ทอท.โชว์แผนรับมือ6สนามบิน3ปีหน้าโกยเงินเชิงพาณิชย์
เร่งประมูลดิวตี้ฟรี-ฮับคาร์โก้-ซิตี้แอร์พอรต์-ไอทีสุดไฮเทค
คิงเพาเวอร์เปิดแล้วมหกรรมสินค้าดิสนีย์ราคาเซฟลด50%
สมัครบัตรสมาชิกคิงเพาเวอร์รับส่วนลดONTOPสูงถึง15%
วันธรรมดาช็อกโลแรงไม่หยุดลด80%แจกแพกเกจบาทเดียว
บางจากยัน9เดือนแรกปี’62ธุรกิจสดใสกำไร1,600ล้านบาท
ผู้นำUFIประสานเสียงไทยผู้นำเอเชียฮับเอ็กซิบิชั่นไมซ์โลก
ชีพจรลงเซาท์ปักหมุดสิมิลันเทศกาลมันส์ภูเก็ตกินเกาะสมุย
หันมาช่วยกันป้องกันโรคตาแห้งที่พบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ
สวนสามพรานผุดมุมท่องเที่ยวใหม่“ปฐมออแกนิกวิลเลจ”
บางกอกแอร์เทโปรตั๋วใน-นอกแถมไมล์แลกบริการรถรับส่ง
เข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวัน 2562
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
#รวยด้วยข่าว97 #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาราคาช็อกโลก #100เดียวเที่ยวทั่วไทย #
# # #
ช่วงที่
1
เจาะลึก “ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย
จำกัด (มหาชน) “ทอท.” โชว์แผนรับมือธุรกิจ 6 สนามบิน 3 ปีหน้า
จัดทัพใหญ่หารายได้ค้ำยันบริษัทจ่อทำกำไรก้าวกระโดดปี’64 ทุ่มเดินหน้ากิจกรรมเชิงพาณิชย์
4 ส่วน
“ประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรี-ผุดฮับคาร์โก้-จัดระเบียบ City Airport
-โหมลงทุนระบบไอทีสร้างสนามบินที่มีชีวิต” คู่ขนานการลุยขยายดอนเมืองใหม่
ย้ายอาคารระหว่างประเทศ เปิดสนามบินแห่งที่ 2 เชียงใหม่และภูเก็ต
20 พ.ย.นี้
ชงบอร์ดขานรับนโยบายรัฐบาลลดค่า Landing Fee 50 % ดึงเที่ยวบินเช่าเหมาขนนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาใช้เงินในไทย และได้อานิสงจากแอร์ไลน์สปรับตัวลดเที่ยวบินหันใช้เครื่องขนาดใหญ่
เพิ่มปริมาณผู้โดยสาร หนุนการจัดเก็บรายได้ PSC ตลาดอินเตอร์พุ่ง
ดร.นิตินัย
ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า แผนงานขยายสนามบินแห่งที่
2 ของ
ทอท.ในเชียงใหม่และภูเก็ต ได้เร่งดำเนินการรวม 3 ขั้นตอน
ประกอบด้วย 1.การนำเสนอเอกสารไปยังกระทรวงคมนาคม
โดยได้ส่งไปก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลปัจจุบัน 2.การได้มาซึ่งที่ดินของทั้งเชียงใหม่
3.การก่อสร้างแต่ละสนามบินจะใช้เวลาประมาณ
4 ปี
ขณะนี้แผนงานยังคงอยู่ในขั้นตอนที่
1 ทางกระทรวงคมนาคมกำลังพิจารณาเอกสาร
โดยคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ไปเมื่อหลายเดือนก่อน คาดจะได้ข้อสรุปชัดเจนภายในเร็ว ๆ
นี้ จากนั้นจะนำเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 การรวบรวมที่ดินภาคเหนือ สนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 จะอยู่บริเวณอำเภอบ้านธิ
จังหวัดลำพูน ค่อนข้างยากเล็กน้อย เพราะมีโฉนดกว่า 5,000 แปลง
เป็นของวัดบ้าง ชุมชนบ้าง อาจจะต้องเข้าสู่พระราชบัญญัติเวนคืน ส่วนภาคใต้
สนามบินภูเก็ตแห่งที่ 2 จะอยู่บริเวณอำเภอโคกกลอย
จังหวัดพังงา
ค่อนข้างทำได้ง่ายกว่าเพราะโฉนดที่ดินประมาณครึ่งหนึ่งเป็นของอุทยานเสื่อมโทรม
ต้องดำเนินการตามกระบวนการรัฐ
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของเอกชนก็สามารถซื้อขายได้ตามปกติ
ขณะนี้ขีดความสามารถการรองรับของสนามบินเชียงใหม่
ภูเก็ต ต้องยอมรับว่าปริมาณผู้โดยสารเข้าออกเกินศักยภาพการรองรับของทั้ง 2 สนามบินไปมากแล้ว
โดยภาพรวม ทอท.ดูแล 6 สนามบิน
ผู้โดยสารแต่ละปีเกินขีดความสามารถการรองรับแล้ว
คงมีเฉพาะสนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงรายแห่งเดียวเท่านั้นที่ไม่เกินขีดความสามารถทางการรองรับปริมาณผู้โดยสารแต่ละปี
เมื่อปี 2561 มีผู้ใช้บริการ
2.95 ล้านคน
จากพื้นที่รับได้ถึง 3 ล้านคน/ปี
“สนามบินเชียงใหม่” รับได้ปีละ 8 ล้านคน ตอนนี้มีผู้ใช้เกินกว่า 12 ล้านคน
“ภูเก็ต” รับได้ 12 ล้านคน
ตอนนี้มีผู้ใช้กว่า 18
ล้านคน กว่าจะสร้างสนามบินแห่งที่สองแล้วเสร็จจำนวนผู้โดยสารคงจะไปไกลกว่านี้
ทอท.จึงต้องวางแผนบริหารจัดการแต่ละสนามบินให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจนล้นมากขึ้นเกือบทุกปี
ดร.นิตินัยกล่าวว่าตอนนี้
“สนามบินดอนเมือง” ก็เดินหน้าเปิดให้เอกชนซื้อซองร่วมประมูลโครงการประกอบกิจการบริหารพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร
สนามบินดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2562
ผู้สนใจจะเป็นกลุ่มเดิม ๆ
แต่การแข่งขันจะไม่ดุเดือดเหมือนตอนเปิดประมูลดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิและ 4 สนามบินภูมิภาค
เพราะเอกชนเริ่มหันไปสนใจการประมูลโครงการพื้นที่จุดส่งมอบสินค้าในดอนเมือง หรือ Pick
Up Counter
กำลังจะเปิดประมูลภายในธันวาคม 2562 เพื่อการลงทุนเปิดร้านดิวตี้ฟรีในเมืองหรือ
Duty Free Downtown แล้วนำสินค้ามาส่งมอบให้ลูกค้า ณ
บริเวณขาออกสนามบินดอนเมือง
ส่วนพื้นที่ประกอบกิจการโครงการร้านค้าดิวตี้ฟรีดอนเมืองตามสัญญาใหม่ในอนาคตอีก
