ทีเส็บเปิดมิติใหม่ตลาดไมซ์ชุมชน-อินเตอร์
ปี’62“จีน-อเมริกา”แห่ใช้เงินประชุมทั่วไทย
คิงเพาเวอร์-ไทยเบฟโหมสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง
ททท.นำคนดังบูม5จุดทัวร์ศาสตร์พระราชา
บางจากชวนเติมFurioรับฟรีทันทีกระติกน้ำ
บอร์ดทอท.อนุมัติจ้างดีไซน์สุวรรณภูมิหลัง2
ดึงไมซ์ในประเทศร่วมมหกรรมขาย30ส.ค.นี้
ต้องเที่ยวหุบเขาไดโนเสาร์โลกได้ที่สวนนงนุช
ข้อควรระวังวิธีอาบน้ำคนไข้อย่างปลอดภัย
7เดือนแรกท่องเที่ยวตุนรายได้1.18ล้านล้าน
ดึงโฮมสเตย์ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ลดภาษี
สมุทรปราการโหมขายท่องเที่ยว4กลุ่มใหม่
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เปิดมิติใหม่กับ “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” รุกแรงเมกะโปรเจ็กต์ “ไมซ์เพื่อชุมชน” และการนำทัพไมซ์ทั่วโลกหลั่งไหลเข้าประเทศในปี 2562 โดยเฉพาะไมซ์จีนแห่แหนมาจัดงาน IDA ในไทย ไมซ์อเมริการะดมพลคนพลังงานกว่า 15,000 คนมาจัดในไทยเช่นกัน และสิงคโปร์ก็พร้อมแนะนำนวัตกรรมการสร้างไมซ์สตาร์ตอัพในไทย
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า ได้ขับเคลื่อนไมซ์เพื่อชุมชนที่ได้เปิดตัวครั้งใหญ่ร่วมกับทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ชุมชน ทั่วประเทศมีทั้งหมด 8,400 สหกรณ์ ได้คัดเลือกมา 35 แห่ง เพื่อซีเอสอาร์คืนประโยชน์สู่สังคม โดยได้ทำทำคู่มือ ซึ่งต้องการให้กลุ่มบริษัทคอร์ปอเรตจากหอการค้าไทยมาร่วมกว่า 50 แห่ง มาพบกับสหกรณ์ตัวอย่าง 16 แห่ง พร้อมกับนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมานำเสนอพบเจรจากับหอการค้าที่พร้อมเปิดให้ความรู้แลกเปลี่ยนระหว่างกัน ทั้งเรื่องแพกเกจและเส้นทางสัมมนาไมซ์เพื่อชุมชนให้เกิดการค้าขายสินค้าได้ดีขึ้น ทำให้ชุมชนได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่า
โดยได้ริเริ่มการจัดประชุมเมืองไทยในโครงการพระราชดำริมาตั้งแต่ปี 2550 จนกระทั่งปี 2561 ได้นำร่องต่อยอดโครงการ "ไมซ์เพื่อชุมชน" ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 บุกเบิกนำสมาชิกบริษัทขนาดใหญ่ในเครือข่ายอนาคตไทยลงพื้นที่จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฎิบัติการและสำรวจผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่นของชุมชนสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี และเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561 นำสื่อมวลชนร่วมสำรวจและทำกิจกรรมในสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จากนั้นวันที่ 23 สิงหาคม 2561 จัดเวที “ไมซ์เพื่อชุมชน มิติใหม่อุตสาหกรรมไมซ์” โดยเชิญผู้บริหารหน่วยงานเกี่ยวข้องภาครัฐและเอกชน เปิดเวทีเสวนา พร้อมกับจัดตั้งโต๊ะจับคู่เจรจาธุรกิจ (Table top sale) ระหว่างกลุ่มผู้แทนผู้ที่จะนำตลาดไมซ์ลงพื้นที่ ได้แก่ องค์กรธุรกิจชั้นนำ มูลนิธิต่าง ๆ สถานศึกษา สถาบันการเงิน รวมกว่า 100 ราย มาพบกับตัวแทนชุมชนสหกรณ์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ขายเจ้าของสินค้ากว่า 16 แห่ง เพื่อแสวงหาโอกาส แบ่งปันองค์ความรู้ ช่วยต่อยอดการพัฒนาสินค้าและบริการของชุมชน
ทีเส็บตั้งเป้าให้เกิดมิติใหม่ของอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศ โดยเตรียมเดินหน้า 3 แผนหลัก ประกอบด้วย
แผนที่ 1 การนำตลาดกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่และหน่วยงานต่าง ๆ เข้าไปหาชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งทาง TCEB ได้จัดแพกเกจสนับสนุนงบประมาณให้องค์กรต่าง ๆ ที่นำพนักงานไปจัดไมซ์ตามชุมชนเมืองรองทั่วประเทศ รวมทั้งยังร่วมกับสมาคมธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ สำรวจเส้นทางการโปรโมตไมซ์เพื่อชุมชน ควบคู่กันไปด้วย
แผนที่ 2 จัดทำมาตรฐานห้องประชุม โดยจะจัดส่งหน่วยงานที่มีองค์ความรู้ทางด้าน Thailand MICE Venue Standard เข้าไปให้คำแนะนำแก่ชุมชน
แผนที่ 3 จัดทำเอกสารคู่มือแนะนำสถานที่ให้ฟรีแก่เอกชนที่จะนำไมซ์ไปจัดในชุมชน เปิดช่องทางการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ทาง www.businesseventthailand.com
ตลอดปี 2561 เป็นต้นไป TCEB จะผนึกความร่วมมือกับทุกฝ่ายขับเคลื่อนไมซ์เพื่อชุมชนให้กลายเป็นพลังสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชนท้องถิ่นสามารถมีตลาดเข้าไปอุดหนุนสินค้าและบริการที่จะช่วยเพิ่มความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้สู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ด้วยมิติใหม่ไมซ์ในประเทศ
ส่วนตลาดไมซ์ต่างประเทศที่จะหลั่งไหลเข้าไทย งานแรก IDA-International Dragon Award 2018 กลุ่มเอกชนผู้ประกอบการธุรกิจประกันขายตรง ระหว่างนี้ก็มีบริษัทจัดการประชุมหรือ Destination Management Company จากสาธารณะรัฐประชาชนจีนเดินทางลงสำรวจพื้นที่อยู่ในกระบี่จนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2561 ตอกย้ำความเชื่อมั่นซึ่งทุกคนมีความสุขและเห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางไมซ์ระหว่างประเทศ
ทางทีเส็บประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะลดลงบ้าง แต่ด้วยน้ำใจของคนไทย รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องเดินทางไปพบปะเจรจารวมถึงทีเส็บก็ได้ไปพบกับทางเอกชนไมซ์ในจีน ซึ่งจะต้องทำต่อเนื่องสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เพราะจีนเป็นตลาดสำคัญไมซ์ โดยเฉพาะจัดแสดงสินค้าทางด้านอาหาร พลังงาน มีลูกค้าจากจีนสนใจ และควรใช้กลยุทธ์ความเป็นพันธมิตรหรือหุ้นส่วนทางธุรกิจมากกว่าเป็นคู่แข่ง
ส่วนงานสำคัญอีกอย่างคือจัดประชุมพลังงานจากอเมริกาขนาด 15,000 คน โดยมีจุฬาลงกรณ์เป็นแม่งานใหญ่ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่จะทำให้งานนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ทางด้านการเดินทางไปร่วมมือกับทางองค์การท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Broad :STB) มีนวัตกรรมที่จะเป็นเครือข่ายพันธมิตรทางนวัตกรรมที่จะเราเองก็จะทำการจับคู่ และฐานข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเอกชนผู้ประกอบการ งานไปร่วมกับสิงคโปร์ครั้งนี้ก็มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะนำเข้ามาใช้ในไทย ตัวอย่างคือ connect การลงทะเบียนจับคู่การประชุม นัดหมายการเจรจาการค้า โดยมีแอพลิเคชั่นโรงแรมและการเดินทางขนส่ง ซึ่งทางทีเส็บมีหน่วยงานใหม่ตั้งขึ้นมารับผิดชอบโดยเฉพาะ และมีการทำงานร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติพัฒนากลุ่ม Start up ซึ่งทีเส็บทำครั้งแรกเป็นแคมป์เยาวชน จัดการแข่งขัน 2 กลุ่ม ทำแอพลิเคชั่นการจองและเอ็กซิบิชั่นจำลองสถานการณ์จัดงาน ซึ่งจะเดินหน้าทำโครงการดังกล่าวต่อไป
อนาคตนอกจากจะให้งบประมาณแล้วยังจะให้การส่งเสริมในด้านอื่น ๆ คู่ขนานกันไปด้วย โดยได้จัดทำเป็นการจัดงานปีละ 1 ครั้ง กับทางสำนักงานนวัตกรรม ซึ่งจะเข้าร่วมทางด้าน distric innovation ซึ่งเป็นนวัตกรรมไมซ์ของทีเส็บ
สำหรับการทำไมซ์เพื่อชุมชนปี 2561 เป็นการทำงานร่วมกับสหกรณ์ชุมชน จะต้องใช้ไมซ์กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ทำให้ชุมชนจับคู่กับตลาด เปิดเส้นทาง และให้ความรู้สถานที่จัดงาน เป็นกลยุทธ์บูรณาการความร่วมมือ ทำให้สังคมรู้จักทีเส็บในฐานะองค์กรไมซ์มากเพิ่มขึ้น
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ผนึกไทยเบฟปั้นบอลไทยสู่บอลโลก”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า คิง เพาเวอร์ จับมือกับ กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ จัดทำโครงการร่วมกันในสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เดินหน้าทำแนวความคิดผลักดันฟุตบอลไทยพัฒนาไปในทางที่ดีและก้าวไปสู่ระดับโลกได้ โดยเชื่อในศักยภาพของคนไทย โดยเฉพาะเรื่องของกีฬาฟุตบอล คิง เพาเวอร์ ได้สนับสนุนและผลักดัน SPORT POWER มาโดยตลอด เราเริ่มทำตั้งแต่การปลูกรากฐานให้กับเยาวชนไทยทั่วประเทศ ให้ได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาของตัวเอง จนสามารถเข้าไปสู่การเล่นฟุตบอลมืออาชีพได้
