ยุทธศักดิ์ผู้ว่า ททท.จัดแถวใหม่ท่องเที่ยสปี'62-กทม.ไฟเขียวเทศกาลเที่ยวเมืองไทยขายแพกเกจทัวร์ในสวนลุมได้-เที่ยวมุมใหม่ยอยักษ์ ทะเลน้อย พัทลุง
ผู้นำททท.รุกจัดแถวใหม่ต.ค.นี้ท่องเที่ยวปี’62
กทม.หนุนขายทัวร์ในเทศกาลเที่ยวเมืองไทย
คิงเพาเวอร์ชูหนังกล้าก้าว-วิ่งช่วยรพ.ศิริราช
ททท.เทจัด13งานถิ่นเที่ยวเมืองรองปลายกย.
บางจากจัดประกวดแผนธุรกิจCSRโชว์ญี่ปุ่น
ทอท.โหมพีอาร์แผนแม่บทลงทุน 6สนามบิน
รัฐดันTCEB4เรื่องขึ้นผู้นำโกย2.2แสนล้าน
เที่ยวยอยักษ์-ทะเลน้อยเมืองรองในพัทลุง
ไม่อยากผมร่วงต้องรู้6วิธีสระอย่างถูกต้อง
ไทยกวาดรางวัลท่องเที่ยวระดับโลกเพียบ
บินไทยเริ่มใหม่กรุงเทพ-โอซากาถึง20ก.ย.
คาร์โก้บินไทยฮึกเหิมปั๊มรายได้โต 2 หลัก
หน้าดอนเมืองปิดถนน/สะพานถึง 17 ก.ย.
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ อ่านที่ www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ฟังข้อมูลเข้มกับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแถวใหม่ตลาดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้อนรับปีงบประมาณ 2562 จริงจังกับการลุยทำโปรเจ็กต์สร้างกระแสใหญ่เที่ยวอย่างรับผิดชอบ 55 เมืองรอง 22 เมืองหลัก รอฟังข่าวดี ผู้ว่าฯ กทม. หนุนงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” มกราคม 2562 ซื้อขายแพกเกจท่องเที่ยวได้ ส่วนนโยบายรัฐผลักดันเปิดสำนักงาน ททท.ใหม่ ภายในประเทศให้ครบ 76 จังหวัดนั้น ต้องใช้หลักสมดุลไม่แย่งนักท่องเที่ยวกันเป็นหลักพิจารณา หลัง ททท.ทยอยเปิดเพิ่มแล้ว 5 เมืองรองสำคัญ ครบ 40 สำนักงาน
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า พร้อมเดินหน้าแผนปฏิบัติการตามนโยบายของรัฐบาลในการกระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ช่วงที่ผ่านมาเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวครึ่งปีแรกมีไม่ต่ำกว่า 40 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นประมาณ 10% พื้นที่หลัก ๆ ได้แก่ สตูล จันทบุรี ระยอง ประการสำคัญสุดแรงกระตุ้นจากมาตรการนำค่าใช้จ่ายเที่ยวเมืองรองปีละ 15,000 บาท ไปลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา สร้างแรงจูงใจให้คนออกมาเดินทางท่องเที่ยวสู่เมืองรองมากขึ้น
พอเข้าสู่ปีงบประมาณใหม่ 2562 เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม ปีนี้เป็นต้นไป ททท.เตรียมจัดทำโครงการพิเศษ เช่น ไทยเที่ยวไทย การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สนับสนุนให้เข้าไปเที่ยวเมืองรองอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการทำกิจกรรมพิเศษ สร้างการใช้จ่ายเงิน และการสร้างสมดุลด้วยจุดแข็งของอัตลักษณ์ท้องถิ่นนั้น ๆ โดยเฉพาะในไฮไลต์ 2 ช่วง คือ ลอยกระทง เดือนพฤศจิกายน และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เดือนธันวาคมต่อเนื่องมกราคมปีหน้า จะสานต่อการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เคาน์ดาวน์เมืองรอง ซึ่งปีที่ผ่านมาเคยนำร่องทำ สกลนคร กาญจนบุรี นครศรีธรรมราช เชียงราย จะเป็นอีกจุดที่ ททท.จะเข้าไปสนับสนุนให้เกิดความตื่นตัวมากขึ้น
การผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในด้านหลัก ๆ คือ 1.เมื่อพัฒนาแล้วจะต้องไม่ส่งผลกระทบเชิงลบหลังเข้าไปส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยว ขณะนี้คนส่วนใหญ่หันมาสร้างกระแสเที่ยวเมืองรอง 2.การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว รวมทั้งขับเคลื่อนโปรเจ็กต์ทางสังคมหรือซีเอสอาร์ด้วยโปรเจ็กต์ “ลด โลก เลอะ” ด้วยปริมาณขยะเพิ่มมากขึ้นทั้งบนบกและทะเล ทำให้สัตว์น้ำเสียชีวิตจากพลาสติก โดยได้นำร่องประกาศปฏิญญาลดโลกเลอะรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนลดใช้พลาสติกในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเหลือ 50 % ภายในปี 2563
ปี 2562 ททท.ตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ททท.จะเดินหน้าบทบาทใหม่ทำการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบอย่างจริงจังเป็นรูปธรรมมากขึ้น จะร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องและทุกคนในห่วงโซ่อุปทาน ทำให้เห็นถึงการได้รับประโยชน์ร่วมจากสิ่งที่ได้ทำ ทั้งเจ้าของทรัพยากรในชุมชนได้ผลดีด้วย ททท.อาสานำธงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ทำให้เกิด 3 ส่วนตามมาคือ สิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ เติบโตดีขึ้นตามไปด้วย
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องการขานรับนโยบายล่าสุดที่จะให้เพิ่มสำนักงาน ททท.ในประเทศครบทุกจังหวัดนั้น ต้องขอบคุณภาครัฐและเอกชนแสดงความต้องการให้ ททท.เข้าไปเปิดพื้นที่ในฐานะนักการตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพท่องเที่ยวช่วยลดความเหลื่อมล้ำและการตลาดอย่างสมดุลได้ ตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่ง ททท.มีสำนักงาน 30 แห่ง แล้วทยอยเปิดเพิ่ม 5 แห่ง ได้แก่ บุรีรัมย์ ต้อนรับโมโตจีพี จันทบุรี เชื่อมโยงระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) สตูลที่ได้รับการประกาศจากยูเนสโก้ให้เป็นเมืองจีโอปาร์คระดับนานาชาติ น่าน และราชบุรี
ในเวลานี้ไม่จำเป็นจะต้องมีสำนักงาน ททท.ครบทุกจังหวัด เพราะหากเปิดสำนักงานมากไปกว่านี้ ก็อาจจะเกิดการแย่งชิงนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น ควรจะรักษาความสมดุลปัจจุบันไว้ แล้วให้สำนักงานที่มีอยู่ปัจจุบันสามารถทำงานโดยสร้างความพึงพอใจให้แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี
ดร.ยุทธศักดิ์ย้ำว่า หากประเมินจากสถานการณ์ตลาดปัจจุบันมีสำนักงาน ททท.ในประเทศ 40 จังหวัด ก็เพียงพอ แต่ก็ต้องศึกษาเพิ่มเติมในกรณีที่รัฐบาลต้องการให้บุกท่องเที่ยวเมืองรอง เช่น สกลนคร มีความน่าสนใจ ต้องคำนึงถึงการเข้าถึง หรือขอนแก่นมีสนามบินสามารถกระจายนักท่องเที่ยวระบายไปยังสกลนครและมหาสารคาม ได้
ส่วนการเตรียมจัดมหกรรมใหญ่แห่งปี เทศกาลเที่ยวเมืองไทย จัดประจำช่วงมกราคมของทุกปี ที่สวนลุมพินี กรุงเทพฯ ซึ่งกลายเป็นงานที่ทุกคนรอคอยพบกับสินค้าจาก 5 ภูมิภาค ที่ได้นำมาเสนอ ทั้งอาหารพื้นบ้าน สินค้าโอท็อปต่าง ๆ
ปี 2562 ต้องหันไปพิจารณาถึงการเลือกจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยตั้งแต่ต้นปี มีเหตุผลที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศเดินทางท่องเที่ยวในช่วง 11 เดือนข้างหน้าตลอดทั้งปี จึงจะต้องชูเนื้อหาเมืองรองมากขึ้น นำเสนอไฮไลต์ที่นำมาโชว์แล้วต้องดึงดูดคนเดินทางไปเที่ยวพื้นที่จริงในบรรยากาศของเมืองนั้น ๆ
สิ่งที่ ททท.ต้องทำให้มากกว่าหน่วยงานอื่นคือ เน้นบรรยากาศให้เกิดแรงบันดาลใจชวนคนสนใจวางแผนไปเที่ยวพื้นที่จริง ภายในงานอาจจะต้องสื่อภาษาเมืองของแต่ละภาค หรือพ่อค้าแม่ขาย การแสดงวัฒนธรรมบนเวทีย่อยและใหญ่ จะต้องปลุกกระแสและแรงบันดาลใจอย่างจริงจัง
ส่วนข่าวดีคือ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ปี 2562” ทางด้าน พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร เห็นด้วยในหลักการที่จะให้นำแพกเกจท่องเที่ยวมาซื้อขายได้ภายในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยได้ แต่ก็จะต้องดูอย่างละเอียดให้แน่ใจอีกครั้งถึงการขายดังกล่าวจะไปขัดระเบียบการใช้พื้นที่สวนสาธารณะหรือไม่อย่างไร ททท.เองเข้าใจถึงคนที่เข้ามาร่วมงาน ก็ต้องการมาซื้อแพกเกจมากกว่าจะชิมอาหารเพียงอย่างเดียว ตอนนี้กฎระเบียบดังกล่าวอาจจะได้รับการผ่อนคลายลงแล้ว และจะเปิดซื้อขายแพกเกจท่องเที่ยวได้ในงานดังกล่าว
ถึงแม้จะซื้อขายไม่ได้ทันที แต่สามารถเข้ามาข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองรองและเส้นทางใหม่ ๆ ได้ตลอดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ปี 2562
สำหรับการเพิ่มความเข้มข้นในการรับมือกับสภาพอากาศในประเทศและทั่วโลกที่ผันผวนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ก็อาจจะเป็นปัจจัยทำให้คนเดินทางหรือชะลอบ้าง ดังนั้นจึงได้กำชับให้สำนักงาน ททท.ทั้งในและต่างประเทศ ดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์ทุกเรื่อง
ช่วงปลายฝนต้นหนาวปลายปีนี้ ททท.ขอเชิญชวนให้เลือกท่องเที่ยวเมืองไทยใน 55 เมืองรอง 22 เมืองหลัก ที่มีความแตกต่างกันอยู่แล้ว คนไทยที่กำลังจะตัดสินใจไปต่างประเทศ ก็ขอให้ลองหันมาพิจารณาท่องเที่ยวในประเทศก่อนเป็นอันดับแรก เพราะไทยเที่ยวไทย จะทำให้เศรษฐกิจไทยยั่งยืนนั่นเอง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์จัดกล้าก้าว-ลองรันช่วยศิริราช”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้รับเกียรติจาก ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยผู้บริหารโรงพยาบาลศิริราช เข้าร่วมในโครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ที่ได้ร่วมกับก้าวคนละก้าวจัดกิจกรรมเพื่อสังคม 2 โครงการ ได้แก่