10 ปี 6 เดือน
โครงสร้างพื้นที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามการลงทุนของ ทอท.แบ่งเป็น 2 ส่วน ปัจจุบัน ส่วนที่1 เป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ
ส่วนที่ 2 อาคารผู้โดยสารในประเทศ
ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาปริมาณผู้โดยสารในประเทศแทบจะไม่เติบโตเนื่องจากประชากรไทยมีเพียง
65 ล้านคน
อาจจะโตไม่ได้มาก
ในอนาคต
ทอท.จะสลับพื้นที่อาคารผู้โดยในประเทศไปไว้ตรงอาคาร 1 แล้วย้ายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศไปไว้บริเวณอาคาร
2 แทน
จากนั้นก็จะขยายการลงทุนจากอาคาร 2 เป็นหลักไล่ลงมาทางใต้
โดยมีอาคารเพิ่มขึ้นเพื่อให้เพียงพอกับปริมาณผู้โดยสาร
ดังนั้นในอนาคตพื้นที่จำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีก็จะต้องย้ายตามอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศจากโซนทางเหนือไปอยู่โซนทางใต้
จึงมีพื้นที่เพิ่มขึ้นพอสมควรเกือบ 1 เท่า
พร้อมกับเปลี่ยนโลเกชั่นมาอยู่ในโซนใหม่ด้วย ส่วนอื่น ๆ ก็จะเป็นไปตามทีโออาร์
โดยในช่วงแรกหากผู้ชนะการประมูลโครงการประกอบกิจการบริหารพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร
สนามบินดอนเมือง ช่วงแรกจะต้องใช้พื้นที่อาคารเดิมไปพลาง
ๆ ก่อน
ส่วนการพัฒนาเทคโนโลยีสนามบินผนวกเข้ากับการสร้างความยั่งยืนตามนโยบายของ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นั้น
ดร.นิตินัยกล่าวว่า
ได้แบ่งแผนพัฒนาสนามบินออกเป็น 3 S-CURVE
ประกอบด้วย S-CURVE ที่ 1 กำลังหมดลงแล้วเพราะตอนนี้ทั้ง 6 สนามบิน
ทอท.มีปริมาณผู้โดยสารแต่ละปีเต็มขีดความสามารถทางการรองรับแล้ว เกินศักยภาพไปทั้งหมด
และกว่าจะขยายสนามบินแต่ละแห่งอีกรอบก็จะเป็นปี 2563-2566 เข้าสู่ยุค S-CURVE ที่ 2 เริ่มจาก
2563 สนามบินสุวรรณภูมิ จะเริ่มเปิดอาคาร
Satlellite Terminal จากนั้นสนามบินต่าง
ๆ ก็ค่อย ๆ ทยอยเปิด แต่ระหว่างปีนี้ไปจนถึงปี 2566 ปริมาณผู้โดยสารยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปีมากกว่าขีดความสามารถทางการรองรับ
ทอท.จึงได้แต่หวังว่าการเติบโตจะไม่ก้าวกระโดดเหมือนเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา เพราะ Slot การบินเต็มมากจริง ๆ ระหว่าง 2-3 ปีหน้านี้จึงต้องวางแผนหารายได้จากกิจการเชิงพาณิชย์
(Non Aero)
ที่ไม่ได้มาจากการบินโดยตรง (Aero)
โดยได้เตรียมการล่วงหน้าเพื่อสร้างรายได้ค้ำยันไว้ตลอดช่วง S-CURVE ที่ 2
โดยจะต้องหารายได้มาค้ำยันบริษัทไว้ในช่วง
S-CURVE ที่ 2 มูลค่าตามปีงบประมาณ 2561 ทำกำไรไว้ประมาณ 25,000 ล้านบาท ปี 2562 สถานการณ์รายได้และกำไรก็ยังคงจะทรง ๆ ปี 2563
ก็เช่นเดียวกัน
จะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นบ้าง เพราะยังไม่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ พอปี 2564
เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการร้านค้าดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ
ซึ่งกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้ชนะ เสนอให้ปีละ 24,000 ล้านบาทขึ้นไป
ก่อนเข้าสู่สัญญาจะมีรายได้เข้ามาก่อนประมาณ 8,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่ากำไร
ทอท.จะก้าวกระโดดอีกราว 14,000 ล้านบาท
กรณีสัมปทานจะไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย คงมีเพียงภาษีเท่านั้น
ระหว่างนี้
ทอท.จึงเตรียมพร้อมเข้าสู่ S-CURVE ที่ 2
ด้วยการลงมือทำ 4 โปรเจ็กต์หลัก ได้แก่ 1.เปิดประมูลโครงการบริหารพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ
และ 3 สนามบินภูมิภาคเสร็จเรียบร้อยแล้ว
รายได้จะเริ่มเห็นผลเดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นไป
2.การจัดระบบ Cirtifly Hub
Cargo
ด้านบริการขนส่งสินค้าทางอากาศเจาะตลาดโลกปลายปี 2562 ต้นปี 2563 จะตั้งบริษัทลูกดำเนินกิจการคาร์โก้ 3.Airport
City การปลดล็อกต่าง
ๆ ตามมาตรฐานสากล 4.การลงทุนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาให้บริการผู้โดยสารและพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง
โดยได้เปิดตัว Application เวอร์ชั่นที่
1 ไปเมื่อเดือนสิงหาคม
2562 ตามคอนเซ็ปต์
“สนามบินที่มีชีวิต” ปกติสนามบินมีระบบไอทีอยู่จำนวนมากแล้วทำหน้าที่โดยอัตโนมัติ
แต่ตอนนี้ระบบไอทีได้เปลี่ยนมาคุยกับผู้โดยสารได้แล้ว
โดยสามารถบอกถึงปริมาณการรองรับแต่ละส่วน เช่น ลานจอดรถ
การเข้าคิวเช็คอินตามเคาน์เตอร์สายการบิน สัมภาระกระเป๋าเดินทางบนสายพานถึงจุดใดแล้ว
หรือเวลาที่เหลือก่อนขึ้นเครื่องบิน
แต่ Application
เวอร์ชั่น 1 อาจจะยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์
จึงต้องนำไปคุยต่อกับกลุ่มเครือข่ายสนามบินพี่น้องหรือ Sister Airport ทั่วโลก 15 สนามบิน เพื่อร่วมกันทั้งในส่วน 1.การให้บริการ และ 2.เชิงพาณิชย์
สำหรับเวอร์ชั่น
