ททท.จัดบิ๊กโร้ดโชว์ทั่วไทยเฮเที่ยวภูเก็ต
ชูเทศกาลเจ-ปลุกออเจ้าอยุธยาเยือนใต้
ยกฟ้อง‘คิงเพาเวอร์’ไร้ปมดิวตี้ฟรี ทอท.
ททท.ระดมใช้แผนวิจัยอนาคตเที่ยวปี’62
โว้ก-ททท.ร่วมดันไหมมัดหมี่โกอินเตอร์
บางจาก-JCCPรุกพัฒนาหน่วยโรงกลั่น
ทอท.ลุยจ้างDBALPดีไซน์สุวรรณภูมิ2
TCEBเปิดแบรนด์ใหม่ไทยดีรีไฟน์ปี’62
ทัวร์บุรีรัมย์เรื่องเล่าผ้าภูเขาไฟสู่พนมรุ้ง
แนะกำจัดความเครียด7วิธีง่ายใกล้ตัว
ททท.เหนือจัดนอร์ธเฟสติวัล28-30กย.
แบล็คชูการ์จัดแฟชั่นเสื้อช่วยรพ.รามา
อนันตราสยามชวนชิมเมนูเจ8-17ต.ค.
รัฐสั่ง29สนามบินภูมิภาคทำประกันภัย
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 พบกับ “กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต ทุ่มจัดโร้ดโชว์ส่งท้ายปี ตั้งเป้าดึงคนไทย 5 ภาค เที่ยววิถีทะเลใต้ ใช้กระแสออเจ้าจัดบิ๊กโปรเจ็กต์ “ชวนออเจ้าเย้าเยือนภูเก็ต” ลุยกวาดลูกค้าทุกกลุ่มแถบนิคมอุตสาหกรรมพระนครศรีอยุธยา “อุดรธานี” ตะเข็บอีสานดึงตลาดเพื่อนบ้าน สปป.ลาว และหาดใหญ่รอยต่อ มาเลเซีย สิงคโปร์ ทะลักเข้ามาได้ ย้ำไทย-เทศ ไหลเข้าปีละ 14 ล้านคน แถมแอร์ไลน์แห่บินวันละถึง 60 เที่ยว โดนเสน่ห์ เมืองทะเลสวย อาหารอร่อย แหล่งท่องเที่ยวแมนเมดเทรนด์ใหม่ มัดใจจนอยู่หมัด
นางสาวกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวไทยและทั่วโลกเดินทางเข้ามายังภูเก็ตประมาณปีละ 14 ล้านคน ขณะนี้มีเที่ยวบินบริการเส้นทางจากจังหวัดต่าง ๆ ภายในประเทศ และจากต่างประเทศ เข้ามาถึงวันละกว่า 60 เที่ยว ทำให้เกิดการค้า การลงทุน และขยายแหล่งท่องเที่ยว ควบคู่กับการสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
โดยมีนักท่องเที่ยวตลาดคนไทยเข้าไปยังภูเก็ตประมาณ 30 % ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด แนวโน้มยังมีโอกาสขยายเพิ่มขึ้นได้อีกในเชิงบวก หากได้นำเสนองานเทศกาล งานแฟร์ และการพบปะกับลูกค้า ผู้ประกอบการ บริษัทคอร์ปอเรตขนาดใหญ่ ยังไม่เคยเดินทางไปยังภูเก็ตอีกจำนวนมาก จึงต้องการรุกเจาะเพิ่มลูกค้าคนไทยเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี
ขณะนี้เตรียมจัดเทศกาลถือศีลกินผักหรือเจยิ่งใหญ่กว่าทุกปี ระหว่าง 9-17 ตุลาคม 2561 โดยทางศาลเจ้าหรืออ๊ามทั่วจังหวัดภูเก็ตพร้อมจัดกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะศาลเจ้าขนาดใหญ่ทั้งบริเวณตัวเมืองและอำเภอกระทู้
ส่วนห้องพักโรงแรมมีให้เลือกจำนวนมากมีหลักแสนห้องต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาล ซึ่งจะต้องรีบเข้าไปจองเพราะตามปกติจะมีอัตราการเข้าพักตลอดเทศกาลสูงถึง 90 % จึงขอแนะนำให้เลือกจองพักโรงแรมในเขตอำเภอเมือง ขณะนี้มีแหล่งท่องเที่ยววิถีชีวิตให้เดินชมเมือง เป็นอีกบรรยากาศในระหว่างการพักผ่อน
ตลอดเทศกาลเจภูเก็ตจะได้นำอาหารถิ่นมาให้นักท่องเที่ยวสัมผัสความอร่อยและสร้างการรับรู้เมนูยอดนิยม ซึ่ง ททท.ได้จัดรถโคท้อรถประจำทางสาธารณะอัตลักษณ์ของภูเก็ตบริการนักท่องเที่ยวฟรีเพื่อเข้าร่วมเทศกาลและท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เพียงแค่เข้าไปลงทะเบียนกับสำนักงาน ททท.ภูเก็ต
จากนั้นจะมีการเปิดฤดูท่องเที่ยวภูเก็ต จัดงาน “หยุดโลก”ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 ชวนไปเที่ยวทะเลอันดามันที่สวยงามเริ่มตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
ส่วนการเจาะตลาดคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศที่ภูเก็ตนั้น ททท.ภูเก็ต ได้จัดทำโร้ดโชว์จัดทำโครงการ “ชวนออเจ้าเย้าเยือนภูเก็ต” โดยนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวมาจับคู่เจรจาธุรกิจกับกลุ่มผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมโรงงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีงบประมาณให้รางวัลพนักงานเดินทางท่องเที่ยวฟรี (incentive) ทั้งระดับผู้บริหาร แขกของบริษัท และพนักงานโรงงาน เดิมจะเดินทางเฉพาะทะเลใกล้ ๆ กรุงเทพฯ บริเวณภาคตะวันออก พัทยา ชลบุรี ระยอง ตราด หรือภาคกลางก็แถบชะอำ เพชรบุรี หัวหิน
การทำโร้ดโชว์ของภูเก็ตจึงเป็นอีกทางเลือกในการท่องเที่ยวเมืองชายทะเลภาคใต้ที่ไม่ไกลจากพระนครศรีอยุธยา เพราะสามารถใช้เวลาเพียงขับรถมาสนามบินดอนเมือง 1 ชั่วโมง นั่งเครื่องบินแบบประหยัดอีก 1 ชั่วโมง ก็สามารถไปถึงภูเก็ตได้แบบง่าย ๆ สบาย ๆ ทว่าความสวยงามของทะเลอันดามันกับอ่าวไทยก็แตกต่างกัน
รวมทั้งยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เช่นตุลาคมของทุกปีจะมีเทศกาลถือศีลกินผัก และตลอดทั้งปีก็มีท่องเที่ยวชุมชนมุมใหม่ ๆ อาทิ ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ชุมชนท่าฉัตรไชย และอื่นๆ แต่ละแห่งจะมีวิถีพื้นถิ่นที่นักท่องเที่ยวเข้าร่วมได้
มีแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขื้นหรือ Man Made โครงการใหม่ ๆ ที่กำลังมาแรงตอนนี้คือ “ถลางมณีฟาร์ม” อยู่อำเภอถลาง เป็นศูนย์รวมวิถีชีวิต ย่อส่วนประเทศไทยทั้งหมดมาไว้ในฟาร์มแห่งนี้ อาทิ สงกรานต์ ลอยกระทง ให้นักท่องเที่ยวชมทุกวัน นอกเหนือจากการดูโชว์อลังการของ ภูเก็ตแฟนตาซี สยามนิรมิต
ผอ.กิตติกากล่าวว่า การนำเสนอจุดขายภูเก็ตในงานโร้ดโชว์ในพระนครศรีอยุธยา จุดประสงค์หลักคือขายแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ผนวกเข้ากับเรื่องใหม่ วิถีกิน วิถีถิ่น ตามที่ภูเก็ตได้รับการประกาศจากยูเนสโก้ห้เป็นเมืองแห่งอาหารการกินหรือ Gastronomy Route มาตั้งแต่ปี 2558
นอกจากอาหารทะเลแล้ว ยังมีอาหารฮกเกี้ยน ติ่มซำ บักกุยเต๋ และอาหารพื้นเมืองแกงใต้ต่างจังหวัดอื่น ๆ เช่น เส้นหมี่แกงโปคือแกงกะทิใส่เนื้อปูเป็นก้อน แกงหมูฮ้อม แกงส้มปลาใส่กระโชนลักษณะคล้ายบอน กุ้งล็อบสเตอร์
หลังจากนั้นก็ไปทำกิจกรรมการท่องเที่ยวกับชุมชน เช่น ท่าฉัตรไชยจะมีโปรแกรมนำนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงล็อบสเตอร์ หรือจะไปทดลองกรีดยาง และอีกหลายอย่างซึ่งเป็นวิถีดั้งเดิมของคนภูเก็ต ซึ่งนักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสความเป็นท้องถิ่นได้ด้วย ซึ่งเป็นมุมใหม่ที่นักท่องเที่ยวคนไทยด้วยกันก็อาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน
ส่วนการทำโร้ดโชว์ดึงนักท่องเที่ยวในประเทศเข้าภูเก็ต พุ่งเป้าที่จังหวัดอุดรธานี จะได้หนองคาย และ เวียงจันทน์ สปป.ลาว ด้วย ที่ผ่านมาทำแล้วประสบความสำเร็จ ส่วนภาคใต้ทำในหาดใหญ่ ก็มีมาเลเซีย สิงคโปร์ ตามมาด้วย เพราะการเดินทางสะดวก โดยสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส บินประจำทุกวัน ระหว่าง หาดใหญ่-ภูเก็ต
สำหรับการบูมกิจกรรมช่วงปลายปี 2561 เตรียมจัดงานเทรนด์ขนาดใหญ่ อาทิ Rock Tournament ซึ่งมีนักท่องเที่ยวหลากหลายจากทั่วประเทศ ภาคเหนือ กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก ภาคใต้ มีกำลังการจ่ายสูงเรื่องการกิน ดื่ม ช่วงพฤศจิกายน นี้ เชิญชวนคนรักกีฬามาร่วมวิ่งตามชุมชนรักธรรมชาติ โดยมีโรงแรม กลุ่มชมรม สมาคม ต่าง ๆ จัดงานวิ่ง มีคนไทยและต่างชาติเข้าร่วมจำนวนมากเป็นประจำ เป็นการกระตุ้นท่องเที่ยวเชิงกีฬา สามารถดึงรายได้กระจายเข้าท้องถิ่นชุมชนได้มากขึ้นนั่นเอง
ข่าวที่ 1 “ศาลฯกลางยกฟ้องคิงเพาเวอร์เรียบร้อยแล้ว”
