”นครพนม”แจ้งเกิดเมืองรองเศรษฐกิจพุ่งแรงปี’61
รัฐ-เอกชนแห่ขยายทัวร์ชุมชน-ขึ้นน้องใหม่ไมซ์ซิตี้
คิงเพาเวอร์นำ“อาคิกูจิญี่ปุ่น”จัดใหญ่ใจกลางกรุง
ททท.เหนือเท7งานปิดงบฯ-แพร่พาเพลินคึกสุด ๆ
ททท.ควงแอร์เอเชียพีอาร์ลอยฟ้าเที่ยวไทยยั่งยืน
บางจากให้สิทธิ์ใช้แต้มแลกชิบุย่าโทสต์AfterYou
ทอท.จัดมหกรรมมาตรฐาน"สุวรรณภูมิปลอดภัย"
TCEBผนึกอาเซียนใช้AMVSครองตลาดไมซ์โลก
ทัวร์ใกล้กรุงสระแก้วบุกดงไหมอีรี่-ละลุ-ปางสีดา
เปลี่ยนพฤติกรรมทำอายุยืนกับ8วิธีลดโลกร้อน
รัฐเท3.4หมื่นล้านปั้นแผน20ปีพลิก28สนามบิน
ดุสิตใช้495ล้านซื้ออีลิทเฮเว่นส์ดูดลูกค้าคนรวย
ผู้นำใหม่แอโร่ไทยงัด4กลยุทธ์รับมือ1ล้านไฟลต์
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ทางมือถือ และอ่านที่ www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เปิดโลกเมืองรองริมฝั่งโขงกับ “วสุมน เนตรกิจเจริญ” กรรมการผู้จัดการ วิน วิน สไมล์ และประธานหอการค้าฝ่ายท่องเที่ยวและบริการ ที่กำลังเนื้อหอมมีสายการบินแห่บินตรงวันละ 5 เที่ยว รัฐและเอกชนกำลังผลักดันยกเป็นเมือง MICE CITY ส่วนโรงแรมห้องพักตอนนี้เต็มเกือบทุกเดือน ช่วงเทศกาลต้องจองล่วงหน้า แถมตอนนี้มีตลาดใหม่ “สุนทรี” พร้อมห้องประชุมจุถึง 100 คน ขณะนี้กรมการพัฒนาชุมชนเทงบก้อนแรก 2.5 ล้านบาท นำร่องเปิดจุดขายท่องเที่ยวนวัตวิถี 5 ชุมชน เริ่มพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
นางสาววสุมน เนตรกิจเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิน วิน สไมล์ จำกัด และรองประธานหอการค้าฝ่ายท่องเที่ยวและบริการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เป็นเมืองรองที่น่าลองมาท่องเที่ยวและจะต้องจองล่วงหน้า เพราะกำลังมาแรง มีสายการบินมีถึงวันละ 5 เที่ยว ทำให้ห้องพักโรงแรมเต็ม โดยได้จัดงานฉลองการเปลี่ยนชื่อจากมรุกขนครมาเป็นนครพนมได้ 232 ปี โดยได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่าง 11-15 กันยายน 2561 มาคนจากทั่วสารทิศมาร่ายรำบวงสรวงมากถึง 10,232 คน แสดงถึงวัฒนธรรมอันงดงาม ตามที่คุณสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมย้ำว่างานนี้จัดขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงความโดดเด่นของเมืองรอง ซึ่งปัจจุบันมีไฮไลต์วิถีชีวิต 8 ชาติพันธุ์ 2 เชื้อชาติ
ตลอดงานยังได้จัดกิจกรรม “เล่าเรื่องเมืองเก่า” สร้างการรับรู้แก่นักท่องเที่ยว ไว้ที่หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ โดยรวบรวมภาพเก่านครพนมยุคก่อนประวัติศาสตร์สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ซึ่งมีหลักฐานวัตถุโบราณบ่งบอกถึงอายุเมือง ส่งผ่านมาถึงมรุกขนคร ก่อนย้ายถิ่นฐานมาอยู่ยังที่ตั้งปัจจุบัน รวมทั้งนำภาพหายากคือ พระธาตุพนม มาให้ชมด้วย
ส่วนการจัดนำเที่ยวนครพนมด้วยภาพได้ทุกแห่งโดยใช้เวลาภายใน 2 ชั่วโมง จากการเปิดจวนผู้ว่านครพนม จัดให้ชมฟรีไปจนถึงวันที่ 17 กันยายน นี้ ต่อด้วยภาพประกวดของช่างภาพมือหนึ่งนำมาโชว์ 3 ที่สุดสู่สุขที่สุด องค์พระธาตุพนม-สะพานมิตรภาพ 3-ทิวทัศน์ริมฝั่งโขง ส่วนศรัทธาที่สุดสู่สุขที่สุดคือองค์พญาศรีสัตนาคราช มีการจัดงานเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาชมได้ทุกวันที่ 10 เดือน 10 ของทุกปี
ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังระดมสืบค้นให้นครพนมเป็นจังหวัดที่มีพระธาตุตั้งอยู่มากที่สุด 30-40 พระธาตุ ปัจจุบันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดเส้นทาง 8 พระธาตุประจำ 7 วันเกิด สร้างแรงจูงใจคนเข้ามาท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีภาพท่องเที่ยวมุมใหม่ใน 12 อำเภอ ในปีต่อไปเบื้องต้นจะจัดแบบปีเว้นปี ระหว่างนี้ยังมีบริการรถรางนำชมเมืองโบราณด้วย
สำหรับจุดขายแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในนครพนม คือการท่องเที่ยวชาติพันธุ์ ซึ่งได้รับการส่งเสริมจากจังหวัดอย่างต่อเนื่อง 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ มีนักท่องเที่ยวหมู่คณะมาเยี่ยมตลอด โดยการจัดกิจกรรมเพิ่มมากมาย รวมถึงการไปสักการะองค์พระธาตุ ท่องเที่ยว กระจายไปยังทุกอำเภอ นำร่อง 8 ชุมชน
นักท่องเที่ยวที่ขับรถเที่ยวเองสามารถสอบถาม ททท.สำนักงานนครพนม เพื่อแนะนำเส้นทาง ขณะนี้มีชุมชนที่พร้อมให้ชมวิถีชีวิตเป็นประจำได้ทุกวันตามปกติ คือ ชนเผ่าไทยกะเริง บ้านหนองขาม อำเภอนาแก ซึ่งมีความโดดเด่นด้านการทอผ้า ย้อมผ้าสมุนไพร และชุมชนไทยข่าก็เข้าชมได้ตลอดเช่นกัน
ช่วงตุลาคม 2561 มีไฮไลต์ท่องเที่ยวนครพนมงานใหญ่ประเพณี “ไหลเรือไฟแม่น้ำโขงและงานกาชาดนครพนม” 24 ตุลาคม 2561 นักท่องเที่ยวต้องวางแผนจองตั๋วเครื่องบินและห้องพักตั้งแต่วันนี้ เพราะห้องพักค่อนข้างเต็ม ราคาห้องพักช่วงเทศกาลจะขยับสูงขึ้นเล็กน้อย
ในวันดังกล่าวจะมีงาน “พาแลงอีสาน” นำเสนออัตลักษณ์อาหารถิ่น ด้วยเมนูแนะนำน้ำพริก 8 ชนเผ่า ทางสภาอุตสาหกรรมและหอการค้าจังหวัด สมาคมท่องเที่ยวนครพนม ร่วมกันจัดไว้เพียง 300 พาแลง เท่านั้น สามารถจองพาแลงได้กับทางหอการค้า สมาคมท่องเที่ยว หรือ ททท.นครพนม
นางสาววสุมน กล่าวถึงโครงการเปิดใหม่ “ตลาดสุนทรี” ริมแม่น้ำโขง เป็นแหล่งท่องเที่ยวแมนเมดด้วยคอนเซ็ปต์การท่องเที่ยว Street Art and Culture Organic Market บอกถึงแหล่งรวมศิลปะ วัฒนธรรม พื้นถิ่น ทั้งศิลปะ วัฒนธรรมวิถี 8 ชนชาติ อาหารถิ่น วิถีกิน และศูนย์รวมสินค้าการเกษตรปลอดสารเคมี มาขาย มาปรุงเป็นเมนูอาหาร ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นการท่องเที่ยว โดยมีศูนย์ศึกษาเพื่อบริการดูงาน ประชุมสัมมนา ทานอาหารอินทรีย์ และจัดงานคราฟท์ ด้วย
บริเวณตลาดจะมีพื้นที่ห้องประชุมขนาด 100 คน และรับจัดพาแลงให้นักท่องเที่ยวที่มาเป็นหมู่คณะ เมนูเด่น ๆ ทั้งนักท่องเที่ยวและสัมมนา พร้อมทั้งจัดการแสดงวัฒนธรรม มีเยาวชนจากโรงเรียนในจังหวัดแสดงโปงลาง ศิลปะ วัฒนธรรม เป็นการสนับสนุนเยาวชนกับผู้สูงวัยได้ร่วมแสดง ร้อยเรียงให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ เห็น และสัมผัส ครบวงจร
สำหรับตลาดสุนทรี ริมโขง นครพนม จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 28 กันยายน 2561 เป็นต้นไป
ขณะที่บทบาทของหอการค้านครพนมที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในฐานะเมืองรองที่มีอนาคตสดใส ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดปูพรมไว้เป็นอย่างดี มีเส้นทางปั่นจักรยานสวยงามสุดเลียบน้ำโขงและวิวเขาฝั่ง สสป.ลาว แนวโน้มการเปิดกิจกรรมท่องเที่ยวใหม่เด่น ๆ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีระบบคมนาคมเข้าถึงและห้องพักโรงแรมที่ได้มาตรฐาน โดยรวมจะสามารถสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งขณะนี้นครพนมกำลังผลักดันยกระดับให้เป็น MICE CITY ของประเทศในเร็ว ๆ นี้ ผนวกเข้ากับจุดขายเมืองเก่ากว่า 232 ของอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ แนวโน้มจะสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชน สินค้าชุมชน ที่ได้รับการสนับสนุนตามโครงการ โอท็อปท่องเที่ยวนวัตวิถี ของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ตอนนี้ได้ใช้งบประมาณ 2.5 ล้านบาท พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ 5 ชุมชน บริเวณ 3 แยกเรณู บริเวณพระธาตุศรีน้อย มีเรื่องเล่าของชุมชนทางหอการค้าจะเข้าไปช่วยส่งเสริมให้คนเข้าไปท่องเที่ยว เพราะระยะทางไม่ไกลสามารถเชื่อมโยงไปยังพระธาตุพนมได้ด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ยกอาคิกูจิญี่ปุ่นไว้ในไทย20-30ก.ย.นี้”
กลุ่มคิง เพาเวอร์ รายงานว่า ได้จับมือสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และมูลนิธิญี่ปุ่น จัดเทศกาลเพื่อคนรักญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ในงาน “AKI-GU-CHI” (อาคิ-กู-จิ) ระหว่าง20-30 กันยายน 2561 เริ่มตั้งแต่ 16.00–22.00 น. ณ ฟาวน์เท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ มาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษอย่างใกล้ชิดวิถีชีวิตแบบชาวญี่ปุ่นเสมือนยกดินแดนปลาดิบมาไว้ใจกลางเมือง
เพลิดเพลินกับร้านค้ากว่า 40 ร้าน ในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ สุนทรีย์ไปกับรสชาติอาหารอันโอชะจากหลากหลายร้านดัง เช่น เมนูซูชิจากร้านดัง Seiryu Sushi ราเมงในตำนานและเนื้อวากิวชั้นเยี่ยมจากร้าน Yamagoya คาเฟ่ขนมหวานจากร้าน Hello Kitty House, Iwane U แพนเค้กสไตล์ญี่ปุ่น Hokkaido Softkream ชื่อดัง พบกับซุ้มขายสินค้าผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
