ททท.ซิดนีย์พลิกตลาดครั้งใหญ่ปลายปี’61-62
ชูทัวร์สุขภาพ-กีฬาDiveExpo-3เมืองรองออสซี่
ชวนดูหนัง “ตูนก้าวคนละก้าว”ช่วยรพ.ศิริราช
ททท.สุรินทร์จัดไหมของแม่นำเที่ยว13ชุมชน
บางจากครึ่งปีแรกทำกำไรพุ่งกว่า2.4พันล้าน
ทอท.เปิด4กลุ่มจ่อประมูลดีไซน์T2สุวรรณภูมิ
TCEBรุกไมซ์ชุมชนแห่ง2-มวกเหล็กทุ่ม12ล้าน
พาคุณแม่ตลุยกินเที่ยวทั่วเมืองรองนครนายก
มีหลายวิธีป้องกันโรคขี้ลืมด้วยสติและสมาธิ
โรงแรมใบหยกจัดเต็มบุฟเฟต์วันแม่599บาท
อนันตราเปิดครัวเสิร์ฟเม็กซิกันแท้16-19ส.ค.
เที่ยวระยองต้องแวะชิมของดีคลาสสิกคามิโอ
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เจาะลึก “สุลัดดา ศรุติลาวัณย์” ผู้อำนวยการสำนักงานซิดนีย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินทางเข้ารับตำแหน่งใหม่ในเดือนสิงหาคม 2561 โชว์ฝีมือพลิกสถานการณ์ตลาดที่ท้าทายด้วย 3 แนวรุก บุกตลาดเที่ยวเชิงสุขภาพ เชิงกีฬา ชูจุดแข็ง Dive Expo อันดามัน รวมทั้งลุยขยายตลาดเมืองรองเร่งหานักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางครั้งแรกจาก โกลด์โคสต์ ดาร์วิน อดิเลค หอบเงินมาสัมผัส Local Experience ทั้งกิจกรรมชุมชน อาหารถิ่น และทะเลเส้นทางใหม่ในฝั่งอ่าวไทยรอบระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เชื่อมโยงสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
สุลัดดา ศรุติลาวัณย์
ผู้อำนวยการสำนักงานซิดนีย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการสำนักงานซิดนีย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 เป็นต้นมา ได้วางแผนทำการตลาดเชิงรุกในพื้นที่รับผิดชอบทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ชูจุดขายการท่องเที่ยวไทยในเรื่อง Local Experience ภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand : Open to the New Shades เน้น กิจกรรมชุมชน อาหารถิ่น พื้นเมืองท่องเที่ยวหลักเชื่อมโยงสู่เมืองรอง และประเทศเพื่อนบ้าน
โดยจะนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในความสนใจของออสเตรเลีย ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย (Soft Adventure) กับประสบการณ์ท่องเที่ยววิถีไทย (Local Experience) โดยจะขยายจุดขายเมืองรองในชายทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก จากพัทยา (ชลบุรี) ไปยัง จังหวัดตราด ซึ่งมีชุมชนท่องเที่ยวที่มีความพร้อมรองรับตลาดต่างประเทศ หรือถ้ำหลวง อุทยานแห่งชาติขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ระหว่างทีมไทยแลนด์ กำลังประสานงานกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้ นายแพทย์แฮริส นักดำน้ำถ้ำหลวงที่เข้าไปช่วยเหลือชีวิตเยาวชนนักเตะทีม 13 หมูป่าที่ทั่วโลกรู้จัก ได้เดินทางกลับไปท่องเที่ยวเชียงรายอีกครั้งช่วงปี 2562 โดยคุณหมอและครอบครัวให้ความสนใจการเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองไทยอย่างมาก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงผจญภัยที่ชาวออสเตรเลียนิยมไปในไทย นอกเหนือจากทะเลฝั่งอันดามันอย่าง ภูเก็ต กระบี่ ก็ยังมีวัฒนธรรมแถบภาคเหนือด้วย
สำหรับโปรดักซ์ไฮไลต์ที่เตรียมนำเสนอขายในออสเตรเลีย ก็จะมี 1.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Health & Wellness 2.การท่องเที่ยวเชิงกีฬา : Sport Tourism อย่างกิจกรรมดำน้ำและการล่องเรือ : Boat Show & Dive Expo ล่าสุด ททท.ได้ลงทุนเช่าพื้นที่เปิดบูธร่วมขายในงาน Dive Expo 2018 ที่ International Convention Center (ICC) บริเวณดาร์ลิ่ง ฮาร์เบอร์ นำเสนอขายแหล่งท่องเที่ยดำน้ำในทะเลอันดามัน หมู่เกาะสิลิลัน หินม่วง หินแดง และอื่น ๆ โปรโมตให้นักดำน้ำที่สนใจใช้เงินซื้อบัตรเข้างานรอบละ 25 เหรียญออสเตรเลีย ได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวเชิงผจญภัยดำน้ำตื้น น้ำลึก เพื่อเสริมจุดแข็งแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทยเพิ่มมากขึ้น 3.เพิ่มพื้นที่การทำกิจกรรมท่องเที่ยวจิตอาสาและซีเอสอาร์ โดยนำเครื่องมือดิจิตอลทางการตลาดเข้ามาเสริมทัพ
ผอ.สุลัดดากล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปี 2561 เป็นต้นไป วางแผนเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวออสเตรเลียตามนโยบายใหม่ โดยพุ่งเป้าเพิ่ม วันพักเฉลี่ย รายได้ กิจกรรม กระจายเม็ดเงินสู่ชุมชนท้องถิ่นอย่างทั่วถึง จากตลาดใหม่ ได้แก่ 1.กลุ่มเดินทางครั้งแรก (first visit) ขณะนี้มีประมาณ 30 % จะต้องเพิ่มอีก 5-10 % 2.ขยายฐานลูกค้าในเมืองเศรษฐกิจรองของออสเตรเลียอย่าง โกลด์โคสต์ ดาวิน อดิเล็ก ซึ่งมีโอกาสใช้จุดขายโปรดักซ์ในไทยเรื่องอาหารถิ่น เมืองรอง ด้วยวิธีจะจับมือกับบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวออสเตรเลียผลิตแพกเกจกับโปรแกรมท่องเที่ยว และเตรียมรุกเข้าสู่กลุ่มครอบครัวที่เดินทางไปเมืองไทยเป็นครั้งแรกด้วย 2.สร้างจุดขายแหล่งท่องเที่ยวพัทยาเชื่อมโยงในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภูมิภาคตะวันออกทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (Eastern Economic Coridor :EEC) ซึ่งเป็นพื้นที่หลักที่มีออสเตรเลียเข้าไปเที่ยวติดอันดับ 4-5 ของแต่ละปี สามารถเพิ่มการขายเมืองรองเข้าไปสู่จังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง ผนวกช่วงเทศกาลท่องเที่ยวสวนผลไม้และประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา
ส่วนการเพิ่มรายได้เฉลี่ยจากนักท่องเที่ยวตลาดออสเตรเลีย จะต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 1.ปัจจัยด้านเศรษฐกิจภายในออสเตรเลีย ซึ่งปัจจุบันใช้เงินท่องเที่ยวในไทยเฉลี่ยคนละ 80,000 บาทต่อทริป สูงกว่านักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ หรือค่าเฉลี่ยนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยซึ่งในปี 2561 ใช้เงินประมาณคนละ 57,000 บาทต่อทริป 2.สร้างแม่เหล็ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางครั้งแรกด้วยกิจกรรมแตกต่างจากเดิม เช่น กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 3.ช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่นและกิจกรรมเชิงวิถีวัฒนธรรมไทย
ผอ.สุลัดดาย้ำว่าตั้งแต่ปลายปี 2561 เป็นต้นไป ฝากให้ชุมชนท่องเที่ยทั่วประเทศเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดีเพราะชาวออสเตรเลียชื่นชอบเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวชุมชนอย่างลึกซึ้งในมิติใหม่ ๆ หรือ Open to the New Shades ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากพื้นที่ต่าง ๆ รักษาจุดแข็งความเป็นมิตร การพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจิตอาสา และซีเอสอาร์ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการนำต้นแบบวิธีการดูแลสิ่งแวดล้อมเข้าไปให้ชุมชน ส่วนกิจแรรมแต่ละอย่างก็จะได้ช่วยกันต่อยอดได้ และสามารถใช้โปรดักซ์ชุมชนต่าง ๆ เป็นโมเดลต้นแบบในการพัฒนาจุดขายเพิ่มรายได้และสร้างความ
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชวนดูหนังก้าวคนละก้าวบริจาคช่วยรพ.ศิริราช”
ทีมก้าวคนละก้าว-ตูน บอดี้สแลม กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ดีจีเอช ร่วมสร้างสรรค์ภาพยนตร์ “คลุกวงใน 55 วัน - 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” ให้คนไทยได้ชมฟรี 7.2 แสนที่นั่ง ในโรงภาพยนต์ 2 ค่ายใหญ่ เครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และเอส เอฟ เริ่ม 6 ก.ย.นี้ พร้อมเปิดรับบริจาครวมพลังคนไทยนำรายได้ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ อาคารนอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
นายนิพนธ์ รักศรีอักษร รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้มุ่งมั่นจัดกิจกรรมคืนประโยชน์สู่สังคมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ล่าสุดร่วมสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อขอรับบริจาคนำรายได้ไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์ อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อันเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมด้านการศึกษาและสาธารณสุขของบริษัททำให้คนไทยมีการศึกษาและคุณภาพชีวิตที่ดี
สำหรับการสนับสนุนครั้งนี้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมสนับสนุนการฉายภาพยนตร์ “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” จำนวน 720,000 ที่นั่ง ให้ชาวไทยทั่วทั้งประเทศชมฟรี และเมื่อได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว หวังให้ผู้ชมได้รับแรงบันดาลใจในการส่งต่อความดีไปสู่คนรอบข้างและสังคมต่อไป จึงขอเชิญชวนเข้าร่วมชมภาพยนตร์พร้อมช่วยกันบริจาคเพื่อแสดงพลังร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ในโครงการดังกล่าว
สามารถรับชมที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และโรงภาพยนตร์ ในเครือ เอส เอฟ ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2561 เป็นต้นไป ระหว่างวันจันทร์-วันศุกร์ ฉายให้ชมวันละ 1 รอบ และเสาร์-อาทิตย์ ฉายให้ชมวันละ 2 รอบ