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษา รายงานคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 โดยยกฟ้องคดีที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กล่าวหาผู้บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เอื้อประโยชน์ให้คิง เพาเวอร์จ่ายค่าตอบแทนไม่เป็นไปตามสัญญา
ด้วยเหตุผลหลัก ๆ คือนายชาญชัยไม่มีอำนาจฟ้อง และไม่ใช่ผู้รับผลกระทบจากเหตุการณ์และจึงไม่สามารถที่จะทำการฟ้องคดีดังกล่าวได้
สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2560 ตามที่นายชาญชัยเชื่อว่า คิง เพาเวอร์ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เปิดร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินตั้งแต่ปี 2549 จ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐบาลไม่ตรงตามสัญญาร้อยละ 15 ของรายได้ โดยจ่ายเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ออกมาอธิบายถึงรายละเอียดการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนตามเงื่อนไขตามสิทธิที่ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะการประมูลดำเนินการธุรกิจดิวตี้ฟรี ในส่วนร้อยละ 15 นั้น เป็นส่วนของพื้นที่ส่งมอบสินค้า ณ สนามบิน หรือ pick up counter ซึ่งได้จ่ายเกินครบถ้วนร้อยละ 3 จากยอดที่ระบุในเงื่อนไขข้อตกลงครบถ้วน สามารถตรวจสอบเอกสารได้ทุกขั้นตอนทุกประการ
ข่าวที่ 2 “ททท.สัมมนาแผนอนาคตท่องเที่ยวปี62”
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าเปิดสัมมนา “ท่องเที่ยวไทย เดินหน้าสู่อนาคต -Tomorrow’s Tourism : The Future is Now เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ทั้งการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์และแสวงหาประโยชน์บนพื้นฐานของข้อมูลงานวิจัย ซึ่งทำงานโดยศูนย์พัฒนาวิชาการด้านการท่องเที่ยว (TAT Academy) ททท.เป็นศูนย์กลางความรู้ด้านตลาด การท่องเที่ยว รวมทั้ง สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ภายในงานได้เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว และการจัดแสดงผลงานวิจัยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทย รวมถึงเอกสารเผยแพร่ทางวิชาการด้านการตลาดการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง ททท.และองค์กรเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกภาคส่วน จะได้ขับเคลื่อนการเติบโตร่วมกันโดยมีทิศทางอย่างชัดเจนในปี 2562
ข่าวที่ 3 “ททท.ผนึกโว้กยกระดับหมัดหมี่ลพบุรีโกอินเตอร์”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้จัดทำกิจกรรมยกระดับดีไซเนอร์หน้าใหม่แฟชั่นผ้าไทย ด้วยการสนับสนุน “โว้ก ประเทศไทย” จัดโครงการ “VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2018” เฟ้นหาดีไซเนอร์เลือดใหม่ที่มีผลงานการออกแบบและวางแผนธุรกิจโดดเด่น เปิดเวทีผลิตนักธุรกิจแฟชั่น ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
โครงการนี้ได้คัดเลือกดีไซเนอร์ผ้าไทยไหมมัดหมี่ ลพบุรี ที่เข้ารอบสุดท้าย 10 จากผู้เข้าแข่งขันกว่า 100 ราย มาจัดแสดงผลงานการออกแบบของตนเอง เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 ณ แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน โดยมี 10 แบรนด์ที่ผ่านการคัดสรรจากคณะกรรมการ ได้แก่ Salisa (สริสา) Valentier (วาเลนเทียร์) Pattricia A. Garde (แพททริเซีย เอ. การ์ด) Clothiers Ekamai (โคลเทียร์ส เอกมัย) Grounder (กราวด์เดอร์) Renim Project (รีนิม โปรเจคต์) SSAP(เอส เอส เอ พี) Jee’s Jewelry (จีส์ จิวเวลรี) Repleat (รีพลีต) และ 2553
ข่าวที่ 4 “บางจากควงJCCPลุยบำรุงหน่วยกลั่นครบวงจร”
นายเฉลิมชัย อุดมเรณู รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจโรงกลั่น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) กับ Mr.Eiji Hiraoka, Senior Executive Director, JCCP (Japan Cooperation Center Petroleum) เดินหน้าโครงการ Technical Collaboration for Improvement of Maintenance and Operation ซึ่งเป็นความร่วมมือทางด้านเทคนิค เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบำรุงรักษาหน่วยกลั่นในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก
โดยมีผู้ดำเนินโครงการโดยบริษัท Cosmo Oil (ประเทศญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของ JCCP เป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบางจากกับ JCCP เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านปิโตรเลียมและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
ข่าวที่ 5 “บอร์ดทอท.อนุมัติจ้างDBALPออกแบบสุวรรณภูมิ2ได้”
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานประธานกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) "ทอท." เปิดเผยว่าบอร์ดเมื่อวันพุธที่ 19 กันยายน 2561 ได้รับทราบพร้อมเห็นชอบให้ฝ่ายบริหาร ทอท.ดำเนินการทำข้อตกลงจ้าง บริษัท ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก้-อีเอ็มเอส-โปรเจ็กต์คอนซัลติ้ง ผู้ชนะการประมูลงานสำรวจออกแบบการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 ได้ พร้อมทั้งเดินหน้าทำให้แล้วเสร็จเพื่อเปิดใช้ตามกำหนดเวลาปี 2564
สาเหตุที่บอร์ด ทอท.มีมติยืนหลักการให้จ้าง บริษัท ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก้-อีเอ็มเอส-โปรเจ็กต์คอนซัลติ้ง เนื่องจากเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของ บริษัท แสปน คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท ไซน์-เทค เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ระงับการพิจารณาอนุมัติหรือเห็นชอบให้ผู้ชนะการประกวดราคารับจ้างสำรวจออกแบบอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และขอให้คุ้มครองชั่วคราว เรื่องคำสั่งก่อนหน้านี้ที่บอร์ดพิจารณาอนุมัติหรือเห็นชอบผู้ชนะการประกวดแบบและราคา
ขั้นตอนหลังบอร์ด ทอท. มีมติให้ ทอท.ลงนามสัญญาจ้างสำรวจออกแบบฯ ได้ภายในกันยายน 2561 และเร่งออกแบบก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 10 เดือน เพื่อจะนำแบบไปประมูลงานให้เริ่มการก่อสร้างได้ปลายปี 2562 กำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2564 เพื่อให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีกปีละ 30 ล้านคน
ข่าวที่ 6 “TCEBเปิดแบรนด์ใหม่ Thailand : Redefineรุกไมซ์ปี62”
นางนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการสายงานธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า ในแผนธุรกิจไมซ์ปี 2562 วางกลยุทธ์เปิดตัวแบรนด์ใหม่ Thailand : Redefine your Business Events เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จทั้งการปฏิรูปองค์กร แนวคิด การทำงานร่วมกันกับภายในและภายนอกองค์กรทั้งระดับประเทศและทั่วโลก โดยสื่อสารผ่านกลยุทธ์ แคมเปญ การตลาด อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ไทยมีขีดความสามารถทางการแข่งขันติด 1 ใน 5 ผู้นำไมซ์เอเชีย ซึ่งขณะนี้ไทยครองแชมป์ตลาดคอนเวนชั่นและเอ็กซิบิชั่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปี 2562 จะต้องเร่งขึ้นอันดับต้น ๆ ในเอเชีย โดยจะเพิ่มความเข้มข้นเรื่องคุณภาพ และการประมวลตัวเลขผลตอบแทนการลงทุน (Return of investment : ROI) เพื่อลงลึกถึงการเพิ่มยอดกลุ่มนักลงทุนชัดเจน สอดคล้องกับนโยบายของขยายพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) และพื้นที่เลียบทะเลอ่าวไทย ไทยแลนด์ ริเวียร่า จากเพชรบุรี-ชุมพร-ระนอง โดยจะมีเมกะโปรเจ็กต์ไร้พรมแดนของสาธารณรัฐประชาชนจีน One Belt One Road ระบบโลจิสติกส์ บก-น้ำ-อากาศ เข้ามาเสริมทัพ รวมทั้งการเป็นเกตเวย์ของกลุ่มประเทศดาวรุ่งใหม่ CLMV