และหลากหลายกิจกรรม เช่น การพับกระดาษโอริกามิ (Origami), DIY เครื่องรางแบบญี่ปุ่นด้วยตัวเอง, เขียนข้อความขอพรทานาบาตะ (Tanabata) และสนุกสนานไปกับการร้องเพลงคาราโอเกะ (Karaoke Instant Box)
วันเปิดงาน 20 กันยายน นี้ ตื่นตากับการแสดง Japan Fan & Umbrella Dance ภายใต้ชื่อชุด “Shuki Sutato” ศิลปะการแสดงวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ถ่ายทอดผ่านอุปกรณ์พัดและร่ม พร้อมชมไฮไลต์โชว์จาก มาริโอ้ เมาเร่อ ที่มาวาดลวดลายวิถีดาบ ในโชว์ชุด Samurai No Tabi หรือการเดินทางของซามูไรผ่านเรื่องราวของฤดูใบไม้ร่วงกับซามูไรและนินจา ซึ่งเป็นการแสดงที่ผสมผสานเอาวัฒนธรรมการละครของญี่ปุ่น (Kabuki & Noh ) ผนวกเข้ากับการเต้นสมัยใหม่ (Popping) ในรูปแบบของ Contemporary dance
สำหรับเทศกาล AKI-GU-CHI (อาคิ-กู-จิ) – Beginning of Autumn การก้าวเข้าสู่เทศกาลแห่งการเริ่มต้นเฉลิมฉลองฤดูกาลใบไม้ร่วง เต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสี หลากหลายมนต์เสน่ห์ที่ถูกนำมารวมไว้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ แบบครบสูตร ภายในงานพบกับการแสดงสุดอลังการ อาทิ การเต้นรำซามูไรแบบญี่ปุ่นร่วมสมัย การแสดงจินตลีลาในชุด Soran Energetic Dance, ศิลปะการป้องกันตัววิถีแห่งดาบของชาวญี่ปุ่นเคนโด้ (Kendo), การต่อสู้ด้วยมือเปล่าคาราเต้โด และไอคิโด สลับสับเปลี่ยนมาให้ชมกันอย่างจุใจ พร้อมกระทบไหล่ศิลปินมากมาย เช่น นนท์-ธนนท์ จำเริญ, เต้-ดาวิชญ์ กรีพลฤกษ์ และตี๋-ธนพล จารุจิตรานนท์ และมินิคอนเสิร์ตจาก โพลีแคท, วงสครัป, ภูมิ-วิภูริศ ศิริรัตน์ และ ลิเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน
โทร.1631 และช่องทางออนไลน์ผ่าน #ExploreEndlessly #KingpowerRangnam #KingpowerAkiguchi2018
ข่าวที่ 2 “ททท.ชวนเที่ยว13งาน-แพร่พาเพลินมาแรง”
นางสมฤดี จิตรจง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เดือนกันยายน 2561 สำนักงานภาคเหนือ ททท.ในประเทศ หลายพื้นที่จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวจำนวนมาก ได้แก่ งานSO ARTS @ NORTH-แพร่พาเพลิน #เดินวนไป สไตล์แป้ จัดระหว่าง 14-16 กันยายน นี้ ที่กาดสามวัย จ.แพร่ งานเล่าเรื่องเมืองลำปาง 21-23 กันยายน ที่ มิวเซียมลำปาง ให้ชมขบวนบวันทาพุทธบูชา สักการะเจติยา มิ่งตะหลีนคร เขลางค์นคร และร่วมสักการะหลวงพ่อดำ ศาลหลักเมือง หลวงพ่อเกษม รวมไปถึงชวนนักท่องเที่ยวไปทำ D.I.Y.หัตถศิลป์ไทย กับ ร้อยลูกปัดมโนราห์ ลุ้นรับโชคและแพกเกจท่องเที่ยวได้ตลอดงาน
งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งมอบหมายให้สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย (สนท.) จัดเป็นแพกเกจท่องเที่ยว ระหว่าง 7-9 ตุลาคม นี้ ราคาเริ่มต้นคนละ 5,488 บาท พาไปชมงานอุ้มพระดำน้ำ และท่องเที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว พระตำหนักเขาค้อ
งานเทศกาลลางสาด ลองกองหวาน สินค้าโอท็อป จ.อุตรดิตถ์ ระหว่างวันนี้-23 กันยายน บริเวณสนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก งาน MAE HONG SON CROSS COUNTRY 2018 RUN วันที่ 30 กันยายน นี้ ที่แม่ฮ่องสอน จัดร่วมกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ให้สิทธิพิเศษเรื่องที่พัก ที่กิน และที่เที่ยว ตามร้านค้าทั่วเมืองที่เข้าร่วมรายการ
นางสาวสิรินาถ ฉัตรศุกภุล ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานแพร่ กล่าวว่า ในการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยงาน “SO ARTS @ NORTH-แพร่พาเพลิน #เดินวนไป สไตล์แป้” ซึ่งเน้นเรื่องผ้าพื้นเมืองแพร่ที่มีชื่อเสียงมัดย้อมด้วยสีธรรมชาติทั้งคราม ฮ่อม และทอผ้าตีนจก ผสมกับงานหัตถศิลป์ทำผลิตภัณฑ์งานไม้ขึ้นชื่อต่าง ๆ โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวจ่ายเงินคนละ 100 บาท เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป D.I.Y.ผ้าชนิดต่าง ๆ งานไม้ อาหารถิ่น แล้วสามารถนำผลงานของตนเองกลับบ้านไปได้ด้วย
ตลอดงานได้แจกคูปอง 2,000 ใบ ไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วจังหวัดแพร่เพื่อรณรงค์ให้นักเรียน เยาวชน คนทั่วไทย เข้ามาร่วมเรียนรู้ ทำเวิร์คช็อป กิจกรรมผ้าพื้นเมือง งานไม้ อาหารถิ่น ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ความโดดเด่นในบ้านเกิดของตนเอง เพื่อที่จะได้ช่วยกันอนุรักษ์รักษาสิ่งที่งดงามนี้ไว้ให้คงอยู่กับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สร้างรายได้เข้าชุมชนต่อเนื่องตลอดไป
สำหรับงาน “SO ARTS @ NORTH-แพร่พาเพลิน #เดินวนไป สไตล์แป้” ททท.จัดขึ้นเป็นเทศกาลส่งเสริมสินค้าและการท่องเที่ยวภาคเหนือ โดยเฉพาะเรื่องผ้าพื้นเมืองเลื่องชื่อที่นักท่องเที่ยวมาถึงแล้วต้องห้ามพลาดอุดหนุนชุมชน รวมทั้งจะใช้งานนี้ปลุกกระแสกลุ่มนักท่องเที่ยวเจนวายเข้ามาสัมผัสกับงาน Crafts ของกลุ่มงานทมือที่สร้างสรรค์จากทุนทางวัฒนธรรม วัตถุดิบ แรงงานฝีมือ ที่กระจายอยู่ทั่วเมืองแพร่
ตลอดงานนักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมหลัก ๆ ได้แก่ 1.เวิร์คช็อป ทำผ้าย้อมคราม เครื่องประดับจากผ้า ของเล่นจากไม้ ขนมเส้น 2.ช้อปปิ้ง ผ้าพื้นเมือง งานคราฟท์สินค้าไอเดียแบบอาร์ต ๆ จากศิลป์ต่างถิ่นที่มาเยือนเมืองแพร่ พร้อมข้อมูลท่องเที่ยวแนวใหม่ของแพร่ 3.ชิมของดีเมืองแพร่
ผอ.สิรินาถ ย้ำว่า การจัดงาน “SO ARTS @ NORTH-แพร่พาเพลิน #เดินวนไป สไตล์แป้” ครั้งนี้ เหล่าศิลปิน กูรู และกลุ่มลูกหลานชาวเมืองแพร่ ต้องการรวมกันกันเพื่อเตรียมจัดงานใหญ่ช่วงปลายปีนี้ คืองาน “แพร่ คราฟท์ 2018” ขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 ธันวาคม 2561 เพื่อโชว์ศักยภาพความเป็นท้องถิ่นแห่งอัตลักษณ์เมืองผ้าและงานคราฟท์แถวหน้าของประเทศ ที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาต่อเนื่องทุกวัน
สำหรับแพร่เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีชื่อเสียงทางด้านการผลิตผ้าพื้นเมืองของภาคเหนือ ที่ได้รับความนิยมจากดีไซเนอร์ไทยและนานาชาติ นำไปใช้ออกแบบแฟชั่น สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยต่อเนื่องมาตลอด
ข่าวที่ 3 “ททท.ผนึกแอร์เอเชียชูพีอาร์ลอยฟ้าเที่ยวไทย”
นายกฤษณะ แก้วธำรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. กล่าวว่า ได้เร่งทำโครงการประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวไทยผ่านการเพนต์เครื่องบินของไทยแอร์เอเชียเป็นลำที่ 4 แต่งลายเรียกว่า “สีสันธารา” โปรโมตปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน-Amazing Thailand Tourism Year 2018 พร้อมกับสร้างการรับรู้แคมเปญ Amazing Thailand - Open to the New Shades โดยดีไซน์ภายในห้องโดยสารเป็นภาพแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามของเมืองรอง เพื่อสร้างบรรยากาศและกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจไปยังสถานที่ทั่วเมืองไทยอื่น ๆ ด้วย
อีกทั้งได้ ททท.ได้เชิญนักออกแบบของคณะมนุษยศาสตร์และการจัดการ การท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มาช่วยเพิ่มเติมเสน่ห์ชุมชนให้โดนใจ ด้วยการออกแบบการนำเสนออาหารท้องถิ่นให้น่าสนใจ น่าถ่ายรูป และปรับปรุงที่พักชุมชนให้ดูน่ารักน่าพักมากยิ่งขึ้น 14 ชุมชน เพื่อโชว์ชาวโซเชียลผ่านกลุ่ม “อาสาโซเชียล” กระตุ้นให้ไปเที่ยวชุมชน 2 วัน 1 คืน
ข่าวที่ 4 “บางจากให้สมาชิกแลกแต้มกินโทสต์ที่AfterYou”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เปิดให้สมาชิกบางจากได้ร่วมรับสิทธิ์ระหว่าง วันนี้-30 พฤศจิกายน 2561 แลกรับฟรี Shibuya Toast มูลค่า 195 บาท ผลิตภัณฑ์อาหารขึ้นชื่อในร้าน After You เพียงแค่ ใช้ 900 คะแนน รับฟรี Shibuya Toast มูลค่า 195 บาท ที่ร้าน After you ตามสาขาที่เข้าร่วมรายการ
วิธีรับสิทธิ์ รับสิทธิ์ผ่าน Bangchak REWARDS ทาง Mobile Application หรือ เว็บไซต์ คลิก โดยแสดงรหัสเพื่อใช้สิทธิ์ ภายใน 1 ชั่วโมง เท่านั้น
โดยกด รับสิทธิ์ ผ่าน Bangchak REWARDS ทาง Mobile Application หรือ Website จำกัดไว้ 1,000 สิทธิ์ / แคมเปญ บัตรสมาชิก 1 บัตร ใช้ได้ 1 สิทธิ์ต่อเดือน ทุกครั้งที่กดจะต้องแสดงรหัสเพื่อรับสิทธิ์ได้ที่ After you สาขาที่ร่วมรายการ หากทำ Code สูญหาย ไม่สามารถขอ Code ทดแทนได้
สอบถามเพิ่มที่ คอลเซ็นเตอร์ 1651 กด 4 เวลา 08.00-21.00 น.