โดยเปิดโอกาสให้ผู้ชมและผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคได้ที่ กล่องรับบริจาคตรงเคาน์เตอร์โรงภาพยนตร์ และสามารถโอนเงินผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ศิริราช เลขบัญชี 016-3-04556-7 กระแสรายวัน ชื่อบัญชี เพื่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วย อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช หรือผ่านทาง คิว อาร์ โคด ผ่าน Mobile Banking และ SMS บริจาคครั้งละ 10 บาท โดยพิมพ์ T แล้วกด 4545099( เริ่มบริจาคทาง SMS ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน นี้)
ส่วนกิจกรรมโครงการ “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” ทางทีมงานก้าวคนละก้าว ร่วมกับ จีดีเอช และ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย เชิญชวนคนไทยร่วมชมภาพยนตร์ “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” ภาพยนตร์คลุกวงในตลอด 55 วัน ของ ก้าวคนละก้าว ที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ภาพจากกล้องตัวเดียวของทีม GDH ที่ยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนให้ได้ชมกันครั้งแรก เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการทำความดี ก้าวนี้..เพื่อศิริราช ด้วยการบริจาคเงินเพื่อหารายได้ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่ออาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อาคารหลังสุดท้ายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานนามให้ เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส โรงพยาบาลศิริราช และผลิตบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ต่อไป
นายอาทิวราห์ คงมาลัย-ตูน บอดี้สแลม กล่าวว่า ในนามโครงการก้าวคนละก้าว ผมคงไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถตอบแทนน้ำใจของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศที่ร่วมก้าวไปด้วยกันจนสามารถระดมเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่งกว่า 1,400 ล้านบาท เหนือสิ่งอื่นใด คือ กำลังใจจากพี่น้องชาวไทยทุกๆ คน ที่ทำให้โครงการก้าวคนละก้าว ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย และหากเพื่อเป็นการขอบคุณ ผมและทีมก้าวคนละก้าวได้ร่วมกับ จีดีเอช ทำภาพยนตร์คลุกวงใน เรื่อง “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่พี่น้องชาวไทยทุกคน อีกทั้งยังจะช่วยสร้างและสานต่อแรงบันดาลใจในการทำความดีเพื่อผู้อื่นด้วย
เนื้อหาของภาพยนตร์ชุดนี้เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของผมและทีมงานก้าวคนละก้าวตลอดโครงการ ซึ่งมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง จึงหวังจะให้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้อีกหลาย ๆ คนได้ลุกขึ้นมาทำตามความฝัน พร้อมทั้งเริ่มดูแลสุขภาพตัวเอง และได้รับพลังงานดี ๆ ทำสิ่งดีๆ ทั้งเพื่อตนเอง และเพื่อผู้อื่นต่อไป
ข่าวที่ 2 “ททท.สุรินทร์บูมผ้าไหมของแม่11-13ส.ค.นี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ตลอดเดือนสิงหาคม นี้ ทั่วประเทศได้จัดกิจกรรม สิงหา พาแม่เที่ยว ไปพร้อม ๆ กับการจัดงาน “ผ้าไทยเทิดไท้ราชินี” เชื่อมโยงเข้ากับการท่องเที่ยวเข้าสู่เมืองรองหลายพื้นที่ได้ด้วย โดย ททท.เข้าไปส่งเสริมการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ้าไทยในแต่ละภาคอย่างต่อเนื่อง
นางสาวบุณยนุช วรรณยิ่ง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุรินทร์ เปิดเผยว่า ทาง อาจารย์อาทร แสงโสมวงศ์ เจ้าของเรือนไหม-ใบหม่อน จับมือกับบ้านไหมทอง ริเริ่มจัดงาน “ผ้าไหมของแม่ : MOM’S SILK” ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคม 2561 ขึ้นที่บ้านไหมทองสะเร็น ตำบลนาบัว อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยนำผ้าไหมโบราณอายุกว่า 200 ปี มาจัดแสดงนิทรรศการสืบสานสายใยผ้าไหมสุรินทร์ ไปพร้อม ๆ กับการจัดงาน ช็อป ชิม ชิว สินค้าชุมชน ตลอดงานยังจัดกิจกรรมสาธิตวิธีนุ่งผ้าไหม รณรงค์ให้นักท่องเที่ยวนุ่งผ้าไหมโบราณไปร่วมงานด้วย และภายในงานยังจัดให้มีการเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไหมสุรินทร์ จากเหล่าดีไซเนอร์แถวหน้าของเมืองไทย พร้อมการตามหาขวัญใจผู้แต่งผ้าไหมสวยที่สุดในงาน และเชิญชวนรับฟังดนตรีพื้นบ้านรับประทานอาหารพื้นเมืองอีสานตลอดงาน
สำหรับผ้าลายโบราณเมืองสุรินทร์ ตามปกติแล้วแต่ละบ้านจะมีผ้าพื้นเมืองที่ใช้สอยอยู่ทุกบ้าน ได้แก่ ผ้าลายโฮล ผ้าอัมปรม ผ้าอัลลูซีน ต่อมา อาจารย์ วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูศิลป์แผ่นดิน ผู้สืบสานหัตถศิลป์ไทย มรดกวัฒนธรรม ได้นำผ้าบ้านท่าสว่างมาต่อยอดทำท่ายกทองโบราณ ในชื่อกลุ่มผ้ายกทองจันทร์โสมา โดยทอผ้ายกทองทูลเกล้าถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 รวมทั้งได้ทอผ้าสำหรับตัดเสื้อผู้นำ 21 ประเทศ และผ้าคลุมไหล่ให้ภริยาของผู้นำประเทศที่เข้าร่วมการประชุมเอเปค 2537 (APEC 2003) จนสามารถสร้างชื่อเสียงผ้าไหมท่าสว่างโด่งดังไปทั่วโลก
นางสาวบุณยนุชกล่าวว่า ตลอดเดือนสิงหาคม – 30 กันยายน 2561 ททท.สำนักงานสุรินทร์ จึงได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชื่อมโยงเข้ากับงานแสดงไหมไทยควบคู่กันไปด้วย เพื่อกระตุ้นให้คนเดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินกระจายสู่ชุมชนเพิ่มมากขึ้น โดยจัดทำโครงการ “เที่ยวอีสานหน้าฝนกับชุมชนน่ารัก @สุรินทร์-บุรีรัมย์” ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชีวิตชุมชนที่มีวัฒนธรรมประเพณีเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้งเรื่องผ้าพื้นเมืองและอื่น ๆ โดยมีชุมชนเข้าร่วมทั้ง 2 จังหวัด ดังนี้
จังหวัดสุรินทร์ มี 8 หมู่บ้าน ได้แก่ ในอำเภอเมือง 3 หมู่บ้าน 1.หมู่บ้านทอผ้าไหมโบราณท่าสว่าง 2.หมู่บ้านผ้าไหมบ้านสวาย 3.หมู่บ้านท่องเที่ยวไหมบ้านพญาราม 4.หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง อ.ท่าตูม 5.หมู่บ้านเงินเขวาสินรินทร์ อ.เขวาสินรินทร์ 6.หมู่บ้านอาลี อ.สำโรงทาบ 7.หมู่บ้านเมืองลึง อ.จอมพระ 8.หมู่บ้านโพธิ์กอง อ.ปราสาท
จังหวัดบุรีรัมย์ มี 5 หมู่บ้าน ได้แก่ 1.ผ้าภูอัคคีนีบ้านเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ 2.ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านนาโพธิ์ “ผ้าซิ่นตีนแดง” อ.นาโพธิ์ 3.บ้านสวนนอก อ.ห้วยราช 4.บ้านโคกเมือง อ.ประโคนชัย 5.ชุมชนบ้านหนองตาโก้ อ.นางรอง
โดย ททท.สำนักงานสุรินทร์ ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่ชาวสุรินทร์และบุรีรัมย์ร่วมรับของที่ระลึกจากการรับคู่มือท่องเที่ยวได้ที่สำนักงาน ททท.ทั่วประเทศ ตามกติกาจะต้องเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวยังชุมชนจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ 1 ใน 13 แห่ง ตามที่ระบุไว้ จากนั้นก็ถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดเด่นอยู่ในภาพ แล้วโพสต์ลงเฟสบุ๊คเผยแพร่เป็นสาธารณะ ตามด้วยแฮชแท็ก #เที่ยวอีสานหน้าฝนสุรินทร์บุรีรัมย์#ททท._สำนักงานสุรินทร์ สอบถามที่ โทร.044-514-447-8
ข่าวที่ 3 “บางจากครึ่งปี’61ทำกำไรสุทธิ 2.49พันล้านบาท”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรก 2561 บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 89,783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 % มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) 6,358 ล้านบาท ลดลง 4 %และมีกำไรสุทธิ 2,494 ล้านบาท ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,153 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.56 บาท
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2561 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 45,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 % มี EBITDA 3,366 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิ 1,157 ล้านบาท โดยเป็นของบริษัทใหญ่ 1,007 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 % คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.73 บาท
ข่าวที่ 4 “ทอท.เปิด4กลุ่มจ่อชิงดีไซน์สุวรรณภูมิT2ก.ย.นี้”
นายเอนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดแผยว่า ขณะนี้มีเอกชนที่สนใจการเข้าร่วมประมูลออกแบบอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิหลังที่สอง (Terminal 2) 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 กลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงาน ได้แก่ ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก-อีเอ็มเอส-เอ็มเอชพีเอ็ม-เอ็มเอสเอ-เออาร์เจ
กลุ่มที่ 2 กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา 8 บริษัท ได้แก่ บริษัท เดอะโบว์มอนท์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด บริษัท อีจิส เรล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ซีอีแอล เอ็นจิเนียส์ จำกัด บริษัท ซีอีแอล อาร์คิเทคส์ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด บริษัท อลานา เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด EGIS AVIA และ EGIS RAIL S.A.
