada Counter ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิกแล้ว ยังเป็น 1 ใน 24 แห่งที่วางจำหน่าย Prada Olfactories (Private Collection) รวมถึงน้ำหอมรุ่นอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ Prada เพื่อการค้นหาความหอมที่บ่งบอกความเป็นคุณ พร้อมรับบริการสุดประทับใจกับการเลือกแท็กติดขวดน้ำหอมในสไตล์ Prada Saffiano หรือเลือกซองและการ์ดของขวัญเพื่อเขียนถ่ายทอดความปรารถนาดีส่งให้คนที่คุณรักด้วยตัวคุณเอง
แบรนด์ที่สาม L’OCCITANE นำคุณค่าของเชียบัตเตอร์บรรจุลงในกิฟต์เซ็ตที่มาในบรรจุภัณฑ์สุดพิเศษชุด Thailand Limited Edition ประกอบด้วย L’Occitane Shea Butter Hand Cream Trio ชุดแฮนด์ครีม 3 หลอดเพื่อมือที่เนียนนุ่มน่าสัมผัส, L’Occitane Hand Cream Quartet ชุดแฮนด์ครีม 4 หลอดบรรจุในกล่องโลหะสีสันสดใส และ L’Occitane Shea Soap Collection คอลเลคชั่นสบู่ 5 ก้อนที่มากด้วยคุณค่าบำรุง ทั้งสามเซ็ตมีวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี
และ KINGPOWER BEAUTYCLUB เชิญชวนลูกค้าคิง เพาเวอร์ สามารถอัพเดตสินค้าใหม่ ไม่พลาดข่าวสารเรื่องราวดี ๆ ด้านความสวยความงาม ทั้งข้อมูลน้ำหอม เครื่องสำอาง และสกินแคร์มาแรงจากแบรนด์ดังทั่วโลก พร้อมข้อเสนอโปรโมชั่นพิเศษและอีเวนต์น่าสนใจในแต่ละเดือนได้ง่ายๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพียงร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “KINGPOWERBEAUTYCLUB” ผ่านโซเชียลมีเดีย https://www.facebook.com/kingpowerbeautyclub/ และอินสตาแกรม https://www.instagram.com/kingpowerbeautyclub
ข่าวที่ 2 “ททท.ชวนEat Localกาฬสินธุ์30ส.ค.-2ก.ย.นี้”
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ผลักดันสื่อสารตลาดท่องเที่ยวเชิงรุกในพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองโดยรอง โดย ททท.กับ จังหวัดกาฬสินธุ์ จัดกิจกรรมชวนนักท่องเที่ยวไปร่วมสัมผัสวิถีถิ่น ชิล ฟิน กิน ช้อป อาหารพื้นถิ่นดินแดนกาฬสินธุ์ ครั้งแรกกับงาน “มี๊ตแอนด์กรี๊ด -Eat Local Food” ระหว่าง 31 สิงหาคม - 2 กันยายน 2561 เวลา 16.00 น. – 22.00 น. ณ ถนนโสมพะมิตร ซึ่งเป็นบริเวณย่านเมืองเก่า
ซึ่งเป็นงานที่ได้รับความร่วมมือจากร้านอาหารชื่อดังทั่วจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมใจกันมาร่วมสร้างแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวในเรื่องอาหารถิ่นการกินอย่างมีความสุขถึง 30 ร้าน รวมทั้งยังได้จัดให้มีโซนร้านคราฟท์สุดแนว มุมชวนทำดี พร้อมโซนวัฒนธรรมกาฬสินธุ์ ซึ่งพร้อมนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ ของชาวกาฬสินธุ์ รวมถึงความบันเทิงสุดพิเศษภายในงานได้จัดให้มีศิลปินมาร่วมสร้างสีสัน อาทิ คุณกะปอม จากรายการมาสเตอร์เชฟ ไทยแลนด์ วงมหาฟาเทอร์ คุณอีส ชำนาญ จากอีสานพาสวบ และกิจกรรมต่างๆ มากมาย
สอบถามข้อมูลมหกรรม ฟิน กิน เที่ยว กาฬสินธุ์ เพิ่มได้ที่ เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672
ข่าวที่ 3 “บางจากเปิดสถานการณ์7กลุ่มธุรกิจทำเงิน”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าสถานการณ์ครึ่งปีแรกสามารถทำกำไรสุทธิ 2,494 ล้านบาท โดยมีผลมาจากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท บางจากฯ ทำรายได้ต่อเนื่อง หลัก ๆ 7 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย
1.ธุรกิจโรงกลั่น มี EBITDA 1,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111 % มีปริมาณการผลิตลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 66,800 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 56 % ของกำลังการผลิตรวมของโรงกลั่น ซึ่งเป็นไปตามแผนการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี รวม 45 วัน ในครึ่งปีหลังจะกลับมากลั่นเต็มกำลังการผลิตต่อเนื่อง โดยมีความคืบหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงกลั่น ตามโครงการ 3E (Efficiency, Energy, and Environment Improvement Project, 3E Project) ขณะนี้ได้ผู้รับเหมามาออกแบบก่อสร้างหน่วยเพิ่มออกเทนและขยายกำลังการผลิตหน่วยแตกโมเลกุล และคาดจะแล้วเสร็จปี 2563
2.กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 509 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายรวม 1,455 ล้านลิตร ลดลง 3 % ด้วยปริมาณการจำหน่ายในส่วนของตลาดอุตสาหกรรมลดลง เนื่องจากการบริหารสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปในช่วงหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ขณะที่ปริมาณจำหน่ายในตลาดค้าปลีกซึ่งเป็นช่องทางหลักมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการขยายฐานลูกค้าตามกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยบางจากฯ ได้ชะลอปรับขึ้นราคาน้ำมันหน้าสถานีบริการเพื่อลดภาระให้ผู้บริโภคช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมตรึงราคาหน้าสถานีบริการช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์
ช่วง 5 เดือนแรกปี 2561 มียอดการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้น 7 % มีส่วนแบ่งการตลาดสะสม 5 เดือนอยู่ที่15.7 % มีส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกสูงสุด 16 % ในเดือนพฤษภาคม ผลจากการขยายจำนวนสถานีบริการมาตรฐานในพื้นที่ที่มีศักยภาพ มีการรักษามาตรฐานการบริการ พร้อมจัดกิจกรรมที่หลากหลายในรูปแบบ Greenovative Experience พร้อมเปิดสถานีบริการเพิ่มขึ้น 71 สาขา ปัจจุบันทั่วประเทศมีทั้งสิ้น 1,140 สาขา
3.ธุรกิจ Non-Oil ทั้งร้านสะดวกซื้อ SPAR ร้านกาแฟอินทนิล ภายใต้การดูแลของบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด ยังคงพัฒนาและขยายสาขาต่อเนื่องเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ในช่วงสิ้นไตรมาส 2 มีร้านกาแฟอินทนิล 492 สาขา ร้านค้าปลีก SPAR 35 สาขา