ข่าวที่ 5 “สุวรรณภูมิดึงใน-นอกร่วมมาตรฐานปลอดภัย”
พ.ต.กมล วงศ์สมบุญ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายบำรุงรักษา) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จัดโครงการ "First Care First Safe" ประจำปี 2561 เพื่อสร้างความตื่นกับหน่วยงานภายในและผู้ประกอบการในสนามบินตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาในการดูแลความปลอดภัยงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน
โดยได้จัดบูธแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงานจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ปฏิบัติงาน ภายในของสุวรรณภูมิ ได้แก่ ฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย ฝ่ายบริหารการขนส่งสินค้าทางอากาศ คณะกรรมการความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาวะแวดล้อมในการทำงาน
ส่วนหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง ได้เชิญทั้งหน่วยงานราชการ สายการบิน และผู้ประกอบการ เช่น บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท บางกอกไฟล์ท เซอร์วิสเซส จำกัด บริษัท 3M ประเทศไทย จำกัด โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ และอีกหลายหน่วยงาน เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาตรการความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่จะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังตลอดเวลา
ข่าวที่ 6 “TCEBถกอาเซียนทำAMVSชิงไมซ์ตลาดโลก
TCEB ชิงใช้เวทีไทยเป็นเจ้าภาพประชุมอาเซียนถกร่าง AMVS ยกระดับไมซ์ทั้งภูมิภาคผงาดในตลาดโลก พร้อมดันกลุ่มผู้ประกอบการไทยปี’61 คว้าใบรับรองมาตรฐานเพิ่มอีก 20 แห่ง ตั้งเป้าปี’68 ผนึกอาเซียนผุดมาตรฐานสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษเพิ่ม 1 รายการ ด้านเอกชนประสานเสียงโปรเจ็กต์นี้ทำรายได้ไมซ์ไทยพุ่งสองหลัก
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ในอาเซียนโดยใช้เวทีการประชุม ASEAN MICE Venue Standards - AMVS ระหว่าง 13 - 15 กันยายน 2561 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ หารือการจัดทำร่างมาตรฐานประเภทสถานที่จัดงานแสดงสินค้า ภายในกรอบมาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์ของอาเซียน มุ่งหวังให้คณะทำงานเห็นด้วยกับร่างดังกล่าวเพื่อพัฒนาทำให้ทั้งไทยและอาเซียนแข่งขันได้ดีขึ้นในตลาดไมซ์ระดับโลกต่อไป และตลอดปี 2561 ตั้งเป้าจะมีสถานประกอบการไมซ์ไทยผ่านการรับรองมาตรฐานสถานที่จัดงานอาเซียนเพิ่มขึ้นอีก 20 แห่ง
สำหรับโครงการ AMVS ไทยได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพประชุมคณะทำงาน (ร่าง) มาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์ของอาเซียน หรือ AMVS ร่วมกับสมาชิก 9 ประเทศ ภายใต้คณะทำงานหลักของอาเซียนมีชื่อว่า ASEAN Tourist Professional Monitoring Committee : ATPMC สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของไทยที่ได้กำหนดให้อาเซียนเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์สามารถสร้างประสบการณ์อันหลากหลาย และมีความยั่งยืน เป็นแรงกระตุ้นให้ตลาดนักเดินทางกลุ่มไมซ์ใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป ช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมีมูลค่าและคุณค่าครบวงจร
ตามแผนปี 2568 อาเซียนจะร่วมกันจัดทำมาตรฐานสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษเพิ่มขึ้นอีกรายการ ต่อเนื่องจากเมื่อปี 2557 TCEB ได้ริเริ่มนำเสนอ AMVS ต่อมาปี 2559 ที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการท่องเที่ยวอาเซียนเห็นชอบให้เดินหน้ามาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์โดยใช้มาตรฐานของไทย (Thailand MICE Venue Standards – TMVS) ตามที่บรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวอาเซียน พ.ศ. 2559-2568 (ASEAN Tourism Strategic Plan 2016-2025)
มร.เฟอร์รี่ คาโยโน่ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กล่าวว่า ทีเส็บได้จัดทำแผนพัฒนาเชิงรุกในการรับรองมาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์ของอาเซียน ส่งผลให้ศูนย์ฯ มีการจัดงานไมซ์สมาคมหลักๆ และการจัดประชุมขององค์กรธุรกิจต่างๆ เติบโตเพิ่มถึงสองหลัก จากการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกครบเพื่อให้ผู้วางแผนจัดการประชุมและผู้รับจัดงานเกิดความเชื่อมั่นในการเลือกกรุงเทพเป็นจุดหมายปลายทาง โดยได้ออกแบบปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งในส่วนห้องสวดมนต์ ห้องน้ำ รองรับผู้อาวุโสและคนพิการ จัดฝึกอบรมการบริหารจัดการของเสียต่างๆ
นายสิทธิรัตน์ ห่อทองคำ ผู้จัดการโรงแรมเชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา กล่าวว่า ร่วมมือกับศูนย์บริการข้อมูลไมซ์ และทีเส็บสร้างความแข็งแกร่งในตลาดไมซ์ เพิ่มความสะดวก รวดเร็วสร้างความประทับใจผู้ใช้บริการเอเซียและทั่วโลก ยกระดับไทยก้าวสู่เวทีแข่งขันในระดับสากลอย่างสง่างาม
นางสาวธมลวรรณ ฉลองรัฐกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด โรงแรมดวงจิตต์รีสอร์ทแอนด์สปา หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้การรับรองมาตรฐาน AVMS ดึงความสนใจลูกค้าเอเชียเพิ่มขึ้นมาได้ถึง 19% ทั้งจากสิงคโปร์ มาเลเซีย จีน เวียดนามและไทย
ปัจจุบันไทยมีสถานที่จัดงานที่ได้รับมาตรฐาน AMVS เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ทั่วประเทศมีจำนวน 13 แห่ง มีกลุ่มผู้ประกอบการแบ่งตามภาคต่าง ๆ ประกอบด้วย
1.ในกรุงเทพและปริมณฑล ได้แก่ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โรงแรมเดอะ สุโกศล โรงแรมรามาการ์เด้นส์ โรงแรมอโนมาแกรนด์ กรุงเทพ / โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ สีลม 2.ภาคตะวันออก ได้แก่ โรงแรมพูลแมน พัทยา จี 3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเตล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ 4.กลุ่มผู้ประกอบการในภาคใต้ ได้แก่ โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต 4.ภาคตะวันตก ได้แก่ โรงแรมเชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา
ช่วงที่ 2 เปิดมุมใหม่ท่องเที่ยวใกล้กรุง “จังหวัดสระแก้ว” บุกไปดู “ราชภูมิฟาร์ม” ต้นตำรับ “อีรี่” ไหมมีชีวิตชื่อดัง แล้วฝ่าไอฝนไปชมประติมากรรม “ละลุ” กำแพงดินหน้าทิวเขา จากนั้นก็ไปสัมผัสไอเย็น3 น้ำตก ในอุทยานแห่งชาติปางสีดา ต่อด้วย การมีส่วนร่วมสร้างอายุยืนด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรม 8 อย่างช่วยลดโลกร้อนได้ และข่าวแรง ๆ เรื่องแรก-กรมท่าอากาศยานเทหมดหน้าตัก 20 ปี 3.4 หมื่นบาท เขียนแผนแม่บทพลิกโฉม 28 สนามบินต่างจังหวัด สานฝันรัฐบาลลุงตู่ เรื่องที่สอง-เอ็มดีคนใหม่วิทยุการบิน งัด 4 กลยุทธ์รับมือบริหารจราจรทางอากาศเมืองไทยทะลุ 1 เที่ยวบินชัวร์ปีนี้ เรื่องที่สาม-เครือดุสิตธานีทุ่มแค่ 495 ล้านบาทก็ได้แบรนด์ใหม่ อีลิธ เฮเว่นส์ เป็นแต้มต่อกินรวบตลาดนักเดินทางกลุ่มคนรวย
@เที่ยวสระแก้วเมืองไหมอีรี่-ละลุ-ปางสีดา
ความแปลกใหม่ในการท่องเที่ยวเมืองรองใกล้กรุง “จังหวัดสระแก้ว” จะชวนตามไปดูภูมิปัญญาชาวบ้านแปลกแต่จริง ที่ทำสืบทอดกันมาอย่างยาวนานของ “ราชภูมิฟาร์ม” อำเภอวัฒนานคร นำดักแด้ที่ยังมีชีวิตมาสาวเป็นเส้นไหมแถมสาวไหมเสร็จดักแด้ไม่ตายเหมือนกับกรรมวิธีสาวไหมของจังหวัดอื่น ๆ
ไหมชนิดนี้มีชื่อพันธุ์ว่า “ไหมอีรี่” ทางราชภูคมิฟาร์ม ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรมากมายให้อนุรักษ์กรรมวิธีผลิตอย่างนี้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยี่ยมชม รวมถึงยังได้นำเส้นไหมมาผลิตเป็นผ้าพื้นเมืองจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกตลาดทั่วโลก
จังหวัดสระแก้วเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ในรอยต่อตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม จุดแรก “ละลุ” ประติมากรรมเสาดินธรรมชาติติดชื่อชั้น อันซีน ไทยแลนด์ ก่อตัวขึ้นเป็นแท่งคล้ายแนวกำแพงสลับซับซ้อนแต่ไม่สูงมาก โดยมีแบล็คกราวนด์วิวเขาเขียวขจีเติมแต่งให้ดูงดงาม เหมาะกับการเช็คอิน เซลฟี ถ่ายรูปแชร์ชวนเพื่อน ๆ มาท่องเที่ยว ซึ่งทางชาวบ้านได้รวมกลุ่มกันนำรถอีแต๊กมาเป็นพาหนะพาชมรอบละลุ พร้อมทั้งเปิดบ้านใกล้ ๆ บริการโฮมสเตย์ จัดกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย
ส่วนเส้นทางเที่ยวธรรมชาติ แนะนำ “อุทยานแห่งชาติปางสีดา” เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่มีน้ำตกสวยงามถึง 3 จุด คือ ปางสีดา ผาหินสามชั้น ผาตะเคียน ลักษณะของผืนป่าแห่งนี้จินตนาการได้ว่าภูเขาเป็นทรงเจดีย์แปลกตา มีทุ่งหญ้าเป็นแหล่งอาหารสัตว์ที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิถีชีวิตสัตว์ต่าง ๆ ตอนมาและเล็มกินหญ้าในบางช่วงเวลา
หรือจะเป็น “วัดถ้ำเขาฉกรรจ์” ภูเขาหินปูนดึกดำบรรพ์อายุกว่า 4,000 ปี มีโถงถ้ำภายในให้เดินชมมากถึง 12 ถ้ำ เป็นถิ่นอาศัยของค้างคาวนับล้านตัว รวมถึงมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ภายในให้คนได้สักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย
@8 วิธีที่เราสามารถช่วยลดโลกร้อน
ทำอย่างไรให้โลกนี้น่าอยู่ หายใจสะดวก อากาศสะอาดขึ้นนั้น ความจริงมีวิธีง่าย ๆ
ด้วยพฤติกรรม 8 อย่างที่สามารถแก้ไขเพื่อกู้โลกจากปัญหามลพิษในอากาศได้ดังนี้
1.ลดกินเนื้อ สนับสนุนพืชออร์แกนิก เพราะการทำปศุสัตว์ได้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกแก่โลกสูงถึง 14.5-18% และอาจจะมากไปถึง 51% นี่คือเหตุผลที่การกินเนื้อสัตว์มากทำให้อากาศแย่ลง
2. ประหยัดพลังงานมากขึ้น เพราะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 73% จากพลังงาน เช่น การผลิตไฟฟ้า ดังนั้น ยิ่งใช้ไฟฟ้ามาก ยิ่งสนับสนุนการทำลายอากาศมากขึ้น แก้ไขได้ด้วยการประหยัดพลังงาน เช่น เปลี่ยนหลอดไฟขนาดพอเหมาะ หรือหลอดประหยัดไฟ ถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ และทีวี ที่ไม่ใช้งาน
3. ใช้พลังงานทางเลือกหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ช่วยให้อากาศดีไม่ทำลายอากาศ
4. นำขยะมาใช้ใหม่ ขยะที่ทับถมกันมากจะปล่อยก๊าซมีเทนจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ทำให้อากาศเสีย ลดขยะด้วย
5. เดินทางแบบไม่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง เช่น การเดิน ปั่นจักรยาน ละลดมลพิษในอากาศได้ดีมาก
6. อยู่กับอากาศธรรมชาติ ลดการใช้เครื่องปรับอากาศ เปลี่ยนการใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น หรือจัดบ้านให้เย็น ปลูกต้นไม้มากขึ้น
7. มีส่วนร่วมในการสร้างเมืองคุณภาพ หันมาใช้การขนส่งที่ผลิตก๊าซคาร์บอนต่ำ กระตุ้นเตือนกันและกันเพื่อให้เมืองรับมือกับปัญหาได้ดีขึ้น
8. จัดทำออฟฟิศสีเขียว ใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ หรือใช้ฟิล์มดักความร้อนเพื่อประหยัดพลังงาน เป็นต้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ทย.เท3.4หมื่นล้านเปิดแผน20ปี28สนามบิน”
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “คมนาคมกับอนาคตการขนส่งทางอากาศของไทย” ภายใต้ Airports for All ด้วยการนำเสนอแผนแม่บทการพัฒนาระยะ 20 ปี ของท่าอากาศยาน 28 แห่ง และท่าอากาศยานเบตง ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ประกอบด้วย ช่วงเวลาการพัฒนา รูปแบบการพัฒนา วงเงินลงทุน การรองรับผู้โดยสารในอนาคต และการบริหารจัดการพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน ตลอดจนการพัฒนาสนามบินศุลกากรหรือสนามบินนานาชาติ การยกระดับบริการและความปลอดภัย
จึงมีนโยบายให้วางกรอบการพัฒนาสนามบินใหม่ในภูมิภาค มุ่งเน้นรองรับการขึ้นลงของเครื่องบินเจ็ตทั้งหมดแทนเครื่องแบบใบพัด และจะต้องสร้างมาตรฐานนำเทคโนโลยีที่มีคุณภาพเข้ามาติดตั้งพร้อมให้บริการเผื่ออนาคตอีก 10-20 ปีข้างหน้าด้วย เนื่องจากรัฐบาลต้องการพัฒนาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงแบบครบวงจร ทั้ง 4 ส่วน คือ ระบบราง-ทางบก-ทางน้ำ-ทางอากาศ มุ่งใช้สนามบินทั่วประเทศเป็นเครื่องมือขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน เต็มรูปแบบ ทั้งภายในประเทศและเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายตลาดโลจิสติกส์เอเชีย และทั่วโลก
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน เปิดเผยว่า จะเร่งขับเคลื่อนแผนแม่บททพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาค ระยะ 20 ปี ทั้งทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย ช่วง 10 ปีแรก ขออนุมัติใช้วงเงิน 34,504 ล้านบาท ช่วง 10 ปีหลัง จะต้องประเมินแผนใหม่อีกครั้งจึงไม่สามารถตั้งกรอบวงเงินได้
ตามแผนแม่บทระยะ 20 ปี ของกรมท่าอากาศยาน จะแบ่งการใช้เงินลงทุนพัฒนาดังนี้
ระยะที่ 1 ช่วง 10 ปีแรก ปี 2561-2570 จะใช้เงินลงทุน 34,504 ล้านบาท ดำเนินงาน 2 เฟส
เฟสแรก ปี 2561-2565 วงเงินลงทุน 27,248 ล้านบาทปรับปรุง 17 โครงการและ 1สนามบินใหม่ในเบตง เฟสที่ 2 ปี 2566-2570 วงเงินลงทุน7,259 ล้านบา ปรับปรุงรวม 8 สนามบิน
ระยะที่ 2 ช่วง 10 ปีหลัง ปี 2571-2580 จะเน้นการศึกษาข้อมูลเพื่อการพัฒนาในลำดับต่อไป
ทั้งนี้จะเดินหน้าทำในเรื่องหลัก ๆ เพื่อเข้าสู่มาตรฐานขององค์การการบิรพลเรือนระหว่างประเทศ คือ 1.มาตรฐาน C.I.Q -Custom Immigration Qurantine 2.โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกนะสนามบินทั้งหมด 3.เปิดพื้นที่สนามบินให้เป็นโรงเรียนฝึกการบิน เพื่อผลิตบุคลากรการบิน ให้เพียงพอตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคในอนาคต
ข่าวที่สอง “ผู้นำไทยวิทยุการบินใช้4กลยุทธ์รับมือล้านไฟลต์”
นายสมนึก รงค์ทอง เปิดใจในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด “แอโร่ไทย” ว่าจะบริหารภายใต้ 4 กลยุทธ์ ประกอบด้วย 1.การปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการการเดินอากาศ 2.เพิ่มศักยภาพบุคลากรให้พร้อมรับการเติบโตอย่างยั่งยืน 3.ยกระดับการบริหารจัดการองค์กร 4.บริหารการเปลี่ยนแปลงในระบบบริหารการจราจรทางอากาศ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย ต้อนรับปี 2561 สามารถดูแลปริมาณจราจรทางอากาศได้ถึง 1 ล้านเที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8 %
รวมทั้งแอโร่ไทยจะได้นำข้อมูลของแอร์ที่พยากรณ์ของแอร์บัสการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินอนาคอีก 20 ปีข้างหน้า (2017-2036) ระหว่างปี 2560 – 2579 ทั่วโลกจะมีปริมาณจราจรทางอากาศเติบโตปีละ 4.4 % และเพิ่มขึ้น 2 เท่า ทุก 15 ปี เฉพาะเอเชียแปซิฟิกเติบโตถึงปีละ 5.5 % สูงกว่าทั้งภูมิภาคยุโรปโตเพียงปีละ 3.3 % อเมริกาเหนือโต 3.4 %
ส่วนไทยปี 2561 สถิติ 8 เดือนแรก มกราคม – สิงหาคม มีจำนวน 698,283 เที่ยว เฉลี่ยวันละ 2,874 เที่ยว คาดธันวาคมนี้จะมีปริมาณเที่ยวบินกว่า 1 ล้านเที่ยว
ข่าวที่สาม “เครือดุสิตทุ่ม500ล้านชูอีลิทเฮเว่นส์ดูดคนรวย”
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) “DTC” เปิดเผยว่า ได้นำบริษัท Dusit Overseas Company Limited จดทะเบียนที่ฮ่องกง เข้าลงทุนโดยใช้เงินประมาณ 495 ล้านบาท (15 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซื้อหุ้นทั้งหมดของ LVM Holdings Pte Ltd. เจ้าของแบรนด์ “อีลิธ เฮเวนส์-Elite Havens” ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจบริหารจัดการและให้เช่าวิลล่าหรูรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีเครือข่ายวิลล่าอยู่ทั่วโลก 200 แห่งทั้งอินโดนีเซีย ศรีลังกา มัลดีฟส์ และไทย การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นโอกาสขยายตลาดในอนาคตตามไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มองหาวิลล่าขนาดใหญ่ที่หรูหรา สะดวกสบาย และมีความเป็นส่วนตัว
เมื่อปี 2560 ดุสิตธานีได้ทดลองขยายตลาดในลักษณะ “sharing-economy /เศรษฐกิจแบ่งปัน” ผ่านการลงทุนในบริษัท เฟฟเสตย์ (favstay) ขยายฐานเจาะกลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียลผ่านแบรนด์ “อาศัย” (ASAI) ไลฟ์ไสตล์บูทิคโฮเต็ล ส่วนการลงทุนใน Elite Hvaens ครั้งนี้ตั้งเป้าหมายรุกเข้าสู่ธุรกิจบริหารและให้เช่าวิลล่าหรู เพื่อทำให้เกิดการขยายโปรดักซ์กวาดทุกตลาดนั่นเอง
ติดตามฟังรายได้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
รัฐ-เอกชนแห่ขยายทัวร์ชุมชน-ขึ้นน้องใหม่ไมซ์ซิตี้
คิงเพาเวอร์นำ“อาคิกูจิญี่ปุ่น”จัดใหญ่ใจกลางกรุง
ททท.เหนือเท7งานปิดงบฯ-แพร่พาเพลินคึกสุด ๆ
ททท.ควงแอร์เอเชียพีอาร์ลอยฟ้าเที่ยวไทยยั่งยืน
บางจากให้สิทธิ์ใช้แต้มแลกชิบุย่าโทสต์AfterYou
ทอท.จัดมหกรรมมาตรฐาน"สุวรรณภูมิปลอดภัย"
TCEBผนึกอาเซียนใช้AMVSครองตลาดไมซ์โลก
ทัวร์ใกล้กรุงสระแก้วบุกดงไหมอีรี่-ละลุ-ปางสีดา
เปลี่ยนพฤติกรรมทำอายุยืนกับ8วิธีลดโลกร้อน
รัฐเท3.4หมื่นล้านปั้นแผน20ปีพลิก28สนามบิน
ดุสิตใช้495ล้านซื้ออีลิทเฮเว่นส์ดูดลูกค้าคนรวย
ผู้นำใหม่แอโร่ไทยงัด4กลยุทธ์รับมือ1ล้านไฟลต์
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ทางมือถือ และอ่านที่ www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 เปิดโลกเมืองรองริมฝั่งโขงกับ “วสุมน เนตรกิจเจริญ” กรรมการผู้จัดการ วิน วิน สไมล์ และประธานหอการค้าฝ่ายท่องเที่ยวและบริการ ที่กำลังเนื้อหอมมีสายการบินแห่บินตรงวันละ 5 เที่ยว รัฐและเอกชนกำลังผลักดันยกเป็นเมือง MICE CITY ส่วนโรงแรมห้องพักตอนนี้เต็มเกือบทุกเดือน ช่วงเทศกาลต้องจองล่วงหน้า แถมตอนนี้มีตลาดใหม่ “สุนทรี” พร้อมห้องประชุมจุถึง 100 คน ขณะนี้กรมการพัฒนาชุมชนเทงบก้อนแรก 2.5 ล้านบาท นำร่องเปิดจุดขายท่องเที่ยวนวัตวิถี 5 ชุมชน เริ่มพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป
 |
| นางสาววสุมน เนตรกิจเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิน วิน สไมล์ จำกัด และรองประธานหอการค้าฝ่ายท่องเที่ยวและบริการจังหวัดนครพนม |
นางสาววสุมน เนตรกิจเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิน วิน สไมล์ จำกัด และรองประธานหอการค้าฝ่ายท่องเที่ยวและบริการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เป็นเมืองรองที่น่าลองมาท่องเที่ยวและจะต้องจองล่วงหน้า เพราะกำลังมาแรง มีสายการบินมีถึงวันละ 5 เที่ยว ทำให้ห้องพักโรงแรมเต็ม โดยได้จัดงานฉลองการเปลี่ยนชื่อจากมรุกขนครมาเป็นนครพนมได้ 232 ปี โดยได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่าง 11-15 กันยายน 2561 มาคนจากทั่วสารทิศมาร่ายรำบวงสรวงมากถึง 10,232 คน แสดงถึงวัฒนธรรมอันงดงาม ตามที่คุณสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมย้ำว่างานนี้จัดขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงความโดดเด่นของเมืองรอง ซึ่งปัจจุบันมีไฮไลต์วิถีชีวิต 8 ชาติพันธุ์ 2 เชื้อชาติ
ตลอดงานยังได้จัดกิจกรรม “เล่าเรื่องเมืองเก่า” สร้างการรับรู้แก่นักท่องเที่ยว ไว้ที่หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ โดยรวบรวมภาพเก่านครพนมยุคก่อนประวัติศาสตร์สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ซึ่งมีหลักฐานวัตถุโบราณบ่งบอกถึงอายุเมือง ส่งผ่านมาถึงมรุกขนคร ก่อนย้ายถิ่นฐานมาอยู่ยังที่ตั้งปัจจุบัน รวมทั้งนำภาพหายากคือ พระธาตุพนม มาให้ชมด้วย
ส่วนการจัดนำเที่ยวนครพนมด้วยภาพได้ทุกแห่งโดยใช้เวลาภายใน 2 ชั่วโมง จากการเปิดจวนผู้ว่านครพนม จัดให้ชมฟรีไปจนถึงวันที่ 17 กันยายน นี้ ต่อด้วยภาพประกวดของช่างภาพมือหนึ่งนำมาโชว์ 3 ที่สุดสู่สุขที่สุด องค์พระธาตุพนม-สะพานมิตรภาพ 3-ทิวทัศน์ริมฝั่งโขง ส่วนศรัทธาที่สุดสู่สุขที่สุดคือองค์พญาศรีสัตนาคราช มีการจัดงานเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาชมได้ทุกวันที่ 10 เดือน 10 ของทุกปี
ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังระดมสืบค้นให้นครพนมเป็นจังหวัดที่มีพระธาตุตั้งอยู่มากที่สุด 30-40 พระธาตุ ปัจจุบันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดเส้นทาง 8 พระธาตุประจำ 7 วันเกิด สร้างแรงจูงใจคนเข้ามาท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีภาพท่องเที่ยวมุมใหม่ใน 12 อำเภอ ในปีต่อไปเบื้องต้นจะจัดแบบปีเว้นปี ระหว่างนี้ยังมีบริการรถรางนำชมเมืองโบราณด้วย
สำหรับจุดขายแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในนครพนม คือการท่องเที่ยวชาติพันธุ์ ซึ่งได้รับการส่งเสริมจากจังหวัดอย่างต่อเนื่อง 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ มีนักท่องเที่ยวหมู่คณะมาเยี่ยมตลอด โดยการจัดกิจกรรมเพิ่มมากมาย รวมถึงการไปสักการะองค์พระธาตุ ท่องเที่ยว กระจายไปยังทุกอำเภอ นำร่อง 8 ชุมชน
นักท่องเที่ยวที่ขับรถเที่ยวเองสามารถสอบถาม ททท.สำนักงานนครพนม เพื่อแนะนำเส้นทาง ขณะนี้มีชุมชนที่พร้อมให้ชมวิถีชีวิตเป็นประจำได้ทุกวันตามปกติ คือ ชนเผ่าไทยกะเริง บ้านหนองขาม อำเภอนาแก ซึ่งมีความโดดเด่นด้านการทอผ้า ย้อมผ้าสมุนไพร และชุมชนไทยข่าก็เข้าชมได้ตลอดเช่นกัน
ช่วงตุลาคม 2561 มีไฮไลต์ท่องเที่ยวนครพนมงานใหญ่ประเพณี “ไหลเรือไฟแม่น้ำโขงและงานกาชาดนครพนม” 24 ตุลาคม 2561 นักท่องเที่ยวต้องวางแผนจองตั๋วเครื่องบินและห้องพักตั้งแต่วันนี้ เพราะห้องพักค่อนข้างเต็ม ราคาห้องพักช่วงเทศกาลจะขยับสูงขึ้นเล็กน้อย
ในวันดังกล่าวจะมีงาน “พาแลงอีสาน” นำเสนออัตลักษณ์อาหารถิ่น ด้วยเมนูแนะนำน้ำพริก 8 ชนเผ่า ทางสภาอุตสาหกรรมและหอการค้าจังหวัด สมาคมท่องเที่ยวนครพนม ร่วมกันจัดไว้เพียง 300 พาแลง เท่านั้น สามารถจองพาแลงได้กับทางหอการค้า สมาคมท่องเที่ยว หรือ ททท.นครพนม
นางสาววสุมน กล่าวถึงโครงการเปิดใหม่ “ตลาดสุนทรี” ริมแม่น้ำโขง เป็นแหล่งท่องเที่ยวแมนเมดด้วยคอนเซ็ปต์การท่องเที่ยว Street Art and Culture Organic Market บอกถึงแหล่งรวมศิลปะ วัฒนธรรม พื้นถิ่น ทั้งศิลปะ วัฒนธรรมวิถี 8 ชนชาติ อาหารถิ่น วิถีกิน และศูนย์รวมสินค้าการเกษตรปลอดสารเคมี มาขาย มาปรุงเป็นเมนูอาหาร ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นการท่องเที่ยว โดยมีศูนย์ศึกษาเพื่อบริการดูงาน ประชุมสัมมนา ทานอาหารอินทรีย์ และจัดงานคราฟท์ ด้วย
บริเวณตลาดจะมีพื้นที่ห้องประชุมขนาด 100 คน และรับจัดพาแลงให้นักท่องเที่ยวที่มาเป็นหมู่คณะ เมนูเด่น ๆ ทั้งนักท่องเที่ยวและสัมมนา พร้อมทั้งจัดการแสดงวัฒนธรรม มีเยาวชนจากโรงเรียนในจังหวัดแสดงโปงลาง ศิลปะ วัฒนธรรม เป็นการสนับสนุนเยาวชนกับผู้สูงวัยได้ร่วมแสดง ร้อยเรียงให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ เห็น และสัมผัส ครบวงจร
สำหรับตลาดสุนทรี ริมโขง นครพนม จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 28 กันยายน 2561 เป็นต้นไป
ขณะที่บทบาทของหอการค้านครพนมที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในฐานะเมืองรองที่มีอนาคตสดใส ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดปูพรมไว้เป็นอย่างดี มีเส้นทางปั่นจักรยานสวยงามสุดเลียบน้ำโขงและวิวเขาฝั่ง สสป.ลาว แนวโน้มการเปิดกิจกรรมท่องเที่ยวใหม่เด่น ๆ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีระบบคมนาคมเข้าถึงและห้องพักโรงแรมที่ได้มาตรฐาน โดยรวมจะสามารถสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งขณะนี้นครพนมกำลังผลักดันยกระดับให้เป็น MICE CITY ของประเทศในเร็ว ๆ นี้ ผนวกเข้ากับจุดขายเมืองเก่ากว่า 232 ของอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ แนวโน้มจะสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชน สินค้าชุมชน ที่ได้รับการสนับสนุนตามโครงการ โอท็อปท่องเที่ยวนวัตวิถี ของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ตอนนี้ได้ใช้งบประมาณ 2.5 ล้านบาท พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ 5 ชุมชน บริเวณ 3 แยกเรณู บริเวณพระธาตุศรีน้อย มีเรื่องเล่าของชุมชนทางหอการค้าจะเข้าไปช่วยส่งเสริมให้คนเข้าไปท่องเที่ยว เพราะระยะทางไม่ไกลสามารถเชื่อมโยงไปยังพระธาตุพนมได้ด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ยกอาคิกูจิญี่ปุ่นไว้ในไทย20-30ก.ย.นี้”
กลุ่มคิง เพาเวอร์ รายงานว่า ได้จับมือสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และมูลนิธิญี่ปุ่น จัดเทศกาลเพื่อคนรักญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ในงาน “AKI-GU-CHI” (อาคิ-กู-จิ) ระหว่าง20-30 กันยายน 2561 เริ่มตั้งแต่ 16.00–22.00 น. ณ ฟาวน์เท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ มาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษอย่างใกล้ชิดวิถีชีวิตแบบชาวญี่ปุ่นเสมือนยกดินแดนปลาดิบมาไว้ใจกลางเมือง
เพลิดเพลินกับร้านค้ากว่า 40 ร้าน ในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ สุนทรีย์ไปกับรสชาติอาหารอันโอชะจากหลากหลายร้านดัง เช่น เมนูซูชิจากร้านดัง Seiryu Sushi ราเมงในตำนานและเนื้อวากิวชั้นเยี่ยมจากร้าน Yamagoya คาเฟ่ขนมหวานจากร้าน Hello Kitty House, Iwane U แพนเค้กสไตล์ญี่ปุ่น Hokkaido Softkream ชื่อดัง พบกับซุ้มขายสินค้าผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
