ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.เปิดภารกิจใหญ่2ปีหน้าต้องทำรายได้7.8 ล้านล้านบาท

ททท.เปิดภารกิจใหญ่ปี’63-64ต้องทำรายได้7.8ล้านล้าน
แก้โจทย์ยากดึงเศรษฐีไทยเที่ยวไทย-สร้างเศรษฐกิจยั่งยืน
เปิด!!มหานครแบงค็อกสกายบาร์ร้านลอยฟ้าสูงสุดในไทย
ททท.จัดซีอีโอไนท์เจาะมหาเศรษฐีเมียนมาแห่ใช้เงินเที่ยว
ชวนเที่ยวงานกล้วยไม้สนามจันทร์-นครปฐม11-17ก.ค.นี้
บางจากแจ๋วจริงคว้า4รางวัลใหญ่ ASEAN Excellence
TCEBเพิ่มความเข้มดันพัทยาขึ้นผู้นำฮับตลาดไมซ์อาเซียน
MoreFun!!วันสนุกต้องพัก”บ้านหลวงราชไมตรีจันทบุรี”
ผู้สูงวัยในวันนี้ต้องทำความรู้จักการกินป้องกันกระดูกพรุน
ททท.เทแจก1.9หมื่นดึงคนสมัครเว็บTourismproduct
ทอท.ผนึกสนช.เร่งผุดนวัตกรรมการบินต่อเนื่อง3ปีหน้า ร
ฟท.จัดแพกเกจทัวร์วันแม่12ส.ค.3จังหวัด 1,250 บาท 

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาน่าเที่ยว #MoreFunตะวันออก #บ้านหลวงราชไมตรีจันทบุรี #TATAP2020รายไเด

 ช่วงที่ 1 เจาะลึก “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำทัพ ททท.ขับเคลื่อนภารกิจใหญ่ 2 ปีหน้า 2563-64 ท่องเที่ยวต้องหาเงินเข้าประเทศให้ได้รวมไม่ต่ำกว่า 7.8 ล้านล้านบาท พร้อมเดินเคียงข้างแผนสภาพัฒน์ดันยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีหน้าโตแบบสวย ๆ ท่ามกลางกระแสความท้าทายทั้งในประเทศและทั่วโลก ไฮไลต์ต้องสร้างรายได้โตเพิ่ม 10 % ทุกปี ปูพรม 2 เรื่อง “เพิ่มรายได้-สร้างความยั่งยืน” ให้สำเร็จก่อนเริ่มแผนวิสาหกิจฉบับใหม่ปี’65 โจทย์ใหญ่และยากคือต้องหาทางทำให้เศรษฐกิจเมืองไทยกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพเที่ยวเมืองไทยมากกว่าไปทัวร์นอก

 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ภารกิจหลักของ ททท.ในการทำเป้าหมายการตลาดท่องเที่ยวตามแผนวิสาหกิจ 5 ปี (2560-2564) ขณะนี้ยังคงต้องเร่งเดินหน้าภายใน 2 ปีหน้า 2563-2564 จะต้องนำรายได้เข้าประเทศรวมประมาณ 7.808 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย ปี 2563 จะต้องได้ไม่ต่ำกว่า 3.718 ล้านล้านบาท ปี 2564 อีก 4.090 ล้านล้านบาท ซึ่งในการประชุมผู้บริหาร ททท.ทั้งในประเทศและทั่วโลกเมื่อวันที่ 1-4 กรกฎาคม 2562 ได้ร่วมกันกำหนดกลยุทธ์ปี 2563 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต้องทำให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และพร้อมจะแถลงแผนตลาดการท่องเที่ยว TATAP 2020 อย่างเป็นทางการวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ณ เซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพฯ ตลอดการประชุมที่ผ่านมา ททท.ต้องประมวลผลความท้าทายตลาดต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลกในระดับสูง ส่วนภายในประเทศไทยเองก็เผชิญความไม่แน่นอนหลายอย่าง เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเรื่องเงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 6 ปี ราคาน้ำมันตลาดโลกเป็นไปในทิศทางขาขึ้น ทำให้ทุกฝ่ายใน ททท.ต้องหันมาปรับแผนใหม่อย่างจริงจังบรรจุไว้ใน “แผนปฏิบัติการตลาดท่องเที่ยวประจำปี 2563-TATAP 2020” ที่จะเริ่มนำมาใช้ตามปีงบประมาณ 1 ตุลาคม 2562-30 กันยายน 2563 ให้น้ำหนักกับ 2 เรื่อง คือ เรื่องแรก “รายได้” จากพยากรณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์คนไทยประเทศจะใช้จ่ายเงินลดลง อาจกระทบกับท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมา 2-3 ปีมุ่งทำตามแผนด้วยการเพิ่มรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เรื่องที่ 2 ทิศทางการทำตลาด โดยเฉพาะทวีประยะไกลแถบ ยุโรป สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มอิ่มตัว ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ ส่วนตลาดระยะใกล้แถบเอเชีย หลังเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่มที่ภูเก็ต เป็นปัจจัยทำให้จีนชะลอตัวต้องหันมาขยายฐานแถบเอเชียใต้ ขณะที่ตลาดในประเทศมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างมีนัยสำคัญคิดเป็นกว่า 35 % หรือใกล้เคียงกับตลาดต่างประเทศ ททท.