2 จะต้องพัฒนาระบบไอทีเชื่อมต่อกับผู้ประกอบการในสนามบิน
เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ที่ผู้โดยสารสามารถใช้ Application สั่งเมนูล่วงหน้าก่อนถึงสนามบินได้
เป็นบริการเชิงพาณิชย์
ระบบไอที
Application
เทรนด์ใหม่ที่นำมาให้ใช้ทั้ง 2 ส่วน
คือบริการกับเชิงพาณิชย์นั้น สนามบินสุวรรณภูมิของไทยจะต้องเชื่อมโยงกับ Sister
Airport ทั่วโลกได้ด้วย
แต่ขณะนี้สนามบินในภูมิภาคเอเชียจะพร้อมในส่วนไอทีแถบญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน
จะพร้อมด้านเชิงพาณิชย์ เช่นการสั่งเมนูอาหาร ส่วนสนามบินยุโรปจะพร้อมด้านบริการ
เช่น ไปรับกระเป๋าที่สายพานใดบ้าง
ต่อไปในอนาคตเมื่อผู้โดยสารไปถึงสนามบินของ
ทอท.ก็จะได้เห็นโลกการเดินทาง 2 ยุค
นั่นคือ ยุคเก่า มีจอมอนิเตอร์เที่ยวบินให้ตรวจสอบตามปกติ
มีป้ายบอกทางไปยังส่วนต่างๆ และยุคใหม่
จะเป็นสนามบินในโลกเสมือนจริง ผู้โดยสารแทบไม่ต้องทำอะไร แค่ใช้ Application
แจ้งเตือนทุกเรื่องได้อย่างสมบูรณ์
เทคโนโลยีเหล่านี้จะเริ่มใช้งานแบบ Full Function ได้ในช่วงต้อนรับปีใหม่ 2563 เป็นต้นไป
เพื่อรับมือกับคลื่นมหาชนคนเดินทางช่วงเทศกาลใหญ่อย่าง ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์
จึงต้องทำให้เรียบร้อยก่อนการเดินทางหนาแน่น
ดร.นิตินัยกล่าวว่าขณะนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงตารางบินฤดูหนาวเริ่มเมื่อ
27 ตุลาคม
2562 ใกล้เคียงกับการเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่
2563 ของ
ทอท.ตั้งแต่ 1 ตุลาคม
2562
ตอนนี้มีสถิติตั้งแต่ 1 ตุลาคม
– 5
พฤศจิกายน 2562 มีปริมาณผู้โดยสารเติบโต
5.5 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมาโตเพียง
1.7 %
ปัจจัยส่งผลบวกให้ผู้โดยสารปีนี้โตจากสายการบินปรับตัวมากกว่าเพราะเที่ยวบินเพิ่มเป็น
0 % เพราะ Solt การบินเต็มเครื่องบินลงมากกว่านี้ไม่ได้
แต่สายการบินปรับตัวดังนี้
1.ใช้เครื่องบินลำใหญ่บรรทุกผู้โดยสารแต่ละเที่ยวได้มากขึ้น
2.ทำโปรโมชั่นลดราคาตั๋วโดยสารจูงใจให้คนหันมาซื้อในช่วงนอกฤดูสูงขึ้นก็ทำให้อัตราบรรทุกเฉลี่ย
(Load Facter)
เพิ่มขึ้น ถึงแม้สถานการณ์ ผู้โดยสารบินในประเทศจะโตติดลบ 1.8 % แต่ผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศโตถึง
11.3 %
เป็นภาพที่เห็นมาตั้งแต่ปี 2561 มาจนถึงปัจจุบัน โดยได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวจีนเริ่มฟื้นตัวกลับมา
รวมถึงอินเดียด้วย แต่ธีมยังเหมือนเดิมคือ สนามบินเต็ม เที่ยวบินลงไม่ค่อยได้
จึงทำให้สายการบินต้องเปลี่ยนกลยุทธ์โดยไม่เพิ่มปริมาณเที่ยวบิน
แต่หันไปใช้เครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้น อัตราบรรทุกผู้โดยสารมากขึ้น เส้นทางบินระหว่างประเทศ
เมื่อปริมาณผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มถึง
11.3 % ก็ส่งผลทำให้ฐานะทางการเงิน
ทอท.ยังแข็งแกร่ง เพราะรายได้โดยตรงจากการบินคือค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร Passenger Service Charge : PSC
ที่เก็บคนละ 700 บาท
มีมูลค่าสูงตามไปด้วย แตกต่างจากผู้โดยสารในประเทศเก็บเพียงคนละ 100 บาท
ตอกย้ำถึงสถานะทางการเงินของ ทอท.ยังสดใส
ดร.นิตินัยกล่าวว่า
เตรียมเดินหน้านโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เรื่องการลดค่าธรรมเนียมให้ผู้ประกอบการเที่ยวบินเช่าเหมาลำต่างประเทศ (charter flight)
โดยจะนำเสนอที่ประชุมบอร์ด ทอท.วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 เพื่อลดค่า
Landing Fee ลง 50 % จะไม่กระทบต่อรายได้
ทอท.ลดลง เพราะจะรณรงค์ให้มาขึ้น-ลง ตาม Slot ช่วงที่ว่างช่วยเพิ่มรายได้อีกช่องทาง
และยังช่วยกระตุ้นท่องเที่ยวของประเทศและผู้โดยสาร ทอท.ด้วย
ดังนั้นจึงเตรียมเพิ่มพนักงานเพื่อให้บริการผู้ใช้สนามบินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ไม่ใช่จะคำนึงถึงแต่เรื่องของการหารายได้เพียงอย่างเดียว
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ปลุกสมาชิกบัตรรับทันทีออนท็อป15%”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เชิญชวนสมัครสมาชิกบัตร
คิง เพาเวอร์ รับทันทีคูปอง ON-TOP 10% พิเศษเฉพาะเดือนพฤศจิกายน 2562 ลดทันทีสูงสุด
15% พิเศษรับเพิ่ม
! คูปองใช้เป็นส่วนลด ON-TOP 10% เมื่อสมัครสมาชิก SCARLET หรือ
ONYX ระหว่างวันนี้
– 30 พฤศจิกายน 2562
ด้วยเงื่อนไข 1.คูปองนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับแผนกน้ำหอม
และเครื่องสำอาง 2.ส่วนลดสมาชิก คิง เพาเวอร์ และคูปองส่วนลด ON-TOP
10% สามารถรับส่วนลดได้ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา
และเฉพาะแบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ ส่วนลดสมาชิก
คิง เพาเวอร์ และคูปองส่วนลด ON-TOP 10% ไม่สามารถแลกคืน หรือทอนเป็นเงินสด
3.คูปองส่วนลด ON-TOP 10% ไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการ Birthday