และหลากหลายกิจกรรม เช่น การพับกระดาษโอริกามิ (Origami), DIY เครื่องรางแบบญี่ปุ่นด้วยตัวเอง, เขียนข้อความขอพรทานาบาตะ (Tanabata) และสนุกสนานไปกับการร้องเพลงคาราโอเกะ (Karaoke Instant Box)
วันเปิดงาน 20 กันยายน นี้ ตื่นตากับการแสดง Japan Fan & Umbrella Dance ภายใต้ชื่อชุด “Shuki Sutato” ศิลปะการแสดงวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ถ่ายทอดผ่านอุปกรณ์พัดและร่ม พร้อมชมไฮไลต์โชว์จาก มาริโอ้ เมาเร่อ ที่มาวาดลวดลายวิถีดาบ ในโชว์ชุด Samurai No Tabi หรือการเดินทางของซามูไรผ่านเรื่องราวของฤดูใบไม้ร่วงกับซามูไรและนินจา ซึ่งเป็นการแสดงที่ผสมผสานเอาวัฒนธรรมการละครของญี่ปุ่น (Kabuki & Noh ) ผนวกเข้ากับการเต้นสมัยใหม่ (Popping) ในรูปแบบของ Contemporary dance
สำหรับเทศกาล AKI-GU-CHI (อาคิ-กู-จิ) – Beginning of Autumn การก้าวเข้าสู่เทศกาลแห่งการเริ่มต้นเฉลิมฉลองฤดูกาลใบไม้ร่วง เต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสี หลากหลายมนต์เสน่ห์ที่ถูกนำมารวมไว้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ แบบครบสูตร ภายในงานพบกับการแสดงสุดอลังการ อาทิ การเต้นรำซามูไรแบบญี่ปุ่นร่วมสมัย การแสดงจินตลีลาในชุด Soran Energetic Dance, ศิลปะการป้องกันตัววิถีแห่งดาบของชาวญี่ปุ่นเคนโด้ (Kendo), การต่อสู้ด้วยมือเปล่าคาราเต้โด และไอคิโด สลับสับเปลี่ยนมาให้ชมกันอย่างจุใจ พร้อมกระทบไหล่ศิลปินมากมาย เช่น นนท์-ธนนท์ จำเริญ, เต้-ดาวิชญ์ กรีพลฤกษ์ และตี๋-ธนพล จารุจิตรานนท์ และมินิคอนเสิร์ตจาก โพลีแคท, วงสครัป, ภูมิ-วิภูริศ ศิริรัตน์ และ ลิเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน
โทร.1631 และช่องทางออนไลน์ผ่าน #ExploreEndlessly #KingpowerRangnam #KingpowerAkiguchi2018
ข่าวที่ 2 “ททท.ชวนเที่ยว13งาน-แพร่พาเพลินมาแรง”
นางสมฤดี จิตรจง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เดือนกันยายน 2561 สำนักงานภาคเหนือ ททท.ในประเทศ หลายพื้นที่จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวจำนวนมาก ได้แก่ งานSO ARTS @ NORTH-แพร่พาเพลิน #เดินวนไป สไตล์แป้ จัดระหว่าง 14-16 กันยายน นี้ ที่กาดสามวัย จ.แพร่ งานเล่าเรื่องเมืองลำปาง 21-23 กันยายน ที่ มิวเซียมลำปาง ให้ชมขบวนบวันทาพุทธบูชา สักการะเจติยา มิ่งตะหลีนคร เขลางค์นคร และร่วมสักการะหลวงพ่อดำ ศาลหลักเมือง หลวงพ่อเกษม รวมไปถึงชวนนักท่องเที่ยวไปทำ D.I.Y.หัตถศิลป์ไทย กับ ร้อยลูกปัดมโนราห์ ลุ้นรับโชคและแพกเกจท่องเที่ยวได้ตลอดงาน
งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งมอบหมายให้สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย (สนท.) จัดเป็นแพกเกจท่องเที่ยว ระหว่าง 7-9 ตุลาคม นี้ ราคาเริ่มต้นคนละ 5,488 บาท พาไปชมงานอุ้มพระดำน้ำ และท่องเที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว พระตำหนักเขาค้อ
งานเทศกาลลางสาด ลองกองหวาน สินค้าโอท็อป จ.อุตรดิตถ์ ระหว่างวันนี้-23 กันยายน บริเวณสนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก งาน MAE HONG SON CROSS COUNTRY 2018 RUN วันที่ 30 กันยายน นี้ ที่แม่ฮ่องสอน จัดร่วมกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ให้สิทธิพิเศษเรื่องที่พัก ที่กิน และที่เที่ยว ตามร้านค้าทั่วเมืองที่เข้าร่วมรายการ
นางสาวสิรินาถ ฉัตรศุกภุล ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานแพร่ กล่าวว่า ในการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยงาน “SO ARTS @ NORTH-แพร่พาเพลิน #เดินวนไป สไตล์แป้” ซึ่งเน้นเรื่องผ้าพื้นเมืองแพร่ที่มีชื่อเสียงมัดย้อมด้วยสีธรรมชาติทั้งคราม ฮ่อม และทอผ้าตีนจก ผสมกับงานหัตถศิลป์ทำผลิตภัณฑ์งานไม้ขึ้นชื่อต่าง ๆ โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวจ่ายเงินคนละ 100 บาท เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป D.I.Y.ผ้าชนิดต่าง ๆ งานไม้ อาหารถิ่น แล้วสามารถนำผลงานของตนเองกลับบ้านไปได้ด้วย
ตลอดงานได้แจกคูปอง 2,000 ใบ ไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วจังหวัดแพร่เพื่อรณรงค์ให้นักเรียน เยาวชน คนทั่วไทย เข้ามาร่วมเรียนรู้ ทำเวิร์คช็อป กิจกรรมผ้าพื้นเมือง งานไม้ อาหารถิ่น ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ความโดดเด่นในบ้านเกิดของตนเอง เพื่อที่จะได้ช่วยกันอนุรักษ์รักษาสิ่งที่งดงามนี้ไว้ให้คงอยู่กับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สร้างรายได้เข้าชุมชนต่อเนื่องตลอดไป
สำหรับงาน “SO ARTS @ NORTH-แพร่พาเพลิน #เดินวนไป สไตล์แป้” ททท.จัดขึ้นเป็นเทศกาลส่งเสริมสินค้าและการท่องเที่ยวภาคเหนือ โดยเฉพาะเรื่องผ้าพื้นเมืองเลื่องชื่อที่นักท่องเที่ยวมาถึงแล้วต้องห้ามพลาดอุดหนุนชุมชน รวมทั้งจะใช้งานนี้ปลุกกระแสกลุ่มนักท่องเที่ยวเจนวายเข้ามาสัมผัสกับงาน Crafts ของกลุ่มงานทมือที่สร้างสรรค์จากทุนทางวัฒนธรรม วัตถุดิบ แรงงานฝีมือ ที่กระจายอยู่ทั่วเมืองแพร่
ตลอดงานนักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมหลัก ๆ ได้แก่ 1.เวิร์คช็อป ทำผ้าย้อมคราม เครื่องประดับจากผ้า ของเล่นจากไม้ ขนมเส้น 2.ช้อปปิ้ง ผ้าพื้นเมือง งานคราฟท์สินค้าไอเดียแบบอาร์ต ๆ จากศิลป์ต่างถิ่นที่มาเยือนเมืองแพร่ พร้อมข้อมูลท่องเที่ยวแนวใหม่ของแพร่ 3.ชิมของดีเมืองแพร่
ผอ.สิรินาถ ย้ำว่า การจัดงาน “SO ARTS @ NORTH-แพร่พาเพลิน #เดินวนไป สไตล์แป้” ครั้งนี้ เหล่าศิลปิน กูรู และกลุ่มลูกหลานชาวเมืองแพร่ ต้องการรวมกันกันเพื่อเตรียมจัดงานใหญ่ช่วงปลายปีนี้ คืองาน “แพร่ คราฟท์ 2018” ขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 ธันวาคม 2561 เพื่อโชว์ศักยภาพความเป็นท้องถิ่นแห่งอัตลักษณ์เมืองผ้าและงานคราฟท์แถวหน้าของประเทศ ที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาต่อเนื่องทุกวัน
สำหรับแพร่เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีชื่อเสียงทางด้านการผลิตผ้าพื้นเมืองของภาคเหนือ ที่ได้รับความนิยมจากดีไซเนอร์ไทยและนานาชาติ นำไปใช้ออกแบบแฟชั่น สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยต่อเนื่องมาตลอด
ข่าวที่ 3 “ททท.ผนึกแอร์เอเชียชูพีอาร์ลอยฟ้าเที่ยวไทย”
นายกฤษณะ แก้วธำรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. กล่าวว่า ได้เร่งทำโครงการประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวไทยผ่านการเพนต์เครื่องบินของไทยแอร์เอเชียเป็นลำที่ 4 แต่งลายเรียกว่า “สีสันธารา” โปรโมตปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน-Amazing Thailand Tourism Year 2018 พร้อมกับสร้างการรับรู้แคมเปญ Amazing Thailand - Open to the New Shades โดยดีไซน์ภายในห้องโดยสารเป็นภาพแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามของเมืองรอง เพื่อสร้างบรรยากาศและกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจไปยังสถานที่ทั่วเมืองไทยอื่น ๆ ด้วย
อีกทั้งได้ ททท.ได้เชิญนักออกแบบของคณะมนุษยศาสตร์และการจัดการ การท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มาช่วยเพิ่มเติมเสน่ห์ชุมชนให้โดนใจ ด้วยการออกแบบการนำเสนออาหารท้องถิ่นให้น่าสนใจ น่าถ่ายรูป และปรับปรุงที่พักชุมชนให้ดูน่ารักน่าพักมากยิ่งขึ้น 14 ชุมชน เพื่อโชว์ชาวโซเชียลผ่านกลุ่ม “อาสาโซเชียล” กระตุ้นให้ไปเที่ยวชุมชน 2 วัน 1 คืน
ข่าวที่ 4 “บางจากให้สมาชิกแลกแต้มกินโทสต์ที่AfterYou”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เปิดให้สมาชิกบางจากได้ร่วมรับสิทธิ์ระหว่าง วันนี้-30 พฤศจิกายน 2561 แลกรับฟรี Shibuya Toast มูลค่า 195 บาท ผลิตภัณฑ์อาหารขึ้นชื่อในร้าน After You เพียงแค่ ใช้ 900 คะแนน รับฟรี Shibuya Toast มูลค่า 195 บาท ที่ร้าน After you ตามสาขาที่เข้าร่วมรายการ
วิธีรับสิทธิ์ รับสิทธิ์ผ่าน Bangchak REWARDS ทาง Mobile Application หรือ เว็บไซต์ คลิก โดยแสดงรหัสเพื่อใช้สิทธิ์ ภายใน 1 ชั่วโมง เท่านั้น
โดยกด รับสิทธิ์ ผ่าน Bangchak REWARDS ทาง Mobile Application หรือ Website จำกัดไว้ 1,000 สิทธิ์ / แคมเปญ บัตรสมาชิก 1 บัตร ใช้ได้ 1 สิทธิ์ต่อเดือน ทุกครั้งที่กดจะต้องแสดงรหัสเพื่อรับสิทธิ์ได้ที่ After you สาขาที่ร่วมรายการ หากทำ Code สูญหาย ไม่สามารถขอ Code ทดแทนได้
สอบถามเพิ่มที่ คอลเซ็นเตอร์ 1651 กด 4 เวลา 08.00-21.00 น.
