TCEBเปิดแผนครึ่งปีหลังรายได้ไมซ์ฉลุย1แสนล้าน เกาะติด3ตลาดหลัก"อาเซียน-จีน-อินเดีย/กระต่ายหมายจันท์ 40ตัว ถึงจันทบุรีแล้ว/ เที่ยวมหัศจรรย์เทียนหอมเขาไกรลาศ อุบลราชธานร
TCEBชูธงครึ่งปีหลังรายได้อุตสาหกรรมไมซ์ไทยฉลุย1แสนล้าน
ตลาดมาแรง”อาเซียน-จีน-อินเดีย”ผนึกนวัตวิถีขายสินค้าชุมชน
คิงเพาเวอร์ทำสัญญาทอท.เรียบร้อย3สัมปทาน4สนามบิน10ปี
ช้อปคิงเพาเวอร์ทุกสาขาผ่อนได้ 0% นาน10เดือนถึง31มี.ค.63
ททท.นำทัพกระต่ายปลุก”วันธรรมดาน่าเที่ยว@จันทบุรี”คึกคัก
ฝ่ายสินค้าททท.เปิดขุมทรัพย์เที่ยวทั่วไทยในSMART SME’62
บางจากเดินหน้าCross Innovation for New Value Chain
TCEBคัด3ทีมสตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมไมซ์ขึ้นโชว์เวทีสากล
เที่ยวงาน”มหัศจรรย์เทียนหอมเขาไกรลาส-กินรี”เมืองอุบล
5กลุ่มโรคที่คนรักสุขภาพต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงหน้าฝน
ก.ท่องเที่ยวโชว์ครึ่งปีโกยรายได้1.55ล้านล้านจีนยังมาแรง
บินไทยฮึกเหิมให้ใช้ROPแลกซื้อตั๋วบินชั้นธุริจ-เฟิร์สคลาส
นกแอร์ซ่าจ่อบินเบตงเชื่อมมาเลย์รอสนามบินใหม่เปิดก.ย.
KTCงัดคอร์สสอนทำอาหารราคาพิเศษมัดใจสมาชิกพราว
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาน่าเที่ยว #MoreFunตะวันออก #มหัศจรรย์เทียนหอมเขาไกรลาสอุบลราชธานี
ช่วงที่ 1 เปิดใจ “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เผยแผนตลาดครึ่งหลังปี’62 ฝ่ากระแสร้อนสงครามการค้า ค่าเงินบาท งัดสารพัดโปรเจ็กต์ขยายรายได้ไมซ์อินเตอร์ 3 ตลาดสำคัญ “อาเซียน-จีน-อินเดีย” เสริมทัพใหญ่ด้วยแพกเกจ ASEAN Maxi MICE หวังดูดอินเซ็นทีฟพักในไทยยาว พร้อมปูพรมจัดงานระดับโลก “UFI WORLD CONGRESS 2019” 6-9 พ.ย.นี้ที่ไอคอนสยาม ควบงาน “Women Davos 2020 “ สตรีแถวหน้าของโลกกว่า 500 คน จะเฮมาอยู่ในไทย ส่วนในประเทศรุกขยายเครือข่ายกับนวัตวิถี ต่อยอดทั้งการเปิดเซ็กชั่นเจรจาธุรกิจ B ot B นำสินค้าชุมชนเข้าตลาดทุกงานโอท็อปนวัตวิถี มั่นใจดันไมซ์ไทยทำรายได้ฉลุย 1 แสนล้าน
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” วางกลยุทธ์โหมรายได้เข้าสู่อุตสาหกรรมไมซ์ไทย ท่ามกลางสถานการณ์ท้าทายของสงครามการค้าอาจส่งผลกระทบเล็กน้อยบางงานจากต่างประเทศเลื่อนจัดบ้างช่วงกันยายนนี้ ส่วนพลังขับเคลื่อนได้โหมทำแคมเปญ ASEAN Maxi MICE เพราะกลุ่มตลาดอาเซียนในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าภาพได้รับแรงหนุนจากตลาดไมซ์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ขณะนี้ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์เสริมเข้าอีก 3 ประเภท ได้แก่ Silver-Gold_Platinum โดยสนับสนุนงบประมาณตามเงื่อนไข ในการนำลูกค้ามาจัดอินเซ็นทีฟไม่ต่ำกว่าพักครั้งละไม่ต่ำกกว่า 2 คืน เลือกใช้โรงแรมที่มาตรฐานตาม THAILAND MICE VENUE STANDARD :TMVS ซึ่งทีเส็บพัฒนาต่อเนื่องมา 6-7 ปีแล้ว ได้รับมาตรฐานห้องประชุมอีกประมาณ 300 แห่ง ส่วนจีนตอนนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งหรือเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้น TCEB จึงมีแผนเตรียมแต่งตั้งเพิ่มตัวแทนการตลาดและการขายหรือ Representative ในเมืองทางฝั่งตะวันตกของสาธารณรัฐประชาชนจีน จากเดิมมีอยู่แล้ว 2 แห่ง ในปักกิ่งกับเซี่ยงไฮ้ เพราะขนาดของตลาดสำคัญมาก โดยเฉพาะไมซ์กลุ่มที่ได้รับรางเดินทางนักท่องเที่ยวฟรี (incentive) จากจีนมาไทยปี 2562 ยังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังจากนี้จะเพิ่มกลยุทธ์เสริมเรื่องแนวทางการสนับสนุนในกลุ่มใหม่อินเซ็นทีฟพรีเมี่ยม ซึ่งมีความต้องการให้สนับสนุนการทำแพกเกจพีอาร์กับซีเอสอาร์ เป็นกลยุทธ์บุกตลาดจีนช่วงครึ่งปีหลังตั้งเป้าเพิ่มทั้งจำนวนและวันพัก นายจิรุตถ์กล่าวว่า อินเดียเป็นอีกตลาดสำคัญ จะจัดแฟมทริปเชิญเอเย่นต์ใหญ่ดึงกลุ่มกำลังซื้อคุณภาพเข้ามาไทย เมื่อ 2 ปีก่อนเคยนำร่องทำไว้บ้างแล้วด้วยการนำคอร์ปอเรตกลุ่มพรีเมี่ยมอินเดียเดินทางมาประมาณ 200-300 คน ตั้งแต่กรกฎาคมนี้เป็นต้นไปจะให้ตัวแทนขายเจาะเข้าไปยังตลาดพรีเมี่ยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับทั้งตลาดอาเซียน จีน อินเดีย นั้น TCEB มุ่งเจาะฐานลูกค้าไมซ์หลัก ๆ คือ กลุ่มอินเซ็นทีฟและจัดการประชุม (Incentive & meeting) ถ้าเป็นกลุ่ม Exibitor ก็จะใกล้เคียงกับประเทศอื่น ๆ จะนิยมไปร่วมงานมหกรรมการขายเครื่องจักร ภายในเดือนกันยายน-ธันวาคม นี้จะเห็นตัวเลขตลาดไมซ์ต่างนานาชาติมาไทยตามเป้า 1.3 ล้านคน ตามภารกิจหลักการนำรายได้เข้าประเทศ 3 ส่วน 1.ทำการตลาดดึงไมซ์ทั่วโลกเข้ามาใช้จ่ายเงิน 2.พัฒนามาตรฐานห้องประชุม และบุคลากร 3.กระจายการจัดงานไปยังต่างจังหวัดทั่วประเทศทั้งเมืองหลักและเมืองรอง นายจิรุตถ์กล่าวถึงการทำตลาดไมซ์ในประเทศด้วยการขยายเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตร กลุ่มแรก สหกรณ์ ทำต่อเนื่องมากว่า 1 ปี ให้เลือกไปจัดการประชุมตามสหกรณ์ที่มีความพร้อม กลุ่มที่ 2 กรมการพัฒนาชุมชน ในโครงการนวัตวิถี กระทรวงมหาดไทย ลงนามความร่วมมือเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2562 เรียบร้อยแล้ว โดย TCEB นำร่องเลือกใช้พื้นที่นำร่อง “จังหวัดเชียงใหม่” โดยมีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ (ไทย) “TICA” นอกเหนือพาไปจัดงานตามสถานที่ในชุมชนแล้ว ยังเพิ่มการนำสินค้าชุมชนมาขายผู้เข้าร่วมไมซ์ในประเทศ รวมทั้งได้รับงบบูรณาการจัดเก็บข้อมูลทำ Big DATA รวบรวมชุมชนที่มีความพร้อมรองรับการจัดประชุมทั้งจากต่างประเทศและในประเทศที่จะหลั่งไหลเข้ามายังประเทศไทย พุ่งเป้าหมายด้านตลาดส่งเสริมการขายทำให้ผลิตภัณฑ์ทำรายได้พ่วงเข้าไปด้วย งานที่ TCEB กับกรมการพัฒนาชุมชนร่วมจัดไปแล้วเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา คือ OTOP นวัตวิถี โดยมีเซ็กชั่นพิเศษเพิ่มในงานคือ บริษัท โอท็อป เปิดให้เจรจาธุรกิจระหว่างกัน หรือ Business to Business : B to B ของกลุ่มชุมชนผู้ขาย กับบริษัทขนาดใหญ่ผู้ซื้อ มาพบกัน ผลปรากฏกว่ามีบริษัทน้ำมันรำข้าวสั่งซื้อจากงานนี้ล็อตเดียวสูงถึง 3 ล้านบาท ตลอดงานมีมูลค่าการขาย B to B รวมแล้วกว่า 100 ล้านบาท ดังนั้นจะนำต้นแบบแนวทางดังกล่าวไปใช้ในอนาคตต่อไป เน้นใช้วิธีคัดเลือกผลิตภัณฑ์ชุมชนเกรดคุณภาพมาร่วมขายตามงานไมซ์ต่าง ๆ และจะเปิดเซ็กซั่นขนาดเล็กไว้สร้างโอกาสเจรจาการขายไว้ด้วย ส่วนการสร้างโมเดลต้นแบบเปิดตลาดการขายสินค้าชุมชนตามงานต่าง ๆ นั้น ต้องพิจารณาถึงขีดความสามารถการผลิตของแต่ละชุมชน โดยจะต้องเลือกหมวดสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดปริมาณมาก ๆ อย่าง พืชผลเกษตร เป็นต้น นายจิรุตถ์อธิบายว่า วางแผนดึงงานไมซ์ตลาดต่างประเทศรายการสำคัญใหม่ ๆ เข้ามาจัดในเมืองไทย ไฮไลต์ตอนนี้มีงาน “วูเม่น ดาวอส 2020” เลือกมาจัดในไทย เป็นการประชุมผู้นำสตรีทั่วโลก ระดับนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี เจ้าของกิจการ และอดีตผู้บริหารจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมงาน จำนวนรวมกว่า 500 คน ตอกย้ำถึงศักยภาพของประเทศมีความพร้อมจัดงานระดับโลกได้ เมื่อครั้งที่ผ่านมามีอดีตประธานาธิบดีทางแอฟริกา และบางส่วนจากอเมริกา ระหว่าง 6-9 พฤศจิกายน 2562 TCEB ได้ไปนำงาน UFI World Congress 2019 เข้ามาจัด ณ ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ ผู้เดินทางมาร่วมงานจะเป็นกลุ่มผู้นำโลกทางด้านการจัดงานเอ็กซิบิชั่น เจ้าของศูนย์ประชุม ศูนย์เอ็กซิบิชั่น ออร์กาไนเซอร์ จำนวนกว่า 800 คน งานนี้สำคัญต่ออุตสาหกรรมไมซ์ไทยที่จะยืนยันกับนานาประเทศถึงความเป็นมืออาชีพและความพร้อมรองรับงานระดับใหญ่ของโลก ผนวกกับเป็นช่วงที่ไอคอนสยามจะเปิดบริการศูนย์ประชุมด้วย