จึงได้นำปัจจัยต่าง ๆ มาประมวลแล้วทำแผนให้เข้มข้นมากกว่าทุกปี การขยายตลาดในประเทศจะต้องเร่งหากลยุทธ์ดึงคนไทยเที่ยวในประเทศ เพราะขณะนี้เมื่อค่าเงินบาทแข็ง การแข่งขันชิงส่วนแบ่งตลาดจากนานาประเทศที่จะดึงคนไทยกลุ่มคุณภาพไปท่องเที่ยวก็มีสูงตามไปด้วย จำนวนปีละหลาย 10 ล้านคน ผนวกกับความไม่สมดุลเชิงพื้นที่และเวลา จะทำอย่างไรให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวเมืองไทยช่วงวันธรรมดา นอกเหนือจากวันหยุดมากขึ้นอีกได้บ้าง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้คือเรื่องที่ ททท.หยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันในเวทีการประชุม TATAP2020 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงและจะแถลงอย่างเป็นทางการวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ที่แกรนด์ เซ็นทารา เวิลด์ กรุงเทพฯ ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ก่อนจะสรุปแผนการตลาดปี 2563 ออกมาเป็นคู่มือเพื่อใช้ปฏิบัตินั้นได้แลกเปลี่ยนนำความเห็นต่าง ๆ ของภาคเอกชน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนได้ส่วนเสีย อย่างเข้มข้น โดย ททท.ได้สะท้อนสัดส่วนรายได้คนไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาต้องไม่ต่ำกว่า 33 % ของรายได้รวม ปี 2563 จะขยับขึ้นไปในสัดส่วนรายได้ 35 % ของทั้งหมด ตอกย้ำถึงการให้น้ำหนักกับตลาดคนไทยอย่างมาก ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่าการเข้าไปดูแลทางด้าน Supply Side นั้น ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานบอร์ด ททท.ได้ให้นโยบายตั้งแต่วันแรกในการเปิดประชุม TATAP 2020 เรื่องการทำงานเชิงบูรณาการตามแนวทางของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ผ่านแผนพัฒนาภาค ที่ผ่านมาจะเน้นทำการตลาด แต่จากนี้เป็นต้นไปจะมุ่งเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันยกระดับห่วงโซ่คุณค่าจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางพัฒนาไทยแลนด์ ริเวียร่า การท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับการคมนาคมเส้นทางต่าง ๆ หรือการทำงานที่สอดคล้องประสานกับพื้นที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ Eastern Economic Corridor :EEC หรือ Southern Economic Corridor :SEC ทางภาคใต้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ททท.จะร่วมพัฒนากับสภาพัฒน์ แล้วต่อยอดทำงานเชิงบูรณาการไปยังหน่วยงานอื่น ๆ และ ภาคเอกชนต่อไป สำหรับมุมการพัฒนาซัพลลายไซด์ ทั้ง EEC ททท.ได้เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยกำหนดแนวคิด ระบุพื้นที่ ระยอง ฉะเชิงเทรา ถึงการกำหนดด้านการท่องเที่ยวแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และมีส่วนนำเสนอแผนงานโครงการเพื่อมีส่วนร่วมจัดทำโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว ส่วนการเข้าไปร่วมในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ SEC จะต่อยอดไทยแลนด์ ริเวียร่า ตั้งแต่เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ โดยได้ทำเอกสารระบุตำแหน่ง (Position Paper) ส่งให้ ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถึงการพัฒนาแนวชายฝั่งทะเลหรือแนวเขาและความสอดคล้องกับรถไฟเลียบ 2 ชายฝั่งทะเลจะต้องทำอะไรบ้าง ก็คงจะไปทำงานร่วมกับรถไฟที่จะทำรถไฟรางคู่ ชุมพร-ระนอง ต่อไปยังท่าเรือมุ่งสู่เอเชียใต้ต่อไป เมื่อมองถึงจุดขายหากประเมินเรื่องการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรองช่วงที่ผ่าน 2-3 ปี ททท.ทำการพื้นที่เจาะเข้าไปยังตลาดระยะใกล้ อย่าง ญี่ปุ่น จีน ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากนี้ไประยะสั้นจะต้องทำการตลาด แต่จะต้องคำนึงถึงขีดความสามารถทางการรองรับ โรงแรม ร้านอาหาร มีความพร้อมขนาดไหน ตอบสนองพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษหรือไม่ ททท.คงไม่ทำเชิงการท่องเที่ยวปริมาณมาก (mass tourism) แต่จะหันมาทำกลุ่มสนใจท่องเที่ยวเฉพาะ (niche market) เป็นหลัก เพื่อนำนักท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ที่กำหนดไว้ ดังนั้นปี 2563 ททท.