ททท.ดัน55เมืองรองเศรษฐกิจคึกปลายปี’61
บูมลำพูนรับครม.-บุรีรัมย์โมเดลทัวร์กีฬา
คิงเพาเวอร์เปิดเทรนด์ธุรกิจใหม่ขานรับปี’62
ททท.ผนึกเทคมีทัวร์ลุยขายเที่ยวLocalTable
ชัยวัฒน์นั่งCEOบางจากต่อ4ปี-ชูลดโลกร้อน
ทอท.ทุบแผนแม่บท-T2สุวรรณภูมิ1.3แสนล.
เที่ยวลำพูนสโลไลฟ์ชุมชนคนกินมังดีต่อใจ
6เคล็ดลับปั่นจักรยานลดความอ้วนได้ชะงัด
สภาทัวร์ชง2มาตรการด่วนปั๊มยอดวันชาติจีน
บางกอกแอร์อัดโปร3จังหวัด 890บาท/เที่ยว
ขสมก.จ่อใช้ตั๋วอีทิกเก็ตรถเมล์กรุง15ต.ค.นี้
ททท.รับทีมผลิตหนังพีอาร์โมโตจีพีสู่ทั่วโลก
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 29 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เกาะติดการลั่นกลองรุก 55 เมืองรอง กับ “นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โค้งสุดท้ายปี 2561 ตั้งแต่ตุลาคมนี้มีความสดใหม่มาเพิ่มรายได้ปี 2562ด้วยท่องเที่ยว 4.0 อะเมซิ่ง ไทยเท่ และ ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน เปิด “เมืองลำพูน” ต้อนรับ ครม.สัญจรปลุกคนทั้งประเทศสัมผัสคุณค่าดินแดนล้านนา ส่วน “โมโตจีพี บุรีรัมย์” 5-7 ต.ค.นี้ เศรษฐกิจอีสานใต้
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่ากลยุทธ์การเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกท่องเที่ยว 55 เมืองรอง ตามนโยบายรัฐบาลให้กระจายตัวโดยมี ททท.เป็นหน่วยงานหลักขับเคลื่อนศักยภาพและขีดความสามารถของทุกเมือง ปี 2561 อาจจะยังทำได้ไม่ครบ ตลอด 9 เดือนปีนี้ เน้นการโปรโมตเมืองรองที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปจัดประชุมสัญจร
ขณะที่พื้นที่เมืองหลักที่อยู่รอบนอกอยู่ไกลออกไป ททท.ก็จะดูแลอย่างเต็มที่ โดยมีสำนักงาน ททท.ในประเทศ 40 แห่ง ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น
เป้าหมายตลาดในประเทศรวมเมืองรองต้องทำปี 2561 ให้ได้ 1 ล้านล้านบาท และต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งฝ่ายสื่อสารการตลาดจึงต้องบุกหนักเพื่อสื่อสารเต็มอัตรา
ส่วนในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2561 ซึ่งตรงกับไตรมาสแรกปีงบประมาณใหม่ 2562 ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม นี้ ททท.ร่วมกับอีก 3 องค์กร ได้แก่ การบินไทย ไทยสไมล์ และธนาคารกรุงไทย เปิดแคมเปญ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” ควบคู่กับกระตุ้นการใช้แคมเปญของรัฐบาลทางด้านการท่องเที่ยว 55 เมืองรองสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ผสมผสานกันให้ครบที่สุด
แคมเปญไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน จะเริ่ม ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ซึ่งจะเป็นการรุกเต็มที่ในการเพิ่มรายได้และจำนวนคนเข้าไปยังเมืองรอง โดยผลิต 20 แพกเกจ ขายผ่านช่องทาง “ทัวร์เอื้องหลวง” และบริษัทนำเที่ยวอีก 120 บริษัท จะช่วยกันขายแพกเกจด้วย ซึ่งสามารถบินกับการบินไทยกับไทยสไมล์บริการครอบคลุม 10 เมืองด้วยกัน
รวมทั้งแคมเปญนี้จะเป็นการพลิกโฉมการขายผ่านดิจิตอลเป็นครั้งแรก โดยทางธนาคารกรุงไทยมีสาขากระจายทั่วประเทศ เปิดให้นักท่องเที่ยวชำระผ่านอิเลคทรอนิกหรือสแกนคิวอาร์โค้ดตามเมืองรองท่องเที่ยวทั่วประเทศ และแอพลิเคชั่น ทำให้เกิดความสะดวกในการซื้อของด้วย
รายจ่ายทั้งหมดในการซื้อแพกเกจ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” สามารถใช้สิทธิ์การซื้อนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 15,000 บาท นับเป็นโครงการบูรณาการของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ททท.ออกแบบเส้นทางและเนื้อหา การบินไทยกับไทยสไมล์ก็จะนำนักท่องเที่ยวไปสู่จุดหมาย ส่วนธนาคารกรุงไทยได้เข้ามาทำให้การใช้จ่ายเงินคล่องตัวมากกว่าทุกครั้ง เป็นการฉายภาพให้เห็นถึงขีดความสามารถของหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะเข้าไปเพิ่มความคึกคักให้เมืองรองทั้งหมด
นายธเนศวร์กล่าวว่า ปี 2562 จะเป็นความเป็นรูปธรรมในการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองทั่วประเทศ สามารถลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความยั่งยืนได้ชัดเจนมากขึ้นผ่านโครงการ ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน รวมถึงการปูพรมไปสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 4.0
สำหรับการท่องเที่ยวสไตล์ดังกล่าวเหมาะกับนักท่องเที่ยวตลาดคนรุ่นใหม่ และวัยตั้งแต่ปลายอายุ 30 ปีขึ้นไป ก็มีก้าวหน้าใช้แอพลิเคชั่นจองซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อีกทั้งในร้านอาหาร หรือเมื่อไปเที่ยวตามวัดต่าง ๆ ในแหล่งท่องเที่ยวก็สามารถบริจาคเงินออนไลน์ผ่านแบงก์กรุงไทยแล้วรับใบเสร็จรับเงินเป็นอิเลคทรอนิกส์ ก็นำมาหักภาษีการบริจาคได้เช่นกัน
ส่วนแผนงานต้อนรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีไปจัดประชุมสัญจรที่จังหวัดลำพูน ระหว่างวันที่ 3-4 ตุลาคม นี้ ซึ่งลำพูนเป็น 1 ใน 55 เมืองรองนั้น ททท.เตรียมนำเสนอการท่องเที่ยวไฮไลต์แคมเปญ “อะเมซิ่ง ไทยเท่” เป็นกิจกรรมปลุกกระแสตลาดในประเทศ เพื่อให้คนหันมาเที่ยวแบบเท่ ๆ แข่งขันกันทำดีเมื่อเข้าไปเที่ยวยังชุมชน
ดังนั้นการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวลำพูน ที่ ครม.จะสัญจรเดือนตุลาคม นี้ ซึ่งเชื่อมโยงกับเมืองหลักคือเชียงใหม่ โดยตลอดเส้นทางผ่านเข้าไปก็มีสนามกอล์ฟมากมาย ยิ่งได้แรงหนุนจาก ครม.สัญจรจะยิ่งเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักลำพูนในมุมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเป็นขนาดเล็กน่ารัก มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อคู่บ้านเมือง พระธาตุหริภุญไชย วัดจามเทวีสร้างโดยได้รับอิทธิพลของขอมมีความงดงาม ว่ากันว่าหากใครได้ขอพรจากพระนางจามเทวีจะประสบความสำเร็จกันทุกคน เป็นกิมมิกหรือเรื่องราวน่าท่องเที่ยว
ลำพูนยังมี “อาหารถิ่น” เลื่องชื่อหลายอย่าง ตัวอย่าง ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำไย ซึ่งบรรจุไว้ในโปรแกรม ครม.สัญจรครั้งนี้ เป็นอาหารถิ่นไม่ฟุ่มเฟือยต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่ม
นอกจากนี้ยังมีชุมชนแหล่งท่องเที่ยวที่เตรียมต้อนรับ ครม.สื่อมวลชน และทุกคนที่ไปร่วมการประชุมครั้งนี้ คือ “ชุมชนบ้านหนองเงือก” อำเภอป่าซาง ซึ่งมีวัดบ้านหนองเงือก มีโบราณวัตถุ จิตรกรรมฝาผนังสวยงาม พระพุทธรูปเก่าแก่กว่า 200 ปี หรือ “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านดอนหลวง” ไปดูวิสาหกิจชุมชน “ตลาดต้องชม“ และ “ร้านประชารัฐรักสามัคคี” ของกระทรวงมหาดไทย ทุกพื้นที่จะบรรจุอยู่ในกำหนดการของ ครม.เพื่อตอกย้ำถึง อะเมซิ่ง ไทยเท่ และ ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน โดยได้พรีเซ็นเตอร์แบบอัตโนมัติเปิดเมืองรองให้คนไทยทั่วประเทศได้เห็นทั้งหมด สร้างแรงจูงใจให้ไปเที่ยวลำพูนกัน
ขณะเดียวกันตามแผนแม่บท ลำพูน กำลังได้รับเลือกให้เป็นพื้นที่การลงทุนเปิดสนามบินแห่งที่ 2 ต่อจากเชียงใหม่
สำหรับ “บุรีรัมย์” เมืองรองอีกแห่ง ช่วง 5-7 ตุลาคม นี้ ต้องเปิดบ้านจัดมหกรรมการแข่งขันรถแข่งระดับโลก “พีทีที ไทยแลนด์ กรังปรี 2018 -โมโตจีพี” ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ จะเป็นการท่องเที่ยวเชิงกีฬางานแรก ที่จะช่วยคิกออฟให้การท่องเที่ยวไตรมาสแรกปี 2562 เติบโตอย่างคึกคัก ขณะนี้ห้องพักโรงแรมทั้งในบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียง เริ่มหนาแน่นมากแล้ว อีกทั้งสายการบินก็บินตรงเข้าบุรีรัมย์เป็นจำนวนมาก
ล่าสุด ททท.นำทีมไปจัดงาน “บุรีรัมย์ ไนต์” ในกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เพื่อประชาสัมพันธ์งานโมโตจีพี และจังหวัดบุรีรัมย์ ให้สื่อมวลชน นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้รู้จัเพิ่มขึ้น ททท.กับการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัด โดยมีสื่อมวลชนทั้งออฟไลน์และออนไลน์กว่า 100 องค์กร และยังมีการนำเสนอข่าวอย่างกว้างขวาง
ททท.จะใช้จังหวะของการเป็นเจ้าภาพจัดโมโตจีพี วางกลยุทธ์ที่จะนำการท่องเที่ยวออกจากโหมดการท่องเที่ยวเชิงปริมาณ หรือ Mass Tourism เปลี่ยนไปสู่ประเทศศูนย์รวมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพโดยรุกเจาะเซ็กเมนต์ที่มีความชัดเจนได้รับความนิยมในเชิงการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (sport tourism) สร้างความพึงพอใจให้กับ ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นอย่างมากในการบุกไปประชาสัมพันธ์งานถึงญี่ปุ่นแล้วได้รับความสนใจสูงมาก
สาเหตุที่เลือกไปโปรโมตบุรีรัมย์ในญี่ปุ่น เพราะการแข่งขันโมโตจีพี เป็นการแข่งขันสนามที่ 15 ถือเป็นสนามสุดท้ายที่จะบอกได้ว่าทีมไหนหรือใครจะได้เป็นแชมป์รายการนี้ประจำปี 2561 ส่วนสนามแข่งขันครั้งต่อไป 16-18 จะไม่ค่อยสำคัญเท่าไร
รวมถึงการไปญี่ปุ่นเพราะมี Factory Team มาลงแข่งโมโตจีพีอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นคาวาซากิ ยามาฮ่า ฮอนด้า และอีกหลายยี่ห้อ เข้าร่วมแบบเต็มอัตราศึก
งานแข่งขันโมโตจีพีที่บุรีรัมย์ครั้งนี้ จะช่วยตอกย้ำความเป็นเมืองรองน่าเที่ยวของอีสานใต้ให้เข้มข้นมากขึ้น ระหว่างการแข่งขัน ททท.ได้เปิดบูธแนะนำ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” พร้อมข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยว เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากบุรีรัมย์ไปยังจังหวัดใกล้เคียง เช่น สุรินทร์ ร้อยเอ็ด จัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน และอาหารถิ่นมาร่วมแนะนำในงาน
ซึ่งโมโตจีพีจะช่วยเสริมสร้างการท่องเที่ยวเมืองรองใกล้เคียงให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติประทับใจกับอีเวนต์ที่จัดขึ้น และจะประทับใจในแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่มากมาย
เป็นภาพรวมของการคิกออฟการท่องเที่ยวโค้งสุดท้ายปลายปี 2561 ต้อนรับเศรษฐกิจเมืองรองที่จะเบ่งบานในช่วงปีงบประมาณ 2562 ด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์เปิดเทรน์ธุรกิจใหม่ปี’62”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ช่วงตุลาคม 2561 เตรียมเปิดเมกะโปรเจ็กต์การลงทุนใหม่ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” ที่ได้ใช้เงินกว่า 14,000 ล้านบาท เข้าซื้อโครงการไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ทำรายละเอียดวางแผนงานพัฒนาให้เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ผสมผสานครบวงจรแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตตามนโยบายของรัฐบาล
ประการสำคัญจะสามารถใช้ศักยภาพของโครงการ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” ที่มีบริการครบทั้ง Observation deck จุดชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา 360 องศา โรงแรมระดับ 5 ดาว ร้านค้าปลีกขนาด 4 ชั้น พื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดอากร อาคารรีเทลมหานครคิวป์ และการออกแบบกิจกรรมเทรนด์ใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยรวมทั้งชาวต่างชาติเข้ามาใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันต่างชาติมาเที่ยวปีละกว่า 35 ล้านคน แนวโน้มจีนจะเดินทางมาไทยปีละกว่า 10 ล้านคน
ก้าวแห่งอนาคตของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในยุคไทยแลนด์ 4.0 นั้นถือเป็นสีสันการสร้างมุมบวกใหม่ ๆ ให้กับประเทศ
ในมุมธุรกิจ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เติบโตเป็น “พลังร่วม”เคียงข้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศมาตลอด 28 ปี ส่วนโครงการ คิง เพาเวอร์ มหานคร ก็สามารถต่อยอดกับ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี และธุรกิจอื่น ๆ ในเครือรวมกว่า 16 กิจการได้ไม่ยาก จะเป็นอีกหนึ่งพลังเชิงสร้างสรรค์ต่อไป
ในมุมการลงทุน จะเป็น “พลังดูด” เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตอบโจทก์รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งตั้งเป้าวางอนาคตยกระดับการท่องเที่ยวของไทยก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้นำ “ตลาดท่องเที่ยวคุณภาพ” แห่งเอเชียอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยกลยุทธ์การขยายฐานรายได้เพิ่มทั้งทางด้านมูลค่าและคุณค่าโดยการคัดสรรพรีเมี่ยมโปรดักซ์เข้ามาให้บริการ
ขณะที่ “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ” ได้รับการปรับโฉมด้วยการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท โดยเปิดโฉมบริการใหม่เมื่อเดือนมกราคม 2561 เป็นต้นมา ด้วยการปรับคอนเซ็ปต์การค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ทำให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางแห่งไลฟ์สไตล์ที่มีมากกว่าดิวตี้ฟรี สร้างไฮไลต์เพิ่มโซนบริการเปิดพื้นที่ชั้น 3 นำกว่า 30 ร้าน “อาหารสตรีทฟู้ด”แถวหน้าของเมืองไทยมารวมไว้ในที่เดียว สร้างความสะดวกสบายให้แก่นักชิมทุกวัย แถมยังได้ช่วยชาติโปรโมตอาหารไทยไปด้วย
ควบคู่กับการปรับพื้นที่ลานกลางแจ้ง “ฟาวเท่น สแควร์” ให้กลายเป็นสถานที่จัดอีเวนต์แปลกใหม่ ด้วยการดีไซน์ธีมได้หลากหลายรูปแบบ สลับกับได้เพิ่มกิจกรรมลงทุนนำโชว์ระดับนานาชาติหมุนเวียนเข้ามาจัดแสดงให้คนไทยและต่างชาติได้ชม
ภายในเวลาเพียง 9 เดือน ระหว่างมกราคม-กันยายน 2561 คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ก็สามารถดึงคนเข้ามาใช้บริการกว่า 7 ล้านคน โดยไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแค่กลุ่มนักช้อปเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว หากแต่มีลูกค้าใหม่หลากหลายกลุ่มเพิ่มขึ้นทุกเดือน
ล่าสุดทุ่มทุนกว่า 20 ล้านบาท เนรมิตลานกลางแจ้ง “ฟาวเท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” จัดงานเทศกาล “อาคิ-กุจิ” จำลองวิถีการใช้ชีวิตก่อนเข้าสู่ใบไม้ร่วง ทำให้กลาย Japan Town แห่งใหม่ใจกลางกรุงตลอด 10 วัน ระหว่างวันที่ 20-30 กันยายน 2561
นอกจากจะนำร้านอาหารขึ้นชื่อถึง 40 ร้านแล้ว ยังมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าแฟชั่นญี่ปุ่นอีกกว่า 10 ร้าน มาให้นักท่องเที่ยวได้เดินชิม ชม ช้อป อีกทั้งภายในงาน “อาคิ-กุจิ” ยังได้นำการแสดงศิลปะวัฒนธรรมต้นตำรับญี่ปุ่นมาสร้างความตื่นตาตื่นใจถึง 9 ชุด
ข่าวที่ 2 “ททท.-เทคมีทัวร์ลุยขาย LocalTable”
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้านนโยบายและแผน (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ เทคมีทัวร์เว็บไซต์จองทริปส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในไทย เปิดตัวแคมเปญการท่องเที่ยวเชิงอาหาร LocalTable - Taste Thailand on the LocalTable เพื่อยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยววิถีไทยแบบท้องถิ่นผ่านเส้นทางอาหารหลากหลายจากคนพาเที่ยวในท้องถิ่น (Local Expert) ทั่วประเทศ 55 จังหวัด ส่งเสริมให้คนไทยและต่างชาติเข้าถึงเมืองรองเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มรายได้จากโครงการนี้ด้านการจัดท่องเที่ยวเชิงอาหารเพิ่มขึ้นอีก 3 %