จะได้ถือโอกาสนี้โชว์เคสต์ไปด้วย ขณะเดียวกันก็จะใช้จังหวะนี้เชิญผู้นำที่เดินทางมาร่วมงาน UFI World Congress 2019 เดินทางไปสำรวจสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย ส่วน TCEB ได้จับมือกับสมาคมจัดแสดงนิทรรศการไทย หรือ TEA ร่วมสนับสนุนสมาชิกสมาคม กลุ่มผู้ประกอบการห้องประชุม และผู้จัดออร์กาไนเซอร์ ให้ค่าใช้จ่ายการเข้าไปในงานจำนวน 80 ราย เพื่อเข้าไปรับเทคโนโลยี ความรู้ใหม่ กลยุทธ์ใหม่ทางการตลาด การจัดงาน และการสร้างเครือข่าย เพื่อดึงงานใหญ่มาจัดในไทยเพิ่มขึ้นต่อไป สถิติปี 2562 TCEB จะต้องทำรายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์เข้าประเทศตามเป้า 1.3 ล้านคน 1 แสนล้านบาท สามารถทำได้เพราะตลอด 8 เดือนนี้รายได้ใกล้เคียงพอสมควร แต่จะเพิ่มโดยหันไปเน้นงานพัฒนามากขึ้น เพราะงานขนาดใหญ่ที่ไปประมูลชิงมาจากคู่แข่งก็ได้มาพอสมควรแล้ว แต่สถานที่ต่าง ๆ ต้องพร้อมด้วย สิ่งที่สำคัญสุดตามเทรนด์จากนี้ไปคือ Green Meeting มีหลายหน่วยงานสามารถจัดงานดังกล่าว บริษัทต่าง ๆ สนใจเข้าร่วมในโครงการไมซ์สู่ความยั่งยืน ตั้งแต่การเลือกไปจัดงานในชุมชน การทำงานร่วมกับไมซ์ ซิตี้ 5 เมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ขอนแก่น ทาง TCEB พยายามหางานมาให้ได้มากสุด หรือแม้กระทั่งในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก : Eastern Economic Corridor : EEC ทาง TCEB ก็ได้ไปดึงงาน AIRSHOW ขนาดใหญ่ของโลกเตรียมมาจัดในไทยช่วงปี 2563/2564 ระหว่างนี้ก็มีกลุ่มธุรกิจผลิตชิ้นส่วน อะไหล่ เครื่องบิน ขณะนี้ได้จ้างทำการศึกษาเบื้องต้นมีกระแสตอบรับของผู้สนใจเข้าร่วมงานแอร์โชว์ที่จะมาจัดในไทยเกินกว่า 80 % ของกลุ่มเอ็กซิบิเตอร์หรือผู้ที่นำสินค้าการบินมาขาย ส่วนปัจจัยที่เจ้าของงานจะเลือกมาจัดหรือไม่ต้องทำงานร่วมกันต่อไปเพราะในบริเวณสนามบินอู่ตะเภาสามารถดีไซน์ให้จัดแบบกลางแจ้งหรือในอาคารก็ได้ ฟังข่าวต้นชั่วโมง ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์เซ็นสัญญาเรียบร้อย3สัมปทาน4สนามบิน นายวิชัย บุญยู้ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายสายการตลาดและสายการพาณิชย์ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)(ทอท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ทางฝ่ายกฎหมายทอท.ได้ลงนามสัญญากับ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เรียบร้อยแล้วทั้ง 3 สัมปทาน 4 สนามบิน ซึ่งจะหมดสัญญาในช่วงเวลาเดียวกัน คือ 27 กันยายน 2563 แล้วสัมปทานใหม่จะได้ต่อเนื่อง 10 ปี 6 เดือน ระหว่าง 28 กันยายน 2563-31 มีนาคม 2574 ประกอบด้วย 1.บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัดผู้ชนะการประมูลประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากร 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 ในสนามบบินสุวรรณภูมิ สัญญาที่ 2 ในสนามบินภูมิภาค 3 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ 2.บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด 1 สัญญาในฐานะผู้ชนะการประมูลประกอบกิจการร้านค้าเชิงพานิชย์ (commercial area ) ในสนามบินสุวรรณภูมิ ตามขั้นตอนหลังลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้ว ทอท.จะเร่งทยอยส่งมอบพื้นที่ให้คิง เพาเวอร์ ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลทั้ง 3 สัมปทาน ได้เข้าปรับปรุงตกแต่งสถานที่ ซึ่งอาจจะดีไซน์แตกต่างจากเดิม ดังนั้นเมื่อออกแบบเสร็จเรียบร้อยต้องส่งกลับมาให้ ทอท.ตรวจอีกครั้ง ก่อนจะเข้ามาประกอบกิจการตามสัญญาใหม่ในเวลาที่กำหนดไว้ สำหรับการเปิดประมูลอีก 2 สัมปทาน ได้แก่ 1.ร้านค้าดิวตี้ฟรีในทสนามบินดอนเมือง และ 2.พื้นที่จุดส่งมอบสินค้าดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ Pick up Counter สุวรรณภูมิ ทอท. จะต้องขอรับทราบนโยบายจากทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ แต่ทุกสัมปทานที่เหลือ ทอท.จะนำเสนอเพื่อดำเนินการได้ตามกรอบเวลาปกติ ภายในสิ้นปี 2562 หรือประมาณต้นปี 2563 ข่าวที่ 2 “ช้อปคิงเพาเวอร์ผ่าน0%นาน10เดือนถึง31มี.ค.63” สมาชิกคิง เพาเวอร์ ช้อปสนุก แบ่งจ่ายสบาย แบ่งชำระ 0% สูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2563 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และมหานคร คิงเพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และศูนย์ปฏิบัติการการบินไทย พิเศษ! รับคืนสูงสุด 20% (เมื่อใช้คะแนนสะสมเท่ายอดซื้อ) หรือ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% สำหรับลูกค้าบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ โดยมีกติกาดังนี้ 1.ยอดซื้อสินค้าเพื่อรับสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% ต้องเป็นยอดซื้อหลังจากหักส่วนลดต่างๆ (ยอดสุทธิ) ภายในแผนกสินค้าเดียวกัน 2.เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม ณ จุดขาย 3.สินค้าแผนกสุราและบุหรี่ไม่สามารถร่วมรายการ 4.ยอดซื้อที่เกิดจากการเข้าร่วมโครงการผ่อนชำระ 0% สามารถร่วมรายการส่งเสริมการขายประจำเดือนได้ รวมถึงรายการ CARAT Rewards และการสะสมยอดซื้อเพื่อปรับสถานภาพสมาชิกสามารถใช้ร่วมกับส่วนลดสำหรับสมาชิกคิง เพาเวอร์ ข่าวที่ 3 “ททท.นำกระต่ายไฮเทคปลุกเที่ยวจันท์วันธรรมดาคึกคัก” นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ได้ปล่อยคาราวานกระต่ายดิจิทัล 40 ตัว ลงพื้นที่กระจายตามพื้นที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โหมทำกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว “วันธรรมดาน่าเที่ยว @จันทบุรี” ระหว่าง 5-6-7 กรกฎาคม 2562 นำทีมสื่อมวลชนแบบผสมผสานเทรนด์รุ่นใหม่ออนไลน์ บล็อกเกอร์ ร่วมสำรวจเส้นทาง “วันธรรมดา น่าเที่ยว จันทบุรี” จากกรุงเทพฯ แวะจุดแรก “ตลาดท่าใหม่” ในอำเภอท่าใหม่ มีไฮไลต์ร้านอาหารเด็ด ๆ มื้อกลางวันอย่าง ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง ก๋วยเตี๋ยวทะเล ตะกั่วทอด ทองม้วน แล้วนั่งรถต่อไป “ร้านป้าแกลบ” ตำบลเขาบายศรี อ.ท่าใหม่ ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลไม้จากสวนนานาชนิด มีเส้นไทยผัดจันท์สำเร็จรูปขึ้นชื่อเป็นของฝาก เป็นร้านจำหน่ายสินค้าโอท็อประดับ 5 ดาว รวมทั้งสารพัดทุเรียนทั้งแบบกวน ทอด และอบแห้ง เรื่อยไปจนถึง กะปิ และผลิตภัณฑ์สินค้าทะเลตะวันออกบางชนิด จากนั้นตรงเข้าอำเภอเมือง แวะชม “ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี” ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์อัญมณีในแบบ Live Museum ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตากับความอลังการของเส้นทางเหมืองพลอย แร่รัตนชาติชนิดต่าง ๆ และการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ด้วยเครื่องประดับสวยหรูอลังการ ช่วงเย็นแวะไปสังเกตการณ์การเปิดงาน วันธรรมดาน่าเที่ยว@จันทบุรี...ตอนกระต่ายหมายจันท์ บรเวณหน้าอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล แม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวภายในจันทบุรีและต่างถิ่นเข้ามาร่วมสนุกเป็นจำนวนนับพันคน ไฮไลต์ระหว่างวันที่ 5-6 กรกฎาคม ได้นำ โมเดลกระต่ายหมาย...