มุ่งทำตลาดคุณภาพตั้งเป้าทำรายได้สูงขึ้นมากกว่าเน้นจำนวนคนเพิ่มขึ้น และการตลาดจึงเทไปทางเซ็กเมนต์ ฉะนั้นการวางกลยุทธ์ทำตลาดจึงต้องให้ตอบสนองพฤติกรรมนักท่องเที่ยวหรูหราไปด้วย วิธีการทำตลาดจะลงรายละเอียดและเน้นพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เป็นหัวใจการทำงานตลอดปีงบประมาณหน้า ก่อนสิ้นสุดแผนวิสาหกิจ ททท.ในปี 2564 ตอนนี้ต้องเตรียมปูพรมและเดินหน้าภารกิจที่จะต้องทำให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ส่วนแรก คือ “รายได้” ปัจจุบันการท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ตามแผนแม่บททางสภาพัฒน์ได้กำหนดรายได้ท่องเที่ยว ปี 2564 จะต้องทำให้ได้ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านล้านบาท ดังนั้น ททท.จึงต้องผลักดันรายได้ก่อนเป็นลำดับแรก ส่วนที่ 2 “การต่อยอดความยั่งยืนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติสิ่งที่จะให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นคือ การทำงานเชิงบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยวในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อ 1.เพิ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ 2.แก้ปัญหาโครงสร้าง เช่น การไม่กระจายตัวของนักท่องเที่ยวในเชิงพื้นที่และเวลา ทำให้สำเร็จก่อนจะส่งต่อแผนวิสาหกิจท่องเที่ยวระยะต่อไป ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่าการทำงานกับภาคเอกชนท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศทุกกลุ่มที่ผ่านมาร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้คือการพัฒนาโปรดักต์ท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อตอบสนองนักท่องเที่ยวกลุ่มเฉพาะพิเศษ ททท.จึงต้องเร่งให้ความรู้ นำผู้ประกอบการมาร่วมประสบการณ์เดินทางสไตล์ท้องถิ่น Local Experience โดยหวังให้ผู้ประกอบการได้เผยแพร่ความรู้สึกไปถึงนักท่องเที่ยวอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันเอกชนไทยมีความตื่นตัวเพิ่มบทบาทการขยายฐานตลาดคุณภาพโดยทำเชิงรุก บางครั้งในการออกไปโร้ดโชว์ด้วยกันเอกชนก็ให้ข้อเสนอแนะ ความเห็นของลูกค้า หรือผู้เกี่ยวข้อง ชี้เป้าให้ไปเจาะตลาดในยุโรปตะวันออก หรืออีกหลายพื้นที่สามารถบุกเข้าไปได้ สรุปเกี่ยวกับสถิติการท่องเที่ยวที่ ททท.จะต้องทำให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย ต่อเนื่อง 2 ปี 2562-2564 จะเป็นดังนี้ 1.ปี 2562 เหลือเวลาอีกประมาณ 6 เดือน กรกฎาคม-ธันวาคม นี้ ความเป็นไปได้ตลอดทั้งปีน่าจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 3.38 ล้านล้านบาท มาจากตลาดในประเทศ 1.170 ล้านล้านบาท ต่างประเทศ 2.210 ล้านล้านบาท 2.ปี 2563 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10 % มูลค่ารวมทั้งสิ้น 3.718 ล้านล้านบาท มาจากตลาดในประเทศ 1.287 ล้านล้านบาท ต่างประเทศ 2.431 ล้านล้านบาท 3.ปี 2563 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10 % มูลค่ารวมทั้งสิ้น 4.090 ล้านล้านบาท จากตลาดในประเทศ 1.416 ล้านล้านบาท ต่างประเทศ 2.674 ล้านล้านบาท โดยสรุปแล้วในอีก 2 ปีข้างหน้า ระหว่างปี 2563-2564 ภารกิจของ ททท.จะต้องนำเงินท่องเที่ยวกระจายสู่ท้องถิ่นทั่วประเทศให้ได้ไม่น้อยกว่า 7.808 ล้านล้านบาท มาจากตลาดในประเทศ 2.703 ล้านล้านบาท ต่างประเทศ 5.105 ล้านล้านบาท อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจึงเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่มีความหมายอย่างมากต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำในชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยแต่ละภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฟังข่าวต้นชั่วโมง ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์เปิดแล้ว“มหานคร แบงค็อก สกาย บาร์” สมกับการรอคอย “คิง เพาเวอร์ มหานคร” เปิดโครงการ “มหานคร แบงค็อก สกายบาร์” ร้านอาหารและบาร์ เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป อันเกิดจากความตั้งใจของครอบครัว “ศรีวัฒนประภา” มุ่งมั่นสร้างสรรค์แลนด์มาร์คให้นักท่องเที่ยวคนไทยและทั่วทุกมุมโลกได้มาสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ ในประเทศไทยเพื่อนำกลับไปบอกต่อเพื่อชวนกันมาเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุก ๆ ปี คิง เพาเวอร์ฯ ได้นำใช้พื้นที่ทั้งหมดบริเวณชั้น 76-77 จ้างนักออกแบบฝีมือระดับโลก Tristan Auer จาก Willson Associates มาสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอก “มหานคร แบงค็อก สกายบาร์” ให้กลายเป็นไฮไลต์แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ โดยได้ผสมผสานเรื่องราวของการเดินทางและการผจญภัยมารวมไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมกับได้รับแรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตริมสายน้ำเจ้าพระยาและสีสันของเมืองหลวงที่ไม่มีวันหลับไหลมาโชว์ให้เห็นดีไซน์ความหรูเทรนด์เก๋ ๆ ของร้านอาหารและบาร์เพดานสูงสองชั้น อีกทั้งยังได้คัดสรรค์เฟอร์นิเจอร์ซึ่งมีชิ้นเดียวในโลกมาวางไว้ในแต่ละมุมให้ผู้คนได้ค้นหา พร้อมจัดวางมุมที่นั่งแต่ละโต๊ะอย่างโรแมนติกท่ามกลางกระจกใสรอบทิศทาง ขนาดรองรับได้ประมาณ 200 ที่นั่ง ระยะเริ่มต้นจะเปิดบริการเฉพาะมื้อค่ำ ตั้งแต่ 177.00-01.00 น. ประกอบด้วย 2 โซน โซนแรก “บริเวณภายในโถงใหญ่” (indoor) บริการที่นั่งแบบทั่วไป ที่นั่งติดกระจกใสมองเห็นวิวกรุงเทพฯ และทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยาสุดลูกหูลูกตา รวมถึงมีมุมที่นั่งเลาจ์วีไอพี ซ่อนอยู่ตรงมุมสุดท้ายของห้องช่วยเติมเต็มความเป็นส่วนตัวได้เป็อย่างดี โซนที่ 2 “บริเวณระเบียงกลางแจ้ง” (outdoor) ออกแบบเป็นสวนลอยฟ้าเขียวขจี เสมือนโอเอซิสบนท้องฟ้า โดยมีประติมากรรมลิงประดับพองาม ตัดกับชุดโต๊ะเก้าอี้สีขาวนวล นั่งรับประทานอาหารเมนูที่ชอบในบรรยากาศที่ใช่แบบชีลได้ตลอดทุกมื้อ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือการเลือก “Joshua Cameron” เชฟมือดีชาวอเมริกาผู้คร่ำหวอดอยู่ในร้านอาหารดังระดับมิชลินสตาร์ในนิวยอร์ก อย่างร้าน Eleven Madison Park เดินทางมาปักหลักเป็นพ่อครัวใหญ่ให้ “มหานคร แบงค็อก สกาย บาร์” โดยหอบแรงบันดาลใจจากความหลงใหลการเดินทางมาใช้ค้นหารสชาติและวัตถุดิบใหม่ ๆ ในทุกมุมโลก นำมาต่อยอดเป็นเมนูจานเด่นประจำห้องอาหาร (signature dish) เช่น เมนูเรียกน้ำย่อย “Hokkaido Uni Panna Cotta – พานาคอตต้าหอยเม่น” ล้อมรอบด้วยน้ำซอสรสชาติเฉพาะตัว อันเกิดขึ้นจากที่เชฟชอบการดำน้ำลึกแล้วรังสรรค์เมนูเด่น ๆ ออกมา และอีกหลากหลายเมนูล้วนมีเรื่องเล่าอยู่บนจานนั้น ๆ อย่างน่าสนใจ เมนูอาหารคาวส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์ฟิวชั่นตะวันตก เอเชีย และไทย มีทั้งแบบสั่งรับประทานคนเดียว ไฮไลต์คือเบอเกอร์ ลาบเป็ด หรือจะสั่งมาแชร์กันก็มีสารพัดเมนูเป็นสูตรเฉพาะตัว เช่น ปลากระพงนึ่งน้ำซอสซีฟู้ดผสมมายองเนส พร้อมเครื่องเคียงต่าง ๆ ยำหัวปลีกุ้งมังกร และ Stuffed Whole Free Range Chicken-ไก่ดำและขาวอบใส่สมุนไพรไว้ใต้หนังกรอบบาง รสนุ่มกลมกล่อม และเมนูอื่น ๆ อีกหลากหลายสไตล์ เมนูอาหารหวาน ไฮไลต์ตอนนี้คือ Kaffir Lime Cheese Cake เป็นชีสเค้กรสหวานอมเปรี้ยวสูตรพิเศษนุ่มลิ้นละลายในปากจากส่วนผสมของผลไม้ทั้งเสาวรส มะม่วง และมังคุด “มาร์ค เบกาสาท” กรรมการผู้จัดการ คิง เพาเวอร์ มหานคร อธิบายว่า หลังจากเปิดบริการ มหานคร สกาย วอล์ค ชั้น 78 จุดชมวิวสูงที่สุดในประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติไปตั้งแต่พฤศจิกายน 2561 กระทั่งมาถึงการเปิด “มหานคร แบงค็อก สกาย บาร์” ชั้น 76-77 ห้องอาหารและบาร์สูงสุดในไทยเพิ่มขึ้นอีกโครงการในเดือนกรกฎาคม 2562 โดยได้ผสมผสานความหรูหราสง่างามตามแบบฝรั่งเศสและความวิจิตรงดงามตามแบบไทย เป็นจุดดึงดูดการเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่มอบให้นักท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกผ่านโค้งประตูไม้ เข้าสู่โถงใหญ่ ประดับด้วยโค้มไฟสีส้มทองทอแสงสวยงามทั้งภายในและมองทอดสายตาทะลุผนังกระจกใสก็จได้เห็นวิวกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนแสนสวยงาม แต่ละโซนภายในห้องอาหารเต็มไปด้วยเรื่องราวของนักเดินทางที่รักการผจญภัย เล่าขานผ่านปฎิมากรรมรูปหัวกระทิง หน้าปกหนังสือโบราณจากฝรั่งเศส เครื่องปั้นดินเผาชั้นดีจากญี่ปุ่น ลายพลิ้วไหวบนโถกระเบื้อง ส่วนบริเวณทางเข้าห้องน้ำได้ออกแบบโอ่โถงกว้างขวางเก๋สุด ๆ เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นการเปิดโลกของการเดินทางเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวคนไทยและจากทั่วโลกได้มาร่วมผจญภัยอย่างไม่รู้จบร่วมกันทุกวัน บริเวณด้านหน้ามีบาร์ยาวพร้อมเครื่องดื่ม ๆ นานาชนิดหลายรูปแบบ โดยเฉพาะไวน์มีให้เลือกกว่า 100 ชนิด ขอเชิญชวนผู้ที่รักการเดินทางและชื่นชอบผจญภัยอย่างไม่รู้จบ นัดมาพบกันได้ที่ห้องอาหารและบาร์ “มหานคร แบงค็อก สกายบาร์” แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยมีดีกว่าที่คิดให้ได้ร่วมประสบการณ์ความสุขรออยู่ที่แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ณ คิง เพาเวอร์ มหานคร ข่าวที่ 2 “ททท.ทุ่มจัดซีอีโอไนท์เจาะตลาดไฮเอนด์เมียนมา” นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับกองตลาดอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท.รุกเจาะตลาดเมียนมา โดยไปจัดกิจกรรม CEO Night and Luxury Product Presentation – Dazzling Shades of Thai Treasure Gala Dinner เปิดเวทีนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทยให้ผู้บริหารระดับสูงบริษัทในเมียนมาได้รับรู้ โดยทำเป็น Product Presentation โชว์สินค้าท่องเที่ยวและผ้าไทยผ่านการเดินแฟชั่นโชว์ และอาหารไทยนำเชฟชื่อดังสาธิตการทำอาหารไทยควบคู่ไปด้วย รวมทั้งตอกย้ำให้นำไปบอกต่อและชี้นำให้พนักงานของบริษัทมาเที่ยวเป็นกลุ่มคณะมากขึ้น ส่วนจัดงาน CEO Night and Luxury Product Presentation – Dazzling Shades of Thai Treasure Gala Dinner ททท. ได้รับความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จัดแฟชั่นโชว์มีดีไซน์เนอร์ไทยรุ่นใหม่ ออกแบบชุด และได้รับเกียรติจาก Miss. Mogok Pauk Pauk ดีไซน์เนอร์ชื่อดังของเมียนมาออกแบบชุด Finale ตัดเย็บโดยผ้าไทยและผ้าพม่ามาร่วมแฟชั่นโชว์ด้วย ข่าวที่ 3 “ททท.ชวนเที่ยวงานกล้วยไม้หน้าวังสนามจันทร์11-17 ก.ค.” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานราชบุรี รายงานว่า ระหว่างวันที่ 11-17 กรกฎาคม 2562 เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาชมมหกรรมเกษตรปลอดภัยและกล้วยไม้งามอร่ามพระราชวังสนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐมณ.ได้ตลอดทั้งสัปดาห์ ทุกวันในเวลา 09.00-21.00 น.ภายในงานสามารถเลือกซื้อผักสดปลอดสารพิษ จากเกษตรกรแถบนครปฐม ราชบุรี ซึ่งนิยมหันมาทำการเกษตรปลูกพืชอินทรีย์ อีกทั้งผู้ที่ชื่นชอบกล้วยไม้ สามารถเดินชมความหลากหลายสายพันธุ์พร้อมกับซื้อและถ่ายภาพได้ มีทั้งกล้วยไม้ดอก กล้วยไม้ประดับและพันธุ์ไม้มากมาย พร้อมทั้งร่วมชมการแสดงดนตรีในวังเป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์เมื่อครั้งอดีต ชมความสวยงามของพระราชวังสนามจันทร์ ศึกษาประวัติศาสตร์เรื่องราวการสร้างพระราชวังสนามจันทร์ที่มีคุณค่าทางโบราณสถานและประวัติศาสตร์ ข่าวที่ 4 “บางจากฯ คว้า 4 รางวัลในงาน Asian Excellence” นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับทั้งหมด 4 รางวัล จากงานในงาน 9th Asian Excellence Recognition Award 2019 จัดโดย Corporate Governance Asia ฮ่องกง ประกอบด้วย 1.รางวัล Asia’s Best CEO (Investor Relations) รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งมอบให้แก่ผู้นำสูงสุดขององค์กร 2.รับรางวัล Best Investor Relations Company (Thailand) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้องค์กรที่มีความโดดเด่นด้านนักลงทุนสัมพันธ์ 3.รางวัล Asia’s Best CFO (Investor Relations) เป็นปีที่ 2 โดยมี นางสาวศุภมล เอี่ยมอ่อน ผู้จัดการส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บางจากฯ เป็นผู้แทนรับรางวัลดังกล่าว 4.