กลุ่มที่ 3 กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา รวมตัวกัน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท วาร์ดา แอสโซซิเอทส์ จำกัด บริษัท ไวส โปรเจ็คคอลซัลติ้ง จำกัด และบริษัท จงลิม อาร์คิเทกเจอร์ จำกัด
กลุ่มที่ 4 กลุ่มบริษัทที่ปรึกษากลุ่มบริษัทร่วมทำงาน เอส เอ มี 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท สแปน คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท ไชน์-เทค เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท อะซูซา เซคเคอิ จำกัด และบริษัท สกายปาร์ตี้ จำกัด
ส่วนขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกผู้ออกแบบโครงการอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ได้จัดทำไว้ล่วงหน้า และอยู่ ระหว่างรอเสนอควบคู่ไปกับโครงการเฟส 3 ตามกำหนดเดือนกันยายน 2561 เตรียมนำเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ จากนั้นจึงจะเปิดประมูลหาเอกชนผู้ชนะตามคุณสมบัติที่กำหนดเข้ามาดำเนินการก่อสร้างทันที
ข่าวที่ 5 “TCEBดันไมซ์ชุมชนโคนม/ปี62เท12ล้าน”
TCEB เร่งเครื่องโปรเจ็กต์ “ไมซ์ชุมชน” โหมโปรโมตแห่งที่ 2 สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก สระบุรี ศูนย์เรียนรู้ครบวงจร เตรียมลงทุนอีก 12 ล้านบาท ขยายอาคาร เปิดบริการร้านกาแฟ ต้อนรับนักท่องเที่ยว และสิงหาคมนี้ทีเส็บพร้อมเปิดตัวคู่มือไมซ์ชุมชน 35 สหกรณ์ ลุยต่อยอดด้วยเทเบิ้ล ท็อป เซล จัดงานจับคู่เจรจาธุรกิจ ดึงเอกชน ภาครัฐ แห่กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นเต็มรูปแบบ
นายสราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมตลาดในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “TCEB” เปิดเผยว่าในเดือนสิงหาคมนี้ทีเส็บร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์เดินหน้าจัดทำโครงการ “ไมซ์ชุมชน” แห่งที่ 2 เพื่อใช้อุตสาหกรรมไมซ์เป็นกลไกหลักสร้างรายได้กระจายสู่ชุมชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยได้จัดกิจกรรมต่อเนื่องเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เชิงรุกด้วยกลยุทธ์นำสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด จังหวัดสระบุรี 1 ใน 35 ชุมชนสหกรณ์นำร่องซึ่งจะส่งเสริมให้เป็นสถานที่จัดงานไมซ์เพื่อชุมชนศักยภาพสูง หลังจากเมื่อเดือนกรกฎาคมได้นำร่องเชิญชวนองค์กรธุรกิจสมาชิกเครือข่ายอนาคตไทย บริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กว่า 60 ราย ลงพื้นที่ทำโครงการไมซ์ชุมชนครั้งแรกที่ชุมชนสหกรณ์บ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ประสบความสำเร็จสูงมาก ทั้งทางด้านการดูงาน การอุดหนุนผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นครบวงจร
ตามแผนการจัดทำโครงการไมซ์ชุมชนตลอดปี 2561 จะร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์คัดเลือกเครือข่ายสหกรณ์ชุมชนที่มีความพร้อมรองรับไมซ์ในประเทศทั้งการดูงาน จัดประชุม สัมมนา ได้ไม่ต่ำกว่า 35 แห่ง จากนั้นจะต่อยอดอีก 2 ส่วน ได้แก่
1.จัดทำคู่มือสถานที่จัดงานไมซ์เพื่อชุมชนที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 35 แห่ง ให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ แล้วนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายองค์กรธุรกิจสมาชิกเครือข่ายอนาคตไทย บริษัทต่าง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน สถานศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์
2.จัดกิจกรรม Table Top Sale จับคู่เจรจาธุรกิจ ผลักดันให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชนกับองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ในการทำงานร่วมกันทั้งในรูปแบบของการจัดกิจกรรม CSR การสนับสนุนด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ของชุมชน หรือ การพัฒนาและแบ่งปันองค์ความรู้ในการบริหารจัดการและผลิตสินค้าร่วมกับชุมชน เพื่อให้เกิดการต่อยอดพัฒนาชุมชนทุกมิติทั้งเศรษฐกิจและสังคม
นายจักรีชัย ณ น่าน ผู้จัดการสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด จ.สระบุรี กล่าวว่า ในฐานะที่ได้รับเลือกเป็นสหกรณ์พร้อมรับตลาดไมซ์ เพื่อร่วมมือกันต่อยอดธุรกิจให้สหกรณ์ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ เรื่องสร้างการรับรู้สู่องค์กรธุรกิจเอกชนอย่างกว้างขวาง นำไปสู่การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างชุมชนสหกรณ์และภาคธุรกิจที่สนใจจะเข้ามาทำงานร่วมกันในอนาคตได้ ครอบคลุมทั้งเรื่องการตลาด การพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการ ตลอดจนการแบ่งปันองค์ความรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ประการสำคัญที่สุดโครงการนี้จะช่วยพัฒนาอาชีพ เพิ่มรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ปี 2561 ทางสหกรณ์ฯ มีแผนลงทุนใช้เงิน 12 ล้านบาท ปรับปรุงสำนักงานใหม่ เป็นอาคาร 2 ชั้น และห้องประชุม ให้มีขีดความสามารถรองรับผู้ร่วมประชุมได้ครั้งละไม่ต่ำกว่า 200 คน ปรับพื้นที่ด้านหน้าเปิดบริการร้านกาแฟ คาดจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการเต็มรูปแบบได้ภายในกลางปี 2562
สำหรับสหกรณ์โคนมมวกเหล็กก่อตั้งมานานกว่า 46 ปี ปัจจุบันเงินทุนหมุนเวียนจากการทำธุรกิจแต่ละปีกว่า 1,400 ล้านบาท มีสมาชิกผู้เลี้ยงโคนม 555 ฟาร์ม เลี้ยงดูโคนม รวมทั้งสิ้น 12,000 ตัว มีทุนเรือนหุ้น 85.5 ล้านบาท สามารถกระจายเม็ดเงินไปถึงชุมชนเกษตรกรรายย่อยซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ฯ โดยตรง เมื่อได้รับสนับสนุนต่อยอดจากTCEB จัดทำโครงการไมซ์ชุมชน กระตุ้นให้องค์กรธุรกิจเอกชนหรือหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เข้ามาศึกษาดูงานหรือจัดกิจกรรมต่าง มากขึ้น จะยิ่งส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ชาวสหกรณ์โคนมมวกเหล็กมีความภูมิใจอย่างมากที่ได้ดำเนินงานสืบสานอาชีพพระราชทานของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ในการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมเพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของประชาชนชาวไทย
ส่วนกิจกรรมหลัก ๆ ที่ผู้เข้าเยี่ยมชมจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งการเป็นแหล่งศึกษาดูงานกระบวนการผลิตน้ำนมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางคือ ชมกระบวนการเลี้ยงโคนม รีดนม สาธิตการป้อนนมลูกโค กระบวนการผลิตอาหารสัตว์ การผลิตพาสเจอร์ไรซ์ การผลิตยูเอชที การทำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากน้ำนม และร่วมทำกิจกรรมเวิร์คช้อป โดยสอนวิธีทำขนม อาทิ เค้กหน้านิ่ม โยเกิร์ต ไอกรีม เจลาโต้ พุดดิ้งนมสด และอีกมากมาย
ช่วงที่ 2 ชวนครอบครัวควงคุณแม่ออกไปลุยกินอาหารร้านอร่อยในแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองใกล้กรุงเทพฯ ที่“นครนายก” แบบจัดเต็มตั้งแต่เส้นทาง รังสิต-องครักษ์” กินกุ้ง หอย ปู ปลา ลัดเลาะเข้าสู่ย่าน โรงเรียนนาย จปร.ก็แวะย่านไก่ย่าง ส้มตำ เด็ดทุกจุด แถมมีร้านกาแฟสุดชีลรสชาติเข้มข้น ต่อไปยังถนนสายสาลิกา-นางรอง ยอดเยี่ยมทุกร้าน จากนั้นก็ต้องดูแลสุขภาพเรื่อง “ป้องกันโรคขี้ลืม” ด้วยการฝึกจิตและสมาธิ ส่วนโรงแรมทั่วไทยเปิดครัวเสิร์ฟเมนูพิเศษต้อนรับสัปดาห์แห่งวันแม่ โรงแรมใบหยก จัดให้แม่กินฟรีเมื่อยกครอบครัวมา 5 คน จ่ายแค่คนละ 599 บาท โรงแรมอนันตรา สยาม จับมือสถานทูตเปิดทุกห้องอาหารกับเทศกาลอาหารเม็กซิกันของแท้ 16-19 ส.ค.นี้ และชาวระยองต้องชิมที่คลาสสิก คามิโอ
@ตะลอนกินทั่วเมืองรองจังหวัดนครนายก
ต้อนรับสัปดาห์แห่งวันแม่ ด้วยเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหารทั้งคาวหวานใกล้กรุงเทพฯ ในเมืองรอง “จังหวัดนครนายก” กับหลากหลายร้านเด็ด ๆ เริ่มต้นกันเลยบนเส้นทาง “รังสิต-นครนายก” อ.องครักษ์ แวะชิมกุ้งแม่น้ำเลื่องชื่อของ “ร้านเตยใหญ่” แหล่งกินกุ้งเนื้อหนึบเหนียวรสหวานธรรมชาติกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบ ที่อร่อยไม่แพ้กันก็มีปลานำมานำเป็น ต้มยำปลาม้ารสแซบ แกงป่าลูกชิ้นปลากราย ปลากะพงทอดน้ำปลา ปลาคังผัดฉ่า รอบบริเวณก็มีการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตให้นั่งชีลริมแม่น้ำได้ด้วย
พอเข้าเขตนครนายก แนะนำแวะร้าน “ไก่ย่างดีดี จปร.” อยู่ทางเข้าโรงเรียนนายร้อย จปร.ตรงเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ร้านเด็ดเรื่องส้มตำ ไก่ยาง ที่เหล่าคนดังทั่วฟ้าเมืองไทยไปชิมกันมาแล้ว เป็นไก่หมักสูตรดั้งเดิม กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมส้มตำเฉดต่าง ๆ ทั้งไทย ปู ปลาร้า แซ่บอย่างบอกใคร ส่วนอีกร้านชื่อ “แป๊ะฮก” อยู่คู่กับการท่องเที่ยวมานานกว่า 30 ปี เมนูจานเด็ดก็มี เต้าหู้ทรงเครื่อง ทอดมันปาลายเนื้อแน่น ๆ ปลาแดงราดพริก ปลาช่อนเผาเกลือ ชิมแล้วจะต้องกลับมาอีกอย่างแน่นอน
