ททท.นำทัพท่องเที่ยวชนบทบุกขายตลาดโลกWTM2019-วันธรรมดาราคาช็อกโลกแจกโชคเฉียดล้านบาท-More Fun ชื่นชมชิมจันบุรี ระยอง
ททท.จัดทัพสินค้าชุมชนเที่ยวชนบทรุกขายWTM2019
เทโปรบิ๊กล็อต‘ทัวร์วันธรรมดา-100เดียว’ส่งท้ายปี’62
รพ.เลสเตอร์เปิดโซนใหม่ใช้ชื่อ“วิชัยศรี
วัฒนประภา”
คิงเพาเวอร์พาเหรดสินค้าชวนช้อปดิสนีย์ลดกว่า50%
“รมว.พิพัฒน์-ผู้ว่ายุทธศักดิ์”นำเอกชนเจาะลึกยุโรป
วันธรรมดาราคาช็อกโลกแจกเพิ่มทุกศุกร์เฉียดล้าน
บางจากทำสำเร็จงานSyn Bioเดินหน้า BCG โมเดล
TCEBชูงานUFIตอกย้ำไทยฮับไมซ์เอ็กซิบิชั่นเอเชีย
More Funรับลมหนาวมุมใหม่เมืองจันทบุรี-ระยอง
อาหารบำรุงกระดูกและข้อต่อที่ต้องหามากินด่วนๆ
ทอท.ออกแถลงการณ์โต้สัมมนาถล่มสุวรรณภูมิT2
6สนามบินรณรงค์งดปล่อยโคมทำน่านฟ้าปลอดภัย
ประดับไฟ13สะพานกรุงเทพปลุกเที่ยวลอยกระทง
โนโวเทลสุขุมวิทเท4โปรโมชั่นบุฟเฟต์ส่งท้ายปี’62
เข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
#รวยด้วยข่าเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาราคาช็อกโลก #ท่องเที่ยวชุมชนชนบท #ทททแจกวันธรรมดาเฉียดล้าน #ชื่นชมชิมอาหารถิ่นจันทบูรสมัย2 #ทอทแถลงการณ์โต้ #โนโวเทลสุขุมวิทเทบุฟเฟต์4โปร
ช่วงที่
1 ห้ามพลาดฟัง “นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดแนวรุกสินค้าท่องเที่ยวปี’63 แจ้งเกิด
“ท่องเที่ยวชุมชน-ชนบท-เที่ยวอย่างรับผิดชอบ”เต็มรูปแบบผงาดในตลาดโลกบนเวที World
Travel Mart 2019 ส่วนในประเทศเร่งเครื่อง 2 โปรเจ็กต์
“วันธรรมดาราคาช็อกโลก-100เดียวเที่ยวทั่วไทย”
ระดมเอกชนเทโปรโมชั่นบิ๊กล็อต พร้อมท็อปอัพแจกรางวัลเพิ่มเฉียดล้าน
หวังโกยรายได้เข้าเป้าโค้งสุดท้าย พ.ย.-ธ.ค.นี้ ผนวกงานลอยกระทงทั่วไทย 4 วัน ปั๊มยอด 2,000 ล้านบาท
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ในการนำสินค้าท่องเที่ยวเข้าไปขายงาน World Travel Mart : WTM 2019 ณ กรุงลอนดอน อังกฤษ
มีปรากฎการณ์ทั้งในเวทีสัมมนาและการธีมจัดงานทุ่มเทไปทางด้านการท่องเที่ยวอย่างส่วนร่วมรับผิดชอบ
Responsible Tourism
เน้นการอนุรักษ์เที่ยวโดยไม่ทำให้โลกเจ็บปวด ไม่ทำลายธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม
เช่นเดียวกับประเทศไทย นำเสนอสินค้าเส้นทางท่องเที่ยวตลาดน้ำ และดอกบัว
เพราะการท่องเที่ยวชุมชนหรือ Local Experience ก็ยังอยู่ในความสนใจของตลาดยุโรป กระแสตอบรับดีมาก
ททท.จึงเปิดเส้นทางท่องเที่ยวปี 2563 พร้อมขาย 3 แห่ง ได้แก่ 1.ทะเลบัวแดง อุดรธานี 2.ทะเลน้อย พัทลุง 3.ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง นครปฐม
ควบคู่กับการจัดกิจกรรมสาธิตประโยชน์จากบัว ตั้งแต่การนำเกสรมาทำชาดอกบัว
มีประโยชน์มากการดูแลรักษาสุขภาพทำให้อ่อนเยาว์มากขึ้น ทำให้ไทยแลนด์
พาวิลเลี่ยนได้รับความสนใจสูงมาก
ไฮไลต์สำคัญสุดทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา
ทรงสาธิตทำเมี่ยงกลีบบัวหลวง
โดยได้นำเสนอเรื่องราวสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องให้ชาวต่างชาติเข้าใจถึงเมนูอาหารไทย
ซึ่งมีทั้ง ถั่ว มะนาว พริก กลีบบัว ผสมผสานเข้ากับเครื่องเคียง
จนกลายเป็นอาหารว่างทรงคุณค่า พอได้รับประทานแล้วทุกคนติดใจ
ภายในงานยังมีการสาธิตการทำดินเป็นกลีบบัว
ผนวกกับการประชาสัมพันธ์ทะเลแดง ทะเลบัวน้อย เพื่อให้เข้าถึงการประชาสัมพันธ์เข้าถึงผลิตภัณฑ์การเดินทางท่องเที่ยวชุมชนบัวตามพื้นที่ต่าง
ๆ ซึ่งเชื่อมั่นว่าตลาดยุโรปจะให้ความสนใจสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวอย่างแน่นอน
ส่วนในด้านชุมชนท่องเที่ยวเมืองบัวที่ได้นำเสนอขายในตลาดยุโรป
ทั้ง 3 ชุมชนมีความพร้อมและความเข้มแข็ง
โดยนำร่องขายตลาดท่องเที่ยวในประเทศ
จากนั้นก็คัดเลือกมาขายตลาดต่างประเทศควบคู่กันไปด้วย
ตั้งเป้าให้ชุมชนเตรียมความพร้อมทางด้าน สินค้า ที่พัก ของที่ระลึก การเข้าถึง
แต่ละชุมชนต้องเข้าใจ เป็นผู้นำ และมีส่วนร่วมได้รับผลประโยชน์สูงสุด
ผนวกกับการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ที่
ททท.ด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยวได้นำเสนอขึ้นมาใหม่คือ “การท่องเที่ยวชุมชน”
ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับชุมชน
แต่จะทดลองขายตลาดในประเทศก่อนจะเสนอแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีคีย์เวิร์ด Rural
Tourism วิถีชีวิตไม่กี่คำ “ภูมิปัญญาชนบท-วัฒนธรรมท้องถิ่นเข้มแข็ง-มรดกวัฒนธรรมชุมชนชนบท”
มุ่งหวังให้ชุมชนมีส่วนร่วมรับประโยชน์
เมื่อเปิดการขายแล้วประการสำคัญสุดคือชาวชนบทจะต้องไม่ทำลายวิถีชีวิตซึ่งเป็นจุดแข็งด้านธรรมชาติของตนเอง
อัตลักษณ์ การพูดจา การดำเนินชีวิต เสน่ห์ท้องถิ่น ซึ่งทำให้สอดคล้องกับไปด้วยกันได้ในเรื่องการนำเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวชุมชนและชนบท
สำหรับการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวชนบท
เน้นกลไก 3 สร้าง ประกอบด้วย 1.สร้างความรู้สร้างอาชีพ
ผลักดันมาตรฐานการดำเนินงานต่าง ๆ ในเวที WTM 2019
ได้นำผู้ประกอบการเข้ามาร่วมงานซื้อขายท่องเที่ยวระดับโลก 2.สร้างตลาด
สร้างรายได้ เป็นส่วนหนึ่งในงานดังกล่าว 3.สร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน
หลังกลับจากงาน WTM 2019
ก็ได้หาเครือข่ายพันธมิตรสถาบันการเงินซึ่งตอนนี้ใจดีมากสำหรับการท่องเที่ยวชุมชนและชนบท