รางวัล Best Investor Relations Professional (Thailand) เป็นปีแรก ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้บุคคลที่ดีเด่นด้านงานนักลงทุนสัมพันธ์ จากผลคะแนนและความคิดเห็นจากผู้อ่านนิตยสาร และนักวิเคราะห์ ข่าวที่ 5” TCEBจัดทัพปั้นพัทยามหานครEECไมซ์ฮับอาเซียน” นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ทำตลาดอุตสาหกรรมไมซ์ตามแผนยุทธศาสตร์เมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลในโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งกำลังก่อสร้างโครงข่ายคมนาคมเชื่อมต่อทางบก ทางทะเล และทางอากาศ เชื่อมโยงกัน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา โดยทีเส็บร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และเมืองพัทยา ผลักดันแนวทางการพัฒนาเมืองไมซ์พัทยา หรือ PATTAYA MICE City ให้ยกระดับเป็น EEC MICETROPOLIS เพื่อเป็นฮับไมซ์ภาคตะวันออกต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์หลัก คือ การส่งเสริมภาพลักษณ์ “พัทยาเมืองใหม่” หรือ Neo Pattaya ตามที่เมืองพัทยารุกการพัฒนาครบวงจรทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ตามสถิติปี 2561 พัทยาทำรายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์ สูงถึง 16,064 ล้านบาท โดยมีต่างชาติ 169,629 คน และคนไทย 1,789,966 คน ช่วงที่ 2 ได้เวลา More Fun ในจันทบุรีกันอีกครั้ง ที่ “บ้านหลวงราชไมตรี” ที่พักอายุกว่า 150 ปี ที่ชาวชุมชนริมน้ำจันทบูร ร่วมอนุรักษ์เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ทรงคุณค่าไว้ครบทุกมุม แล้วมาฟังเรื่อง “การกินป้องกันกระดูกพรุน” ของเหล่าสูงวัยใจเกินร้อยทั้งหลาย ส่วนข่าว “ททท.เทแพกเกจฟรี 1.9หมื่นบาท” ให้ร่วมลุ้นเมื่อสมัครเป็นสมาชิก Tourismproduct “ทอท.เร่งเครื่องนวัตกรรมการบิน” ร่วมกับ สนช.3ปีหน้า “รถไฟจัดแพกเกจวันแม่12สิงหา” เที่ยว 3 จังหวัดสุดคุ้มจ่ายแค่ 1,250 บาท @ MoreFunจันทบุรีพักบ้าน150ปีหลวงราชไมตรี การท่องเที่ยวหน้าฝนในภาคตะวันออก ในจันทบุรี มีความฟินสุดแสนสนุกแบบ More Fun ในแต่ละมุม ยิ่งในการไป “วันธรรมดา น่าเที่ยว” แล้วได้แวะพักค้างคืนที่ “บ้านหลวงราชไมตรี Historic Inn “ เพื่อสัมผัสสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่อบอวลไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์กว่า 150 ปี จะยิ่งได้อรรถรส ตามคำเชิญชวนที่ว่า “สายน้ำจะไหลย้อนกลับ ที่บ้านหลวงราชไมตรีแห่งนี้” เป็นเรือนพักอันเกิดจากชาวชุมชนริมน้ำจันทบูร ซึ่งเป็นทายาทบ้านหลวงราชไมตรี และสถากบันอาศรมศิลป์ ก่อตั้ง บริษัท จันทบูรรักษ์ดี จำกัด เพื่อทำกิจกรรมเพื่อสังคม ให้ชาวบ้านมาร่วมหุ้นกัน อนุรักษ์ความเป็นอยู่ของชุมชนไว้เพื่อความยั่งยืน เริ่มเมื่อปี 2552-2555 เจ้าของบ้าน 4 หลัง นำต้นแบบการอนุรักษ์วิถีชีวิตชาวชุมชนริมน้ำจันทบูร จนกระทั่งกลายเป็นสถานที่พักดึงดูดผู้คนต่างก็โหยหาที่จะเข้ามาพัก โดยมีดีไซน์ให้เลือก 10 ห้อง 10 เรื่องราว ถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าผ่านข้าวของเครื่องใช้ ตัวอย่าง “ห้องราชไมตรี” ซึ่งเป็นห้องพักต้นแบบ ภายในจะสัมผัสได้ถึงสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุเกส อบอวลไปด้วยกลิ่นอายความเป็นชุมชนริมน้ำอันมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ เมื่อทอดสายตามองจากห้องออกสู่ภายนอกก็จะเห็นวิวถนนสุขาภิบาล ได้อรรถรสครบทั้งสองแบบ “ห้องนายพ่อ นายแม่” ตกแต่งหรูหราสมฐานะของผู้เป็นจ้าของเรือนที่ได้รับความเคารพรักจากทุกคน ห้องนี้จะอยู่ติดกับร้านอาหาร หากเลือกพักอาจจะต้องฟังเสียงดนตรีเล่นไปช่วง 2 ทุ่ม ไปจนถึง เที่ยงคืน ก็เป็นได้ “ห้องวิถีจันท์” มองเห็นโบสถ์ วัดสำคัญ “ห้องของป่าสมุนไพร” ได้รวบรวมสินค้าของชนเผ่าในตระกูลมอญ-เขมร” กลุ่มสุดท้ายในไทยที่ทำการค้าขายกับหลวงราชไมตรี “ห้องต้นยาง” เล่าถึงต้นทางของยางบ่งบอกถึงความยากลำบากของหลวงราชไมตรี เพราะสมัยนั้นปลูกแล้วยางตายเหลือแค่ 3 ต้น แต่ผลสุดท้ายก็ต่อสู้จนกระทั่งทุกวันนี้สามารถนำไม้มาสร้างเรือนพักให้ชุมชนได้เรียนรู้กัน “ห้องลูกยาง” เป็นเสมือนห้องเก็บเรื่องราว “บิดาแห่งยางพารา ภาคตะวันออก” จากลูกยางสู่พ่อยาง