หรือจะเป็นร้าน “ครัวคุณรัช” อยู่ในตัวเมืองทางไปวัดท่าทราย เมนูยอดนิยมคือ ปูม้าเนื้อแน่นนึ่งรสหวาน กุ้งแม่น้ำตัวโต ๆ ย่างหรือเผา ปลาช่อนคุณรัช เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่นำมาทอดกรอบจนเหลือง ราดด้วยน้ำยำ มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย ทั้งหอมแดง ตะไคร้ พริกขี้หนูสวน รสร้อนแรง อร่อยจนลืมเพื่อนจริง ๆ
สำหรับร้านกาแฟเก๋ ๆ แถบนี้ก็มี “ร้านกาแฟกับต้นไม้” แซกตัวอยู่ในหมู่บ้านดอกไม้ คลอง 15 แฟนคลับ คาปูชิโน ห้ามพลาด และมีคุ้กกี้ให้รับประทานแบบเพลิน ๆ “ร้านคอฟฟี่ อาร์ต” ห้อมล้อมด้วยศิลปะ คัดสรรกาแฟแต่ละเมล็ดพันธุ์อาราบิก้ามาคั่วบดรสกลมกล่อมทั้ง เอสเพรสโซ่ หรือเมนูแนะนำ กาแฟนเย็น คอฟฟี่อาร์ต กลิ่นหอมละมุน หรือน้ำดื่มสมูทตี้ และอิตาเลี่ยนโซดา ชื่นใจ
ถ้าไปทางถนนสาลิกา-นางรอง ต้องแวะ “ร้านไก่ย่างสองดาว” ตั้งอยู่ใกล้เขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นร้านสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความแซบสไตล์อีสาน ดึงดูดคนเข้าร้านด้วยกลิ่นไก่ย่างหอมกรุ่นที่ผ่านการหมักจนลงตัว มาพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่ว ข้าวเหนียวร้อน ตามติดด้วย ส้มตำไทย ปู ปลาร้า และสารพัดเมนูยำ กุ้ง ปลา
บนถนนสายสาลิกา-นางรอง มีร้านอาหารขึ้นชื่อให้เลือกอีกหลายร้านด้วยกัน เช่น ร้านช่อชะมวง เจ้าตำรับ แกงหมูใบชะมวง เส้นจันท์ผัดปู หมูสะเด็ด กุ้งหยกเขียว ปลาช่อนเผาใบยอเสิร์ฟคู่กับมะเขือยาวเผา จิ้มน้ำจิ้มเผ็ดรสเด็ดแบบไทยแท้
อีกร้านคือ “ครัวปลาเขื่อน” ไปทางน้ำตกวังตะไคร้ ความอร่อยที่ต้องบอกต่อ คือ ปลาเค้าทอดน้ำปลาจิ้มกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวรสเข้มข้น ปลาเนื้ออ่อนราดพริกสามารถเคี้ยวได้ทั้งตัว หรือจะเป็น ปลาช่อนลุยสวน กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ย่างจิ้มซีฟู้ด บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย ๆ
ย่านนี้มีร้านกาแฟนั่งชีล ๆ สวยเก๋ อย่าง The Memorized เปิดทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึงเย็น 5 โมงครึ่ง เป็นร้านกาแฟมีดีไซน์ มีมุมสบาย ๆ นั่งได้ทั้งด้านในและด้านนอก ส่วนเมนูที่เสิร์ฟก็มี เอสเพรสโซ่แบบเพอร์เฟคช็อต เครื่องดื่มเย็นสไตล์มอคค่า สำหรับบรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นอโรมากาแฟ ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาม
ปิดท้ายด้วย “ครยก ชีพ ฟาร์ม” โรงเรียนสีแดงสไตล์อิงลิส คันทรี แต่งแบบฟาร์มธรรมชาติ เสิร์ฟกาแฟร้อน เย็น เข้มขน เมนูแนะนำคือ ชาเขียวเย็นสูตรพิเศษ ของหวานต้องยกให้ ไอศรีมนมแพะ เป็นโฮมเมดหารับประทานยาก
มาคุณแม่และครอบครัวมาตะลอนเที่ยวแล้วแวะกินกันให้พุงกาง ในร้านแนะนำ ทุกร้านอร่อยแน่นอน โทร.สอบถาม เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672
@หลายวิธีป้องกันโรคขี้ลืมได้ต้องตั้งสติมีสมาธิ
อาการหลงๆ ลืมๆ แม้จะเกิดจากสาเหตุทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากเรื่องจิตใจ เป็นหลักนั่นคือ เรื่องของความเครียด ความวิตกกังวล และความฟุ้งซ่าน จะทำให้คนเราขาดสมาธิ ความคิดแตกกระจาย ส่วนสาเหตุทางร่างกาย มักจะเกิดจากการที่สมองเสื่อมจากวัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ สิ่งที่จะช่วยได้คือ “ต้องฝึกจิตและสมาธิ” เป็นประจำ
“ไม่ควรอ่านหนังสือ ฟังเพลง และดูโทรทัศน์พร้อมกัน” เพราะความจำของคนเราขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของการเอาใจใส่เป็นสำคัญ ถ้าเข้าใจสิ่งนี้ แล้วจัดสรรเวลาให้เป็นเรื่องเป็นราว จะอ่านหนังสือหรือทำอะไรก็ทำสิ่งนั้นอย่างเดียว จิตใจจะมีสมาธิกับสิ่งที่ทำมากกว่า
“ฝึกแก้ปัญหาเพื่อเป็นการลับสมอง” ในทางการแพทย์จะบอกว่า สมองของคนเรามีจำนวนเหลือเฟือ และเราก็ไม่ได้ใช้มันทั้งหมดหรอก อย่างเช่น ถ้ามีสมองอยู่ 100 ส่วน เราอาจจะใช้สมองแค่ 20 ส่วนเท่านั้น หรือพอเราพัฒนาการใช้สมองเป็น 30-40 ส่วน และแม้สมองจะตายไปเหลือร้อยละ 60-70 คนเราก็ยังฉลาดขึ้นได้เรื่อย ๆ เพราะเท่าที่มีอยู่เราจะใช้กันไม่หมด คนที่มีลักษณะหรืออุปนิสัยเรื่อย ๆเฉื่อย ๆ ไม่ค่อยสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว มีสิทธิ์จะเป็นโรคสมองฝ่อได้มาก
“เติมอาหารบำรุงสมอง” ต้องพยายามดูแลเรื่องอาหารการกินให้ครบทั้ง 5 หมู่ กินให้ได้ทั้งสัดส่วนและคุณภาพ เพียงเท่านี้ก็มีผลต่อการบำรุงสมอง ไม่ต้องกินวิตามินเสริม (เพิ่มรายจ่าย โดยใช่เหตุ) ถึงเวลากินก็ต้องกิน กินแล้วค่อยทำงานต่อ ไม่ใช่ทำงานมาก คิดมาก ไม่ได้พักผ่อนนอนหลับ ใช้สมองอยู่ตลอดเวลา พอถึงคราวที่ต้องจำอะไรสำคัญๆ สมองจะล้า สิ่งเหล่านี้กระทบต่อความจำแน่นอน รวมทั้งต้องออกกำลังกาย และอากาศที่ดี ซึ่งมีผลต่อสมองในระยะยาว
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “โรงแรมใบหยกมีบุฟเฟต์แม่กินฟรีเริ่มที่599บาท”
โรงแรมใบหยกสกาย จัดโปรโมชั่น “คุณแม่กินฟรี!” เปิดให้แต่ละครอบครัวชวนคุณแม่ไปรับประทานบุฟเฟต์อร่อย ราคาเริ่มต้นเพียงคนละ 599 บาท คุณแม่กินฟรี! ทันที เมื่อไปกินพร้อมกัน 5 คนขึ้นไป อาหารทะเลตัวโต ๆ ทั้ง กุ้งแม่น้ำ ปูม้า หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งขาว พร้อมเมนูนานาชาติอีกมากมาย อาทิ ซูชิ-ซาซิมิ สเต็กเนื้อเซอร์ลอยด์ สเต็กแซลมอน ไข่ตุ๋นทะเลเดือด สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ข้าวเหนียวมะม่วง และอีกกว่า 50 รายการ โทร.0-2656-3939
ข่าวที่สอง “อนันตราสยามจัดเต็มอาหารเม็กซิกัน16-19ส.ค.”
โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำประเทศไทย ชวนร่วมสัมผัสประสบการณ์อาหารสไตล์เม็กซิกันแท้ โดยเชฟหนุ่มผู้มากประสบการณ์ เชฟเซอร์จิโอ เวลาส ระหว่าง 16 – 19 สิงหาคมนี้
ที่ ห้องอควา บาร์ : วันพฤหัสบดีที่ 16 -เสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2561 เวลา 18.00 – 24.00 น. จัดบริเวณสวนปาริชาติ คอร์ท พร้อมจิบค็อกเทลหรือเครื่องดื่ม เลือกทานเมนูทาปาสรสเลิศในสไตล์เม็กซิกัน อาทิ ทาโก้ ทริโอ้ - ทาโก้จากแป้งตอร์ตีญ่าโฮมเมดไส้หมู ไก่ และกุ้ง ตอร์ตีญ่ากรอบหน้าสลัดทูน่าสด ไก่ทอดสไตล์เม็กซิกัน และอื่นๆ อีกมากมาย
เอ็กซ์คลูซีฟ เม็กซิกัน ไวน์ดินเนอร์ ที่ เมดิสัน เสต๊กเฮ้าส์ ในราคาคนละ ละ 2,500 บาท++ กับค่ำคืนพิเศษวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2561 เวลา 18.00 – 22.30 น. กับเมนูสไตล์เม็กซิกัน 5 คอร์ส อาทิ ข้าวโพดเสิร์ฟกับชีสสด สลัดแคคตัสแบบเม็กซิกัน เสิร์ฟบนขนมปังปิ้ง และแป้งตอร์ตีญ่ากรอบ และ แกะย่างสไตล์เม็กซิกัน จับคู่กับไวน์รสเลิศ
ซันเดย์ บรั้นช์ : วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2561 เวลา 11.30 – 15.00 น. ราคาเริ่มต้นคนละ 2,999 บาท ++ ชวนครอบครัวและมิตรสหายมาอร่อยด้วยกัน กับเมนูแนะนำอาทิ เคซาดีญา – พิซซ่าเม็กซิกัน ชีลาห์คีเลส์ - แป้งตอร์ตีญ่าทอด เสิร์ฟกับซัลซ่า และเนื้อหรือไก่ คาร์นิตาส – ทาโก้หมูย่างแบบดั้งเดิม รวมขนมและของหวานอย่าง ชูโรส แป้งทอดแบบเม็กซิกัน และซอร์เบต์แบบเม็กซิกัน ณ สวนปาริชาติ คอร์ท เลือกที่นั่งได้ทั้งในห้องอาหารเมดิสัน สเต๊กเฮ้าส์ สไปซ์ มาร์เก็ต หรือ อควา บาร์ โทร. 0 2126 8866 ต่อ 1201
ข่าวที่สาม “คลาสสิกคามิโอระยองเปิดครัวรับวันแม่”
โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ระยอง ต้อนรับเทศกาลวันแม่ 12 สิงหาคม เวลา 18.00-22.00 น. ห้องอาหารแทพเพสทรี เชิญคุณแม่ มาอิ่มอร่อยกับบุพเฟ่ต์มื้อค่ำ อาทิ ผัดหมี่ซั่ว ผัดเปรี้ยวหวาน ซี่โครงหมูอบ ติ่มซำ และอีกหลากหลาย เมนูขึ้นชื่อที่คัดสรรจากเชฟมืออาชีพ เพื่อคนพิเศษของท่านพร้อมครอบครัว ในราคาสุทธิเพียงคนละ 650 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ลดครึ่งราคา โทร. 038-614-340 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.kameocollection.com
ติดตามฟังรายได้ได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ชูทัวร์สุขภาพ-กีฬาDiveExpo-3เมืองรองออสซี่
ชวนดูหนัง “ตูนก้าวคนละก้าว”ช่วยรพ.ศิริราช
ททท.สุรินทร์จัดไหมของแม่นำเที่ยว13ชุมชน
บางจากครึ่งปีแรกทำกำไรพุ่งกว่า2.4พันล้าน
ทอท.เปิด4กลุ่มจ่อประมูลดีไซน์T2สุวรรณภูมิ
TCEBรุกไมซ์ชุมชนแห่ง2-มวกเหล็กทุ่ม12ล้าน
พาคุณแม่ตลุยกินเที่ยวทั่วเมืองรองนครนายก
มีหลายวิธีป้องกันโรคขี้ลืมด้วยสติและสมาธิ
โรงแรมใบหยกจัดเต็มบุฟเฟต์วันแม่599บาท
อนันตราเปิดครัวเสิร์ฟเม็กซิกันแท้16-19ส.ค.