celebration, Gift voucher, Cash voucher, ยอดเงินในบัตรสมาชิก, E-cash,
Cash card, Gift card, คูปองส่วนลดทุกประเภท
ยกเว้นยอดเงินในบัตรสมาชิกที่ได้รับจากการสมัครสมาชิก และ 4.สมาชิก คิง เพาเวอร์ สามารถสะสมยอดซื้อ
และกะรัตได้ตลอดระยะเวลา 2 ปี
ข่าวที่ 2 ช้อปคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ-ดอนเมืองลด20%ทันทีด้วยบัตรSCB
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนช้อปคุ้ม
ก่อนบิน ลดทันที 20% สมาชิก คิง เพาเวอร์ ลดทันที 20% เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิตไทยพาณิชย์
SCB ครบ
30,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ ระหว่างวันนี้– 31
ธ.ค. 2562 ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
และดอนเมือง
ด้วยกติกาง่าย
ๆ ดังนี้ 1.เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ
ตรวจสอบเพิ่มเติมได้ ณ จุดขาย 2.ยอดซื้อที่เกิดจากแผนกเหล้า บุหรี่
น้ำหอม และเครื่องสำอาง ไม่สามารถร่วมรายการ 3.ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิก,
รวมถึงสิทธิ์ Birthday Celebration, บัตรส่วนลดอื่นๆ
ยอดเงินในบัตรสมาชิก, E-Cash, Gift Voucher, Cash Voucher, Cash Card, Gift
Card ทุกประเภท 4.เฉพาะการชำระค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิตไทยพาณิชย์เท่านั้น
(ผ่อนชำระ 0% และ ชำระเต็มจำนวน สามารถร่วมรายการ)5.บัตรเครดิตร่วม
คิง เพาเวอร์ กับธนาคารไทยพาณิชย์ สามารถร่วมรายการได้
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เป้าหมายการทำโครงการกิจกรรม “เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก”
เพื่อการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนวันธรรมดาให้กลายเป็นวันพิเศษ โดยมีแพ็กเกจท่องเที่ยวให้เลือกช้อปมากมายมีส่วนลดสูงสุด
80% เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว
กระจายรายได้ให้แก่ท้องถิ่น นำเสนอสินค้าและบริการของไทยที่มีมาตรฐานสากล นักท่องเที่ยวสามารถซื้อได้เลยตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง
31 ธันวาคม
2562 โดยเข้าไปลงทะเบียนตามขั้นตอนทาง
www.วันธรรมดาราคาช็อกโลก.com มีให้เลือกทั้ง
ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ร้านอาหาร สุขภาพและความงาม กอล์ฟ ช้อปปิ้ง นันทนาการ
แพ็กเกจท่องเที่ยว พาหนะเดินทาง และเรือยอร์ช
รวมถึงการลุ้นรับโชค เมื่อนักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนแล้วจะได้รับสิทธิ์ซื้อแพ็กเกจได้ในราคาเพียง
1 บาท 8 แพ็กเกจ เพียงแค่ลงทะเบียนบนเว็บไซต์ www.วันธรรมดาราคาช็อกโลก http://xn--12ca1i4a3h.com/ กำหนดประกาศรายชื่อผู้โชคดีทุกวันศุกร์ 8 ครั้ง
โดยแคมเปญ “เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก”
มีวิธีการรับสิทธิ์ ดังนี้
2. เมื่อลงทะเบียนแล้วสามารถเลือกกดรับสิทธิ์สินค้าทางการท่องเที่ยวที่ต้องการ
3. สามารถนำรหัสที่ได้รับไปแสดง
หรือสำรองการใช้สิทธิ์ และชำระเงินตามเงื่อนไขของผู้ประกอบการ เพื่อเข้ารับบริการ
ซึ่งรหัสจะมีอายุ 5 วันนับจากวันที่กดรับสิทธิ์
4. กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มของผู้ประกอบการ
เมื่อเข้าใช้บริการ
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัท บางจากฯ 9 เดือนแรกของปี 2562 ว่า บางจากฯ
และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 140,343 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 6,289 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,621
ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 1,112 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.81 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2562 บริษัทฯ
และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 46,481 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มี EBITDA 2,141 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 551 ล้านบาท
โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 370
ล้านบาท
คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.27 บาท
โดยหลักมาจากธุรกิจโรงกลั่นที่มีค่าการกลั่นพื้นฐานปรับตัวดีขึ้นค่อนข้างมาก
และยอดขายน้ำมัน B20
คุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ได้กลับมาสู่สภาวะปกติ
สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มกำลัง หลังจากประสบกับสภาวะค่าการกลั่นพื้นฐานที่ปรับตัวลงค่อนข้างมากและมีการหยุดซ่อมอุปกรณ์บางส่วนในหน่วยกลั่นในช่วงครึ่งปีแรก
และสามารถทำสถิติการกลั่นต่อวันสูงสุด 129,400 บาร์เรล
และเฉลี่ยต่อวันที่ 123,500
บาร์เรลในเดือนกันยายน โดยในไตรมาสนี้
มีค่าการกลั่นพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้ มีอัตราการผลิตเฉลี่ย 110,800 บาร์เรลต่อวัน