โครงการแรก เนรมิตสนามกีฬาอาคารนิมิบุตรเป็นโรงภาพยนตร์เฉพาะกิจฉายหนังเรื่อง 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว เพิ่มรอบพิเศษวันละ 4 รอบ ให้ทุกคนชมฟรี 12 รอบ กว่า 30,000 ที่นั่ง ระหว่าง 14-16 กันยายน 2561 ภายในบริเวณงานได้จัดบูธกิจกรรมมากมาย อาทิ บูธตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลศิริราช
โดยเฉพาะบูธจำหน่ายขายของที่ระลึกจากโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อหารายได้มอบโรงพยาบาลศิริราช และจัดแสดงนิทรรศการโครงการก้าวคนละก้าว ครั้งแรกที่ได้นำคอลเลกชั่นรองเท้าวิ่งของพี่ตูนที่วิ่งจากเบตงไปสู่แม่สาย 13 คู่ เสื้อวิ่งจากนักวิ่งหลัก 5 คน
โซนถ่ายรูป โซนเล่นปิงปองกับพี่ตูนงานแสดงนิทรรศการโครงการเพื่อสังคมของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และกิจกรรมแจกลูกฟุตบอลให้เด็กและเยาวชน 3,000 ลูก งานแสดงนิทรรศการของโรงพยาบาลศิริราช
โครงการที่ 2 “ลอง RUN 2018’ ชวนนักวิ่งแฟนพันธุ์แท้ของตูน บอดี้สแลมมาร่วมวิ่งระยะ 5 กม. ระหว่างวันนี้ – 30 กันยายน 2561 ใน 4 จังหวัด ได้แก่ 1.สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร รับสมัคร 2,500 คน 2.มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น 500 คน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 600 คน และมหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี 600 คน
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อหารายได้มอบให้กับอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช และนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ผู้ป่วยด้อยโอกาส
ติดตามช่องทางเพื่อร่วมบริจาคได้ทาง เฟสบุ๊คแฟนเพจหลัก ๆ ดังนี้ ได้แก่ ก้าวคนละก้าว และคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย
ข่าวที่ 2 “ททท.จัดเต็มเช็คอินเที่ยว13งานปลายก.ย.นี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ททท.ทุกสำนักงานได้จัดกิจกรรมชวนนักท่องเที่ยวทุกวัยออกไปสัมผัสความสุขตลอดเดือนกันยายน 2561 เป็นต้นไป ตามจังหวัดต่าง ๆ กว่า 13 งาน ได้แก่
งานแรก การแข่งเรือประเพณีในเมืองรอง ชมเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน จังหวัดพิษณุโลก ประจำปี 2561 ระหว่างวันเสาร์ที่ 15 - อาทิตย์ที่ 16 กันยายน นี้ บริเวณลำน้ำน่านหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร โดย ททท.ได้ส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ และเชิญชวนนักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ชมขบวนแห่ถ้วยพระราชทานไปตามถนนสายต่าง ๆ และแห่ถ้วยพระราชทานทางน้ำ พิธีทอดผ้าป่าเรือยาวพร้อมกับถวายผ้าห่มหลวงพ่อพระพุทธชินราช การประกวดกองเชียร์พื้นบ้าน
งานที่ 2 มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ เริ่ม 12 กันยายน นี้ ไปจนถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2561 ที่ศูนย์วัฒนแห่งประเทศไทย เป็นงานหนึ่งเดียวของเมืองไทยที่ได้รวมศิลปินและคณะนักแสดงระดับโลกมานำเสนอซึ่งจะมีทั้งการแสดงบัลเลต์คลาสสิค โอเปร่า และคณะนักเต้นรำที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ
งานที่ 3 ตักบาตรขนมครก ของชุมชนวัดแก่นจันทร์เจริญ ตำบลบางพรม อำเภอคนที จังหวัดสมุทรสงคราม วันที่ 17 กันยายน นี้ ตลอดงานนักท่องเที่ยวสามารถร่วมทำบุญตักบาตรขนมครก หรือชมการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน เช่น วิ่งบากขนมครกขุด และดูการสาธิตโม่แป้งแบบโบราณ ได้อย่างเต็มที่ หนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้น
งานที่ 4 รำลึก 100 ปี ชาวเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ชมการแสดงดนตรี และวัฒนธรรมพื้นบ้านรำ 4 ภาค ในบรรยากาศริมทะเล ตลอด 2 วัน ระหว่าง 19-20 กันยายน นี้ ที่เกาะสีชัง สามารถแต่งไทยย้อนยุคไปร่วมประกวดได้
งานที่ 5 ประเพณีสลากภัตร สลากย้อม ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย ของชาวเมืองลำพูน ในวันที่ 24 กันยายน นี้ เป็นอีกงานบุญที่น่าสนใจ เป็นประเพณีที่ชาวล้านนาจะจัดก่อนถึงวันออกพรรษา โดยให้ผู้หญิงเท่านั้นเป็นคนทำสลากอย่างสวยงาม เพื่อนำไปใช้แห่ต้นสลากย้อม งานนี้จัดยิ่งใหญ่ เมื่อไปถึงนักท่องเที่ยวมีจะได้ชมการแสดง แสง สี เสียง วัฒนธรรม การประกวดอ่านเส้นสลากตามประเพณณีล้านนา และการประกวดฮ่ำกะโฮง การทำบุญถวายทานตามแบบชาวพุทธ
งานที่ 6 ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง ของชุมชนเสากระโดง จัดขึ้นที่วัดทองบ่อ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 24 กันยายน 2561 เป็นกิจกรรมท้องถิ่นของชาวไทยรามัญหรือมอญแถบภาคกลางนิยมนำน้ำผึ้งไปตักบาตรพระสงฆ์ถวายเป็นยาหรือเภสัช ช่วงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ตามความเชื่อที่ว่า นอกจากใส่บาตรพระสงฆ์ด้วยอาหารคาว หวานต่าง ๆ แล้ว หากได้ตักบาตรด้วยน้ำผึ้งจะได้มีโชคมลาภด้วย
งานที่ 7 “วันส้มโอขาวแตงกวาชัยนาท” ครั้งที่ 35 ระหว่างวันนี้ – 16 กันยายน 2561 ณ บริเวณเขื่อนเรียงหิน หน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท
งานที่ 8 “ชิมอาหารถิ่น Check – In #ชัยนาทเมืองน่ารัก” ระหว่างวันที่ 15 – 16 กันยายน 2561
งานที่ 9 “เทศกาลกินหอย ดูนก ตกหมึก ชะอำ ครั้งที่ 19” ระหว่างวันนี้ - 15 กันยายน 2561 ณ บริเวณจุดชมวิวชายหาดชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
งานที่ 10 ตามรอยไดโนเสาร์...ตะลุยแดนอีสาน" ณ พิพิธภัณฑ์สิรินธร อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ระหว่าง 14 กันยายน - 14 ตุลาคม 2561 ปลุกนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มจากทั่วทุกภาค เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์แปลกแตกต่างจากท้องถิ่นอื่น ๆ
งานที่ 11 ผจญภัยหน้าฝน “Adventure in the Rain @Nakhon Nayok” วันที่ 15 กันยายน 2561 ณ บริเวณลานกิจกรรมด้านล่างเขื่อนขุนด่านปราการชล อำเภอเมือง จ.นครนายก มี 2 กิจกรรม ได้แก่ 1. ผจญภัยหน้าฝน “Adventure in the Rain @Nakhon Nayok” จัดเส้นทางการปั่นจักรยานท่องเที่ยว 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 : ปั่น - ปีน - ป่าย เส้นทางที่ 2 : ปั่น - เที่ยวเชิงนิเวศ เส้นทางที่ 3 : ปั่น – ล่องแก่งลำน้ำนครนายก 2. การแสดงดนตรี “มินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน บิ๊กแอส และ แซ็ค ชุมแพ” เลือกซื้อของฝากผลิตภัณฑ์ชุมชน อาหารถิ่นเมืองนครนายก ซื้อแพ็คเกจท่องเที่ยวและกิจกรรม โทร. 0 3731 2282, 0 3731 2284
งานที่ 12 คนรักชากาแฟต้องไม่พลาด 15 - 16 กันยายนนี้ ณ ไร่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย เข้าร่วมงานได้ตั้งแต่ 10.00 - 20.00 น. ททท. ชวนสัมผัสเสน่ห์เมืองรองแห่งชากาแฟในงาน "Best of Coffee and Tea @Chiangrai2018"พบที่สุดแห่งกาแฟสิงห์เหนือ ปะทะ เสือใต้ ชมนิทรรศการ 10 เส้นทางท่องเที่ยวจิบชา - ดื่มกาแฟที่ต้องลอง
งานที่ 13 ททท. ขอเชิญมาเที่ยวชม มินิไลท์แอนซาวด์ปราสาทหินพิมาย และจัดตลาดพิมายพันปี แวะชิม อาหารถิ่น คั่วหมี่พิมายใส่ปลาย่าง หมี่อ่อน อร่อยแซ่บนัว วันที่ 15 กันยายน /6 ตุลาคม 2561เวลา 16.00-20.00 น @ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อ.พิมาย จ. นครราชสีมา สอบถาม/สำรองที่นั่งที่ fb: nnn. โทร 044-213666
ข่าวที่ 3 “บางจากจัดประกวดแผนธุรกิจCSRโชว์ญี่ปุ่น”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ร่วมกับศูนย์ยูนูส ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Yunus Center AIT) จัดอบรมโครงการ “ประกวดออกแบบแผนธุรกิจเพื่อสังคม Bangchak Yunus and Youth Contest 2018” เชิญชวนกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรี-เอก อายุไม่เกิน 35 ปี ส่งผลงานเข้าร่วมในหัวข้อ “From Bangchak and SDGs to social business” เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลง และแก้ไขปัญหาสังคมผ่านโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม
โดยมุ่งเน้นด้านธุรกิจพลังงานทดแทนธุรกิจพลังงานจากชีวมวล สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN Sustainable Development Goals (SDGs) ซึ่งจะประกาศผลปลายเดือนกันยายน 2561 นี้ โดยผู้ชนะจะมีโอกาสได้นำเสนอแผนธุรกิจในงาน Social Business Forum Asia 2018 ณ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมรับใบประกาศนียบัตร
ข่าวที่ 4 “ทอท.ชูโปร่งใสโหมพีอาร์แผนแม่บท6สนามบิน
ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ได้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยาน ทอท.ทั้ง 6 แห่ง อย่างเป็นระบบต่อสาธารณชน เพื่อให้เห็นถึงการปรับปรุงและขยายการลงทุนนับแสนล้าน รองรับการจราจรทางอากาศในอีก 20 ปีข้างหน้า พ.ศ.2580 ประกอบด้วย