มีทั้ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรกรุงไทย ธนาคารเพื่อการพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) หรือแม้แต่กองทุนหมู่บ้าน
ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อการท่องเที่ยวชุมชนและชนบท
เพราะการท่องเที่ยวระดับฐานรากทั้งสองกลุ่มสามารถสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนได้ด้วยตนเอง
เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการท่องเที่ยว จึงทำให้ชุมชนหรือชนบทเกิดการเรียนรู้วิธีบริหารจัดการที่จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมีคุณธรรม
ส่วน ททท.เป็นเพียงส่วนเสริมแต่งให้ชุมชนเท่านั้น
และเมื่อเกิดการท่องเที่ยวแล้วก็จะต้องมีวิธีวัดและประเมินผล
โดย
ททท.ได้กำหนดดัชนีชี้วัดการท่องเที่ยวชุมชนและการท่องเที่ยวชนบท ปี 2563
ด้วยการตั้งค่าความสำเร็จที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย 1.รายได้ชุมชนเพิ่มขึ้น 2.เงินออมท้องถิ่นขยายตัว
ซึ่งมีความถี่ในการฝากมากขึ้น 3.หนี้สินชุมชนลดลง 4.สร้างประโยชน์ร่วมอย่างยั่งยืน ทั้ง 4 เรื่อง
เป็นสิ่งที่ ททท.ต้องการเห็นผลสัมฤทธิ์จากการพัฒนาตลาดท่องเที่ยวชุมชนและชนบทอย่างเป็นรูปธรรม
นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า
ภารกิจของ ททท.ด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2562
เดินหน้า 2 โครงการหลักเพื่อขยายผลโครงการ ชิม
ช้อป ใช้ ตามนโยบายรัฐบาล โดยได้ต่อยอดเพิ่มอีก 2 โครงการ
ได้แก่ โครงการแรก “วันธรรมดาราคาช็อกโลก” โครงการที่สอง “100 เดียวเที่ยวทั่วไทย มอบเป็นของขวัญให้คนไทยทั้งประเทศช่วง 2 เดือนสุดท้าย ระหว่างพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562
โดยเฉพาะวันธรรมดาราคาช็อกโลก
เป็นแคมเปญต่อยอดมาตรการ ชิม ช้อป ใช้ ซึ่งรัฐบาลต้องการกระตุ้นแอพลิเคชั่น
เป๋าตัง 2 โดยได้อัดฉีดให้คนใช้เงินท่องเที่ยว 30,000 บาท รับเงิน Cash Back คืนสูงสุด 20 % โดยสามารถซื้อห้องพักโรงแรม สปาสุขภาพ แพกเกจท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง และอื่น
ๆ ตอนนี้รัฐบาลได้ขยายวันใช้จาก 30 พฤศจิกายน นี้ ไปเป็น 31
ธันวาคม 2562 ดังนั้นสิ่งที่
ททท.ทำพุ่งเป้ากระตุ้นการเดินทางนอกเหนือจากวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นจันทร์-ศุกร์
โดยมีกลุ่มโรงแรม สินค้าจิวเวอรีกำลังเข้ามา
อยากให้คนไทยเข้ามาอัพเดทได้ทางเว็บไซต์ www.วันธรรมดาราคาช็อกโลก.com ซึ่งจะกำหนดสิทธิ์แต่ละวัน พร้อมรายการโปรโมชั่นที่เหลือแต่ละรายการด้วย
ททท.ยังได้เพิ่มสิทธิพิเศษให้นักช้อปที่เข้าร่วมโครงการ
หากลงทะเบียนแล้วแต่ไม่ได้ช้อปราคาพิเศษ ก็สามารถลุ้นสิทธิ์รับโชคได้ทุกศุกร์ที่ 8 วันละ 8 รางวัล (ครั้ง) เป็น Travel Package รายการชิ้นละ 50,000 บาท มีให้เลือก ห้องพัก สปา
สวนสนุก ช้อปปิ้ง พาเหรดมากันพร้อมทุกหมวด
หรือบางสัปดาห์จะมีสินค้าที่แตกต่างกันไป เมื่อเข้าเว็บไซต์ www.วันธรรมดาราคาช็อกโลก.com
เพื่อเข้าร่วมช้อปปิ้งกับ
ททท.แยกเป็น กลุ่มที่ 1 ผู้ประกอบการนำสินค้ามาร่วมขาย
จะต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้องตามกฎหมาย กลุ่มที่ 2 ผู้ซื้อ/นักท่องเที่ยว
จะต้องเป็นคนไทย วันลงทะเบียนต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์
เมื่อลงทะเบียนแล้วต้องจ่ายเงินภายใน 5 วัน
เป็นการนำร่องช่วง
2 เดือนสุดท้าย พฤศจิกายน-ธันวาคม 2562 จะเพิ่มความเข้มข้นกระตุ้นการใช้จ่ายเงินจากโครงการ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย และวันธรรมดาราคาช็อกโลก เสริมโครงการ ชิม ช้อป ใช้
ของรัฐบาล ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า
สำหรับการส่งเสริมท่องเที่ยวงานประเพณีลอยกระทง สีสันแห่งสายน้ำ ปี 2562
พร้อมจัดอย่างยิ่งใหญ่ สอดคล้องกับนโยบายเทศกาลงานประเพณีระดับโลกที่จะสะท้อนไปยังทั่วโลก
โดยได้สนับสนุน 5 แห่ง ในกรุงเทพฯ มีบริเวณ ริเวอร์ เฟสติวัล
2019 ระหว่าง 9-11 พฤศจิกายน นี้
จัดกระจายตามบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา 10 จุด
โดยจุดหลักจะจัดบริเวณสวนสันติชัยปราการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติได้เห็นความตระการตาของประเพณีการแห่
“นพบูชามหานที” โดยได้เบลล่า-ราณี” มาเป็นนางนพมาศ พร้อมกับมีดอกไม้ไฟโบราณ
ม่านน้ำ การแสดงโขน รามเกียรติ์ หุ่นละครเล็ก ศิลปินแสดง 4
ภาค อาหารถิ่น กิจกรรม D.I.Y.ไฮไลต์ปีนี้เน้นการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
จึงขอเชิญชวนให้ 1 ครอบครัว ใช้ 1 กระทง
จึงหวังว่านักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติจะเข้าร่วมมากขึ้น
พร้อมทั้งตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวช่วงลอยกระทงทั่วประเทศต่อเนื่องตลอด
4 วัน จะสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 2,000
ล้านบาท
จากนักท่องเที่ยวขยายตัวมากปีที่ผ่านมาเติบโตเพิ่มไม่ต่ำกว่า 9 %
ทั้งนี้
ททท.เชิญชวนท่องเที่ยวงานลอยกระทงในพื้นที่หลักและสนับสนุนดังนี้
1.พื้นที่หลัก ททท.จัดงานสีสันแห่งสายน้ำ
มหกรรมลอยกระทง พ.ศ. 2562 ณ สวนสันติชัยปราการ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 9-11
พฤศจิกายน 2562 ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป กิจกรรมภายในงาน
นำเสนอกิจกรรมทางวัฒนธรรมไทยในรูปแบบใหม่
และมีกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจ เช่น ปรากฏการณ์ม่านน้ำนิรมิต
ขบวนแห่ทางวัฒนธรรมการแสดงดอกไม้ไฟโบราณ ศิลปหัตถกรรมทรงคุณค่าในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
การแทงหยวก การประดิษฐ์หัวโขน การทำพนมหมากพนมดอกไม้ และ อื่น
ๆ
2.พื้นที่ ททท. สนับสนุนการจัดงาน 4 จังหวัด
ได้แก่ เชียงใหม่ สุโขทัย ตาก พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม ร้อยเอ็ด และกรุงเทพมหานคร
ซึ่งในแต่ละพื้นที่มีเอกลักษณ์และกิจกรรมในการจัดงานที่แตกต่างกันไป
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวที่
1 “รพ.เลสเตอร์อังกฤษใช้ชื่อวิชัยศรีวัฒนประภาตั้งชื่อ2แผนกเด็กใหม่
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา
ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า
เมื่อเร็ว ๆ นี้ โรงพยาบาลเลสเตอร์ ได้เปิดหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตสำหรับเด็กแผนกใหม่โดยรำลึกถึงคุณจึงใช้ชื่อคุณวิชัย
ศรีวัฒนประภา อดีตประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ผู้บริจาคเงินเมื่อปี 2559 ให้โรงพยาบาลเลสเตอร์
2 ล้านปอนด์ (100
ล้านบาท) หลังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งชาวเลสเตอร์ยังคงรักและเคารพคุณวิชัยที่ยังคงอยู่ในใจตลอดไป
การบริจาคเงินช่วยโรงพยาบาลเลสเตอร์สะท้อนให้เห็นถึงความมีน้ำใจในสาธารณกุศล
ที่คุณพ่อวิชัยมอบให้กับงานบริการด้านต่างๆ โดยหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติเด็ก วิชัย
ศรีวัฒนประภา ตั้งอยู่ที่ โรงพยาบาลเลสเตอร์ รอยัล อินเฟอร์มารี่ ตึกเคนซิงตัน อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนสร้างโรงพยาบาลเด็กแห่งแรกของภาคกลางฝั่งตะวันออก
ของอังกฤษ เพื่อเปิดให้บริการ
ผู้ป่วยเด็กอย่างครบวงจร
ครอบครัวศรีวัฒนประภา
สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เเละมูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา ต้องการที่จะสานต่อความตั้งใจของท่านเพื่อเป็นเกียรติเเก่ท่านเเละความดีที่ท่านตั้งใจทำมาเสมอ
ลิซ่า
เดวี่ส์ ผู้อำนวยการแผนกการกุศลโรงพยาบาลเลสเตอร์ เปิดเผยการตั้งชื่อ
หออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตเด็กตามชื่อคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เพื่อเป็นการยกย่อง
และให้เกียรติที่ท่านให้ความช่วยเหลือโรงพยาบาลและชุมชนตลอดมา ด้วยความชื่นชมและความเคารพอย่างที่สุด
ทางโรงพยาบาลจึงได้ตั้งชื่อหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตเด็กเพื่อรำลึกถึงคุณวิชัย ขณะยังมีชีวิตอยู่ได้เชิญคนไข้เด็กไปชมฟุตบอลที่
เอ็กเซ็กคิวทีฟ บ็อกซ์ สนาม
คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม อย่างสม่ำเสมอ จึงไม่สามารถคิดถึงวิธีที่ดีกว่าในการรำลึกถึงมรดกที่ได้มอบไว้จึงใช้ชื่อมาหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตเด็กแห่งใหม่ดังกล่าว
ข่าวที่
2 “คิงเพาเวอร์เปิดมหกรรมสินค้าDisneyลดกว่า50%ถึง5ม.ค.63
คิง
เพาเวอร์ เปิดมหกรรมช้อปสนุกกับ สินค้าขวัญใจเด็ก Disney Hot Sale 50% ในแผนกแฟชั่นลด 50 % เมื่อซื้อสินค้าครบ 2,000
บาทขึ้นไป หรือลงทะเบียนก่อนช้อปรับทันทีคูปองส่วนลด มูลค่ารวม 1,000
บาท เมื่อช้อปสินค้า Disney แผนกนาฬิกา
และสินค้าไทยครบตามเงื่อนไข* ตั้งแต่วันนี้
– 5 ม.ค 2563
หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร ศรีวารี พัทยา
และภูเก็ต
เงื่อนไขรายการ
1.เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ
ตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม ณ จุดขาย 2.ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิก
คิง เพาเวอร์ -ใไม่สามารถ
ใช้ร่วมกับสิทธิ์ Birthday
Celebration, ยอดเงินในบัตรสมาชิก, E-Cash, Cash Card
, Gift Card , Gift Voucher, Cash Voucher รวมถึงคูปองส่วนลดอื่นๆ ยกเว้น
ยอดเงินในบัตรสมาชิกที่ได้รับจากการสมัครบัตรสมาชิก สามารถร่วมรายการ 4.บัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์
กับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย สามารถร่วมรายการ
- ลงทะเบียนก่อนช้อปเพื่อรับคูปองส่วนลดมูลค่ารวม
1.000 บาท (1สิทธิ์/ท่าน/วัน)
-คูปองส่วนลด 200 บาท สำหรับซื้อสินค้าดีสนีย์
แผนกนาฬิกาและสินค้าไทย ตั้งแต่ 700 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
-คูปองส่วนลด 300 บาท สำหรับซื้อสินค้าดีสนีย์
แผนกนาฬิกาและสินค้าไทย ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
-คูปองส่วนลด 500 บาท สำหรับซื้อสินค้าดีสนีย์
แผนกนาฬิกาและสินค้าไทย ตั้งแต่ 1,300 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
ข่าวที่
3 “ททท.ลุยขายWTM2019หวังปี62ปิดจ็อบรายได้กว่า 7.3หมื่นล้านบาท
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
พร้อมด้วย ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
นำเอกชนท่องเที่ยวไทย 42 ราย
เข้าร่วมงานเทรดโชว์ World
Travel Mart 2019 : WTM 2019 ครั้งที่ 39 ณ Excel
London กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร นำเสนอท่องเที่ยวตลาดเมืองรอง
วิถีชีวิตชุมชน และการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมนำเสนอความพร้อมในเวทีงาน
Networking lunch โดยได้มอบรางวัล Responsible Thailand
Awards 2019 ให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย 6 ราย
ที่ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ในโอกาสนี้ ททท.
ได้รับพระกรุณาธิคุณจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี
เสด็จเข้าร่วมงาน
เพื่อเยี่ยมชมคูหาประเทศไทยและพระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ งาน WTM
เป็นงานส่งเสริมการขายที่เปิดโอกาสให้หน่วยานทั้งภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากทั่วโลก
เช่น องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติจากประเทศต่าง ๆ ธุรกิจโรงแรม
บริษัทนำเที่ยว สายการบิน บริษัทรถเช่า และธุรกิจบริการท่องเที่ยวอื่น ๆ
ได้นำเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยว โดยได้ออกแบบ ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน เป็นรูปทรงกลีบบัว
ใช้วัสดุที่ไม่สร้างมลพิษ ชูขาย Open to the New Shades of Thailand ภายใต้แคมเปญ
Amazing Thailand
ขณะที่ภาพรวมตลาดสหราชอาณาจักมาไทยปี 2562
ระหว่างมกราคม-สิงหาคม
มีกว่า 661,793 คน สร้างรายได้ 51,405
ล้านบาท เพิ่ม 3 % แนวโน้มตลอดปี
2562 จะมีนักท่องเที่ยวมาไทยรวม 950,000 คน
สร้างรายได้ 73,620 ล้านบาท เพิ่ม 1.6 % ตลาดหลักเป็นกลุ่ม
1.เยาวชน
2.เที่ยวเชิงอนุรักษ์
3.ฮันนีมูนและแต่งงาน
4.กลุ่มล่องเรือสำราญ
5.นักท่องเที่ยว8%
พักแนว Sharing Economy เช่น Air BNB Housetrip Homeaway โดยจะวางแผนการเดินทางล่วงหน้านานและนิยมแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบ
All Inclusive Package มากขึ้น
ข่าวที่ 4 “ททท.แจกรางวัลวันธรรมดาช็อกโลกเพิ่มเฉียดล้าน”
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว
การท่องเที่ยแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้จัดมหกรรมแจกรางวัลในโครงการ
“วันธรรมดาราคาช็อกโลก” 8.8 เที่ยววันธรรมดา แบบสุขๆ รวมมูลค่ากว่า 900,000 บาท
เปิดปฐมฤกษ์ครั้งที่
1 เมื่อวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2562 ประกอบด้วย
รางวัลที่ 1 รวมมูลค่า 100,500 บาท โดยได้แจกห้องพักหรู เดอะ วิลเลจ โคโคนัท
ไอส์แลนด์ บีช รีสอร์ท The Village Coconut Island Beach Resort 3 วัน 2 คืน
วิลลา 2 ห้องนอน แกรนด์วิลลา หน้าหาดพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว รวมอาหารเช้าสำหรับ 4 ท่าน มูลค่า 65,000 บาท พร้อมตั๋วเครื่องบินโดยสาร ไป-กลับ มูลค่า 40,000 บาท
รางวัลที่ 2-4 เซนศาลา
ริเวอร์พาร์ค รีสอร์ต Zensala Riverpark Resort 3 วัน 2 คืน สำหรับห้องพัก Deluxe
Room พร้อมอาหารเช้า 2 คน มูลค่า รางวัลละ 12,600
บาท
รางวัลที่ 5-8 โอเอซิสสปา Oasis Spa แพ็กเกจ
King
of Oasis Signature Massage สำหรับ 2 ท่าน
มูลค่า
รางวัลละ 9,180 บาท
ในวันศุกร์ต่อไปจะยังคงทยอยแจกแพกเกจมูลค่าละกว่า
50,000
บาทขึ้นไป จึงขอเชิญชวนให้คนไทยเข้ามาลงทะเบียนท่องเที่ยววันธรรมดา
ราคาช็อกโลกกันมาก ๆ
เพราะยังเหลือรางวัลให้ไล่ล่าต่ออีกถึง 7 ครั้ง
ข่าวที่
5 “บางจากชูชีวนวัตกรรมเปลี่ยนโลกหนุนBCGModel”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) กล่าวว่า “กลุ่มบางจากฯ
ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมมาเพิ่มคุณค่าให้กับทรัพยากรธรรมชาติเพื่อสร้างความยั่งยืนมาโดยตลอดพร้อมทั้งยึดแนวการทำธุรกิจภายใต้
BCG Model สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล
โดยมี 3 แนวหลักคือ B (Bio economy) หรือเศรษฐกิจชีวภาพ
มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า C (Circular economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน
คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์มากที่สุด และ G (Green economy)
เศรษฐกิจสีเขียว มุ่งแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
ลดผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน
2562 บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดสัมมนา “SynBio Forum 2019
ชีวนวัตกรรม ศาสตร์เปลี่ยนโลก” ณ สำนักงานใหญ่ บางจากฯ อาคาร เอ็ม ทาวเวอร์
สุขุมวิท เพื่ออัพเดตความก้าวหน้าเทคโนโลยีชีวภาพโลก
สอดคล้องแนวคิดเศรษฐกิจ BCG Model ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน
ผ่านมุมมองจากวิทยากรทั้งภาครัฐและเอกชน จากทั้งไทยและต่างประเทศ
พร้อมจัดแสดงข้อมูลและผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรม SynBio
ทุกปีกลุ่มบางจากฯ จะจัดการสัมมนาประจำปีเพื่อสะท้อนให้สาธารณชนได้เห็นถึงประเด็นด้านสังคมหรือสิ่งแวดล้อมที่ควรตระหนักและร่วมมือกันแก้ไขหรือพัฒนา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาขยะ ภัยแล้งและการจัดการน้ำ จนถึงภาวะโลกร้อน
โดยเมื่อปีที่แล้ว (2561) ได้จัดสัมมนาเรื่องเศรษฐกิจชีวภาพ หรือ Bio Economy
อันเป็นการนำเทคโนโลยีและแนวคิดนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร
ให้เป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงขึ้น
ช่วยพัฒนาต่อยอดการใช้ทรัพยากรชีวภาพรวมถึงวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร
ไปพร้อมกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่โลกเรากำลังเผชิญอยู่
ปี 2562 ได้ชูเรื่องชีวนวัตกรรม Synthetic Biology (SynBio) ซึ่งเป็น
Disruptive Technology หรือเทคโนโลยีที่เปรียบเสมือนเครื่องมือในการออกแบบอนาคต
มีบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมหลายๆ อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การเกษตร พลังงาน
และการแพทย์ ฯลฯ โดย SynBio เป็นการนำนวัตกรรมมาสร้างสิ่งมีชีวิต (Living
Organisms) ด้วยฝีมือของมนุษย์ ไม่ใช่การเกิดโดยธรรมชาติ
ผสานความรู้ทางด้านชีววิทยา เทคโนโลยี และวิศวกรรมเข้าด้วยกัน
เพื่อแก้ปัญหาทรัพยากรโลกและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ
ที่เป็นประโยชน์และยั่งยืนจากสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ
เพื่อลดการใช้วัตถุดิบจากทรัพยากรธรรมชาติ ลดขั้นตอนในกระบวนการผลิต
ลดการปล่อยของเสีย ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดต้นทุน
ข่าวที่ 6 “TCEBใช้งาน UFIดันไทยผู้นำฮับเอ็กซิบิชั่นไมซ์ตลาดโลกปี63โกย2หมื่นล้าน
ทีเส็บปลื้มสมาคมการแสดงสินค้าโลก UFI ระดมสมาชิกทั่วโลกประชุมในไทย
มั่นใจจะยกระดับไทยเป็นผู้นำการจัดแสดงสินค้าของโลก และแนวการตลาด “Exhibition
Redefined; 360๐ Exhibition Success” จะบรรลุเป้ารายได้โดยตรงจากการแสดงสินค้า
2.1 หมื่นล้านบาทในปี 2563
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ
เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติของไทยในปีพ.ศ. 2563
ภายใต้แนวทาง “Exhibition Redefined; 360๐ Exhibition Success” ของ
ทีเส็บ กับการเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าระดับโลก
หรือ The 86th UFI Global Congress ใน กทม. จะเป็น 2 ส่วนสำคัญผลักดันอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าของไทยในเวทีโลก
เพราะจากรายงานอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าของเอเชีย
ประจำปี 2561 ทางสมาคมการแสดงสินค้าโลก
หรือ UFI ระบุว่ารายได้จากการจัดงานแสดงสินค้าของประเทศไทยอยู่ในอันดับสูงสุดในอาเซียน
คิดเป็นเงิน 232.71 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 104
งาน ไทยจึงเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติของอาเซียน โดยมีเป้าหมายที่จะไปสู่ผู้นำในเอเซียต่อไป
ขณะที่สถิติอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติของไทย
ปีงบประมาณ 2562 พบมีสัดส่วนประมาณ 20%
ของอุตสาหกรรมไมซ์
จำนวนนักเดินทางไมซ์กลุ่มตลาดงานแสดงสินค้านานาชาติเดินทางเข้าไทย 264,005 คน
เพิ่มขึ้น 13.20% สร้างรายได้ให้เศรษฐกิจ 20,292
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.93% ในปี 2563
คาดการณ์เป้าหมายจะมีนักเดินทางไมซ์ตลาดงานแสดงสินค้านานาชาติ 277,000 คน สร้างรายได้ 21,100
ล้านบาท
ส่วนแนวทาง “Exhibition
Redefined; 360 Exhibition Success” แบ่งกลยุทธ์เป็น
5 ด้าน คือ
1. การดึงงานใหม่เข้ามาจัดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้น
12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย S curve อาทิ
การบินและโลจิสติกส์ ดิจิทัล บริการสุขภาพแบบองค์รวม ยานยนต์แห่งอนาคต ฯลฯ
2.การเตรียมความพร้อมสู่การเป็นเจ้าภาพการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติด้านการบิน
โดยมุ่งเน้นการดึงงานไมซ์ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการบินเข้ามาจัดในประเทศไทย
3. การเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยในการจัดงานแสดงสินค้าให้มีมาตรฐาน
ร่วมมือกับสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย)
4. การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก อาทิ การเจาะกลุ่มเป้าหมายผ่านกิจกรรม UFI
Asia Pacific Conference Site Trip และ ASEAN Association Meeting
5. การสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้าแบบครบวงจร
ยกระดับมาตรฐานการจัดงานสู่สากล เพิ่มจำนวนผู้ร่วมแสดงงานมุ่งเน้นกลุ่มประเทศจีน
ญี่ปุ่น และไต้หวัน และเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมงานชาวต่างชาติจากกลุ่มประเทศ ASEAN+6
และ CLMV
นายจิรุตถ์กล่าวว่า
การเป็นเจ้าภาพจัดประชุม The 86th UFI Global Congress ระหว่าง
6-9 พฤศจิกายน ที่กรุงเทพมหานคร ครั้งนี้
นับเป็นการประชุมสำคัญที่ใหญ่ที่สุดของ UFI ซึ่งรวบรวมผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติจากทั่วโลกมาร่วมประชุมหารือ
แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ สร้างเครือข่าย
และรับทราบทิศทางรวมถึงเทรนด์ใหม่ของอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ
โดยทีเส็บร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ TEA
สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ TICA สมาคมโรงแรมไทย
และกลุ่มบางกอก ริเวอร์ พาร์ทเนอร์ส ร่วมเป็นเจ้าภาพ
ภายในงานทีเส็บ จัดโซนประเทศไทย (Thai
Town) เป็นโซนพิเศษแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติของไทยและไมซ์ซิตี้
พร้อมจัดสัมมนาเชิงธุรกิจ หัวข้อ “ประเทศไทย”
จุดหมายใหม่แห่งอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าของโลก (Focus on Thailand) ซึ่งเป็นเวทีสร้างความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ
ต่อผู้จัดงานต่างประเทศเพื่อนำงานแสดงสินค้าให้เข้ามาจัดในประเทศไทย
พร้อมกับให้มีเวทีเจราจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมฯไทยและต่างประเทศ (Speed
Dating) โดยมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมเจรจาธุรกิจกว่า 20
ราย รวมทั้งสิ้นกว่า 400 นัดหมาย
การเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุม The
86th UFI Global Congress นอกจากจะส่งผลทางด้านเศรษฐกิจ
โดยประมาณการผู้เข้าร่วมงานประชุมครั้งนี้กว่า 550 คน
จากทั่วโลก 50 ประเทศ สร้างรายได้กว่า 42
ล้านบาท และคาดจะมีธุรกิจ (Business Lead) เกิดขึ้น 20
งาน สร้างรายได้กว่า 135 ล้านบาท ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์
สร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจในไทย และประกาศความพร้อมของกรุงเทพฯ และประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับโลก
ตอกย้ำไทยในฐานะศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในภูมิภาคอาเซียนอย่างชัดเจน
ช่วงที่
2 ได้เวลาไปรับลมหนาวแบบ More Fun
“เมืองจันทบุรี-ระยอง” จากชื่น ชม ชิม สู่ การทำกิจกรรมสนุก ๆ
ร่วมกับชาวเรือนจำเขาไม้แก้ว มีเซอร์ไพรส์หลากหลายรออยู่
แล้วก็ดูแลอาหารข้อต่อ-กลามเนื้อ” ว่าต้องกินอะไรบ้าง สำหรับข่าวร้อนสุด
“ทอท.แถลงการณ์โต้” งานสัมมนาถล่มการสร้างสุวรรณภูมิ เทอมร์มินอล 2 “6สนามบินขอความร่วมมืองดปล่อยโคม” ช่วงลอยกระทง 8-11
พ.ย.นี้ “กรมทางหลวงชนบท” ประดับไฟสวยงาม 13 สะพานในกรุงเทพฯ
ปลุกคนเที่ยว และ “โนโวเทลสุขุมวิท” เท4โปรบุฟเฟต์ราคาถูกสุด
ๆ ส่งท้ายปี
@More
Fun
ชื่นชมชิมจันทบุรีเปิดระยองมุมใหม่เขาไม้แก้ว
ต้อนรับลมหนาวในเมืองรองริมทะเลตะวันออก
“จันทบุรี” กันอีกสักครั้ง กับมหกรรม “ชื่น-ชม-ชิม อาหารถิ่นจันทบูร” สมัยที่สอง
ระหว่าง 8-10 พฤศจิกายน นี้ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน
ตรงกับวันพระราชสมภพพระนางเจ้าสุนันทาสุนารีรัตน์ เน้นธีมความรักระหว่างรัชกาลที่
5 กับพระนางเจ้าสุนันทาสุนารีรัตน์ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวจะได้ชิมเมนูอาหารเด่น
ๆ ย้อนยุครัชกาลที่ 5 ผ่านภาพจำที่สวยงามผ่านหอจดหมายเหตุแห่งชาติจันทบูร ใช้ความเด่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม
เพียงแค่ตกแต่งบรรยากาศเพิ่มด้านหน้าแล้วนำอาหารย้อนยุค อาหารถิ่น อาหารอร่อย
ของจันทบุรี มาวางจำหน่าย เชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานตลอด 3 วัน ภายในพื้นที่ยังได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ชุมชนชาวญวน
และคนท้องถิ่นผู้นับถือศาสนาคริสต์ มีวิถีชีวิตสงบ
จากนั้นห้ามพลาด !! มาร่วมฉลองคริสต์มาสกับชาวคริสต์ที่มารวมตัวกันทำพิธีสำคัญ
วันที่ 24-25 ธันวาคม 2562 มีโบสถ์งดงาม
จันทบุรี
มีแหล่งท่องเที่ยวให้เลือกชีลอีกหลายแห่ง แนะนำให้ลองไป “น้ำตกพลิ้ว” รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จพระพาสเมืองจันทบุรีถึง
12 ครั้ง
โดยเสด็จมาพักผ่อนบริเวณน้ำตกพลิ้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน
พระองค์ทรงพึงพระราชหฤทัยมากที่สุดช่วงจุลศักราช1236 เมื่อครั้งเสด็จพร้อมพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
เมื่อไปถึงแล้วสามารถเดินชม อลงกรณ์เจดีย์ และปิรามิดสุนันทาเสาวรีย์ได้
ส่วนจุดเช็คอินมื้อกลางวัน
ลองชิม “ร้านหอยทอดนายเล็ก” เสร็จแล้วมองหาร้านกาแฟเก๋ ๆ พักค้างสักคืนที่ “บลู
แรบบิท”
เช้าวันที่สอง รุ่งเช้านั่งรถต่อไป “ระยอง”
ชวนกันไปชม “เรือนจำชั่วคราวเขาไม้แก้ว” มีกิจกรรมสาธิตตามฐานไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว
ให้ได้ชมวิชาชีพปศุสัตว์ การทำประมงน้ำจืด ทำเกษตรอินทรีย์ ปลูกผักปลอดสารพิษ
และศาสตร์พระราชา ตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ 1 ไร่ 1 แสน พอเที่ยงมีร้านอาหารในโครงการชื่อว่า
“เขาไม้แก้ว คาเฟ่” สารพัดเมนูอร่อยเลือกได้ตามชอบ
ช่วงบ่ายไปเที่ยวต่อยัง “วัดละหารไร่”
สักการะเกจิดังหลวงปู่ทิม ตามไปด้วยไปสำรวจ “Rayong Smile Plant” แหล่งเพาะพันธ์หม้อข้าวหม้อแกงลิง
ติดอันดับต้น ๆ ของโลก เมื่อเข้าไปถึงจะได้ชมความอลังการของสวนหม้อข้าวหม้อแกงลิง
แล้วยังจะได้ชิมเมนูส้มตำ ยำ ทอด หม้อข้าวหม้อแกงลิง แปลกรสชาติอร่อยสุด ๆ
หนึบนุ่มกรอบรสชาติคล้ายเนื้อปลาหมึกมาก ๆ
วันที่สาม ก่อนกลับกรุงเทพฯ
เที่ยวต่ออีกสักนิด ทดสอบพลังขาด้วยการปีน “หอชมวิวเฉลิมพระเกียรติ
ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศน์ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ” สูงสุดในระยองประมาณ 22 เมตร
เมื่อขึ้นไปยืนบริเวณด้านบนสุดมองลงมาจะเห็นป่าชายเลนทั้งผืน กับชายหาดแหลมเจริญ
อีกทั้งยังบริเวณนี้เป็นปากน้ำระยองที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวมี “บ้านหอยพอก”
สร้างด้วยคอกไม้ไผ่ล้อมไว้บนดิน เป็นแหล่งพักพิงขยายพันธุ์ธรรมชาติของเหล่า ปูแสม
ปูหนุมาน ปูทะเล ปลาชนิดต่างๆ เป็นวงจรระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์หาชมได้ยาก
แล้วก็แวะชิมมื้อกลางวันในร้าน
“ครัวบ้านบ้าน บาย เชฟ จำลอง” ซึ่งได้รับการการันตีจากรายการ มาสเตอร์ เชฟ
ไทยแลนด์ ซีซัน 1 ลองสั่งเมนูยอดฮิต
ไข่ตุ๋นหม้อไฟทะเล ยำทะเลวาซาบิ และอื่น ๆ อีกเพียบ
หนาวนี้ชวนกันมา
More Fun &
Fin กันที่ “จันทบุรี” กับ “ระยอง
มีความสนุกรออยู่ทุกวัน ทุกเวลา
@มาทำความรู้จักกับอาหารบำรุงกระดูกและข้อต่อกันเถอะ
นอกจากการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กระดูก
ข้อต่อและกล้ามเนื้อ อาหารก็เป็นสิ่งเติมเต็มและเสริมสร้างให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
กระดูก : ออกกำลังกายเป็นประจำร่วมกับการกินอาหารที่มีแคลเซียม
เช่น นมวัว โยเกิร์ตธรรมชาติ ชีส เต้าหู้ถั่วเหลืองชนิดแข็ง งาดำและผักต่าง ๆ เช่น
ผักแพว สะเดา ใบขี้เหล็ก คะน้า
ข้อต่อ : ควรควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์
ออกกำลังกายตามความเหมาะสมของตัวเอง (ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ) กินอาหารที่มีวิตามินและโปรตีนเป็นประจำ
กล้ามเนื้อ : โปรตีน เช่น
เนื้อสัตว์ทุกชนิด นม ไข่ ถั่ว เต้าหู้ อาหารมื้อหลักควรมีเมนูเนื้อสัตว์ ไข่
หรือเต้าหู้ ไม่ควรปรุงอาหารด้วยน้ำมันมากเกินไป
วิตามินบี เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืชต่าง ๆ
เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ขาไก่ ผักสีเขียวเข้ม
ธาตุเหล็ก เช่น เนื้อหมู วัว
เครื่องในสัตว์ เลือดสัตว์ (ควรทำให้สุก) ผักบางชนิด เช่น ผักแว่น ผักกูด
ใบขี้เหล็ก มะเขือเปาะ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
“ทอท.ออกแถลงการณ์โต้งานสัมมนาถล่มสุวรรณภูมิเทอร์มินัล2”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
“ทอท.” ได้ออกแถลงการณ์ด่วน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 โต้ตอบการเตรียมจัดสัมมนาของคณะกรรมการจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติ
วันที่ 14 พฤศจิกายน
2562 ที่จะใช้หัวข้อ
“เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ ‘หายนะ’ สุวรรณภูมิ?”
ในแถลงการณ์ ทอท.ระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวต่อสาธารณชนว่า
คณะกรรมการจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2562 ขอเชิญประชาชนเข้าร่วมฟังการเสวนาเรื่อง
“เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ ‘หายนะ’ สุวรรณภูมิ?” ในวันที่
14 พฤศจิกายน 2562 ณ อิมแพคฟอรัม เมืองทองธานี
โดยเนื้อข่าวมีการกล่าวหาว่า บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) มิได้พัฒนาสนามบินตามแผนแม่บทหลักเดิม
และวางแผนที่จะก่อสร้างเทอร์มินัล 2
เป็นอาคารแปะอยู่ในตำแหน่งนอกแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้
การจัดเสวนาดังกล่าว จะดำเนินการโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม
จาก 12 องค์กรวิชาชีพ รวมทั้งมีการให้ข่าวว่าการดำเนินงานดังกล่าวของ
ทอท.จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจจนถึงทำลายระบบโลจิสติกส์ทางอากาศของโลก
ทอท. ขอชี้แจงว่า
โครงการก่อสร้างอาคารดังกล่าว มิได้เป็นการตัดแปะหรืออยู่นอกแผนแม่บทตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
แต่อาคารดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ ICAO ระบุว่าเป็นพื้นที่สำหรับทำการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารได้
(Area reserved for optional terminal) รวมถึงการออกแบบการพัฒนาสนามบินของ
ทอท. นั้น ทอท. ได้ใช้บุคลากรสถาปนิกและวิศวกรที่มีความรู้ความสามารถ
ผ่านการศึกษาและอบรมหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน เช่น Airport Master
Planning, Airport Terminal Planning and Design, Airport Engineering และ
Airport Development and Infrastructure Design จากสถาบันที่เกี่ยวข้องทางด้านการบินโดยตรง
ทั้ง ICAO, IATA, ACI, SAA เป็นต้น
และที่สำคัญ
ทอท.ได้ร่วมหารือแลกเปลี่ยน รับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานผู้เกี่ยวข้อง เช่น
สายการบิน ผู้ประกอบการและผู้ให้บริการ โดยมีคณะกรรมการที่ปรึกษาท่าอากาศยาน (ACC)
ซึ่งประกอบด้วย IATA, AOC และ BAR ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ
และมีประสบการณ์ทั้งในเรื่องการวางแผน
การออกแบบและการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน เพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพ
รองรับบริบทการบินในปัจจุบัน สอดคล้องกับการใช้งานและความต้องการ การให้บริการ
รวมทั้งมีแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
โดยมุ่งเน้นเพื่อเพิ่มระดับความพึงพอใจ
สร้างประสบการณ์และความประทับใจให้แก่ผู้โดยสาร
อันจะนำมาเพื่อประโยชน์ของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศ
นอกจากนี้ ยังได้มีการประชุม วางแผน ศึกษาข้อมูล
และหารือร่วมกับหน่วยงานที่กำกับดูแลระบบคมนาคมขนส่งโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ เช่น
สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน
กระทรวงคมนาคม เป็นต้น
เพื่อตรวจสอบการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งโดยรอบสนามบิน
และเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศไทย
อีกทั้งการดำเนินงานของ ทอท. ได้มีการกำกับมาตรฐานสนามบิน จากหน่วยงานสากลของโลก
ทั้ง IATA และ ICAO
งานพัฒนาสนามบินเป็นงานออกแบบวางผัง
การใช้ประโยชน์ที่ดินที่มีอยู่ให้ได้ประโยชน์สูงสุดโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ รอบด้าน
เป็นวิชาชีพที่ต้องทำภายใต้กฎระเบียบและมาตรฐาน
ที่มีหน่วยงานสากลและหน่วยงานภาครัฐกำกับ
โดย ทอท.