4.กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้าภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มี EBITDA 793 ล้านบาท ด้วยปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวม 81.58 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ลดลง 1 % จากโครงการผลิตไฟฟ้าฯ ในไทยมีค่าความเข้มแสงเฉลี่ยปรับลดลงจากฝนตกต่อเนื่องยาวกว่าปกติ แต่เพิ่มขึ้น 9 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากค่าความเข้มแสงเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล โดยในไตรมาสนี้รับรู้รายได้จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ Gotemba ในประเทศญี่ปุ่นมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสัญญา 4 เมกะวัตต์
5.ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) มี EBITDA 171 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจผลิตไบโอดีเซล 122 ล้านบาท ธุรกิจผลิตเอทานอล 74 ล้านบาท
6.ธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงเอทานอลแปลงสภาพ มีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากรับรู้ผลการดำเนินงานของ บริษัท เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) จากการควบรวมบริษัท แบ่งเป็นปริมาณการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง เฉลี่ยที่ 96,000 ลิตรต่อวัน และปริมาณการผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล เฉลี่ย 336,000 ลิตรต่อวัน
7.กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA 36 ล้านบาท มาจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีรายได้จากการขายเพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่มีปริมาณการผลิตลดลงตาม Natural decline curve ของ Nido ในไตรมาส 2 บางจากฯ ได้ประกาศจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน OKEA ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ (World Class Asset) อายุการผลิตต่อเนื่องระยะยาว คาดธุรกรรมทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ ปลายปี 2561 และได้เข้าทำรายการเพื่อขายแหล่ง Galoc คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสที่ 3
ข่าวที่ 4 “ทอท.ได้แรงหนุนดอนเมืองซ้อมแผนปลอดภัยฉลุย”
นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ผลจากการปฏิบัติการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยาน โดยใช้สถานการณ์สมมติ กรณีขู่วางระเบิดอาคารผู้โดยสารและเกิดเหตุระเบิด ระหว่างวันที่ 8-9 สิงหาคม 2561 ของดอนเมือง ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีผู้บริหาร ทอท.ฝ่ายต่าง ๆ ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ทั้งนางภาระณี วรรธโนทัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานมาตรฐานท่าอากาศยานและการบิน) นาวาอากาศโท ฤทธิรงค์ ก้อนมณี ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานมาตรฐานท่าอากาศยานและการบิน)
โดยเฉพาะรวมหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ให้ความร่วมมือสนับสนุนการปฏิบัติงานการซ้อมแผนฉุกเฉินดอนเมืองครั้งนี้อย่างเต็มที่ ได้แก่ สายการบิน ผู้ประกอบการ หน่วยงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขต่างๆ และหน่วยงานราชการ
จึงนับเป็นสัญญาณที่ดีของสนามบินดอนเมือง ที่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) นำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและนานาชาติทั่วโลกที่เดินทางเข้าออกโดยสายการบินที่ขึ้น-ลง นำผู้โดยสารเข้ามายังสนามบินดอนเมืองปีละกว่า 30 ล้านคน
ช่วงที่ 2 เดือนแห่งวันแม่สิงหาคมนี้ ทะเลอันดามันในเมืองรอง “จังหวัดตรัง” ยุทธจักรแห่งเมืองอาหารอร่อย เปิดบ้านต้อนรับคุณแม่และทุกครอบครัว ควงแขนกันไปชีล ๆ กินลมชมทะเลแดนใต้ในอีกบรรยากาศได้ทุกวัน ส่วนสุขภาพก็ต้องใส่ใจด้วยโดยเฉพาะเรื่อง “6เรื่องที่ต้องรู้เท่าทันโซเชียลเพื่อชีวิตเป็นสุข” และข่าวชวนติดตาม เรื่องของการบินไทยกับศูนย์ซ่อมใหญ่ในอู่ตะเภา ความหวังของธุรกิจใหม่ในการโกยรายได้ปีละ 4,000 ล้านบาท ส่วนไทยแอร์เอเชีย เตรียมเปิดบินตรง เชียงใหม่-ฮานอย จัดโปรตั๋วแค่ 1,000 บาท วันนี้-19 ส.ค.นี้ และ กรมท่าอากาศยานเร่งเครื่องใช้งบปี’63 ปัดฝุ่นสนามบินหัวหินกับระนองดันภาคใต้เติบโต
@กินลมชมทะเลแดนใต้ในเมืองตรัง
ในบรรดาเมืองท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งตอนนี้ติดเป็นหนึ่งเมืองรอง “จังหวัดตรัง” ที่มีวิถีชีวิตสบาย ๆ ผสมผสานของคนไทยเชื้อชายจีน โดดเด่นเรื่องอาหารการกิน นักท่องเที่ยวมักจะชอบมาช่วงเทศกาลอาหารถิ่น หมูย่างเมืองตรัง ละลานตาด้วย หมูย่างหนังกรอบ ติ่มซำคำโต ขนมเค้กมีรู และตามตรอกซอกซอยยามเช้า สาย บ่าย เย็น จะได้เห็นร้านกาแฟของชาวบ้าน เรียกว่า “โกปี๊” แล้วยังมีของกินโบราณอย่าง แซล้อง ยาโก้ย
ส่วนอาหารปักษ์ใต้ที่ขาดไม่ได้ช่วงมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น ต้องชิมแกงไตปลา ทำจากไส้ปลาทูหมักอย่างดี สะอาดรสชาติเผ็ดจัดจ้าน ร้านยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินและวิถีความเป็นอยู่ของคนเมืองตรัง ต้องลองแวะไปที่ ร้านไกยาว หมูเกาหยุก ร้านสีฟ้าไลฟ์สไตล์ซีฟู้ด ที่มีแกงคั่วพริกกระดูกอ่อน แกงส้ม ราดหน้าซูเปอร์ ข้าวยำ ขนมจีน
แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดตรังก็กระจายอยู่รอบตัวเมืองตามอำเภอใกล้เคียง ถ้าไป “ห้วยยอด” ก็เป็นแหล่งลอดท้อมังกรเสริมสิริมงคล ที่อุทยานมังกรวังเทพทาโร ไหว้พระนอนทรงเทริดห์รา วัดภูเขาทอง แล้วต้องชิมอาหารจีนดำแบบท้องถิ่นของแท้
อำเภอนาโยง เป็นเมืองถ้ำข้นคือ ถ้ำเขาช้างหาย หรือจะไปไหว้อนุสาวรีย์พระยารัษฎรนุประดิษฐ์ ก็ได้ ระหว่างทางสามารถแวะซื้อผ้าทอ แวะกินเค้กท่าปาบ เค้กสายใจ หรือเค้กกนิษฐา เปรียบเทียบรสชาติกันได้
มาถึงอำเภอย่านตาขาว ต้องแวดสูดโอโซนธรรมชาติที่ สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ (ทุ่งค่าย) กับสถานที่ยอดนิยมอีกแห่งคือ Plan Toy เป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่นเด็กทำจากไม้ยางพารา