เที่ยวระยองต้องแวะชิมของดีคลาสสิกคามิโอ
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เจาะลึก “สุลัดดา ศรุติลาวัณย์” ผู้อำนวยการสำนักงานซิดนีย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินทางเข้ารับตำแหน่งใหม่ในเดือนสิงหาคม 2561 โชว์ฝีมือพลิกสถานการณ์ตลาดที่ท้าทายด้วย 3 แนวรุก บุกตลาดเที่ยวเชิงสุขภาพ เชิงกีฬา ชูจุดแข็ง Dive Expo อันดามัน รวมทั้งลุยขยายตลาดเมืองรองเร่งหานักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางครั้งแรกจาก โกลด์โคสต์ ดาร์วิน อดิเลค หอบเงินมาสัมผัส Local Experience ทั้งกิจกรรมชุมชน อาหารถิ่น และทะเลเส้นทางใหม่ในฝั่งอ่าวไทยรอบระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เชื่อมโยงสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
 |
ผู้อำนวยการสำนักงานซิดนีย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการสำนักงานซิดนีย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 เป็นต้นมา ได้วางแผนทำการตลาดเชิงรุกในพื้นที่รับผิดชอบทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ชูจุดขายการท่องเที่ยวไทยในเรื่อง Local Experience ภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand : Open to the New Shades เน้น กิจกรรมชุมชน อาหารถิ่น พื้นเมืองท่องเที่ยวหลักเชื่อมโยงสู่เมืองรอง และประเทศเพื่อนบ้าน
โดยจะนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในความสนใจของออสเตรเลีย ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย (Soft Adventure) กับประสบการณ์ท่องเที่ยววิถีไทย (Local Experience) โดยจะขยายจุดขายเมืองรองในชายทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก จากพัทยา (ชลบุรี) ไปยัง จังหวัดตราด ซึ่งมีชุมชนท่องเที่ยวที่มีความพร้อมรองรับตลาดต่างประเทศ หรือถ้ำหลวง อุทยานแห่งชาติขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ระหว่างทีมไทยแลนด์ กำลังประสานงานกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้ นายแพทย์แฮริส นักดำน้ำถ้ำหลวงที่เข้าไปช่วยเหลือชีวิตเยาวชนนักเตะทีม 13 หมูป่าที่ทั่วโลกรู้จัก ได้เดินทางกลับไปท่องเที่ยวเชียงรายอีกครั้งช่วงปี 2562 โดยคุณหมอและครอบครัวให้ความสนใจการเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองไทยอย่างมาก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงผจญภัยที่ชาวออสเตรเลียนิยมไปในไทย นอกเหนือจากทะเลฝั่งอันดามันอย่าง ภูเก็ต กระบี่ ก็ยังมีวัฒนธรรมแถบภาคเหนือด้วย
สำหรับโปรดักซ์ไฮไลต์ที่เตรียมนำเสนอขายในออสเตรเลีย ก็จะมี 1.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Health & Wellness 2.การท่องเที่ยวเชิงกีฬา : Sport Tourism อย่างกิจกรรมดำน้ำและการล่องเรือ : Boat Show & Dive Expo ล่าสุด ททท.ได้ลงทุนเช่าพื้นที่เปิดบูธร่วมขายในงาน Dive Expo 2018 ที่ International Convention Center (ICC) บริเวณดาร์ลิ่ง ฮาร์เบอร์ นำเสนอขายแหล่งท่องเที่ยดำน้ำในทะเลอันดามัน หมู่เกาะสิลิลัน หินม่วง หินแดง และอื่น ๆ โปรโมตให้นักดำน้ำที่สนใจใช้เงินซื้อบัตรเข้างานรอบละ 25 เหรียญออสเตรเลีย ได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวเชิงผจญภัยดำน้ำตื้น น้ำลึก เพื่อเสริมจุดแข็งแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทยเพิ่มมากขึ้น 3.เพิ่มพื้นที่การทำกิจกรรมท่องเที่ยวจิตอาสาและซีเอสอาร์ โดยนำเครื่องมือดิจิตอลทางการตลาดเข้ามาเสริมทัพ
ผอ.สุลัดดากล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปี 2561 เป็นต้นไป วางแผนเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวออสเตรเลียตามนโยบายใหม่ โดยพุ่งเป้าเพิ่ม วันพักเฉลี่ย รายได้ กิจกรรม กระจายเม็ดเงินสู่ชุมชนท้องถิ่นอย่างทั่วถึง จากตลาดใหม่ ได้แก่ 1.กลุ่มเดินทางครั้งแรก (first visit) ขณะนี้มีประมาณ 30 % จะต้องเพิ่มอีก 5-10 % 2.ขยายฐานลูกค้าในเมืองเศรษฐกิจรองของออสเตรเลียอย่าง โกลด์โคสต์ ดาวิน อดิเล็ก ซึ่งมีโอกาสใช้จุดขายโปรดักซ์ในไทยเรื่องอาหารถิ่น เมืองรอง ด้วยวิธีจะจับมือกับบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวออสเตรเลียผลิตแพกเกจกับโปรแกรมท่องเที่ยว และเตรียมรุกเข้าสู่กลุ่มครอบครัวที่เดินทางไปเมืองไทยเป็นครั้งแรกด้วย 2.สร้างจุดขายแหล่งท่องเที่ยวพัทยาเชื่อมโยงในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภูมิภาคตะวันออกทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (Eastern Economic Coridor :EEC) ซึ่งเป็นพื้นที่หลักที่มีออสเตรเลียเข้าไปเที่ยวติดอันดับ 4-5 ของแต่ละปี สามารถเพิ่มการขายเมืองรองเข้าไปสู่จังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง ผนวกช่วงเทศกาลท่องเที่ยวสวนผลไม้และประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา
ส่วนการเพิ่มรายได้เฉลี่ยจากนักท่องเที่ยวตลาดออสเตรเลีย จะต้องศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 1.ปัจจัยด้านเศรษฐกิจภายในออสเตรเลีย ซึ่งปัจจุบันใช้เงินท่องเที่ยวในไทยเฉลี่ยคนละ 80,000 บาทต่อทริป สูงกว่านักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ หรือค่าเฉลี่ยนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยซึ่งในปี 2561 ใช้เงินประมาณคนละ 57,000 บาทต่อทริป 2.สร้างแม่เหล็ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางครั้งแรกด้วยกิจกรรมแตกต่างจากเดิม เช่น กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 3.ช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่นและกิจกรรมเชิงวิถีวัฒนธรรมไทย
ผอ.สุลัดดาย้ำว่าตั้งแต่ปลายปี 2561 เป็นต้นไป ฝากให้ชุมชนท่องเที่ยทั่วประเทศเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดีเพราะชาวออสเตรเลียชื่นชอบเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวชุมชนอย่างลึกซึ้งในมิติใหม่ ๆ หรือ Open to the New Shades ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากพื้นที่ต่าง ๆ รักษาจุดแข็งความเป็นมิตร การพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจิตอาสา และซีเอสอาร์ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการนำต้นแบบวิธีการดูแลสิ่งแวดล้อมเข้าไปให้ชุมชน ส่วนกิจแรรมแต่ละอย่างก็จะได้ช่วยกันต่อยอดได้ และสามารถใช้โปรดักซ์ชุมชนต่าง ๆ เป็นโมเดลต้นแบบในการพัฒนาจุดขายเพิ่มรายได้และสร้างความ
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชวนดูหนังก้าวคนละก้าวบริจาคช่วยรพ.ศิริราช”
ทีมก้าวคนละก้าว-ตูน บอดี้สแลม กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ดีจีเอช ร่วมสร้างสรรค์ภาพยนตร์ “คลุกวงใน 55 วัน - 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” ให้คนไทยได้ชมฟรี 7.2 แสนที่นั่ง ในโรงภาพยนต์ 2 ค่ายใหญ่ เครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และเอส เอฟ เริ่ม 6 ก.ย.นี้ พร้อมเปิดรับบริจาครวมพลังคนไทยนำรายได้ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ อาคารนอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
นายนิพนธ์ รักศรีอักษร รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้มุ่งมั่นจัดกิจกรรมคืนประโยชน์สู่สังคมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ล่าสุดร่วมสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อขอรับบริจาคนำรายได้ไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์ อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อันเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมด้านการศึกษาและสาธารณสุขของบริษัททำให้คนไทยมีการศึกษาและคุณภาพชีวิตที่ดี
สำหรับการสนับสนุนครั้งนี้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมสนับสนุนการฉายภาพยนตร์ “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” จำนวน 720,000 ที่นั่ง ให้ชาวไทยทั่วทั้งประเทศชมฟรี และเมื่อได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว หวังให้ผู้ชมได้รับแรงบันดาลใจในการส่งต่อความดีไปสู่คนรอบข้างและสังคมต่อไป จึงขอเชิญชวนเข้าร่วมชมภาพยนตร์พร้อมช่วยกันบริจาคเพื่อแสดงพลังร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ในโครงการดังกล่าว
สามารถรับชมที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และโรงภาพยนตร์ ในเครือ เอส เอฟ ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2561 เป็นต้นไป ระหว่างวันจันทร์-วันศุกร์ ฉายให้ชมวันละ 1 รอบ และเสาร์-อาทิตย์ ฉายให้ชมวันละ 2 รอบ
โดยเปิดโอกาสให้ผู้ชมและผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคได้ที่ กล่องรับบริจาคตรงเคาน์เตอร์โรงภาพยนตร์ และสามารถโอนเงินผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ศิริราช เลขบัญชี 016-3-04556-7 กระแสรายวัน ชื่อบัญชี เพื่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วย อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช หรือผ่านทาง คิว อาร์ โคด ผ่าน Mobile Banking และ SMS บริจาคครั้งละ 10 บาท โดยพิมพ์ T แล้วกด 4545099( เริ่มบริจาคทาง SMS ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน นี้)