ความร่วมมือครั้งนี้พุ่งเป้าเส้นทางสู่ความสำเร็จทำให้เยาวชนไทยเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถ ไม่ได้มุ่งเฉพาะการทำธุรกิจด้วยการติดแบรนด์โลโก้ขายแบรนด์เบียร์เพียงอย่างเดียว แต่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนกีฬา การสร้างเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางกีฬาในระดับอาเซียนและเอเชียจะต้องหันมาสนใจมากกว่าปัจจุบัน
ตามมอบลูกฟุตบอล 1 ล้านลูกในโครงการล้านลูก ล้านพลัง สานฝันเด็กไทย ให้เยาวชนไทยได้มีลูกฟุตบอลที่มีมาตรฐานไปฝึกฝน เราสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแบบมาตรฐานสากล โครงการคลินิกฟุตบอล Fox Dream ที่ให้โอกาสเยาวชนได้เรียนรู้ทักษะฟุตบอลกับนักเตะระดับทีมชาติ เพื่อบอกเล่าประสบการณ์เคล็ดลับต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับเยาวชน เรามี King Power’s Cup ที่เป็นเวทีในการคัดเลือกเยาวชนไทยฝีเท้าดีทั่วประเทศเพื่อเข้าไปอยู่ในโครงการ FOX HUNT ซึ่งน้องๆ จะได้รับทุนการศึกษาและไปฝึกทักษะฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ”
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับคิง เพาเวอร์ ภายใต้แบรนด์เครื่องดื่มตราช้างและเบียร์ ไซง่อน ซึ่งเป็นเบียร์ยอดนิยมในประเ ทศเวียดนาม และเป็นสินค้าในเครือไทยเบฟเวอเรจ เข้าเป็นสปอนเซอร์ของทีมสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ โดยโลโก้ของเบียร์ไซง่อนจะอยู่บนแขนเสื้อชุดแข่งทั้ง 3 แบบของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ส่วนเบียร์ช้าง ซึ่งวางจำหน่ายกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ได้รับสิทธิ์จำหน่ายที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
โดยเข้าซื้อกิจการซาเบโก้ในเวียดนาม ทำให้เบียร์ไซง่อน รวมทั้งความสัมพันธ์อันยาวนานของไทยเบฟกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในไทย ที่พร้อมจะขยายไปถึงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคตข้างหน้า
โดยแฟนเลสเตอร์ ซิตี้ และไทยเบฟเวอเรจ สามารถเลือกซื้อชุดแข่งฤดูกาลใหม่ 2018/19 ได้ทั้ง 3 แบบ ชุดแข่งทีมเหย้าสีน้ำเงิน Home Kit ชุดแข่งทีมเยือนสีเทาสุดเท่ห์ Away Kit และชุดแข่งทีมเยือนสีขาว Third Kit ได้แล้วที่ LCFC Store คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา
ข่าวที่ 2 “ททท.โหม5เส้นทางเที่ยวตามศาสตร์พระราชา”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้จัดทำเส้นทางของโครงการแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว 5 เส้นทาง คือ 1.โครงการ 1 ไร่แก้จน ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน มณฑลทหารบกที่ 16 จังหวัดราชบุรี–ชุมชนบ้านศาลาดิน จังหวัดนครปฐม 2.โครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำต้นลำปะเทีย-ชุมชนบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์ 3.โครงการศูนย์บริการการพั ฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ-ชุ มชนปากน้ำประแส จ. ระยอง 4.โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำ ปากพนัง-ชุมชนบ้านแหลม จ.นครศรีธรรมราช 5.โครงการเกษตรวิชญา-ชุมชนบ้านไร่ กองขิง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมโยงทั้งทางด้านพื้นที่ และการเชื่อมโยงด้านการน้ อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง
ททท.ได้นำคณะทูตลงพื้นที่ช่วงเดือนสิงหาคม-เดื อนกันยายน 2561 ควบคู่การประชาสัมพั นธ์ผ่านกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมติดตามและเข้าร่วมเป็ นส่วนหนึ่งของโครงการได้ที่เว็ บไซต์ www.tourismthailand.org/ kingwisdom
ขณะเดียวกันก็ได้นำศิลปินดาราแถวหน้าของเมืองไทยลงพื้นที่ทั้ง 5 เส้นทาง ในโครงการ“แหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์ พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” มีทั้ง อเล็กซ์ เรนเดล, เฟรซ-อริศรา วงษ์ชาลี, ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เจริญ และครอบครัว, ดุ๊ก-ภาณุเดช วัฒนสุชาติ และ ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความปลามปลื้มใจที่ได้ลงพื้นที่ สัมผัสชีวิตตามแนวพระราชดำริที่ แฝงไปด้วยความเรียบง่าย พอเพียง แต่เลี้ยงตนได้อย่างสุขใจ ในโครงการ “แหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์ พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” โดยโครงการนี้เป็นการน้ อมนำศาสตร์ของพระราชา เพื่อมาต่อยอดในการบูรณาการภูมิ ปัญญาท้องถิ่น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิ ดการเดินทางท่องเที่ ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ ยวตามรอยศาสตร์พระราชา และการเดินทางเพื่อเชื่อมโยงแอ่ งท่องเที่ยว หรือการเดินทางสู่เมืองรอง
ข่าวที่ 3 “บางจากชวนเติมFurioรับฟรีกระติกน้ำลดโลกร้อน”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ขอนำผลิตภัณฑ์คุณภาพ FURiO น้ำมันหล่อลื่นเกรดพรีเมี่ยม ที่มี RESPOPLEX เทคโนโลยีระดับโลก สร้างโมเลกุลเคลือบยึดเกาะทรงพลัง ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ในทุกสภาวะการใช้งาน พิสูจน์แล้วด้วยการทดสอบจากทีมรถแข่งระดับโลก ณ สนามแข่งเมือง เลอม็อง ประเทศฝรั่งเศส ที่แสนหฤโหดขับต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
พิเศษ ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง ถึง 30 ก.ย. 61
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นเบนซินสังเคราะห์แท้ 100% FURiO F1 SN 0W-40 หรือ 5W-30 หรือ 5W-40 ขนาด 4 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี กระติกน้ำสุญญากาศ ZOJIRUSHI เก็บร้อนเย็น 24 ชม. มูลค่า 1,200 บาท
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นดีเซลสังเคราะห์แท้ 100% FURiO F1 DIESEL CJ-4 5W-30 ขนาด 6 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี ขนาด 1 ลิตร พร้อมกระติกน้ำสุญญากาศ ZOJIRUSHI เก็บร้อนเย็น 24 ชม. มูลค่า 1,200 บาท
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นเบนซินสูตรสังเคราะห์ FURiO F2 SN 5W-30 หรือ 10W-40 ขนาด 4 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี เสื้อยืด FURiO สุดเท่ห์ มูลค่า 350 บาท
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นดีเซลสูตรสังเคราะห์ FURiO F2 CI-4 10W-30 หรือ 15W-40 ขนาด 6 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี ขนาด 1 ลิตร พร้อมเสื้อยืด FURiO สุดเท่ห์ มูลค่า 350 บาท
ข่าวที่ 4 “บอร์ดทอท.อนุมัติดีไซน์อาคาร2สุวรรณภูมิ329ล้าน”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รายงานว่าผลการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ ทอท.เป็นประธาน มีมติอนุมัติให้ ทอท.จ้างกลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงานดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก เป็นผู้รับจ้างงานสำรวจออกแบบโครงการก่อสร้างกลุ่มอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เป็นเงินรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 329,560,000.-บาท สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ทสภ.ประกอบด้วย