ปลายทางการท่องเที่ยวในอเภอกันตัง เข้าไปเยือนจวนเจ้าเมืองตรัง นั่งรถเลาะทะเลอันดามันเที่ยวหาดสั้น หาดหยงหลิง หาดฉางหลาง หาดยาว หาดราชมงคล และ หาดปากเม็ง ซึ่งเคยโด่งดังเป็นสถานที่จัดวิวาห์ใต้สมุทร บ่าวสาวทั่วโลกเคยมาดำน้ำจดทะเบียนกันมากมาย บริเวณแหล่งท่องเที่ยวแถบนี้มอาหารทะเลสด ๆ ให้ลิ้มลอง ทั้งร้านยกยอก เกาะปูเกาะปลา ร้านเลตรัง
ท่องเที่ยว “ตรัง” สุขใจ สบายตา อาหารอร่อยลิ้น มีให้เลือกทุกหลากสไตล์หลายรสชาติ
@ยุคแห่งการต้องรู้เท่าทันโซเชียลภัยสุขภาพ
ทุกวันนี้การใช้โซเชียลเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่ผู้ใช้สื่อต้องฉลาดแยกให้ออกว่าอันไหนคือเนื้อหา และอันตรายแฝง เพราะคงไม่ดีแน่ หากเราหลงเชื่ออะไรผิด ๆ เพราะผลที่ตามมาอาจเป็นภัยต่อชีวิตและคนรอบข้าง โดยมีข้อแนะนำให้ควรระวัง 6 เรื่องหลัก ๆ เพื่อป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพของเรา
1.โฆษณาแฝง ในละครหรือหนังมักวางสินค้าให้เห็นชัดเจน ให้ตัวละครหยิบสินค้าบ่อยๆ และพูดถึงคุณสมบัติของสินค้ามักมาพร้อมคำว่า สนับสนุนโดย หรือขอขอบคุณแล้วตามด้วยชื่อสินค้า
2. อาหารเสริมอันตราย ต้องมีเลขที่อนุญาตโฆษณา ต้องไม่โฆษณาสรรพคุณเรื่องการรักษาโรคและสรรพคุณของเครื่องสำอาง เช่น สามารถป้องกันโรคได้ ทำให้ผิวขาว ลดริ้วรอย ฯลฯ ต้องไม่โฆษณาว่าได้รับการรับรองคุณภาพ เช่น อ้างคุณประโยชน์โดยบุคลอื่น อาหารเสริมไม่ใช่ยา ดังนั้น ไม่สามารถรักษาโรคได้
3. โปรไฟล์ปลอม รูปโปรไฟล์ สวย-หล่อ มาก ไม่มีเพื่อนมาก ไม่มีคนอื่นๆ ไม่มีคอนเทนต์ หรือพูดคุยผ่านโซเชียลเลย ไม่มีรูปที่ถูกแท็กมาจากเพื่อนคนอื่น ไม่มีกิจกรรมอื่นๆ ที่บอกถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ชื่อโปรไฟล์กับชื่อ URL มักสวนทางกันอย่างชัดเจน
4. เครื่องสำอางปลอม หากได้ยินคำว่าเกรดมิเรอร์แปลว่านั่นไม่ใช่ของจริง การโฆษณาควรจะต้องไม่มีเลขที่โฆษณา เนื่องจากกฎหมายอนุญาตให้โฆษณาเครื่องสำอาง ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตก่อน เครื่องสำอางมีผลเพียงแค่ทำความสะอาดหรือเพื่อความสวยงามภายนอกเท่านั้น ไม่มีผลต่อการทำงานของร่างกาย
5. ยาอันตราย ผลิตภัณฑ์ยาที่ได้คุณภาพจะต้องไม่แสดงสรรพคุณว่าสามารถรักษาโรคเรื้อรังร้ายแรงได้ เช่น เบาหวาน มะเร็ง อัมพาต หรือโรคที่เกี่ยวกับสมองและหัวใจ ต้องมีเลขที่อนุญาตโฆษณา ต้องไม่ถูกรับรองสรรพคุณโดยดาราหรือคนมีชื่อเสียงซึ่งไม่ได้เป็นแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
6.แชร์เรื่องลวง “การเจาะเลือดที่นิ้ว สามารถรักษาโรคเส้นเลือดในสมองแตกได้” ความจริงวิธีดังกล่าวเป็นการปฐมพยาบาลที่ผิด ที่ถูกคือ ควรนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที “แถบสีบนก้นหลอดยาสีฟัน เป็นตัวบอกว่ายาสีฟันทำมาจากอะไร” ซึ่งเป็นเรื่องลวงเพราะแถบบนก้นหลอดยาสีฟันเป็นเพียงแถบสีเพื่อให้เครื่องตัดหลอด กำหนดตำแหน่งที่จะตัดเท่านั้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทยฟุ้งศูนย์ซ่อมอู่ตะเภาเปิดปี’65โกย4พันล้าน”
นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) ร่วมกันเรียบร้อยแล้ว 3 ฝ่าย ระหว่าง การบินไทย กองทัพเรือ และคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้สิทธิการบินไทยประกอบกิจการบนพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา พัทยา จ.ชลบุรี เพื่อเดินหน้าโครงการจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา และนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกต่อไป
นายสุรชัย เพียรเจริญศักดิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายช่าง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามขั้นตอนเมื่อการทำ MOU เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องนำเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาอนุมัติโครงการ แล้วนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติจัดสรรงบประมาณ การลงทุนระยะที่ 1 วงเงิน 6,332 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงซ่อมบำรุง ส่วนงบจัดซื้ออุปกรณ์การซ่อมบำรุง 4,000 ล้านบาท ตามแผนการบินไทยจะลงทุนเอง 2,000 ล้านบาท กับเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกให้ร่วมทุนจะเป็นผู้ลงทุนอีก 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถคัดเลือกผู้ร่วมทุนได้ภายในพฤศจิกายนหรือธันวาคมนี้ แล้วดำเนินการพร้อมเปิดใช้ได้ภายในปี 2565
โดยจะเป็นการสร้างศูนย์ซ่อมเครื่องบินขนาดใหญ่ในพื้นที่ 210 ไร่ ให้บริการได้ปีละ 80-100 ลำ รองรับการซ่อมเครื่องบินได้ทั้งโบอิ้งและแอร์บัส การเปิดบริการช่วงแรกตั้งเป้าจะมีลูกค้าปีละ 10 ลำ สร้างรายได้ปีละ 400-500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีรายได้จากการซ่อมปีละ 3,000 ล้านบาท และจะทยอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดเอเชียที่พบว่าสายการบินในเอเชียที่มีการเร่งสั่งซื้อเครื่องบินจำนวนมาก เฉลี่ยปีละ 5%
ในปี 2565 เมื่อเปิดศูนย์ซ่อมที่อู่ตะเภาจะมีตลาดเอเชียเพิ่มขึ้น โดยไทยสามารถเข้าไปแชร์ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มได้ประมาณ 4% แล้วหลังจากนั้น 10 ปีจะมีส่วนแบ่งรายได้มูลค่า 360 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในปีที่ 11 นั่นเอง
ข่าวที่ 2 “ไทยแอร์จัดโปรเชียงใหม่-ฮานอยแค่เที่ยวละพันบาท”
นายสุรพันธ์ หอมขจร ผู้จัดการไทยแอร์เอเชีย ประจำท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า เตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่บินตรง “เชียงใหม่-ฮานอย” เวียดนาม เริ่ม 28 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป สัปดาห์ละ 4 เที่ยว ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ตั้งเป้าจะมีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ย 87% ต่อเที่ยว ขณะนี้จัดทำโปรโมชั่นให้จองตั๋วโดยสารระหว่างวันนี้ - 19 สิงหาคม 2561 เริ่มต้นเที่ยวละ 1,090 บาท/ที่นั่ง ซื้อแล้วนำไปใช้เดินทางได้ 5 เดือน ตั้งแต่ 28 ตุลาคมนี้ -29 มีนาคม 2562