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะก่อสร้าง 5 ส่วน 1.อาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 / 2.ขยายอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน 3.ติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ 4.ก่อสร้างอาคารหลังที่ 2 และ 5.ทางวิ่งเส้นที่ 3 เพิ่มการรองรับผู้โดยสารจากปีละ 45 เป็น 60-80 ล้านคน
ท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพื่อลดความคับคั่งระยะสั้น และการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารรองรับเพิ่มจากปีละ 30 เป็น 40 ล้านคน
ท่าอากาศยานภูเก็ต ระยะที่ 2 ก่อสร้างขายอาคาผู้โดยสารระหว่างประเทศ ปรับปรุงสาธารณูปโภค ก่อสร้างลานจอดเครื่องบิน และระบบอุปกรณ์ภาคพื้น เพิ่มการรองรับจากปีละ 12.5 เป็น 18 ล้านคน
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 ก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานและอาคาร เช่น ทางขับ ลานจอดเครื่องบิน เพิ่มหลุมจอดเป็น 31 หลุม เพื่อยกระดับการรองรับจากปีละ 8 เป็น 16.5 ล้านคน
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ก่อสร้างปรับปรุงอาคารหลังเดิม และระบบถนนภายในสนามบิน กับมาตรการรักษาความปลอดภัย
ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ก่อสร้างทางยกระดับ อาคารจอดรถ ลานจอดรถบัส ทำให้เป็นศูนย์กลางการบิน
รวมทั้ง ทอท.มีโครงการก่อสร้างเพิ่มใหม่อีก 2 สนามบิน ภูเก็ตและเชียงใหม่แห่งที่ 2 ในอนาคตปี 2565
ข่าวที่ 5 “รัฐดันTCEBผู้นำไมซ์เอเชียปี’62โกย2.28แสนล้าน”
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB/สสปน.” โดยได้ให้นโยบายเร่งทำงานเชิงรุกนำไมซ์ไทยขึ้นเป็นผู้นำอาเซียน เอเชีย และระดับโลก เพราะขณะนี้เป็นจังหวะที่ต้องรีบใช้ 4 ปัจจัยหนุน คือ
1.เศรษฐกิจภาพรวมภายในประเทศฟื้นตัวเชิงบวกต่อเนื่องติดต่อกัน
2.ไทยมีศักยภาพความพร้อมเป็นศูนย์กลางการลงทุนและการค้าในจังหวะที่จีนประกาศทำเมกะโปรเจ็กต์ One Belt One Road จากจีนลงไปถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ ผ่านไทย ผนวกกับอาเซียนมีข้อตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP
3.การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของรัฐบาลภายใต้การรีฟอร์มนโยบายเต็มรูปแบบภายในประเทศ ทั้ง ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) ซึ่งจะเป็นพอร์ตสำคัญอย่างยิ่งโดดเด่นสุดของอาเซียน เป็นประตูการนำเข้าส่งออกสินค้าให้กับกลุ่มประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม ไทย (CLMVT) ด้วย หากทำสำเร็จบุกเบิกให้เกิดก่อนจะเป็นแหล่งผลิต ศูนย์กลางการกระจายสินค้าสู่ตลาดโลก ซึ่งจะเป็นการต่อยอดอีสเทิร์น ซีบอร์ด ท่าเรือแหลมฉบัง ของไทย ขณะนี้รัฐบาลเพิ่มโครงการ 2 ฝั่งทะเล อ่าวไทย-อันดามัน จากเพชรบุรีไปจนถึงระนอง ซึ่งจะแจ้งเกิดการขยายฐานอุตสาหกรรมใหม่ รวมถึงไทยได้ก้าวไปสู่อุตสาหกรรมบริการเรียบร้อยแล้ว เห็นได้จากการท่องเที่ยวทำรายได้คิดเป็น 20 % ของจีดีพี
4.บทบาทการเมืองระหว่างประเทศของไทย ที่จะต้องทำตนเองให้มีความสำคัญต่อโลกในการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยง หรือ Connectivity HUBอาเซียน เอเชีย และทวีปอื่น ๆ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ขณะนี้การเมืองโลกยอมรับ มีความสัมพันธ์ดีเลิศกับสหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย ประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2562 ไทยได้รับมอบหมายให้เป็นประธานอาเซียน บวกกับจะมีการเลือกตั้ง ยิ่งตอกย้ำให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างดีแน่นอน
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ เปิดเผยว่า TCEB ได้ใช้โอกาสการจัดงาน Thailand MICE Forum 2018 ยกระดับแบรนด์ให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ของโลกยุค 4.0 โดยการเดินหน้าภายใต้ 4 ภารกิจท้าทาย ประกอบด้วย
1.วางตำแหน่งของอุตสาหกรรมไมซ์ (Positioning & Ranking) ปีนี้ไมซ์ไทยติดอันดับ 6 ของเอเชีย ภายในแผน 5 ปีหน้า เริ่มตั้งแต่ปี 2565 จะผลักดันขึ้นอันดับ 4 เอเชีย โดยทำงานเชิงรุกหนักด้านประมูลสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพนำงานระดับนานาชาติมาจัดในไทย ทั้งทางด้านการลงทุน นวัตกรรม อุตสาหกรรม S-CURV ศิลปะดนตรี และอื่น ๆ
2.เป็นผู้นำเทรนด์ไมซ์ โดยกลยุทธ์สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กลุ่มผู้เข้าร่วมงาน ผสมผสานผลิตภัณฑ์ภายในประเทศด้วยการสร้างหัวข้อทางธุรกิจและการสร้างแบรนด์ และเข้าถึงความพึงพอใจของลูกค้าไมซ์ทุกกลุ่ม
3.การสนับสนุนนโยบายจากภาครัฐเพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการเดินหน้านโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากทั่วโลกเข้ามาสร้างความคึกคักในประเทศ รวมถึงการเพิ่มกิจกรรมไมซ์ในภูมิภาคทั้งอาเซียนและเอเชีย
4.กระตุ้นภาครัฐให้กระตือรือร้นในการปรับปรุงกฎกมายให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อสร้างระบบเชื่อมโยงการเข้าถึงไมซ์ได้แบบครบวงจร
ดร.อรรชกา ระบุผลการดำเนินงานของ สสปน./TCEB ไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2561 ทำให้อุตสาหกรรมไมซ์สร้างรายได้เข้าประเทศกระจายสู่ท้องถิ่นมูลค่ารวม 154,779 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดต่างประเทศ 68,898 ล้านบาท ตลาดในประเทศ 85,881 ล้านบาท มีจำนวนรวม 25.29 ล้านคน แบ่งเป็น ต่างประเทศ 9.10 แสนคน ในประเทศ 24.38 ล้านคน ปีงบประมาณ 2562 ตั้งเป้าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 228,627 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดต่างประเทศ 130,200 ล้านบาท ในประเทศ 98,427 ล้านบาท จากจำนวนรวม 40.356 ล้านคน แบ่งเป็น ต่างประเทศ 1.419 ล้านคน ในประเทศ 38.936 ล้านคน
ขณะที่การดำเนินงานตลอด 13 ปีที่ผ่านมา TCEB ได้นำงานไมซ์จากทั่วโลกเข้ามาจัดในไทยกว่า 300งาน และสนับสนุนการจัดงานในและต่างประเทศกว่า 5,000 งาน สร้างรายได้เข้าประเทศแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท
ล่าสุดปี 2560 ทีเส็บไร่วมกับผู้ประกอบการไมซ์ได้สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจในหลากหลายช่องทาง ซึ่งก่อให้เกิดการใช้จ่ายเงินกว่า 231,200 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ประชาชาติมูลค่าปีละประมาณ 173,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.1 %ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) และภาษีที่จัดเก็บจากธุรกิจไมซ์เข้ารัฐประมาณ 21,600 ล้านบาท สามารถจ้างงานได้ถึง 167,300 คน
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สสปน./TCEB กล่าวว่า วางกลยุทธ์เตรียมนำงานไมซ์ระดับนานาชาติเข้ามาจัดในไทยอีกเป็นจำนวนมากไฮไลต์คือการประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงาน Air Show ขานรับนโยบายของรัฐบาลในโครงการ EEC ที่ได้ลงทุนขยายสนามบินอู่ตะเภา ชลบุรี เป็นศูนย์กลางการบินชายทะเลตะวันออกเชื่อมโยงกัน 3 สนามกับอีก 2 สนามบินของกรุงเทพฯ คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง อยู่ระหว่างก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์ระบบรถไฟรางคู่และความเร็วสูง
ส่วนช่วงปลายตั้งแต่กันยายน-ธันวาคม 2561 เป็นต้นไป ได้นำงานไมซ์เข้ามาจัดในไทย 7 งานระดับโลก ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมงานเกือบ 100,000 คน ประกอบด้วย 1.งานอุตสาหกรรมการแพทย์ เช่น Thailand Lab International 2018 ระหว่าง 12-14 กันยายน นี้ จัดในกรุงเทพฯ จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 9,000 คน 2.งานอุตสาหกรรมดิจิตอล ระดับโลก CEBIT ASEAN Thailand 2018 จัดเป็นครั้งแรกในไทย ระหว่าง 18-20 ตุลาคม นี้ ที่กรุงเทพฯ จะมีผู้เข้าร่วมกว่า 11,450 คน 3.งานอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรมหรือ Robotics คือ WRO-World Robot Olympiad 2018 ระหว่าง 16-18 พฤศจิกายน นี้ ที่เชียงใหม่ จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน 4.งานอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ จะจัดงานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมพลังงานเพื่ออนาคตแห่งเอเชีย – Future Energy Asia 2018 ระหว่าง 12-14 ธันวาคม นี้ คาดจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 8,800 คน
ไฮไลต์ปี 2561 ยังมีอีก 3 งาน ได้แก่ 1.เทศกาลปั่นจักรยานระดับ L’Etape Thailand by Le Tour de France ระหว่าง 19-21 ตุลาคม นี้ จะมีผู้เข้าร่วมกว่า 20,000 คน 2.งานประชุมนานาชาติ PATA Destination Marketing Forum 2018 ระหว่าง 28-30 พฤศจิกายน นี้ ที่เชียงใหม่ องค์กรทั่วโลกจะเดินทางร่วมงาน 300 คน 3.งานเทศกาลไหมสากล ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่นประจำปี 2561 ระหว่าง 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม นี้