1.งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 บริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A มีพื้นที่ประมาณ 348,000 ตารางเมตร เป็นอาคารแบบ Multi-Terminal สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 30 ล้านคน แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 12 ล้านคน และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 18 ล้านคน พร้อมทั้งปรับปรุงลานจอดอากาศยานให้สอดคล้องกับอาคารผู้โดยสารโดยมีหลุมจอดประมาณ 14 หลุมจอด
2. งานก่อสร้างปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน A, B และ C
3.งานก่อสร้างอาคารบริการท่าอากาศยานครบวงจร (Airport Multiplex Building: AMB) ด้านทิศใต้ของอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ พื้นที่อาคารประมาณ 84,000 ตารางเมตร สามารถจอดรถยนต์ในอาคารได้ประมาณ 1,000 – 1,500 คัน และมีลานจอดรถยนต์ภายนอกอาคารอีกประมาณ 1,500 – 2,000 คัน
4.งานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ โดยเป็นระบบรถไฟฟ้าเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารหลัก (MTB) และอาคารเทียบเครื่องบิน A ในปัจจุบัน ไปยังอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และเชื่อมต่อการเดินทางจากอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 กับสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link มีระยะทางรวมทั้งระบบยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร
5.งานระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร เพื่อรองรับผู้โดยสารปีละ 30 ล้านคน และเชื่อมต่อกับระบบของอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน
6. งานก่อสร้างระบบถนนภายในท่าอากาศยานเพื่อใช้เป็นเส้นทางเข้า-ออกอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2
7.งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการฯ
สำหรับการลงนามในสัญญาแล้ว ผู้รับจ้างจะมีเวลาออกแบบ 10 เดือน จากนั้น ทอท.จะนำแบบไปประมูลงานก่อสร้าง ซึ่งคาดจะเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 2562 แล้วเสร็จในปลายปี 2564 เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้อีกปีละ 30 ล้านคน
ข่าวที่ 5 “ทีเส็บชวนร่วมมหกรรมTDMM30ส.ค.-2ก.ย.นี้”
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TECB” รายงานว่า ได้ร่วมกับ บริษัท PK Exhibition ผู้จัดงานไทยเที่ยวไทย จัดงาน “Thailand Domestic MICE Mart 2018 (TDMM 2018)” ระหว่าง 30 สิงหาคม-2 กันยายน 2561 ณ ศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ จัดเวทีพบปะแลกเปลี่ยนการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ซื้อ ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐที่มีการจัดประชุมสัมมนา บริษัทเอกชนที่มีการจัดประชุมสัมมนา และอินเซ็นทีฟ บริษัททัวร์ บริษัทออแกไนเซอร์ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลสินค้าและบริการด้านการประชุมสัมมนากับผู้ประกอบการไมซ์ กลุ่มโรงแรม รีสอร์ท ศูนย์ประชุม สถานที่จัดกิจกรรม สายการบิน และอื่น ๆ จึงขอเชิญชวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานไมซ์สมัครเข้าร่วมงานได้
ไฮไลท์ในงานครั้งนี้จะได้พบกับผู้ประกอบการไมซ์ในประเทศ และกิจกรรมพิเศษมากมาย เช่น Company outing, Team building, CSR กิจกรรมจับรางวัลมากมายตลอดงาน งานสัมมนา และผู้ประกอบการไมซ์กลุ่มจังหวัดต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับชุมชนและประเทศต่อไป
ช่วงที่ 2 ติดตามมุมใหม่ในการท่องเที่ยว “สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี” กับการทุ่มทุนสร้าง “เมืองหุบเขาไดโนเสาร์แห่งแรกในโลก” ที่ได้ปั้นไดโนเสาร์ครบ 400 สายพันธุ์ ขนาดเท่าตัวจริง วางสลับอยู่ตามโลเกชั่นแตกต่างกันไปเสมือนอยู่ในโลกไดโนเสาร์ของจริง แล้วจากนั้นมาเรียนรู้ถึง “ข้อควรระวังในการอาบน้ำอย่างปลอดภัย” และข่าวเจ๋ง ๆ ในรอบสัปดาห์
@ทัวร์หุบเขาไดโนเสาร์แห่งแรกในโลกที่สวนนงนุช
ออกไปร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ใน "สวนนงนุช" จังหวัดชลบุรี แอ่งท่องเที่ยวในโลกใหม่ในเมืองสีเขียวในพื้นที่กว่า 1,700 ไร่ ที่มีบริการครบทุกอย่าง เริ่มจากตาดูต้นไม้หลากหลายหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกกว่าล้านต้น หูได้ยินเสียงลมธรรมชาติ ผัสสะแห่งไอเย็นของลมธรรมชาติ
ตอนนี้อยู่ระหว่างการเนรมิต พื้นที่กว่า 50 ไร่ ผุดโซนหุบเขาไดโนเสาร์ 400 สายพันธุ์ กำลังปั้นแต่ละสายพันธุ์ได้แล้ว 400 ตัว กำลังทยอยปั้นให้ครบ 1,000 ตัว ความมหัศจรรย์ของหุบเขาไดโนเสาร์ปั้นจากวัสดุขนาดเท่าตัวจริง ปรากฏกายอยู่ตามโลเกชั่นต่าง ๆ ทั้งบนถนน ในแอ่งน้ำ และตามหุบเนินเขา รวมถึงไฮไลต์อันเป็นสัญลักษณ์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไดโนเสาร์เพื่อเป็นสัญลักษณ์การแชะแชร์รูปถ่ายของนักท่องเที่ยวไทยและนานาชาติ
สีสันของดินแดนหุบเขาแห่งไดโนเสาร์สวนนงนุช เมื่อได้เข้าไปเดินอยู่ท่ามกลางความสลับซับซ้อนเสมือนอยู่ในเมืองจำลองของชุมชนไดโนเสาร์อย่างแท้จริง
อีกทั้งในบริเวณไม่ไกลกันยังมี “สวนเกษตรอินทรีย์” ปลูกพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษ แยกโซนออกไป โดยมีโรงครัวขนาดใหญ่เปิดไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าไปเรียน Cooking Class ด้วยเมนูพื้นฐานแบบง่าย ๆ คือ สลัดโรล นำผักสลัด 5-6 ชนิด ที่ปลูกอยู่ในแปลงผักเกษตรอินทรีย์ใกล้ ๆ โรงครัวนำมาจัดเรียงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองทำแล้วนำมารับประทานเป็นออร์เดิร์ฟมื้อเที่ยง ก่อนจะไปทำเมนูต่อเนื่อง “แกงเขียวหวานไก่” ภายในพื้นที่มีครัวจำลองเตาแก๊สพร้อมอุปกรณ์จำนวนเกือบ 100 ชุด ให้นักท่องเที่ยวได้ทำไปพร้อม ๆ กับเชฟใหญ่คอยสอนทำไปด้วยกัน ใช้เวลาเพียง 10 นาที ก็สามารถได้แกงรสชาติอร่อยมารับประทานมื้อเที่ยงร่วมกัน
สำหรับเครื่องแกงเขียวหวานมีสูตรปรุงสำเร็จเป็นแพกเกจบรรจุซองขายนักท่องเที่ยว โดยมีเครื่องแกงอาหารถิ่นไทยหลายเมนูวางขายอยู่ในร้านติด ๆ กับโรงครัวของสวนนงนุช
นอกจากนี้ก็ยังมีสะพานลอยฟ้าลัดเลาะรอบสวนเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม ความยาวราว 3 กิโลเมตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปเดินชมภาพจากมุมสูงทั้งสวนตกแต่งสไตล์ฝรั่งเศส สวนเกษตรอินทรีย์ และอื่น ๆ
ภายในสวนนงนุชปัจจุบัน เพิ่งจะเปิดบริการจุดขายใหม่คือ ศูนย์ประชุมนานาชาติ NICE Convention ขนาด 5,700 ตารางเมตร รองรับการจัดสัมมนาแบบโต๊ะจีนได้ถึง 10,000 คน มีลานจอดรถรองรับได้ 5,000 คัน
นอกจากนี้ยังมีบริการที่พักเป็นรีสอร์ตที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีจำนวนประมาณกว่า 200 ห้อง พร้อมกับร้านอาหารบริการบุฟเฟต์มื้อกลางและวันค่ำ มีอาหารไทย อินเตอร์เนชั่นแนล รสชาติดี พร้อมของหวานไทยหลากหลายชนิด ไว้บริการ
สามารถซื้อบัตรเข้าชมตลอดทั้งวันในราคาคนละ 500 บาท สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้ครบ หรือจะซื้อเฉพาะบัตรเข้าสวนนงนุชเพียงอย่างเดียวก็ได้ในราคาคนละ 120 บาท หากสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจะต้องซื้อบัตรเพิ่มเฉพาะรายการเป็นทางเลือกตามความชอบของนักท่องเที่ยว
วันนี้สวนนงนุชมีมุมใหม่ ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกและตื่นเต้นไปกับกิจกรรมมากมาย แวะไปเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งช่วงวันธรรมดา และวันหยุด เที่ยวไทยในเมืองหลักและเมืองรองสามารถไปได้ตลอดทุกวัน
@ข้อควรระวังการอาบน้ำอย่างปลอดภัย
การอาบน้ำชำระร่างกาย มีความละเอียด มีมุมมอง และเทคนิคต่างๆ มากมาย ปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากน้ำเพื่อผลในการกระตุ้นร่างกาย ฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย
1. ควรงดการอาบน้ำในบุคคลเหล่านี้ คือ คนที่มีไข้สูง หรืออยู่ในระยะที่เริ่มจะมีอาการไข้เฉียบพลัน, ผู้ป่วยโรคหัวใจรุนแรง, โรคเลือดจาง, โรคไตวายรุนแรง, คนที่ดื่มเหล้าเมา
2. โรคที่ติดต่อกันง่าย เช่น วัณโรค แผลติดเชื้อที่ผิวหนัง ไม่ควรอาบน้ำในสระหรือที่สาธารณะร่วมกัน และควรใช้อุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวเท่านั้น
3. คนที่มีโรคความดันสูง โรคหัวใจขาดเลือด ไม่ควรแช่น้ำร้อนนานเกิน 10 นาที ในขณะที่แช่น้ำร้อนควรถูนวดตัวไปด้วย เพื่อช่วยให้การไหลเวียนที่ผิวดีขึ้น
4. การแช่น้ำร้อนนานกว่าครึ่งชั่วโมง จะทำ ให้เลือดลงมาสะสมที่ผิวหนัง ส่งผลให้ไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ อาจเป็นลมได้
5. ไม่ควรอาบน้ำในขณะเหงื่อออกมาก จะทำให้ไม่สบาย เพราะรูขุมขนกำลังเปิด ความเย็นจะเข้าสู่ร่างกาย
6. การอาบน้ำหลังกินข้าวอิ่มใหม่ๆ จะทำให้การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพน้อยลง
7. การอาบน้ำร้อนปกติอุณหภูมิไม่ควรเกิน 40 องศาเซลเซียส ยกเว้นกรณีพิเศษที่ต้องการผลเฉพาะ
เป็นวิธีปฏิบัติง่าย ๆ ในการอาบน้ำให้ปลอดภัยต่อสุขภาพของทุกคน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ท่องเที่ยว7เดือนแรกโกยได้แล้ว1.18ล้านล้านบาท”
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยว 7 เดือน ปี 2561 นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้เงินเที่ยวเมืองไทยระหว่าง มกราคม-มิถุนายน ปีนี้ ได้มากถึง 1,182,272.03 ล้านบาท โดยมีตลาดจีนเป็นแชมป์ใช้จ่ายเงินรวมกว่า 3.71แสนล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 27%
โดยมีสถิติที่น่าสนใจคือนักท่องเที่ยวตลาดจีนเดินทางมาไทยตลอด 7 เดือน ระหว่างมกราคม - กรกฎาคม 2561 สร้างมูลค่ารายได้รวมทั้งสิ้น 371,345.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงที่สุดถึง 27.86 % เฉพาะ กรกฎาคม 2561 เพียงเดือนเดียวที่เกิดเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่มที่ภูเก็ต โดยมีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตมากที่สุด มีผลทำให้ "จำนวนนักท่องเที่ยวจีน" ตลอดทั้งเดือน มีเพียง 929,771 คน ลดลงไปแค่ 0.87 %
ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ทั้งหมดตลอดกรกฎาคม 2561 เดือนเดียวมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 3,175,981 คน
ทางด้าน ไทยเที่ยวไทยครึ่งปีแรกทำเงินพุ่งเกินคาด5.19แสนล้าน โดยมีนครศรีแชมป์ ตามติดด้วยเมืองรองในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาแรงจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตมากสุด15 %
สถิติคนไทยเที่ยวในประเทศ ตลอดครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม-มิถุนายน 2561 มีจำนวรวมทั้งสิ้น 74.96 ล้านคน-คร้ง ทำเงินได้แล้วถึง 5.19 แสนล้านบาท
โดยมีการเดินทางเที่ยวในประเทศทั่วไทย 55 เมืองรอง ตลอด 6 เดือนแรกปีนี้ มีนักท่องเที่ยวรวม 41.83 ล้านคน-ครั้ง รายได้พุ่ง 1.17 แสนล้านบาท
จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองที่ครองใจชาวไทยด้วยกันได้มากที่สุดคือ "นครศรีธรรมราช” กวาดรายได้ตลอดทั้ง 6 เดือนแรกไปทั้งสิ้น 1,829.78 ล้านบาท ขณะที่"แม่ฮ่องสอน" ซึ่งได้ชื่อว่ายากจนสุดในประเทศ หลังจาก ททท.โหมโปรโมตหลังคณะรัฐมนตรีไปจัดประชุมสัญจร จากนั้นก็สามารถปลุกรายได้การท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรกเติบโตมากสุดถึง 15.08 %
ข่าวที่สอง “สมุทรปราการโหมท่องเที่ยว4กลุ่ม”
นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดโครงการเสริมสร้างภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้แคมเปญ “Explore The New Horizon ค้นพบความสุข เปิดมุมมองใหม่สมุทรปราการ” ด้วยแคมเปญ “Explore The New Horizon ค้นพบความสุข เปิดมุมมองใหม่สมุทรปราการ” เชิญชวนท่องเที่ยว 4 กลุ่ม ได้แก่
1.กลุ่มเรียนรู้ :แหล่งเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ เหตุการณ์สำคัญในช่วงเวลาต่าง ๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ในอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ : แหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ โครงการลูกพระดาบส : ศูนย์เรียนรู้ สร้างงาน สร้างอาชีพตามแนวพระราชดำริ ป้อมพระจุลจอมเกล้า : หลักฐานแห่งยุทธนาวี ระหว่างสยามและฝรั่งเศส เพื่อรักษาเอกราชชาติไทย
2.กลุ่มริเริ่ม : พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนในเชิงสร้างสรรค์ หมู่บ้านภูมิปัญญา OTOP ได้แก่ บ้านคลองนาเกลือ ม.2 หมู่บ้านภูมิปัญญา :สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพ โดดเด่นเครื่องจักสานและสินค้าโอทอป กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรสวนเก้าแสน บางพลี : กลุ่มแม่บ้านชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ สวัสดิการชุมชนและกิจกรรมลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านทวิบุญ : แปลงนา บ่อน้ำ เลี้ยงปลา ตามหลักการเกษตรทฤษฎีใหม่ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่ตั้งอยู่กลางเมืองอุตสาหกรรม
3.กลุ่มร่วมทำ : อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วยสองมือของนักท่องเที่ยว และชุมชน เพื่อสร้างความยั่งยืนของสถานที่ท่องเที่ยว ได้แก่ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ : สัมผัสแหล่งโอโซนได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ทำกิจกรรมสุขภาพได้ทุกเพศวัย ล่องเรือชมธรรมชาติสาขลา : เส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศบ้านขุนสมุทรจีน ไหว้พระขอพรวัดขุนสมุทราวาส สถานตากอากาศบางปู : ชื่นชมธรรมชาติป่าชายเลน บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ ตื่นตาตื่นใจกับนกอพยพในช่วงฤดูหนาว
4.กลุ่มแบ่งปัน : ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แบ่งปันความดีงาม ประเพณีพื้นถิ่น ได้แก่ ประเพณีรับบัว : “หนึ่งเดียวในโลก แห่งเดียวในไทย” จัดขึ้นทุกวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 สักการะหลวงพ่อโต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง สัมผัสวิถีวัฒนธรรมชาวบางพลี สงกรานต์พระประแดง : สนุกสนานกับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวมอญพระประแดง ชมขบวนรถบุปผชาติ การประกวดหนุ่มน้อยลอยชายและนางสงกรานต์ รื่นรมย์ชมของดีสมุทรปราการ : เมืองแห่งสีสันมหัศจรรย์แห่งความสุขเทศกาลแห่งความสนุกสนาน ชมคอนเสิร์ตจากศิลปินและชิมอาหารทะเลสดๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ประเพณีห่มผ้าแดง : รวมใจศรัทธาชาวปากน้ำ แห่ผ้าแดงห่มองค์พระสมุทรเจดีย์ สัญลักษณ์คู่เมืองสมุทรปราการ
ข่าวที่สาม “ดึงโฮมสเตย์ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ขายท่องเที่ยว”
กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น รายงานว่าได้ทำแบบรายงานการสมัครใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ให้โฮมสเตย์ทั่วประเทศตามชุมชนเมืองหลัก เมืองรอง ที่มีห้องพัก 1-4 ห้อง ที่พร้อมจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก สมัครใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว อย่างน้อยท้องถิ่นละ 1 แห่ง โดยอัพโหลดรูปาพแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สำหรับชุมชนท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมโครงกานี้สามารถติดต่อได้ที่โทร. 02-241-6930 อีกทั้งนักท่องเที่ยวสามารถนำใบเสร็จจากการพักโฮมสเตย์ไปเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ในปี 2561 ตามนโยบายของรัฐบาล
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ปี’62“จีน-อเมริกา”แห่ใช้เงินประชุมทั่วไทย