สำหรับปี 2561 ไทยแอร์ เอเชีย ใช้สนามบินนานาชาติเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางภาคเหนือบินสู่ต่างประเทศ 3 เส้นทาง คือ เชียงใหม่-ย่างกุ้ง พม่า เริ่ม11 สิงหาคม เชียงใหม่-ไทเป ไต้หวัน เริ่ม 30 กันยายนนี้ และเชียงใหม่-ฮานอย เริ่ม 26 ตุลาคม นี้ ตั้งเป้าจะเพิ่มผู้โดยสายกลุ่มประเทศแถบอินโดจีน เติบโตขึ้น 7 % สอดคล้องกับทาง ทอท.ตั้งเป้าปีนี้สนามบินเชียงใหม่จะมีผู้โดยสารใช้บริการ 3.8 ล้านคน เป็นต่างชาติ 47 % ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวมากถึง 19 % และที่เหลือจะเป็นคนไทย 53 %
ข่าวที่สาม “ทย.ลั่นใช้งบปี’63ปรับใหญ่2สนามบินหัวหิน-ระนอง”
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดี กรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่า พร้อมเดินหน้าแผนการลงทุนเพื่อรองรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้และแผนพัฒนาไทยแลนด์ริเวียร่า ใน 2 สนามบินภูมิภาค ประกอบด้วย สนามบินแรกหัวหิน จะใช้เงิน 3,500 ล้านบาท ภายใน 4-5 ปี เริ่มจากปีงบประมาณ 2563 เพื่อจัดทำ 1.โครงการขยายและก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่เพิ่มขีดความสามารถการรองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 10 เท่า หรือปีละ 3 ล้านคน จากปัจจุบันรับได้ 3 แสนคน 2.ขยายความกว้างทางวิ่ง (runway) จาก 30 เป็น 45 เมตร 3. ขยายลานจอดเครื่องบินเพิ่มเติม การพัฒนาทั้งหมดก็เพื่อให้เชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหินไปพร้อม ๆ กัน
สนามบินที่ 2 ระนอง วางตำแหน่งให้เป็นสนามบินเพื่อการท่องเที่ยว โดยจะพัฒนาอาคารผู้โดยสารพร้อมกับปรับปรุงภายในทั้งหมด ได้แก่ 1.ขยายอาคารผู้โดยสาร 2.ขยายรันเวย์ 3.เพิ่มพื้นที่เชิงพาณิชย์จำหน่ายสินค้าท้องถิ่น สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการใช้สนามบินภูมิภาคเป็นประตูกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00 -12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
รุกขายตั๋วNetworkแวะไทยต่อเข้ายุโรปพุ่ง45%
คิงเพาเวอร์ดึง3แบรนด์โลกมอบของขวัญวันแม่
ททท.จัดEatLocalแจ้งเกิดอาหารถิ่นกาฬสินธุ์
ผู้นำบางจากเปิด7กลุ่มธุรกิจทำรายได้ทะยาน
ทอท.ซ้อมแผนดอนเมืองสร้างเชื่อมั่น30ล้านคน
กินลมชมวิวแดนใต้เมืองตรังยุทธจักรของอร่อย
6เรื่องที่ต้องระวังภัย“โซเชียล”ส่งผลต่อสุขภาพ
บินไทยหวังปี’65ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภาโกย4พันล้าน
ไทยแอร์จัดโปรบินเชียงใหม่-ฮานอยแค่พันบาท
ทย.เทงบปี’63ขยาย2สนามบินหัวหิน-ระนอง
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เปิดใจนักบริหารรุ่นใหม่ไฟแรง “เสริญ ชูพิชัยกุล” ผู้จัดการทั่วไป ประจำคอมมอนเวลท์ และออสเตรเลีย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมนำการตลาดฝ่าวงล้อมการแข่งขันอันดุเดือดนำ “สายการบินแห่งชาติ” ผงาดขึ้นเป็น “ผู้นำเอเชีย” ด้วยเทรนด์การตลาดแนวใหม่ Network Link ใช้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อเที่ยวบินผู้โดยสารจากนานาชาติฝั่งแปซิฟิกหันมาใช้การบินไทยกระจายต่อไปยังจุดหมายปลายทางแถบสหภาพยุโรป อินเดีย และทวีปไกล ควบคู่ไปกับการปลุกสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส ในออสเตรเลียที่มีอยู่กว่า 3 แสนราย กลับมาจงรักภักดีต่อแบรนด์ ROP รวมทั้งจะจับมือกับ ททท.ซิดนีย์ เดินหน้าให้ไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อนดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายเงินกระจายสู่ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล
นายเสริญ ชูพิชัยกุล ผู้จัดการทั่วไป ประจำคอมมอนเวลท์ และออสเตรเลีย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) |
นายเสริญ ชูพิชัยกุล ผู้จัดการทั่วไป ประจำคอมมอนเวลท์ และออสเตรเลีย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เปิดบินเข้าออสเตรเลียมา 4 ทศวรรษ ขณะนี้ดูแลพื้นที่การตลาดโดยมีเที่ยวบินประจำบริการ สัปดาห์ ไป-กลับ กรุงเทพฯ 4 เมือง สถานการณ์ช่วงครึ่งปีแรก มกราคม-มิถุนายน ทำอัตราบรรทุกผู้โดยสารและรายได้เติบโตเฉลี่ย 8 % โดยมีเที่ยวบินรวมสัปดาห์ละ 39 เที่ยว ประกอบด้วย ซิดนีย์ 11 เที่ยว ใช้ฝูงบินโบอิ้ง 747-400 (ตอนนี้เหลือ 5 ลำ) ใช้ฝูงบินแอร์บัส A350-900 บริสเบน 11 เที่ยว เมลเบอร์น 14 เที่ยว เพิร์ธ 7 เที่ยว ใช้ฝูงบินโบอิ้ง B787-800 วางกลยุทธ์เจาะตลาดเที่ยวบินตรง 60 % และเที่ยวบินเชื่อมต่อไปยังทวีปอื่น (Network linked) 40-45 % เข้าสู่ยุโรป (ชาร์ล เดอ โก ฝรั่งเศส, ลอนดอน อังกฤษ) และอินเดีย
การวางกลยุทธ์เจาะตลาดในออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป โดยเน้นสร้างความเชื่อมั่นนำเสนอโปรดักซ์ที่สามารถแข่งขันกับสายการบินอื่นได้สบาย ๆ โดยเปรียบเทียบให้เห็นถึงมูลค่าเพิ่มของบริการ (Value Addes) ขณะนี้ฝูงบินของการบินไทยมีบริการไฮเทคโนโลยี Live TV on Broad 3 ใน 4 เมืองเข้าออสเตรเลีย ส่วนในช่วงตารางบินฤดูหนาว เริ่มปลายเดือนตุลาคม 2561 -25 มีนาคม 2562 จะบุกหนักเที่ยวบินจากออสเตรเลีย ต่อเครื่องในกรุงเทพฯ เข้ายุโรป และ อินเดีย ซึ่งมีไทยทีม คือ ไทยสไมล์ บริการในประเทศและเอเชียใต้ ส่วนการเพิ่มราคาตั๋วโดยสารช่วงฤดูการเดินทางหนาแน่นสิ่งแรกต้องเพิ่มอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยให้ได้มากกว่า 80 % โดยการช่วงชิงผู้โดยสารออสเตรเลียเดินทางต่างประเทศช่วงวันหยุดพักผ่อน (peak holidays) ส่วนราคาตั๋วต้องรอประเมินสถานการณ์การแข่งขันให้ชัดเจนอีกครั้ง ตามปกติจะเพิ่มประมาณ 70-80 เหรียญออสเตรเลีย จากปัจจุบันขายตั๋วไป-กลับ 700-800 เหรียญออสเตรเลีย
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลัก ๆ จะต้องทำเชิงรุก ได้แก่ 1.กลุ่มสมาชิก Royal Orchid Plus : ROP ซึ่งเป็นผู้โดยสารที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Loyalty Member) ในออสเตรเลียมีถึง 3 แสนสมาชิก จะต้องกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวใช้สิทธิประโยชน์ซื้อตั๋วโดยสารการบินไทย ผ่านช่องทาง Electronic direct mail :EDM กับการทำตลาดโดยตรงจัดทำโปรโมชั่นเฉพาะเจาะจงต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2.กลุ่มครอบครัว วางตำแหน่งการบินไทยเป็น friendly family Airlines ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด 20-25 %