ส่วนกิจกรรมโครงการ “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” ทางทีมงานก้าวคนละก้าว ร่วมกับ จีดีเอช และ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย เชิญชวนคนไทยร่วมชมภาพยนตร์ “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” ภาพยนตร์คลุกวงในตลอด 55 วัน ของ ก้าวคนละก้าว ที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ภาพจากกล้องตัวเดียวของทีม GDH ที่ยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนให้ได้ชมกันครั้งแรก เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการทำความดี ก้าวนี้..เพื่อศิริราช ด้วยการบริจาคเงินเพื่อหารายได้ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่ออาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อาคารหลังสุดท้ายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานนามให้ เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส โรงพยาบาลศิริราช และผลิตบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ต่อไป
นายอาทิวราห์ คงมาลัย-ตูน บอดี้สแลม กล่าวว่า ในนามโครงการก้าวคนละก้าว ผมคงไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถตอบแทนน้ำใจของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศที่ร่วมก้าวไปด้วยกันจนสามารถระดมเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่งกว่า 1,400 ล้านบาท เหนือสิ่งอื่นใด คือ กำลังใจจากพี่น้องชาวไทยทุกๆ คน ที่ทำให้โครงการก้าวคนละก้าว ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย และหากเพื่อเป็นการขอบคุณ ผมและทีมก้าวคนละก้าวได้ร่วมกับ จีดีเอช ทำภาพยนตร์คลุกวงใน เรื่อง “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่พี่น้องชาวไทยทุกคน อีกทั้งยังจะช่วยสร้างและสานต่อแรงบันดาลใจในการทำความดีเพื่อผู้อื่นด้วย
เนื้อหาของภาพยนตร์ชุดนี้เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของผมและทีมงานก้าวคนละก้าวตลอดโครงการ ซึ่งมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง จึงหวังจะให้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้อีกหลาย ๆ คนได้ลุกขึ้นมาทำตามความฝัน พร้อมทั้งเริ่มดูแลสุขภาพตัวเอง และได้รับพลังงานดี ๆ ทำสิ่งดีๆ ทั้งเพื่อตนเอง และเพื่อผู้อื่นต่อไป
ข่าวที่ 2 “ททท.สุรินทร์บูมผ้าไหมของแม่11-13ส.ค.นี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ตลอดเดือนสิงหาคม นี้ ทั่วประเทศได้จัดกิจกรรม สิงหา พาแม่เที่ยว ไปพร้อม ๆ กับการจัดงาน “ผ้าไทยเทิดไท้ราชินี” เชื่อมโยงเข้ากับการท่องเที่ยวเข้าสู่เมืองรองหลายพื้นที่ได้ด้วย โดย ททท.เข้าไปส่งเสริมการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ้าไทยในแต่ละภาคอย่างต่อเนื่อง
นางสาวบุณยนุช วรรณยิ่ง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุรินทร์ เปิดเผยว่า ทาง อาจารย์อาทร แสงโสมวงศ์ เจ้าของเรือนไหม-ใบหม่อน จับมือกับบ้านไหมทอง ริเริ่มจัดงาน “ผ้าไหมของแม่ : MOM’S SILK” ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคม 2561 ขึ้นที่บ้านไหมทองสะเร็น ตำบลนาบัว อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยนำผ้าไหมโบราณอายุกว่า 200 ปี มาจัดแสดงนิทรรศการสืบสานสายใยผ้าไหมสุรินทร์ ไปพร้อม ๆ กับการจัดงาน ช็อป ชิม ชิว สินค้าชุมชน ตลอดงานยังจัดกิจกรรมสาธิตวิธีนุ่งผ้าไหม รณรงค์ให้นักท่องเที่ยวนุ่งผ้าไหมโบราณไปร่วมงานด้วย และภายในงานยังจัดให้มีการเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไหมสุรินทร์ จากเหล่าดีไซเนอร์แถวหน้าของเมืองไทย พร้อมการตามหาขวัญใจผู้แต่งผ้าไหมสวยที่สุดในงาน และเชิญชวนรับฟังดนตรีพื้นบ้านรับประทานอาหารพื้นเมืองอีสานตลอดงาน
สำหรับผ้าลายโบราณเมืองสุรินทร์ ตามปกติแล้วแต่ละบ้านจะมีผ้าพื้นเมืองที่ใช้สอยอยู่ทุกบ้าน ได้แก่ ผ้าลายโฮล ผ้าอัมปรม ผ้าอัลลูซีน ต่อมา อาจารย์ วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูศิลป์แผ่นดิน ผู้สืบสานหัตถศิลป์ไทย มรดกวัฒนธรรม ได้นำผ้าบ้านท่าสว่างมาต่อยอดทำท่ายกทองโบราณ ในชื่อกลุ่มผ้ายกทองจันทร์โสมา โดยทอผ้ายกทองทูลเกล้าถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 รวมทั้งได้ทอผ้าสำหรับตัดเสื้อผู้นำ 21 ประเทศ และผ้าคลุมไหล่ให้ภริยาของผู้นำประเทศที่เข้าร่วมการประชุมเอเปค 2537 (APEC 2003) จนสามารถสร้างชื่อเสียงผ้าไหมท่าสว่างโด่งดังไปทั่วโลก
นางสาวบุณยนุชกล่าวว่า ตลอดเดือนสิงหาคม – 30 กันยายน 2561 ททท.สำนักงานสุรินทร์ จึงได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชื่อมโยงเข้ากับงานแสดงไหมไทยควบคู่กันไปด้วย เพื่อกระตุ้นให้คนเดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินกระจายสู่ชุมชนเพิ่มมากขึ้น โดยจัดทำโครงการ “เที่ยวอีสานหน้าฝนกับชุมชนน่ารัก @สุรินทร์-บุรีรัมย์” ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชีวิตชุมชนที่มีวัฒนธรรมประเพณีเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้งเรื่องผ้าพื้นเมืองและอื่น ๆ โดยมีชุมชนเข้าร่วมทั้ง 2 จังหวัด ดังนี้
จังหวัดสุรินทร์ มี 8 หมู่บ้าน ได้แก่ ในอำเภอเมือง 3 หมู่บ้าน 1.หมู่บ้านทอผ้าไหมโบราณท่าสว่าง 2.หมู่บ้านผ้าไหมบ้านสวาย 3.หมู่บ้านท่องเที่ยวไหมบ้านพญาราม 4.หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง อ.ท่าตูม 5.หมู่บ้านเงินเขวาสินรินทร์ อ.เขวาสินรินทร์ 6.หมู่บ้านอาลี อ.สำโรงทาบ 7.หมู่บ้านเมืองลึง อ.จอมพระ 8.หมู่บ้านโพธิ์กอง อ.ปราสาท
จังหวัดบุรีรัมย์ มี 5 หมู่บ้าน ได้แก่ 1.ผ้าภูอัคคีนีบ้านเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ 2.ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านนาโพธิ์ “ผ้าซิ่นตีนแดง” อ.นาโพธิ์ 3.บ้านสวนนอก อ.ห้วยราช 4.บ้านโคกเมือง อ.ประโคนชัย 5.ชุมชนบ้านหนองตาโก้ อ.นางรอง
โดย ททท.สำนักงานสุรินทร์ ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่ชาวสุรินทร์และบุรีรัมย์ร่วมรับของที่ระลึกจากการรับคู่มือท่องเที่ยวได้ที่สำนักงาน ททท.ทั่วประเทศ ตามกติกาจะต้องเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวยังชุมชนจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ 1 ใน 13 แห่ง ตามที่ระบุไว้ จากนั้นก็ถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดเด่นอยู่ในภาพ แล้วโพสต์ลงเฟสบุ๊คเผยแพร่เป็นสาธารณะ ตามด้วยแฮชแท็ก #เที่ยวอีสานหน้าฝนสุรินทร์บุรีรัมย์#ททท._สำนักงานสุรินทร์ สอบถามที่ โทร.044-514-447-8
ข่าวที่ 3 “บางจากครึ่งปี’61ทำกำไรสุทธิ 2.49พันล้านบาท”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรก 2561 บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 89,783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 % มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) 6,358 ล้านบาท ลดลง 4 %และมีกำไรสุทธิ 2,494 ล้านบาท ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,153 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.56 บาท
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2561 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 45,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 % มี EBITDA 3,366 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิ 1,157 ล้านบาท โดยเป็นของบริษัทใหญ่ 1,007 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 % คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.73 บาท
ข่าวที่ 4 “ทอท.เปิด4กลุ่มจ่อชิงดีไซน์สุวรรณภูมิT2ก.ย.นี้”
นายเอนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดแผยว่า ขณะนี้มีเอกชนที่สนใจการเข้าร่วมประมูลออกแบบอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิหลังที่สอง (Terminal 2) 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 กลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงาน ได้แก่ ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก-อีเอ็มเอส-เอ็มเอชพีเอ็ม-เอ็มเอสเอ-เออาร์เจ
กลุ่มที่ 2 กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา 8 บริษัท ได้แก่ บริษัท เดอะโบว์มอนท์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด บริษัท อีจิส เรล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ซีอีแอล เอ็นจิเนียส์ จำกัด บริษัท ซีอีแอล อาร์คิเทคส์ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด บริษัท อลานา เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด EGIS AVIA และ EGIS RAIL S.A.