คิงเพาเวอร์-ไทยเบฟโหมสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง
ททท.นำคนดังบูม5จุดทัวร์ศาสตร์พระราชา
บางจากชวนเติมFurioรับฟรีทันทีกระติกน้ำ
บอร์ดทอท.อนุมัติจ้างดีไซน์สุวรรณภูมิหลัง2
ดึงไมซ์ในประเทศร่วมมหกรรมขาย30ส.ค.นี้
ต้องเที่ยวหุบเขาไดโนเสาร์โลกได้ที่สวนนงนุช
ข้อควรระวังวิธีอาบน้ำคนไข้อย่างปลอดภัย
7เดือนแรกท่องเที่ยวตุนรายได้1.18ล้านล้าน
ดึงโฮมสเตย์ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ลดภาษี
สมุทรปราการโหมขายท่องเที่ยว4กลุ่มใหม่
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เปิดมิติใหม่กับ “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” รุกแรงเมกะโปรเจ็กต์ “ไมซ์เพื่อชุมชน” และการนำทัพไมซ์ทั่วโลกหลั่งไหลเข้าประเทศในปี 2562 โดยเฉพาะไมซ์จีนแห่แหนมาจัดงาน IDA ในไทย ไมซ์อเมริการะดมพลคนพลังงานกว่า 15,000 คนมาจัดในไทยเช่นกัน และสิงคโปร์ก็พร้อมแนะนำนวัตกรรมการสร้างไมซ์สตาร์ตอัพในไทย
จิรุตถ์ถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) |
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า ได้ขับเคลื่อนไมซ์เพื่อชุมชนที่ได้เปิดตัวครั้งใหญ่ร่วมกับทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ชุมชน ทั่วประเทศมีทั้งหมด 8,400 สหกรณ์ ได้คัดเลือกมา 35 แห่ง เพื่อซีเอสอาร์คืนประโยชน์สู่สังคม โดยได้ทำทำคู่มือ ซึ่งต้องการให้กลุ่มบริษัทคอร์ปอเรตจากหอการค้าไทยมาร่วมกว่า 50 แห่ง มาพบกับสหกรณ์ตัวอย่าง 16 แห่ง พร้อมกับนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมานำเสนอพบเจรจากับหอการค้าที่พร้อมเปิดให้ความรู้แลกเปลี่ยนระหว่างกัน ทั้งเรื่องแพกเกจและเส้นทางสัมมนาไมซ์เพื่อชุมชนให้เกิดการค้าขายสินค้าได้ดีขึ้น ทำให้ชุมชนได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่า
โดยได้ริเริ่มการจัดประชุมเมืองไทยในโครงการพระราชดำริมาตั้งแต่ปี 2550 จนกระทั่งปี 2561 ได้นำร่องต่อยอดโครงการ "ไมซ์เพื่อชุมชน" ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 บุกเบิกนำสมาชิกบริษัทขนาดใหญ่ในเครือข่ายอนาคตไทยลงพื้นที่จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฎิบัติการและสำรวจผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่นของชุมชนสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี และเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561 นำสื่อมวลชนร่วมสำรวจและทำกิจกรรมในสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จากนั้นวันที่ 23 สิงหาคม 2561 จัดเวที “ไมซ์เพื่อชุมชน มิติใหม่อุตสาหกรรมไมซ์” โดยเชิญผู้บริหารหน่วยงานเกี่ยวข้องภาครัฐและเอกชน เปิดเวทีเสวนา พร้อมกับจัดตั้งโต๊ะจับคู่เจรจาธุรกิจ (Table top sale) ระหว่างกลุ่มผู้แทนผู้ที่จะนำตลาดไมซ์ลงพื้นที่ ได้แก่ องค์กรธุรกิจชั้นนำ มูลนิธิต่าง ๆ สถานศึกษา สถาบันการเงิน รวมกว่า 100 ราย มาพบกับตัวแทนชุมชนสหกรณ์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ขายเจ้าของสินค้ากว่า 16 แห่ง เพื่อแสวงหาโอกาส แบ่งปันองค์ความรู้ ช่วยต่อยอดการพัฒนาสินค้าและบริการของชุมชน
ทีเส็บตั้งเป้าให้เกิดมิติใหม่ของอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศ โดยเตรียมเดินหน้า 3 แผนหลัก ประกอบด้วย
แผนที่ 1 การนำตลาดกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่และหน่วยงานต่าง ๆ เข้าไปหาชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งทาง TCEB ได้จัดแพกเกจสนับสนุนงบประมาณให้องค์กรต่าง ๆ ที่นำพนักงานไปจัดไมซ์ตามชุมชนเมืองรองทั่วประเทศ รวมทั้งยังร่วมกับสมาคมธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ สำรวจเส้นทางการโปรโมตไมซ์เพื่อชุมชน ควบคู่กันไปด้วย
แผนที่ 2 จัดทำมาตรฐานห้องประชุม โดยจะจัดส่งหน่วยงานที่มีองค์ความรู้ทางด้าน Thailand MICE Venue Standard เข้าไปให้คำแนะนำแก่ชุมชน
แผนที่ 3 จัดทำเอกสารคู่มือแนะนำสถานที่ให้ฟรีแก่เอกชนที่จะนำไมซ์ไปจัดในชุมชน เปิดช่องทางการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ทาง www.businesseventthailand.com
ตลอดปี 2561 เป็นต้นไป TCEB จะผนึกความร่วมมือกับทุกฝ่ายขับเคลื่อนไมซ์เพื่อชุมชนให้กลายเป็นพลังสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชนท้องถิ่นสามารถมีตลาดเข้าไปอุดหนุนสินค้าและบริการที่จะช่วยเพิ่มความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้สู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ด้วยมิติใหม่ไมซ์ในประเทศ
ส่วนตลาดไมซ์ต่างประเทศที่จะหลั่งไหลเข้าไทย งานแรก IDA-International Dragon Award 2018 กลุ่มเอกชนผู้ประกอบการธุรกิจประกันขายตรง ระหว่างนี้ก็มีบริษัทจัดการประชุมหรือ Destination Management Company จากสาธารณะรัฐประชาชนจีนเดินทางลงสำรวจพื้นที่อยู่ในกระบี่จนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2561 ตอกย้ำความเชื่อมั่นซึ่งทุกคนมีความสุขและเห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางไมซ์ระหว่างประเทศ
ทางทีเส็บประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะลดลงบ้าง แต่ด้วยน้ำใจของคนไทย รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องเดินทางไปพบปะเจรจารวมถึงทีเส็บก็ได้ไปพบกับทางเอกชนไมซ์ในจีน ซึ่งจะต้องทำต่อเนื่องสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เพราะจีนเป็นตลาดสำคัญไมซ์ โดยเฉพาะจัดแสดงสินค้าทางด้านอาหาร พลังงาน มีลูกค้าจากจีนสนใจ และควรใช้กลยุทธ์ความเป็นพันธมิตรหรือหุ้นส่วนทางธุรกิจมากกว่าเป็นคู่แข่ง
ส่วนงานสำคัญอีกอย่างคือจัดประชุมพลังงานจากอเมริกาขนาด 15,000 คน โดยมีจุฬาลงกรณ์เป็นแม่งานใหญ่ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่จะทำให้งานนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ทางด้านการเดินทางไปร่วมมือกับทางองค์การท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Broad :STB) มีนวัตกรรมที่จะเป็นเครือข่ายพันธมิตรทางนวัตกรรมที่จะเราเองก็จะทำการจับคู่ และฐานข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเอกชนผู้ประกอบการ งานไปร่วมกับสิงคโปร์ครั้งนี้ก็มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะนำเข้ามาใช้ในไทย ตัวอย่างคือ connect การลงทะเบียนจับคู่การประชุม นัดหมายการเจรจาการค้า โดยมีแอพลิเคชั่นโรงแรมและการเดินทางขนส่ง ซึ่งทางทีเส็บมีหน่วยงานใหม่ตั้งขึ้นมารับผิดชอบโดยเฉพาะ และมีการทำงานร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติพัฒนากลุ่ม Start up ซึ่งทีเส็บทำครั้งแรกเป็นแคมป์เยาวชน จัดการแข่งขัน 2 กลุ่ม ทำแอพลิเคชั่นการจองและเอ็กซิบิชั่นจำลองสถานการณ์จัดงาน ซึ่งจะเดินหน้าทำโครงการดังกล่าวต่อไป
อนาคตนอกจากจะให้งบประมาณแล้วยังจะให้การส่งเสริมในด้านอื่น ๆ คู่ขนานกันไปด้วย โดยได้จัดทำเป็นการจัดงานปีละ 1 ครั้ง กับทางสำนักงานนวัตกรรม ซึ่งจะเข้าร่วมทางด้าน distric innovation ซึ่งเป็นนวัตกรรมไมซ์ของทีเส็บ
สำหรับการทำไมซ์เพื่อชุมชนปี 2561 เป็นการทำงานร่วมกับสหกรณ์ชุมชน จะต้องใช้ไมซ์กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ทำให้ชุมชนจับคู่กับตลาด เปิดเส้นทาง และให้ความรู้สถานที่จัดงาน เป็นกลยุทธ์บูรณาการความร่วมมือ ทำให้สังคมรู้จักทีเส็บในฐานะองค์กรไมซ์มากเพิ่มขึ้น
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ผนึกไทยเบฟปั้นบอลไทยสู่บอลโลก”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า คิง เพาเวอร์ จับมือกับ กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ จัดทำโครงการร่วมกันในสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เดินหน้าทำแนวความคิดผลักดันฟุตบอลไทยพัฒนาไปในทางที่ดีและก้าวไปสู่ระดับโลกได้ โดยเชื่อในศักยภาพของคนไทย โดยเฉพาะเรื่องของกีฬาฟุตบอล คิง เพาเวอร์ ได้สนับสนุนและผลักดัน SPORT POWER มาโดยตลอด เราเริ่มทำตั้งแต่การปลูกรากฐานให้กับเยาวชนไทยทั่วประเทศ ให้ได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาของตัวเอง จนสามารถเข้าไปสู่การเล่นฟุตบอลมืออาชีพได้