การพัฒนาทั้งภายในประเทศของไทยกับจากการเชื่อมโยงของด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจะขยายผลมายังการดึงดูดเม็ดเงินลงทุน ในแถบ EEC ของ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมดาวรุ่งหรือ S-CURV เติบโตตามขึ้นมาอีกมากมาย เป็นโอกาสและจังหวะของ สสปน./TCEB ที่จะขยายธุรกิจเพิ่มรายได้กระจายสู่จังหวัดต่าง ๆ ลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล
นางนิชาภา กล่าวว่า ปี 2562 จะต้องนำไมซ์ของประเทศไทยก้าวไปพร้อม ๆ กับ 6 เทรนด์โลก ได้แก่
1.แนวโน้มตลาดผู้สูงวัยจะเพิ่มขึ้นเป็นตลาดขนาดใหญ่จึงต้องสร้างสรรค์งานให้โดนใจตลาดดังกล่าว
2.วิกฤตของสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงมีความเสี่ยงในการเดินทางประชุม สัมมนา จัดงาน จึงต้องให้ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดงานเสนอถึงมาตรการความปลอดภัย
3.การขยายตัวของเทคโนโลยีดิจิตอลเติบโตแบบไร้พรมแดน สสปน.จึงต้องร่วมือกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และ กระทรวงดิจิตอล สร้างสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการธุรกิจไทย ให้เข้าสู่โลกยุคไซเบอร์ได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งมีทั้ง เทคโนโลยี ดิจิตอล และอินโนเวชั่น
4.สถานการณ์ก่อการร้าย ที่กำลังเกิดขึ้น ก็เป็นอีกเทรนด์ที่ไมซ์จะต้องวางมาตรการร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องและสถานที่จัดงานเพื่อป้องกันทางด้านความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
5.พลังการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหรือโลจิสติกส์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผนวกับเป็นเกตเวย์ของกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ซึ่งพร้อมจะเติบโตเป็นดาวรุ่งของเอเชีย
6.กระแสความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งเป็นจังหวะและโอกาสอันดีที่ไทยและผู้ประกอบการไมซ์วางรากฐานสร้างความยั่งยืนมาตั้งแต่แรก จึงทำให้นานาประเทศหันมาสนใจเลือกไทยเป็นศูนย์กลางการจัดไมซ์ระดับนานาชาติ
ขณะนี้ตลาดไมซ์ต่างประเทศ กลุ่มประชุมและอินเซ็นทีฟ (Meeting -Incentive :MI) ปีนี้ TCEB ทำให้ไทยมีส่วนแบ่งตลาดภูมิภาคเอเชียเติบโตปีละกว่า 5.6 % โดยอินเซ็นทีฟจากจีนมาไทยเติบโตทั้งรายได้และจำนวนคนมากกว่า 50% โดยมีอินเดียกับอินโดนีเซียตามมาติด ๆ ส่วนตลาดคอนเว็นชั่น เร่งจับมือกับไทยทีม สมาคม และซัพพลายเออร์ ชิงประมูลงานเข้ามาจัดในไทยเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีเทรนด์ offshore Convention ใหม่ ๆ เกิดขึ้นที่น่าสนใจขณะที่ตลาดเอ็กซิบิชั่นจะพุ่งเป้าเจาะงานเมกะอีเวนต์ซึ่งมีแนวโน้มสดใสเช่นกัน
ทางด้านตลาดไมซ์ในประเทศ ได้ใช้แคมเปญ “ไมซ์เพื่อชุมชน” โดย TCEB ทำร่วมกับสหกรณ์ทั่วประเทศ เพื่อเป็นแนวรุกขยายพื้นที่กระจายรายได้สู่ชุมชนลดความเหลื่อมล้ำ ปี 2562 จะมีอินเซ็นทีฟหรือสิทธิประโยชน์ให้กับกลุ่มจัดการในหลากหลายรูปแบบและต่อเนื่องตลอดทั้งปี
อีกทั้งยังได้จัดตั้ง MTEX : M Power Thailand Exibition ขึ้นโดยจับมือกับ 11 องค์กร ประกอบด้วย 6 กระทรวง 5 องค์กรเอกชน ยกระดับงานไมซ์จาก การจัดระดับภาคขึ้นเป็นระดับประเทศและระดับโลกและยังได้ยกระดับความร่วมมือไทยกลุ่มลุ่มน้ำโขงและ CLMV ในเรื่องโลจิสติกส์แบบครบวงจรเพื่อทำให้เป็นฮับไมซ์และผู้นำเศรษฐกิจอาเซียนอย่างสมบูรณ์ในอนาคตอันใกล้นี้
นางนิชาภากล่าวว่า ระหว่าง 18-20 กันยายน 2561 ได้ใช้โอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน Incentive Travel & Conventions, Meeting Asia (IT& CMA) ครั้งที่ 26 และงาน Corporate Travel World Asia-Pacific (CTW Asia Pacific) ครั้งที่ 21 ซึ่งไทยได้สิทธิ์จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 เปิดตัวแบรนด์ใหม่ Thailand : Redefine your Business Events โดยได้ก่อสร้างบูธไทยในพื้นที่ 600 ตารางเมตร เพิ่มสีสันโดยเรื่องนวัตกรรมทางเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ของ สปปน./TCEB เพื่อสื่อสารไมซ์ของไทยในเวทีโลกในปีต่อ ๆ ไป
สำหรับงาน Incentive Travel & Conventions, Meeting Asia (IT& CMA) ครั้งที่ 26 และงาน Corporate Travel World Asia-Pacific (CTW Asia Pacific) ไทยยังคงได้สิทธิ์จัดต่อเนื่องอีก 2 ปีหน้า จนถึง ปี 2563 สำหรับปีนี้จัด ณ บางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล เวิลด์ ซึ่งมีตัวแทนเข้าร่วมงาน แยกเป็นกลุ่มผู้ซื้อจากทั่วโลก 52 ประเทศ 2,464 คน เพื่อพบปะเจรจากับตัวแทนกลุ่มผู้ขายจากไทย 69 ราย
ช่วงที่ 2 ชวนไปเที่ยวเมืองรอง “บุรีรัมย์” จิ๋วแต่แจ๋วแดนอีสาน มีเรื่องเล่าจากตำนานแบรนด์ “ผ้าภูอัคคนี” จากดินภูเขาไฟหลายร้อยปี “ปราสาทพนมรุ้ง” พันปี และ “โมโตจีพี” ยุค 4.0 ทางด้านสุขภาพ “แนะจำกัดความเครียดแบบง่าย 7 วิธี” ส่วนข่าวดี ๆ วันที่ 28-30 กันยายน นี้ ททท.ภาคเหนือจัดมหกรรม North Festival-ตอนชา...จากดอยสู่กรุง” พบกันได้ที่บองมาเช่ กรุงเทพฯ แล้วลุ้นรับโชค 3 ชั้นตลอดงาน “แบล็คชการ์” จัดแฟชั่นการกุศล 29 ก.ย.นี้ ชวนร่วมซื้อเสื้อบริจาคเงินช่วยโรงพยาบาลรามาธิบดีฯ จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ “อนันตราสยาม กรุงเทพฯ” นำเชฟมือดีเปิดเทศกาลเมนูเจ เริ่มต้นจานละ 280 บาท และกระทรวงคมนาคมสั่ง 29 สนามบินต่างจังหวัดทำประกันภัย พร้อมยกเครื่องใหญ่สนามบินพิษณุโลก
@เที่ยวบุรีรัมย์มุมใหม่วิถีผ้าภูเขาไฟสู่พนมรุ้ง
จังหวัดเล็ก ๆ ในอีสาน “บุรีรัมย์” ที่พลิกผันมาเป็นเมืองรองท่องเที่ยว สร้างชื่อเสียงโด่งดังถึงแดนไกลในการดึงงาน “โมโตจีพี” การแข่งขันรถระดับโลกที่จะเริ่มขึ้นช่วงต้นเดือนตุลาคม นี้
อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวอัตลักษณ์เฉพาะ ในเรื่องความโดดเด่นของ “ภูเขาไฟอังคาร” ที่ถูกนำมาเล่าเรื่องอยู่บนผืนผ้าพื้นเมืองในแบรนด์ “ผ้าภูอัคนี” เจ้าของรางวัลโปรดักซ์แชมเปี้ยน
วันนี้ชุมชน “บ้านเจริญสุข” แหล่งผลิตผ้าภูอัคนีกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของบุรีรัมย์ ด้วยความเป็นสุดยอดภูมิปัญญาที่ปราชญ์ชาวบ้านได้นำดินภูเขาไฟเก่าแก่ซึ่งดับไปนานแล้วมาย้อมสีผ้า ตามความเชื่อของคนท้องถิ่นเกี่ยวกับ ภูเขาไฟอังคาร มีความศักดิ์สิทธิ์ หากได้นำมาผลิตอยู่บนผืนผ้าจำหน่ายจะสร้างความเป็นสิริมงคลแก่คนผุ้นั้น
นับเป็นภูมิปัญญาเชิงสร้างสรรค์ซึ่งกลายเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยว เมื่อไปถึงบุรีรัมย์ก็ต้องแวะไปเยี่ยมชมชาวบ้านเจริญสุข เพื่ออุดหนุนผ้าอัคนีจากดินภูเขาไฟอังคาร ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นสีธรรมชาติ ส้ม แดง ตามสีของดินแห่งนี้