ในขณะที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ผันผวนในระหว่างไตรมาสที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
จากความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
กระทบกับมูลค่าสินค้าคงคลังของบริษัทฯ ทำให้ในไตรมาสนี้มี Inventory Loss
1,163 ล้านบาท
กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 680 ล้านบาท
มีปริมาณการจำหน่ายรวม 1,523 ล้านลิตร
ค่าการตลาดรวม 0.77 บาทต่อลิตร
แม้ปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จะปรับลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากไตรมาสนี้เป็นช่วง
low
season และเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่
แต่ก็สามารถทำสถิติสัดส่วนการตลาดสูงสุดร้อยละ 16.3
ในเดือนกรกฎาคมและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซล B20 ผ่านตลาดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากไตรมาสก่อน และได้เปิดจำหน่ายน้ำมันดีเซล
B10 เพิ่มขึ้นตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน
กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA 710 ล้านบาท
มีรายได้จากการขายและให้บริการ 790 ล้านบาท
มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมทั้งจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม
และพลังงานน้ำ 82.74
ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับทั้งไตรมาสก่อนและปีก่อนหน้าจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มไตรมาสของโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย
“ลมลิกอร์” และเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว “Nam San 3A” กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม
69 เมกะวัตต์ ที่บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ได้เข้าถือหุ้น 100% ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2562
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA รวม 296 ล้านบาท มีการเติบโตเป็นเท่าตัว
โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ B100 ที่เพิ่มขึ้น ด้านธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล
มีการขยายกำลังการผลิตโรงงานที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี จาก 200,000 เป็น 300,000 ลิตรต่อวัน
และได้การกลับมาดำเนินงานตามปกติหลังหยุดซ่อมบำรุงประจำปี
กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ
รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม OKEA 88 ล้านบาท และแหล่งผลิต Draugen และ Gjøa ในสัดส่วนของ OKEA มีอัตราผลิตและการจำหน่ายน้ำมันดิบลดลง
รวมทั้งมีการบันทึกค่าใช้จ่ายการสำรวจและประเมินแหล่งน้ำมันดิบ
และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท บางจากฯ ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพ
และแสวงหาโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างรายได้เพิ่มในทุกธุรกิจอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการรับผิดชอบดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมมาเพิ่มคุณค่าให้กับทรัพยากรธรรมชาติเพื่อสร้างความยั่งยืน
โดยยึด 3 แนวหลัก BCG Model สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล
กล่าวคือ B
(Bio economy) หรือเศรษฐกิจชีวภาพ
มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า C (Circular economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน
คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์มากที่สุด และ G (Green
economy) เศรษฐกิจสีเขียว
มุ่งแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบต่อโลก สร้างความยั่งยืน
ข่าวที่ 5 “ผู้นำ UFI
ยันไทยผู้นำเอเชียรับตลาดเอ็กซิบิชั่นไมซ์โลก”
มร.ไค
ฮัทเทนดอฟ กรรมการผู้จัดการและประธานบริหาร สมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก
หรือ UFI กล่าวว่า
“จากรายงานสถิติการสำรวจอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติแห่งภูมิภาคเอเชียปี 2562
รายงานว่าประเทศไทยเป็นตลาดงานแสดงสินค้านานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มมากขึ้นในด้านจำนวนงานและพื้นที่การจัดงาน
ประเทศไทยยังมีศูนย์การจัดงานแสดงสินค้าที่มีมาตรฐานในระดับโลก
มีบริษัทผู้จัดงานที่มีมาตรฐานสากล
และหน่วยงานภาครัฐบาลก็ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ประเทศไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการเป็นเจ้าภาพการจัดงาน
The 86th UFI Global Congress ที่สามารถสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นตลาดอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติที่สร้างผลกำไรสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน
โดยการจัดงานในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนทั้งสิ้น 550 คนจากทั่วโลก 50 ประเทศ
รวมทั้งจำนวนการจับคู่ธุรกิจเกิดขึ้นภายในงานเป็นจำนวนมาก
สามารถสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติไทยได้เป็นอย่างดี
และยังสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของไทยในการร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้ประเทศไทยเป็น
4.0 อีกด้วย
ทางด้าน นายทาลูน เทง นายกสมาคมการแสดงสินค้า
(ไทย) กล่าวว่า
“ในส่วนของภาคเอกชนในฐานะสมาคมที่มีบทบาทโดยตรงต่อการพัฒนาและสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจให้กับสมาชิก
เน้นสร้างความร่วมมือระหว่างกัน การรวมตัวของบริษัทผู้เชี่ยวชาญ
เพราะในการจัดงานแสดงสินค้าแต่ละงานต้องใช้มืออาชีพในแต่ละส่วนทั้งบริษัทผู้จัดงานแสดงสินค้า
ศูนย์การแสดงสินค้า บริษัทขนย้าย บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น
ทั้งนี้การเป็นเจ้าภาพการจัดงาน The 86th UFI Global Congress 2019
นับเป็นโอกาสดีสำหรับอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าไทยในการแสดงศักยภาพความพร้อม
และความเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน
ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐานซึ่งผู้จัดงานแสดงสินค้าจากทั่วโลกจะได้สัมผัสประสบการณ์จริง
เจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยที่เป็นมืออาชีพแบบตัวต่อตัว
อีกทั้งจะได้เห็นความพร้อมของบุคลากรมืออาชีพ
และเป็นโอกาสหาพันธมิตรระหว่างสมาชิกของเรากับสมาชิกของ UFI ทั่วโลก
โดยการจัดงานครั้งนี้มีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทสมาชิกตอบรับเข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น
80 ท่าน
โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่งจากนโยบายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติไทยของทีเส็บ”
นายพิชญา นาควัชระ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า
เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐตามนโยบายรัฐบาล กรุงเทพมหานคร
ในฐานะเมืองเจ้าภาพมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพงาน The
86th UFI Global Congress 2019 และงานเลี้ยงรับรองผู้เข้าประชุม
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือสนับสนุน
และศักยภาพความพร้อมของกรุงเทพมหานครในฐานะไมซ์ซิตี้ของประเทศไทย
พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือในการทำการตลาดระดับนานาชาติ
สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติในการให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวธุรกิจ
โดยส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและนิทรรศการนานาชาติของโลก
และแผนพัฒนากรุงเทพมหานครที่ตั้งเป้าหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองจัดประชุม
นิทรรศการในอันดับแรกของภูมิภาคอาเซียน
ดังนั้นการเป็นเจ้าภาพร่วมงานประชุมครั้งนี้
จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวและไมซ์ของกรุงเทพมหานครอย่างยั่งยืน
และยังเป็นการประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมไมซ์ของกรุงเทพมหานครให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายเป็นไปตามความร่วมมือของกรุงเทพมหานคร
และทีเส็บ
นอกจากนี้
กรุงเทพมหานครยังให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมภายในงาน The 86th
UFI Global Congress อาทิ การอำนวยความสะดวกในการจัดงาน
ด้านความปลอดภัย และการประชาสัมพันธ์ เป็นต้น เพื่อเป็นการต่อยอด
และส่งเสริมภาพลักษณ์ของกรุงเทพมหานครในฐานะที่เป็น Exhibition City of
ASEAN อีกด้วย
ช่วงที่
2 ถึงเวลาเที่ยวปลายฝนต้นหนาว
ชีพจรลงเซาท์ 3 มุมสนุก “ปักหมุดสุดว้าวสิมิลัน-ชวนกันไปเทศกาลมันส์
ๆ ภูเก็ต-ตลุยกินอาหารถิ่นเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี” แล้วห้ามพลาดวิธีการ
“ดูแลอาการโรคตาที่พบบ่อยในผู้สูงวัย” สำหรับข่าวใหม่ “สวนสามพราน รีสอร์ต”
จังหวัดนครปฐม เปิดโครงการใหม่ “ปฐม ออร์แกนิก วิลเลจ” ต้องห้ามพลาดชวนครอบครัวไปตลุย
3 เส้นทางสร้างสุข “บางกอกแอร์เวย์ส”
กล้าเทตั๋วโปรโมชั่นแรงสุดทั้งในและต่างประเทศ มีเงินไม่ถึงพันก็บินได้
และผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรให้ใช้ไมล์สะสมแลกบริการรถรับส่งทั่วไทย
@เฮฮาเที่ยวชีพจรลงเซาท์ปักหมุดสิมิลันมันส์ภูเก็ตกินเกาะสมัย
ได้เวลาชีพจรลงเซาท์ท่องเที่ยวภาคใต้
ไปพักผ่อนตามเมืองทะเลสวยช่วงฤดูหนาวปลายปีนี้เป็นต้นไป
แห่งแรก เปิดเกาะปักหมุดสุด Wowหมู่เกาะสิมิลัน
ตอนนี้หมู่เกาะสิมิลันที่มีชื่อเสียงโดดเด่นธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และสวยงามไม่แพ้ท้องทะเลใดในโลก
หลังจากปิดเกาะให้ธรรมชาติฟื้นตัวเป็นเวลานานกว่า 5 เดือน ก็ถึงเวลาเปิดให้สัมผัสความงามได้ตามฤดูกาลตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง5 พฤษภาคม 2563ไปชมหาดทรายสีขาวที่ตัดกับท้องฟ้าและน้ำทะเลสีครามที่จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม
แห่งที่สอง
เที่ยวFestสุดFunกับเทศกาลมันส์ๆที่ภูเก็ต - ปลายปีนี้เกาะภูเก็ตมีกิจกรรมสนุกต้อนรับไฮซีซันมากมาย
เตรียมตัวให้พร้อมไปฟังบนดนตรีบนชายหาดกงาน ป่าตอง เคาน์ดาวน์ 2562-Pathong Countdown 2020 ที่ได้นำคอนเซ็ป Annual Ultimate Music Experience ตลอด 5 วัน 5 คืน ระหว่าง 27-31ธันวาคม 2562 แล้วยังมีงานกีฬาระดับเวิลด์คลาสอย่าง Phukethon2019 สัปดาห์นี้
9-10 พฤศจิกายน 2562 ลากูน่าไตรกีฬา วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 เหล่านักวิ่งปอดเหล็กทั้งหลายมาร่วมสนุกกันได้เลย
แห่งที่สาม
-เซลยกเกาะ!!ลงสมุย ลุยกินถิ่นสุราษฎร
-กิน เที่ยว ช็อป ให้เซฟและดี ต้องที่ สุราษฎร์ธานี
เพราะที่นี่จัดแคมเปญเอาใจคนไทยและนานาชาติด้วย Special deal in green season ( วันนี้-31 ธันวาคม 2562) เหล่าผู้ประกอบการทั้ง 3 เกาะดัง เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า พร้อมใจรวมตัวกันจัดโปรโมชันชนิดที่เรียกได้ว่าลดยกเกาะยาวจนถึงปลายปี
ขึ้นไปพักผ่อนบนเกาะแล้วก็มีงาน “เที่ยวคลองน้ำลายสอ” ระหว่างวันนี้ -
10 มกราคม 2563 ณ
ชุมชนคลองร้อยสาย พาเหรดของกินขึ้นชื่อทั้งสุราษฎร์ธานี ของเด็ดของดังพร้อมให้นักท่องเที่ยวเลือกกินช้อปกันได้ตามความชอบ
แถมยังนำบิลมารับของที่ระลึกติดมือกลับบ้านได้ด้วย
ไฮซีซันปลายปีนี้
ชีพจรลงเซาท์-ล่องใต้ไปทะเล
สุดว้าวเกาะมิลัน-เที่ยวเฟสต์เทศกาลมันภูเก็ต-กินพุงกางเกาะสมุยสุราษฎร์ธานี
แบกเป้หิ้วกระเป๋าไปเที่ยวกันได้เลยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
@วิธีป้องกันโรคตาแห้งที่พบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ
โรคตาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุนอกจากต้อกระจกแล้วยังมี
“โรคตาแห้ง” ซึ่งเป็นโรคของผิวหน้าดวงตาชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย
โดยลักษณะสำคัญของโรคตาแห้ง คือ การสูญเสียสภาวะสมดุลของน้ำตา ควบคู่กับการมีอาการทางตา
ได้แก่ ความไม่สบายตาต่างๆ และการมองเห็นที่ผิดปกติไป
สาเหตุของการเกิดโรคตาแห้งแบ่งออกได้เป็นจาก
2 ปัจจัย คือ 1.ปัจจัยภายใน
ได้แก่ อายุที่มากขึ้น
ซึ่งทำให้ต่อมน้ำตาทำงานลดลง มีผลให้ตาแห้ง เชื้อชาติ
พบว่าในคนเอเชียมีความชุกของโรคตาแห้งมากกว่าคนผิวขาว 2. ปัจจัยภายนอก ได้แก่ การใช้ยาบางประเภท ทั้งในรูปแบบยารับประทาน
หรือยาหยอดตา การผ่าตัดทั้งภายในและภายนอกดวงตา
ได้แก่ การผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์ การผ่าตัดต้อกระจก และการผ่าตัดหนังตา
การใช้สายตากับเครื่องมือดิจิตอล ได้แก่ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ การใส่คอนแทคเลนส์
เบื้องต้นสามารถรักษาโรคตาแห้งด้วยการใช้น้ำตาเทียม
เพื่อช่วยให้ตามีความชุ่มชื้นขึ้น นอกจากนี้อาจใช้ยากระตุ้นการสร้างน้ำตา
เพื่อช่วยให้ต่อมน้ำตาสร้างน้ำตาออกมาได้ดีขึ้น ส่วนในรายที่เป็นรุนแรง
อาจต้องรับการอุดท่อทางออกของน้ำตา หรือการผ่าตัดอื่นๆ เพิ่มเติม
การปรับสภาพแวดล้อมในที่อยู่อาศัย
หรือที่ทำงาน อาจช่วยให้อาการของโรคดีขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
1.ใช้สายตาให้ถูกวิธี
องค์การอนามัยโลกแนะนำสูตรในการถนอมดวงตาคือ สูตร 20 : 20 : 20 กล่าวคือ ใช้สายตา
20 นาที พัก 20 วินาที โดยการมองไปที่ไกลๆ ประมาณ 20 ฟุต และควรกะพริบตาบ่อยๆ
เพื่อไม่ให้น้ำตาระเหยจากผิวหน้าดวงตามากเกินไป
2.จัดคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตาที่พอดี
ไม่ต้องก้ม หรือแหงนหน้ามองจอคอมพิวเตอร์
3.หลีกเลี่ยงการหันเครื่องปรับอากาศ
หรือพัดลมเข้าสู่ใบหน้าโดยตรง
4.การปรับความชื้นในสภาพแวดล้อมที่ทำงานและที่บ้าน
5.การใส่แว่นป้องกันดวงตา
เพื่อช่วยลดการปะทะของดวงตากับอากาศที่แห้งๆ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “สวนสามพรานเปิดมุมใหม่เที่ยวปฐมออร์แกนิกวิลเลจ
สวนสามพราน รีสอร์ต จังหวัดนครปฐม ที่พักเก่าแก่ริมแม่น้ำนครชัยศรี
ได้เปิดพื้นที่ท่องเที่ยวพักผ่อนมุมใหม่ต้อนรับฤดูหนาวนี้ ในโครงการ “ปฐม
ออร์แกนิก วิลเลจ (Patom Organic Village) หรือ หมู่บ้านปฐม พื้นที่กลางน้ำ แหล่งแปรรูปสินค้า
ออร์แกนิกแบรนด์ “ปฐม” ที่เชื่อมโยงจากฝั่ง
Patom Organic Farm ซึ่งเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอินทรีย์
ส่งมาแปรรูปที่หมู่บ้านปฐม
โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้วิถีการกิน-อยู่แบบไทย โดยสามารถซื้อคูปองกิจกรรมจากทางเข้าด้านหน้า
ค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่ราคา 400 บาท เด็ก 300 บาท ต่อ 1 เส้นทาง
หรือจะซื้อเฉพาะค่าผ่านประตู 100 บาท แล้วไปซื้อกิจกรรมเพิ่มด้านในก็ได้ ซึ่ง เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา
09.00-16.00 น.
นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้คุณค่าของวัตถุดิบตั้งแต่ปลูกจนแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมส่งมอบถึงมือผู้บริโภค
ผ่านกิจกรรม workshop ตามรอยเส้นทางวัตถุดิบ 3
เส้นทางหลัก คือ
1.เส้นทางกล้วย ออร์แกนิก
ที่นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตากับการ เรียนรู้กล้วยสายพันธุ์ต่างๆ ฮอร์โมนหน่อกล้วย การทำน้ำส้มสายชูกล้วย
ขนมไทยจากกล้วย ภาชนะจากใบตอง ภาพพิมพ์จากก้านกล้วย
2.เส้นทางข้าว ออร์แกนิก จูงมือครอบครัว ไปร่วมสนุก การดำนา สีข้าว ฝัดข้าว ทำสบู่ข้าว ปั้นดินเหนียวจากท้องนา
แคะขนมครก
3.เส้นทางสมุนไพร ออร์แกนิก ตามไปดูการทำเกษตรอินทรีย์ สมุนไพรไล่แมลง สมุนไพรลูกประคบย้อมผ้าสีธรรมชาติ
ชาสมุนไพร
ภายในหมู่บ้าน ยังมีกิจกรรมสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์
ที่พาให้ทุกคนย้อนนึกถึงวิถีชีวิตแบบไทย เช่น การทอผ้า สาวไหม ร้อยมาลัย แกะสลัก
สานปลาตะเพียน และอีกมากมาย
ข่าวที่สอง “บางกอกแอร์เทโปรตั๋วสมุย-เปิดแลกไมล์รถรับส่งทุกจุด
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จัดโปรโมชั่น
“Samui Year End Sale” ตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษเส้นทางบินในประเทศที่เข้าและออกจากสมุย
ได้แก่ กรุงเทพฯ-สมุย เชียงใหม่-สมุย ภูเก็ต-สมุย กระบี่-สมุย พัทยา
(อู่ตะเภา)-สมุย เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 1,990 บาท
(ราคายังไม่รวมภาษีสนามบินและค่าธรรมเนียม) และเส้นทางระหว่างประเทศที่บินเข้าสมุย
ได้แก่ ฮ่องกง-สมุย เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 990 ฮ่องกงดอลล่าห์ สิงคโปร์-สมุย
เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 99 สิงคโปร์ดอลล่าห์ และ กัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย)-สมุย
เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 99 มาเลเซียริงกิต
(ราคายังไม่รวมภาษีสนามบินและค่าธรรมเนียมอื่นๆ)
สำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ –30
พฤศจิกายน 2562 ได้ทางเว็บไซต์ www.bangkokair.com หรือศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า
โทร 1771 ซื้อแล้วนำไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่ – 31 ธันวาคม 2562
อีกทั้งบางกอกแอร์เวย์ส ร่วมกับ บริษัท
สมุยแอคคอม จำกัด ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรด้านรายการสะสมคะแนน
ฟลายเออร์โบนัส มอบสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกฟลายเออร์โบนัส
สามารถนำคะแนนแลกเป็นรางวัลบริการรถรับส่งจากสนามบินสมุยหรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังปลายทางต่างๆ
กับสมุยแอคคอม โดยสามารถแลกรางวัลได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
แลกบริการรถรับส่งจากสนามบินสมุยไปยังปลายทางในเกาะสมุย
เริ่มต้น 5,000 คะแนนสะสมฟลายเออร์โบนัส
จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังปลายทางในกรุงเทพ เริ่มต้น 7,500
คะแนนสะสมฟลายเออร์โบนัส และจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังปลายทางพัทยา ชะอำ
และหัวหิน เริ่มต้น 15,500 คะแนนสะสมฟลายเออร์โบนัส
สมาชิกสามารถแจ้งปลายทางและเลือกประเภทรถให้บริการได้ โดยมีทั้งหมด 3
ประเภท ได้แก่ รถยนต์ส่วนตัว(เอสยูวี) รถตู้ส่วนตัว และ รถตู้วีไอพีแบบลักชัวรี
ซึ่งรถแต่ละประเภทสามารถรองรับผู้โดยสารได้ตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM
97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น