ความร่วมมือครั้งนี้พุ่งเป้าเส้นทางสู่ความสำเร็จทำให้เยาวชนไทยเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถ ไม่ได้มุ่งเฉพาะการทำธุรกิจด้วยการติดแบรนด์โลโก้ขายแบรนด์เบียร์เพียงอย่างเดียว แต่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนกีฬา การสร้างเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางกีฬาในระดับอาเซียนและเอเชียจะต้องหันมาสนใจมากกว่าปัจจุบัน
ตามมอบลูกฟุตบอล 1 ล้านลูกในโครงการล้านลูก ล้านพลัง สานฝันเด็กไทย ให้เยาวชนไทยได้มีลูกฟุตบอลที่มีมาตรฐานไปฝึกฝน เราสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแบบมาตรฐานสากล โครงการคลินิกฟุตบอล Fox Dream ที่ให้โอกาสเยาวชนได้เรียนรู้ทักษะฟุตบอลกับนักเตะระดับทีมชาติ เพื่อบอกเล่าประสบการณ์เคล็ดลับต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับเยาวชน เรามี King Power’s Cup ที่เป็นเวทีในการคัดเลือกเยาวชนไทยฝีเท้าดีทั่วประเทศเพื่อเข้าไปอยู่ในโครงการ FOX HUNT ซึ่งน้องๆ จะได้รับทุนการศึกษาและไปฝึกทักษะฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ”
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับคิง เพาเวอร์ ภายใต้แบรนด์เครื่องดื่มตราช้างและเบียร์ ไซง่อน ซึ่งเป็นเบียร์ยอดนิยมในประเ ทศเวียดนาม และเป็นสินค้าในเครือไทยเบฟเวอเรจ เข้าเป็นสปอนเซอร์ของทีมสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ โดยโลโก้ของเบียร์ไซง่อนจะอยู่บนแขนเสื้อชุดแข่งทั้ง 3 แบบของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ส่วนเบียร์ช้าง ซึ่งวางจำหน่ายกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ได้รับสิทธิ์จำหน่ายที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
โดยเข้าซื้อกิจการซาเบโก้ในเวียดนาม ทำให้เบียร์ไซง่อน รวมทั้งความสัมพันธ์อันยาวนานของไทยเบฟกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในไทย ที่พร้อมจะขยายไปถึงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคตข้างหน้า
โดยแฟนเลสเตอร์ ซิตี้ และไทยเบฟเวอเรจ สามารถเลือกซื้อชุดแข่งฤดูกาลใหม่ 2018/19 ได้ทั้ง 3 แบบ ชุดแข่งทีมเหย้าสีน้ำเงิน Home Kit ชุดแข่งทีมเยือนสีเทาสุดเท่ห์ Away Kit และชุดแข่งทีมเยือนสีขาว Third Kit ได้แล้วที่ LCFC Store คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา
ข่าวที่ 2 “ททท.โหม5เส้นทางเที่ยวตามศาสตร์พระราชา”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้จัดทำเส้นทางของโครงการแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว 5 เส้นทาง คือ 1.โครงการ 1 ไร่แก้จน ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน มณฑลทหารบกที่ 16 จังหวัดราชบุรี–ชุมชนบ้านศาลาดิน จังหวัดนครปฐม 2.โครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำต้นลำปะเทีย-ชุมชนบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์ 3.โครงการศูนย์บริการการพั ฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ-ชุ มชนปากน้ำประแส จ. ระยอง 4.โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำ ปากพนัง-ชุมชนบ้านแหลม จ.นครศรีธรรมราช 5.โครงการเกษตรวิชญา-ชุมชนบ้านไร่ กองขิง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมโยงทั้งทางด้านพื้นที่ และการเชื่อมโยงด้านการน้ อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง
ททท.ได้นำคณะทูตลงพื้นที่ช่วงเดือนสิงหาคม-เดื อนกันยายน 2561 ควบคู่การประชาสัมพั นธ์ผ่านกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมติดตามและเข้าร่วมเป็ นส่วนหนึ่งของโครงการได้ที่เว็ บไซต์ www.tourismthailand.org/ kingwisdom
ขณะเดียวกันก็ได้นำศิลปินดาราแถวหน้าของเมืองไทยลงพื้นที่ทั้ง 5 เส้นทาง ในโครงการ“แหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์ พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” มีทั้ง อเล็กซ์ เรนเดล, เฟรซ-อริศรา วงษ์ชาลี, ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เจริญ และครอบครัว, ดุ๊ก-ภาณุเดช วัฒนสุชาติ และ ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความปลามปลื้มใจที่ได้ลงพื้นที่ สัมผัสชีวิตตามแนวพระราชดำริที่ แฝงไปด้วยความเรียบง่าย พอเพียง แต่เลี้ยงตนได้อย่างสุขใจ ในโครงการ “แหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์ พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” โดยโครงการนี้เป็นการน้ อมนำศาสตร์ของพระราชา เพื่อมาต่อยอดในการบูรณาการภูมิ ปัญญาท้องถิ่น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิ ดการเดินทางท่องเที่ ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ ยวตามรอยศาสตร์พระราชา และการเดินทางเพื่อเชื่อมโยงแอ่ งท่องเที่ยว หรือการเดินทางสู่เมืองรอง
ข่าวที่ 3 “บางจากชวนเติมFurioรับฟรีกระติกน้ำลดโลกร้อน”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ขอนำผลิตภัณฑ์คุณภาพ FURiO น้ำมันหล่อลื่นเกรดพรีเมี่ยม ที่มี RESPOPLEX เทคโนโลยีระดับโลก สร้างโมเลกุลเคลือบยึดเกาะทรงพลัง ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ในทุกสภาวะการใช้งาน พิสูจน์แล้วด้วยการทดสอบจากทีมรถแข่งระดับโลก ณ สนามแข่งเมือง เลอม็อง ประเทศฝรั่งเศส ที่แสนหฤโหดขับต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
พิเศษ ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง ถึง 30 ก.ย. 61
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นเบนซินสังเคราะห์แท้ 100% FURiO F1 SN 0W-40 หรือ 5W-30 หรือ 5W-40 ขนาด 4 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี กระติกน้ำสุญญากาศ ZOJIRUSHI เก็บร้อนเย็น 24 ชม. มูลค่า 1,200 บาท
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นดีเซลสังเคราะห์แท้ 100% FURiO F1 DIESEL CJ-4 5W-30 ขนาด 6 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี ขนาด 1 ลิตร พร้อมกระติกน้ำสุญญากาศ ZOJIRUSHI เก็บร้อนเย็น 24 ชม. มูลค่า 1,200 บาท
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นเบนซินสูตรสังเคราะห์ FURiO F2 SN 5W-30 หรือ 10W-40 ขนาด 4 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี เสื้อยืด FURiO สุดเท่ห์ มูลค่า 350 บาท
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นดีเซลสูตรสังเคราะห์ FURiO F2 CI-4 10W-30 หรือ 15W-40 ขนาด 6 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี ขนาด 1 ลิตร พร้อมเสื้อยืด FURiO สุดเท่ห์ มูลค่า 350 บาท
ข่าวที่ 4 “บอร์ดทอท.อนุมัติดีไซน์อาคาร2สุวรรณภูมิ329ล้าน”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รายงานว่าผลการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ ทอท.เป็นประธาน มีมติอนุมัติให้ ทอท.จ้างกลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงานดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก เป็นผู้รับจ้างงานสำรวจออกแบบโครงการก่อสร้างกลุ่มอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เป็นเงินรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 329,560,000.-บาท สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ทสภ.ประกอบด้วย