จันท์ ทั้ง 40 ตัว จัดแสดงบริเวณลานด้านหน้าวิหาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ ร่วมเรียนรู้การใช้บริการสแกน QR CODE ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว และโปรโมชั่นที่เข้าร่วมรายการตลอด 2 เดือนนี้ ระหว่าง 15 กรกฎาคม – 15 กันยายน 2562 พร้อมจัดมินิคอนเสิร์ต วันที่ 5 กรกฎาคม จาก โต๋- ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร วันที่ 6 กรกฎาคม 2562 พบกับ ทอม- อิศรา กิจนิตย์ชีว์ ภายในงานทางจันทบุรีได้รวมร้านค้าที่มีชื่อเสียงทั่วจังหวัดมาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายอย่างจุใจ ได้แก่ ร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดัง ร้านค้าชุมชน OTOP กิจกรรมสาธิตสินค้าชุมชน ซึ่ง ททท. คาดว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างกระแสให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดาเพิ่มมากขึ้น ส่วนเส้นทางท่องเที่ยวในจันทบุรี มีหลากหลายความสนุกมาแนะนำ ได้แก่ น้ำตกพลิ้ว โอเอซิสซีเวิลด์ แวะไปถ่ายรูปกับโลมาแสนรู้ สวนน้ำที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว แวะพักค้างคืนที่ “จันท์เจ้าหลาวรีสอร์ท” ลงเล่นน้ำทะเล ก่อนจะตื่นเช้าวันใหม่ไปเที่ยวต่อยัง “ศุนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน” ร่วมทำกิจกรรมคืนประโยชน์สู่ธรรมชาติ เช่น ร่วมกิจกรรมทำอีแปะ ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำสู่อ่าวคุ้งกระเบน และชมการสาธิตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง ก่อนกลับต้องผ่านเส้นทาง “จุดชมวิวเนินนางพญา” บริเวณหาดคุ้งวิมาน ใกล้ปากอ่าวคุ้งกระเบน ตื่นตากับทิวทัศน์อันสวยงามทั้งทะเล ภูเขา ของถนนเลียบชายหาดทอดยาว จากหาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน และแหลมเสด็จ ซึ่งมองเห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามปากอ่าว จุดที่ตั้งของเนินนางพญา อยู่ห่างจากหาดเก็บตะวัน 400 เมตร ห่างจากหาดคุ้งวิมาน 1.5 กม. ห่างจากจุดชมวิวพระยืน 3 กม.ห่างจากอ่าวคุ้งกระเบนและห่างจากหาดเจ้าหลาว เท่า ๆ กัน 15.5 กม. โทร.สอบถาม ททท.จันทบุรี เพิ่มเติมที่ 039 480 220 และ Facebook : ททท. สำนักงานจันทบุรี ข่าวที่ 4 “ททท.นำขุมทรัพย์เที่ยวทั่วไทยบูมเมืองรองในSMART SME2019” นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้นำสินค้าทางการท่องเที่ยวเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการ “ขุมทรัพย์ท่องเที่ยวทั่วไทย” โดยร่วมเปิดบูธในงาน ธุรกิจแฟรนไชส์แห่งปี "Smart SME EXPO 2019" ระหว่างวันที่ 4-7 กรกฎาคม 2562 ที่อิมแพคเมืองทองธานี ซึ่งเปิดตลอดงานตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม เพื่อเชิญชวนให้ผู้เข้างานได้เข้าเยี่ยมชมและรับรู้ถึงการท่องเที่ยวเมืองรองมุมใหม่ และสร้างท่องเที่ยวเพื่อกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจไทย ข่าวที่ 5 “บางจากชูจัด Cross Innovation for New Value Chain” นายสุวัฒน์ มีมุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ร่วมกับผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ต้อนรับเครือข่ายนวัตกรรมภาคอุตสาหกรรม (InnoThai Network) โดยมีผู้ประกอบการกว่า 90 ราย เข้าร่วมรับฟังแนวคิดโครงการ “คลิก...พลิกประเทศ” (Green Impact) และแนะนำสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจบางจาก (BiiC) รวมทั้งรูปแบบห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่และเส้นทางสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารต้นน้ำ และร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ปันประสบการณ์ตามหัวข้อต่าง ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการเกษตรสู่การผลิตอาหารที่ได้รับการรับรองด้านคุณภาพ เพื่อนำเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐ โดยมีผู้บริหารจากสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ ผู้จัดการระบบนิเวศและบ่มเพาะธุรกิจ Startup และผู้บริหารจากคณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒน์ ร่วมบรรยาย ในงาน Cross Innovation for New Value Chain : From Premium Agri-food to Premium Food พร้อมพาผู้ร่วมงานเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้นวัตกรรมสีเขียวที่สำนักงานใหญ่บางจากฯ ข่าวที่ 5 “TCEBคัด3ทีมนวัตกรรมไมซ์Thailand’s MICE Startup” นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้รุกเดินหน้ากลยุทธ์การพัฒนาไมซ์ตามยุทศาสตร์ 3 ปี โดยมุ่งนำดิจิทัลเข้ามาเพื่อเพิ่มความขีดความสามารถผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ล่าสุดทีเส็บได้จับมือกับ 4 พันธมิตร ได้แก่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA) และ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA ทำโครงการ Thailand’s MICE Startup จัดแข่งขันประกวดการพัฒนานวัตกรรมด้วยการนำดิจิทัลเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการจัดงานไมซ์ไทย โดยได้รับความสนใจจากนานาชาติลงสมัครตั้งแต่พฤษภาคมปีนี้มากถึง 47 ทีม จากไทย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ฮ่องกง อินเดีย รัสเซีย สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐเช็ก แต่ละทีมได้นำเสนอแนวคิดด้วยนวัตกรรมการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านเข้ารอบ 12 ทีม เป็นโมเดลที่สามารถตอบโจทก์เรื่องการนำนวัตกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมาทำให้เกิดผลเชิงบวกกับอุตสาหกรรมไมซ์ครอบคลุมทั้งทางด้าน สังคม สิ่งแวดล้อม การเงินมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน และการสร้างมูลค่าเพิ่ม เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบทั้ง 12 ทีม ต้องเสนอแนวทางการแก้ปัญหาทางเทคโนโลยีเรื่องธุรกิจไมซ์ให้คณะกรรมการพิจารณาอีกครั้งในรอบตัดสินเพื่อคัดผู้ชนะไว้เพียง 3 ทีม ได้ไปต่อใน “โครงการบ่มเพาะ Thailand’s MICE Startup” ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายจะต้องพัฒนาไอเดียที่สร้างสรรไว้ให้กลายเป็นเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์นักลงทุนและผู้ประกอบการไมซ์ให้นำไปใช้จริงในเชิงพาณิชย์ได้ ผู้ชนะจะได้รับโอกาสให้นำผลงานไปเสนอในเวทีระดับโลกซึ่งไทยจะเป็นประเทศเจ้าภาพจัดงานประชุมสมาคมอุตสาหกรรมและการแสดงสินค้าโลก : UFI Global Congress 2019 ระหว่าง 6-9 พฤศจิกายน 2562 ณ ไอคอน สยาม กรุงเทพฯ อีกทั้ง TCEB ยังได้ร่วมมือกับ GISTDA โดยให้เข้าร่วมเป็นกรรมการคัดเลือกสตาร์ต อัพ ต่อเนื่องถึงเรื่องการส่งเสริมกิจกรรมเพิ่มความรู้และความแข็งแกร่งให้ผู้ชนะตลอดโครงการทั้ง 3 ทีม สร้างความร่วมมือระดับนานาชาติกับสมาคมส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ของสิงคโปร์ (SACEOS) จัดโปรแกรมแลกเปลี่ยนรู้ร่วมกันในหัวข้อ “การพัฒนานวัตกรรมและ Startups ธุรกิจไมซ์” ระหว่าง 24-26 กรกฎาคม 2562 นี้ ที่สิงคโปร์ ช่วงที่ 2 เตรียมตัวเที่ยวงานบุญใหญ่เข้าพรรษาที่จัดมากว่า 100 ปี ที่น่าไปชม “มหัศจรรย์เทียนหอมเขาไกรลาส-กินรี” อุบลราชธานี ปีนี้ให้ชาวชุมชนอุดมเดชเจ้าตำรับแกะเทียนหอมยกความอลังการเนรมิตป่าหิมพานต์มาไว้ในห้างเซ็นทรัล พลาซ่า เมืองอุบลฯ ให้ได้ชมเต็มอิ่ม 11-17 ก.ค.นี้ รวมถึง “หน้าฝนต้องระวัง5โรค” ข่าวฮ็อตก็มี ครึ่งปีแรก”ท่องเที่ยว” ตุนรายได้ 1.55 ล้านล้านบาท “บินไทยให้ใช้ ROP” แลกซื้อตั๋วธุรกิจและชั้นหนึ่งได้ทั่วโลก “นกแอร์” ฟุ้งบินเบตงหลังสนามบินเปิด ก.ย.