ซึ่งมีวิธีปลูกอย่างประหลาดทำให้ยางแพร่กระจายทั่วเมืองจันทบุรีได้ ห้องนี้ด้านหลังจะเห็นวิวแม่น้ำจันทบุรีด้วย “ห้องท่าหมอทอด” จำลองอารมณ์ความรู้สึกถึงการเดินเรือสมัยก่อน ตามเส้นทางเชื่อมโยงเข้ากับประวัติศาสตรการค้าขาย ด้วยวิถีการล่องเรือเลียบชุมชนมีท่าเรือ กลมกลืนกับห้องพักได้อย่างลงตัว “ห้องพลอย” ตั้งชื่อตามห้องเพื่อบ่งบอกถึงจันทบุรีเป็นเมืองแห่งพลอย ที่ผู้คนได้ประกอบอาชีพจนลืมอ้าปากเปลี่ยนชีวิตผู้คนจนกลายเป็นเศรษฐีมาได้วันนี้ ห้องนี้สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำอีกมุมเช่นกัน “ห้องครัวนายแม่” โดดเด่นในเรื่องการทำอาหารของคนสมัยก่อน ภายในห้องจะอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรักจากหลวงราชฯ ผสมผสานเข้ากลิ่นอาหารอร่อย ๆ จานเด็ด ๆ ทั้งหลาย “ห้องอีสท์ เอเชียทีค” จำลองบรรยากาศเจรจาการค้าระหว่างประเทสกับบริษัทต่าง ๆ ที่เข้ามาซื้อยาง อุดหนุนพลอย และสินค้าต่าง ๆ ในจันทบุรี กระจายไปสู่ตลาดทั่วโลกได้ ดังนั้นห้องพักนี้จึงตั้งอยู่ติดร้านอาหารบ้านพัก อาจจะมีเสียงดนตรีดังเข้าบ้าง เมื่อมีโอกาสต้องห้ามพลาดแวะชม “บ้านหลวงราชไมตรี” ซึ่งเป็นทั้งห้องพักค้างแรมและศูนย์รวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จันทบุรี @การกินเพื่อป้องกันกระดูกพรุน พอเรามีอายุมากขึ้นอาจมีปัญหาเรื่องตัวเตี้ยลง หลังค่อมจนเงยไม่ขึ้น ขาโก่งงอ หรือกระดูกหักง่าย ต้องระวังไม่ให้หกล้ม อาการเหล่านี้เป็นผลเกี่ยวเนื่องจากภาวะกระดูกพรุน คงไม่มีใครอยากมีอาการเช่นนี้ การหลีกปัญหากระดูกพรุน ทุกคนควรระมัดระวังพฤติกรรมต่างๆ ดังนี้ 1. ระวังไม่กินอาหารประเภทโปรตีนหรือเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะการกินโปรตีนมากเกินไปจะกระตุ้นให้ไตขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากผิดปกติ 2. ระวังไม่กินอาหารเค็มจัดหรือมีโซเดียมมาก เพราะเกลือโซเดียมที่มากเกินจะทำให้การดูดซึมของแคลเซียมจากลำไส้ลดลง ร่างกายจึงไม่สามารถนำแคลเซียมมาใช้ได้ และยังทำให้การสูญเสียแคลเซียมทางไตมากขึ้นด้วย 3. ไม่ควรดื่มน้ำอัดลมในปริมาณมาก เพราะในน้ำอัดลมมีส่วนผสมที่ชื่อ "กรดฟอสฟอริก" ที่ทำให้เกิดฟองฟู่ การดื่มน้ำอัดลมมากทำให้ความสมดุลของแคลเซียมและฟอสฟอรัสเสียไป (มีฟอสฟอรัสมากขึ้น) ร่างกายจึงจำเป็นต้องสลายแคลเซียมออกจากคลังกระดูก เพื่อป้องกันไม่ให้ฟอสฟอรัสในเลือดสูงเกินไปจนส่งผลอันตรายต่อชีวิต 4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม จำพวกเหล้า เบียร์ ชา กาแฟ ช็อกโกแลต แอลกอฮอล์หรือกาเฟอีนในเครื่องดื่มเหล่านี้จะไปขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียม ทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมามากขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ควรดื่มชา กาแฟ เกินวันละ 3 ถ้วย 5. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสมดุลระหว่างค่าความเป็นกรด-ด่างของเลือด การสูบบุหรี่ทำให้ร่างกายมีภาวะเป็นกรด แคลเซียมจะเข้ามามีบทบาทในการสะเทินฤทธิ์กรดจากบุหรี่ ดังนั้น บุหรี่ทุกๆ มวนจึงเป็นตัวที่ทำให้แคลเซียมละลายจากกระดูก นอกจากนี้ บุหรี่ยังทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงต่ำกว่าปกติด้วย จึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกพรุน 6. ระวังการใช้ยาบางชนิด เช่น ยากล่อมประสาท ยาที่มีสารสตีรอยด์ ยาลดกรดที่มีอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ ยาเหล่านี้เร่งการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย ดังนั้น หากจำเป็นต้องกินเป็นเวลานานควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ ฟังข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “ททท.จัดใหญ่สมัครสมาชิกรับทัวร์ฟรี1.9หมื่นบาทถึง31ก.ค.” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนร่วมสมัครสมาชิก www.tourismthailand/ tourismproduct.org ระหว่างวันนี้ – 31 กรกฎาคม 2562 ลุ้นรับแพกเกจท่องเที่ยวฟรีมูลค่า 19,000 บาท จากการเลือก 5 แพกเกจ เพียงแค่ร่วมสนุกโดยทำตาม 3 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก www.tourismthailand/ tourismproduct.org ข้นตอนที่ 2 เลือกประเภทการท่องเที่ยวที่ตนเองชอบมากที่สุด 1 ใน 5 แพกเกจ ได้แก่ 1.