1.งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 บริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A มีพื้นที่ประมาณ 348,000 ตารางเมตร เป็นอาคารแบบ Multi-Terminal สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 30 ล้านคน แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 12 ล้านคน และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 18 ล้านคน พร้อมทั้งปรับปรุงลานจอดอากาศยานให้สอดคล้องกับอาคารผู้โดยสารโดยมีหลุมจอดประมาณ 14 หลุมจอด
2. งานก่อสร้างปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน A, B และ C
3.งานก่อสร้างอาคารบริการท่าอากาศยานครบวงจร (Airport Multiplex Building: AMB) ด้านทิศใต้ของอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ พื้นที่อาคารประมาณ 84,000 ตารางเมตร สามารถจอดรถยนต์ในอาคารได้ประมาณ 1,000 – 1,500 คัน และมีลานจอดรถยนต์ภายนอกอาคารอีกประมาณ 1,500 – 2,000 คัน
4.งานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ โดยเป็นระบบรถไฟฟ้าเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารหลัก (MTB) และอาคารเทียบเครื่องบิน A ในปัจจุบัน ไปยังอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และเชื่อมต่อการเดินทางจากอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 กับสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link มีระยะทางรวมทั้งระบบยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร
5.งานระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร เพื่อรองรับผู้โดยสารปีละ 30 ล้านคน และเชื่อมต่อกับระบบของอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน
6. งานก่อสร้างระบบถนนภายในท่าอากาศยานเพื่อใช้เป็นเส้นทางเข้า-ออกอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2
7.งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการฯ
สำหรับการลงนามในสัญญาแล้ว ผู้รับจ้างจะมีเวลาออกแบบ 10 เดือน จากนั้น ทอท.จะนำแบบไปประมูลงานก่อสร้าง ซึ่งคาดจะเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 2562 แล้วเสร็จในปลายปี 2564 เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้อีกปีละ 30 ล้านคน
ข่าวที่ 5 “ทีเส็บชวนร่วมมหกรรมTDMM30ส.ค.-2ก.ย.นี้”
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TECB” รายงานว่า ได้ร่วมกับ บริษัท PK Exhibition ผู้จัดงานไทยเที่ยวไทย จัดงาน “Thailand Domestic MICE Mart 2018 (TDMM 2018)” ระหว่าง 30 สิงหาคม-2 กันยายน 2561 ณ ศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ จัดเวทีพบปะแลกเปลี่ยนการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ซื้อ ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐที่มีการจัดประชุมสัมมนา บริษัทเอกชนที่มีการจัดประชุมสัมมนา และอินเซ็นทีฟ บริษัททัวร์ บริษัทออแกไนเซอร์ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลสินค้าและบริการด้านการประชุมสัมมนากับผู้ประกอบการไมซ์ กลุ่มโรงแรม รีสอร์ท ศูนย์ประชุม สถานที่จัดกิจกรรม สายการบิน และอื่น ๆ จึงขอเชิญชวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานไมซ์สมัครเข้าร่วมงานได้
ไฮไลท์ในงานครั้งนี้จะได้พบกับผู้ประกอบการไมซ์ในประเทศ และกิจกรรมพิเศษมากมาย เช่น Company outing, Team building, CSR กิจกรรมจับรางวัลมากมายตลอดงาน งานสัมมนา และผู้ประกอบการไมซ์กลุ่มจังหวัดต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับชุมชนและประเทศต่อไป
ช่วงที่ 2 ติดตามมุมใหม่ในการท่องเที่ยว “สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี” กับการทุ่มทุนสร้าง “เมืองหุบเขาไดโนเสาร์แห่งแรกในโลก” ที่ได้ปั้นไดโนเสาร์ครบ 400 สายพันธุ์ ขนาดเท่าตัวจริง วางสลับอยู่ตามโลเกชั่นแตกต่างกันไปเสมือนอยู่ในโลกไดโนเสาร์ของจริง แล้วจากนั้นมาเรียนรู้ถึง “ข้อควรระวังในการอาบน้ำอย่างปลอดภัย” และข่าวเจ๋ง ๆ ในรอบสัปดาห์
@ทัวร์หุบเขาไดโนเสาร์แห่งแรกในโลกที่สวนนงนุช
ออกไปร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ใน "สวนนงนุช" จังหวัดชลบุรี แอ่งท่องเที่ยวในโลกใหม่ในเมืองสีเขียวในพื้นที่กว่า 1,700 ไร่ ที่มีบริการครบทุกอย่าง เริ่มจากตาดูต้นไม้หลากหลายหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกกว่าล้านต้น หูได้ยินเสียงลมธรรมชาติ ผัสสะแห่งไอเย็นของลมธรรมชาติ
ตอนนี้อยู่ระหว่างการเนรมิต พื้นที่กว่า 50 ไร่ ผุดโซนหุบเขาไดโนเสาร์ 400 สายพันธุ์ กำลังปั้นแต่ละสายพันธุ์ได้แล้ว 400 ตัว กำลังทยอยปั้นให้ครบ 1,000 ตัว ความมหัศจรรย์ของหุบเขาไดโนเสาร์ปั้นจากวัสดุขนาดเท่าตัวจริง ปรากฏกายอยู่ตามโลเกชั่นต่าง ๆ ทั้งบนถนน ในแอ่งน้ำ และตามหุบเนินเขา รวมถึงไฮไลต์อันเป็นสัญลักษณ์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไดโนเสาร์เพื่อเป็นสัญลักษณ์การแชะแชร์รูปถ่ายของนักท่องเที่ยวไทยและนานาชาติ
สีสันของดินแดนหุบเขาแห่งไดโนเสาร์สวนนงนุช เมื่อได้เข้าไปเดินอยู่ท่ามกลางความสลับซับซ้อนเสมือนอยู่ในเมืองจำลองของชุมชนไดโนเสาร์อย่างแท้จริง
อีกทั้งในบริเวณไม่ไกลกันยังมี “สวนเกษตรอินทรีย์” ปลูกพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษ แยกโซนออกไป โดยมีโรงครัวขนาดใหญ่เปิดไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าไปเรียน Cooking Class ด้วยเมนูพื้นฐานแบบง่าย ๆ คือ สลัดโรล นำผักสลัด 5-6 ชนิด ที่ปลูกอยู่ในแปลงผักเกษตรอินทรีย์ใกล้ ๆ โรงครัวนำมาจัดเรียงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองทำแล้วนำมารับประทานเป็นออร์เดิร์ฟมื้อเที่ยง ก่อนจะไปทำเมนูต่อเนื่อง “แกงเขียวหวานไก่” ภายในพื้นที่มีครัวจำลองเตาแก๊สพร้อมอุปกรณ์จำนวนเกือบ 100 ชุด ให้นักท่องเที่ยวได้ทำไปพร้อม ๆ กับเชฟใหญ่คอยสอนทำไปด้วยกัน ใช้เวลาเพียง 10 นาที ก็สามารถได้แกงรสชาติอร่อยมารับประทานมื้อเที่ยงร่วมกัน
สำหรับเครื่องแกงเขียวหวานมีสูตรปรุงสำเร็จเป็นแพกเกจบรรจุซองขายนักท่องเที่ยว โดยมีเครื่องแกงอาหารถิ่นไทยหลายเมนูวางขายอยู่ในร้านติด ๆ กับโรงครัวของสวนนงนุช
นอกจากนี้ก็ยังมีสะพานลอยฟ้าลัดเลาะรอบสวนเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม ความยาวราว 3 กิโลเมตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปเดินชมภาพจากมุมสูงทั้งสวนตกแต่งสไตล์ฝรั่งเศส สวนเกษตรอินทรีย์ และอื่น ๆ
ภายในสวนนงนุชปัจจุบัน เพิ่งจะเปิดบริการจุดขายใหม่คือ ศูนย์ประชุมนานาชาติ NICE Convention ขนาด 5,700 ตารางเมตร รองรับการจัดสัมมนาแบบโต๊ะจีนได้ถึง 10,000 คน มีลานจอดรถรองรับได้ 5,000 คัน
นอกจากนี้ยังมีบริการที่พักเป็นรีสอร์ตที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีจำนวนประมาณกว่า 200 ห้อง พร้อมกับร้านอาหารบริการบุฟเฟต์มื้อกลางและวันค่ำ มีอาหารไทย อินเตอร์เนชั่นแนล รสชาติดี พร้อมของหวานไทยหลากหลายชนิด ไว้บริการ
สามารถซื้อบัตรเข้าชมตลอดทั้งวันในราคาคนละ 500 บาท สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้ครบ หรือจะซื้อเฉพาะบัตรเข้าสวนนงนุชเพียงอย่างเดียวก็ได้ในราคาคนละ 120 บาท หากสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจะต้องซื้อบัตรเพิ่มเฉพาะรายการเป็นทางเลือกตามความชอบของนักท่องเที่ยว
วันนี้สวนนงนุชมีมุมใหม่ ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกและตื่นเต้นไปกับกิจกรรมมากมาย แวะไปเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งช่วงวันธรรมดา และวันหยุด เที่ยวไทยในเมืองหลักและเมืองรองสามารถไปได้ตลอดทุกวัน
@ข้อควรระวังการอาบน้ำอย่างปลอดภัย
การอาบน้ำชำระร่างกาย มีความละเอียด มีมุมมอง และเทคนิคต่างๆ มากมาย ปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากน้ำเพื่อผลในการกระตุ้นร่างกาย ฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย
1. ควรงดการอาบน้ำในบุคคลเหล่านี้ คือ คนที่มีไข้สูง หรืออยู่ในระยะที่เริ่มจะมีอาการไข้เฉียบพลัน, ผู้ป่วยโรคหัวใจรุนแรง, โรคเลือดจาง, โรคไตวายรุนแรง, คนที่ดื่มเหล้าเมา
2. โรคที่ติดต่อกันง่าย เช่น วัณโรค แผลติดเชื้อที่ผิวหนัง ไม่ควรอาบน้ำในสระหรือที่สาธารณะร่วมกัน และควรใช้อุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวเท่านั้น
3. คนที่มีโรคความดันสูง โรคหัวใจขาดเลือด ไม่ควรแช่น้ำร้อนนานเกิน 10 นาที ในขณะที่แช่น้ำร้อนควรถูนวดตัวไปด้วย เพื่อช่วยให้การไหลเวียนที่ผิวดีขึ้น
4. การแช่น้ำร้อนนานกว่าครึ่งชั่วโมง จะทำ ให้เลือดลงมาสะสมที่ผิวหนัง ส่งผลให้ไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ อาจเป็นลมได้
5. ไม่ควรอาบน้ำในขณะเหงื่อออกมาก จะทำให้ไม่สบาย เพราะรูขุมขนกำลังเปิด ความเย็นจะเข้าสู่ร่างกาย
6. การอาบน้ำหลังกินข้าวอิ่มใหม่ๆ จะทำให้การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพน้อยลง
7. การอาบน้ำร้อนปกติอุณหภูมิไม่ควรเกิน 40 องศาเซลเซียส ยกเว้นกรณีพิเศษที่ต้องการผลเฉพาะ
เป็นวิธีปฏิบัติง่าย ๆ ในการอาบน้ำให้ปลอดภัยต่อสุขภาพของทุกคน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ท่องเที่ยว7เดือนแรกโกยได้แล้ว1.18ล้านล้านบาท”
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยว 7 เดือน ปี 2561 นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้เงินเที่ยวเมืองไทยระหว่าง มกราคม-มิถุนายน ปีนี้ ได้มากถึง 1,182,272.03 ล้านบาท โดยมีตลาดจีนเป็นแชมป์ใช้จ่ายเงินรวมกว่า 3.71แสนล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 27%
โดยมีสถิติที่น่าสนใจคือนักท่องเที่ยวตลาดจีนเดินทางมาไทยตลอด 7 เดือน ระหว่างมกราคม - กรกฎาคม 2561 สร้างมูลค่ารายได้รวมทั้งสิ้น 371,345.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงที่สุดถึง 27.86 % เฉพาะ กรกฎาคม 2561 เพียงเดือนเดียวที่เกิดเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่มที่ภูเก็ต โดยมีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตมากที่สุด มีผลทำให้ "จำนวนนักท่องเที่ยวจีน" ตลอดทั้งเดือน มีเพียง 929,771 คน ลดลงไปแค่ 0.87 %
ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ทั้งหมดตลอดกรกฎาคม 2561 เดือนเดียวมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 3,175,981 คน
ทางด้าน ไทยเที่ยวไทยครึ่งปีแรกทำเงินพุ่งเกินคาด5.19แสนล้าน โดยมีนครศรีแชมป์ ตามติดด้วยเมืองรองในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาแรงจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตมากสุด15 %
สถิติคนไทยเที่ยวในประเทศ ตลอดครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม-มิถุนายน 2561 มีจำนวรวมทั้งสิ้น 74.96 ล้านคน-คร้ง ทำเงินได้แล้วถึง 5.19 แสนล้านบาท
โดยมีการเดินทางเที่ยวในประเทศทั่วไทย 55 เมืองรอง ตลอด 6 เดือนแรกปีนี้ มีนักท่องเที่ยวรวม 41.83 ล้านคน-ครั้ง รายได้พุ่ง 1.17 แสนล้านบาท
จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองที่ครองใจชาวไทยด้วยกันได้มากที่สุดคือ "นครศรีธรรมราช” กวาดรายได้ตลอดทั้ง 6 เดือนแรกไปทั้งสิ้น 1,829.78 ล้านบาท ขณะที่"แม่ฮ่องสอน" ซึ่งได้ชื่อว่ายากจนสุดในประเทศ หลังจาก ททท.โหมโปรโมตหลังคณะรัฐมนตรีไปจัดประชุมสัญจร จากนั้นก็สามารถปลุกรายได้การท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรกเติบโตมากสุดถึง 15.08 %
ข่าวที่สอง “สมุทรปราการโหมท่องเที่ยว4กลุ่ม”
นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดโครงการเสริมสร้างภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้แคมเปญ “Explore The New Horizon ค้นพบความสุข เปิดมุมมองใหม่สมุทรปราการ” ด้วยแคมเปญ “Explore The New Horizon ค้นพบความสุข เปิดมุมมองใหม่สมุทรปราการ” เชิญชวนท่องเที่ยว 4 กลุ่ม ได้แก่
1.กลุ่มเรียนรู้ :แหล่งเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ เหตุการณ์สำคัญในช่วงเวลาต่าง ๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ในอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ : แหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ โครงการลูกพระดาบส : ศูนย์เรียนรู้ สร้างงาน สร้างอาชีพตามแนวพระราชดำริ ป้อมพระจุลจอมเกล้า : หลักฐานแห่งยุทธนาวี ระหว่างสยามและฝรั่งเศส เพื่อรักษาเอกราชชาติไทย
2.กลุ่มริเริ่ม : พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนในเชิงสร้างสรรค์ หมู่บ้านภูมิปัญญา OTOP ได้แก่ บ้านคลองนาเกลือ ม.2 หมู่บ้านภูมิปัญญา :สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพ โดดเด่นเครื่องจักสานและสินค้าโอทอป กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรสวนเก้าแสน บางพลี : กลุ่มแม่บ้านชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ สวัสดิการชุมชนและกิจกรรมลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านทวิบุญ : แปลงนา บ่อน้ำ เลี้ยงปลา ตามหลักการเกษตรทฤษฎีใหม่ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่ตั้งอยู่กลางเมืองอุตสาหกรรม
3.กลุ่มร่วมทำ : อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วยสองมือของนักท่องเที่ยว และชุมชน เพื่อสร้างความยั่งยืนของสถานที่ท่องเที่ยว ได้แก่ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ : สัมผัสแหล่งโอโซนได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ทำกิจกรรมสุขภาพได้ทุกเพศวัย ล่องเรือชมธรรมชาติสาขลา : เส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศบ้านขุนสมุทรจีน ไหว้พระขอพรวัดขุนสมุทราวาส สถานตากอากาศบางปู : ชื่นชมธรรมชาติป่าชายเลน บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ ตื่นตาตื่นใจกับนกอพยพในช่วงฤดูหนาว
4.กลุ่มแบ่งปัน : ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แบ่งปันความดีงาม ประเพณีพื้นถิ่น ได้แก่ ประเพณีรับบัว : “หนึ่งเดียวในโลก แห่งเดียวในไทย” จัดขึ้นทุกวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 สักการะหลวงพ่อโต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง สัมผัสวิถีวัฒนธรรมชาวบางพลี สงกรานต์พระประแดง : สนุกสนานกับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวมอญพระประแดง ชมขบวนรถบุปผชาติ การประกวดหนุ่มน้อยลอยชายและนางสงกรานต์ รื่นรมย์ชมของดีสมุทรปราการ : เมืองแห่งสีสันมหัศจรรย์แห่งความสุขเทศกาลแห่งความสนุกสนาน ชมคอนเสิร์ตจากศิลปินและชิมอาหารทะเลสดๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ประเพณีห่มผ้าแดง : รวมใจศรัทธาชาวปากน้ำ แห่ผ้าแดงห่มองค์พระสมุทรเจดีย์ สัญลักษณ์คู่เมืองสมุทรปราการ
ข่าวที่สาม “ดึงโฮมสเตย์ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ขายท่องเที่ยว”
กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น รายงานว่าได้ทำแบบรายงานการสมัครใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ให้โฮมสเตย์ทั่วประเทศตามชุมชนเมืองหลัก เมืองรอง ที่มีห้องพัก 1-4 ห้อง ที่พร้อมจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก สมัครใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว อย่างน้อยท้องถิ่นละ 1 แห่ง โดยอัพโหลดรูปาพแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สำหรับชุมชนท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมโครงกานี้สามารถติดต่อได้ที่โทร. 02-241-6930 อีกทั้งนักท่องเที่ยวสามารถนำใบเสร็จจากการพักโฮมสเตย์ไปเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ในปี 2561 ตามนโยบายของรัฐบาล
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์การบินและท่องเที่ยว ผู้ดำเนินรายการ สวท.97 |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น