ส่วนปี 2562 เบื้องต้น จะมี 2 งานแรก ได้แก่ 1.งานประชุม SITE Global Conference 2019 ระหว่าง 11-13 มกราคม 2562 โดยไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประมูลสิทธิ์ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานนนี้ ขึ้นที่โรงแรมแชงกรี-ลา คาดจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 400 คน และ 2.งานประชุมประจำปี 86th UFI Globol Congress 2019 ระหว่าง 6-9 พฤศจิกายน 2562 เป็นไมซ์รายการใหญ่สุดของกลุ่มแสดงสินค้า (Exhibition) จัดที่ไอคอน สยาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 450 คน
ช่วงที่ 2 ตามไปเที่ยวเมืองรองต้องห้ามพลาด ในพัทลุง สัมผัสเสน่ห์ “ยอยักษ์” บ้านปากประ “ทะเลน้อย” แหล่งควายน้ำ วิถีกิน วิถีถิ่น และความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์น้ำ นกนับแสนชีวิต
@เที่ยวยอยักษ์-ทะเลน้อย วิถีถิ่นเมืองรองพัทลุง
ได้ยินและฟังเรื่องราวของ “ยอยักษ์” กับเที่ยวไทยเท่ ต่อเนื่องเกือบปี ครั้งนี้จะแนะนำให้ลองไปใช้ชีวิตคลุกวงในกับชาวบ้านเพื่อการท่องเที่ยวเมืองรองกันที่ “บ้านปากประ” อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง
ชาวบ้านในชุมชนยังอนุรักษ์วิถีดั้งเดิมในชีวิตประจำวันกับการใช้เครื่องมือหาปลาแบบโบราณในคลองขนาดใหญ่ด้วยวิธี“ยกยอยักษ์” ต้อนรับแสงแรกของทุก ๆ วัน
คลองปากประเป็นแหล่งท่องเที่ยวพื้นบ้านที่รายล้อมด้วยป่าเสม็ด มีพืชพันธุ์ท้องถิ่นทางธรรมชาติอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ให้นกนานาชนิดได้สร้างบ้านพักอาศัย โดยมีพื้นที่เชื่อมต่อกับ “ทะเลน้อย” เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัด ซึ่งสัตว์น้ำแถบนี้ได้พักพิงอยู่บ้านหลังใหญ่แห่งนี้
นอกจากการได้ไปลองเรียนรู้จากชาวบ้านปากประ ในการยกยอยักษ์หาปลามาเลี้ยงปากท้องแล้ว ยังจะได้ไปดื่มด่ำความสมบูรณ์ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกในพื้นชุ่มน้ำระดับโลกแห่งแรกของเมืองไทยที่ “ทะเลน้อย” นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือชมดอกบัวแดง หรือดูวิถีควายน้ำแห่งเดียวในประเทศใช้ชีวิตแหวกว่ายอยู่อย่างมีความสุข เรื่อยไปจนถึงติดตามดูนกหลายสายพันธุ์โบยบินไปมา อย่างเช่น นกกาบบัว นกอีโก้ นักดูนกทั้งหลายถ้าต้องการเห็นนกนับหมื่นตัวในทะเลน้อยต้องไปในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี
แหล่งท่องเที่ยวโดน ๆ แห่งอื่นก็มี “นาโปแก” ท้องทุ่งนากว้างใหญ่ของภาคใต้เมืองพัทลุง เป็นอีกมุมใหม่ที่สะดุดตา สามารถไปนั่งอยู่ในศาลาพื้นบ้านหรือกระท่อมกลางทุ่งนาสูดอากาศบริสุทธิ์ได้ทุกวัน
จากนั้นก็ออกไปชม “ตลาดป่าไผ่สร้างสุข” เปิดให้นักท่องเที่ยวนำข้าวปลาอาหารไปนั่งปิกนิค เลือกทำเลตามชอบในแบบส่วนตัว เลือกซื้ออาหารท้องถิ่นมารับประทานได้ ภายในบริเวณตลาดแห่งนี้จะมีร้านขายอาหาร พื้นที่พักผ่อน และกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้เล่นเพลิน ๆ อย่างปลอดภัย โดยเน้นการรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวร่วมมือกันงดใช้พลาสติก ลด โลก เลอะ ตามแคมเปญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เมื่อถึงเวลาพัก อย่าลืมแวะไปท่องเที่ยวเมืองรองแหล่งยอยักษ์ นกหลากสายพันธุ์ สัตว์น้ำนานาชนิด ได้“ชุมชนบ้านปากประ ทะเลน้อย ทุ่งนากว้างโปแก และตลาดปิกนิคป่าไผ่ ในพัทลุง ยินดีต้อนรับผู้มาเยือนทุกเวลา
@ป้องกันผมร่วงด้วยการสระผมให้ถูกวิธี
คนส่วนใหญ่คงเจอกับปัญหาผมหลุดร่วงตอนหวีผม หรือสระผม ที่หลุดล่วงออกมาเป็นกอง แต่ถ้าสระและบำรุงผมอย่างถูกวิธีก็จะช่วยลดปัญหาผมหลุดร่วงให้น้อยลงได้ ดังนี้
1. หวีผมก่อนสระผมทุกครั้ง เพื่อไม่ให้พันกันในระหว่างสระ จนขาดหลุดร่วงได้
2. ล้างผมด้วยน้ำเปล่าออกก่อน แล้วใช้แชมพูสระผมเพื่อทำความสะอาดในขั้นตอนต่อไป
3. ใช้น้ำอุณหภูมิห้องปกติ ไม่ร้อนไปหรือเย็นไป ป้องกันหนังศีรษะแห้งและสูญเสียน้ำมัน อาจจะทำให้เกิดรังแคได้ ทำให้ผมขาดความชุ่มชื้น และเส้นผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย
4. ไม่สระผมบ่อยเกินไป เพราะจะไปล้างน้ำมันบนหนังศีรษะจนทำให้ผมแห้ง
5. นวดหนังศีรษะเบาๆ ในขณะที่สระผมควรใช้ปลานิ้วนวดเบาๆ เพือให้สารบำรุงผมต่างๆ ซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดี และยังเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
6. ใช้ผ้าขนหนูซับเบาๆ ที่ถูกต้องคือใช้ผ้าลูบจากด้านบนลงด้านล่างทางเดียวกับเส้นผม
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ปี’61ไทยกวาดรางวัลท่องเที่ยวเอเชีย-โลกเพียบ”
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยกวาดรางวัลทางด้านท่องเที่ยวในเวทีโลกเพียบ
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา เปิดเผยว่า ล่าสุด ในเวที Travel Bulletin, STAR AWARDS 2018 ครั้งที 22 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ประเทศไทยได้รับการโหวตครองแชมป์ประเภท Star Cultural and Herritage Holidays Destination และและอันดับ 2 ประเภท STAR ONLINE Training Course เป็นประเทศเดียวในเอเชีย ที่ไดัรับรางวัล Travell Bullet
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้เป็นผู้แทนประเทศไทยรับรางวัลในเวที Business Traveller Asia-Pacific Awards 2018 ณ โรงแรม Island Shangri-La Hong Kong ฮ่องกง ปี 2561 กรุงเทพฯ คว้ารางวัล The Best Leisure City in Asia-Pacific Awards ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยผลโหวตของผู้อ่านและผู้เข้าชมเว็บไซต์ของนิตยสาร Business Traveller ทั่วโลกกว่า 100,000 คน ส่วนเอกชนไทย Grand Hyatt Erawan ได้รับรางวัล Best Business Hotel in Bangkok
สำหรับนิตยสาร Business Traveller ซึ่งมีกลุ่มนักธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย มียอดจำหน่ายกว่า 300,000 เล่ม และมีผู้เข้าชมเว็บไซต์จากทั่วโลกกว่า 10 ล้าน คน ที่ผ่านมาไทยได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่องในประเภทต่างๆ กันทั้ง Cities, Hotels, และ Airlines
ข่าวที่ 2 “บินไทยเริ่มใหม่กรุงเทพฯ-โอกาซาถึง20ก.ย.”
เรืออากาศเอก ปรารถนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคงและมาตรฐานการบิน บริษัท การบินไทยฯ เปิดเผยว่า การบินไทยทยอยกลับมาบริการบิน ไป-กลับ โอซาก้า ญี่ปุ่น หลังจากท่าอากาศยานคันไซประกาศให้บริการเฉพาะทางฝั่งใต้ของสนามบิน ระหว่าง 14-20 กันยายน 2561 ประกอบด้วย
เที่ยวบินที่ทำการบินทุกวันตามปกติ ได้แก่ TG 672 ออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 08.25 น. TG 673 ออกจากท่าอากาศยานคันไซ เวลา 17.35 น. (เวลาท้องถิ่น)
เที่ยวบินวันเว้นวันจนถึง 20 กันยายน 2561 ได้แก่ TG 622 ออกจากท่อากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 23.30 น. บิน 14, 16, 18 กันยายน TG 623 ออกจากท่าอากาศยานคันไซ เวลา 11.45 น. (เวลาท้องถิ่น) บินวันที่ 15, 17, 19 กันยายน นี้
โดยแนะนำวิธีการเช็คอิน คันไซ ด้วยระบบออนไลน์ล่วงหน้า24 ชั่วโมง ทาง www.thaiairways.com และแอปพลิเคชัน THAI Mobile บนระบบ iOS และ Android และเผื่อเวลาในการเดินทางก่อนเที่ยวบินออกประมาณ 3 ชั่วโมง
ข่าวที่ 3 “บินไทยรุกหารายได้คาร์โก้โต2หลัก”
นายดำรงค์ชัย แสวงเจริญ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าว่า ได้จัดสัมมนาผู้จัดการขายระวางสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ประจำสถานีทั่วโลก ประจำปี 2018 (Cargo and Mail Sales System-wide Meeting 2018) ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้เติบโตให้ถึงสองหลัก สถิติ 6 เดือนแรกปี 2561 คาร์โก้การบินไทย ทำรายได้ 1,349 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 12%
ข่าวที่ 4 “หน้าดอนเมืองปิดถนน-สะพานข้ามถึง-17ก.ย.”
กรมทางหลวง รายงานว่า ประกาศปิดการจราจรหน้าสนามบินดอนเมือง ระหว่าง 14-17 กันยายน นี้ เวลา22.00-04.00 น.จึงแนะนำให้ใช้โทลเวย์ พร้อมแจ้งยกเลิกการใช้สะพานลอยคนเดินข้ามหน้าวัดดอนเมืองด้วยช่วงวันที่ 14 – 30 กันยายน 2561 จึงขอให้เบี่ยงไปใช้ช่องทางหลักขาออกแทน และถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออกจะทำการปิดช่องทางหลักชั่วคราว ระหว่าง กม. 24+000 – 24+300 ให้ใช้ช่องทางคู่ขนานขาออกหน้าวัดดอนเมืองแทน
เนื่องจากขณะนี้กรมทางหลวงต้องเดินหน้าทำโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) ฝั่งขาออก บริเวณสะพานเข้าท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเพิ่มช่องจราจรทางตรง เป็น 3 ช่องจราจร เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางและลดปัญหาการจราจรหนาแน่นบริเวณดังกล่าว เนื่องจากลักษณะเส้นทางที่มีอยู่เดิมเป็นคอขวดนั้นโดยกำหนดแล้วเสร็จประมาณสิ้นเดือนตุลาคม 2561
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
กทม.หนุนขายทัวร์ในเทศกาลเที่ยวเมืองไทย
คิงเพาเวอร์ชูหนังกล้าก้าว-วิ่งช่วยรพ.ศิริราช
ททท.เทจัด13งานถิ่นเที่ยวเมืองรองปลายกย.
บางจากจัดประกวดแผนธุรกิจCSRโชว์ญี่ปุ่น
ทอท.โหมพีอาร์แผนแม่บทลงทุน 6สนามบิน
รัฐดันTCEB4เรื่องขึ้นผู้นำโกย2.2แสนล้าน
เที่ยวยอยักษ์-ทะเลน้อยเมืองรองในพัทลุง
ไม่อยากผมร่วงต้องรู้6วิธีสระอย่างถูกต้อง
ไทยกวาดรางวัลท่องเที่ยวระดับโลกเพียบ
บินไทยเริ่มใหม่กรุงเทพ-โอซากาถึง20ก.ย.
คาร์โก้บินไทยฮึกเหิมปั๊มรายได้โต 2 หลัก
หน้าดอนเมืองปิดถนน/สะพานถึง 17 ก.ย.
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ อ่านที่ www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ฟังข้อมูลเข้มกับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแถวใหม่ตลาดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้อนรับปีงบประมาณ 2562 จริงจังกับการลุยทำโปรเจ็กต์สร้างกระแสใหญ่เที่ยวอย่างรับผิดชอบ 55 เมืองรอง 22 เมืองหลัก รอฟังข่าวดี ผู้ว่าฯ กทม. หนุนงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” มกราคม 2562 ซื้อขายแพกเกจท่องเที่ยวได้ ส่วนนโยบายรัฐผลักดันเปิดสำนักงาน ททท.ใหม่ ภายในประเทศให้ครบ 76 จังหวัดนั้น ต้องใช้หลักสมดุลไม่แย่งนักท่องเที่ยวกันเป็นหลักพิจารณา หลัง ททท.ทยอยเปิดเพิ่มแล้ว 5 เมืองรองสำคัญ ครบ 40 สำนักงาน
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) |
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า พร้อมเดินหน้าแผนปฏิบัติการตามนโยบายของรัฐบาลในการกระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ช่วงที่ผ่านมาเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวครึ่งปีแรกมีไม่ต่ำกว่า 40 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นประมาณ 10% พื้นที่หลัก ๆ ได้แก่ สตูล จันทบุรี ระยอง ประการสำคัญสุดแรงกระตุ้นจากมาตรการนำค่าใช้จ่ายเที่ยวเมืองรองปีละ 15,000 บาท ไปลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา สร้างแรงจูงใจให้คนออกมาเดินทางท่องเที่ยวสู่เมืองรองมากขึ้น
พอเข้าสู่ปีงบประมาณใหม่ 2562 เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม ปีนี้เป็นต้นไป ททท.เตรียมจัดทำโครงการพิเศษ เช่น ไทยเที่ยวไทย การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สนับสนุนให้เข้าไปเที่ยวเมืองรองอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการทำกิจกรรมพิเศษ สร้างการใช้จ่ายเงิน และการสร้างสมดุลด้วยจุดแข็งของอัตลักษณ์ท้องถิ่นนั้น ๆ โดยเฉพาะในไฮไลต์ 2 ช่วง คือ ลอยกระทง เดือนพฤศจิกายน และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เดือนธันวาคมต่อเนื่องมกราคมปีหน้า จะสานต่อการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เคาน์ดาวน์เมืองรอง ซึ่งปีที่ผ่านมาเคยนำร่องทำ สกลนคร กาญจนบุรี นครศรีธรรมราช เชียงราย จะเป็นอีกจุดที่ ททท.จะเข้าไปสนับสนุนให้เกิดความตื่นตัวมากขึ้น
การผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในด้านหลัก ๆ คือ 1.เมื่อพัฒนาแล้วจะต้องไม่ส่งผลกระทบเชิงลบหลังเข้าไปส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยว ขณะนี้คนส่วนใหญ่หันมาสร้างกระแสเที่ยวเมืองรอง 2.การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว รวมทั้งขับเคลื่อนโปรเจ็กต์ทางสังคมหรือซีเอสอาร์ด้วยโปรเจ็กต์ “ลด โลก เลอะ” ด้วยปริมาณขยะเพิ่มมากขึ้นทั้งบนบกและทะเล ทำให้สัตว์น้ำเสียชีวิตจากพลาสติก โดยได้นำร่องประกาศปฏิญญาลดโลกเลอะรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนลดใช้พลาสติกในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเหลือ 50 % ภายในปี 2563
ปี 2562 ททท.ตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ททท.จะเดินหน้าบทบาทใหม่ทำการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบอย่างจริงจังเป็นรูปธรรมมากขึ้น จะร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องและทุกคนในห่วงโซ่อุปทาน ทำให้เห็นถึงการได้รับประโยชน์ร่วมจากสิ่งที่ได้ทำ ทั้งเจ้าของทรัพยากรในชุมชนได้ผลดีด้วย ททท.อาสานำธงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ทำให้เกิด 3 ส่วนตามมาคือ สิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ เติบโตดีขึ้นตามไปด้วย
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องการขานรับนโยบายล่าสุดที่จะให้เพิ่มสำนักงาน ททท.ในประเทศครบทุกจังหวัดนั้น ต้องขอบคุณภาครัฐและเอกชนแสดงความต้องการให้ ททท.เข้าไปเปิดพื้นที่ในฐานะนักการตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพท่องเที่ยวช่วยลดความเหลื่อมล้ำและการตลาดอย่างสมดุลได้ ตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่ง ททท.มีสำนักงาน 30 แห่ง แล้วทยอยเปิดเพิ่ม 5 แห่ง ได้แก่ บุรีรัมย์ ต้อนรับโมโตจีพี จันทบุรี เชื่อมโยงระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) สตูลที่ได้รับการประกาศจากยูเนสโก้ให้เป็นเมืองจีโอปาร์คระดับนานาชาติ น่าน และราชบุรี
ในเวลานี้ไม่จำเป็นจะต้องมีสำนักงาน ททท.ครบทุกจังหวัด เพราะหากเปิดสำนักงานมากไปกว่านี้ ก็อาจจะเกิดการแย่งชิงนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น ควรจะรักษาความสมดุลปัจจุบันไว้ แล้วให้สำนักงานที่มีอยู่ปัจจุบันสามารถทำงานโดยสร้างความพึงพอใจให้แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี
ดร.ยุทธศักดิ์ย้ำว่า หากประเมินจากสถานการณ์ตลาดปัจจุบันมีสำนักงาน ททท.ในประเทศ 40 จังหวัด ก็เพียงพอ แต่ก็ต้องศึกษาเพิ่มเติมในกรณีที่รัฐบาลต้องการให้บุกท่องเที่ยวเมืองรอง เช่น สกลนคร มีความน่าสนใจ ต้องคำนึงถึงการเข้าถึง หรือขอนแก่นมีสนามบินสามารถกระจายนักท่องเที่ยวระบายไปยังสกลนครและมหาสารคาม ได้
ส่วนการเตรียมจัดมหกรรมใหญ่แห่งปี เทศกาลเที่ยวเมืองไทย จัดประจำช่วงมกราคมของทุกปี ที่สวนลุมพินี กรุงเทพฯ ซึ่งกลายเป็นงานที่ทุกคนรอคอยพบกับสินค้าจาก 5 ภูมิภาค ที่ได้นำมาเสนอ ทั้งอาหารพื้นบ้าน สินค้าโอท็อปต่าง ๆ
ปี 2562 ต้องหันไปพิจารณาถึงการเลือกจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยตั้งแต่ต้นปี มีเหตุผลที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศเดินทางท่องเที่ยวในช่วง 11 เดือนข้างหน้าตลอดทั้งปี จึงจะต้องชูเนื้อหาเมืองรองมากขึ้น นำเสนอไฮไลต์ที่นำมาโชว์แล้วต้องดึงดูดคนเดินทางไปเที่ยวพื้นที่จริงในบรรยากาศของเมืองนั้น ๆ
สิ่งที่ ททท.ต้องทำให้มากกว่าหน่วยงานอื่นคือ เน้นบรรยากาศให้เกิดแรงบันดาลใจชวนคนสนใจวางแผนไปเที่ยวพื้นที่จริง ภายในงานอาจจะต้องสื่อภาษาเมืองของแต่ละภาค หรือพ่อค้าแม่ขาย การแสดงวัฒนธรรมบนเวทีย่อยและใหญ่ จะต้องปลุกกระแสและแรงบันดาลใจอย่างจริงจัง
ส่วนข่าวดีคือ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ปี 2562” ทางด้าน พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร เห็นด้วยในหลักการที่จะให้นำแพกเกจท่องเที่ยวมาซื้อขายได้ภายในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยได้ แต่ก็จะต้องดูอย่างละเอียดให้แน่ใจอีกครั้งถึงการขายดังกล่าวจะไปขัดระเบียบการใช้พื้นที่สวนสาธารณะหรือไม่อย่างไร ททท.เองเข้าใจถึงคนที่เข้ามาร่วมงาน ก็ต้องการมาซื้อแพกเกจมากกว่าจะชิมอาหารเพียงอย่างเดียว ตอนนี้กฎระเบียบดังกล่าวอาจจะได้รับการผ่อนคลายลงแล้ว และจะเปิดซื้อขายแพกเกจท่องเที่ยวได้ในงานดังกล่าว
ถึงแม้จะซื้อขายไม่ได้ทันที แต่สามารถเข้ามาข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองรองและเส้นทางใหม่ ๆ ได้ตลอดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ปี 2562
สำหรับการเพิ่มความเข้มข้นในการรับมือกับสภาพอากาศในประเทศและทั่วโลกที่ผันผวนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ก็อาจจะเป็นปัจจัยทำให้คนเดินทางหรือชะลอบ้าง ดังนั้นจึงได้กำชับให้สำนักงาน ททท.ทั้งในและต่างประเทศ ดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์ทุกเรื่อง
ช่วงปลายฝนต้นหนาวปลายปีนี้ ททท.ขอเชิญชวนให้เลือกท่องเที่ยวเมืองไทยใน 55 เมืองรอง 22 เมืองหลัก ที่มีความแตกต่างกันอยู่แล้ว คนไทยที่กำลังจะตัดสินใจไปต่างประเทศ ก็ขอให้ลองหันมาพิจารณาท่องเที่ยวในประเทศก่อนเป็นอันดับแรก เพราะไทยเที่ยวไทย จะทำให้เศรษฐกิจไทยยั่งยืนนั่นเอง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์จัดกล้าก้าว-ลองรันช่วยศิริราช”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้รับเกียรติจาก ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยผู้บริหารโรงพยาบาลศิริราช เข้าร่วมในโครงการ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ที่ได้ร่วมกับก้าวคนละก้าวจัดกิจกรรมเพื่อสังคม 2 โครงการ ได้แก่
โครงการแรก เนรมิตสนามกีฬาอาคารนิมิบุตรเป็นโรงภาพยนตร์เฉพาะกิจฉายหนังเรื่อง 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว เพิ่มรอบพิเศษวันละ 4 รอบ ให้ทุกคนชมฟรี 12 รอบ กว่า 30,000 ที่นั่ง ระหว่าง 14-16 กันยายน 2561 ภายในบริเวณงานได้จัดบูธกิจกรรมมากมาย อาทิ บูธตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลศิริราช
โดยเฉพาะบูธจำหน่ายขายของที่ระลึกจากโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อหารายได้มอบโรงพยาบาลศิริราช และจัดแสดงนิทรรศการโครงการก้าวคนละก้าว ครั้งแรกที่ได้นำคอลเลกชั่นรองเท้าวิ่งของพี่ตูนที่วิ่งจากเบตงไปสู่แม่สาย 13 คู่ เสื้อวิ่งจากนักวิ่งหลัก 5 คน
โซนถ่ายรูป โซนเล่นปิงปองกับพี่ตูนงานแสดงนิทรรศการโครงการเพื่อสังคมของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และกิจกรรมแจกลูกฟุตบอลให้เด็กและเยาวชน 3,000 ลูก งานแสดงนิทรรศการของโรงพยาบาลศิริราช
โครงการที่ 2 “ลอง RUN 2018’ ชวนนักวิ่งแฟนพันธุ์แท้ของตูน บอดี้สแลมมาร่วมวิ่งระยะ 5 กม. ระหว่างวันนี้ – 30 กันยายน 2561 ใน 4 จังหวัด ได้แก่ 1.สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร รับสมัคร 2,500 คน 2.มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น 500 คน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 600 คน และมหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี 600 คน
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อหารายได้มอบให้กับอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช และนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ผู้ป่วยด้อยโอกาส
ติดตามช่องทางเพื่อร่วมบริจาคได้ทาง เฟสบุ๊คแฟนเพจหลัก ๆ ดังนี้ ได้แก่ ก้าวคนละก้าว และคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย
ข่าวที่ 2 “ททท.จัดเต็มเช็คอินเที่ยว13งานปลายก.ย.นี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ททท.ทุกสำนักงานได้จัดกิจกรรมชวนนักท่องเที่ยวทุกวัยออกไปสัมผัสความสุขตลอดเดือนกันยายน 2561 เป็นต้นไป ตามจังหวัดต่าง ๆ กว่า 13 งาน ได้แก่
งานแรก การแข่งเรือประเพณีในเมืองรอง ชมเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน จังหวัดพิษณุโลก ประจำปี 2561 ระหว่างวันเสาร์ที่ 15 - อาทิตย์ที่ 16 กันยายน นี้ บริเวณลำน้ำน่านหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร โดย ททท.ได้ส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ และเชิญชวนนักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ชมขบวนแห่ถ้วยพระราชทานไปตามถนนสายต่าง ๆ และแห่ถ้วยพระราชทานทางน้ำ พิธีทอดผ้าป่าเรือยาวพร้อมกับถวายผ้าห่มหลวงพ่อพระพุทธชินราช การประกวดกองเชียร์พื้นบ้าน
งานที่ 2 มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ เริ่ม 12 กันยายน นี้ ไปจนถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2561 ที่ศูนย์วัฒนแห่งประเทศไทย เป็นงานหนึ่งเดียวของเมืองไทยที่ได้รวมศิลปินและคณะนักแสดงระดับโลกมานำเสนอซึ่งจะมีทั้งการแสดงบัลเลต์คลาสสิค โอเปร่า และคณะนักเต้นรำที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ
งานที่ 3 ตักบาตรขนมครก ของชุมชนวัดแก่นจันทร์เจริญ ตำบลบางพรม อำเภอคนที จังหวัดสมุทรสงคราม วันที่ 17 กันยายน นี้ ตลอดงานนักท่องเที่ยวสามารถร่วมทำบุญตักบาตรขนมครก หรือชมการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน เช่น วิ่งบากขนมครกขุด และดูการสาธิตโม่แป้งแบบโบราณ ได้อย่างเต็มที่ หนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้น
งานที่ 4 รำลึก 100 ปี ชาวเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ชมการแสดงดนตรี และวัฒนธรรมพื้นบ้านรำ 4 ภาค ในบรรยากาศริมทะเล ตลอด 2 วัน ระหว่าง 19-20 กันยายน นี้ ที่เกาะสีชัง สามารถแต่งไทยย้อนยุคไปร่วมประกวดได้
งานที่ 5 ประเพณีสลากภัตร สลากย้อม ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย ของชาวเมืองลำพูน ในวันที่ 24 กันยายน นี้ เป็นอีกงานบุญที่น่าสนใจ เป็นประเพณีที่ชาวล้านนาจะจัดก่อนถึงวันออกพรรษา โดยให้ผู้หญิงเท่านั้นเป็นคนทำสลากอย่างสวยงาม เพื่อนำไปใช้แห่ต้นสลากย้อม งานนี้จัดยิ่งใหญ่ เมื่อไปถึงนักท่องเที่ยวมีจะได้ชมการแสดง แสง สี เสียง วัฒนธรรม การประกวดอ่านเส้นสลากตามประเพณณีล้านนา และการประกวดฮ่ำกะโฮง การทำบุญถวายทานตามแบบชาวพุทธ
งานที่ 6 ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง ของชุมชนเสากระโดง จัดขึ้นที่วัดทองบ่อ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 24 กันยายน 2561 เป็นกิจกรรมท้องถิ่นของชาวไทยรามัญหรือมอญแถบภาคกลางนิยมนำน้ำผึ้งไปตักบาตรพระสงฆ์ถวายเป็นยาหรือเภสัช ช่วงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ตามความเชื่อที่ว่า นอกจากใส่บาตรพระสงฆ์ด้วยอาหารคาว หวานต่าง ๆ แล้ว หากได้ตักบาตรด้วยน้ำผึ้งจะได้มีโชคมลาภด้วย
งานที่ 7 “วันส้มโอขาวแตงกวาชัยนาท” ครั้งที่ 35 ระหว่างวันนี้ – 16 กันยายน 2561 ณ บริเวณเขื่อนเรียงหิน หน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท
งานที่ 8 “ชิมอาหารถิ่น Check – In #ชัยนาทเมืองน่ารัก” ระหว่างวันที่ 15 – 16 กันยายน 2561
งานที่ 9 “เทศกาลกินหอย ดูนก ตกหมึก ชะอำ ครั้งที่ 19” ระหว่างวันนี้ - 15 กันยายน 2561 ณ บริเวณจุดชมวิวชายหาดชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
งานที่ 10 ตามรอยไดโนเสาร์...ตะลุยแดนอีสาน" ณ พิพิธภัณฑ์สิรินธร อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ระหว่าง 14 กันยายน - 14 ตุลาคม 2561 ปลุกนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มจากทั่วทุกภาค เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์แปลกแตกต่างจากท้องถิ่นอื่น ๆ
งานที่ 11 ผจญภัยหน้าฝน “Adventure in the Rain @Nakhon Nayok” วันที่ 15 กันยายน 2561 ณ บริเวณลานกิจกรรมด้านล่างเขื่อนขุนด่านปราการชล อำเภอเมือง จ.นครนายก มี 2 กิจกรรม ได้แก่ 1. ผจญภัยหน้าฝน “Adventure in the Rain @Nakhon Nayok” จัดเส้นทางการปั่นจักรยานท่องเที่ยว 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 : ปั่น - ปีน - ป่าย เส้นทางที่ 2 : ปั่น - เที่ยวเชิงนิเวศ เส้นทางที่ 3 : ปั่น – ล่องแก่งลำน้ำนครนายก 2. การแสดงดนตรี “มินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน บิ๊กแอส และ แซ็ค ชุมแพ” เลือกซื้อของฝากผลิตภัณฑ์ชุมชน อาหารถิ่นเมืองนครนายก ซื้อแพ็คเกจท่องเที่ยวและกิจกรรม โทร. 0 3731 2282, 0 3731 2284
งานที่ 12 คนรักชากาแฟต้องไม่พลาด 15 - 16 กันยายนนี้ ณ ไร่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย เข้าร่วมงานได้ตั้งแต่ 10.00 - 20.00 น. ททท. ชวนสัมผัสเสน่ห์เมืองรองแห่งชากาแฟในงาน "Best of Coffee and Tea @Chiangrai2018"พบที่สุดแห่งกาแฟสิงห์เหนือ ปะทะ เสือใต้ ชมนิทรรศการ 10 เส้นทางท่องเที่ยวจิบชา - ดื่มกาแฟที่ต้องลอง
งานที่ 13 ททท. ขอเชิญมาเที่ยวชม มินิไลท์แอนซาวด์ปราสาทหินพิมาย และจัดตลาดพิมายพันปี แวะชิม อาหารถิ่น คั่วหมี่พิมายใส่ปลาย่าง หมี่อ่อน อร่อยแซ่บนัว วันที่ 15 กันยายน /6 ตุลาคม 2561เวลา 16.00-20.00 น @ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อ.พิมาย จ. นครราชสีมา สอบถาม/สำรองที่นั่งที่ fb: nnn. โทร 044-213666
ข่าวที่ 3 “บางจากจัดประกวดแผนธุรกิจCSRโชว์ญี่ปุ่น”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ร่วมกับศูนย์ยูนูส ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Yunus Center AIT) จัดอบรมโครงการ “ประกวดออกแบบแผนธุรกิจเพื่อสังคม Bangchak Yunus and Youth Contest 2018” เชิญชวนกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรี-เอก อายุไม่เกิน 35 ปี ส่งผลงานเข้าร่วมในหัวข้อ “From Bangchak and SDGs to social business” เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลง และแก้ไขปัญหาสังคมผ่านโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม
โดยมุ่งเน้นด้านธุรกิจพลังงานทดแทนธุรกิจพลังงานจากชีวมวล สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN Sustainable Development Goals (SDGs) ซึ่งจะประกาศผลปลายเดือนกันยายน 2561 นี้ โดยผู้ชนะจะมีโอกาสได้นำเสนอแผนธุรกิจในงาน Social Business Forum Asia 2018 ณ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมรับใบประกาศนียบัตร
ข่าวที่ 4 “ทอท.ชูโปร่งใสโหมพีอาร์แผนแม่บท6สนามบิน
ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ได้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยาน ทอท.ทั้ง 6 แห่ง อย่างเป็นระบบต่อสาธารณชน เพื่อให้เห็นถึงการปรับปรุงและขยายการลงทุนนับแสนล้าน รองรับการจราจรทางอากาศในอีก 20 ปีข้างหน้า พ.ศ.2580 ประกอบด้วย
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะก่อสร้าง 5 ส่วน 1.อาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 / 2.ขยายอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน 3.ติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ 4.ก่อสร้างอาคารหลังที่ 2 และ 5.ทางวิ่งเส้นที่ 3 เพิ่มการรองรับผู้โดยสารจากปีละ 45 เป็น 60-80 ล้านคน
ท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพื่อลดความคับคั่งระยะสั้น และการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารรองรับเพิ่มจากปีละ 30 เป็น 40 ล้านคน
ท่าอากาศยานภูเก็ต ระยะที่ 2 ก่อสร้างขายอาคาผู้โดยสารระหว่างประเทศ ปรับปรุงสาธารณูปโภค ก่อสร้างลานจอดเครื่องบิน และระบบอุปกรณ์ภาคพื้น เพิ่มการรองรับจากปีละ 12.5 เป็น 18 ล้านคน
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 ก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานและอาคาร เช่น ทางขับ ลานจอดเครื่องบิน เพิ่มหลุมจอดเป็น 31 หลุม เพื่อยกระดับการรองรับจากปีละ 8 เป็น 16.5 ล้านคน
ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ก่อสร้างปรับปรุงอาคารหลังเดิม และระบบถนนภายในสนามบิน กับมาตรการรักษาความปลอดภัย
ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ก่อสร้างทางยกระดับ อาคารจอดรถ ลานจอดรถบัส ทำให้เป็นศูนย์กลางการบิน
รวมทั้ง ทอท.มีโครงการก่อสร้างเพิ่มใหม่อีก 2 สนามบิน ภูเก็ตและเชียงใหม่แห่งที่ 2 ในอนาคตปี 2565
ข่าวที่ 5 “รัฐดันTCEBผู้นำไมซ์เอเชียปี’62โกย2.28แสนล้าน”
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB/สสปน.” โดยได้ให้นโยบายเร่งทำงานเชิงรุกนำไมซ์ไทยขึ้นเป็นผู้นำอาเซียน เอเชีย และระดับโลก เพราะขณะนี้เป็นจังหวะที่ต้องรีบใช้ 4 ปัจจัยหนุน คือ
1.เศรษฐกิจภาพรวมภายในประเทศฟื้นตัวเชิงบวกต่อเนื่องติดต่อกัน
2.ไทยมีศักยภาพความพร้อมเป็นศูนย์กลางการลงทุนและการค้าในจังหวะที่จีนประกาศทำเมกะโปรเจ็กต์ One Belt One Road จากจีนลงไปถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ ผ่านไทย ผนวกกับอาเซียนมีข้อตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP
3.การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของรัฐบาลภายใต้การรีฟอร์มนโยบายเต็มรูปแบบภายในประเทศ ทั้ง ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) ซึ่งจะเป็นพอร์ตสำคัญอย่างยิ่งโดดเด่นสุดของอาเซียน เป็นประตูการนำเข้าส่งออกสินค้าให้กับกลุ่มประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม ไทย (CLMVT) ด้วย หากทำสำเร็จบุกเบิกให้เกิดก่อนจะเป็นแหล่งผลิต ศูนย์กลางการกระจายสินค้าสู่ตลาดโลก ซึ่งจะเป็นการต่อยอดอีสเทิร์น ซีบอร์ด ท่าเรือแหลมฉบัง ของไทย ขณะนี้รัฐบาลเพิ่มโครงการ 2 ฝั่งทะเล อ่าวไทย-อันดามัน จากเพชรบุรีไปจนถึงระนอง ซึ่งจะแจ้งเกิดการขยายฐานอุตสาหกรรมใหม่ รวมถึงไทยได้ก้าวไปสู่อุตสาหกรรมบริการเรียบร้อยแล้ว เห็นได้จากการท่องเที่ยวทำรายได้คิดเป็น 20 % ของจีดีพี
4.บทบาทการเมืองระหว่างประเทศของไทย ที่จะต้องทำตนเองให้มีความสำคัญต่อโลกในการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยง หรือ Connectivity HUBอาเซียน เอเชีย และทวีปอื่น ๆ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ขณะนี้การเมืองโลกยอมรับ มีความสัมพันธ์ดีเลิศกับสหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย ประเทศเพื่อนบ้าน ปี 2562 ไทยได้รับมอบหมายให้เป็นประธานอาเซียน บวกกับจะมีการเลือกตั้ง ยิ่งตอกย้ำให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างดีแน่นอน
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ เปิดเผยว่า TCEB ได้ใช้โอกาสการจัดงาน Thailand MICE Forum 2018 ยกระดับแบรนด์ให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ของโลกยุค 4.0 โดยการเดินหน้าภายใต้ 4 ภารกิจท้าทาย ประกอบด้วย
1.วางตำแหน่งของอุตสาหกรรมไมซ์ (Positioning & Ranking) ปีนี้ไมซ์ไทยติดอันดับ 6 ของเอเชีย ภายในแผน 5 ปีหน้า เริ่มตั้งแต่ปี 2565 จะผลักดันขึ้นอันดับ 4 เอเชีย โดยทำงานเชิงรุกหนักด้านประมูลสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพนำงานระดับนานาชาติมาจัดในไทย ทั้งทางด้านการลงทุน นวัตกรรม อุตสาหกรรม S-CURV ศิลปะดนตรี และอื่น ๆ
2.เป็นผู้นำเทรนด์ไมซ์ โดยกลยุทธ์สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กลุ่มผู้เข้าร่วมงาน ผสมผสานผลิตภัณฑ์ภายในประเทศด้วยการสร้างหัวข้อทางธุรกิจและการสร้างแบรนด์ และเข้าถึงความพึงพอใจของลูกค้าไมซ์ทุกกลุ่ม
3.การสนับสนุนนโยบายจากภาครัฐเพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการเดินหน้านโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากทั่วโลกเข้ามาสร้างความคึกคักในประเทศ รวมถึงการเพิ่มกิจกรรมไมซ์ในภูมิภาคทั้งอาเซียนและเอเชีย
4.กระตุ้นภาครัฐให้กระตือรือร้นในการปรับปรุงกฎกมายให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อสร้างระบบเชื่อมโยงการเข้าถึงไมซ์ได้แบบครบวงจร
ดร.อรรชกา ระบุผลการดำเนินงานของ สสปน./TCEB ไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2561 ทำให้อุตสาหกรรมไมซ์สร้างรายได้เข้าประเทศกระจายสู่ท้องถิ่นมูลค่ารวม 154,779 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดต่างประเทศ 68,898 ล้านบาท ตลาดในประเทศ 85,881 ล้านบาท มีจำนวนรวม 25.29 ล้านคน แบ่งเป็น ต่างประเทศ 9.10 แสนคน ในประเทศ 24.38 ล้านคน ปีงบประมาณ 2562 ตั้งเป้าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 228,627 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดต่างประเทศ 130,200 ล้านบาท ในประเทศ 98,427 ล้านบาท จากจำนวนรวม 40.356 ล้านคน แบ่งเป็น ต่างประเทศ 1.419 ล้านคน ในประเทศ 38.936 ล้านคน
ขณะที่การดำเนินงานตลอด 13 ปีที่ผ่านมา TCEB ได้นำงานไมซ์จากทั่วโลกเข้ามาจัดในไทยกว่า 300งาน และสนับสนุนการจัดงานในและต่างประเทศกว่า 5,000 งาน สร้างรายได้เข้าประเทศแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท
ล่าสุดปี 2560 ทีเส็บไร่วมกับผู้ประกอบการไมซ์ได้สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจในหลากหลายช่องทาง ซึ่งก่อให้เกิดการใช้จ่ายเงินกว่า 231,200 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ประชาชาติมูลค่าปีละประมาณ 173,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.1 %ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) และภาษีที่จัดเก็บจากธุรกิจไมซ์เข้ารัฐประมาณ 21,600 ล้านบาท สามารถจ้างงานได้ถึง 167,300 คน
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สสปน./TCEB กล่าวว่า วางกลยุทธ์เตรียมนำงานไมซ์ระดับนานาชาติเข้ามาจัดในไทยอีกเป็นจำนวนมากไฮไลต์คือการประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงาน Air Show ขานรับนโยบายของรัฐบาลในโครงการ EEC ที่ได้ลงทุนขยายสนามบินอู่ตะเภา ชลบุรี เป็นศูนย์กลางการบินชายทะเลตะวันออกเชื่อมโยงกัน 3 สนามกับอีก 2 สนามบินของกรุงเทพฯ คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง อยู่ระหว่างก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์ระบบรถไฟรางคู่และความเร็วสูง
ส่วนช่วงปลายตั้งแต่กันยายน-ธันวาคม 2561 เป็นต้นไป ได้นำงานไมซ์เข้ามาจัดในไทย 7 งานระดับโลก ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมงานเกือบ 100,000 คน ประกอบด้วย 1.งานอุตสาหกรรมการแพทย์ เช่น Thailand Lab International 2018 ระหว่าง 12-14 กันยายน นี้ จัดในกรุงเทพฯ จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 9,000 คน 2.งานอุตสาหกรรมดิจิตอล ระดับโลก CEBIT ASEAN Thailand 2018 จัดเป็นครั้งแรกในไทย ระหว่าง 18-20 ตุลาคม นี้ ที่กรุงเทพฯ จะมีผู้เข้าร่วมกว่า 11,450 คน 3.งานอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรมหรือ Robotics คือ WRO-World Robot Olympiad 2018 ระหว่าง 16-18 พฤศจิกายน นี้ ที่เชียงใหม่ จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน 4.งานอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ จะจัดงานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมพลังงานเพื่ออนาคตแห่งเอเชีย – Future Energy Asia 2018 ระหว่าง 12-14 ธันวาคม นี้ คาดจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 8,800 คน
ไฮไลต์ปี 2561 ยังมีอีก 3 งาน ได้แก่ 1.เทศกาลปั่นจักรยานระดับ L’Etape Thailand by Le Tour de France ระหว่าง 19-21 ตุลาคม นี้ จะมีผู้เข้าร่วมกว่า 20,000 คน 2.งานประชุมนานาชาติ PATA Destination Marketing Forum 2018 ระหว่าง 28-30 พฤศจิกายน นี้ ที่เชียงใหม่ องค์กรทั่วโลกจะเดินทางร่วมงาน 300 คน 3.งานเทศกาลไหมสากล ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่นประจำปี 2561 ระหว่าง 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม นี้
ส่วนปี 2562 เบื้องต้น จะมี 2 งานแรก ได้แก่ 1.งานประชุม SITE Global Conference 2019 ระหว่าง 11-13 มกราคม 2562 โดยไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประมูลสิทธิ์ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานนนี้ ขึ้นที่โรงแรมแชงกรี-ลา คาดจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 400 คน และ 2.งานประชุมประจำปี 86th UFI Globol Congress 2019 ระหว่าง 6-9 พฤศจิกายน 2562 เป็นไมซ์รายการใหญ่สุดของกลุ่มแสดงสินค้า (Exhibition) จัดที่ไอคอน สยาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 450 คน
ช่วงที่ 2 ตามไปเที่ยวเมืองรองต้องห้ามพลาด ในพัทลุง สัมผัสเสน่ห์ “ยอยักษ์” บ้านปากประ “ทะเลน้อย” แหล่งควายน้ำ วิถีกิน วิถีถิ่น และความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์น้ำ นกนับแสนชีวิต
@เที่ยวยอยักษ์-ทะเลน้อย วิถีถิ่นเมืองรองพัทลุง
ได้ยินและฟังเรื่องราวของ “ยอยักษ์” กับเที่ยวไทยเท่ ต่อเนื่องเกือบปี ครั้งนี้จะแนะนำให้ลองไปใช้ชีวิตคลุกวงในกับชาวบ้านเพื่อการท่องเที่ยวเมืองรองกันที่ “บ้านปากประ” อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง
ชาวบ้านในชุมชนยังอนุรักษ์วิถีดั้งเดิมในชีวิตประจำวันกับการใช้เครื่องมือหาปลาแบบโบราณในคลองขนาดใหญ่ด้วยวิธี“ยกยอยักษ์” ต้อนรับแสงแรกของทุก ๆ วัน
คลองปากประเป็นแหล่งท่องเที่ยวพื้นบ้านที่รายล้อมด้วยป่าเสม็ด มีพืชพันธุ์ท้องถิ่นทางธรรมชาติอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ให้นกนานาชนิดได้สร้างบ้านพักอาศัย โดยมีพื้นที่เชื่อมต่อกับ “ทะเลน้อย” เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัด ซึ่งสัตว์น้ำแถบนี้ได้พักพิงอยู่บ้านหลังใหญ่แห่งนี้
นอกจากการได้ไปลองเรียนรู้จากชาวบ้านปากประ ในการยกยอยักษ์หาปลามาเลี้ยงปากท้องแล้ว ยังจะได้ไปดื่มด่ำความสมบูรณ์ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกในพื้นชุ่มน้ำระดับโลกแห่งแรกของเมืองไทยที่ “ทะเลน้อย” นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือชมดอกบัวแดง หรือดูวิถีควายน้ำแห่งเดียวในประเทศใช้ชีวิตแหวกว่ายอยู่อย่างมีความสุข เรื่อยไปจนถึงติดตามดูนกหลายสายพันธุ์โบยบินไปมา อย่างเช่น นกกาบบัว นกอีโก้ นักดูนกทั้งหลายถ้าต้องการเห็นนกนับหมื่นตัวในทะเลน้อยต้องไปในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี
แหล่งท่องเที่ยวโดน ๆ แห่งอื่นก็มี “นาโปแก” ท้องทุ่งนากว้างใหญ่ของภาคใต้เมืองพัทลุง เป็นอีกมุมใหม่ที่สะดุดตา สามารถไปนั่งอยู่ในศาลาพื้นบ้านหรือกระท่อมกลางทุ่งนาสูดอากาศบริสุทธิ์ได้ทุกวัน
จากนั้นก็ออกไปชม “ตลาดป่าไผ่สร้างสุข” เปิดให้นักท่องเที่ยวนำข้าวปลาอาหารไปนั่งปิกนิค เลือกทำเลตามชอบในแบบส่วนตัว เลือกซื้ออาหารท้องถิ่นมารับประทานได้ ภายในบริเวณตลาดแห่งนี้จะมีร้านขายอาหาร พื้นที่พักผ่อน และกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้เล่นเพลิน ๆ อย่างปลอดภัย โดยเน้นการรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวร่วมมือกันงดใช้พลาสติก ลด โลก เลอะ ตามแคมเปญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เมื่อถึงเวลาพัก อย่าลืมแวะไปท่องเที่ยวเมืองรองแหล่งยอยักษ์ นกหลากสายพันธุ์ สัตว์น้ำนานาชนิด ได้“ชุมชนบ้านปากประ ทะเลน้อย ทุ่งนากว้างโปแก และตลาดปิกนิคป่าไผ่ ในพัทลุง ยินดีต้อนรับผู้มาเยือนทุกเวลา
@ป้องกันผมร่วงด้วยการสระผมให้ถูกวิธี
คนส่วนใหญ่คงเจอกับปัญหาผมหลุดร่วงตอนหวีผม หรือสระผม ที่หลุดล่วงออกมาเป็นกอง แต่ถ้าสระและบำรุงผมอย่างถูกวิธีก็จะช่วยลดปัญหาผมหลุดร่วงให้น้อยลงได้ ดังนี้
1. หวีผมก่อนสระผมทุกครั้ง เพื่อไม่ให้พันกันในระหว่างสระ จนขาดหลุดร่วงได้
2. ล้างผมด้วยน้ำเปล่าออกก่อน แล้วใช้แชมพูสระผมเพื่อทำความสะอาดในขั้นตอนต่อไป
3. ใช้น้ำอุณหภูมิห้องปกติ ไม่ร้อนไปหรือเย็นไป ป้องกันหนังศีรษะแห้งและสูญเสียน้ำมัน อาจจะทำให้เกิดรังแคได้ ทำให้ผมขาดความชุ่มชื้น และเส้นผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย
4. ไม่สระผมบ่อยเกินไป เพราะจะไปล้างน้ำมันบนหนังศีรษะจนทำให้ผมแห้ง
5. นวดหนังศีรษะเบาๆ ในขณะที่สระผมควรใช้ปลานิ้วนวดเบาๆ เพือให้สารบำรุงผมต่างๆ ซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดี และยังเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
6. ใช้ผ้าขนหนูซับเบาๆ ที่ถูกต้องคือใช้ผ้าลูบจากด้านบนลงด้านล่างทางเดียวกับเส้นผม
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ปี’61ไทยกวาดรางวัลท่องเที่ยวเอเชีย-โลกเพียบ”
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยกวาดรางวัลทางด้านท่องเที่ยวในเวทีโลกเพียบ
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา เปิดเผยว่า ล่าสุด ในเวที Travel Bulletin, STAR AWARDS 2018 ครั้งที 22 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ประเทศไทยได้รับการโหวตครองแชมป์ประเภท Star Cultural and Herritage Holidays Destination และและอันดับ 2 ประเภท STAR ONLINE Training Course เป็นประเทศเดียวในเอเชีย ที่ไดัรับรางวัล Travell Bullet
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้เป็นผู้แทนประเทศไทยรับรางวัลในเวที Business Traveller Asia-Pacific Awards 2018 ณ โรงแรม Island Shangri-La Hong Kong ฮ่องกง ปี 2561 กรุงเทพฯ คว้ารางวัล The Best Leisure City in Asia-Pacific Awards ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยผลโหวตของผู้อ่านและผู้เข้าชมเว็บไซต์ของนิตยสาร Business Traveller ทั่วโลกกว่า 100,000 คน ส่วนเอกชนไทย Grand Hyatt Erawan ได้รับรางวัล Best Business Hotel in Bangkok
สำหรับนิตยสาร Business Traveller ซึ่งมีกลุ่มนักธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย มียอดจำหน่ายกว่า 300,000 เล่ม และมีผู้เข้าชมเว็บไซต์จากทั่วโลกกว่า 10 ล้าน คน ที่ผ่านมาไทยได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่องในประเภทต่างๆ กันทั้ง Cities, Hotels, และ Airlines
ข่าวที่ 2 “บินไทยเริ่มใหม่กรุงเทพฯ-โอกาซาถึง20ก.ย.”
เรืออากาศเอก ปรารถนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคงและมาตรฐานการบิน บริษัท การบินไทยฯ เปิดเผยว่า การบินไทยทยอยกลับมาบริการบิน ไป-กลับ โอซาก้า ญี่ปุ่น หลังจากท่าอากาศยานคันไซประกาศให้บริการเฉพาะทางฝั่งใต้ของสนามบิน ระหว่าง 14-20 กันยายน 2561 ประกอบด้วย
เที่ยวบินที่ทำการบินทุกวันตามปกติ ได้แก่ TG 672 ออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 08.25 น. TG 673 ออกจากท่าอากาศยานคันไซ เวลา 17.35 น. (เวลาท้องถิ่น)
เที่ยวบินวันเว้นวันจนถึง 20 กันยายน 2561 ได้แก่ TG 622 ออกจากท่อากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 23.30 น. บิน 14, 16, 18 กันยายน TG 623 ออกจากท่าอากาศยานคันไซ เวลา 11.45 น. (เวลาท้องถิ่น) บินวันที่ 15, 17, 19 กันยายน นี้
โดยแนะนำวิธีการเช็คอิน คันไซ ด้วยระบบออนไลน์ล่วงหน้า24 ชั่วโมง ทาง www.thaiairways.com และแอปพลิเคชัน THAI Mobile บนระบบ iOS และ Android และเผื่อเวลาในการเดินทางก่อนเที่ยวบินออกประมาณ 3 ชั่วโมง
ข่าวที่ 3 “บินไทยรุกหารายได้คาร์โก้โต2หลัก”
นายดำรงค์ชัย แสวงเจริญ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าว่า ได้จัดสัมมนาผู้จัดการขายระวางสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ประจำสถานีทั่วโลก ประจำปี 2018 (Cargo and Mail Sales System-wide Meeting 2018) ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้เติบโตให้ถึงสองหลัก สถิติ 6 เดือนแรกปี 2561 คาร์โก้การบินไทย ทำรายได้ 1,349 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 12%
ข่าวที่ 4 “หน้าดอนเมืองปิดถนน-สะพานข้ามถึง-17ก.ย.”
กรมทางหลวง รายงานว่า ประกาศปิดการจราจรหน้าสนามบินดอนเมือง ระหว่าง 14-17 กันยายน นี้ เวลา22.00-04.00 น.จึงแนะนำให้ใช้โทลเวย์ พร้อมแจ้งยกเลิกการใช้สะพานลอยคนเดินข้ามหน้าวัดดอนเมืองด้วยช่วงวันที่ 14 – 30 กันยายน 2561 จึงขอให้เบี่ยงไปใช้ช่องทางหลักขาออกแทน และถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออกจะทำการปิดช่องทางหลักชั่วคราว ระหว่าง กม. 24+000 – 24+300 ให้ใช้ช่องทางคู่ขนานขาออกหน้าวัดดอนเมืองแทน
เนื่องจากขณะนี้กรมทางหลวงต้องเดินหน้าทำโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) ฝั่งขาออก บริเวณสะพานเข้าท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเพิ่มช่องจราจรทางตรง เป็น 3 ช่องจราจร เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางและลดปัญหาการจราจรหนาแน่นบริเวณดังกล่าว เนื่องจากลักษณะเส้นทางที่มีอยู่เดิมเป็นคอขวดนั้นโดยกำหนดแล้วเสร็จประมาณสิ้นเดือนตุลาคม 2561
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น