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อก็ต้อง “อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง” แหล่งมหัศจรรย์ของแสงส่องลอดช่องปราสาทตรงกันในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี เป็นปราสาทขอมสร้างในยุคพระเจ้าชัยวรมัน ในศาสนาฮินดูเปรียบเสมือนเป็นเขาไกรลาสของพระศิวะ ภายในปรสาทมีสถาปัตยกรรมงดงามน่าทึ่ง
แหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่กำลังมาแรงต้องไปสัมผัสกลิ่นอายท้องถิ่นแท้ ๆ กันยัง “บ้านสนวนนอก” แหล่งเลี้ยงหม่อนไหมทอผ้าสวยงาม สนนราคาสูงไม่เบา ปัจจุบันชาวบ้านเปิดโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวพักค้างคืนร่วมเรียนรู้การใช้ชีวิตวิถีถิ่นอีสานได้เลย
@
คนส่วนใหญ่กำลังเผชิญความเครียดจากสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว จึงขอนแนะนำเคล็บลับง่าย ๆ ที่จะจัดการความเครียดโดยไม่ต้องพึ่งยาตามอาการ เช่น กินยาแก้ปวด ยานอนหลับ ยาผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งทำให้ต้องพึ่งยาอยู่ตลอดเวลา และมักจะต้องกินยาในขนาดหรือปริมาณที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหยุดยาจะทำให้เกิดความเครียดมากยิ่งขึ้น ลองทำ 7 วิธีดังนี้
1.ฝึกสมาธิ นั่งวิปัสสนาฝึกลมปราณ ฝึกโยคะ อาจทำให้จิตใจสงบลง การใช้ออกซิเจนน้อยลงร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น ไม่กระวนกระวาน
2.ฝึกการผ่อนคลาย เช่น นอนราบบนพื้น ฟังเพลงประเภทเบา ๆ เกร็งกล้ามเนื้อของใบหน้า เกร็งกล้ามเนื้อมือและเท้าให้แน่น ๆ แล้วปล่อยทันที
3.ใช้วิธีการป้อนกลับทางชีวภาพ เช่น อาศัยการบันทึกคลื่นไฟฟ้าของกล้ามเนื้อข้างที่เกร็งเปรียบ-เทียบกับข้างที่ปกติ โดยให้เห็นภาวะคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อบนจอภาพหรือ ได้ยินเสียงของกล้ามเนื้อจากลำโพง หรือฝึกให้ลดเสียงเหล่านี้โดยการพยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
4.การนวดทำให้กล้ามเนื้อและร่างกายคลายเครียดได้ โดยเฉพาะการนวดหน้าจะทำให้นอนหลับได้
5.การปรับอิริยาบถ ให้อยู่ในท่าที่กล้ามเนื้อไม่เกร็งอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าอยู่ในท่านั่ง ท่านอน หรือท่าทำงาน
6.การว่ายน้ำหรือลอยตัวอยู่ในน้ำ
7.การออกกำลังกายแบบซ้ำ ๆ เช่น รำมวยจีน ไทเก๊ก หว้ายตันกง เล่นยิมนาสติก เต้ารำจังหวะช้า รำไทย บัลเลย์ เป็นต้น
เมื่อเราไม่เครียด จิตใจจะสบาย สมองจะโปร่งใส ร่างกายแข็งแรงจะทำให้อะไรย่อมประสบความสำเร็จ ได้ตามที่คาดหวังไว้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ททท.จัดNorth Festivalบองมาเช่28-30ก.ย.”
นางสมฤดี จิตรจง ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้จัดมหกรรม “North Festival ชา...จากยอดดอยสู่เมือง” ระหว่าง 28-30 กันยายน 2561 ณ บอง มาร์เช่ มาร์เก็ต ปาร์ค กรุงเทพฯ นำเสนออัตลักษณ์เฉพาะในวิถีถิ่นภาคเหนือทุกรูปแบบ โดยบอกเล่าเรื่องราวผ่านผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จากฝีมือของชุมชน
ภายในงานแบ่งออกเป็น 5 โซน 44 บูธ ได้แก่
โซน Tea & Coffee พบกับชาและกาแฟ สุดยอดของดี จากเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ตาก เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ลำปาง
โซน Farm to table ชิมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกเพื่อสุขภาพของภาคเหนือ
โซน Art & Craft ชมและช้อปสินค้า แฮนด์เมดเหนือเก๋ ๆ ที่
โซน Workshop พบกับเจ้าของสวรรค์บนดิน จ.เชียงราย กูรูด้านชามาสอนเบลนด์ชาสูตรเฉพาะถึงกรุงเทพฯ พร้อมร่วมกิจกรรมเวิร์กช้อปสุดพิเศษทุกวัน แนะนำคนรักงานคราฟต์ต้องร่วมกิจกรรม เพ้นต์กระเป๋าผ้ารูปใบชา มัดย้อมเสื้อยืด ออกแบบเข็มกลัดเก๋ไก๋สไตล์ชนเผ่าเหนือ เรียนทำสบู่ครามธรรมชาติ
โซน Information เปิดให้สอบถามข้อมูลเที่ยวเหนือทั้ง 17 จังหวัดและ รับของที่ระลึก และพบกับวงนั่งเล่นกับเพลงเหนือไพเราะฟังสบาย ๆ ตลอดทั้งวัน
ตลอดงานยังได้จัดให้นักท่องเที่ยวที่เข้าชมงานลุ้นรับโชคถึง 3 ชั้น
โชคชั้นที่ 1 กด Like .oเพจ Go North Thailand แล้วแชร์รูปเที่ยวงาน North Festival ชา...จากยอดดอยสู่เมือง พร้อม #northfestival #ชาจากยอดดอย สู่เมือง #gonorththailand รับทันทีถ้วยชาสุดเก๋
โชคชั้นที่ 2 เมื่อซื้อครบ 3,000 บาท รับฟรีถุงผ้าย้อม สีธรรมชาติ ลดโลกร้อน
โชคชั้นที่ 3 เมื่อซื้อครบ 5,000 บาท รับฟรีเสื้อยืดย้อมสีธรรมชาติไม่เหมือนใคร
ดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.gonorththailand.com หรือสอบถามเพิ่มได้ที่ www.facebook.com/GoNorthThailand
ข่าวที่สอง “แบล็คชูการ์ร่วมแฟชั่นการกุศลช่วยรพ.รามาฯ”
นางเมธาวี อ่างทอง ดีไซเนอร์ เปิดเผยว่า บริษัท ธานิศร เอ.ฟอร์ม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์ Black Sugar ขอเชิญชวนมาร่วมชมการจัดแฟชั่นการกุศล “Heart Fashion Campaign” วันที่ 29 กันยายน 2561 ณ อาคารสยาม ดิสคัพเวอรี่ (สยามภิวรรธน์) ชั้น 4 ห้อง มาย คิชเช่น เวลา 18.00-21.00 น. รวมทั้งร่วมบริจาคเงินและซื้อเสื้อยืด ที่จะมีจำหน่ายในงาน ตัวละ 450 บาท ชำระผ่านธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 174 0 21169 3 ชื่อบัญชี Heart Fashion Campaign
เพื่อนำเงินรายได้ไปสมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ ในการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
งานนี้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และเชอรี่-เข็มอัปสร สิริสุขขะ ดาราศิลปิน พร้อมกับผู้มีชื่อเสียงจะมาร่วมกันเดินแฟชั่นบนแคทวอล์คการกุศลครั้งนี้ด้วย
ข่าวที่สาม “รร.อนันตราสยามจัดเมนูเจเริ่มจานละ280บาท”
โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ จัดเทศกาลอาหารเจ ณ ห้องอาหารไทย สไปซ์ มาร์เก็ต ระหว่าง 8 – 17 ตุลาคม 2561 ปรุงโดย “เชฟวรินธร สัมฤทธิ์ผล” แม่ครัวอาหารไทยได้รังสรรค์หลากหลายอาหารเจสไตล์ไทย พิเศษต้อนรับเทศกาลกินเจปีนี้
เมนูแนะนำอาทิ ข้าวอบมะพร้าวอ่อน, ยำตะไคร้, แกงส้มเจ,เต้าหู้ฟูผัดพริกขิง, สะเต๊ะรวมเจ และอีกหลากหลายเมนูเจ ราคาเริ่มต้นจานละ 280 บาท ++ (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการ)
ข่าวที่สี่ “สั่ง29สนามบินทย.ทำประกันภัย-ปรับใหญ่พิษ’โลก”
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้ท่าอากาศยานภูมิภาคในสังกัดกรมท่าอากาศยาน (ทย.) 29 แห่ง เริ่มทำการประกันภัย เพื่อให้ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานได้รับความคุ้มครองกรณีเกิดเหตุต่าง ๆ พร้อมทั้งให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และดำเนินการเพื่อให้มีใบอนุญาต หรือใบรับรองตามที่ กพท. กำหนด อาทิ ใบรับรองผู้จัดการสนามบินสาธารณะ
พร้อมกับให้นโยบายปีงบประมาณ 2562 จัดทำโครงการปรับปรุงสนามบินพิษณุโลก ทั้งระบบไฟทางวิ่ง ทางขับ การก่อสร้างจุดตรวจค้นรถยนต์บริเวณหน้าสนามบิน ก่อสร้างจุดตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะ และปี 2563 เร่งก่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยปลายทางวิ่ง
สำหรับสนามบินพิษณุโลกมีพื้นที่ 1,380 ไร่ ขนาดอาคารผู้โดยสาร 16,400 ตารางเมตร สามารถรองรับได้ปีละ 2.4 ล้านคน ความยาวทางวิ่งขนาด 3,000 X 45 เมตร ลานจอดอากาศยานรองรับอากาศยานแบบ โบอิ้ง 737 ได้ 5 ลำ ลานจอดรถยนต์ได้ 260 คัน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0
ชูเทศกาลเจ-ปลุกออเจ้าอยุธยาเยือนใต้
ยกฟ้อง‘คิงเพาเวอร์’ไร้ปมดิวตี้ฟรี ทอท.