นี้ “KTC” งัดสอนทำอาหารราคาพิเศษเพิ่มฐานลูกค้าพราว @เที่ยวมหัศจรรย์เทียนหอมเขาไกรลาส-กินรีที่อุบลฯ ใกล้เทศกาลบุญเดือน 8 “เข้าพรรษา” เข้ามาทุกที ปีนี้จังหวัดอุบลราชธานี เมืองต้นตำรับจัดงานแห่เทียนพรรษามายาวนานนับ 100 ปี ชวนนักท่องเที่ยวไปตื่นตากับประติมากรรมเมืองเทียนหอมหนึ่งเดียวในโลกธีม “มหัศจรรย์เขาไกรลาสและนางกินรี” ระหว่าง 11-17 กรกฎาคม นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคอีสาน จับมือกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ดีไซน์พื้นที่ให้กลายเป็นเมืองแสนงาม ละลานตาด้วยเทียนหอมแกะสลักโดยฝีมือชาวชุมชนเดชอุดม ที่นำมาให้ชมทั่วบริเวณชั้น 1 โซนอควอเรียม ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า อุบลราชธานี ภายในเมืองเทียนหอมเข้าพรรษาแห่งเขาไกรลาศและกินรี นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์ความโดดเด่นของเรื่องของวิถีชีวิตในป่าหิมพานต์ มีทั้งกินรี พระอินทร์ ขนาดสูงถึง 4 เมตร ต้นกัลพฤกษ์ ดินธรจรารามภูพร้าว วัดเรืองแสง และสัตว์ตามจินตนาการ ถ่ายทอดเรื่องราวของป่าตามความเชื่อของไตรภูมิตามคติพุทธและฮินดู ซึ่งชาว “ชุมชนเทียนหอมบ้านเดชอุดม” ทำต่อเนื่องมาแล้ว 6 ปี สร้างสรรค์นำเรื่องราววรรณคดีมาผสมผสานผ่านการแกะสลักเทียน ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เมื่อดื่มด่ำกับ “มหัศจรรย์เขาไกรลาสและกินรี” ในห้างสรรพสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ช่วงหลังเทศกาลแห่พรรษา นักท่องเที่ยวก็ยังสามารถเดินทางไปตามชุมชนคนทำเทียนทั่วอุบลราชธานีได้อีกถึง 2 เดือนเต็ม ช่วงวันที่ 20 กรกฎาคม – 20 สิงหาคม 2562 ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมงานบุญใหญ่ตามอัตลักษณ์วิถีชีวิตอีสาน “ฮีต 12 คลอง 14” นอกจากเที่ยวงานเทศกาลแห่เทียนพรรษา อุบลราชธานี แล้ว ยังสามารถแวะไปเที่ยวหน้าฝนในอีสานอีกหลายจังหวัดใกล้เคียงได้ ตอนนี้กำลังเขียวขจี โดยได้ชื่อว่าเป็นภาคแห่งทะเลหมอก ทะเลดอกไม้ และเมืองสร้างสรรค์วิถีความเป็นไทย @5 โรคติดต่อหน้าฝนต้องระวังเป็นพิเศษ ในฤดูฝนเรามักจะเห็นผู้คนป่วยได้ง่ายกว่าปกติโดยเฉพาะโรคติดต่อที่มากับหน้าฝน เรื่องสำคัญที่ต้องรู้เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวคุณและคนที่คุณรักตกเป็นเหยื่อของโรคที่มากับหน้าฝน ต้องระวัง 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.กล่มโรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน อาหารเป็นพิษ ไทฟอยด์ บิด เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ และบี วิธีป้องกัน คือ รักษาความสะอาดทุกครั้งทั้งก่อนและหลังการปรุงอาหารและการรับประทานอาหาร เลือกซื้ออาหารที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ ใช้ภาชนะใส่อาหารที่สะอาด 2.กลุ่มโรคติดต่อขอบระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ การฉีดวัคซีน 3.กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุง ได้แก่ ไข้เลือดออก ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวัสสำหรับโรคไข้เลือดออกโดยเฉพาะ เป็นการรักษาตามอาการและรักษาแบบประคับประคอง การป้องกันฉะนั้นควรกำจัดลูกน้ำยุงลายในบ้านให้หมด 4.กล่มโรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผล หรือเยื่อบุผิวหนัง ได้แก่ โรคไข้ฉี่หนู หรือแลปโตสไปโรซิส วิธีป้องกันที่ดีที่สุด กำจัดขยะไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของหนู หากมีบาดแผลที่ผิวหนังควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ 5.กลุ่มโรคเยื่อบุตาอักเสบ หรือโรคตาแดง - วิธีป้องกันคือ หมั่นดูแลความสะอาดของร่างกาย ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัส หรือขยี้ตา หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าดวงตาควรล้างด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำยาล้างตา ฟังข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “ท่องเที่ยวครึ่งปีแรกตุนรายได้สำเร็จ 1.55 ล้านล้านบาท” กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม - มิถุนายน 2562 การสามารถทำรายได้เข้าประเทศรวมกว่า 1.55 ล้านล้านบาท มาจากตลาดต่างประเทศ 1.01 ล้านล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามากสุด 3 อันดับแรก คือ จีน มาเลเซีย โดยเฉพาะอินเดียมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 22.2 % เข้ามารวม 1.8 แสนคน ส่วนคนไทยเที่ยวในประเทศ ทำรายได้ 5.4 แสนล้านบาท จังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวเติบโตเพิ่มขึ้นมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขอนแก่น เพิ่ม 7.74 % บุรีรัมย์ เพิ่ม 5..69 % และ จันทบุรี เพิ่ม 5.24 % ข่าวที่สอง “การบินไทยฮึกเหิมเปิดให้ใช้ROPแลกซื้อตั๋วชั้นธุรกิจ-ชั้นหนึ่ง นางอลิศรา คิดหมาย ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจรอยัลออร์คิดพลัส บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เปิดบริการ THAI MAX EXPRESS 2 มุ่งขยายเส้นทางเพิ่มให้ลูกค้ารอยัล ออร์คิด พลัส (ROP) ใช้ไมล์สะสมแลกซื้อตั๋วชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่งมากขึ้นได้ในเส้นทางต่อเนื่องจากเดิม THAI MAX EXPRESS 1 ทดลองกรุงเทพฯ-ยุโรป แล้วประสบความสำเร็จ ขณะนี้จึงเพิ่มเส้นทางบินให้เลือกอย่างหลากหลาย จากกรุงเทพฯ ไปออสเตรเลีย 4 เมือง คือ ซิดนีย์ เมลเบิร์น บริสเบน/เพิร์ท กรุงเทพฯไปญี่ปุ่น 5 เมือง คือ โตเกียว โอซากา ฟุกุโอกะ นาโกยา ซัปโปโร) และกรุงเทพฯ ไปเกาหลี 2 เมือง คือ โซล ปูซาน ตรวจสอบรายละเอียด THAI MAX EXPRESS 2 เพิ่มที่ www.thaiairways.com หรือ THAI Contact Center โทร 0-2356-1111 ข่าวที่สาม “นกแอร์จ่อบินเบตงเชื่อมมาเลย์หลังสนามบินเปิดก.ย.62” นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และกรรมการบริหาร บริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า นกแอร์เร่งศึกษษเส้นทางใหม่ในประเทศ ขานรับนโยบายพัฒนาชายแดนใต้ 3 จังหวัด ขณะนี้เล็งเปิดบินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เบตง (ยะลา) มีสนามบินพาณิชย์แห่งจะเปิดบริการกันยายน 2562 นี้ ซึ่งเบตงเป็นเมืองที่มีจุดขายการท่องเที่ยวดึงดูดคนไทยและต่างชาติ ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง และสถานที่ท่องเที่ยวตามรอยอารยธรรมพื้นเมือง เช่น เบตงน้ำพุร้อน อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงไปเที่ยวต่อยังประเทศเพื่อนบ้านมาเลเซียได้ด้วย ข่าวที่ 4 “KTCงัดคอร์สสอนทำอาหารขยายฐานลูกค้าพราว” บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) “KTC” รายงานว่าได้จับมือ “ยูเอฟเอ็ม” โรงเรียนสอนการผลิตอาหารและขนมมาตรฐาน เปิดคอร์สเอ็กซ์คลูซีฟสอนทำไอศครีมโฮมเมดสูตรพิเศษ อร่อยเข้มเต็มคำ 2 รสยอดนิยม รสทุเรียนกับรสมะม่วง วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2562 ให้สมาชิกบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” เพื่อเลือกนำไปประกอบอาชีพเสริมและสร้างรายได้ต่อไป ค่าเรียนราคาพิเศษเพียง 499 บาทต่อท่าน จากปกติ 3,000 บาท หรือใช้คะแนน KTC Forever ทุก 1,000 คะแนน แทนเงินสดมูลค่า 100 บาท สมาชิก 1 ท่านลงทะเบียนได้ 2 ที่นั่ง สำรองที่นั่งโทร. 0-2123-5420 ระหว่าง 9-10 กรกฎาคม 2562 เวลา 08.30 น. – 17.00 น. ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ตลาดมาแรง”อาเซียน-จีน-อินเดีย”ผนึกนวัตวิถีขายสินค้าชุมชน
คิงเพาเวอร์ทำสัญญาทอท.เรียบร้อย3สัมปทาน4สนามบิน10ปี
ช้อปคิงเพาเวอร์ทุกสาขาผ่อนได้ 0% นาน10เดือนถึง31มี.ค.63
ททท.นำทัพกระต่ายปลุก”วันธรรมดาน่าเที่ยว@จันทบุรี”คึกคัก
ฝ่ายสินค้าททท.เปิดขุมทรัพย์เที่ยวทั่วไทยในSMART SME’62
บางจากเดินหน้าCross Innovation for New Value Chain
TCEBคัด3ทีมสตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมไมซ์ขึ้นโชว์เวทีสากล
เที่ยวงาน”มหัศจรรย์เทียนหอมเขาไกรลาส-กินรี”เมืองอุบล
5กลุ่มโรคที่คนรักสุขภาพต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงหน้าฝน
ก.ท่องเที่ยวโชว์ครึ่งปีโกยรายได้1.55ล้านล้านจีนยังมาแรง
บินไทยฮึกเหิมให้ใช้ROPแลกซื้อตั๋วบินชั้นธุริจ-เฟิร์สคลาส
นกแอร์ซ่าจ่อบินเบตงเชื่อมมาเลย์รอสนามบินใหม่เปิดก.ย.
KTCงัดคอร์สสอนทำอาหารราคาพิเศษมัดใจสมาชิกพราว
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาน่าเที่ยว #MoreFunตะวันออก #มหัศจรรย์เทียนหอมเขาไกรลาสอุบลราชธานี
ช่วงที่ 1 เปิดใจ “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เผยแผนตลาดครึ่งหลังปี’62 ฝ่ากระแสร้อนสงครามการค้า ค่าเงินบาท งัดสารพัดโปรเจ็กต์ขยายรายได้ไมซ์อินเตอร์ 3 ตลาดสำคัญ “อาเซียน-จีน-อินเดีย” เสริมทัพใหญ่ด้วยแพกเกจ ASEAN Maxi MICE หวังดูดอินเซ็นทีฟพักในไทยยาว พร้อมปูพรมจัดงานระดับโลก “UFI WORLD CONGRESS 2019” 6-9 พ.ย.นี้ที่ไอคอนสยาม ควบงาน “Women Davos 2020 “ สตรีแถวหน้าของโลกกว่า 500 คน จะเฮมาอยู่ในไทย ส่วนในประเทศรุกขยายเครือข่ายกับนวัตวิถี ต่อยอดทั้งการเปิดเซ็กชั่นเจรจาธุรกิจ B ot B นำสินค้าชุมชนเข้าตลาดทุกงานโอท็อปนวัตวิถี มั่นใจดันไมซ์ไทยทำรายได้ฉลุย 1 แสนล้าน
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” วางกลยุทธ์โหมรายได้เข้าสู่อุตสาหกรรมไมซ์ไทย ท่ามกลางสถานการณ์ท้าทายของสงครามการค้าอาจส่งผลกระทบเล็กน้อยบางงานจากต่างประเทศเลื่อนจัดบ้างช่วงกันยายนนี้ ส่วนพลังขับเคลื่อนได้โหมทำแคมเปญ ASEAN Maxi MICE เพราะกลุ่มตลาดอาเซียนในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าภาพได้รับแรงหนุนจากตลาดไมซ์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ขณะนี้ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์เสริมเข้าอีก 3 ประเภท ได้แก่ Silver-Gold_Platinum โดยสนับสนุนงบประมาณตามเงื่อนไข ในการนำลูกค้ามาจัดอินเซ็นทีฟไม่ต่ำกว่าพักครั้งละไม่ต่ำกกว่า 2 คืน เลือกใช้โรงแรมที่มาตรฐานตาม THAILAND MICE VENUE STANDARD :TMVS ซึ่งทีเส็บพัฒนาต่อเนื่องมา 6-7 ปีแล้ว ได้รับมาตรฐานห้องประชุมอีกประมาณ 300 แห่ง ส่วนจีนตอนนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งหรือเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้น TCEB จึงมีแผนเตรียมแต่งตั้งเพิ่มตัวแทนการตลาดและการขายหรือ Representative ในเมืองทางฝั่งตะวันตกของสาธารณรัฐประชาชนจีน จากเดิมมีอยู่แล้ว 2 แห่ง ในปักกิ่งกับเซี่ยงไฮ้ เพราะขนาดของตลาดสำคัญมาก โดยเฉพาะไมซ์กลุ่มที่ได้รับรางเดินทางนักท่องเที่ยวฟรี (incentive) จากจีนมาไทยปี 2562 ยังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังจากนี้จะเพิ่มกลยุทธ์เสริมเรื่องแนวทางการสนับสนุนในกลุ่มใหม่อินเซ็นทีฟพรีเมี่ยม ซึ่งมีความต้องการให้สนับสนุนการทำแพกเกจพีอาร์กับซีเอสอาร์ เป็นกลยุทธ์บุกตลาดจีนช่วงครึ่งปีหลังตั้งเป้าเพิ่มทั้งจำนวนและวันพัก นายจิรุตถ์กล่าวว่า อินเดียเป็นอีกตลาดสำคัญ จะจัดแฟมทริปเชิญเอเย่นต์ใหญ่ดึงกลุ่มกำลังซื้อคุณภาพเข้ามาไทย เมื่อ 2 ปีก่อนเคยนำร่องทำไว้บ้างแล้วด้วยการนำคอร์ปอเรตกลุ่มพรีเมี่ยมอินเดียเดินทางมาประมาณ 200-300 คน ตั้งแต่กรกฎาคมนี้เป็นต้นไปจะให้ตัวแทนขายเจาะเข้าไปยังตลาดพรีเมี่ยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับทั้งตลาดอาเซียน จีน อินเดีย นั้น TCEB มุ่งเจาะฐานลูกค้าไมซ์หลัก ๆ คือ กลุ่มอินเซ็นทีฟและจัดการประชุม (Incentive & meeting) ถ้าเป็นกลุ่ม Exibitor ก็จะใกล้เคียงกับประเทศอื่น ๆ จะนิยมไปร่วมงานมหกรรมการขายเครื่องจักร ภายในเดือนกันยายน-ธันวาคม นี้จะเห็นตัวเลขตลาดไมซ์ต่างนานาชาติมาไทยตามเป้า 1.3 ล้านคน ตามภารกิจหลักการนำรายได้เข้าประเทศ 3 ส่วน 1.ทำการตลาดดึงไมซ์ทั่วโลกเข้ามาใช้จ่ายเงิน 2.พัฒนามาตรฐานห้องประชุม และบุคลากร 3.กระจายการจัดงานไปยังต่างจังหวัดทั่วประเทศทั้งเมืองหลักและเมืองรอง นายจิรุตถ์กล่าวถึงการทำตลาดไมซ์ในประเทศด้วยการขยายเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตร กลุ่มแรก สหกรณ์ ทำต่อเนื่องมากว่า 1 ปี ให้เลือกไปจัดการประชุมตามสหกรณ์ที่มีความพร้อม กลุ่มที่ 2 กรมการพัฒนาชุมชน ในโครงการนวัตวิถี กระทรวงมหาดไทย ลงนามความร่วมมือเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2562 เรียบร้อยแล้ว โดย TCEB นำร่องเลือกใช้พื้นที่นำร่อง “จังหวัดเชียงใหม่” โดยมีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ (ไทย) “TICA” นอกเหนือพาไปจัดงานตามสถานที่ในชุมชนแล้ว ยังเพิ่มการนำสินค้าชุมชนมาขายผู้เข้าร่วมไมซ์ในประเทศ รวมทั้งได้รับงบบูรณาการจัดเก็บข้อมูลทำ Big DATA รวบรวมชุมชนที่มีความพร้อมรองรับการจัดประชุมทั้งจากต่างประเทศและในประเทศที่จะหลั่งไหลเข้ามายังประเทศไทย พุ่งเป้าหมายด้านตลาดส่งเสริมการขายทำให้ผลิตภัณฑ์ทำรายได้พ่วงเข้าไปด้วย งานที่ TCEB กับกรมการพัฒนาชุมชนร่วมจัดไปแล้วเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา คือ OTOP นวัตวิถี โดยมีเซ็กชั่นพิเศษเพิ่มในงานคือ บริษัท โอท็อป เปิดให้เจรจาธุรกิจระหว่างกัน หรือ Business to Business : B to B ของกลุ่มชุมชนผู้ขาย กับบริษัทขนาดใหญ่ผู้ซื้อ มาพบกัน ผลปรากฏกว่ามีบริษัทน้ำมันรำข้าวสั่งซื้อจากงานนี้ล็อตเดียวสูงถึง 3 ล้านบาท ตลอดงานมีมูลค่าการขาย B to B รวมแล้วกว่า 100 ล้านบาท ดังนั้นจะนำต้นแบบแนวทางดังกล่าวไปใช้ในอนาคตต่อไป เน้นใช้วิธีคัดเลือกผลิตภัณฑ์ชุมชนเกรดคุณภาพมาร่วมขายตามงานไมซ์ต่าง ๆ และจะเปิดเซ็กซั่นขนาดเล็กไว้สร้างโอกาสเจรจาการขายไว้ด้วย ส่วนการสร้างโมเดลต้นแบบเปิดตลาดการขายสินค้าชุมชนตามงานต่าง ๆ นั้น ต้องพิจารณาถึงขีดความสามารถการผลิตของแต่ละชุมชน โดยจะต้องเลือกหมวดสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดปริมาณมาก ๆ อย่าง พืชผลเกษตร เป็นต้น นายจิรุตถ์อธิบายว่า วางแผนดึงงานไมซ์ตลาดต่างประเทศรายการสำคัญใหม่ ๆ เข้ามาจัดในเมืองไทย ไฮไลต์ตอนนี้มีงาน “วูเม่น ดาวอส 2020” เลือกมาจัดในไทย เป็นการประชุมผู้นำสตรีทั่วโลก ระดับนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี เจ้าของกิจการ และอดีตผู้บริหารจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมงาน จำนวนรวมกว่า 500 คน ตอกย้ำถึงศักยภาพของประเทศมีความพร้อมจัดงานระดับโลกได้ เมื่อครั้งที่ผ่านมามีอดีตประธานาธิบดีทางแอฟริกา และบางส่วนจากอเมริกา ระหว่าง 6-9 พฤศจิกายน 2562 TCEB ได้ไปนำงาน UFI World Congress 2019 เข้ามาจัด ณ ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ ผู้เดินทางมาร่วมงานจะเป็นกลุ่มผู้นำโลกทางด้านการจัดงานเอ็กซิบิชั่น เจ้าของศูนย์ประชุม ศูนย์เอ็กซิบิชั่น ออร์กาไนเซอร์ จำนวนกว่า 800 คน งานนี้สำคัญต่ออุตสาหกรรมไมซ์ไทยที่จะยืนยันกับนานาประเทศถึงความเป็นมืออาชีพและความพร้อมรองรับงานระดับใหญ่ของโลก ผนวกกับเป็นช่วงที่ไอคอนสยามจะเปิดบริการศูนย์ประชุมด้วย จะได้ถือโอกาสนี้โชว์เคสต์ไปด้วย ขณะเดียวกันก็จะใช้จังหวะนี้เชิญผู้นำที่เดินทางมาร่วมงาน UFI World Congress 2019 เดินทางไปสำรวจสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย ส่วน TCEB ได้จับมือกับสมาคมจัดแสดงนิทรรศการไทย หรือ TEA ร่วมสนับสนุนสมาชิกสมาคม กลุ่มผู้ประกอบการห้องประชุม และผู้จัดออร์กาไนเซอร์ ให้ค่าใช้จ่ายการเข้าไปในงานจำนวน 80 ราย เพื่อเข้าไปรับเทคโนโลยี ความรู้ใหม่ กลยุทธ์ใหม่ทางการตลาด การจัดงาน และการสร้างเครือข่าย เพื่อดึงงานใหญ่มาจัดในไทยเพิ่มขึ้นต่อไป สถิติปี 2562 TCEB