สำหรับแคมเปญ LocalTable ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกเป็นอย่างดีทั้งกลุ่มโรงแรมในเครือแอคคอร์โฮเทล แอร์เอเชีย ดีแทค และ คิง เพาเวอร์ร่วมกันเพิ่มการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้มากยิ่งขึ้น โดยนำการท่องเที่ยวเชิงอาหารไทย ผ่านช่องทางออนไลน์ของ takemetour.com
นายนพพล อนุกูลวิทยา และนายอมรเชษฐ์ จินดาอภิรักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งเทคมีทัวร์ กล่าวว่า ในฐานะเว็บไซต์จองทริปโดยเชื่อมต่อระหว่างนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้นำเที่ยวท้องถิ่นหรือ Local Expert โดยมีบริษัท พาฉันเที่ยว จำกัด เป็นออนไลน์มาร์เก็ตเพลสแพลตฟอร์มที่รวบรวมทัวร์ 1 วัน จาก 55 จังหวัด มาให้นักท่องเที่ยวจองโดยมีคนท้องถิ่นพาเที่ยว ขณะนี้มีบริการทัวร์ 1 วัน และบริการการท่องเที่ยวอื่น ๆ บนเว็บไซต์กว่า 1,000 บริการ เลือกซื้อทัวร์ได้ที่ www.takemetour.com/localtable”
เทคมีทัวร์ริเริ่มโครงการ LocalTable เพื่อสร้างเครือข่ายของร้านอาหาร และ Local Expert มีสมาชิกลงทะเบียนไว้มากกว่า 20,000 คน ในเมืองรองให้เข้ามามีส่วนร่วมด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่น ปัจจุบันมีทัวร์ตามเส้นทางอาหาร 5 ภาคกว่า 70 ทัวร์ อีกทั้งยังได้ร่วมกับ “เชฟบุ๊ค-บุญสมิทธิ์ พุกกะณะสุต” ซึ่งเป็นเชฟและพิธีกรชื่อดังรายการอาหาร Foodwork และทีมงาน ในการลงพื้นที่และทำงานร่วมกับคนท้องถิ่นหลายเส้นทาง
ข่าวที่ 3 “ชัยวัฒน์นั่งCEOบางจากต่อ4ปี-ปลุกลดก๊าซเรือนกระจก”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2561 มีมติอุนมัติต่อสัญญาจ้างนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบางจากอีก 1 เทอม เป็นเวลา 4 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562-31 ธันวาคม 2565
ทางด้าน ดร.เอนกประชา แก้วมณี วิศวกรอาวุโส ส่วนวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป็นผู้แทนบริษัทฯ ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก การเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในองค์กรภาคอุตสาหกรรมที่เข้าร่วม โครงการนำร่องระบบซื้อขายสิทธิ์ ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Trading Scheme หรือ TVETS) ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือ อบก.
เพื่อร่วมขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนมีการบริหารจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กร สร้างความตระหนักการร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม และการบรรเทาภาวะโลกร้อน
ข่าวที่ 4 “ทอท.แจงแผนแม่บท-ลุยT2สุวรรณภูมิ1.3แสนล้าน”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดแถลงข่าวอีกครั้งเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 กรณีการเดินหน้าลงนามสัญญาก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (Terminal 2 ) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดยได้ปรับปรุงแผนแม่บท (Master Plan) ใหม่ ให้สอดคล้องตามข้อเสนอแนะขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งจะต้องปรับปรุงทุก 5 ปี ส่งผลให้ ทอท.ต้องปรับแผนแม่บทด้วยสาระสำคัญ 2 ประการ ได้แก่
1.ปรับระยะเวลาการก่อสร้างให้สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยเฉพาะในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ได้ปรับกรอบเวลาการก่อสร้างใหม่เป็นระหว่าง 2559 - 2563 แทนของเดิมปี 2554-2560 ประกอบด้วย อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1) ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสาร ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ส่วนต่อขยายอุโมงค์เชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบิน รวมถึงระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
2. ในระหว่างการก่อสร้างอาคาร Satellite 1และ 2 วงเงินลงทุนกว่า 1.3 แสนล้านบาท เมื่อแล้วเสร็จจะรองรับผู้โดยสารเพิ่มรวมอีกปีละ 30 ล้านคน แยกเป็นฝั่งละ 15 ล้านคน คือ อาคาร Satellite 1 เดินหน้าทำตามแผนพัฒนาสุวรรณภูมิระยะที่ 2 จะใช้เงินลงทุน 6.2 หมื่นล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปี 2563 เมื่อเปิดใช้จะรองรับเพิ่มได้ปัจจุบันอีกปีละ 15 ล้านคน โดยทำแผนสร้างคู่ขนานไปกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (Satellite 2) ต่อเนื่องทางทิศใต้ ตามแผนระยะที่ 4 วงเงิน 4.1 หมื่นล้านบาท ระหว่างปี 2564 - 2569
สำหรับปัจจุบันสุวรรณภูมิมีผู้ผู้โดยสารใช้บริการประมาณปีละ 60 ล้านคน แต่ขีดความสามารถรองรับที่สร้างไว้มีเพียงปีละ 45 ล้านคน ดังนั้นเมื่อทั้งอาคารใหม่เสร็จปี 2563 จะรองรับได้ปีละ 60 ล้านคน แต่จำนวนผู้โดยสารใช้งานจริงอาจมีมากถึงปีละ 70 ล้านคน จึงต้องสร้างอาคาร Satellite 2 กับส่วนต่อขยายอาคารหลักที่เหลืออีกด้านหนึ่งแล้วเสร็จในปี 2569 ตามแผนแม่บทผู้โดยสารจะพุ่งขึ้นไปถึงปีละ 100 ล้านคน จึงจำเป็นจะต้องปรับแผนแล้วเร่งให้เสร็จตามเวลาดังกล่าว ภายใต้การทำงานอย่างมีธรรมาภิบาล
ช่วงที่ 2 ได้เวลาออกเที่ยวเมืองรอง “ลำพูน” เมืองที่ ครม.ลุงตู่ กำลังสัญจรไปจัดประชุม 2-3 ตุลาคม นี้ เปิดมุมแปลกใหม่ในดินแดนล้านนาที่ “ชุมชนบ้านห้วยต้ม” อำเภอลี้ กับวิถีสโลไลฟ์ชุมชนคนกินมังสะวิรัติของชาวปะกากะญอกว่า 2 หมื่นชีวิต แล้วตามไปสักการะพระธาตุหริภุญไชย ส่วนการใส่ใจสุขภาพ “
@เที่ยวลำพูนวิถีสโลไลฟ์ชุมชนคนกินมังฯ
ต้อนรับเดือนแห่งเทศกาลกินเจกับเส้นทาง “ชุมชนมังสะวิรัต” จังหวัดลำพูน ของชาวปะกากะยอกว่า 20,000 ชีวิต ที่ “ชุมชนพระบาทห้วยต้ม” อำเภอลี้ ซึ่งมีวิถีชีวิตการรักษาขนบธรรมเนียมปฏิบัติรับประทานอาหารมังสะวิรัตปราศจากการฆ่าหรือเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่น ๆ
ชาวปะกอกะญอในชุมชนพระบาทห้วย ทุกเช้าแต่ละครอบครัวจะตื่นทำบุญตักบาตร วันพระก็เข้าวัดถือศีลและนำอาหารมังสะวิรัตไปถวายเป็นสังฆทานผักแด่ภิกษุสงฆ์
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบช้า ๆ อย่างสโลว์ไลฟ์ มาแล้วจะติดใจไปอีกนานกับความสุขที่เต็มไปเปี่ยมไปด้วยสุขใจและสุขกายท่ามกลางความสงบ
รอบชุมชนก็มีแหล่งท่องเที่ยวแนะนำที่ “พระมหาธาตุเจดีย์ ศรีเวียงชัย” เจดีย์สีเหลืองทอง ซึ่งเป็นพุทธสถานของวัดพระบาทห้วยต้มคล้ายสะดือเมืองลำพูน สร้างโดย”หลวงปู่ครูบาวงศ์” เพื่อเป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชนเฉกเช่นเดียวกับชุมชนพุทธทั่วประเทศ รวมทั้งยังได้ปลูกฝังความเชื่อและศรัทธาให้แก่ชาวบ้าน เลือกรับประทานพืชผัก สมุนไพรพื้นบ้าน แทนเนื้อสัตว์ อันมีผลดีต่อสุขภาพและจิตใจ
ในลำพูนมีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ อย่าง “อุทยานแห่งชาติแม่ปิง” สามารถเลือกไปนอนพักบนแพชมทะเลสาบแก่งก้อ หรือวิวพระอาทิตย์ตก ณ จุดชมวิว ดอยกระตึก ได้โดยมีทัศนียภาพของทุ่งหญ้ากว้าง น้ำตก ภูเขา ห้อมล้อมดูแล้วสบายตา อารมณ์สดชื่น
แวะไปสัมผัสธรรมชาติไอเย็นจาก “น้ำตกก้อหลวง” นักท่องเที่ยวไปแล้วจะต้องหลงรักสายน้ำบริสุทธิ์ 7 ชั้น ไหลพาดผ่านโขดหินลงสู่แอ่งด้านล่างกลายเป็นสีเขียวมรกตงดงาม บริเวณใกล้กันก็มี “น้ำตกตาดสตอ” ให้ท่องเที่ยวอีกแห่งสวยไม่แพ้กันเลย
หรือจะไปสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองที่ “พระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร” เป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีระกา ทรงของเจดีย์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาแท้ ๆ ภายในพื้นที่มีโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์และสำคัญ ๆ เช่น วิหารหลวง หอระฆังเก่าแก่
ลำพูนเป็น 1 ใน 55 เมืองรอง ต้องไปสักครั้ง แล้วจะสัมผัสได้ถึงความสุข สงบ สันติ กับวิถีชีวิตสโลไลฟ์จับต้องได้จริง
@มี6เคล็บลับการปั่นจักรยานลดความอ้วน
ใครๆ ก็ไม่อยากอ้วน ซึ่งวิธีหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนักได้ ก็คือ การออกกำลังกาย ซึ่งการ “ปั่นจักรยาน” ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้จริง หรืออย่างน้อยก็ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่ให้อ้วนง่าย และมีร่างกาย กล้ามเนื้อแข็งแรงสวยงามขึ้นด้วย โดยมีเทคนิคดี ๆ มาฝากกับ 6 เคล็ดลับ
1. ปั่นให้พอดี ไม่จำเป็นต้องหักโหม หลายคนเข้าใจว่า ยิ่งปั่นมาก ยิ่งผอมเร็ว แต่กลับไม่ใช่ การออกกำลังกายหักโหมทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงานครั้งละมากๆ ในคราวเดียว จึงแสดงผลโดยการหิวมากกว่าเดิม และทำให้กินเข้าไปมากกว่าก่อนจะปั่นจักรยานเสียอีก
2. เลือกอาหาร แต่ไม่ใช่อดอาหาร โดยมีอาหารให้พลังงานหลังปั่นจักรยาน ได้แก่ แป้ง โปรตีน ไขมัน และยังควรรับประทานพืชผัก ผลไม้เพื่อช่วยซ่อมแซมเซลล์ร่างกาย ซึ่งไม่ควรเด็ดขาดที่จะอดอาหาร นอกจากจะไม่ผอม ยังทำให้ร่างกายเสียสมดุล เจ็บป่วยได้ง่ายด้วย
3. กินก่อนปั่นหรือหลังปั่นดี ไม่จำเป็นต้องกินอาหารตุนไว้มาก ก่อนออกปั่น แค่รองท้องไม่ให้หิวจัดเท่านั้น เมื่อออกกำลังกายเสร็จ ก็ไม่ควรกินทันที เพราะมีผลต่อระบบการย่อย ทำให้จุกได้ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้นแทนเมื่อรู้สึกกระหายหลังปั่น
4. หลีกเลี่ยงเส้นทางปั่นที่เต็มไปด้วยอาหาร นักชิมคงเข้าใจดี ว่าการฝ่าเข้าไปในดงอาหาร ทำให้นักปั่นเสียศูนย์มากไม่น้อย เพราะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความหิว นำไปสู่การพร้อมกินทุกอย่างทันทีหลังปั่น
5. ปั่นแล้วเลี่ยงการแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต เมื่อปั่นเสร็จเดินเข้าซุปเปอร์รับแอร์เย็นๆ ย่อมทำให้อยากช็อปสิ่งต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะของกินอร่อยๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่นักปั่นกลับกินเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนไม่ได้ปั่น
6. ลดเครื่องดื่มน้ำตาลและไขมันสูง การออกกำลังกายด้วยจักรยานทุกวัน ไม่ได้หมายความว่า จะกินไขมันและน้ำตาลได้อย่างเต็มที่ หากรู้สึกอยากกินอะไรหวานๆ เปลี่ยนจากช็อกโกแลตเป็นน้ำตาลจากผลไม้จะดีกว่า
การออกกำลังกายที่ดีควรจัดให้เป็นเวลาเป็นประจำจะมีผลดีต่อสุขภาพคุมน้ำหนักได้ด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “สภาฯท่องเที่ยวชง2มาตรการด่วนชิงทัวร์วันชาติจีน”
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ทำจดหมายถึง ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ลงวันที่ 27 กันยายน 2561 เพื่อขอให้เสนอรัฐบาลพิจารณามาตรการเร่งด่วนช่วงเดือนตุลาคม นี้ เพื่อกระตุ้นและดึงความสนใจช่วงเทศกาลหยุดยาววันชาติของนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามายังไทยเพิ่มขึ้น หลังจากต้องประสบปัญหามาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 กรณีเกิดเรือล่มที่ภูเก็ตจนทำให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิตจำนวนมาก
ส่วนมาตรการเร่งด่วนที่สภาฯ ท่องเที่ยวเสนอขอมี 2 ข้อหลัก
1. การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า (Visa Fee Exemption)ให้แก่นักท่องเที่ยวจากจีน เป็นกรณีพิเศษ ระยะสั้นเป็น เวลา 6 เดือน เพื่อให้นักท่องเที่ยวและบริษัทนำเที่ยวจัดการเดินทางมาเยือนประเทศ ไทยเพิ่มขึ้น
2. การให้วีซ่าเข้า-ออก 2 ครั้ง (Double Entry Visa) แก่จีน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความสะดวกและเดินทางกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยอีกครั้งในปีเดียวกัน
ซึ่งทางสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) รายงานสถานการณ์ตลาดจีนเที่ยวไทยจนถึงขณะนี้ยังฟื้นตัวได้ไม่ดี ช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 มีนักท่องเที่ยวจีนรวมเพียง 2.21 ล้านคน ลดลง 17.61 % และไตรมาส 4 จะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.85 ล้านคน ลดลง 25.64 %และจากการติดตามข้อมูลเที่ยวบินเช่าเหมาล าและการส ารองที่นั่งล่วงหน้าในช่วงวันหยุดยาวของการฉลองวันชาติจีนนั้น่ยอดจองก็ยังไม่กระเตื้องเช่นกัน
ข่าวที่สอง“บางกอกแอร์ชูโปรฮ็อต3จังหวัด890 บาท/เที่ยว”
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส รายงานว่า ได้จัดโปรโมชั่น “Amazing October” ขายตั๋วโดยสารราคาพิเศษ วันที่ 1 – 31 ตุลาคม นี้ 3 เส้นทางบินยอดนิยม ได้แก่ ไป-กลับ กรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) สู่เชียงใหม่ กระบี่ และภูเก็ต เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 890 บาทไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ จองซื้อทาง www.bangkokair.com หรือ คอล เซ็นเตอร์ โทร 1771 และดูข้อมูลเพิ่มที่ http://www.bangkokair.com/special-promotion
ข่าวที่สาม “ขสมก.จ่อใช้อีทิกเก็ตเริ่ม 15 ต.ค.นี้”
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รายงานว่า ความคืบหน้าในการติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E - ticket) เวอร์ชั่น 2.0 บนรถโดยสารธรรมดา จำนวน 800 คัน และเปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้บริการแล้ว 300 คัน ส่วนอีก 500 คัน คาดจะเปิดได้ ภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2561
รวมทั้งได้ปรับปรุงระบบอีทิกเก็ตเป็นเวอร์ชั่น 2.5 เพื่อให้รองรับบัตรโดยสารร่วม ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อให้ใช้งานได้ประมาณมีนาคม 2562
ข่าวที่สี่ “ททท.รับทีมผลิตหนังพีอาร์โมโตจีพี3ต.ค.นี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า เตรียมต้อนรับการถ่ายทำภาพยนต์ประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโต จีพี ในวันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561 ณ เมธาวลัย เรสซิเดนซ์ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์
เพื่อผนึกความร่วมกันโปรโมตการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโต จีพี ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2561 ซึ่งจะเปลี่ยนประวัติเมืองบุรีรัมย์ สถานที่จัดงานให้กลายเป็นต้นแบบพัฒนาตลาดการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาก
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0
บูมลำพูนรับครม.-บุรีรัมย์โมเดลทัวร์กีฬา
คิงเพาเวอร์เปิดเทรนด์ธุรกิจใหม่ขานรับปี’62
ททท.ผนึกเทคมีทัวร์ลุยขายเที่ยวLocalTable
ชัยวัฒน์นั่งCEOบางจากต่อ4ปี-ชูลดโลกร้อน
ทอท.ทุบแผนแม่บท-T2สุวรรณภูมิ1.3แสนล.
เที่ยวลำพูนสโลไลฟ์ชุมชนคนกินมังดีต่อใจ
6เคล็ดลับปั่นจักรยานลดความอ้วนได้ชะงัด
สภาทัวร์ชง2มาตรการด่วนปั๊มยอดวันชาติจีน
บางกอกแอร์อัดโปร3จังหวัด 890บาท/เที่ยว
ขสมก.จ่อใช้ตั๋วอีทิกเก็ตรถเมล์กรุง15ต.ค.นี้
ททท.รับทีมผลิตหนังพีอาร์โมโตจีพีสู่ทั่วโลก
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 29 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เกาะติดการลั่นกลองรุก 55 เมืองรอง กับ “นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โค้งสุดท้ายปี 2561 ตั้งแต่ตุลาคมนี้มีความสดใหม่มาเพิ่มรายได้ปี 2562ด้วยท่องเที่ยว 4.0 อะเมซิ่ง ไทยเท่ และ ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน เปิด “เมืองลำพูน” ต้อนรับ ครม.สัญจรปลุกคนทั้งประเทศสัมผัสคุณค่าดินแดนล้านนา ส่วน “โมโตจีพี บุรีรัมย์” 5-7 ต.ค.นี้ เศรษฐกิจอีสานใต้
ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) |
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่ากลยุทธ์การเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกท่องเที่ยว 55 เมืองรอง ตามนโยบายรัฐบาลให้กระจายตัวโดยมี ททท.เป็นหน่วยงานหลักขับเคลื่อนศักยภาพและขีดความสามารถของทุกเมือง ปี 2561 อาจจะยังทำได้ไม่ครบ ตลอด 9 เดือนปีนี้ เน้นการโปรโมตเมืองรองที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปจัดประชุมสัญจร
ขณะที่พื้นที่เมืองหลักที่อยู่รอบนอกอยู่ไกลออกไป ททท.ก็จะดูแลอย่างเต็มที่ โดยมีสำนักงาน ททท.ในประเทศ 40 แห่ง ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น
เป้าหมายตลาดในประเทศรวมเมืองรองต้องทำปี 2561 ให้ได้ 1 ล้านล้านบาท และต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งฝ่ายสื่อสารการตลาดจึงต้องบุกหนักเพื่อสื่อสารเต็มอัตรา
ส่วนในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2561 ซึ่งตรงกับไตรมาสแรกปีงบประมาณใหม่ 2562 ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม นี้ ททท.ร่วมกับอีก 3 องค์กร ได้แก่ การบินไทย ไทยสไมล์ และธนาคารกรุงไทย เปิดแคมเปญ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” ควบคู่กับกระตุ้นการใช้แคมเปญของรัฐบาลทางด้านการท่องเที่ยว 55 เมืองรองสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ผสมผสานกันให้ครบที่สุด
แคมเปญไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน จะเริ่ม ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ซึ่งจะเป็นการรุกเต็มที่ในการเพิ่มรายได้และจำนวนคนเข้าไปยังเมืองรอง โดยผลิต 20 แพกเกจ ขายผ่านช่องทาง “ทัวร์เอื้องหลวง” และบริษัทนำเที่ยวอีก 120 บริษัท จะช่วยกันขายแพกเกจด้วย ซึ่งสามารถบินกับการบินไทยกับไทยสไมล์บริการครอบคลุม 10 เมืองด้วยกัน
รวมทั้งแคมเปญนี้จะเป็นการพลิกโฉมการขายผ่านดิจิตอลเป็นครั้งแรก โดยทางธนาคารกรุงไทยมีสาขากระจายทั่วประเทศ เปิดให้นักท่องเที่ยวชำระผ่านอิเลคทรอนิกหรือสแกนคิวอาร์โค้ดตามเมืองรองท่องเที่ยวทั่วประเทศ และแอพลิเคชั่น ทำให้เกิดความสะดวกในการซื้อของด้วย
รายจ่ายทั้งหมดในการซื้อแพกเกจ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” สามารถใช้สิทธิ์การซื้อนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 15,000 บาท นับเป็นโครงการบูรณาการของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ททท.ออกแบบเส้นทางและเนื้อหา การบินไทยกับไทยสไมล์ก็จะนำนักท่องเที่ยวไปสู่จุดหมาย ส่วนธนาคารกรุงไทยได้เข้ามาทำให้การใช้จ่ายเงินคล่องตัวมากกว่าทุกครั้ง เป็นการฉายภาพให้เห็นถึงขีดความสามารถของหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะเข้าไปเพิ่มความคึกคักให้เมืองรองทั้งหมด
นายธเนศวร์กล่าวว่า ปี 2562 จะเป็นความเป็นรูปธรรมในการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองทั่วประเทศ สามารถลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความยั่งยืนได้ชัดเจนมากขึ้นผ่านโครงการ ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน รวมถึงการปูพรมไปสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 4.0
สำหรับการท่องเที่ยวสไตล์ดังกล่าวเหมาะกับนักท่องเที่ยวตลาดคนรุ่นใหม่ และวัยตั้งแต่ปลายอายุ 30 ปีขึ้นไป ก็มีก้าวหน้าใช้แอพลิเคชั่นจองซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อีกทั้งในร้านอาหาร หรือเมื่อไปเที่ยวตามวัดต่าง ๆ ในแหล่งท่องเที่ยวก็สามารถบริจาคเงินออนไลน์ผ่านแบงก์กรุงไทยแล้วรับใบเสร็จรับเงินเป็นอิเลคทรอนิกส์ ก็นำมาหักภาษีการบริจาคได้เช่นกัน
ส่วนแผนงานต้อนรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีไปจัดประชุมสัญจรที่จังหวัดลำพูน ระหว่างวันที่ 3-4 ตุลาคม นี้ ซึ่งลำพูนเป็น 1 ใน 55 เมืองรองนั้น ททท.เตรียมนำเสนอการท่องเที่ยวไฮไลต์แคมเปญ “อะเมซิ่ง ไทยเท่” เป็นกิจกรรมปลุกกระแสตลาดในประเทศ เพื่อให้คนหันมาเที่ยวแบบเท่ ๆ แข่งขันกันทำดีเมื่อเข้าไปเที่ยวยังชุมชน
ดังนั้นการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวลำพูน ที่ ครม.จะสัญจรเดือนตุลาคม นี้ ซึ่งเชื่อมโยงกับเมืองหลักคือเชียงใหม่ โดยตลอดเส้นทางผ่านเข้าไปก็มีสนามกอล์ฟมากมาย ยิ่งได้แรงหนุนจาก ครม.สัญจรจะยิ่งเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักลำพูนในมุมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเป็นขนาดเล็กน่ารัก มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อคู่บ้านเมือง พระธาตุหริภุญไชย วัดจามเทวีสร้างโดยได้รับอิทธิพลของขอมมีความงดงาม ว่ากันว่าหากใครได้ขอพรจากพระนางจามเทวีจะประสบความสำเร็จกันทุกคน เป็นกิมมิกหรือเรื่องราวน่าท่องเที่ยว
ลำพูนยังมี “อาหารถิ่น” เลื่องชื่อหลายอย่าง ตัวอย่าง ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำไย ซึ่งบรรจุไว้ในโปรแกรม ครม.สัญจรครั้งนี้ เป็นอาหารถิ่นไม่ฟุ่มเฟือยต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่ม
นอกจากนี้ยังมีชุมชนแหล่งท่องเที่ยวที่เตรียมต้อนรับ ครม.สื่อมวลชน และทุกคนที่ไปร่วมการประชุมครั้งนี้ คือ “ชุมชนบ้านหนองเงือก” อำเภอป่าซาง ซึ่งมีวัดบ้านหนองเงือก มีโบราณวัตถุ จิตรกรรมฝาผนังสวยงาม พระพุทธรูปเก่าแก่กว่า 200 ปี หรือ “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านดอนหลวง” ไปดูวิสาหกิจชุมชน “ตลาดต้องชม“ และ “ร้านประชารัฐรักสามัคคี” ของกระทรวงมหาดไทย ทุกพื้นที่จะบรรจุอยู่ในกำหนดการของ ครม.เพื่อตอกย้ำถึง อะเมซิ่ง ไทยเท่ และ ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน โดยได้พรีเซ็นเตอร์แบบอัตโนมัติเปิดเมืองรองให้คนไทยทั่วประเทศได้เห็นทั้งหมด สร้างแรงจูงใจให้ไปเที่ยวลำพูนกัน
ขณะเดียวกันตามแผนแม่บท ลำพูน กำลังได้รับเลือกให้เป็นพื้นที่การลงทุนเปิดสนามบินแห่งที่ 2 ต่อจากเชียงใหม่
สำหรับ “บุรีรัมย์” เมืองรองอีกแห่ง ช่วง 5-7 ตุลาคม นี้ ต้องเปิดบ้านจัดมหกรรมการแข่งขันรถแข่งระดับโลก “พีทีที ไทยแลนด์ กรังปรี 2018 -โมโตจีพี” ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ จะเป็นการท่องเที่ยวเชิงกีฬางานแรก ที่จะช่วยคิกออฟให้การท่องเที่ยวไตรมาสแรกปี 2562 เติบโตอย่างคึกคัก ขณะนี้ห้องพักโรงแรมทั้งในบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียง เริ่มหนาแน่นมากแล้ว อีกทั้งสายการบินก็บินตรงเข้าบุรีรัมย์เป็นจำนวนมาก
ล่าสุด ททท.นำทีมไปจัดงาน “บุรีรัมย์ ไนต์” ในกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เพื่อประชาสัมพันธ์งานโมโตจีพี และจังหวัดบุรีรัมย์ ให้สื่อมวลชน นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้รู้จัเพิ่มขึ้น ททท.กับการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัด โดยมีสื่อมวลชนทั้งออฟไลน์และออนไลน์กว่า 100 องค์กร และยังมีการนำเสนอข่าวอย่างกว้างขวาง
ททท.จะใช้จังหวะของการเป็นเจ้าภาพจัดโมโตจีพี วางกลยุทธ์ที่จะนำการท่องเที่ยวออกจากโหมดการท่องเที่ยวเชิงปริมาณ หรือ Mass Tourism เปลี่ยนไปสู่ประเทศศูนย์รวมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพโดยรุกเจาะเซ็กเมนต์ที่มีความชัดเจนได้รับความนิยมในเชิงการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (sport tourism) สร้างความพึงพอใจให้กับ ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นอย่างมากในการบุกไปประชาสัมพันธ์งานถึงญี่ปุ่นแล้วได้รับความสนใจสูงมาก
สาเหตุที่เลือกไปโปรโมตบุรีรัมย์ในญี่ปุ่น เพราะการแข่งขันโมโตจีพี เป็นการแข่งขันสนามที่ 15 ถือเป็นสนามสุดท้ายที่จะบอกได้ว่าทีมไหนหรือใครจะได้เป็นแชมป์รายการนี้ประจำปี 2561 ส่วนสนามแข่งขันครั้งต่อไป 16-18 จะไม่ค่อยสำคัญเท่าไร
รวมถึงการไปญี่ปุ่นเพราะมี Factory Team มาลงแข่งโมโตจีพีอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นคาวาซากิ ยามาฮ่า ฮอนด้า และอีกหลายยี่ห้อ เข้าร่วมแบบเต็มอัตราศึก
งานแข่งขันโมโตจีพีที่บุรีรัมย์ครั้งนี้ จะช่วยตอกย้ำความเป็นเมืองรองน่าเที่ยวของอีสานใต้ให้เข้มข้นมากขึ้น ระหว่างการแข่งขัน ททท.ได้เปิดบูธแนะนำ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” พร้อมข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยว เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากบุรีรัมย์ไปยังจังหวัดใกล้เคียง เช่น สุรินทร์ ร้อยเอ็ด จัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน และอาหารถิ่นมาร่วมแนะนำในงาน
ซึ่งโมโตจีพีจะช่วยเสริมสร้างการท่องเที่ยวเมืองรองใกล้เคียงให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติประทับใจกับอีเวนต์ที่จัดขึ้น และจะประทับใจในแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่มากมาย
เป็นภาพรวมของการคิกออฟการท่องเที่ยวโค้งสุดท้ายปลายปี 2561 ต้อนรับเศรษฐกิจเมืองรองที่จะเบ่งบานในช่วงปีงบประมาณ 2562 ด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์เปิดเทรน์ธุรกิจใหม่ปี’62”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ช่วงตุลาคม 2561 เตรียมเปิดเมกะโปรเจ็กต์การลงทุนใหม่ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” ที่ได้ใช้เงินกว่า 14,000 ล้านบาท เข้าซื้อโครงการไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ทำรายละเอียดวางแผนงานพัฒนาให้เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ผสมผสานครบวงจรแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตตามนโยบายของรัฐบาล
ประการสำคัญจะสามารถใช้ศักยภาพของโครงการ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” ที่มีบริการครบทั้ง Observation deck จุดชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา 360 องศา โรงแรมระดับ 5 ดาว ร้านค้าปลีกขนาด 4 ชั้น พื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดอากร อาคารรีเทลมหานครคิวป์ และการออกแบบกิจกรรมเทรนด์ใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยรวมทั้งชาวต่างชาติเข้ามาใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันต่างชาติมาเที่ยวปีละกว่า 35 ล้านคน แนวโน้มจีนจะเดินทางมาไทยปีละกว่า 10 ล้านคน
ก้าวแห่งอนาคตของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในยุคไทยแลนด์ 4.0 นั้นถือเป็นสีสันการสร้างมุมบวกใหม่ ๆ ให้กับประเทศ
ในมุมธุรกิจ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เติบโตเป็น “พลังร่วม”เคียงข้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศมาตลอด 28 ปี ส่วนโครงการ คิง เพาเวอร์ มหานคร ก็สามารถต่อยอดกับ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี และธุรกิจอื่น ๆ ในเครือรวมกว่า 16 กิจการได้ไม่ยาก จะเป็นอีกหนึ่งพลังเชิงสร้างสรรค์ต่อไป
ในมุมการลงทุน จะเป็น “พลังดูด” เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตอบโจทก์รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งตั้งเป้าวางอนาคตยกระดับการท่องเที่ยวของไทยก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้นำ “ตลาดท่องเที่ยวคุณภาพ” แห่งเอเชียอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยกลยุทธ์การขยายฐานรายได้เพิ่มทั้งทางด้านมูลค่าและคุณค่าโดยการคัดสรรพรีเมี่ยมโปรดักซ์เข้ามาให้บริการ
ขณะที่ “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ” ได้รับการปรับโฉมด้วยการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท โดยเปิดโฉมบริการใหม่เมื่อเดือนมกราคม 2561 เป็นต้นมา ด้วยการปรับคอนเซ็ปต์การค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ทำให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางแห่งไลฟ์สไตล์ที่มีมากกว่าดิวตี้ฟรี สร้างไฮไลต์เพิ่มโซนบริการเปิดพื้นที่ชั้น 3 นำกว่า 30 ร้าน “อาหารสตรีทฟู้ด”แถวหน้าของเมืองไทยมารวมไว้ในที่เดียว สร้างความสะดวกสบายให้แก่นักชิมทุกวัย แถมยังได้ช่วยชาติโปรโมตอาหารไทยไปด้วย
ควบคู่กับการปรับพื้นที่ลานกลางแจ้ง “ฟาวเท่น สแควร์” ให้กลายเป็นสถานที่จัดอีเวนต์แปลกใหม่ ด้วยการดีไซน์ธีมได้หลากหลายรูปแบบ สลับกับได้เพิ่มกิจกรรมลงทุนนำโชว์ระดับนานาชาติหมุนเวียนเข้ามาจัดแสดงให้คนไทยและต่างชาติได้ชม
ภายในเวลาเพียง 9 เดือน ระหว่างมกราคม-กันยายน 2561 คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ก็สามารถดึงคนเข้ามาใช้บริการกว่า 7 ล้านคน โดยไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแค่กลุ่มนักช้อปเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว หากแต่มีลูกค้าใหม่หลากหลายกลุ่มเพิ่มขึ้นทุกเดือน
ล่าสุดทุ่มทุนกว่า 20 ล้านบาท เนรมิตลานกลางแจ้ง “ฟาวเท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” จัดงานเทศกาล “อาคิ-กุจิ” จำลองวิถีการใช้ชีวิตก่อนเข้าสู่ใบไม้ร่วง ทำให้กลาย Japan Town แห่งใหม่ใจกลางกรุงตลอด 10 วัน ระหว่างวันที่ 20-30 กันยายน 2561
นอกจากจะนำร้านอาหารขึ้นชื่อถึง 40 ร้านแล้ว ยังมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าแฟชั่นญี่ปุ่นอีกกว่า 10 ร้าน มาให้นักท่องเที่ยวได้เดินชิม ชม ช้อป อีกทั้งภายในงาน “อาคิ-กุจิ” ยังได้นำการแสดงศิลปะวัฒนธรรมต้นตำรับญี่ปุ่นมาสร้างความตื่นตาตื่นใจถึง 9 ชุด
ข่าวที่ 2 “ททท.-เทคมีทัวร์ลุยขาย LocalTable”
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้านนโยบายและแผน (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ เทคมีทัวร์เว็บไซต์จองทริปส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในไทย เปิดตัวแคมเปญการท่องเที่ยวเชิงอาหาร LocalTable - Taste Thailand on the LocalTable เพื่อยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยววิถีไทยแบบท้องถิ่นผ่านเส้นทางอาหารหลากหลายจากคนพาเที่ยวในท้องถิ่น (Local Expert) ทั่วประเทศ 55 จังหวัด ส่งเสริมให้คนไทยและต่างชาติเข้าถึงเมืองรองเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มรายได้จากโครงการนี้ด้านการจัดท่องเที่ยวเชิงอาหารเพิ่มขึ้นอีก 3 %
สำหรับแคมเปญ LocalTable ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกเป็นอย่างดีทั้งกลุ่มโรงแรมในเครือแอคคอร์โฮเทล แอร์เอเชีย ดีแทค และ คิง เพาเวอร์ร่วมกันเพิ่มการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้มากยิ่งขึ้น โดยนำการท่องเที่ยวเชิงอาหารไทย ผ่านช่องทางออนไลน์ของ takemetour.com
นายนพพล อนุกูลวิทยา และนายอมรเชษฐ์ จินดาอภิรักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งเทคมีทัวร์ กล่าวว่า ในฐานะเว็บไซต์จองทริปโดยเชื่อมต่อระหว่างนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้นำเที่ยวท้องถิ่นหรือ Local Expert โดยมีบริษัท พาฉันเที่ยว จำกัด เป็นออนไลน์มาร์เก็ตเพลสแพลตฟอร์มที่รวบรวมทัวร์ 1 วัน จาก 55 จังหวัด มาให้นักท่องเที่ยวจองโดยมีคนท้องถิ่นพาเที่ยว ขณะนี้มีบริการทัวร์ 1 วัน และบริการการท่องเที่ยวอื่น ๆ บนเว็บไซต์กว่า 1,000 บริการ เลือกซื้อทัวร์ได้ที่ www.takemetour.com/localtable”
เทคมีทัวร์ริเริ่มโครงการ LocalTable เพื่อสร้างเครือข่ายของร้านอาหาร และ Local Expert มีสมาชิกลงทะเบียนไว้มากกว่า 20,000 คน ในเมืองรองให้เข้ามามีส่วนร่วมด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่น ปัจจุบันมีทัวร์ตามเส้นทางอาหาร 5 ภาคกว่า 70 ทัวร์ อีกทั้งยังได้ร่วมกับ “เชฟบุ๊ค-บุญสมิทธิ์ พุกกะณะสุต” ซึ่งเป็นเชฟและพิธีกรชื่อดังรายการอาหาร Foodwork และทีมงาน ในการลงพื้นที่และทำงานร่วมกับคนท้องถิ่นหลายเส้นทาง
ข่าวที่ 3 “ชัยวัฒน์นั่งCEOบางจากต่อ4ปี-ปลุกลดก๊าซเรือนกระจก”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2561 มีมติอุนมัติต่อสัญญาจ้างนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบางจากอีก 1 เทอม เป็นเวลา 4 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562-31 ธันวาคม 2565
ทางด้าน ดร.เอนกประชา แก้วมณี วิศวกรอาวุโส ส่วนวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป็นผู้แทนบริษัทฯ ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก การเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในองค์กรภาคอุตสาหกรรมที่เข้าร่วม โครงการนำร่องระบบซื้อขายสิทธิ์ ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Trading Scheme หรือ TVETS) ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือ อบก.
เพื่อร่วมขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนมีการบริหารจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กร สร้างความตระหนักการร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม และการบรรเทาภาวะโลกร้อน
ข่าวที่ 4 “ทอท.แจงแผนแม่บท-ลุยT2สุวรรณภูมิ1.3แสนล้าน”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดแถลงข่าวอีกครั้งเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 กรณีการเดินหน้าลงนามสัญญาก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (Terminal 2 ) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดยได้ปรับปรุงแผนแม่บท (Master Plan) ใหม่ ให้สอดคล้องตามข้อเสนอแนะขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งจะต้องปรับปรุงทุก 5 ปี ส่งผลให้ ทอท.ต้องปรับแผนแม่บทด้วยสาระสำคัญ 2 ประการ ได้แก่
1.ปรับระยะเวลาการก่อสร้างให้สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยเฉพาะในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ได้ปรับกรอบเวลาการก่อสร้างใหม่เป็นระหว่าง 2559 - 2563 แทนของเดิมปี 2554-2560 ประกอบด้วย อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1) ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสาร ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ส่วนต่อขยายอุโมงค์เชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบิน รวมถึงระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
2. ในระหว่างการก่อสร้างอาคาร Satellite 1และ 2 วงเงินลงทุนกว่า 1.3 แสนล้านบาท เมื่อแล้วเสร็จจะรองรับผู้โดยสารเพิ่มรวมอีกปีละ 30 ล้านคน แยกเป็นฝั่งละ 15 ล้านคน คือ อาคาร Satellite 1 เดินหน้าทำตามแผนพัฒนาสุวรรณภูมิระยะที่ 2 จะใช้เงินลงทุน 6.2 หมื่นล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปี 2563 เมื่อเปิดใช้จะรองรับเพิ่มได้ปัจจุบันอีกปีละ 15 ล้านคน โดยทำแผนสร้างคู่ขนานไปกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (Satellite 2) ต่อเนื่องทางทิศใต้ ตามแผนระยะที่ 4 วงเงิน 4.1 หมื่นล้านบาท ระหว่างปี 2564 - 2569
สำหรับปัจจุบันสุวรรณภูมิมีผู้ผู้โดยสารใช้บริการประมาณปีละ 60 ล้านคน แต่ขีดความสามารถรองรับที่สร้างไว้มีเพียงปีละ 45 ล้านคน ดังนั้นเมื่อทั้งอาคารใหม่เสร็จปี 2563 จะรองรับได้ปีละ 60 ล้านคน แต่จำนวนผู้โดยสารใช้งานจริงอาจมีมากถึงปีละ 70 ล้านคน จึงต้องสร้างอาคาร Satellite 2 กับส่วนต่อขยายอาคารหลักที่เหลืออีกด้านหนึ่งแล้วเสร็จในปี 2569 ตามแผนแม่บทผู้โดยสารจะพุ่งขึ้นไปถึงปีละ 100 ล้านคน จึงจำเป็นจะต้องปรับแผนแล้วเร่งให้เสร็จตามเวลาดังกล่าว ภายใต้การทำงานอย่างมีธรรมาภิบาล
ช่วงที่ 2 ได้เวลาออกเที่ยวเมืองรอง “ลำพูน” เมืองที่ ครม.ลุงตู่ กำลังสัญจรไปจัดประชุม 2-3 ตุลาคม นี้ เปิดมุมแปลกใหม่ในดินแดนล้านนาที่ “ชุมชนบ้านห้วยต้ม” อำเภอลี้ กับวิถีสโลไลฟ์ชุมชนคนกินมังสะวิรัติของชาวปะกากะญอกว่า 2 หมื่นชีวิต แล้วตามไปสักการะพระธาตุหริภุญไชย ส่วนการใส่ใจสุขภาพ “
@เที่ยวลำพูนวิถีสโลไลฟ์ชุมชนคนกินมังฯ
ต้อนรับเดือนแห่งเทศกาลกินเจกับเส้นทาง “ชุมชนมังสะวิรัต” จังหวัดลำพูน ของชาวปะกากะยอกว่า 20,000 ชีวิต ที่ “ชุมชนพระบาทห้วยต้ม” อำเภอลี้ ซึ่งมีวิถีชีวิตการรักษาขนบธรรมเนียมปฏิบัติรับประทานอาหารมังสะวิรัตปราศจากการฆ่าหรือเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่น ๆ
ชาวปะกอกะญอในชุมชนพระบาทห้วย ทุกเช้าแต่ละครอบครัวจะตื่นทำบุญตักบาตร วันพระก็เข้าวัดถือศีลและนำอาหารมังสะวิรัตไปถวายเป็นสังฆทานผักแด่ภิกษุสงฆ์
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบช้า ๆ อย่างสโลว์ไลฟ์ มาแล้วจะติดใจไปอีกนานกับความสุขที่เต็มไปเปี่ยมไปด้วยสุขใจและสุขกายท่ามกลางความสงบ
รอบชุมชนก็มีแหล่งท่องเที่ยวแนะนำที่ “พระมหาธาตุเจดีย์ ศรีเวียงชัย” เจดีย์สีเหลืองทอง ซึ่งเป็นพุทธสถานของวัดพระบาทห้วยต้มคล้ายสะดือเมืองลำพูน สร้างโดย”หลวงปู่ครูบาวงศ์” เพื่อเป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชนเฉกเช่นเดียวกับชุมชนพุทธทั่วประเทศ รวมทั้งยังได้ปลูกฝังความเชื่อและศรัทธาให้แก่ชาวบ้าน เลือกรับประทานพืชผัก สมุนไพรพื้นบ้าน แทนเนื้อสัตว์ อันมีผลดีต่อสุขภาพและจิตใจ
ในลำพูนมีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ อย่าง “อุทยานแห่งชาติแม่ปิง” สามารถเลือกไปนอนพักบนแพชมทะเลสาบแก่งก้อ หรือวิวพระอาทิตย์ตก ณ จุดชมวิว ดอยกระตึก ได้โดยมีทัศนียภาพของทุ่งหญ้ากว้าง น้ำตก ภูเขา ห้อมล้อมดูแล้วสบายตา อารมณ์สดชื่น
แวะไปสัมผัสธรรมชาติไอเย็นจาก “น้ำตกก้อหลวง” นักท่องเที่ยวไปแล้วจะต้องหลงรักสายน้ำบริสุทธิ์ 7 ชั้น ไหลพาดผ่านโขดหินลงสู่แอ่งด้านล่างกลายเป็นสีเขียวมรกตงดงาม บริเวณใกล้กันก็มี “น้ำตกตาดสตอ” ให้ท่องเที่ยวอีกแห่งสวยไม่แพ้กันเลย
หรือจะไปสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองที่ “พระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร” เป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีระกา ทรงของเจดีย์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาแท้ ๆ ภายในพื้นที่มีโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์และสำคัญ ๆ เช่น วิหารหลวง หอระฆังเก่าแก่
ลำพูนเป็น 1 ใน 55 เมืองรอง ต้องไปสักครั้ง แล้วจะสัมผัสได้ถึงความสุข สงบ สันติ กับวิถีชีวิตสโลไลฟ์จับต้องได้จริง
@มี6เคล็บลับการปั่นจักรยานลดความอ้วน
ใครๆ ก็ไม่อยากอ้วน ซึ่งวิธีหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนักได้ ก็คือ การออกกำลังกาย ซึ่งการ “ปั่นจักรยาน” ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้จริง หรืออย่างน้อยก็ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่ให้อ้วนง่าย และมีร่างกาย กล้ามเนื้อแข็งแรงสวยงามขึ้นด้วย โดยมีเทคนิคดี ๆ มาฝากกับ 6 เคล็ดลับ
1. ปั่นให้พอดี ไม่จำเป็นต้องหักโหม หลายคนเข้าใจว่า ยิ่งปั่นมาก ยิ่งผอมเร็ว แต่กลับไม่ใช่ การออกกำลังกายหักโหมทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงานครั้งละมากๆ ในคราวเดียว จึงแสดงผลโดยการหิวมากกว่าเดิม และทำให้กินเข้าไปมากกว่าก่อนจะปั่นจักรยานเสียอีก
2. เลือกอาหาร แต่ไม่ใช่อดอาหาร โดยมีอาหารให้พลังงานหลังปั่นจักรยาน ได้แก่ แป้ง โปรตีน ไขมัน และยังควรรับประทานพืชผัก ผลไม้เพื่อช่วยซ่อมแซมเซลล์ร่างกาย ซึ่งไม่ควรเด็ดขาดที่จะอดอาหาร นอกจากจะไม่ผอม ยังทำให้ร่างกายเสียสมดุล เจ็บป่วยได้ง่ายด้วย
3. กินก่อนปั่นหรือหลังปั่นดี ไม่จำเป็นต้องกินอาหารตุนไว้มาก ก่อนออกปั่น แค่รองท้องไม่ให้หิวจัดเท่านั้น เมื่อออกกำลังกายเสร็จ ก็ไม่ควรกินทันที เพราะมีผลต่อระบบการย่อย ทำให้จุกได้ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้นแทนเมื่อรู้สึกกระหายหลังปั่น
4. หลีกเลี่ยงเส้นทางปั่นที่เต็มไปด้วยอาหาร นักชิมคงเข้าใจดี ว่าการฝ่าเข้าไปในดงอาหาร ทำให้นักปั่นเสียศูนย์มากไม่น้อย เพราะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความหิว นำไปสู่การพร้อมกินทุกอย่างทันทีหลังปั่น
5. ปั่นแล้วเลี่ยงการแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต เมื่อปั่นเสร็จเดินเข้าซุปเปอร์รับแอร์เย็นๆ ย่อมทำให้อยากช็อปสิ่งต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะของกินอร่อยๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่นักปั่นกลับกินเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนไม่ได้ปั่น
6. ลดเครื่องดื่มน้ำตาลและไขมันสูง การออกกำลังกายด้วยจักรยานทุกวัน ไม่ได้หมายความว่า จะกินไขมันและน้ำตาลได้อย่างเต็มที่ หากรู้สึกอยากกินอะไรหวานๆ เปลี่ยนจากช็อกโกแลตเป็นน้ำตาลจากผลไม้จะดีกว่า
การออกกำลังกายที่ดีควรจัดให้เป็นเวลาเป็นประจำจะมีผลดีต่อสุขภาพคุมน้ำหนักได้ด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “สภาฯท่องเที่ยวชง2มาตรการด่วนชิงทัวร์วันชาติจีน”
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ทำจดหมายถึง ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ลงวันที่ 27 กันยายน 2561 เพื่อขอให้เสนอรัฐบาลพิจารณามาตรการเร่งด่วนช่วงเดือนตุลาคม นี้ เพื่อกระตุ้นและดึงความสนใจช่วงเทศกาลหยุดยาววันชาติของนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามายังไทยเพิ่มขึ้น หลังจากต้องประสบปัญหามาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 กรณีเกิดเรือล่มที่ภูเก็ตจนทำให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิตจำนวนมาก
ส่วนมาตรการเร่งด่วนที่สภาฯ ท่องเที่ยวเสนอขอมี 2 ข้อหลัก
1. การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า (Visa Fee Exemption)ให้แก่นักท่องเที่ยวจากจีน เป็นกรณีพิเศษ ระยะสั้นเป็น เวลา 6 เดือน เพื่อให้นักท่องเที่ยวและบริษัทนำเที่ยวจัดการเดินทางมาเยือนประเทศ ไทยเพิ่มขึ้น
2. การให้วีซ่าเข้า-ออก 2 ครั้ง (Double Entry Visa) แก่จีน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความสะดวกและเดินทางกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยอีกครั้งในปีเดียวกัน
ซึ่งทางสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) รายงานสถานการณ์ตลาดจีนเที่ยวไทยจนถึงขณะนี้ยังฟื้นตัวได้ไม่ดี ช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 มีนักท่องเที่ยวจีนรวมเพียง 2.21 ล้านคน ลดลง 17.61 % และไตรมาส 4 จะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.85 ล้านคน ลดลง 25.64 %และจากการติดตามข้อมูลเที่ยวบินเช่าเหมาล าและการส ารองที่นั่งล่วงหน้าในช่วงวันหยุดยาวของการฉลองวันชาติจีนนั้น่ยอดจองก็ยังไม่กระเตื้องเช่นกัน
ข่าวที่สอง“บางกอกแอร์ชูโปรฮ็อต3จังหวัด890 บาท/เที่ยว”
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส รายงานว่า ได้จัดโปรโมชั่น “Amazing October” ขายตั๋วโดยสารราคาพิเศษ วันที่ 1 – 31 ตุลาคม นี้ 3 เส้นทางบินยอดนิยม ได้แก่ ไป-กลับ กรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) สู่เชียงใหม่ กระบี่ และภูเก็ต เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 890 บาทไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ จองซื้อทาง www.bangkokair.com หรือ คอล เซ็นเตอร์ โทร 1771 และดูข้อมูลเพิ่มที่ http://www.bangkokair.com/special-promotion
ข่าวที่สาม “ขสมก.จ่อใช้อีทิกเก็ตเริ่ม 15 ต.ค.นี้”
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รายงานว่า ความคืบหน้าในการติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E - ticket) เวอร์ชั่น 2.0 บนรถโดยสารธรรมดา จำนวน 800 คัน และเปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้บริการแล้ว 300 คัน ส่วนอีก 500 คัน คาดจะเปิดได้ ภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2561
รวมทั้งได้ปรับปรุงระบบอีทิกเก็ตเป็นเวอร์ชั่น 2.5 เพื่อให้รองรับบัตรโดยสารร่วม ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อให้ใช้งานได้ประมาณมีนาคม 2562
ข่าวที่สี่ “ททท.รับทีมผลิตหนังพีอาร์โมโตจีพี3ต.ค.นี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า เตรียมต้อนรับการถ่ายทำภาพยนต์ประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโต จีพี ในวันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561 ณ เมธาวลัย เรสซิเดนซ์ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์
เพื่อผนึกความร่วมกันโปรโมตการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโต จีพี ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2561 ซึ่งจะเปลี่ยนประวัติเมืองบุรีรัมย์ สถานที่จัดงานให้กลายเป็นต้นแบบพัฒนาตลาดการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาก
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0
เพ็ญรุ่ง ใบสามเสน คอลัมนิสต์และผู้ดำเนินรายการ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น