นายเสริญกล่าวว่า การบินไทยในออสเตรเลีย ได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรส่งเสริมตลาดการเดินทางจากออสเตรเลียเข้าประเทศไทย ได้แก่ 1.จับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานซิดนีย์ สนับสนุนโครงการ Australia Travel Writer : ASTW 2018 การจัดประชุมสมาคมนักเขียนออสเตรเลียประจำปี 2561 ที่จะไปจัดในไทย ระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม 2561 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ โดยให้ตั๋วโดยสารราคาพิเศษ และออกบูธในงานด้วยการจัดทำพรีเซ็นเตชั่น 2.ร่วมกับสถานเอกอัครฑูตไทยจัดงาน Thailand Festival ทุกปี
โดยการบินไทยได้นำจุดแข็งต่าง ๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อาหารไทย อาหารถิ่น บริการแบบวิถีไทย ผนวกการเพิ่มช่องทางการขายตั๋วโดยสาร แพกเกจท่องเที่ยว ผ่านทางออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ซึ่งขณะนี้มีส่วนแบ่งการขายอยู่ประมาณ 15 % ของตลาด จากนี้ไปจะเพิ่มความเข้มข้นการทำโปรโมชั่นราคาตั๋วโดยสารขายแบบ Flash Sale และ Promote Code ให้เข้ามาลงทะเบียนเพื่อเก็บรายชื่อลูกค้าไว้เป็นข้อมูลของบริษัท
นายเสริญย้ำว่าสถานการณ์การแข่งขันของสายการบินนานาชาติในตลาดออสเตรเลีย ปัจจุบันมี 10 กว่าสายการบิน ที่จะต้องต่อสู้กับทั้ง โลว์คอสต์แอร์ไลน์ส สายการบินอินเตอร์จากนานาประเทศ โดยเฉพาะตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น อาเซียน ซึ่งบินตรงเข้าเอเชียตะวันออกวันละ 3-4 เที่ยว แต่การบินไทยก็จะต้องเร่งเครื่องใช้ศักยภาพของเที่ยวบินใน 4 เมืองหลัก ต่อสู้ให้ได้ พร้อมทั้งล่าสุดได้รับรางวัลระดับโลกจาก Sky Trax ถึง 3 รางวัลการันตีคุณภาพบริการ ได้แก่ 1.The Best World Economy : เป็นผู้นำที่นั่งชั้นประหยัดอันดับ 1 ของโลก โดยมีพื้นที่ระหว่างเก้าอี้ให้ผู้โดยสารได้ใช้อย่างสะดวกความกว้าง 33 นิ้ว สูงกว่าค่าเฉลี่ยของที่นั่งชั้นประหยัดสายการบินทั่วไทยซึ่งตามมาตรฐานกว้างเพียง 31 นิ้ว 2.The Best World Caterting : บริการอาหารบนเครื่องดีเป็นอันดับ 1 ของโลก 3.The Best World of Louge and Spa : บริการเลาจน์และสปาดีสุดของโลกเช่นกัน
สำหรับการบินไทยในตลาดออสเตรเลีย จะรักษาตำแหน่งของสายการบินที่เหมาะกับผู้โดยสารพักผ่อนและครอบครัว ซึ่งมีศักยภาพในการจ่ายเงินสูงกว่าตลาดทั่วไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ผนึก3แบรนด์โลกมอบของขวัญวันแม่”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำจุดหมายปลายทางแห่งไลฟ์สไตล์ที่เป็นมากกว่าร้านค้าดิวตี้ฟรี ชวนต้อนรับเดือนแห่งวันแม่สิงหาคม 2561 มอบของขวัญที่มีคุณค่าด้วย 3 แบรนด์ บวก beautymember เพื่อสร้างความประทับใจให้คุณแม่ทุกครอบครัว
แบรนด์แรก GUCCI นำพลังแห่งความอ่อนเยาว์และมิตรภาพของหญิงสาวที่มั่นคงยาวนานผ่านกาลเวลา เป็นแรงบันดาลใจสู่การสร้างสรรค์ Gucci Bloom Acqua di Fiori กลิ่นหอมใหม่ที่พัฒนามาจากความหอมต้นฉบับ Gucci Bloom ผ่านความละมุนละไมจากเสน่ห์ของมะลิ ดอกเล็บมือนาง และซ่อนกลิ่น ผสานไว้ด้วยโทนสไปซีจาก Galbanum และ Cassis ติดตรึงด้วยมัสก์และไม้จันทน์หอม จนกลายเป็นความมีชีวิตชีวาและสดชื่น สัมผัสความหอมสดชื่นใหม่ของ Gucci Bloom Acqua di Fiori ได้แล้ววันนี้ที่คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี และเดือนสิงหาคมนี้ พบกับ Gucci Pop-up Store ได้ที่คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
แบรนด์ที่สอง PRADA พบกับจุดหมายใหม่ของเหล่านักช้อป Prada Counter ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ นอกจากจะเป็น Prada Counter ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิกแล้ว ยังเป็น 1 ใน 24 แห่งที่วางจำหน่าย Prada Olfactories (Private Collection) รวมถึงน้ำหอมรุ่นอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ Prada เพื่อการค้นหาความหอมที่บ่งบอกความเป็นคุณ พร้อมรับบริการสุดประทับใจกับการเลือกแท็กติดขวดน้ำหอมในสไตล์ Prada Saffiano หรือเลือกซองและการ์ดของขวัญเพื่อเขียนถ่ายทอดความปรารถนาดีส่งให้คนที่คุณรักด้วยตัวคุณเอง
แบรนด์ที่สาม L’OCCITANE นำคุณค่าของเชียบัตเตอร์บรรจุลงในกิฟต์เซ็ตที่มาในบรรจุภัณฑ์สุดพิเศษชุด Thailand Limited Edition ประกอบด้วย L’Occitane Shea Butter Hand Cream Trio ชุดแฮนด์ครีม 3 หลอดเพื่อมือที่เนียนนุ่มน่าสัมผัส, L’Occitane Hand Cream Quartet ชุดแฮนด์ครีม 4 หลอดบรรจุในกล่องโลหะสีสันสดใส และ L’Occitane Shea Soap Collection คอลเลคชั่นสบู่ 5 ก้อนที่มากด้วยคุณค่าบำรุง ทั้งสามเซ็ตมีวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี
และ KINGPOWER BEAUTYCLUB เชิญชวนลูกค้าคิง เพาเวอร์ สามารถอัพเดตสินค้าใหม่ ไม่พลาดข่าวสารเรื่องราวดี ๆ ด้านความสวยความงาม ทั้งข้อมูลน้ำหอม เครื่องสำอาง และสกินแคร์มาแรงจากแบรนด์ดังทั่วโลก พร้อมข้อเสนอโปรโมชั่นพิเศษและอีเวนต์น่าสนใจในแต่ละเดือนได้ง่ายๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพียงร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “KINGPOWERBEAUTYCLUB” ผ่านโซเชียลมีเดีย https://www.facebook.com/kingpowerbeautyclub/ และอินสตาแกรม https://www.instagram.com/kingpowerbeautyclub
ข่าวที่ 2 “ททท.ชวนEat Localกาฬสินธุ์30ส.ค.-2ก.ย.นี้”
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ผลักดันสื่อสารตลาดท่องเที่ยวเชิงรุกในพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองโดยรอง โดย ททท.กับ จังหวัดกาฬสินธุ์ จัดกิจกรรมชวนนักท่องเที่ยวไปร่วมสัมผัสวิถีถิ่น ชิล ฟิน กิน ช้อป อาหารพื้นถิ่นดินแดนกาฬสินธุ์ ครั้งแรกกับงาน “มี๊ตแอนด์กรี๊ด -Eat Local Food” ระหว่าง 31 สิงหาคม - 2 กันยายน 2561 เวลา 16.00 น. – 22.00 น. ณ ถนนโสมพะมิตร ซึ่งเป็นบริเวณย่านเมืองเก่า
ซึ่งเป็นงานที่ได้รับความร่วมมือจากร้านอาหารชื่อดังทั่วจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมใจกันมาร่วมสร้างแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวในเรื่องอาหารถิ่นการกินอย่างมีความสุขถึง 30 ร้าน รวมทั้งยังได้จัดให้มีโซนร้านคราฟท์สุดแนว มุมชวนทำดี พร้อมโซนวัฒนธรรมกาฬสินธุ์ ซึ่งพร้อมนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ ของชาวกาฬสินธุ์ รวมถึงความบันเทิงสุดพิเศษภายในงานได้จัดให้มีศิลปินมาร่วมสร้างสีสัน อาทิ คุณกะปอม จากรายการมาสเตอร์เชฟ ไทยแลนด์ วงมหาฟาเทอร์ คุณอีส ชำนาญ จากอีสานพาสวบ และกิจกรรมต่างๆ มากมาย
สอบถามข้อมูลมหกรรม ฟิน กิน เที่ยว กาฬสินธุ์ เพิ่มได้ที่ เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672
ข่าวที่ 3 “บางจากเปิดสถานการณ์7กลุ่มธุรกิจทำเงิน”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าสถานการณ์ครึ่งปีแรกสามารถทำกำไรสุทธิ 2,494 ล้านบาท โดยมีผลมาจากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท บางจากฯ ทำรายได้ต่อเนื่อง หลัก ๆ 7 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย
1.ธุรกิจโรงกลั่น มี EBITDA 1,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111 % มีปริมาณการผลิตลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 66,800 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 56 % ของกำลังการผลิตรวมของโรงกลั่น ซึ่งเป็นไปตามแผนการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี รวม 45 วัน ในครึ่งปีหลังจะกลับมากลั่นเต็มกำลังการผลิตต่อเนื่อง โดยมีความคืบหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงกลั่น ตามโครงการ 3E (Efficiency, Energy, and Environment Improvement Project, 3E Project) ขณะนี้ได้ผู้รับเหมามาออกแบบก่อสร้างหน่วยเพิ่มออกเทนและขยายกำลังการผลิตหน่วยแตกโมเลกุล และคาดจะแล้วเสร็จปี 2563
2.กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 509 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายรวม 1,455 ล้านลิตร ลดลง 3 % ด้วยปริมาณการจำหน่ายในส่วนของตลาดอุตสาหกรรมลดลง เนื่องจากการบริหารสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปในช่วงหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ขณะที่ปริมาณจำหน่ายในตลาดค้าปลีกซึ่งเป็นช่องทางหลักมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการขยายฐานลูกค้าตามกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยบางจากฯ ได้ชะลอปรับขึ้นราคาน้ำมันหน้าสถานีบริการเพื่อลดภาระให้ผู้บริโภคช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมตรึงราคาหน้าสถานีบริการช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์
ช่วง 5 เดือนแรกปี 2561 มียอดการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้น 7 % มีส่วนแบ่งการตลาดสะสม 5 เดือนอยู่ที่15.7 % มีส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกสูงสุด 16 % ในเดือนพฤษภาคม ผลจากการขยายจำนวนสถานีบริการมาตรฐานในพื้นที่ที่มีศักยภาพ มีการรักษามาตรฐานการบริการ พร้อมจัดกิจกรรมที่หลากหลายในรูปแบบ Greenovative Experience พร้อมเปิดสถานีบริการเพิ่มขึ้น 71 สาขา ปัจจุบันทั่วประเทศมีทั้งสิ้น 1,140 สาขา
3.ธุรกิจ Non-Oil ทั้งร้านสะดวกซื้อ SPAR ร้านกาแฟอินทนิล ภายใต้การดูแลของบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด ยังคงพัฒนาและขยายสาขาต่อเนื่องเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ในช่วงสิ้นไตรมาส 2 มีร้านกาแฟอินทนิล 492 สาขา ร้านค้าปลีก SPAR 35 สาขา
4.กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้าภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มี EBITDA 793 ล้านบาท ด้วยปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวม 81.58 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ลดลง 1 % จากโครงการผลิตไฟฟ้าฯ ในไทยมีค่าความเข้มแสงเฉลี่ยปรับลดลงจากฝนตกต่อเนื่องยาวกว่าปกติ แต่เพิ่มขึ้น 9 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากค่าความเข้มแสงเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล โดยในไตรมาสนี้รับรู้รายได้จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ Gotemba ในประเทศญี่ปุ่นมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสัญญา 4 เมกะวัตต์
5.ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) มี EBITDA 171 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจผลิตไบโอดีเซล 122 ล้านบาท ธุรกิจผลิตเอทานอล 74 ล้านบาท
6.ธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงเอทานอลแปลงสภาพ มีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากรับรู้ผลการดำเนินงานของ บริษัท เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) จากการควบรวมบริษัท แบ่งเป็นปริมาณการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง เฉลี่ยที่ 96,000 ลิตรต่อวัน และปริมาณการผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล เฉลี่ย 336,000 ลิตรต่อวัน
7.กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA 36 ล้านบาท มาจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีรายได้จากการขายเพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่มีปริมาณการผลิตลดลงตาม Natural decline curve ของ Nido ในไตรมาส 2 บางจากฯ ได้ประกาศจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน OKEA ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ (World Class Asset) อายุการผลิตต่อเนื่องระยะยาว คาดธุรกรรมทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ ปลายปี 2561 และได้เข้าทำรายการเพื่อขายแหล่ง Galoc คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสที่ 3