ททท.ระดมใช้แผนวิจัยอนาคตเที่ยวปี’62
โว้ก-ททท.ร่วมดันไหมมัดหมี่โกอินเตอร์
บางจาก-JCCPรุกพัฒนาหน่วยโรงกลั่น
ทอท.ลุยจ้างDBALPดีไซน์สุวรรณภูมิ2
TCEBเปิดแบรนด์ใหม่ไทยดีรีไฟน์ปี’62
ทัวร์บุรีรัมย์เรื่องเล่าผ้าภูเขาไฟสู่พนมรุ้ง
แนะกำจัดความเครียด7วิธีง่ายใกล้ตัว
ททท.เหนือจัดนอร์ธเฟสติวัล28-30กย.
แบล็คชูการ์จัดแฟชั่นเสื้อช่วยรพ.รามา
อนันตราสยามชวนชิมเมนูเจ8-17ต.ค.
รัฐสั่ง29สนามบินภูมิภาคทำประกันภัย
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 พบกับ “กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต ทุ่มจัดโร้ดโชว์ส่งท้ายปี ตั้งเป้าดึงคนไทย 5 ภาค เที่ยววิถีทะเลใต้ ใช้กระแสออเจ้าจัดบิ๊กโปรเจ็กต์ “ชวนออเจ้าเย้าเยือนภูเก็ต” ลุยกวาดลูกค้าทุกกลุ่มแถบนิคมอุตสาหกรรมพระนครศรีอยุธยา “อุดรธานี” ตะเข็บอีสานดึงตลาดเพื่อนบ้าน สปป.ลาว และหาดใหญ่รอยต่อ มาเลเซีย สิงคโปร์ ทะลักเข้ามาได้ ย้ำไทย-เทศ ไหลเข้าปีละ 14 ล้านคน แถมแอร์ไลน์แห่บินวันละถึง 60 เที่ยว โดนเสน่ห์ เมืองทะเลสวย อาหารอร่อย แหล่งท่องเที่ยวแมนเมดเทรนด์ใหม่ มัดใจจนอยู่หมัด
นางสาวกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวไทยและทั่วโลกเดินทางเข้ามายังภูเก็ตประมาณปีละ 14 ล้านคน ขณะนี้มีเที่ยวบินบริการเส้นทางจากจังหวัดต่าง ๆ ภายในประเทศ และจากต่างประเทศ เข้ามาถึงวันละกว่า 60 เที่ยว ทำให้เกิดการค้า การลงทุน และขยายแหล่งท่องเที่ยว ควบคู่กับการสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
โดยมีนักท่องเที่ยวตลาดคนไทยเข้าไปยังภูเก็ตประมาณ 30 % ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด แนวโน้มยังมีโอกาสขยายเพิ่มขึ้นได้อีกในเชิงบวก หากได้นำเสนองานเทศกาล งานแฟร์ และการพบปะกับลูกค้า ผู้ประกอบการ บริษัทคอร์ปอเรตขนาดใหญ่ ยังไม่เคยเดินทางไปยังภูเก็ตอีกจำนวนมาก จึงต้องการรุกเจาะเพิ่มลูกค้าคนไทยเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี
ขณะนี้เตรียมจัดเทศกาลถือศีลกินผักหรือเจยิ่งใหญ่กว่าทุกปี ระหว่าง 9-17 ตุลาคม 2561 โดยทางศาลเจ้าหรืออ๊ามทั่วจังหวัดภูเก็ตพร้อมจัดกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะศาลเจ้าขนาดใหญ่ทั้งบริเวณตัวเมืองและอำเภอกระทู้
ส่วนห้องพักโรงแรมมีให้เลือกจำนวนมากมีหลักแสนห้องต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาล ซึ่งจะต้องรีบเข้าไปจองเพราะตามปกติจะมีอัตราการเข้าพักตลอดเทศกาลสูงถึง 90 % จึงขอแนะนำให้เลือกจองพักโรงแรมในเขตอำเภอเมือง ขณะนี้มีแหล่งท่องเที่ยววิถีชีวิตให้เดินชมเมือง เป็นอีกบรรยากาศในระหว่างการพักผ่อน
ตลอดเทศกาลเจภูเก็ตจะได้นำอาหารถิ่นมาให้นักท่องเที่ยวสัมผัสความอร่อยและสร้างการรับรู้เมนูยอดนิยม ซึ่ง ททท.ได้จัดรถโคท้อรถประจำทางสาธารณะอัตลักษณ์ของภูเก็ตบริการนักท่องเที่ยวฟรีเพื่อเข้าร่วมเทศกาลและท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เพียงแค่เข้าไปลงทะเบียนกับสำนักงาน ททท.ภูเก็ต
จากนั้นจะมีการเปิดฤดูท่องเที่ยวภูเก็ต จัดงาน “หยุดโลก”ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 ชวนไปเที่ยวทะเลอันดามันที่สวยงามเริ่มตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
ส่วนการเจาะตลาดคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศที่ภูเก็ตนั้น ททท.ภูเก็ต ได้จัดทำโร้ดโชว์จัดทำโครงการ “ชวนออเจ้าเย้าเยือนภูเก็ต” โดยนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวมาจับคู่เจรจาธุรกิจกับกลุ่มผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมโรงงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีงบประมาณให้รางวัลพนักงานเดินทางท่องเที่ยวฟรี (incentive) ทั้งระดับผู้บริหาร แขกของบริษัท และพนักงานโรงงาน เดิมจะเดินทางเฉพาะทะเลใกล้ ๆ กรุงเทพฯ บริเวณภาคตะวันออก พัทยา ชลบุรี ระยอง ตราด หรือภาคกลางก็แถบชะอำ เพชรบุรี หัวหิน
การทำโร้ดโชว์ของภูเก็ตจึงเป็นอีกทางเลือกในการท่องเที่ยวเมืองชายทะเลภาคใต้ที่ไม่ไกลจากพระนครศรีอยุธยา เพราะสามารถใช้เวลาเพียงขับรถมาสนามบินดอนเมือง 1 ชั่วโมง นั่งเครื่องบินแบบประหยัดอีก 1 ชั่วโมง ก็สามารถไปถึงภูเก็ตได้แบบง่าย ๆ สบาย ๆ ทว่าความสวยงามของทะเลอันดามันกับอ่าวไทยก็แตกต่างกัน
รวมทั้งยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เช่นตุลาคมของทุกปีจะมีเทศกาลถือศีลกินผัก และตลอดทั้งปีก็มีท่องเที่ยวชุมชนมุมใหม่ ๆ อาทิ ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ชุมชนท่าฉัตรไชย และอื่นๆ แต่ละแห่งจะมีวิถีพื้นถิ่นที่นักท่องเที่ยวเข้าร่วมได้
มีแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขื้นหรือ Man Made โครงการใหม่ ๆ ที่กำลังมาแรงตอนนี้คือ “ถลางมณีฟาร์ม” อยู่อำเภอถลาง เป็นศูนย์รวมวิถีชีวิต ย่อส่วนประเทศไทยทั้งหมดมาไว้ในฟาร์มแห่งนี้ อาทิ สงกรานต์ ลอยกระทง ให้นักท่องเที่ยวชมทุกวัน นอกเหนือจากการดูโชว์อลังการของ ภูเก็ตแฟนตาซี สยามนิรมิต
ผอ.กิตติกากล่าวว่า การนำเสนอจุดขายภูเก็ตในงานโร้ดโชว์ในพระนครศรีอยุธยา จุดประสงค์หลักคือขายแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ผนวกเข้ากับเรื่องใหม่ วิถีกิน วิถีถิ่น ตามที่ภูเก็ตได้รับการประกาศจากยูเนสโก้ห้เป็นเมืองแห่งอาหารการกินหรือ Gastronomy Route มาตั้งแต่ปี 2558
นอกจากอาหารทะเลแล้ว ยังมีอาหารฮกเกี้ยน ติ่มซำ บักกุยเต๋ และอาหารพื้นเมืองแกงใต้ต่างจังหวัดอื่น ๆ เช่น เส้นหมี่แกงโปคือแกงกะทิใส่เนื้อปูเป็นก้อน แกงหมูฮ้อม แกงส้มปลาใส่กระโชนลักษณะคล้ายบอน กุ้งล็อบสเตอร์
หลังจากนั้นก็ไปทำกิจกรรมการท่องเที่ยวกับชุมชน เช่น ท่าฉัตรไชยจะมีโปรแกรมนำนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงล็อบสเตอร์ หรือจะไปทดลองกรีดยาง และอีกหลายอย่างซึ่งเป็นวิถีดั้งเดิมของคนภูเก็ต ซึ่งนักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสความเป็นท้องถิ่นได้ด้วย ซึ่งเป็นมุมใหม่ที่นักท่องเที่ยวคนไทยด้วยกันก็อาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน
ส่วนการทำโร้ดโชว์ดึงนักท่องเที่ยวในประเทศเข้าภูเก็ต พุ่งเป้าที่จังหวัดอุดรธานี จะได้หนองคาย และ เวียงจันทน์ สปป.ลาว ด้วย ที่ผ่านมาทำแล้วประสบความสำเร็จ ส่วนภาคใต้ทำในหาดใหญ่ ก็มีมาเลเซีย สิงคโปร์ ตามมาด้วย เพราะการเดินทางสะดวก โดยสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส บินประจำทุกวัน ระหว่าง หาดใหญ่-ภูเก็ต
สำหรับการบูมกิจกรรมช่วงปลายปี 2561 เตรียมจัดงานเทรนด์ขนาดใหญ่ อาทิ Rock Tournament ซึ่งมีนักท่องเที่ยวหลากหลายจากทั่วประเทศ ภาคเหนือ กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก ภาคใต้ มีกำลังการจ่ายสูงเรื่องการกิน ดื่ม ช่วงพฤศจิกายน นี้ เชิญชวนคนรักกีฬามาร่วมวิ่งตามชุมชนรักธรรมชาติ โดยมีโรงแรม กลุ่มชมรม สมาคม ต่าง ๆ จัดงานวิ่ง มีคนไทยและต่างชาติเข้าร่วมจำนวนมากเป็นประจำ เป็นการกระตุ้นท่องเที่ยวเชิงกีฬา สามารถดึงรายได้กระจายเข้าท้องถิ่นชุมชนได้มากขึ้นนั่นเอง
ข่าวที่ 1 “ศาลฯกลางยกฟ้องคิงเพาเวอร์เรียบร้อยแล้ว”
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษา รายงานคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 โดยยกฟ้องคดีที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กล่าวหาผู้บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เอื้อประโยชน์ให้คิง เพาเวอร์จ่ายค่าตอบแทนไม่เป็นไปตามสัญญา