กลุ่มที่ 3 กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา รวมตัวกัน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท วาร์ดา แอสโซซิเอทส์ จำกัด บริษัท ไวส โปรเจ็คคอลซัลติ้ง จำกัด และบริษัท จงลิม อาร์คิเทกเจอร์ จำกัด
กลุ่มที่ 4 กลุ่มบริษัทที่ปรึกษากลุ่มบริษัทร่วมทำงาน เอส เอ มี 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท สแปน คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท ไชน์-เทค เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท อะซูซา เซคเคอิ จำกัด และบริษัท สกายปาร์ตี้ จำกัด
ส่วนขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกผู้ออกแบบโครงการอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ได้จัดทำไว้ล่วงหน้า และอยู่ ระหว่างรอเสนอควบคู่ไปกับโครงการเฟส 3 ตามกำหนดเดือนกันยายน 2561 เตรียมนำเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ จากนั้นจึงจะเปิดประมูลหาเอกชนผู้ชนะตามคุณสมบัติที่กำหนดเข้ามาดำเนินการก่อสร้างทันที
ข่าวที่ 5 “TCEBดันไมซ์ชุมชนโคนม/ปี62เท12ล้าน”
TCEB เร่งเครื่องโปรเจ็กต์ “ไมซ์ชุมชน” โหมโปรโมตแห่งที่ 2 สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก สระบุรี ศูนย์เรียนรู้ครบวงจร เตรียมลงทุนอีก 12 ล้านบาท ขยายอาคาร เปิดบริการร้านกาแฟ ต้อนรับนักท่องเที่ยว และสิงหาคมนี้ทีเส็บพร้อมเปิดตัวคู่มือไมซ์ชุมชน 35 สหกรณ์ ลุยต่อยอดด้วยเทเบิ้ล ท็อป เซล จัดงานจับคู่เจรจาธุรกิจ ดึงเอกชน ภาครัฐ แห่กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นเต็มรูปแบบ
นายสราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมตลาดในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “TCEB” เปิดเผยว่าในเดือนสิงหาคมนี้ทีเส็บร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์เดินหน้าจัดทำโครงการ “ไมซ์ชุมชน” แห่งที่ 2 เพื่อใช้อุตสาหกรรมไมซ์เป็นกลไกหลักสร้างรายได้กระจายสู่ชุมชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยได้จัดกิจกรรมต่อเนื่องเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เชิงรุกด้วยกลยุทธ์นำสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด จังหวัดสระบุรี 1 ใน 35 ชุมชนสหกรณ์นำร่องซึ่งจะส่งเสริมให้เป็นสถานที่จัดงานไมซ์เพื่อชุมชนศักยภาพสูง หลังจากเมื่อเดือนกรกฎาคมได้นำร่องเชิญชวนองค์กรธุรกิจสมาชิกเครือข่ายอนาคตไทย บริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กว่า 60 ราย ลงพื้นที่ทำโครงการไมซ์ชุมชนครั้งแรกที่ชุมชนสหกรณ์บ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ประสบความสำเร็จสูงมาก ทั้งทางด้านการดูงาน การอุดหนุนผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นครบวงจร
ตามแผนการจัดทำโครงการไมซ์ชุมชนตลอดปี 2561 จะร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์คัดเลือกเครือข่ายสหกรณ์ชุมชนที่มีความพร้อมรองรับไมซ์ในประเทศทั้งการดูงาน จัดประชุม สัมมนา ได้ไม่ต่ำกว่า 35 แห่ง จากนั้นจะต่อยอดอีก 2 ส่วน ได้แก่
1.จัดทำคู่มือสถานที่จัดงานไมซ์เพื่อชุมชนที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 35 แห่ง ให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ แล้วนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายองค์กรธุรกิจสมาชิกเครือข่ายอนาคตไทย บริษัทต่าง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน สถานศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์
2.จัดกิจกรรม Table Top Sale จับคู่เจรจาธุรกิจ ผลักดันให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชนกับองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ในการทำงานร่วมกันทั้งในรูปแบบของการจัดกิจกรรม CSR การสนับสนุนด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ของชุมชน หรือ การพัฒนาและแบ่งปันองค์ความรู้ในการบริหารจัดการและผลิตสินค้าร่วมกับชุมชน เพื่อให้เกิดการต่อยอดพัฒนาชุมชนทุกมิติทั้งเศรษฐกิจและสังคม
นายจักรีชัย ณ น่าน ผู้จัดการสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด จ.สระบุรี กล่าวว่า ในฐานะที่ได้รับเลือกเป็นสหกรณ์พร้อมรับตลาดไมซ์ เพื่อร่วมมือกันต่อยอดธุรกิจให้สหกรณ์ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ เรื่องสร้างการรับรู้สู่องค์กรธุรกิจเอกชนอย่างกว้างขวาง นำไปสู่การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างชุมชนสหกรณ์และภาคธุรกิจที่สนใจจะเข้ามาทำงานร่วมกันในอนาคตได้ ครอบคลุมทั้งเรื่องการตลาด การพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการ ตลอดจนการแบ่งปันองค์ความรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ประการสำคัญที่สุดโครงการนี้จะช่วยพัฒนาอาชีพ เพิ่มรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ปี 2561 ทางสหกรณ์ฯ มีแผนลงทุนใช้เงิน 12 ล้านบาท ปรับปรุงสำนักงานใหม่ เป็นอาคาร 2 ชั้น และห้องประชุม ให้มีขีดความสามารถรองรับผู้ร่วมประชุมได้ครั้งละไม่ต่ำกว่า 200 คน ปรับพื้นที่ด้านหน้าเปิดบริการร้านกาแฟ คาดจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการเต็มรูปแบบได้ภายในกลางปี 2562
สำหรับสหกรณ์โคนมมวกเหล็กก่อตั้งมานานกว่า 46 ปี ปัจจุบันเงินทุนหมุนเวียนจากการทำธุรกิจแต่ละปีกว่า 1,400 ล้านบาท มีสมาชิกผู้เลี้ยงโคนม 555 ฟาร์ม เลี้ยงดูโคนม รวมทั้งสิ้น 12,000 ตัว มีทุนเรือนหุ้น 85.5 ล้านบาท สามารถกระจายเม็ดเงินไปถึงชุมชนเกษตรกรรายย่อยซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ฯ โดยตรง เมื่อได้รับสนับสนุนต่อยอดจากTCEB จัดทำโครงการไมซ์ชุมชน กระตุ้นให้องค์กรธุรกิจเอกชนหรือหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เข้ามาศึกษาดูงานหรือจัดกิจกรรมต่าง มากขึ้น จะยิ่งส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ชาวสหกรณ์โคนมมวกเหล็กมีความภูมิใจอย่างมากที่ได้ดำเนินงานสืบสานอาชีพพระราชทานของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ในการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมเพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของประชาชนชาวไทย
ส่วนกิจกรรมหลัก ๆ ที่ผู้เข้าเยี่ยมชมจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งการเป็นแหล่งศึกษาดูงานกระบวนการผลิตน้ำนมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางคือ ชมกระบวนการเลี้ยงโคนม รีดนม สาธิตการป้อนนมลูกโค กระบวนการผลิตอาหารสัตว์ การผลิตพาสเจอร์ไรซ์ การผลิตยูเอชที การทำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากน้ำนม และร่วมทำกิจกรรมเวิร์คช้อป โดยสอนวิธีทำขนม อาทิ เค้กหน้านิ่ม โยเกิร์ต ไอกรีม เจลาโต้ พุดดิ้งนมสด และอีกมากมาย
ช่วงที่ 2 ชวนครอบครัวควงคุณแม่ออกไปลุยกินอาหารร้านอร่อยในแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองใกล้กรุงเทพฯ ที่“นครนายก” แบบจัดเต็มตั้งแต่เส้นทาง รังสิต-องครักษ์” กินกุ้ง หอย ปู ปลา ลัดเลาะเข้าสู่ย่าน โรงเรียนนาย จปร.ก็แวะย่านไก่ย่าง ส้มตำ เด็ดทุกจุด แถมมีร้านกาแฟสุดชีลรสชาติเข้มข้น ต่อไปยังถนนสายสาลิกา-นางรอง ยอดเยี่ยมทุกร้าน จากนั้นก็ต้องดูแลสุขภาพเรื่อง “ป้องกันโรคขี้ลืม” ด้วยการฝึกจิตและสมาธิ ส่วนโรงแรมทั่วไทยเปิดครัวเสิร์ฟเมนูพิเศษต้อนรับสัปดาห์แห่งวันแม่ โรงแรมใบหยก จัดให้แม่กินฟรีเมื่อยกครอบครัวมา 5 คน จ่ายแค่คนละ 599 บาท โรงแรมอนันตรา สยาม จับมือสถานทูตเปิดทุกห้องอาหารกับเทศกาลอาหารเม็กซิกันของแท้ 16-19 ส.ค.นี้ และชาวระยองต้องชิมที่คลาสสิก คามิโอ
@ตะลอนกินทั่วเมืองรองจังหวัดนครนายก
ต้อนรับสัปดาห์แห่งวันแม่ ด้วยเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหารทั้งคาวหวานใกล้กรุงเทพฯ ในเมืองรอง “จังหวัดนครนายก” กับหลากหลายร้านเด็ด ๆ เริ่มต้นกันเลยบนเส้นทาง “รังสิต-นครนายก” อ.องครักษ์ แวะชิมกุ้งแม่น้ำเลื่องชื่อของ “ร้านเตยใหญ่” แหล่งกินกุ้งเนื้อหนึบเหนียวรสหวานธรรมชาติกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบ ที่อร่อยไม่แพ้กันก็มีปลานำมานำเป็น ต้มยำปลาม้ารสแซบ แกงป่าลูกชิ้นปลากราย ปลากะพงทอดน้ำปลา ปลาคังผัดฉ่า รอบบริเวณก็มีการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตให้นั่งชีลริมแม่น้ำได้ด้วย
พอเข้าเขตนครนายก แนะนำแวะร้าน “ไก่ย่างดีดี จปร.” อยู่ทางเข้าโรงเรียนนายร้อย จปร.ตรงเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ร้านเด็ดเรื่องส้มตำ ไก่ยาง ที่เหล่าคนดังทั่วฟ้าเมืองไทยไปชิมกันมาแล้ว เป็นไก่หมักสูตรดั้งเดิม กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมส้มตำเฉดต่าง ๆ ทั้งไทย ปู ปลาร้า แซ่บอย่างบอกใคร ส่วนอีกร้านชื่อ “แป๊ะฮก” อยู่คู่กับการท่องเที่ยวมานานกว่า 30 ปี เมนูจานเด็ดก็มี เต้าหู้ทรงเครื่อง ทอดมันปาลายเนื้อแน่น ๆ ปลาแดงราดพริก ปลาช่อนเผาเกลือ ชิมแล้วจะต้องกลับมาอีกอย่างแน่นอน
หรือจะเป็นร้าน “ครัวคุณรัช” อยู่ในตัวเมืองทางไปวัดท่าทราย เมนูยอดนิยมคือ ปูม้าเนื้อแน่นนึ่งรสหวาน กุ้งแม่น้ำตัวโต ๆ ย่างหรือเผา ปลาช่อนคุณรัช เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่นำมาทอดกรอบจนเหลือง ราดด้วยน้ำยำ มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย ทั้งหอมแดง ตะไคร้ พริกขี้หนูสวน รสร้อนแรง อร่อยจนลืมเพื่อนจริง ๆ
สำหรับร้านกาแฟเก๋ ๆ แถบนี้ก็มี “ร้านกาแฟกับต้นไม้” แซกตัวอยู่ในหมู่บ้านดอกไม้ คลอง 15 แฟนคลับ คาปูชิโน ห้ามพลาด และมีคุ้กกี้ให้รับประทานแบบเพลิน ๆ “ร้านคอฟฟี่ อาร์ต” ห้อมล้อมด้วยศิลปะ คัดสรรกาแฟแต่ละเมล็ดพันธุ์อาราบิก้ามาคั่วบดรสกลมกล่อมทั้ง เอสเพรสโซ่ หรือเมนูแนะนำ กาแฟนเย็น คอฟฟี่อาร์ต กลิ่นหอมละมุน หรือน้ำดื่มสมูทตี้ และอิตาเลี่ยนโซดา ชื่นใจ
ถ้าไปทางถนนสาลิกา-นางรอง ต้องแวะ “ร้านไก่ย่างสองดาว” ตั้งอยู่ใกล้เขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นร้านสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความแซบสไตล์อีสาน ดึงดูดคนเข้าร้านด้วยกลิ่นไก่ย่างหอมกรุ่นที่ผ่านการหมักจนลงตัว มาพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่ว ข้าวเหนียวร้อน ตามติดด้วย ส้มตำไทย ปู ปลาร้า และสารพัดเมนูยำ กุ้ง ปลา
บนถนนสายสาลิกา-นางรอง มีร้านอาหารขึ้นชื่อให้เลือกอีกหลายร้านด้วยกัน เช่น ร้านช่อชะมวง เจ้าตำรับ แกงหมูใบชะมวง เส้นจันท์ผัดปู หมูสะเด็ด กุ้งหยกเขียว ปลาช่อนเผาใบยอเสิร์ฟคู่กับมะเขือยาวเผา จิ้มน้ำจิ้มเผ็ดรสเด็ดแบบไทยแท้
อีกร้านคือ “ครัวปลาเขื่อน” ไปทางน้ำตกวังตะไคร้ ความอร่อยที่ต้องบอกต่อ คือ ปลาเค้าทอดน้ำปลาจิ้มกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวรสเข้มข้น ปลาเนื้ออ่อนราดพริกสามารถเคี้ยวได้ทั้งตัว หรือจะเป็น ปลาช่อนลุยสวน กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ย่างจิ้มซีฟู้ด บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย ๆ
ย่านนี้มีร้านกาแฟนั่งชีล ๆ สวยเก๋ อย่าง The Memorized เปิดทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึงเย็น 5 โมงครึ่ง เป็นร้านกาแฟมีดีไซน์ มีมุมสบาย ๆ นั่งได้ทั้งด้านในและด้านนอก ส่วนเมนูที่เสิร์ฟก็มี เอสเพรสโซ่แบบเพอร์เฟคช็อต เครื่องดื่มเย็นสไตล์มอคค่า สำหรับบรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นอโรมากาแฟ ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาม
ปิดท้ายด้วย “ครยก ชีพ ฟาร์ม” โรงเรียนสีแดงสไตล์อิงลิส คันทรี แต่งแบบฟาร์มธรรมชาติ เสิร์ฟกาแฟร้อน เย็น เข้มขน เมนูแนะนำคือ ชาเขียวเย็นสูตรพิเศษ ของหวานต้องยกให้ ไอศรีมนมแพะ เป็นโฮมเมดหารับประทานยาก
มาคุณแม่และครอบครัวมาตะลอนเที่ยวแล้วแวะกินกันให้พุงกาง ในร้านแนะนำ ทุกร้านอร่อยแน่นอน โทร.สอบถาม เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672
@หลายวิธีป้องกันโรคขี้ลืมได้ต้องตั้งสติมีสมาธิ
อาการหลงๆ ลืมๆ แม้จะเกิดจากสาเหตุทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากเรื่องจิตใจ เป็นหลักนั่นคือ เรื่องของความเครียด ความวิตกกังวล และความฟุ้งซ่าน จะทำให้คนเราขาดสมาธิ ความคิดแตกกระจาย ส่วนสาเหตุทางร่างกาย มักจะเกิดจากการที่สมองเสื่อมจากวัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ สิ่งที่จะช่วยได้คือ “ต้องฝึกจิตและสมาธิ” เป็นประจำ
“ไม่ควรอ่านหนังสือ ฟังเพลง และดูโทรทัศน์พร้อมกัน” เพราะความจำของคนเราขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของการเอาใจใส่เป็นสำคัญ ถ้าเข้าใจสิ่งนี้ แล้วจัดสรรเวลาให้เป็นเรื่องเป็นราว จะอ่านหนังสือหรือทำอะไรก็ทำสิ่งนั้นอย่างเดียว จิตใจจะมีสมาธิกับสิ่งที่ทำมากกว่า
“ฝึกแก้ปัญหาเพื่อเป็นการลับสมอง” ในทางการแพทย์จะบอกว่า สมองของคนเรามีจำนวนเหลือเฟือ และเราก็ไม่ได้ใช้มันทั้งหมดหรอก อย่างเช่น ถ้ามีสมองอยู่ 100 ส่วน เราอาจจะใช้สมองแค่ 20 ส่วนเท่านั้น หรือพอเราพัฒนาการใช้สมองเป็น 30-40 ส่วน และแม้สมองจะตายไปเหลือร้อยละ 60-70 คนเราก็ยังฉลาดขึ้นได้เรื่อย ๆ เพราะเท่าที่มีอยู่เราจะใช้กันไม่หมด คนที่มีลักษณะหรืออุปนิสัยเรื่อย ๆเฉื่อย ๆ ไม่ค่อยสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว มีสิทธิ์จะเป็นโรคสมองฝ่อได้มาก
“เติมอาหารบำรุงสมอง” ต้องพยายามดูแลเรื่องอาหารการกินให้ครบทั้ง 5 หมู่ กินให้ได้ทั้งสัดส่วนและคุณภาพ เพียงเท่านี้ก็มีผลต่อการบำรุงสมอง ไม่ต้องกินวิตามินเสริม (เพิ่มรายจ่าย โดยใช่เหตุ) ถึงเวลากินก็ต้องกิน กินแล้วค่อยทำงานต่อ ไม่ใช่ทำงานมาก คิดมาก ไม่ได้พักผ่อนนอนหลับ ใช้สมองอยู่ตลอดเวลา พอถึงคราวที่ต้องจำอะไรสำคัญๆ สมองจะล้า สิ่งเหล่านี้กระทบต่อความจำแน่นอน รวมทั้งต้องออกกำลังกาย และอากาศที่ดี ซึ่งมีผลต่อสมองในระยะยาว
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “โรงแรมใบหยกมีบุฟเฟต์แม่กินฟรีเริ่มที่599บาท”
โรงแรมใบหยกสกาย จัดโปรโมชั่น “คุณแม่กินฟรี!” เปิดให้แต่ละครอบครัวชวนคุณแม่ไปรับประทานบุฟเฟต์อร่อย ราคาเริ่มต้นเพียงคนละ 599 บาท คุณแม่กินฟรี! ทันที เมื่อไปกินพร้อมกัน 5 คนขึ้นไป อาหารทะเลตัวโต ๆ ทั้ง กุ้งแม่น้ำ ปูม้า หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งขาว พร้อมเมนูนานาชาติอีกมากมาย อาทิ ซูชิ-ซาซิมิ สเต็กเนื้อเซอร์ลอยด์ สเต็กแซลมอน ไข่ตุ๋นทะเลเดือด สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ข้าวเหนียวมะม่วง และอีกกว่า 50 รายการ โทร.0-2656-3939
ข่าวที่สอง “อนันตราสยามจัดเต็มอาหารเม็กซิกัน16-19ส.ค.”
โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำประเทศไทย ชวนร่วมสัมผัสประสบการณ์อาหารสไตล์เม็กซิกันแท้ โดยเชฟหนุ่มผู้มากประสบการณ์ เชฟเซอร์จิโอ เวลาส ระหว่าง 16 – 19 สิงหาคมนี้
ที่ ห้องอควา บาร์ : วันพฤหัสบดีที่ 16 -เสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2561 เวลา 18.00 – 24.00 น. จัดบริเวณสวนปาริชาติ คอร์ท พร้อมจิบค็อกเทลหรือเครื่องดื่ม เลือกทานเมนูทาปาสรสเลิศในสไตล์เม็กซิกัน อาทิ ทาโก้ ทริโอ้ - ทาโก้จากแป้งตอร์ตีญ่าโฮมเมดไส้หมู ไก่ และกุ้ง ตอร์ตีญ่ากรอบหน้าสลัดทูน่าสด ไก่ทอดสไตล์เม็กซิกัน และอื่นๆ อีกมากมาย
เอ็กซ์คลูซีฟ เม็กซิกัน ไวน์ดินเนอร์ ที่ เมดิสัน เสต๊กเฮ้าส์ ในราคาคนละ ละ 2,500 บาท++ กับค่ำคืนพิเศษวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2561 เวลา 18.00 – 22.30 น. กับเมนูสไตล์เม็กซิกัน 5 คอร์ส อาทิ ข้าวโพดเสิร์ฟกับชีสสด สลัดแคคตัสแบบเม็กซิกัน เสิร์ฟบนขนมปังปิ้ง และแป้งตอร์ตีญ่ากรอบ และ แกะย่างสไตล์เม็กซิกัน จับคู่กับไวน์รสเลิศ
ซันเดย์ บรั้นช์ : วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2561 เวลา 11.30 – 15.00 น. ราคาเริ่มต้นคนละ 2,999 บาท ++ ชวนครอบครัวและมิตรสหายมาอร่อยด้วยกัน กับเมนูแนะนำอาทิ เคซาดีญา – พิซซ่าเม็กซิกัน ชีลาห์คีเลส์ - แป้งตอร์ตีญ่าทอด เสิร์ฟกับซัลซ่า และเนื้อหรือไก่ คาร์นิตาส – ทาโก้หมูย่างแบบดั้งเดิม รวมขนมและของหวานอย่าง ชูโรส แป้งทอดแบบเม็กซิกัน และซอร์เบต์แบบเม็กซิกัน ณ สวนปาริชาติ คอร์ท เลือกที่นั่งได้ทั้งในห้องอาหารเมดิสัน สเต๊กเฮ้าส์ สไปซ์ มาร์เก็ต หรือ อควา บาร์ โทร. 0 2126 8866 ต่อ 1201
ข่าวที่สาม “คลาสสิกคามิโอระยองเปิดครัวรับวันแม่”
โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ระยอง ต้อนรับเทศกาลวันแม่ 12 สิงหาคม เวลา 18.00-22.00 น. ห้องอาหารแทพเพสทรี เชิญคุณแม่ มาอิ่มอร่อยกับบุพเฟ่ต์มื้อค่ำ อาทิ ผัดหมี่ซั่ว ผัดเปรี้ยวหวาน ซี่โครงหมูอบ ติ่มซำ และอีกหลากหลาย เมนูขึ้นชื่อที่คัดสรรจากเชฟมืออาชีพ เพื่อคนพิเศษของท่านพร้อมครอบครัว ในราคาสุทธิเพียงคนละ 650 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ลดครึ่งราคา โทร. 038-614-340 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.kameocollection.com
ติดตามฟังรายได้ได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
 |
| เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์ท่องเที่ยว-การบิน และผู้ดำเนินรายการ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น