เที่ยวแบบหรูหรา : Luxury 2.เที่ยวตามความสนใจไม่เหมือนใคร : Special interest 3.เที่ยวแบบสายกิน ชิมไปอร่อยทุกเมนู : Gastronomy 4.เที่ยวเมืองรองกับเมืองต้องห้ามพลาด : Emerging Destination 5.ท่องเที่ยวชุมชนตะลอนไปทั่วไทย : CBT ข่าวที่สอง “ทอท.จับมือสนช.ผุดนวัตกรรมการบินต่อเนื่อง3ปีหน้า” นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ล่าสุดลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) เพื่อร่วมกันส่งเสริมความสามารถทางนวัตกรรม ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพทั้ง 2 องค์กรจะร่วมมือกันต่อเนื่อง 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2562 – 2 กรกฎาคม 2565 และตามแผนยุทธศาสตร์ได้จัดทำ AOT’s Innovation Strategie เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านนวัตกรรมให้สัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรม 4 ด้าน ได้แก่ 1.องค์กรนวัตกรรม (Innovation Organization) มุ่งสร้างวัฒนธรรมในองค์กร 2. นวัตกรรมบริการ (Service Innovation) มุ่งให้เกิดนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย 3. นวัตกรรมร่วม (Synergy Innovation) มุ่งบูรณาการร่วมกับพันธมิตรเพื่อการเชื่อมโยงทางธุรกิจอย่างไร้รอยต่อ และ 4. นวัตกรรมบนฐานองค์ความรู้และข้อมูล (Data – driven Innovation) มุ่งบริหารจัดการข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงนี้ เป็นการร่วมมือกันในการจัดกิจกรรมส่งเสริมความสามารถทางนวัตกรรมทั้งในระดับอุตสาหกรรม องค์กร และบุคคล เพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการพัฒนานวัตกรรมด้านต่างๆ ได้แก่ ยุทธศาสตร์นวัตกรรม กระบวนการนวัตกรรม และวัฒนธรรมนวัตกรรม รวมทั้งร่วมกันดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการใช้นวัตกรรมที่เหมาะสมด้านโลจิสติกส์และบริการที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาและบริการในธุรกิจการบินและธุรกิจสนับสนุน และร่วมกันดำเนินโครงการส่งเสริม สร้างโอกาสและเชื่อมโยงความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจนวัตกรรมไทย เพื่อรองรับการเติบโตของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เช่น โครงการส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมไทย เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการจัดแสดงเผยแพร่และจำหน่ายสินค้านวัตกรรมของไทย เพื่อนำไปสู่ระดับสากล ข่าวที่สาม“รฟท.แพกเกจวันแม่นครปฐม-สมุทรสาคร-ราชบุรี1,250บาท” การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รายงานว่า ได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวรถไฟฟรี ในเดือนแห่งวันแม่ 12 สิงหาคม 2562 โดยรณรงค์ให้แต่งไทย นั่งรถไฟ ไปเที่ยว “นครปฐม-สมุทรสาคร-ราชบุรี” วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2562 แวะท่องเที่ยวเส้นทางหลัก ๆ ล่องเรือไหว้พระ-สัมผัสเสน่ห์ชีวิตชุมชนคนริมคลองดำเนินสะดวก-วัดหลักห้า-ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก-บ้านเจ๊กฮวด” รีบเข้าไปจองได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ รฟท.โทร. 1690 ค่าบริการ ตั๋วรถไฟ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-นครปฐม 250 บาท แพกเกจท่องเที่ยวตามรายการ 1,250 บาท รวม ค่าตั๋วรถไฟขบวนพิเศษรถจักไอน้ำ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-นครปฐม ค่ารถบัสปรับอากาศตามรายการท่องเที่ยว อาหาร 2 มื้อ เช้าและกลางวัน ค่าอาหารว่าง ค่าประกันอุบัติเหตุ 1 ล้านบาทและค่ารักษาพยาบาล 5 แสนบาท ตามกรมธรรม์ที่กำหนด ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ค่าไกด์ ยกเว้นค่าอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ กับค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 % กับภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz. 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai