ททท.60ปีถอดรหัสท่องเที่ยวการบินปี'63-คิงเพาเวอร์ให้บัตรVEGAจอดรถฟรีดอนเมือง-เที่ยวเฟสติวัลศิลปะเกาะรัตนโกสินทร์
ททท.ถอดรหัส60ปีดันท่องเที่ยว-การบินปี’63รุ่ง
ควงอพท.ลุยปีท่องเที่ยวชนบทขานรับUNWTO
คิงเพาเวอร์แจกเรียนโทฟรีDMUรับถึง28พ.ย.นี้
บัตรVEGAคิงเพาเวอร์รับที่จอดรถฟรีดอนเมือง
ททท.ใช้มิชลินไกด์เป็นหัวหอกเพิ่มรายได้ปี’63
บางจากแจก2แคมเปญ “กล้วยอิ่มใจ-BigSale”
TCEBบูมไมซ์สุขภาพขยายตลาดใหญ่เมืองรอง
เที่ยวเฟสติวัลเกาะรัตนโกสินทร์200ปี200แห่ง
กินร้อนช้อนส้อมทำสะอาดให้ถูกด้วย3ขั้นตอน
อินเดียงัดแบรนด์OYOชิงตลาดห้องพักทั่วไทย
บางกอกแอร์Q3กำไร-9เดือนขาดทุน121ล้าน
ไทยจัดทัพอินเตอร์บินกระบี่เพิ่มใหม่2แอร์ไลน์
บินไทยหลังพิงแบงก์ICBCช่วยกู้วิกฤต 5 เรื่อง
ต้อนรับเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวัน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
และบล็อกเกอร์ #gurutourza # #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #ถอดรหัสททท60ปี #คิงเพาเวอร์แจกทุนเรียนโทฟรีDMUอังกฤษ
ช่วงที่
1 มาร่วมถอดรหัส 60 ปีกับ
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เมื่อกอดคอกับการบินไทยทำ 3 เรื่องใหญ่แล้ว
ปี 2563 จะฝ่าวงล้อมกระแสท้าทายการท่องเที่ยวและการบินได้อย่างไร
ภายใต้กลยุทธ์การจัด THAILAND WEEK เพิ่มพิเศษรายเดือน
พร้อมไฮไลต์ใหม่ที่ “นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เร่งดัน ททท.รวมพลัง อพท.ตื่นตัวขานรับกระแสโลกโหมขาย “ปีการท่องเที่ยวชนบท” ของ UNWTO
เปิดแนวรุกตลาดพันธุ์ใหม่ไปพร้อม ๆ การสร้างท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนตลาดการขายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี 2563 ในโอกาสครบ 60 ปี โดยจะผนึกความร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจการบินไทยซึ่งครบ 6 รอบ 60 ปีพร้อมกัน โดยนำร่องทำโครงการกิจกรรมอย่างเข้มข้นร่วมกัน 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย 1.ทำตลาดการขายทั้งในและต่างประเทศ 2.ตั้งเป้าหมาย 3.แชร์ข้อมูลท่องเที่ยวและการบิน
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) |
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนตลาดการขายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี 2563 ในโอกาสครบ 60 ปี โดยจะผนึกความร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจการบินไทยซึ่งครบ 6 รอบ 60 ปีพร้อมกัน โดยนำร่องทำโครงการกิจกรรมอย่างเข้มข้นร่วมกัน 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย 1.ทำตลาดการขายทั้งในและต่างประเทศ 2.ตั้งเป้าหมาย 3.แชร์ข้อมูลท่องเที่ยวและการบิน
โดยเฉพาะการบุกเจาะตลาดต่างประเทศแถบยุโรป
เอเชีย อย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน เกาหลี และญี่ปุ่น
โดยจะเริ่มคลิกออฟได้ตั้งแต่มกราคม 2563 เป็นต้นไป
ด้วยการออกแบบกิจกรรมเด่น ๆ เพื่อโปรโมตกระตุ้นความสนใจนักท่องเที่ยวแต่ละเดือน
รวมทั้งจะทำกิจกรรมโครงการไฮไลต์เพิ่มพิเศษช่วงเดือนเกิดของทั้ง 2 รัฐวิสาหกิจ
คือ เดือนมีนาคม 2563 เป็นวันสถาปนาการก่อตั้ง ททท.
เดือนพฤษภาคม ก่อตั้งการบินไทย ตัวอย่างในต่างประเทศทำโครงการ Thailand Week
Mart สร้างการรับรู้และกระตุ้นการเดินทางได้อย่างแท้จริงที่จะเข้ามาใช้จ่ายเงินในประเทศไทย
ขณะเดียวกันการเดินหน้าโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนหรือท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบก็เป็นอีกกิจกรรมที่ทั้ง
2 รัฐวิสาหกิจจะช่วยกันทำ
เนื่องจากประเทศไทยถูกจัดอันดับขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านสิ่งแวดล้อมแย่ลง
ขณะเดียวกันภาพลักษณ์ของไทยยังถูกมองว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวล้นมากเกินไป
ททท.จึงจะต้องผนึกความร่วมมือกับการบินไทยคัดสรร อุปกรณ์ ภาชนะ ต่าง ๆ
ที่นำไปใช้บริการผู้โดยสารบนเครื่องแต่ละเส้นทางจะต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม หรือทุก
Fam Trip ที่เดินทางเข้ามาจะต้องทำกิจกรรมการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบอย่างน้อย
1 กิจกรรม อันจะเป็นกลยุทธ์สำคัญของโครงการดังกล่าว
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวว่า ขณะนี้งบประมาณปี 2563 ททท.กำลังรองบประมาณใช้จ่ายเหมือนกันกับทุกหน่วยงาน
ตามที่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง
ได้ออกกรอบแนวทางเป็นหลักเกณฑ์การใช้เงินมาครึ่งหนึ่งก่อนของปีที่ได้รับเมื่อปีที่ผ่านมา
จึงทำให้ ททท.ไม่สามารถทำโครงการใหม่ช่วงนี้ได้
แต่ก็จะไม่ได้เป็นปัญหาเพราะความจริงแล้วกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ ก็ทำต่อเนื่อง
ด้วยพยายามเร่งโครงการโดยไม่ต้องการให้งบประมาณกลายมาเป็นอุปสรรค
แต่จะพยายามเดินหน้าทำการตลาดให้เร็วขึ้น
เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนประมาณกุมภาพันธ์ 2563 งบประมาณก็จะเข้ามาเติมเต็มได้แล้ว
ส่วนเครื่องมือใหม่
ๆ ทางการตลาด ทุกหน่วยงานหันมาใช้ดิจิทัลเพิ่มขึ้น สังเกตุได้จากนักท่องเที่ยวใช้โทรศัพท์มือถือ
แอพลิเคชั่น มากขึ้น จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่
ททท.จะให้น้ำหนักการนำดิจิทัลมาให้บริการมากขึ้นทั้งการปรับรูปแบบการให้ข้อมูล
การประชาสัมพันธ์ จะเน้นออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และ Big DATA ซึ่งจะนำมาใช้กระตุ้นคนไทยเที่ยวในประเทศและต่างชาติเที่ยวเมืองไทย
โดยเฉพาะหลัง
ททท.เพิ่มโครงสร้างใหม่ด้านวิจัยและดิจิทัลขึ้นมา ก็ขับเคลื่อนได้อย่างเข้มแข็ง
เพราะมีรองผู้ว่าการรับผิดชอบโดยตรง
ควบคู่กับการเดินหน้าแผนงานอย่างการสร้างเข้มแข็งให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
การนำเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับปรุงการทำงานของ ททท.เอง
และปรับการให้บริการกับเครือข่ายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยการทำงานอย่างเข้มแข็ง
น่าจะเป็นความท้าทายต่อไปในอนาคต
นโยบายที่จะทำให้การท่องเที่ยวมีพลังมากขึ้น
จะต้องปรับปรุงครั้งใหญ่ในแนวทางปฏิบัติของ ททท.ทั้ง 5 ภูมิภาค
ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคอีสาน
เพราะการท่องเที่ยวกำลังเปลี่ยนไปสู่สมดุลใหม่
ด้วยสัญญาณจากตลาดโลกมีปัจจัยชะลอตัว
ดังนั้นตลาดต่างประเทศที่จะเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยปี 2563 อาจเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำลง
จึงต้องพึ่งพาตลาดในประเทศจะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง จึงต้องให้ทั้ง 5
ภูมิภาค
เร่งปรับกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกหนักมากขึ้น หากดูตามสถิติพบว่า
อัตราการท่องเที่ยวเฉลี่ยในประเทศ
จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดหารด้วยจำนวนประชากรจะอยู่ประมาณ 2.8 ครั้ง/คน/ปี
ททท.จึงตั้งเป้าปี 2563 เป็น 3 ครั้ง/คน/ปี
เพิ่มอีกราว 0.2 ครั้ง/คน/ปี ของประชากรไทยทั้งหมด
จึงวางแผนให้
ททท.ทั้ง 5 ภูมิภาค
เดินหน้าตอกย้ำและเพิ่มกิจกรรมบุกเจาะกำลังซื้อให้หนักมากขึ้น
โดยเฉพาะการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงนักท่องเที่ยวผ่านทาง โซเชียลมีเดียกับออนไลน์
อย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งการเพิ่มการใช้จ่ายเงินกระจายสู่พื้นที่
และการเพิ่มวันพักเฉลี่ยโรงแรม รีสอร์ตทั่วประเทศ โดยจะต้องทำให้สำเร็จภายในปี 2563
ททท.พุ่งเป้าจะผนึกความร่วมมือกับ
องค์การบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)
ภายในสัปดาห์หน้าวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562
รมว.พิพัฒน์ จะเป็นพยานการลงนาม MOU ระหว่าง
ททท.กับ อพท.ร่วมมือกัน วางกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวชนบทซึ่งมีมุมและลักษณะแตกต่างไปจากการท่องเที่ยวชุมชน
เน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้โดยเฉพาะการขายผ่านตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์หรือ Online
Travel Agent : OTA
ปัจจุบันการท่องเที่ยวชนบทมีความเสียเปรียบเพราะไม่มีเงินมากพอจะไปฝากขาย OTA
รายใหญ่ ๆ
โดยนายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงมีนโนบายให้ 2 หน่วยงาน
คือ ททท.กับ อพท.เข้าไปให้ความช่วยเหลือสร้าง OTA นำการท่องเที่ยวชนบทและชนเข้าสู่ระบบการค้าในเวทีดังกล่าวได้ด้วย
เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเลือกชม เลือกซื้อ เลือกเที่ยว ตามชุมชนและชนบทที่พร้อมขาย
ในงาน World Travel Mart : WTM 2019
ททท.ได้เปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนและชนบทในเวทีตลาดโลก
ซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับการท่องเที่ยวโลก
ตามประสบการณ์ล่าสุดผมมีโอกาสเดินทางไปกับ
รมว.พิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้พบกับทางเลขาธิการองค์การสหประชาชาติการท่องเที่ยวโลก-Union
World Tourism Organization :UNWTO
ยืนยันเตรียมประกาศให้ปี 2563 เป็นปีแห่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวชนบท
ตรงจุดนี้เองเป็นเรื่องที่สอดคล้องกันพอดีกับ
ททท.ที่ได้ประกาศเปิดเส้นทางท่องเที่ยวชนบทใน WTM 2019
ให้การท่องเที่ยวชนบทกลายเป็น “วาระแห่งโลก” ด้วย
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวชุมชนและชนบทของไทยมีความพร้อมในระดับที่แตกต่างกัน
แต่ ททท.ก็ไม่ได้ละเว้นหรือเลือกปฏิบัติชุมชน
ตอนนี้ก็พยายามจัดสรรอย่างเหมาะสมตามลักษณะทางกายภาพ เช่น
บางชุมชนเปิดบริการไปท่องเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับ
และบางชุมชนสามารถพักค้างคืนโฮมสเตย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมแต่ละพื้นที่
แต่อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวชุมชนด้วยการเข้าถึงได้ยากก็อาจเป็นเสน่ห์อีกแบบ
ซึ่ง
ททท.กับหน่วยงานเกี่ยวข้องพร้อมจะเข้าไปช่วยชุมชนและชนบททำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด
ทำให้แหล่งท่องเที่ยวได้รับการพัฒนาสู่การต้อนรับนักท่องเที่ยวบนพื้นฐานการเปลี่ยนแปลงบนความยั่งยืน
โดย
ททท.เน้นย้ำการท่องเที่ยวชุมชนและชนบทให้ตระหนักถึงความยั่งยืนนั้น
ต้องนำบทเรียนในช่วงที่ผ่านมาเข้าไปสะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์
เมื่อนำการท่องเที่ยวเข้าไปเป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความยั่งยืน
ในพื้นที่ใดก็ตามนั้นจะต้องคำนึงถึงเรื่องหลัก
จะไม่เน้นปริมาณคนที่จะเข้าไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
เพราะไทยยังถูกต้องว่าเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวล้นขีดความสามารถทางการรองรับ
ดังนั้น ปี 2563 จะสร้างให้นักท่องเที่ยวมีประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างลึกซึ้งได้อย่างไรมากกว่า
กำหนดธีม ROX : Return on Experience เน้นสร้างแต่ละชุมชนนำจุดขายประสบการณ์ที่แตกต่างพร้อมทั้งให้คุณค่าแก่นักท่องเที่ยวมากกว่าจะเน้นจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไปยังชุมชนหรือชนบทของไทย
ดร.ยุทธศักดิ์
กล่าวว่าช่วงโค้งสุดท้ายระหว่างมกราคม-11 พฤศจิกายน
2562 มีรายงานตัวเลขจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมายัง
ททท. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทย 33.4 ล้านคน
ดูแล้วช่วงเวลาที่เหลืออีกราว 50 วันก็น่าจะทำได้เข้าเป้า
จากนโยบายรัฐบาลกำหนดไว้ปี 2562 จะต้องมีตลาดต่างประเทศเข้าไทย
39.8 ล้านคน สร้างรายได้ 2.04 ล้านล้านบาท
ส่วนในประเทศ 1.05 ล้านล้านบาท
ด้วยแรงจูงใจที่เพิ่มเข้ามาช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม นี้ จากแคมเปญ “ชิม ช้อป
ใช้” และโครงการถึงเวลาทัวร์ให้ทั่วไทย 2 แคมเปญ
คือ วันธรรมดาราคาช็อกโลก กับ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย
น่าจะสร้างความคึกคักสามารถทำรายได้ในประเทศเข้าเป้าตามที่ตั้งไว้
ส่วนตลาดต่างประเทศอย่าง
จีนและอินเดีย โดยเฉพาะอินเดียเติบโตค่อนข้างดี ททท.ตั้งเป้าไว้ราว 2 ล้านคน
โดยได้อานิสงส์จากรัฐบาลออกมาตการฟรี Visa On Arrival : VOA ประเมินผลจากสายการบินและปริมาณการเดินทางมาไทย
ส่วนตลาดจีนรัฐบาลเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นกลุ่มเดินทางอิสระมาด้วยตนเอง (FIT)
ควบคู่กับการเดินทางมาเป็นหมู่คณะ (GIT)
เพราะกลุ่มนี้ระยะหลังเดินทางหมู่คณะลดลงไปบ้าง
ททท.จึงเตรียมเข้าไปกระตุ้นจีนเดินทางมาแบบ GIT ด้วย
ขณะเดียวกันก็จะใช้ประโยชน์จากการประกาศร้านอาหารที่ได้รับการจัดอันดับดาวมิชลิน
โดย ททท.ร่วมกับมิชลินสตาร์จัดทำคู่มือร้านมิชลินแต่ละจังหวัดนั้น
ก็จะนำเข้ามากระตุ้น “การท่องเที่ยวเชิงอาหาร” กับตลาดต่างประเทศด้วยอีกทาง
เพราะอาหารเป็นจุดแข็งของประเทศไทย
ซึ่งจีนมาไทยก็เพื่อมาใช้จ่ายเงินส่วนหนึ่งเพื่อการกินอาหาร ททท.วางแผนจะทำกิจกรรมกระตุ้นด้านอาหารอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ดังนั้น
ททท.ในโอกาสฉลองครบ 60 ปี 2563 ททท.ก็จะใช้โครงการ
THAILAND WEEK จะชูความโดดเด่นเรื่องอาหารให้นักท่องเที่ยวนานาชาติหันมาสนใจใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น
ผนวกการนำมิชลิน ไกด์ บุ๊ค
ต้องยอมรับว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญเพิ่มใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว
ซึ่งมีรายงานถึงอาหารเป็นส่วนสำคัญช่วยขยายเวลาพัก 1-2 วัน
และเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปชิมอาหารเติบโตได้อีกถึง 20 %
ด้วยกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์-มงฟอร์ตเชิญรับฟรีเรียนโท7ทุน”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่าได้ร่วมกับ
มหาวิทยาลัยเดอ มงฟอร์ต (DE MONTFORT UNIVERSITY :DMU)
เมืองเลสเตอร์
ประเทศอังกฤษ สถาบันการศึกษาที่มีสาขาวิชาหลากหลาย
พร้อมมอบประสบการณ์แห่งการเรียนรู้ที่มีมากว่า 147 ปี
ผนึกพลังกันมอบทุนการศึกษาระดับปริญญาโทแบบให้เปล่าพร้อมค่าใช้จ่ายรายเดือนรวม
7
ทุน ดำเนินการแจกทุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อให้ผู้ผ่านเกณฑ์ได้เข้าไปเรียนระยะเวลา16 เดือน ช่วงปีการศึกษา 2563-2564 โดยเปิดให้สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 28 พฤศจิกายน 2562 ทางมหาวิทยาลัยเดอ มงฟอร์ตจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับทุนการศึกษาเดือนธันวาคม
2562
ผู้สนใจทุนสามารถเข้าไปดาวโหลดใบสมัครได้ที่
http://www.dmu.ac.uk/documents/international-documents/dmu-international-application-form.pdf
พร้อมกับส่งใบสมัครไปยัง
Mr.Daniel Winney ตามอีเมลล์ Daniel.winney@dmu.ac.uk หรือ สอบถามได้ที่ raveetiva.nongnuch@dmu.ac.uk
โครงการมอบทุนการศึกษาของกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ กับ มหาวิทยาลัยเดอ มงฟอร์ต ครั้งนี้
ทั้งสององค์กรมีวัตถุประสงค์หลักต้องการผลักดันนโยบายด้าน “การศึกษา” อันจะเป็นเครื่องมือสำคัญพัฒนาศักยภาพคนไทยทางการศึกษาให้เทียบเท่าระดับสากล
รวมถึงตั้งเป้าหมายส่งเสริมการศึกษาระดับปริญญาโทสำหรับปีการศึกษา 2563-2564 ให้แก่ผู้สมัครที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกได้เดินทางไปเรียนในอังกฤษเป็นระยะเวลา
16
เดือน พร้อมทั้งสามารถเลือกเรียนหลักสูตรที่ตนเองสนใจได้อย่างอิสระ
ด้วยการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่อายุไม่เกิน
35 ปี
มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรปริญญาตรี (GPA) ไม่น้อยกว่า 3.50 ได้ไปเรียนต่อที่เมืองเลสเตอร์
ประเทศอังกฤษ เป็นทุนการศึกษาแบบให้เปล่าพร้อมค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ไม่ต้องใช้ทุนคืนแต่อย่างใด
ครอบคลุมค่าใช้จ่าย ได้แก่
ตั๋วเครื่องบินไป – กลับ วีซ่า ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นในแต่ละเดือน
ส่วนคุณสมบัติของผู้สนใจสมัครรับทุนการศึกษา
ประกอบด้วย 1.มีสัญชาติไทย 2.อายุไม่เกิน 35 ปี 3.ไม่เคยได้รับทุนการศึกษาจากบริษัทอื่น 4.มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรปริญญาตรี (GPA)
ไม่น้อยกว่า
3.50 5.มีผลคะแนนสอบ IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.5 6.ผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวข้องหรือจบการศึกษาในสาขาที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
7.เขียนข้อความภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการสมัครขอรับทุนความยาว
500 คำ
สำหรับมหาวิทยาลัยเดอ มงฟอร์ต
เป็นสถาบันการศึกษาที่พร้อมจะสนับสนุนความสามารถและศักยภาพของนักศึกษา เปิดสอนมาแล้วกว่า
147 ปี
ได้รับรางวัล Gold ด้านคุณภาพการเรียนการสอนที่โดดเด่นจาก
TEF (Teacher Excellence Framework) ติดอันดับ Top 50 ของโลก ทางด้าน Sustainability
จากการจัดลำดับของ
Time Higher Education รวมถึงได้รับรางวัล University of the year for Social Inclusion
เป็นมหาวิทยาลัยแรก
จาก The Sunday Times Good University Guide 2019 และยังให้ความสำคัญในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมทางการศึกษา
ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความสะดวกสบายของสาธารณูปโภครวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ
ข่าวที่
2 “คิงเพาเวอร์สมาชิกVEGAจอดรถดอนเมืองฟรี144ชม.
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ให้สิทธิพิเศษสมาชิก เฉพาะสมาชิกประเภท VEGA รับฟรี! บริการจอดรถฟรี 144 ชั่วโมง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
(จำกัด 1
ครั้ง / ปี) รับสิทธิ์ได้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563
เพียงแค่ 1.สแกน QR codeที่จุดบริการ เพื่อตรวจสอบสถานะสมาชิก
ในการรับสิทธิ์ฝากรถ (ขาออก) 2.สแกน QR codeที่จุดบริการรับรถ(ขาเข้า)
เพื่อกดยืนยันรับสิทธิ์
หลังจากกดรับสิทธิ์ กรุณาแสดง E-Codeที่ได้รับให้เจ้าหน้าที่ Valet ภายใน 24 ชม.
มิเช่นนั้นจะถือว่าสมาชิกได้ใช้สิทธิ์นั้นแล้วช่วงเทศกาลวันหยุดต่อเนื่อง
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0 2535 4512-3 (24 ชม.)
ข่าวที่ 3 “ททท.ลุยใช้มิชลินไกด์บุ๊คโหมรายได้ท่องเที่ยวเพิ่มปี’63
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำทีมผู้บริหาร ร่วมกับมิชลิน ประกาศรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับรางวัล
‘ดาวมิชลิน’ (MICHELIN Star) และ ‘บิบ กูร์มองด์’ (Bib Gourmand) ปีล่าสุด พร้อมกับเปิดตัว ‘มิชลิน ไกด์
4
จังหวัด : กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พังงา’ ประจำปี 2563 ซึ่งเป็นคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก
‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับที่ 3 ของประเทศไทย ได้คัดสรรร้านดังรวมทั้งสิ้น 282 แห่ง ที่พัก 74 แห่ง และมีร้านอาหารได้รางวัล 2 ดาวมิชลิน 5 ร้าน รางวัล 1 ดาวมิชลิน 24 ร้าน และรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ 94 ร้าน
มร.เกว็นดัล ปูลเล็นเนค ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ
‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก กล่าวว่า ปี 2562
การใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นมาแรงมากจนถือเป็นดาวเด่นที่ขับเคลื่อนวงการอาหารในไทยทำให้เกิดความหลากหลายและมีคุณภาพมาตรฐานสูง
ปีนี้มีร้านอาหารไทยแบบดั้งเดิมสร้างปรากฎการณ์ครอง 2 ดาวมิชลินเป็นครั้งแรกของโลก
พร้อมกันถึง 2 ร้าน โดยทั้งคู่ต่างเลื่อนระดับมาจากร้าน 1 ดาวมิชลิน
ได้แก่ร้าน
1.R-Haan ซึ่งนำเสนออาหารไทยสไตล์ต้นตำรับ
ทั้งอาหารท้องถิ่นพื้นบ้าน และอาหารชาววัง โดยใช้วัตถุดิบชั้นดีจากทั่วประเทศ 2.ร้าน ศรณ์
ที่คืนชีวิตให้แก่ศิลปะแห่งอาหารใต้ที่เคยสูญหายไปตามกาลเวลา
โดยใช้วัตถุดิบจากกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรและชาวประมงผ่านการปรุงด้วยความรักและความใส่ใจในทุกขั้นตอน
ส่วนร้านระดับ 2 ดาวที่ยังคงรักษามิชลินไว้ได้ตั้งแต่ปี
2561 จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ 1.เลอ นอร์มังดี 2.เมซซาลูน่า) 3. Sühring และปี 2562 มีร้าน 1 ดาวมิชลิน ทั้งสิ้น 24 ร้าน “ร้านข้าว”เป็นร้านเดียวที่ขยับจากมิชลินเพลทขึ้นเพราะการนำเสนออาหารไทยดั้งเดิมที่ปรุงขึ้นจากวัตถุดิบท้องถิ่น
อีกทั้งยังมีร้านติดอับดับคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ครั้งแรกคว้า 1 ดาวมิชลินไปครอง 3 ร้าน ได้แก่ 1.Chef’s Table ร้านอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง
รังสรรค์เมนู มีเชฟที่มาจากร้านระดับ 3 ดาวมิชลิน 2.
ร้าน 80/20 เด่นเรื่องอาหารไทยร่วมสมัยเชิงนวัตกรรมที่รังสรรค์เมนูอาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่นหายากผสานกับเทคนิคในการปรุงใหม่ๆ
แบบสากล 3.Table
38 ร้านอาหารสไตล์ Chef’s Table เชฟเป็นผู้กำหนดเมนู มีที่นั่งจำกัด นำเสนออาหารไทยโบราณและสไตล์ร้านริมทางที่ได้รับการตีความใหม่
พร้อมปรุงแต่งสมัยใหม่แต่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแบบดั้งเดิม
ร้าน 1 ดาวมิชลิน ที่รักษาสถานะจากปีก่อนมาจนถึงปีนี้ได้
คือร้าน PRU เป็นแห่งเดียวในภูเก็ตที่ได้1 ดาวมิชลิน
สำหรับรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ มีทั้งสิ้น
94
ร้าน อยู่ในกรุงเทพฯ 61 ร้าน เชียงใหม่ 17 ร้าน ภูเก็ต 14 ร้าน และพังงา 2 ร้าน
สำหรับคู่มือแบบเล่มมิชลินไกด์บุ๊คจะเริ่มวางขายตั้งแต่
16 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
ราคาเล่มละ 650 บาท โดยมีร้านที่ได้รับคัดเลือกและจัดอันดับในคู่มือ
‘มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพังงา ประจำปี 2563 ประกอบด้วย 1.ร้านอาหาร 2 ดาวมิชลิน 5 ร้าน ใหม่ 2 ร้าน 2.ร้านอาหาร 1 ดาวมิชลิน 24 ร้าน ใหม่ 4 ร้าน 3.ร้านอาหารรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ 94 ร้าน ใหม่ 27 ร้าน
ข่าวที่
4 “บางจากแจก2แคมเปญ“รับกล้วยอิ่มใจ-shoppyBig
Sale”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำเสนอความคุ้มค่าเมื่อใช้บริการด้วย
2 แคมเปญ
ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป แคมเปญที่ 1 ชวนไปเติมน้ำมันทุก 700 บาท รับฟรีกล้วยอิ่มใจ 1
ซอง ระหว่างวันนี้ - 15 ธ.ค.
62 เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนน้ำหนักสุทธิซองละ
20 กรัม มูลค่า 10 บาท จะแจกจนกว่าของจะหมด ตามสถานีบริการเฉพาะที่ปั๊มน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เข้าร่วมโครงการ
ดูรายได้ละเอียดปั๊มที่เข้าร่วมรายการที่ www.bangchakmarketplace.com
แคมเปญที่สอง “11.11
Shopee Big Sale”
เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ซื้อคูปองเครื่องดื่มอินทนิลราคาพิเศษ ด้วย e-Coupon -ตั้งแต่วันที่
11-30 พ.ย. 62 ที่มีมูลค่า 150 บาท จ่ายในราคาเพียง 100
บาทเท่านั้น ผ่านแอพพลิเคชั่น Shopee (Deals Near Me) โดยไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์ / วัน เพียงแค่นำ Code
จากการซื้อ e-Coupon มาแสดงที่สาขาใช้แทนเงินสด
150 บาท สำหรับซื้อเครื่องดื่มอินทนิลทุกเมนู
ซึ่งคุณสมบัติของคูปองที่นำมาแลกซื้อนั้น จะไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้
ข่าวที่ 5 “ปลุกเทรนด์ไมซ์สุขภาพเปิดตลาดเชิงรุกเมืองรอง
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
รายงานว่าได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวสุขภาพ (Medical Tourism) 1ใน 12
อุตสาหกรรม S-Curve ที่รัฐบาลไทยสนับสนุน ตามคาดการณ์ในเวลาอีกทศหน้าทั่วโลกจะเติบโตเฉลี่ยปีละ
15% โดยเฉพาะไทยเป็นประเทศที่พร้อมครองส่วนแบ่งรายใหญ่ในตลาดโลก
เนื่องจากยุคนี้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพจึงเป็นโอกาสจะขยายฐานไมซ์กลุ่มประชุม
(Meeting) และท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive
travel) เสนอทางเลือกเทรนด์ใหม่ ๆ งานไมซ์สายสุขภาพให้ลูกค้า
เช่น นำเสนอประสบการณ์ออร์แกนิค 360 องศา ตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน
การพักผ่อนแบบไร้มลภาวะ เปลี่ยนมาจัดเลี้ยงอาหารแบบคลีน ทำกิจกรรมโยคะและวิ่งมาราธอน
ให้ผู้เข้าร่วมงานประชุมกลุ่มอินเซ็นทีฟได้ของขวัญเรื่องสุขภาพที่ดี ชาร์ทร่างกายให้พร้อมกลับไปทำธุรกิจของตนเอง
ผนวกกับไทยเป็นประเทศที่มีจุดแข็งด้านสถานที่ท่องเที่ยวและธรรมชาติโดนใจคนทั่วโลก
ปัจจัยบวกเหล่านี้ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ทั้ง โรงพยาบาล
ยา ประกัน และธุรกิจสุขภาพมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วจึงต้องการงานไมซ์มาช่วยต่อยอด
ทั้งการอบรมบุคลากร ทีมขายได้รางวัลการเดินทางรางวัลฟรี ส่งผลถึงงานจัดประชุมวิชาการและงานแสดงสินค้าด้านสุขภาพจะเติบโตตามโดยอัตโนมัติ
สัญญาณดังกล่าวจึงเป็นโอกาสยกระดับเมืองรองให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสุขภาพในอุตสาหกรรมไมซ์
เนื่องจากเครือโรงพยาบาลเอกชนต่างเริ่มขยายสาขาออกสู่เมืองรองมากขึ้น
เพื่อกระจายโอกาสเข้าถึงบริการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย สร้างจุดร่วมของเทคโนโลยีการแพทย์และธรรมชาติ
ดึงดูดนักเดินทางเข้าไปพักฟื้น และดึงความสนใจผู้จัดงานไมซ์เข้าไปจัดสร้างกิจกรรมและโปรโมชั่นดี
ๆ ร่วมกับศูนย์การแพทย์ชั้นนำเกี่ยวกับงานไมซ์เชิงสุขภาพแบบครบวงจร
ทีเส็บพร้อมจะสร้างโอกาสให้เมืองรองเปิดรับตลาดไมซ์เชิงสุขภาพซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ใหม่มาแรงเติบโตอย่างรวดเร็วตามทิศทางของตลาดโลก
ช่วงที่ 2 เมืองไทยไม่ต้องเดี๋ยวเที่ยวได้เลย
งาน “เฟสติวัล-เที่ยวประวัติศาสตร์เกาะรัตนโกสินทร์ ผ่านงานศิลปะเท่ ๆ
ตามด้วยเรื่องควรรู้ “การทำความสะอาดช้อนส้อม” 3
ขั้นตอนมีความสำคัญต่อสุขภาพ ข่าวเด็ดในรอบสัปดาห์ “อินเดียแห่ขยายห้องพักแบรนด์ OYO” ทั่วไทย ชิงลูกค้าแบบประหยัดรองรับนักท่องเที่ยวชาติเดียวกันมาไทยปีละ 2
ล้านคน “บางกอกแอร์ไตรมาส 3 ปีนี้กำไร” แต่รวม
9 เดือนแล้วขาดทุน 121 ล้านบาท
“ไทยจัดคิวตารางบินกระบี่รับเพิ่ม2แอร์ไลน์สใหม่” มี.ค.63 ส่วน“การบินไทยหลังพิงแบงก์ ICBC”
หวังพึ่งจีนช่วยกู้วิกฤตการเงินการตลาด 5 เรื่อง
@ไม่ต้องเดี๋ยวเที่ยวเลยเฟสติวัลเกาะรัตนโกสินทร์
เมืองไทยไม่ต้องเดี๋ยว
เที่ยวได้เลย ดื่มด่ำเฟสติวัลแห่งความสุข 3 “Cultural
District เทศกาลศิลปะ เปิดเกาะรัตนโกสินทร์” ช่วงวันนี้ไปจนถึง 24 พฤศจิกายน 2562 สามารถไปเดินชีลชมวัฒนธรรมเก่าแก่ตั้งแต่มิวเซียมสยาม ท่าเตียน กรุงเทพฯ ลัดเลาะไปรอบ
ๆ เกาะรัตนโกสินทร์ ได้ทุกวัน
เทศกาลนี้ไทยจัดเป็นครั้งแรก เพื่อพลิกฟื้นประวัติศาสตร์วัฒนธรรมกรุงรัตนโกสินทร์ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ชวนกันมาท่องเที่ยวค้นหาสถานที่กว่า 200 แห่ง “รอบเกาะรัตนโกสินทร์” จุดกําเนิดกรุงเทพมหานคร ที่สร้างขึ้นมานานกว่า 200 ปี บนพื้นที่ราบลุ่มแม่นํ้าเจ้าพระยา มีพื้นที่โบราณหาดูยาก
งานสถาปัตยกรรมล้ำค่าในแต่ละรัชสมัย หรือวัตถุโบราณเชื่อมโยงเรื่องราวอดีตสู่ปัจจุบัน
สถานที่เก่าแก่สําคัญต่าง ๆ ที่กลายเป็นมนต์เสน่ห์ของพื้นที่ทางวัฒนธรรมแห่งนี้
นักท่องเที่ยวจะได้มีประสบการณ์ร่วมในกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความรู้และเรื่องราวดี
ๆ ของเมืองไทย กับ 3 ไฮไลต์
ไฮไลต์แรก
Cultural
Arts Festival ชมเทศกาลศิลปะในพื้นที่มิวเซียมสยาม ได้จนถึง17 พ.ย. 2562 เหล่าศิลปินหลากหลายแขนงสร้างสรรค์งานออกมาจากแรงบันดาลใจใน “เกาะรัตนโกสินทร์” ผ่านศิลปะรุ่นใหม่ 60 คน ด้วยผลงานเด่น
ๆ ทั้งศิลปะร่วมสมัย ดนตรี Motion Art นิทรรศการ
เวิร์คช้อป ปิดท้ายตรงตลาดนัดงานศิลปะละลานตา
ไฮไลต์ที่สอง
Cultural
& Art Activity ชมความยิ่งใหญ่ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 24 พฤศจิกายน 2562 พบความพิเศษ 20 กิจกรรมของ พิพิธภัณฑ์ ร้านค้า แหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะ “การเดินมองเมือง” นำเดินชมสถาปัตยกรรมร้อยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเมืองท่าสุดคลาสสิค พร้อมมุมถ่ายรูปสุดชิคต้องแวะถ่ายรูปเก็บไว้
และกิจกรรมอีกมากมายชอบแบบไหนเลือกได้เลย
ไฮไลต์ที่สอง
Cultural
District Guide Book หนังสือนำเที่ยวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่จะพาเราไปพบกับสถานที่สุด Unseen 200 แห่ง มีทั้ง โบราณสถาน พิพิธภัณฑ์ ร้านค้า
ร้านอาหาร งานศิลปะ พื้นที่สาธารณะ พื้นที่สีเขียว ร้อยเรียงเชื่อมโยงอย่างละเมียด
สะท้อนทุกมิติเจาะลึกถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ เข้าไปดาวน์โหลดได้ฟรีที่ www.museumthailand.com
ชอบเที่ยวงานเฟสติวัลศิลปะอย่ารอช้าไปกันได้เลย
สอบถามได้ที่โทร.02-225-2777 ต่อ 410 ดูเพิ่มใน www.museumsiam.org และ ดูกิจกรรมได้ทาง www.facebook.com/CulturalDistrictBangkok
@ทำความสะอาดช้อนส้อมเพื่อสุขภาพด้วย3ขั้นตอน
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย
การล้างทำความสะอาดภาชนะ ช้อน ส้อม ให้สะอาด ตามหลักสุขาภิบาล
เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ เพราะหากสะอาดตั้งแต่ต้นทาง ไม่จำเป็นต้องจุ่มน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อโรค
ซึ่งทำได้ง่าย 3 ขั้นตอน
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย แนะนำถึงเรื่องการใช้น้ำร้อนในหม้อหุงข้าวตามฟู้ดคอร์ทซึ่งมีอุณหภูมิแค่
40-50 องศา เป็นความร้อนที่ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ แถมยังเพิ่มจำนวนเชื้อโรค
เพราะหากไม่เปลี่ยนน้ำ เชื้อโรคที่ทนต่อความร้อนก็จะยิ่งรวมตัวนั้น
ความจริงแล้วกระบวนการสำคัญที่สุดในการทำให้ภาชนะสะอาดปลอดภัย
คือการล้างที่ถูก หลักสุขาภิบาล ตามวิธีสำคัญสุดเรื่องการล้างทำความสะอาดและการผึ่งให้แห้งสนิท
3 ขั้นตอน คือ 1)
ขจัดเศษอาหารและล้างด้วยน้ำผสมน้ำยาล้างจาน 2)
ล้างด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ครั้ง และ 3)
ฆ่าเชื้อโรคด้วยการทำให้แห้งโดยตากแดดหรืออบด้วยความร้อน
วิธีสังเกตความสะอาดของช้อน
ส้อมและภาชนะต่างๆ ผู้บริโภคสามารถทำได้ ดังนี้ คือ
1) ต้องทำจากวัสดุที่ไม่เป็นพิษ
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รูปทรงทำความสะอาดง่าย ทนทานไม่แตกหักง่าย
ใช้ถูกประเภทอาหาร 2)
เมื่อล้างสะอาดแล้วเก็บคว่ำให้แห้ง และ 3)
เก็บให้เป็นระเบียบ วางช้อนนอนเรียงเป็นทางเดียวในภาชนะโปร่งสะอาดหรือวางตั้งเอาด้ามขึ้นในภาชนะโปร่งสะอาดและมีการปกปิด
เก็บสูงจากพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร
ส่วนวิธีลวกช้อน ส้อม ควรเลือกใช้อุปกรณ์หรือหม้อสำหรับลวกช้อน ส้อม
ที่มีปรับตั้งอุณหภูมิไม่น้อยกว่า 80-90 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 4 นาที
มีการดูแลเปลี่ยนถ่ายน้ำและให้ผู้ใช้หยิบแช่เอง
ไม่ควรใช้หม้อหุงข้าวประเภทที่เคลือบผิวภาชนะด้วยเทฟลอน เซรามิค
เพราะอาจเสี่ยงต่อสารโลหะจำพวกตะกั่วและโครเมียม อุปกรณ์ลวกช้อน
ควรออกแบบมาโดยเฉพาะทำด้วยสแตนเลส สามารถตั้งอุณหภูมิได้ตามกำหนด
และมีการป้องกันไฟฟ้ารั่ว ดูด ไม่ควรเลือกภาชนะที่มีลวดลายหรือมีสีทา
เพราะอาจมีส่วนผสมของตะกั่ว ซึ่งสามารถสลายตัวได้เมื่อถูกความร้อน
ส่วนเครื่องต้มน้ำไฟฟ้าแบบขั้วเปลือยซึ่งไม่ผ่านมาตรฐาน มอก. ไม่ควรนำมาใช้
เพราะเป็นอุปกรณ์ที่อันตรายตามคำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 06/2529
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “อินเดียผุดOYOชิงตลาดห้องพักประหยัดทั่วไทย
มัณดา ไวดิย่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง โอโย โฮเทลส์ แอนด์ โฮมส์ (OYO) เปิดเผยว่า
โอโยเป็นแบรนด์ห้องพักของอินเดียซึ่งขยายฐานให้บริการลงทุนห้องพักราคาประหยัดมีทั้งโรงแรม
บ้านพัก คอนโด ตั้งเป้าเข้ามาในไทยโดยรับบริหาร 250 โรงแรม รวมห้องพักกว่า 8,000
ห้อง กระจายอยู่ใน13 จังหวัด เช่น กรุงเทพฯ พัทยา
(ชลบุรี) ภูเก็ต หัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์)
ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมเข้ามาพักมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวอินเดียแต่ละปีเดินทางมาไทยมากกว่า 2 ล้านคน
ส่วนชาวเอเชียเองก็หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเมืองไทยปีละหลายล้านคนเช่นกัน
สอดคล้องกับนโยบายการขยายของโอโยที่จะเดินหน้าขยายห้องพักผ่านแฟรนไชส์โรงแรมมากว่า
2,500 แห่ง ในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม
ตั้งเป้าภายในอีก 6 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ปี 2568 จะต้องมีห้องพักบริการอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากถึง 2 ล้านห้อง
โดยโอโยจะชูจุดเด่นเพิ่มเครือข่ายธุรกิจด้วยการพัฒนาที่พักคุณภาพ
ขายราคาเข้าถึงได้ง่าย เลือกทำเลที่ตั้งดีที่สุด พร้อมทั้งจะนำโมเดลธุรกิจ ออกแบบ
การบริการ เทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญทางการเงิน การันตีการให้บริการ
เครื่องปรับอากาศ ฟรี Wifi ทีวี สิ่งอำนวยความสะดวก สะอาด
ปลอดภัย ครบวงจร เข้ามาเป็นแรงจูงใจดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาพักเพิ่มขึ้นในไทยทุกปี
ข่าวที่สอง
“บางกอกแอร์Q3กำไร65ล้าน-9เดือนขาดทุน121ล้าน
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปี 2562 สามารถทำรายได้รวม