ด้วยเหตุผลหลัก ๆ คือนายชาญชัยไม่มีอำนาจฟ้อง และไม่ใช่ผู้รับผลกระทบจากเหตุการณ์และจึงไม่สามารถที่จะทำการฟ้องคดีดังกล่าวได้
สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2560 ตามที่นายชาญชัยเชื่อว่า คิง เพาเวอร์ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เปิดร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินตั้งแต่ปี 2549 จ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐบาลไม่ตรงตามสัญญาร้อยละ 15 ของรายได้ โดยจ่ายเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ออกมาอธิบายถึงรายละเอียดการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนตามเงื่อนไขตามสิทธิที่ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะการประมูลดำเนินการธุรกิจดิวตี้ฟรี ในส่วนร้อยละ 15 นั้น เป็นส่วนของพื้นที่ส่งมอบสินค้า ณ สนามบิน หรือ pick up counter ซึ่งได้จ่ายเกินครบถ้วนร้อยละ 3 จากยอดที่ระบุในเงื่อนไขข้อตกลงครบถ้วน สามารถตรวจสอบเอกสารได้ทุกขั้นตอนทุกประการ
ข่าวที่ 2 “ททท.สัมมนาแผนอนาคตท่องเที่ยวปี62”
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าเปิดสัมมนา “ท่องเที่ยวไทย เดินหน้าสู่อนาคต -Tomorrow’s Tourism : The Future is Now เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ทั้งการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์และแสวงหาประโยชน์บนพื้นฐานของข้อมูลงานวิจัย ซึ่งทำงานโดยศูนย์พัฒนาวิชาการด้านการท่องเที่ยว (TAT Academy) ททท.เป็นศูนย์กลางความรู้ด้านตลาด การท่องเที่ยว รวมทั้ง สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ภายในงานได้เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว และการจัดแสดงผลงานวิจัยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทย รวมถึงเอกสารเผยแพร่ทางวิชาการด้านการตลาดการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง ททท.และองค์กรเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกภาคส่วน จะได้ขับเคลื่อนการเติบโตร่วมกันโดยมีทิศทางอย่างชัดเจนในปี 2562
ข่าวที่ 3 “ททท.ผนึกโว้กยกระดับหมัดหมี่ลพบุรีโกอินเตอร์”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้จัดทำกิจกรรมยกระดับดีไซเนอร์หน้าใหม่แฟชั่นผ้าไทย ด้วยการสนับสนุน “โว้ก ประเทศไทย” จัดโครงการ “VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2018” เฟ้นหาดีไซเนอร์เลือดใหม่ที่มีผลงานการออกแบบและวางแผนธุรกิจโดดเด่น เปิดเวทีผลิตนักธุรกิจแฟชั่น ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
โครงการนี้ได้คัดเลือกดีไซเนอร์ผ้าไทยไหมมัดหมี่ ลพบุรี ที่เข้ารอบสุดท้าย 10 จากผู้เข้าแข่งขันกว่า 100 ราย มาจัดแสดงผลงานการออกแบบของตนเอง เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 ณ แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน โดยมี 10 แบรนด์ที่ผ่านการคัดสรรจากคณะกรรมการ ได้แก่ Salisa (สริสา) Valentier (วาเลนเทียร์) Pattricia A. Garde (แพททริเซีย เอ. การ์ด) Clothiers Ekamai (โคลเทียร์ส เอกมัย) Grounder (กราวด์เดอร์) Renim Project (รีนิม โปรเจคต์) SSAP(เอส เอส เอ พี) Jee’s Jewelry (จีส์ จิวเวลรี) Repleat (รีพลีต) และ 2553
ข่าวที่ 4 “บางจากควงJCCPลุยบำรุงหน่วยกลั่นครบวงจร”
นายเฉลิมชัย อุดมเรณู รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจโรงกลั่น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) กับ Mr.Eiji Hiraoka, Senior Executive Director, JCCP (Japan Cooperation Center Petroleum) เดินหน้าโครงการ Technical Collaboration for Improvement of Maintenance and Operation ซึ่งเป็นความร่วมมือทางด้านเทคนิค เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบำรุงรักษาหน่วยกลั่นในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก
โดยมีผู้ดำเนินโครงการโดยบริษัท Cosmo Oil (ประเทศญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของ JCCP เป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบางจากกับ JCCP เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านปิโตรเลียมและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
ข่าวที่ 5 “บอร์ดทอท.อนุมัติจ้างDBALPออกแบบสุวรรณภูมิ2ได้”
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานประธานกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) "ทอท." เปิดเผยว่าบอร์ดเมื่อวันพุธที่ 19 กันยายน 2561 ได้รับทราบพร้อมเห็นชอบให้ฝ่ายบริหาร ทอท.ดำเนินการทำข้อตกลงจ้าง บริษัท ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก้-อีเอ็มเอส-โปรเจ็กต์คอนซัลติ้ง ผู้ชนะการประมูลงานสำรวจออกแบบการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 ได้ พร้อมทั้งเดินหน้าทำให้แล้วเสร็จเพื่อเปิดใช้ตามกำหนดเวลาปี 2564
สาเหตุที่บอร์ด ทอท.มีมติยืนหลักการให้จ้าง บริษัท ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก้-อีเอ็มเอส-โปรเจ็กต์คอนซัลติ้ง เนื่องจากเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของ บริษัท แสปน คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท ไซน์-เทค เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ระงับการพิจารณาอนุมัติหรือเห็นชอบให้ผู้ชนะการประกวดราคารับจ้างสำรวจออกแบบอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และขอให้คุ้มครองชั่วคราว เรื่องคำสั่งก่อนหน้านี้ที่บอร์ดพิจารณาอนุมัติหรือเห็นชอบผู้ชนะการประกวดแบบและราคา
ขั้นตอนหลังบอร์ด ทอท. มีมติให้ ทอท.ลงนามสัญญาจ้างสำรวจออกแบบฯ ได้ภายในกันยายน 2561 และเร่งออกแบบก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 10 เดือน เพื่อจะนำแบบไปประมูลงานให้เริ่มการก่อสร้างได้ปลายปี 2562 กำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2564 เพื่อให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีกปีละ 30 ล้านคน
ข่าวที่ 6 “TCEBเปิดแบรนด์ใหม่ Thailand : Redefineรุกไมซ์ปี62”
นางนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการสายงานธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า ในแผนธุรกิจไมซ์ปี 2562 วางกลยุทธ์เปิดตัวแบรนด์ใหม่ Thailand : Redefine your Business Events เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จทั้งการปฏิรูปองค์กร แนวคิด การทำงานร่วมกันกับภายในและภายนอกองค์กรทั้งระดับประเทศและทั่วโลก โดยสื่อสารผ่านกลยุทธ์ แคมเปญ การตลาด อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ไทยมีขีดความสามารถทางการแข่งขันติด 1 ใน 5 ผู้นำไมซ์เอเชีย ซึ่งขณะนี้ไทยครองแชมป์ตลาดคอนเวนชั่นและเอ็กซิบิชั่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปี 2562 จะต้องเร่งขึ้นอันดับต้น ๆ ในเอเชีย โดยจะเพิ่มความเข้มข้นเรื่องคุณภาพ และการประมวลตัวเลขผลตอบแทนการลงทุน (Return of investment : ROI) เพื่อลงลึกถึงการเพิ่มยอดกลุ่มนักลงทุนชัดเจน สอดคล้องกับนโยบายของขยายพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) และพื้นที่เลียบทะเลอ่าวไทย ไทยแลนด์ ริเวียร่า จากเพชรบุรี-ชุมพร-ระนอง โดยจะมีเมกะโปรเจ็กต์ไร้พรมแดนของสาธารณรัฐประชาชนจีน One Belt One Road ระบบโลจิสติกส์ บก-น้ำ-อากาศ เข้ามาเสริมทัพ รวมทั้งการเป็นเกตเวย์ของกลุ่มประเทศดาวรุ่งใหม่ CLMV
การพัฒนาทั้งภายในประเทศของไทยกับจากการเชื่อมโยงของด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจะขยายผลมายังการดึงดูดเม็ดเงินลงทุน ในแถบ EEC ของ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมดาวรุ่งหรือ S-CURV เติบโตตามขึ้นมาอีกมากมาย เป็นโอกาสและจังหวะของ สสปน./TCEB ที่จะขยายธุรกิจเพิ่มรายได้กระจายสู่จังหวัดต่าง ๆ ลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล
นางนิชาภา กล่าวว่า ปี 2562 จะต้องนำไมซ์ของประเทศไทยก้าวไปพร้อม ๆ กับ 6 เทรนด์โลก ได้แก่
1.แนวโน้มตลาดผู้สูงวัยจะเพิ่มขึ้นเป็นตลาดขนาดใหญ่จึงต้องสร้างสรรค์งานให้โดนใจตลาดดังกล่าว
2.วิกฤตของสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงมีความเสี่ยงในการเดินทางประชุม สัมมนา จัดงาน จึงต้องให้ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดงานเสนอถึงมาตรการความปลอดภัย
3.การขยายตัวของเทคโนโลยีดิจิตอลเติบโตแบบไร้พรมแดน สสปน.จึงต้องร่วมือกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และ กระทรวงดิจิตอล สร้างสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการธุรกิจไทย ให้เข้าสู่โลกยุคไซเบอร์ได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งมีทั้ง เทคโนโลยี ดิจิตอล และอินโนเวชั่น
4.สถานการณ์ก่อการร้าย ที่กำลังเกิดขึ้น ก็เป็นอีกเทรนด์ที่ไมซ์จะต้องวางมาตรการร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องและสถานที่จัดงานเพื่อป้องกันทางด้านความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
5.พลังการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหรือโลจิสติกส์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผนวกับเป็นเกตเวย์ของกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ซึ่งพร้อมจะเติบโตเป็นดาวรุ่งของเอเชีย
6.กระแสความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งเป็นจังหวะและโอกาสอันดีที่ไทยและผู้ประกอบการไมซ์วางรากฐานสร้างความยั่งยืนมาตั้งแต่แรก จึงทำให้นานาประเทศหันมาสนใจเลือกไทยเป็นศูนย์กลางการจัดไมซ์ระดับนานาชาติ
ขณะนี้ตลาดไมซ์ต่างประเทศ กลุ่มประชุมและอินเซ็นทีฟ (Meeting -Incentive :MI) ปีนี้ TCEB ทำให้ไทยมีส่วนแบ่งตลาดภูมิภาคเอเชียเติบโตปีละกว่า 5.6 % โดยอินเซ็นทีฟจากจีนมาไทยเติบโตทั้งรายได้และจำนวนคนมากกว่า 50% โดยมีอินเดียกับอินโดนีเซียตามมาติด ๆ ส่วนตลาดคอนเว็นชั่น เร่งจับมือกับไทยทีม สมาคม และซัพพลายเออร์ ชิงประมูลงานเข้ามาจัดในไทยเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีเทรนด์ offshore Convention ใหม่ ๆ เกิดขึ้นที่น่าสนใจขณะที่ตลาดเอ็กซิบิชั่นจะพุ่งเป้าเจาะงานเมกะอีเวนต์ซึ่งมีแนวโน้มสดใสเช่นกัน
ทางด้านตลาดไมซ์ในประเทศ ได้ใช้แคมเปญ “ไมซ์เพื่อชุมชน” โดย TCEB ทำร่วมกับสหกรณ์ทั่วประเทศ เพื่อเป็นแนวรุกขยายพื้นที่กระจายรายได้สู่ชุมชนลดความเหลื่อมล้ำ ปี 2562 จะมีอินเซ็นทีฟหรือสิทธิประโยชน์ให้กับกลุ่มจัดการในหลากหลายรูปแบบและต่อเนื่องตลอดทั้งปี
อีกทั้งยังได้จัดตั้ง MTEX : M Power Thailand Exibition ขึ้นโดยจับมือกับ 11 องค์กร ประกอบด้วย 6 กระทรวง 5 องค์กรเอกชน ยกระดับงานไมซ์จาก การจัดระดับภาคขึ้นเป็นระดับประเทศและระดับโลกและยังได้ยกระดับความร่วมมือไทยกลุ่มลุ่มน้ำโขงและ CLMV ในเรื่องโลจิสติกส์แบบครบวงจรเพื่อทำให้เป็นฮับไมซ์และผู้นำเศรษฐกิจอาเซียนอย่างสมบูรณ์ในอนาคตอันใกล้นี้
นางนิชาภากล่าวว่า ระหว่าง 18-20 กันยายน 2561 ได้ใช้โอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน Incentive Travel & Conventions, Meeting Asia (IT& CMA) ครั้งที่ 26 และงาน Corporate Travel World Asia-Pacific (CTW Asia Pacific) ครั้งที่ 21 ซึ่งไทยได้สิทธิ์จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 เปิดตัวแบรนด์ใหม่ Thailand : Redefine your Business Events โดยได้ก่อสร้างบูธไทยในพื้นที่ 600 ตารางเมตร เพิ่มสีสันโดยเรื่องนวัตกรรมทางเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ของ สปปน./TCEB เพื่อสื่อสารไมซ์ของไทยในเวทีโลกในปีต่อ ๆ ไป
สำหรับงาน Incentive Travel & Conventions, Meeting Asia (IT& CMA) ครั้งที่ 26 และงาน Corporate Travel World Asia-Pacific (CTW Asia Pacific) ไทยยังคงได้สิทธิ์จัดต่อเนื่องอีก 2 ปีหน้า จนถึง ปี 2563 สำหรับปีนี้จัด ณ บางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล เวิลด์ ซึ่งมีตัวแทนเข้าร่วมงาน แยกเป็นกลุ่มผู้ซื้อจากทั่วโลก 52 ประเทศ 2,464 คน เพื่อพบปะเจรจากับตัวแทนกลุ่มผู้ขายจากไทย 69 ราย
ช่วงที่ 2 ชวนไปเที่ยวเมืองรอง “บุรีรัมย์” จิ๋วแต่แจ๋วแดนอีสาน มีเรื่องเล่าจากตำนานแบรนด์ “ผ้าภูอัคคนี” จากดินภูเขาไฟหลายร้อยปี “ปราสาทพนมรุ้ง” พันปี และ “โมโตจีพี” ยุค 4.0 ทางด้านสุขภาพ “แนะจำกัดความเครียดแบบง่าย 7 วิธี” ส่วนข่าวดี ๆ วันที่ 28-30 กันยายน นี้ ททท.ภาคเหนือจัดมหกรรม North Festival-ตอนชา...จากดอยสู่กรุง” พบกันได้ที่บองมาเช่ กรุงเทพฯ แล้วลุ้นรับโชค 3 ชั้นตลอดงาน “แบล็คชการ์” จัดแฟชั่นการกุศล 29 ก.ย.นี้ ชวนร่วมซื้อเสื้อบริจาคเงินช่วยโรงพยาบาลรามาธิบดีฯ จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ “อนันตราสยาม กรุงเทพฯ” นำเชฟมือดีเปิดเทศกาลเมนูเจ เริ่มต้นจานละ 280 บาท และกระทรวงคมนาคมสั่ง 29 สนามบินต่างจังหวัดทำประกันภัย พร้อมยกเครื่องใหญ่สนามบินพิษณุโลก
@เที่ยวบุรีรัมย์มุมใหม่วิถีผ้าภูเขาไฟสู่พนมรุ้ง
จังหวัดเล็ก ๆ ในอีสาน “บุรีรัมย์” ที่พลิกผันมาเป็นเมืองรองท่องเที่ยว สร้างชื่อเสียงโด่งดังถึงแดนไกลในการดึงงาน “โมโตจีพี” การแข่งขันรถระดับโลกที่จะเริ่มขึ้นช่วงต้นเดือนตุลาคม นี้
อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวอัตลักษณ์เฉพาะ ในเรื่องความโดดเด่นของ “ภูเขาไฟอังคาร” ที่ถูกนำมาเล่าเรื่องอยู่บนผืนผ้าพื้นเมืองในแบรนด์ “ผ้าภูอัคนี” เจ้าของรางวัลโปรดักซ์แชมเปี้ยน
วันนี้ชุมชน “บ้านเจริญสุข” แหล่งผลิตผ้าภูอัคนีกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของบุรีรัมย์ ด้วยความเป็นสุดยอดภูมิปัญญาที่ปราชญ์ชาวบ้านได้นำดินภูเขาไฟเก่าแก่ซึ่งดับไปนานแล้วมาย้อมสีผ้า ตามความเชื่อของคนท้องถิ่นเกี่ยวกับ ภูเขาไฟอังคาร มีความศักดิ์สิทธิ์ หากได้นำมาผลิตอยู่บนผืนผ้าจำหน่ายจะสร้างความเป็นสิริมงคลแก่คนผุ้นั้น
นับเป็นภูมิปัญญาเชิงสร้างสรรค์ซึ่งกลายเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยว เมื่อไปถึงบุรีรัมย์ก็ต้องแวะไปเยี่ยมชมชาวบ้านเจริญสุข เพื่ออุดหนุนผ้าอัคนีจากดินภูเขาไฟอังคาร ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นสีธรรมชาติ ส้ม แดง ตามสีของดินแห่งนี้
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อก็ต้อง “อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง” แหล่งมหัศจรรย์ของแสงส่องลอดช่องปราสาทตรงกันในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี เป็นปราสาทขอมสร้างในยุคพระเจ้าชัยวรมัน ในศาสนาฮินดูเปรียบเสมือนเป็นเขาไกรลาสของพระศิวะ ภายในปรสาทมีสถาปัตยกรรมงดงามน่าทึ่ง
แหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่กำลังมาแรงต้องไปสัมผัสกลิ่นอายท้องถิ่นแท้ ๆ กันยัง “บ้านสนวนนอก” แหล่งเลี้ยงหม่อนไหมทอผ้าสวยงาม สนนราคาสูงไม่เบา ปัจจุบันชาวบ้านเปิดโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวพักค้างคืนร่วมเรียนรู้การใช้ชีวิตวิถีถิ่นอีสานได้เลย
@
คนส่วนใหญ่กำลังเผชิญความเครียดจากสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว จึงขอนแนะนำเคล็บลับง่าย ๆ ที่จะจัดการความเครียดโดยไม่ต้องพึ่งยาตามอาการ เช่น กินยาแก้ปวด ยานอนหลับ ยาผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งทำให้ต้องพึ่งยาอยู่ตลอดเวลา และมักจะต้องกินยาในขนาดหรือปริมาณที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหยุดยาจะทำให้เกิดความเครียดมากยิ่งขึ้น ลองทำ 7 วิธีดังนี้
1.ฝึกสมาธิ นั่งวิปัสสนาฝึกลมปราณ ฝึกโยคะ อาจทำให้จิตใจสงบลง การใช้ออกซิเจนน้อยลงร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น ไม่กระวนกระวาน
2.ฝึกการผ่อนคลาย เช่น นอนราบบนพื้น ฟังเพลงประเภทเบา ๆ เกร็งกล้ามเนื้อของใบหน้า เกร็งกล้ามเนื้อมือและเท้าให้แน่น ๆ แล้วปล่อยทันที
3.ใช้วิธีการป้อนกลับทางชีวภาพ เช่น อาศัยการบันทึกคลื่นไฟฟ้าของกล้ามเนื้อข้างที่เกร็งเปรียบ-เทียบกับข้างที่ปกติ โดยให้เห็นภาวะคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อบนจอภาพหรือ ได้ยินเสียงของกล้ามเนื้อจากลำโพง หรือฝึกให้ลดเสียงเหล่านี้โดยการพยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
4.การนวดทำให้กล้ามเนื้อและร่างกายคลายเครียดได้ โดยเฉพาะการนวดหน้าจะทำให้นอนหลับได้
5.การปรับอิริยาบถ ให้อยู่ในท่าที่กล้ามเนื้อไม่เกร็งอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าอยู่ในท่านั่ง ท่านอน หรือท่าทำงาน
6.การว่ายน้ำหรือลอยตัวอยู่ในน้ำ
7.การออกกำลังกายแบบซ้ำ ๆ เช่น รำมวยจีน ไทเก๊ก หว้ายตันกง เล่นยิมนาสติก เต้ารำจังหวะช้า รำไทย บัลเลย์ เป็นต้น
เมื่อเราไม่เครียด จิตใจจะสบาย สมองจะโปร่งใส ร่างกายแข็งแรงจะทำให้อะไรย่อมประสบความสำเร็จ ได้ตามที่คาดหวังไว้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ททท.จัดNorth Festivalบองมาเช่28-30ก.ย.”
นางสมฤดี จิตรจง ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้จัดมหกรรม “North Festival ชา...จากยอดดอยสู่เมือง” ระหว่าง 28-30 กันยายน 2561 ณ บอง มาร์เช่ มาร์เก็ต ปาร์ค กรุงเทพฯ นำเสนออัตลักษณ์เฉพาะในวิถีถิ่นภาคเหนือทุกรูปแบบ โดยบอกเล่าเรื่องราวผ่านผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จากฝีมือของชุมชน
ภายในงานแบ่งออกเป็น 5 โซน 44 บูธ ได้แก่
โซน Tea & Coffee พบกับชาและกาแฟ สุดยอดของดี จากเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ตาก เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ลำปาง
โซน Farm to table ชิมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกเพื่อสุขภาพของภาคเหนือ
โซน Art & Craft ชมและช้อปสินค้า แฮนด์เมดเหนือเก๋ ๆ ที่
โซน Workshop พบกับเจ้าของสวรรค์บนดิน จ.เชียงราย กูรูด้านชามาสอนเบลนด์ชาสูตรเฉพาะถึงกรุงเทพฯ พร้อมร่วมกิจกรรมเวิร์กช้อปสุดพิเศษทุกวัน แนะนำคนรักงานคราฟต์ต้องร่วมกิจกรรม เพ้นต์กระเป๋าผ้ารูปใบชา มัดย้อมเสื้อยืด ออกแบบเข็มกลัดเก๋ไก๋สไตล์ชนเผ่าเหนือ เรียนทำสบู่ครามธรรมชาติ
โซน Information เปิดให้สอบถามข้อมูลเที่ยวเหนือทั้ง 17 จังหวัดและ รับของที่ระลึก และพบกับวงนั่งเล่นกับเพลงเหนือไพเราะฟังสบาย ๆ ตลอดทั้งวัน
ตลอดงานยังได้จัดให้นักท่องเที่ยวที่เข้าชมงานลุ้นรับโชคถึง 3 ชั้น
โชคชั้นที่ 1 กด Like .oเพจ Go North Thailand แล้วแชร์รูปเที่ยวงาน North Festival ชา...จากยอดดอยสู่เมือง พร้อม #northfestival #ชาจากยอดดอย สู่เมือง #gonorththailand รับทันทีถ้วยชาสุดเก๋
โชคชั้นที่ 2 เมื่อซื้อครบ 3,000 บาท รับฟรีถุงผ้าย้อม สีธรรมชาติ ลดโลกร้อน
โชคชั้นที่ 3 เมื่อซื้อครบ 5,000 บาท รับฟรีเสื้อยืดย้อมสีธรรมชาติไม่เหมือนใคร
ดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.gonorththailand.com หรือสอบถามเพิ่มได้ที่ www.facebook.com/GoNorthThailand
ข่าวที่สอง “แบล็คชูการ์ร่วมแฟชั่นการกุศลช่วยรพ.รามาฯ”
นางเมธาวี อ่างทอง ดีไซเนอร์ เปิดเผยว่า บริษัท ธานิศร เอ.ฟอร์ม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์ Black Sugar ขอเชิญชวนมาร่วมชมการจัดแฟชั่นการกุศล “Heart Fashion Campaign” วันที่ 29 กันยายน 2561 ณ อาคารสยาม ดิสคัพเวอรี่ (สยามภิวรรธน์) ชั้น 4 ห้อง มาย คิชเช่น เวลา 18.00-21.00 น. รวมทั้งร่วมบริจาคเงินและซื้อเสื้อยืด ที่จะมีจำหน่ายในงาน ตัวละ 450 บาท ชำระผ่านธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 174 0 21169 3 ชื่อบัญชี Heart Fashion Campaign
เพื่อนำเงินรายได้ไปสมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ ในการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
งานนี้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และเชอรี่-เข็มอัปสร สิริสุขขะ ดาราศิลปิน พร้อมกับผู้มีชื่อเสียงจะมาร่วมกันเดินแฟชั่นบนแคทวอล์คการกุศลครั้งนี้ด้วย
ข่าวที่สาม “รร.อนันตราสยามจัดเมนูเจเริ่มจานละ280บาท”
โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ จัดเทศกาลอาหารเจ ณ ห้องอาหารไทย สไปซ์ มาร์เก็ต ระหว่าง 8 – 17 ตุลาคม 2561 ปรุงโดย “เชฟวรินธร สัมฤทธิ์ผล” แม่ครัวอาหารไทยได้รังสรรค์หลากหลายอาหารเจสไตล์ไทย พิเศษต้อนรับเทศกาลกินเจปีนี้
เมนูแนะนำอาทิ ข้าวอบมะพร้าวอ่อน, ยำตะไคร้, แกงส้มเจ,เต้าหู้ฟูผัดพริกขิง, สะเต๊ะรวมเจ และอีกหลากหลายเมนูเจ ราคาเริ่มต้นจานละ 280 บาท ++ (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการ)
ข่าวที่สี่ “สั่ง29สนามบินทย.ทำประกันภัย-ปรับใหญ่พิษ’โลก”
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้ท่าอากาศยานภูมิภาคในสังกัดกรมท่าอากาศยาน (ทย.) 29 แห่ง เริ่มทำการประกันภัย เพื่อให้ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานได้รับความคุ้มครองกรณีเกิดเหตุต่าง ๆ พร้อมทั้งให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และดำเนินการเพื่อให้มีใบอนุญาต หรือใบรับรองตามที่ กพท. กำหนด อาทิ ใบรับรองผู้จัดการสนามบินสาธารณะ
พร้อมกับให้นโยบายปีงบประมาณ 2562 จัดทำโครงการปรับปรุงสนามบินพิษณุโลก ทั้งระบบไฟทางวิ่ง ทางขับ การก่อสร้างจุดตรวจค้นรถยนต์บริเวณหน้าสนามบิน ก่อสร้างจุดตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะ และปี 2563 เร่งก่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยปลายทางวิ่ง
สำหรับสนามบินพิษณุโลกมีพื้นที่ 1,380 ไร่ ขนาดอาคารผู้โดยสาร 16,400 ตารางเมตร สามารถรองรับได้ปีละ 2.4 ล้านคน ความยาวทางวิ่งขนาด 3,000 X 45 เมตร ลานจอดอากาศยานรองรับอากาศยานแบบ โบอิ้ง 737 ได้ 5 ลำ ลานจอดรถยนต์ได้ 260 คัน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น