ข่าวที่ 4 “ทอท.ได้แรงหนุนดอนเมืองซ้อมแผนปลอดภัยฉลุย”
นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ผลจากการปฏิบัติการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยาน โดยใช้สถานการณ์สมมติ กรณีขู่วางระเบิดอาคารผู้โดยสารและเกิดเหตุระเบิด ระหว่างวันที่ 8-9 สิงหาคม 2561 ของดอนเมือง ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีผู้บริหาร ทอท.ฝ่ายต่าง ๆ ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ทั้งนางภาระณี วรรธโนทัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานมาตรฐานท่าอากาศยานและการบิน) นาวาอากาศโท ฤทธิรงค์ ก้อนมณี ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานมาตรฐานท่าอากาศยานและการบิน)
โดยเฉพาะรวมหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ให้ความร่วมมือสนับสนุนการปฏิบัติงานการซ้อมแผนฉุกเฉินดอนเมืองครั้งนี้อย่างเต็มที่ ได้แก่ สายการบิน ผู้ประกอบการ หน่วยงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขต่างๆ และหน่วยงานราชการ
จึงนับเป็นสัญญาณที่ดีของสนามบินดอนเมือง ที่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) นำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและนานาชาติทั่วโลกที่เดินทางเข้าออกโดยสายการบินที่ขึ้น-ลง นำผู้โดยสารเข้ามายังสนามบินดอนเมืองปีละกว่า 30 ล้านคน
ช่วงที่ 2 เดือนแห่งวันแม่สิงหาคมนี้ ทะเลอันดามันในเมืองรอง “จังหวัดตรัง” ยุทธจักรแห่งเมืองอาหารอร่อย เปิดบ้านต้อนรับคุณแม่และทุกครอบครัว ควงแขนกันไปชีล ๆ กินลมชมทะเลแดนใต้ในอีกบรรยากาศได้ทุกวัน ส่วนสุขภาพก็ต้องใส่ใจด้วยโดยเฉพาะเรื่อง “6เรื่องที่ต้องรู้เท่าทันโซเชียลเพื่อชีวิตเป็นสุข” และข่าวชวนติดตาม เรื่องของการบินไทยกับศูนย์ซ่อมใหญ่ในอู่ตะเภา ความหวังของธุรกิจใหม่ในการโกยรายได้ปีละ 4,000 ล้านบาท ส่วนไทยแอร์เอเชีย เตรียมเปิดบินตรง เชียงใหม่-ฮานอย จัดโปรตั๋วแค่ 1,000 บาท วันนี้-19 ส.ค.นี้ และ กรมท่าอากาศยานเร่งเครื่องใช้งบปี’63 ปัดฝุ่นสนามบินหัวหินกับระนองดันภาคใต้เติบโต
@กินลมชมทะเลแดนใต้ในเมืองตรัง
ในบรรดาเมืองท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งตอนนี้ติดเป็นหนึ่งเมืองรอง “จังหวัดตรัง” ที่มีวิถีชีวิตสบาย ๆ ผสมผสานของคนไทยเชื้อชายจีน โดดเด่นเรื่องอาหารการกิน นักท่องเที่ยวมักจะชอบมาช่วงเทศกาลอาหารถิ่น หมูย่างเมืองตรัง ละลานตาด้วย หมูย่างหนังกรอบ ติ่มซำคำโต ขนมเค้กมีรู และตามตรอกซอกซอยยามเช้า สาย บ่าย เย็น จะได้เห็นร้านกาแฟของชาวบ้าน เรียกว่า “โกปี๊” แล้วยังมีของกินโบราณอย่าง แซล้อง ยาโก้ย
ส่วนอาหารปักษ์ใต้ที่ขาดไม่ได้ช่วงมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น ต้องชิมแกงไตปลา ทำจากไส้ปลาทูหมักอย่างดี สะอาดรสชาติเผ็ดจัดจ้าน ร้านยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินและวิถีความเป็นอยู่ของคนเมืองตรัง ต้องลองแวะไปที่ ร้านไกยาว หมูเกาหยุก ร้านสีฟ้าไลฟ์สไตล์ซีฟู้ด ที่มีแกงคั่วพริกกระดูกอ่อน แกงส้ม ราดหน้าซูเปอร์ ข้าวยำ ขนมจีน
แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดตรังก็กระจายอยู่รอบตัวเมืองตามอำเภอใกล้เคียง ถ้าไป “ห้วยยอด” ก็เป็นแหล่งลอดท้อมังกรเสริมสิริมงคล ที่อุทยานมังกรวังเทพทาโร ไหว้พระนอนทรงเทริดห์รา วัดภูเขาทอง แล้วต้องชิมอาหารจีนดำแบบท้องถิ่นของแท้
อำเภอนาโยง เป็นเมืองถ้ำข้นคือ ถ้ำเขาช้างหาย หรือจะไปไหว้อนุสาวรีย์พระยารัษฎรนุประดิษฐ์ ก็ได้ ระหว่างทางสามารถแวะซื้อผ้าทอ แวะกินเค้กท่าปาบ เค้กสายใจ หรือเค้กกนิษฐา เปรียบเทียบรสชาติกันได้
มาถึงอำเภอย่านตาขาว ต้องแวดสูดโอโซนธรรมชาติที่ สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ (ทุ่งค่าย) กับสถานที่ยอดนิยมอีกแห่งคือ Plan Toy เป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่นเด็กทำจากไม้ยางพารา
ปลายทางการท่องเที่ยวในอเภอกันตัง เข้าไปเยือนจวนเจ้าเมืองตรัง นั่งรถเลาะทะเลอันดามันเที่ยวหาดสั้น หาดหยงหลิง หาดฉางหลาง หาดยาว หาดราชมงคล และ หาดปากเม็ง ซึ่งเคยโด่งดังเป็นสถานที่จัดวิวาห์ใต้สมุทร บ่าวสาวทั่วโลกเคยมาดำน้ำจดทะเบียนกันมากมาย บริเวณแหล่งท่องเที่ยวแถบนี้มอาหารทะเลสด ๆ ให้ลิ้มลอง ทั้งร้านยกยอก เกาะปูเกาะปลา ร้านเลตรัง
ท่องเที่ยว “ตรัง” สุขใจ สบายตา อาหารอร่อยลิ้น มีให้เลือกทุกหลากสไตล์หลายรสชาติ
@ยุคแห่งการต้องรู้เท่าทันโซเชียลภัยสุขภาพ
ทุกวันนี้การใช้โซเชียลเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่ผู้ใช้สื่อต้องฉลาดแยกให้ออกว่าอันไหนคือเนื้อหา และอันตรายแฝง เพราะคงไม่ดีแน่ หากเราหลงเชื่ออะไรผิด ๆ เพราะผลที่ตามมาอาจเป็นภัยต่อชีวิตและคนรอบข้าง โดยมีข้อแนะนำให้ควรระวัง 6 เรื่องหลัก ๆ เพื่อป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพของเรา
1.โฆษณาแฝง ในละครหรือหนังมักวางสินค้าให้เห็นชัดเจน ให้ตัวละครหยิบสินค้าบ่อยๆ และพูดถึงคุณสมบัติของสินค้ามักมาพร้อมคำว่า สนับสนุนโดย หรือขอขอบคุณแล้วตามด้วยชื่อสินค้า
2. อาหารเสริมอันตราย ต้องมีเลขที่อนุญาตโฆษณา ต้องไม่โฆษณาสรรพคุณเรื่องการรักษาโรคและสรรพคุณของเครื่องสำอาง เช่น สามารถป้องกันโรคได้ ทำให้ผิวขาว ลดริ้วรอย ฯลฯ ต้องไม่โฆษณาว่าได้รับการรับรองคุณภาพ เช่น อ้างคุณประโยชน์โดยบุคลอื่น อาหารเสริมไม่ใช่ยา ดังนั้น ไม่สามารถรักษาโรคได้
3. โปรไฟล์ปลอม รูปโปรไฟล์ สวย-หล่อ มาก ไม่มีเพื่อนมาก ไม่มีคนอื่นๆ ไม่มีคอนเทนต์ หรือพูดคุยผ่านโซเชียลเลย ไม่มีรูปที่ถูกแท็กมาจากเพื่อนคนอื่น ไม่มีกิจกรรมอื่นๆ ที่บอกถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ชื่อโปรไฟล์กับชื่อ URL มักสวนทางกันอย่างชัดเจน
4. เครื่องสำอางปลอม หากได้ยินคำว่าเกรดมิเรอร์แปลว่านั่นไม่ใช่ของจริง การโฆษณาควรจะต้องไม่มีเลขที่โฆษณา เนื่องจากกฎหมายอนุญาตให้โฆษณาเครื่องสำอาง ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตก่อน เครื่องสำอางมีผลเพียงแค่ทำความสะอาดหรือเพื่อความสวยงามภายนอกเท่านั้น ไม่มีผลต่อการทำงานของร่างกาย
5. ยาอันตราย ผลิตภัณฑ์ยาที่ได้คุณภาพจะต้องไม่แสดงสรรพคุณว่าสามารถรักษาโรคเรื้อรังร้ายแรงได้ เช่น เบาหวาน มะเร็ง อัมพาต หรือโรคที่เกี่ยวกับสมองและหัวใจ ต้องมีเลขที่อนุญาตโฆษณา ต้องไม่ถูกรับรองสรรพคุณโดยดาราหรือคนมีชื่อเสียงซึ่งไม่ได้เป็นแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
6.แชร์เรื่องลวง “การเจาะเลือดที่นิ้ว สามารถรักษาโรคเส้นเลือดในสมองแตกได้” ความจริงวิธีดังกล่าวเป็นการปฐมพยาบาลที่ผิด ที่ถูกคือ ควรนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที “แถบสีบนก้นหลอดยาสีฟัน เป็นตัวบอกว่ายาสีฟันทำมาจากอะไร” ซึ่งเป็นเรื่องลวงเพราะแถบบนก้นหลอดยาสีฟันเป็นเพียงแถบสีเพื่อให้เครื่องตัดหลอด กำหนดตำแหน่งที่จะตัดเท่านั้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทยฟุ้งศูนย์ซ่อมอู่ตะเภาเปิดปี’65โกย4พันล้าน”
นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) ร่วมกันเรียบร้อยแล้ว 3 ฝ่าย ระหว่าง การบินไทย กองทัพเรือ และคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้สิทธิการบินไทยประกอบกิจการบนพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา พัทยา จ.ชลบุรี เพื่อเดินหน้าโครงการจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา และนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกต่อไป
นายสุรชัย เพียรเจริญศักดิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายช่าง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามขั้นตอนเมื่อการทำ MOU เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องนำเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาอนุมัติโครงการ แล้วนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติจัดสรรงบประมาณ การลงทุนระยะที่ 1 วงเงิน 6,332 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงซ่อมบำรุง ส่วนงบจัดซื้ออุปกรณ์การซ่อมบำรุง 4,000 ล้านบาท ตามแผนการบินไทยจะลงทุนเอง 2,000 ล้านบาท กับเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกให้ร่วมทุนจะเป็นผู้ลงทุนอีก 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถคัดเลือกผู้ร่วมทุนได้ภายในพฤศจิกายนหรือธันวาคมนี้ แล้วดำเนินการพร้อมเปิดใช้ได้ภายในปี 2565
โดยจะเป็นการสร้างศูนย์ซ่อมเครื่องบินขนาดใหญ่ในพื้นที่ 210 ไร่ ให้บริการได้ปีละ 80-100 ลำ รองรับการซ่อมเครื่องบินได้ทั้งโบอิ้งและแอร์บัส การเปิดบริการช่วงแรกตั้งเป้าจะมีลูกค้าปีละ 10 ลำ สร้างรายได้ปีละ 400-500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีรายได้จากการซ่อมปีละ 3,000 ล้านบาท และจะทยอยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดเอเชียที่พบว่าสายการบินในเอเชียที่มีการเร่งสั่งซื้อเครื่องบินจำนวนมาก เฉลี่ยปีละ 5%
ในปี 2565 เมื่อเปิดศูนย์ซ่อมที่อู่ตะเภาจะมีตลาดเอเชียเพิ่มขึ้น โดยไทยสามารถเข้าไปแชร์ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มได้ประมาณ 4% แล้วหลังจากนั้น 10 ปีจะมีส่วนแบ่งรายได้มูลค่า 360 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในปีที่ 11 นั่นเอง
ข่าวที่ 2 “ไทยแอร์จัดโปรเชียงใหม่-ฮานอยแค่เที่ยวละพันบาท”
นายสุรพันธ์ หอมขจร ผู้จัดการไทยแอร์เอเชีย ประจำท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า เตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่บินตรง “เชียงใหม่-ฮานอย” เวียดนาม เริ่ม 28 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป สัปดาห์ละ 4 เที่ยว ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ตั้งเป้าจะมีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ย 87% ต่อเที่ยว ขณะนี้จัดทำโปรโมชั่นให้จองตั๋วโดยสารระหว่างวันนี้ - 19 สิงหาคม 2561 เริ่มต้นเที่ยวละ 1,090 บาท/ที่นั่ง ซื้อแล้วนำไปใช้เดินทางได้ 5 เดือน ตั้งแต่ 28 ตุลาคมนี้ -29 มีนาคม 2562
สำหรับปี 2561 ไทยแอร์ เอเชีย ใช้สนามบินนานาชาติเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางภาคเหนือบินสู่ต่างประเทศ 3 เส้นทาง คือ เชียงใหม่-ย่างกุ้ง พม่า เริ่ม11 สิงหาคม เชียงใหม่-ไทเป ไต้หวัน เริ่ม 30 กันยายนนี้ และเชียงใหม่-ฮานอย เริ่ม 26 ตุลาคม นี้ ตั้งเป้าจะเพิ่มผู้โดยสายกลุ่มประเทศแถบอินโดจีน เติบโตขึ้น 7 % สอดคล้องกับทาง ทอท.ตั้งเป้าปีนี้สนามบินเชียงใหม่จะมีผู้โดยสารใช้บริการ 3.8 ล้านคน เป็นต่างชาติ 47 % ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวมากถึง 19 % และที่เหลือจะเป็นคนไทย 53 %
ข่าวที่สาม “ทย.ลั่นใช้งบปี’63ปรับใหญ่2สนามบินหัวหิน-ระนอง”
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดี กรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่า พร้อมเดินหน้าแผนการลงทุนเพื่อรองรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้และแผนพัฒนาไทยแลนด์ริเวียร่า ใน 2 สนามบินภูมิภาค ประกอบด้วย สนามบินแรกหัวหิน จะใช้เงิน 3,500 ล้านบาท ภายใน 4-5 ปี เริ่มจากปีงบประมาณ 2563 เพื่อจัดทำ 1.โครงการขยายและก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่เพิ่มขีดความสามารถการรองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 10 เท่า หรือปีละ 3 ล้านคน จากปัจจุบันรับได้ 3 แสนคน 2.ขยายความกว้างทางวิ่ง (runway) จาก 30 เป็น 45 เมตร 3. ขยายลานจอดเครื่องบินเพิ่มเติม การพัฒนาทั้งหมดก็เพื่อให้เชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหินไปพร้อม ๆ กัน
สนามบินที่ 2 ระนอง วางตำแหน่งให้เป็นสนามบินเพื่อการท่องเที่ยว โดยจะพัฒนาอาคารผู้โดยสารพร้อมกับปรับปรุงภายในทั้งหมด ได้แก่ 1.ขยายอาคารผู้โดยสาร 2.ขยายรันเวย์ 3.เพิ่มพื้นที่เชิงพาณิชย์จำหน่ายสินค้าท้องถิ่น สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการใช้สนามบินภูมิภาคเป็นประตูกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00 -12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์ท่องเที่ยว-การบิน และผู้ดำเนินรายการ สวท.FM97.0 |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น