ข่าวที่ 5 “สุวรรณภูมิดึงใน-นอกร่วมมาตรฐานปลอดภัย”
พ.ต.กมล วงศ์สมบุญ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายบำรุงรักษา) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จัดโครงการ "First Care First Safe" ประจำปี 2561 เพื่อสร้างความตื่นกับหน่วยงานภายในและผู้ประกอบการในสนามบินตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาในการดูแลความปลอดภัยงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน
โดยได้จัดบูธแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงานจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ปฏิบัติงาน ภายในของสุวรรณภูมิ ได้แก่ ฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย ฝ่ายบริหารการขนส่งสินค้าทางอากาศ คณะกรรมการความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาวะแวดล้อมในการทำงาน
ส่วนหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง ได้เชิญทั้งหน่วยงานราชการ สายการบิน และผู้ประกอบการ เช่น บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท บางกอกไฟล์ท เซอร์วิสเซส จำกัด บริษัท 3M ประเทศไทย จำกัด โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ และอีกหลายหน่วยงาน เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาตรการความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่จะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังตลอดเวลา
ข่าวที่ 6 “TCEBถกอาเซียนทำAMVSชิงไมซ์ตลาดโลก
TCEB ชิงใช้เวทีไทยเป็นเจ้าภาพประชุมอาเซียนถกร่าง AMVS ยกระดับไมซ์ทั้งภูมิภาคผงาดในตลาดโลก พร้อมดันกลุ่มผู้ประกอบการไทยปี’61 คว้าใบรับรองมาตรฐานเพิ่มอีก 20 แห่ง ตั้งเป้าปี’68 ผนึกอาเซียนผุดมาตรฐานสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษเพิ่ม 1 รายการ ด้านเอกชนประสานเสียงโปรเจ็กต์นี้ทำรายได้ไมซ์ไทยพุ่งสองหลัก
 |
| จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” |
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ในอาเซียนโดยใช้เวทีการประชุม ASEAN MICE Venue Standards - AMVS ระหว่าง 13 - 15 กันยายน 2561 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ หารือการจัดทำร่างมาตรฐานประเภทสถานที่จัดงานแสดงสินค้า ภายในกรอบมาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์ของอาเซียน มุ่งหวังให้คณะทำงานเห็นด้วยกับร่างดังกล่าวเพื่อพัฒนาทำให้ทั้งไทยและอาเซียนแข่งขันได้ดีขึ้นในตลาดไมซ์ระดับโลกต่อไป และตลอดปี 2561 ตั้งเป้าจะมีสถานประกอบการไมซ์ไทยผ่านการรับรองมาตรฐานสถานที่จัดงานอาเซียนเพิ่มขึ้นอีก 20 แห่ง
สำหรับโครงการ AMVS ไทยได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพประชุมคณะทำงาน (ร่าง) มาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์ของอาเซียน หรือ AMVS ร่วมกับสมาชิก 9 ประเทศ ภายใต้คณะทำงานหลักของอาเซียนมีชื่อว่า ASEAN Tourist Professional Monitoring Committee : ATPMC สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของไทยที่ได้กำหนดให้อาเซียนเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์สามารถสร้างประสบการณ์อันหลากหลาย และมีความยั่งยืน เป็นแรงกระตุ้นให้ตลาดนักเดินทางกลุ่มไมซ์ใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป ช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมีมูลค่าและคุณค่าครบวงจร
ตามแผนปี 2568 อาเซียนจะร่วมกันจัดทำมาตรฐานสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษเพิ่มขึ้นอีกรายการ ต่อเนื่องจากเมื่อปี 2557 TCEB ได้ริเริ่มนำเสนอ AMVS ต่อมาปี 2559 ที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการท่องเที่ยวอาเซียนเห็นชอบให้เดินหน้ามาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์โดยใช้มาตรฐานของไทย (Thailand MICE Venue Standards – TMVS) ตามที่บรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวอาเซียน พ.ศ. 2559-2568 (ASEAN Tourism Strategic Plan 2016-2025)
มร.เฟอร์รี่ คาโยโน่ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กล่าวว่า ทีเส็บได้จัดทำแผนพัฒนาเชิงรุกในการรับรองมาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์ของอาเซียน ส่งผลให้ศูนย์ฯ มีการจัดงานไมซ์สมาคมหลักๆ และการจัดประชุมขององค์กรธุรกิจต่างๆ เติบโตเพิ่มถึงสองหลัก จากการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกครบเพื่อให้ผู้วางแผนจัดการประชุมและผู้รับจัดงานเกิดความเชื่อมั่นในการเลือกกรุงเทพเป็นจุดหมายปลายทาง โดยได้ออกแบบปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งในส่วนห้องสวดมนต์ ห้องน้ำ รองรับผู้อาวุโสและคนพิการ จัดฝึกอบรมการบริหารจัดการของเสียต่างๆ
นายสิทธิรัตน์ ห่อทองคำ ผู้จัดการโรงแรมเชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา กล่าวว่า ร่วมมือกับศูนย์บริการข้อมูลไมซ์ และทีเส็บสร้างความแข็งแกร่งในตลาดไมซ์ เพิ่มความสะดวก รวดเร็วสร้างความประทับใจผู้ใช้บริการเอเซียและทั่วโลก ยกระดับไทยก้าวสู่เวทีแข่งขันในระดับสากลอย่างสง่างาม
นางสาวธมลวรรณ ฉลองรัฐกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด โรงแรมดวงจิตต์รีสอร์ทแอนด์สปา หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้การรับรองมาตรฐาน AVMS ดึงความสนใจลูกค้าเอเชียเพิ่มขึ้นมาได้ถึง 19% ทั้งจากสิงคโปร์ มาเลเซีย จีน เวียดนามและไทย
ปัจจุบันไทยมีสถานที่จัดงานที่ได้รับมาตรฐาน AMVS เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ทั่วประเทศมีจำนวน 13 แห่ง มีกลุ่มผู้ประกอบการแบ่งตามภาคต่าง ๆ ประกอบด้วย
1.ในกรุงเทพและปริมณฑล ได้แก่ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โรงแรมเดอะ สุโกศล โรงแรมรามาการ์เด้นส์ โรงแรมอโนมาแกรนด์ กรุงเทพ / โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ สีลม 2.ภาคตะวันออก ได้แก่ โรงแรมพูลแมน พัทยา จี 3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเตล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ 4.กลุ่มผู้ประกอบการในภาคใต้ ได้แก่ โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต 4.ภาคตะวันตก ได้แก่ โรงแรมเชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา
ช่วงที่ 2 เปิดมุมใหม่ท่องเที่ยวใกล้กรุง “จังหวัดสระแก้ว” บุกไปดู “ราชภูมิฟาร์ม” ต้นตำรับ “อีรี่” ไหมมีชีวิตชื่อดัง แล้วฝ่าไอฝนไปชมประติมากรรม “ละลุ” กำแพงดินหน้าทิวเขา จากนั้นก็ไปสัมผัสไอเย็น3 น้ำตก ในอุทยานแห่งชาติปางสีดา ต่อด้วย การมีส่วนร่วมสร้างอายุยืนด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรม 8 อย่างช่วยลดโลกร้อนได้ และข่าวแรง ๆ เรื่องแรก-กรมท่าอากาศยานเทหมดหน้าตัก 20 ปี 3.4 หมื่นบาท เขียนแผนแม่บทพลิกโฉม 28 สนามบินต่างจังหวัด สานฝันรัฐบาลลุงตู่ เรื่องที่สอง-เอ็มดีคนใหม่วิทยุการบิน งัด 4 กลยุทธ์รับมือบริหารจราจรทางอากาศเมืองไทยทะลุ 1 เที่ยวบินชัวร์ปีนี้ เรื่องที่สาม-เครือดุสิตธานีทุ่มแค่ 495 ล้านบาทก็ได้แบรนด์ใหม่ อีลิธ เฮเว่นส์ เป็นแต้มต่อกินรวบตลาดนักเดินทางกลุ่มคนรวย
@เที่ยวสระแก้วเมืองไหมอีรี่-ละลุ-ปางสีดา
ความแปลกใหม่ในการท่องเที่ยวเมืองรองใกล้กรุง “จังหวัดสระแก้ว” จะชวนตามไปดูภูมิปัญญาชาวบ้านแปลกแต่จริง ที่ทำสืบทอดกันมาอย่างยาวนานของ “ราชภูมิฟาร์ม” อำเภอวัฒนานคร นำดักแด้ที่ยังมีชีวิตมาสาวเป็นเส้นไหมแถมสาวไหมเสร็จดักแด้ไม่ตายเหมือนกับกรรมวิธีสาวไหมของจังหวัดอื่น ๆ
ไหมชนิดนี้มีชื่อพันธุ์ว่า “ไหมอีรี่” ทางราชภูคมิฟาร์ม ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรมากมายให้อนุรักษ์กรรมวิธีผลิตอย่างนี้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยี่ยมชม รวมถึงยังได้นำเส้นไหมมาผลิตเป็นผ้าพื้นเมืองจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกตลาดทั่วโลก
จังหวัดสระแก้วเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ในรอยต่อตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม จุดแรก “ละลุ” ประติมากรรมเสาดินธรรมชาติติดชื่อชั้น อันซีน ไทยแลนด์ ก่อตัวขึ้นเป็นแท่งคล้ายแนวกำแพงสลับซับซ้อนแต่ไม่สูงมาก โดยมีแบล็คกราวนด์วิวเขาเขียวขจีเติมแต่งให้ดูงดงาม เหมาะกับการเช็คอิน เซลฟี ถ่ายรูปแชร์ชวนเพื่อน ๆ มาท่องเที่ยว ซึ่งทางชาวบ้านได้รวมกลุ่มกันนำรถอีแต๊กมาเป็นพาหนะพาชมรอบละลุ พร้อมทั้งเปิดบ้านใกล้ ๆ บริการโฮมสเตย์ จัดกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย
ส่วนเส้นทางเที่ยวธรรมชาติ แนะนำ “อุทยานแห่งชาติปางสีดา” เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่มีน้ำตกสวยงามถึง 3 จุด คือ ปางสีดา ผาหินสามชั้น ผาตะเคียน ลักษณะของผืนป่าแห่งนี้จินตนาการได้ว่าภูเขาเป็นทรงเจดีย์แปลกตา มีทุ่งหญ้าเป็นแหล่งอาหารสัตว์ที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิถีชีวิตสัตว์ต่าง ๆ ตอนมาและเล็มกินหญ้าในบางช่วงเวลา
หรือจะเป็น “วัดถ้ำเขาฉกรรจ์” ภูเขาหินปูนดึกดำบรรพ์อายุกว่า 4,000 ปี มีโถงถ้ำภายในให้เดินชมมากถึง 12 ถ้ำ เป็นถิ่นอาศัยของค้างคาวนับล้านตัว รวมถึงมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ภายในให้คนได้สักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย
@8 วิธีที่เราสามารถช่วยลดโลกร้อน
ทำอย่างไรให้โลกนี้น่าอยู่ หายใจสะดวก อากาศสะอาดขึ้นนั้น ความจริงมีวิธีง่าย ๆ
ด้วยพฤติกรรม 8 อย่างที่สามารถแก้ไขเพื่อกู้โลกจากปัญหามลพิษในอากาศได้ดังนี้
1.ลดกินเนื้อ สนับสนุนพืชออร์แกนิก เพราะการทำปศุสัตว์ได้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกแก่โลกสูงถึง 14.5-18% และอาจจะมากไปถึง 51% นี่คือเหตุผลที่การกินเนื้อสัตว์มากทำให้อากาศแย่ลง
2. ประหยัดพลังงานมากขึ้น เพราะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 73% จากพลังงาน เช่น การผลิตไฟฟ้า ดังนั้น ยิ่งใช้ไฟฟ้ามาก ยิ่งสนับสนุนการทำลายอากาศมากขึ้น แก้ไขได้ด้วยการประหยัดพลังงาน เช่น เปลี่ยนหลอดไฟขนาดพอเหมาะ หรือหลอดประหยัดไฟ ถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ และทีวี ที่ไม่ใช้งาน
3. ใช้พลังงานทางเลือกหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ช่วยให้อากาศดีไม่ทำลายอากาศ
4. นำขยะมาใช้ใหม่ ขยะที่ทับถมกันมากจะปล่อยก๊าซมีเทนจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ทำให้อากาศเสีย ลดขยะด้วย
5. เดินทางแบบไม่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง เช่น การเดิน ปั่นจักรยาน ละลดมลพิษในอากาศได้ดีมาก
6. อยู่กับอากาศธรรมชาติ ลดการใช้เครื่องปรับอากาศ เปลี่ยนการใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น หรือจัดบ้านให้เย็น ปลูกต้นไม้มากขึ้น
7. มีส่วนร่วมในการสร้างเมืองคุณภาพ หันมาใช้การขนส่งที่ผลิตก๊าซคาร์บอนต่ำ กระตุ้นเตือนกันและกันเพื่อให้เมืองรับมือกับปัญหาได้ดีขึ้น
8. จัดทำออฟฟิศสีเขียว ใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ หรือใช้ฟิล์มดักความร้อนเพื่อประหยัดพลังงาน เป็นต้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ทย.เท3.4หมื่นล้านเปิดแผน20ปี28สนามบิน”
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “คมนาคมกับอนาคตการขนส่งทางอากาศของไทย” ภายใต้ Airports for All ด้วยการนำเสนอแผนแม่บทการพัฒนาระยะ 20 ปี ของท่าอากาศยาน 28 แห่ง และท่าอากาศยานเบตง ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ประกอบด้วย ช่วงเวลาการพัฒนา รูปแบบการพัฒนา วงเงินลงทุน การรองรับผู้โดยสารในอนาคต และการบริหารจัดการพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน ตลอดจนการพัฒนาสนามบินศุลกากรหรือสนามบินนานาชาติ การยกระดับบริการและความปลอดภัย
จึงมีนโยบายให้วางกรอบการพัฒนาสนามบินใหม่ในภูมิภาค มุ่งเน้นรองรับการขึ้นลงของเครื่องบินเจ็ตทั้งหมดแทนเครื่องแบบใบพัด และจะต้องสร้างมาตรฐานนำเทคโนโลยีที่มีคุณภาพเข้ามาติดตั้งพร้อมให้บริการเผื่ออนาคตอีก 10-20 ปีข้างหน้าด้วย เนื่องจากรัฐบาลต้องการพัฒนาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงแบบครบวงจร ทั้ง 4 ส่วน คือ ระบบราง-ทางบก-ทางน้ำ-ทางอากาศ มุ่งใช้สนามบินทั่วประเทศเป็นเครื่องมือขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน เต็มรูปแบบ ทั้งภายในประเทศและเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายตลาดโลจิสติกส์เอเชีย และทั่วโลก
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน เปิดเผยว่า จะเร่งขับเคลื่อนแผนแม่บททพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาค ระยะ 20 ปี ทั้งทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย ช่วง 10 ปีแรก ขออนุมัติใช้วงเงิน 34,504 ล้านบาท ช่วง 10 ปีหลัง จะต้องประเมินแผนใหม่อีกครั้งจึงไม่สามารถตั้งกรอบวงเงินได้
ตามแผนแม่บทระยะ 20 ปี ของกรมท่าอากาศยาน จะแบ่งการใช้เงินลงทุนพัฒนาดังนี้
ระยะที่ 1 ช่วง 10 ปีแรก ปี 2561-2570 จะใช้เงินลงทุน 34,504 ล้านบาท ดำเนินงาน 2 เฟส
เฟสแรก ปี 2561-2565 วงเงินลงทุน 27,248 ล้านบาทปรับปรุง 17 โครงการและ 1สนามบินใหม่ในเบตง เฟสที่ 2 ปี 2566-2570 วงเงินลงทุน7,259 ล้านบา ปรับปรุงรวม 8 สนามบิน
ระยะที่ 2 ช่วง 10 ปีหลัง ปี 2571-2580 จะเน้นการศึกษาข้อมูลเพื่อการพัฒนาในลำดับต่อไป
ทั้งนี้จะเดินหน้าทำในเรื่องหลัก ๆ เพื่อเข้าสู่มาตรฐานขององค์การการบิรพลเรือนระหว่างประเทศ คือ 1.มาตรฐาน C.I.Q -Custom Immigration Qurantine 2.โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกนะสนามบินทั้งหมด 3.เปิดพื้นที่สนามบินให้เป็นโรงเรียนฝึกการบิน เพื่อผลิตบุคลากรการบิน ให้เพียงพอตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคในอนาคต
ข่าวที่สอง “ผู้นำไทยวิทยุการบินใช้4กลยุทธ์รับมือล้านไฟลต์”
นายสมนึก รงค์ทอง เปิดใจในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด “แอโร่ไทย” ว่าจะบริหารภายใต้ 4 กลยุทธ์ ประกอบด้วย 1.การปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการการเดินอากาศ 2.เพิ่มศักยภาพบุคลากรให้พร้อมรับการเติบโตอย่างยั่งยืน 3.ยกระดับการบริหารจัดการองค์กร 4.บริหารการเปลี่ยนแปลงในระบบบริหารการจราจรทางอากาศ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย ต้อนรับปี 2561 สามารถดูแลปริมาณจราจรทางอากาศได้ถึง 1 ล้านเที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8 %
รวมทั้งแอโร่ไทยจะได้นำข้อมูลของแอร์ที่พยากรณ์ของแอร์บัสการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินอนาคอีก 20 ปีข้างหน้า (2017-2036) ระหว่างปี 2560 – 2579 ทั่วโลกจะมีปริมาณจราจรทางอากาศเติบโตปีละ 4.4 % และเพิ่มขึ้น 2 เท่า ทุก 15 ปี เฉพาะเอเชียแปซิฟิกเติบโตถึงปีละ 5.5 % สูงกว่าทั้งภูมิภาคยุโรปโตเพียงปีละ 3.3 % อเมริกาเหนือโต 3.4 %
ส่วนไทยปี 2561 สถิติ 8 เดือนแรก มกราคม – สิงหาคม มีจำนวน 698,283 เที่ยว เฉลี่ยวันละ 2,874 เที่ยว คาดธันวาคมนี้จะมีปริมาณเที่ยวบินกว่า 1 ล้านเที่ยว
ข่าวที่สาม “เครือดุสิตทุ่ม500ล้านชูอีลิทเฮเว่นส์ดูดคนรวย”
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) “DTC” เปิดเผยว่า ได้นำบริษัท Dusit Overseas Company Limited จดทะเบียนที่ฮ่องกง เข้าลงทุนโดยใช้เงินประมาณ 495 ล้านบาท (15 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซื้อหุ้นทั้งหมดของ LVM Holdings Pte Ltd. เจ้าของแบรนด์ “อีลิธ เฮเวนส์-Elite Havens” ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจบริหารจัดการและให้เช่าวิลล่าหรูรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีเครือข่ายวิลล่าอยู่ทั่วโลก 200 แห่งทั้งอินโดนีเซีย ศรีลังกา มัลดีฟส์ และไทย การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นโอกาสขยายตลาดในอนาคตตามไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มองหาวิลล่าขนาดใหญ่ที่หรูหรา สะดวกสบาย และมีความเป็นส่วนตัว
เมื่อปี 2560 ดุสิตธานีได้ทดลองขยายตลาดในลักษณะ “sharing-economy /เศรษฐกิจแบ่งปัน” ผ่านการลงทุนในบริษัท เฟฟเสตย์ (favstay) ขยายฐานเจาะกลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียลผ่านแบรนด์ “อาศัย” (ASAI) ไลฟ์ไสตล์บูทิคโฮเต็ล ส่วนการลงทุนใน Elite Hvaens ครั้งนี้ตั้งเป้าหมายรุกเข้าสู่ธุรกิจบริหารและให้เช่าวิลล่าหรู เพื่อทำให้เกิดการขยายโปรดักซ์กวาดทุกตลาดนั่นเอง
ติดตามฟังรายได้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
 |
| เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์การบิน-ท่องเที่ยฝ และผู้ดำเนินรายการ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น