จะต้องทำรายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์เข้าประเทศตามเป้า 1.3 ล้านคน 1 แสนล้านบาท สามารถทำได้เพราะตลอด 8 เดือนนี้รายได้ใกล้เคียงพอสมควร แต่จะเพิ่มโดยหันไปเน้นงานพัฒนามากขึ้น เพราะงานขนาดใหญ่ที่ไปประมูลชิงมาจากคู่แข่งก็ได้มาพอสมควรแล้ว แต่สถานที่ต่าง ๆ ต้องพร้อมด้วย สิ่งที่สำคัญสุดตามเทรนด์จากนี้ไปคือ Green Meeting มีหลายหน่วยงานสามารถจัดงานดังกล่าว บริษัทต่าง ๆ สนใจเข้าร่วมในโครงการไมซ์สู่ความยั่งยืน ตั้งแต่การเลือกไปจัดงานในชุมชน การทำงานร่วมกับไมซ์ ซิตี้ 5 เมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ขอนแก่น ทาง TCEB พยายามหางานมาให้ได้มากสุด หรือแม้กระทั่งในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก : Eastern Economic Corridor : EEC ทาง TCEB ก็ได้ไปดึงงาน AIRSHOW ขนาดใหญ่ของโลกเตรียมมาจัดในไทยช่วงปี 2563/2564 ระหว่างนี้ก็มีกลุ่มธุรกิจผลิตชิ้นส่วน อะไหล่ เครื่องบิน ขณะนี้ได้จ้างทำการศึกษาเบื้องต้นมีกระแสตอบรับของผู้สนใจเข้าร่วมงานแอร์โชว์ที่จะมาจัดในไทยเกินกว่า 80 % ของกลุ่มเอ็กซิบิเตอร์หรือผู้ที่นำสินค้าการบินมาขาย ส่วนปัจจัยที่เจ้าของงานจะเลือกมาจัดหรือไม่ต้องทำงานร่วมกันต่อไปเพราะในบริเวณสนามบินอู่ตะเภาสามารถดีไซน์ให้จัดแบบกลางแจ้งหรือในอาคารก็ได้ ฟังข่าวต้นชั่วโมง ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์เซ็นสัญญาเรียบร้อย3สัมปทาน4สนามบิน นายวิชัย บุญยู้ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายสายการตลาดและสายการพาณิชย์ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)(ทอท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ทางฝ่ายกฎหมายทอท.ได้ลงนามสัญญากับ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เรียบร้อยแล้วทั้ง 3 สัมปทาน 4 สนามบิน ซึ่งจะหมดสัญญาในช่วงเวลาเดียวกัน คือ 27 กันยายน 2563 แล้วสัมปทานใหม่จะได้ต่อเนื่อง 10 ปี 6 เดือน ระหว่าง 28 กันยายน 2563-31 มีนาคม 2574 ประกอบด้วย 1.บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัดผู้ชนะการประมูลประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากร 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 ในสนามบบินสุวรรณภูมิ สัญญาที่ 2 ในสนามบินภูมิภาค 3 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ 2.บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด 1 สัญญาในฐานะผู้ชนะการประมูลประกอบกิจการร้านค้าเชิงพานิชย์ (commercial area ) ในสนามบินสุวรรณภูมิ ตามขั้นตอนหลังลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้ว ทอท.จะเร่งทยอยส่งมอบพื้นที่ให้คิง เพาเวอร์ ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลทั้ง 3 สัมปทาน ได้เข้าปรับปรุงตกแต่งสถานที่ ซึ่งอาจจะดีไซน์แตกต่างจากเดิม ดังนั้นเมื่อออกแบบเสร็จเรียบร้อยต้องส่งกลับมาให้ ทอท.ตรวจอีกครั้ง ก่อนจะเข้ามาประกอบกิจการตามสัญญาใหม่ในเวลาที่กำหนดไว้ สำหรับการเปิดประมูลอีก 2 สัมปทาน ได้แก่ 1.ร้านค้าดิวตี้ฟรีในทสนามบินดอนเมือง และ 2.พื้นที่จุดส่งมอบสินค้าดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ Pick up Counter สุวรรณภูมิ ทอท. จะต้องขอรับทราบนโยบายจากทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ แต่ทุกสัมปทานที่เหลือ ทอท.จะนำเสนอเพื่อดำเนินการได้ตามกรอบเวลาปกติ ภายในสิ้นปี 2562 หรือประมาณต้นปี 2563 ข่าวที่ 2 “ช้อปคิงเพาเวอร์ผ่าน0%นาน10เดือนถึง31มี.ค.63” สมาชิกคิง เพาเวอร์ ช้อปสนุก แบ่งจ่ายสบาย แบ่งชำระ 0% สูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2563 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และมหานคร คิงเพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และศูนย์ปฏิบัติการการบินไทย พิเศษ! รับคืนสูงสุด 20% (เมื่อใช้คะแนนสะสมเท่ายอดซื้อ) หรือ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% สำหรับลูกค้าบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ โดยมีกติกาดังนี้ 1.ยอดซื้อสินค้าเพื่อรับสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% ต้องเป็นยอดซื้อหลังจากหักส่วนลดต่างๆ (ยอดสุทธิ) ภายในแผนกสินค้าเดียวกัน 2.เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม ณ จุดขาย 3.สินค้าแผนกสุราและบุหรี่ไม่สามารถร่วมรายการ 4.ยอดซื้อที่เกิดจากการเข้าร่วมโครงการผ่อนชำระ 0% สามารถร่วมรายการส่งเสริมการขายประจำเดือนได้ รวมถึงรายการ CARAT Rewards และการสะสมยอดซื้อเพื่อปรับสถานภาพสมาชิกสามารถใช้ร่วมกับส่วนลดสำหรับสมาชิกคิง เพาเวอร์ ข่าวที่ 3 “ททท.นำกระต่ายไฮเทคปลุกเที่ยวจันท์วันธรรมดาคึกคัก” นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ได้ปล่อยคาราวานกระต่ายดิจิทัล 40 ตัว ลงพื้นที่กระจายตามพื้นที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โหมทำกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว “วันธรรมดาน่าเที่ยว @จันทบุรี” ระหว่าง 5-6-7 กรกฎาคม 2562 นำทีมสื่อมวลชนแบบผสมผสานเทรนด์รุ่นใหม่ออนไลน์ บล็อกเกอร์ ร่วมสำรวจเส้นทาง “วันธรรมดา น่าเที่ยว จันทบุรี” จากกรุงเทพฯ แวะจุดแรก “ตลาดท่าใหม่” ในอำเภอท่าใหม่ มีไฮไลต์ร้านอาหารเด็ด ๆ มื้อกลางวันอย่าง ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง ก๋วยเตี๋ยวทะเล ตะกั่วทอด ทองม้วน แล้วนั่งรถต่อไป “ร้านป้าแกลบ” ตำบลเขาบายศรี อ.ท่าใหม่ ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลไม้จากสวนนานาชนิด มีเส้นไทยผัดจันท์สำเร็จรูปขึ้นชื่อเป็นของฝาก เป็นร้านจำหน่ายสินค้าโอท็อประดับ 5 ดาว รวมทั้งสารพัดทุเรียนทั้งแบบกวน ทอด และอบแห้ง เรื่อยไปจนถึง กะปิ และผลิตภัณฑ์สินค้าทะเลตะวันออกบางชนิด จากนั้นตรงเข้าอำเภอเมือง แวะชม “ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี” ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์อัญมณีในแบบ Live Museum ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตากับความอลังการของเส้นทางเหมืองพลอย แร่รัตนชาติชนิดต่าง ๆ และการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ด้วยเครื่องประดับสวยหรูอลังการ ช่วงเย็นแวะไปสังเกตการณ์การเปิดงาน วันธรรมดาน่าเที่ยว@จันทบุรี...ตอนกระต่ายหมายจันท์ บรเวณหน้าอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล แม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวภายในจันทบุรีและต่างถิ่นเข้ามาร่วมสนุกเป็นจำนวนนับพันคน ไฮไลต์ระหว่างวันที่ 5-6 กรกฎาคม ได้นำ โมเดลกระต่ายหมาย...จันท์ ทั้ง 40 ตัว จัดแสดงบริเวณลานด้านหน้าวิหาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ ร่วมเรียนรู้การใช้บริการสแกน QR CODE ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว และโปรโมชั่นที่เข้าร่วมรายการตลอด 2 เดือนนี้ ระหว่าง 15 กรกฎาคม – 15 กันยายน 2562 พร้อมจัดมินิคอนเสิร์ต วันที่ 5 กรกฎาคม จาก โต๋- ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร วันที่ 6 กรกฎาคม 2562 พบกับ ทอม- อิศรา กิจนิตย์ชีว์ ภายในงานทางจันทบุรีได้รวมร้านค้าที่มีชื่อเสียงทั่วจังหวัดมาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายอย่างจุใจ ได้แก่ ร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดัง ร้านค้าชุมชน OTOP กิจกรรมสาธิตสินค้าชุมชน ซึ่ง ททท. คาดว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างกระแสให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดาเพิ่มมากขึ้น ส่วนเส้นทางท่องเที่ยวในจันทบุรี มีหลากหลายความสนุกมาแนะนำ ได้แก่ น้ำตกพลิ้ว โอเอซิสซีเวิลด์ แวะไปถ่ายรูปกับโลมาแสนรู้ สวนน้ำที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว แวะพักค้างคืนที่ “จันท์เจ้าหลาวรีสอร์ท” ลงเล่นน้ำทะเล ก่อนจะตื่นเช้าวันใหม่ไปเที่ยวต่อยัง “ศุนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน” ร่วมทำกิจกรรมคืนประโยชน์สู่ธรรมชาติ เช่น ร่วมกิจกรรมทำอีแปะ ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำสู่อ่าวคุ้งกระเบน และชมการสาธิตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง ก่อนกลับต้องผ่านเส้นทาง “จุดชมวิวเนินนางพญา” บริเวณหาดคุ้งวิมาน ใกล้ปากอ่าวคุ้งกระเบน ตื่นตากับทิวทัศน์อันสวยงามทั้งทะเล ภูเขา ของถนนเลียบชายหาดทอดยาว จากหาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน และแหลมเสด็จ ซึ่งมองเห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามปากอ่าว จุดที่ตั้งของเนินนางพญา อยู่ห่างจากหาดเก็บตะวัน 400 เมตร ห่างจากหาดคุ้งวิมาน 1.5 กม. ห่างจากจุดชมวิวพระยืน 3 กม.ห่างจากอ่าวคุ้งกระเบนและห่างจากหาดเจ้าหลาว เท่า ๆ กัน 15.5 กม. โทร.สอบถาม ททท.จันทบุรี เพิ่มเติมที่ 039 480 220 และ Facebook : ททท. สำนักงานจันทบุรี ข่าวที่ 4 “ททท.นำขุมทรัพย์เที่ยวทั่วไทยบูมเมืองรองในSMART SME2019” นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้นำสินค้าทางการท่องเที่ยวเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการ “ขุมทรัพย์ท่องเที่ยวทั่วไทย” โดยร่วมเปิดบูธในงาน ธุรกิจแฟรนไชส์แห่งปี "Smart SME EXPO 2019" ระหว่างวันที่ 4-7 กรกฎาคม 2562 ที่อิมแพคเมืองทองธานี ซึ่งเปิดตลอดงานตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม เพื่อเชิญชวนให้ผู้เข้างานได้เข้าเยี่ยมชมและรับรู้ถึงการท่องเที่ยวเมืองรองมุมใหม่ และสร้างท่องเที่ยวเพื่อกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจไทย ข่าวที่ 5 “บางจากชูจัด Cross Innovation for New Value Chain” นายสุวัฒน์ มีมุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ร่วมกับผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ต้อนรับเครือข่ายนวัตกรรมภาคอุตสาหกรรม (InnoThai Network) โดยมีผู้ประกอบการกว่า 90 ราย เข้าร่วมรับฟังแนวคิดโครงการ “คลิก...พลิกประเทศ” (Green Impact) และแนะนำสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจบางจาก (BiiC) รวมทั้งรูปแบบห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่และเส้นทางสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารต้นน้ำ และร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ปันประสบการณ์ตามหัวข้อต่าง ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการเกษตรสู่การผลิตอาหารที่ได้รับการรับรองด้านคุณภาพ เพื่อนำเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐ โดยมีผู้บริหารจากสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ ผู้จัดการระบบนิเวศและบ่มเพาะธุรกิจ Startup และผู้บริหารจากคณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒน์ ร่วมบรรยาย ในงาน Cross Innovation for New Value Chain : From Premium Agri-food to Premium Food พร้อมพาผู้ร่วมงานเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้นวัตกรรมสีเขียวที่สำนักงานใหญ่บางจากฯ ข่าวที่ 5 “TCEBคัด3ทีมนวัตกรรมไมซ์Thailand’s MICE Startup” นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้รุกเดินหน้ากลยุทธ์การพัฒนาไมซ์ตามยุทศาสตร์ 3 ปี โดยมุ่งนำดิจิทัลเข้ามาเพื่อเพิ่มความขีดความสามารถผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ล่าสุดทีเส็บได้จับมือกับ 4 พันธมิตร ได้แก่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA) และ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA ทำโครงการ Thailand’s MICE Startup จัดแข่งขันประกวดการพัฒนานวัตกรรมด้วยการนำดิจิทัลเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการจัดงานไมซ์ไทย โดยได้รับความสนใจจากนานาชาติลงสมัครตั้งแต่พฤษภาคมปีนี้มากถึง 47 ทีม จากไทย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ฮ่องกง อินเดีย รัสเซีย สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐเช็ก แต่ละทีมได้นำเสนอแนวคิดด้วยนวัตกรรมการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านเข้ารอบ 12 ทีม เป็นโมเดลที่สามารถตอบโจทก์เรื่องการนำนวัตกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมาทำให้เกิดผลเชิงบวกกับอุตสาหกรรมไมซ์ครอบคลุมทั้งทางด้าน สังคม สิ่งแวดล้อม การเงินมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน และการสร้างมูลค่าเพิ่ม เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบทั้ง 12 ทีม ต้องเสนอแนวทางการแก้ปัญหาทางเทคโนโลยีเรื่องธุรกิจไมซ์ให้คณะกรรมการพิจารณาอีกครั้งในรอบตัดสินเพื่อคัดผู้ชนะไว้เพียง 3 ทีม ได้ไปต่อใน “โครงการบ่มเพาะ Thailand’s MICE Startup” ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายจะต้องพัฒนาไอเดียที่สร้างสรรไว้ให้กลายเป็นเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์นักลงทุนและผู้ประกอบการไมซ์ให้นำไปใช้จริงในเชิงพาณิชย์ได้ ผู้ชนะจะได้รับโอกาสให้นำผลงานไปเสนอในเวทีระดับโลกซึ่งไทยจะเป็นประเทศเจ้าภาพจัดงานประชุมสมาคมอุตสาหกรรมและการแสดงสินค้าโลก : UFI Global Congress 2019 ระหว่าง 6-9 พฤศจิกายน 2562 ณ ไอคอน สยาม กรุงเทพฯ อีกทั้ง TCEB ยังได้ร่วมมือกับ GISTDA โดยให้เข้าร่วมเป็นกรรมการคัดเลือกสตาร์ต อัพ ต่อเนื่องถึงเรื่องการส่งเสริมกิจกรรมเพิ่มความรู้และความแข็งแกร่งให้ผู้ชนะตลอดโครงการทั้ง 3 ทีม สร้างความร่วมมือระดับนานาชาติกับสมาคมส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ของสิงคโปร์ (SACEOS) จัดโปรแกรมแลกเปลี่ยนรู้ร่วมกันในหัวข้อ “การพัฒนานวัตกรรมและ Startups ธุรกิจไมซ์” ระหว่าง 24-26 กรกฎาคม 2562 นี้ ที่สิงคโปร์ ช่วงที่ 2 เตรียมตัวเที่ยวงานบุญใหญ่เข้าพรรษาที่จัดมากว่า 100 ปี ที่น่าไปชม “มหัศจรรย์เทียนหอมเขาไกรลาส-กินรี” อุบลราชธานี ปีนี้ให้ชาวชุมชนอุดมเดชเจ้าตำรับแกะเทียนหอมยกความอลังการเนรมิตป่าหิมพานต์มาไว้ในห้างเซ็นทรัล พลาซ่า เมืองอุบลฯ ให้ได้ชมเต็มอิ่ม 11-17 ก.ค.นี้ รวมถึง “หน้าฝนต้องระวัง5โรค” ข่าวฮ็อตก็มี ครึ่งปีแรก”ท่องเที่ยว” ตุนรายได้ 1.55 ล้านล้านบาท “บินไทยให้ใช้ ROP” แลกซื้อตั๋วธุรกิจและชั้นหนึ่งได้ทั่วโลก “นกแอร์” ฟุ้งบินเบตงหลังสนามบินเปิด ก.ย.นี้ “KTC” งัดสอนทำอาหารราคาพิเศษเพิ่มฐานลูกค้าพราว @เที่ยวมหัศจรรย์เทียนหอมเขาไกรลาส-กินรีที่อุบลฯ ใกล้เทศกาลบุญเดือน 8 “เข้าพรรษา” เข้ามาทุกที ปีนี้จังหวัดอุบลราชธานี เมืองต้นตำรับจัดงานแห่เทียนพรรษามายาวนานนับ 100 ปี ชวนนักท่องเที่ยวไปตื่นตากับประติมากรรมเมืองเทียนหอมหนึ่งเดียวในโลกธีม “มหัศจรรย์เขาไกรลาสและนางกินรี” ระหว่าง 11-17 กรกฎาคม นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคอีสาน จับมือกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ดีไซน์พื้นที่ให้กลายเป็นเมืองแสนงาม ละลานตาด้วยเทียนหอมแกะสลักโดยฝีมือชาวชุมชนเดชอุดม ที่นำมาให้ชมทั่วบริเวณชั้น 1 โซนอควอเรียม ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า อุบลราชธานี ภายในเมืองเทียนหอมเข้าพรรษาแห่งเขาไกรลาศและกินรี นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์ความโดดเด่นของเรื่องของวิถีชีวิตในป่าหิมพานต์ มีทั้งกินรี พระอินทร์ ขนาดสูงถึง 4 เมตร ต้นกัลพฤกษ์ ดินธรจรารามภูพร้าว วัดเรืองแสง และสัตว์ตามจินตนาการ ถ่ายทอดเรื่องราวของป่าตามความเชื่อของไตรภูมิตามคติพุทธและฮินดู ซึ่งชาว “ชุมชนเทียนหอมบ้านเดชอุดม” ทำต่อเนื่องมาแล้ว 6 ปี สร้างสรรค์นำเรื่องราววรรณคดีมาผสมผสานผ่านการแกะสลักเทียน ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เมื่อดื่มด่ำกับ “มหัศจรรย์เขาไกรลาสและกินรี” ในห้างสรรพสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ช่วงหลังเทศกาลแห่พรรษา นักท่องเที่ยวก็ยังสามารถเดินทางไปตามชุมชนคนทำเทียนทั่วอุบลราชธานีได้อีกถึง 2 เดือนเต็ม ช่วงวันที่ 20 กรกฎาคม – 20 สิงหาคม 2562 ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมงานบุญใหญ่ตามอัตลักษณ์วิถีชีวิตอีสาน “ฮีต 12 คลอง 14” นอกจากเที่ยวงานเทศกาลแห่เทียนพรรษา อุบลราชธานี แล้ว ยังสามารถแวะไปเที่ยวหน้าฝนในอีสานอีกหลายจังหวัดใกล้เคียงได้ ตอนนี้กำลังเขียวขจี โดยได้ชื่อว่าเป็นภาคแห่งทะเลหมอก ทะเลดอกไม้ และเมืองสร้างสรรค์วิถีความเป็นไทย @5 โรคติดต่อหน้าฝนต้องระวังเป็นพิเศษ ในฤดูฝนเรามักจะเห็นผู้คนป่วยได้ง่ายกว่าปกติโดยเฉพาะโรคติดต่อที่มากับหน้าฝน เรื่องสำคัญที่ต้องรู้เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวคุณและคนที่คุณรักตกเป็นเหยื่อของโรคที่มากับหน้าฝน ต้องระวัง 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.กล่มโรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน อาหารเป็นพิษ ไทฟอยด์ บิด เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ และบี วิธีป้องกัน คือ รักษาความสะอาดทุกครั้งทั้งก่อนและหลังการปรุงอาหารและการรับประทานอาหาร เลือกซื้ออาหารที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ ใช้ภาชนะใส่อาหารที่สะอาด 2.กลุ่มโรคติดต่อขอบระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ การฉีดวัคซีน 3.กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุง ได้แก่ ไข้เลือดออก ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวัสสำหรับโรคไข้เลือดออกโดยเฉพาะ เป็นการรักษาตามอาการและรักษาแบบประคับประคอง การป้องกันฉะนั้นควรกำจัดลูกน้ำยุงลายในบ้านให้หมด 4.กล่มโรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผล หรือเยื่อบุผิวหนัง ได้แก่ โรคไข้ฉี่หนู หรือแลปโตสไปโรซิส วิธีป้องกันที่ดีที่สุด กำจัดขยะไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของหนู หากมีบาดแผลที่ผิวหนังควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ 5.กลุ่มโรคเยื่อบุตาอักเสบ หรือโรคตาแดง - วิธีป้องกันคือ หมั่นดูแลความสะอาดของร่างกาย ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัส หรือขยี้ตา หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าดวงตาควรล้างด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำยาล้างตา ฟังข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “ท่องเที่ยวครึ่งปีแรกตุนรายได้สำเร็จ 1.55 ล้านล้านบาท” กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม - มิถุนายน 2562 การสามารถทำรายได้เข้าประเทศรวมกว่า 1.55 ล้านล้านบาท มาจากตลาดต่างประเทศ 1.01 ล้านล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามากสุด 3 อันดับแรก คือ จีน มาเลเซีย โดยเฉพาะอินเดียมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 22.2 % เข้ามารวม 1.8 แสนคน ส่วนคนไทยเที่ยวในประเทศ ทำรายได้ 5.4 แสนล้านบาท จังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวเติบโตเพิ่มขึ้นมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขอนแก่น เพิ่ม 7.74 % บุรีรัมย์ เพิ่ม 5..69 % และ จันทบุรี เพิ่ม 5.24 % ข่าวที่สอง “การบินไทยฮึกเหิมเปิดให้ใช้ROPแลกซื้อตั๋วชั้นธุรกิจ-ชั้นหนึ่ง นางอลิศรา คิดหมาย ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจรอยัลออร์คิดพลัส บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เปิดบริการ THAI MAX EXPRESS 2 มุ่งขยายเส้นทางเพิ่มให้ลูกค้ารอยัล ออร์คิด พลัส (ROP) ใช้ไมล์สะสมแลกซื้อตั๋วชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่งมากขึ้นได้ในเส้นทางต่อเนื่องจากเดิม THAI MAX EXPRESS 1 ทดลองกรุงเทพฯ-ยุโรป แล้วประสบความสำเร็จ ขณะนี้จึงเพิ่มเส้นทางบินให้เลือกอย่างหลากหลาย จากกรุงเทพฯ ไปออสเตรเลีย 4 เมือง คือ ซิดนีย์ เมลเบิร์น บริสเบน/เพิร์ท กรุงเทพฯไปญี่ปุ่น 5 เมือง คือ โตเกียว โอซากา ฟุกุโอกะ นาโกยา ซัปโปโร) และกรุงเทพฯ ไปเกาหลี 2 เมือง คือ โซล ปูซาน ตรวจสอบรายละเอียด THAI MAX EXPRESS 2 เพิ่มที่ www.thaiairways.com หรือ THAI Contact Center โทร 0-2356-1111 ข่าวที่สาม “นกแอร์จ่อบินเบตงเชื่อมมาเลย์หลังสนามบินเปิดก.ย.62” นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และกรรมการบริหาร บริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า นกแอร์เร่งศึกษษเส้นทางใหม่ในประเทศ ขานรับนโยบายพัฒนาชายแดนใต้ 3 จังหวัด ขณะนี้เล็งเปิดบินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เบตง (ยะลา) มีสนามบินพาณิชย์แห่งจะเปิดบริการกันยายน 2562 นี้ ซึ่งเบตงเป็นเมืองที่มีจุดขายการท่องเที่ยวดึงดูดคนไทยและต่างชาติ ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง และสถานที่ท่องเที่ยวตามรอยอารยธรรมพื้นเมือง เช่น เบตงน้ำพุร้อน อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงไปเที่ยวต่อยังประเทศเพื่อนบ้านมาเลเซียได้ด้วย ข่าวที่ 4 “KTCงัดคอร์สสอนทำอาหารขยายฐานลูกค้าพราว” บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) “KTC” รายงานว่าได้จับมือ “ยูเอฟเอ็ม” โรงเรียนสอนการผลิตอาหารและขนมมาตรฐาน เปิดคอร์สเอ็กซ์คลูซีฟสอนทำไอศครีมโฮมเมดสูตรพิเศษ อร่อยเข้มเต็มคำ 2 รสยอดนิยม รสทุเรียนกับรสมะม่วง วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2562 ให้สมาชิกบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” เพื่อเลือกนำไปประกอบอาชีพเสริมและสร้างรายได้ต่อไป ค่าเรียนราคาพิเศษเพียง 499 บาทต่อท่าน จากปกติ 3,000 บาท หรือใช้คะแนน KTC Forever ทุก 1,000 คะแนน แทนเงินสดมูลค่า 100 บาท สมาชิก 1 ท่านลงทะเบียนได้ 2 ที่นั่ง สำรองที่นั่งโทร. 0-2123-5420 ระหว่าง 9-10 กรกฎาคม 2562 เวลา 08.30 น. – 17.00 น. ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น