พร้อมชี้แจงและให้ข้อมูลทางวิชาการต่อหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ
และสภาสถาปนิก
ทั้งนี้ หากมีการให้ข่าวหรือดำเนินการใดๆ
ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของ ทอท.
ทอท.ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
โดยหมายเหตุท้ายแถลงการณ์
ด้วยรายชื่อองค์กรการบินชั้นนำ 5
องค์กร ประกอบด้วย 1.องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International
Civil Aviation Organization : ICAO) 2.สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ
(International Air Transport Association : IATA) 3.สภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (Airports
Council International : ACI) Singapore
Aviation Academy (SAA) 4.คณะกรรมการที่ปรึกษาท่าอากาศยาน
(Airport Consultative Committee: ACC) 5.คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Airline
Operators Committee : AOC)
Board of Airline Representatives Business Association (BAR)
@6สนามบินอินเตอร์ขอทุกฝ่ายงดปล่อยโคมลอยกระทง8-11พ.ย.นี้
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”กล่าวว่า
ช่วงเทศกาลลอยกระทง 10 – 12 พฤศจิกายน 2562 ขอความร่วมมือประชาชนงด
หรือหลีกเลี่ยงการปล่อยโคมลอย โคมควัน ดอกไม้ไฟ แสงเลเซอร์ อากาศยานไร้คนขับ (Drone)
ขึ้นสู่ท้องฟ้าในช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2562 บริเวณสนามบินที่ดูแล 6
แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่
หาดใหญ่ และแม่ฟ้าหลวง เชียงราย โดยได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารและเครื่องบินระหว่างทำการบิน
รวมทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงขอความร่วมมือประชาชนระมัดระวัง
หรือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการปล่อยวัตถุอันตรายขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ
พ.ศ. 2497 มาตรา 59/1 และ 59/2
นายนิตินัย กล่าวว่าเบื้องต้นมีสายการบินแจ้งขอยกเลิกและปรับเปลี่ยนเวลาการบิน
ณ ท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท.ในช่วงเทศกาลลอยกระทง 10 – 12 พฤศจิกายน 2562 ประมาณ
160 เที่ยว แบ่งเป็น เชียงใหม่ 150 เที่ยว เชียงราย 10 เที่ยวบิน ส่วนดอนเมือง
สุวรรณภูมิ หาดใหญ่ ยังคงบินตามปกติ
ทั้งนี้ ทอท.เชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมอนุรักษ์ประเพณีที่งดงาม
สืบสานประเพณีลอยกระทง ภายในอาคารผู้โดยสารทั้ง 6 สนามบินด้วย โดยมีกิจกรรม 1.ประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติ
2.ลอยกระทง
3.ประกวดนางนพมาศ 4.เดินแห่ขบวนกลองยาว
5.มอบกระทงที่ทำจากขนมปังให้แก่ผู้โดยสาร
และซุ้มถ่ายภาพ
@ทช.ประดับไฟสวยงาม13สะพานกทม.ชวนเที่ยวลอยกระทง
นายปฐม เฉลยวาเรศ
รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า
ประเพณีลอยกระทงปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562
โดยในส่วนของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้ร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามของไทย โดยจัดให้มีการเปิดไฟประดับสะพานบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่กรุงเทพฯ
และปริมณฑลที่อยู่ในความดูแลของกรม จำนวน 13 แห่ง ได้แก่
สะพานพระราม 3 สะพานพระราม 4
สะพานพระราม 5 สะพานพระราม 7 สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
สะพานพระพุทธยอดฟ้า สะพานพระปกเกล้า สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สะพานกรุงธน
สะพานกรุงเทพ สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 (Bhumibol 2
Bridge)
นักท่องเที่ยวและประชาชนจะได้สัมผัสความงดงามของบรรยากาศบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา
ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศได้อีกทาง แต่ละวันจะเริ่มทำการเปิดไฟประดับ
ช่วง18.00 น.- 24.00 น.
สามารถร่วมชมทัศนียภาพความสวยงามของสะพานได้ตามและเวลาดังกล่าว
@โนโวเทลสุขุมวิทเทขายบุฟเฟต์4โปรโมชั่นส่งท้ายปี’62
โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สุขุมวิท 20
จัดโปรโมชั่นส่งท้ายปีเฉพาะงาน ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 53 ที่ บูธ D01
อิมแพ็ค เมืองทองธานีวันนี้ - 10 พ.ย. 62 ประกอบด้วย 1.บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติมื้อกลางวัน
จันทร์-ศุกร์ เหลือเพียง 450 บาทสุทธิ (จากปกติ 750 บาท) 2.บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติมื้อกลางวัน
เสาร์-อาทิตย์ เหลือ600 บาทสุทธิ (จากปกติ 999 บาท) 3.คริสต์มาส
บรั้นซ์ บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน 12.00-14.30 น. 25 ธันวาคม นี้ ราคาเพียง 799 บาท
4.นิวเยียร์อีฟ ดินเนอร์ บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำ 18.30-22.30 น.
คืนส่งท้ายปีเก่า 31 ธันวาคม 2562 ราคาเพียง 899 บาทสุทธิ (จากปกติ 1,200 บาท
5.ค็อกเทล 5 แก้ว ราคาเพียง 900 บาทสุทธิ (จากปกติ 1,500 บาท)
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM
97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น