6,698.9 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 65.9 ล้านบาท 66.3 % มาจากธุรกิจสนามบินและกลุ่มธุรกิจเกี่ยวข้อง
รวมถึงรายได้ที่ไม่ได้แบ่งตามสายธุรกิจ และค่าใช้จ่ายหลักปรับลดลง
ปี 2562 ช่วงไตรมาส 3 ธุรกิจ
1.บริษัท
ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด (BAC) มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 2 สายการบิน ส่วนยอดรวมมี
21 สายการบิน
2.บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส
จำกัด (BFS Ground) มีลูกค้าเพิ่มขึ้น
8 สายการบิน ยอดรวมทั้งหมด 84 สายการบิน 3.บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจี คาร์โก้ จำกัด (WFS-PG
Cargo) มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 6 สายการบิน ยอดรวมทั้งหมด
74 สายการบิน
ส่วนสถานการณ์ภาพรวม 9 เดือนปี 2562
มีรายได้รวม 20,540.2 ล้านบาท ลดลง 2.5 % เพราะการปรับตัวลดลงของธุรกิจสายการบิน 6.9 % และธุรกิจสนามบินลดลง
9.7 % แต่รายได้เติบโตจากธุรกิจสนามบินและกลุ่มเกี่ยวข้อง
เพิ่มขึ้น 6.7 % รวมถึงกลุ่มที่ไม่ได้แบ่งตามสายธุรกิจ
เพิ่มขึ้น 22.1 %
ทั้งนี้ช่วง 9 เดือนแรกปี 2562 จึงรายงานผลขาดทุนสุทธิ
121.3 ล้านบาท โดยเป็นส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ 131.5 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น
0.06 บาท
ทางด้านผู้โดยสาร 9 เดือนปี 2562 ลดลง 1.7
% เพราะส่วนแบ่งปรับลดลง
2 ส่วน คือ
1.จุดขายตั๋วเครื่องลิน
(Point-of-Sale) ในประเทศไทย 2.ช่องทางอีคอมเมิร์ซปรับตัวลดลง สัดส่วนจุดขายตั๋ว
(Point-of-Sale) ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศซึ่งผู้โดยสารมาจากทวีปยุโรปและเอเชีย
(ยกเว้นประเทศไทย) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผู้โดยสารเติบโตสูงสุด 23.0 %
อเมริกาเหนือเติบโต 10 %
เอเชียใต้เติบโต 3.0 %
ข่าวที่สาม
“ไทยจัดคิวตารางบินกระบี่เพิ่ม2แอร์ไลน์ใหม่มี.ค.63
นายเกียรติชัย ชัยเรืองยศ
ผู้อำนวยการกองส่งเสริมกิจการท่าอากาศยาน ผู้แทนกรมท่าอากาศยาน กล่าวว่า หลังการเข้าร่วมการประชุม
IATA Slot Conference ครั้งที่ 145 เมื่อวันที่
12 – 15 พฤศจิกายน 2562 ณ
เมืองบริสเบน ออสเตรเลีย โดยได้หารือเรื่องการให้ท่าอากาศยานและสายการบินร่วมเจรจาตารางการบินเข้า-ออก
สนามบินต่างๆ ช่วงตารางบินฤดูร้อน 2563 ระหว่าง
29 มีนาคม 2563 – 24
ตุลาคม 2564) โดยมี 14
สายการบิน ขอจัดสรรเวลาหรือเปลี่ยนเวลาเข้า-ออกท่าสนามบินกระบี่
สรุปได้ดังนี้ 1.กลุ่มเปิดเส้นทางใหม่
2
สายการบิน ได้แก่ 1. West Air สาธารณรัฐประชาชนจีน
เส้นทาง ไป-กลับ ฉงชิ่ง-กระบี่ สัปดาห์ละ 3 เที่ยว
2. Korean Air เกาหลี เส้นทาง ไป-กลับ โซล-กระบี่ สัปดาห์ละ 2
เที่ยว 2.กลุ่มเพิ่มความถี่เที่ยวบิน
2 สายการบิน ได้แก่ 1. China Eastern เส้นทาง ไป-กลับ อุรุมชี-เหอเฟ่ย-กระบี่ สัปดาห์ละ 7 เที่ยว
2. Qatar Airways เส้นทาง ไป-กลับ โดฮา-กระบี่ สัปดาห์ละ 7
เที่ยว
ข่าวที่สี่
“การบินไทยMOUแบงก์ICBCหวังดึงจีนกู้วิกฤตการเงิน
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงนาม MOU กับธนาคารไอซีบีซี
(ไทย) ใหญ่อันดับหนึ่งของโลก เพื่อหนุนการบินไทยเสริมกลยุทธ์ความแข็งแกร่งทางการเงิน
(Strategic Financial Support) ประกอบด้วย 1.ด้านบริการจัดการด้านการเงิน
2.การจัดหาเงินทุนขององค์กร
ให้สินเชื่อการเช่าซื้อเครื่องบิน 3.บริหารเงินสดและอัตราแลกเปลี่ยน
4.ความร่วมมือเชื่อมระบบธุรกิจอีคอมเมิร์ชเข้ากับ
ICBC Emall เพื่อให้ลูกค้าช้อปปิ้งอย่างสะดวกสบาย
5.พัฒนาระบบการชำระเงิน ในโปรแกรม I Go
Thailand ของนักเดินทางชาวจีนที่เป็นฐานลูกค้าของไอซีบีซี
(ไทย) ซึ่งถือบัตรเครดิตและบัตรเดบิต รวมกว่า 900 ล้านใบ
ให้เข้ากับระบบการชำระเงินของการบินไทย
เพื่ออำนวยความสะดวกให้จีนที่เข้ามาท่องเที่ยวตามเมืองหลักและเมืองรองซื้อสินค้าและบริการของการบินไทย
เช่น ตั๋วเครื่องบินสามารถชำระผ่านระบบ Alipay และ
WeChatPay ทำให้เข้าถึงสินค้าและบริการได้มากขึ้น
ตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการรวดเร็วกว่าก่อน
ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM
97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น