บิ๊กสภาท่องเที่ยวชี้ธุรกิจเร่งปรับตัวสู่Big Changeปี’63
วอนการเมืองจัดชุมนุมมีขอบเขตหวั่นกระทบท่องเที่ยว
คิง
เพาเวอร์ฉลุยดิวตี้ฟรีดอนเมืองจ่ายทอท.1.5พันล้าน/ปี
คิงเพาเวอร์ดันผ้ามัดย้อมคีรีวงขายกระหึ่มตลาดโลกปี63
ททท.ดึง58แห่งแจกกลุ่มบัตสวัสดิการรัฐ-อส.เที่ยวทั่วไทย
ททท.กอดคอ37องค์กรจัดทัวร์ตามฝันให้เด็กด้อยโอกาส
ถึงเวลาเที่ยวหน้าหนาว!!สีสันดอยตุงวิถีภูสูงดอกไม้สวย
ปีใหม่ฉลองด้วยการเลือกกินอาหารบำรุงประสาท7อย่าง
เอเชียทีคทุ่ม3หมื่นล้านพลิกโฉมใหม่มิกยูสริมเจ้าพระยา
THAนำ300โรงแรมไทยตื่นลดใช้พลาสติกให้หมดปี’68
เข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2562
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza # #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋
ช่วงที่ 1 เปิดใจ “ชัยรัตน์ รัตนจรัสพร”
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
งัดสารพัดกลยุทธ์ปลุกเอกชนท่องเที่ยวปรับกลยุทธ์การตลาด รับมือปีชวด
“ตลาดจีนเปลี่ยน” เข้าสู่ยุค F.I.T.เต็มรูปแบบ
ส่วนโปรดักซ์การท่องเที่ยวชุมชนยั่งยืนก็ต้องเร่งวางในขายตลาด
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังต้องลุ้นเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวระดับใด
จึงขอวอนทุกฝ่ายหากเกิดการชุมนุมทางการเมืองขอให้อยู่ในกรอบมาตรฐานสากล
หวั่นท่องเที่ยวสะเทือนเพราะเป็นอุตสาหกรรมที่อ่อนไหวต่อปัญหาเชิงลบดูฮ่องกงเป็นตัวอย่าง
ตอนนี้นักท่องเที่ยวหายไปเกือบเกลี้ยงเกาะแล้ว
ชัยรัตน์ รัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย |
นายชัยรัตน์
รัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตลอดปี 2562
จากการสำรวจรวบรวมตัวเลขจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 39 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 40 ล้านคน รายได้คาดจะทำให้ได้ 2 ล้านล้านบาท
แต่ตอนนี้อาจจะได้ใกล้เคียงเป้าหมายคือ 1.9 ล้านล้าน โดยมีปัจจัยบวกดึงดูดตลาดทั้งคนไทย
อาหารไทย วิถีชีวิต วัฒนธรรม ส่วนปัจจัยลบก็มีจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทแข็งทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้จ่ายแล้วมูลค่าเงินที่ได้รับลดลงไป
ปี
2563 สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งเป็นกลุ่มเอกชนจะมีกำลังเงินทุนค่อนข้างน้อย
จึงต้องเน้นความร่วมมือกับภภาครัฐพุ่งเป้าไปยังการกระตุ้นเที่ยวเมืองรองและชุมชน
รวมถึงขณะนี้สมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว (Thai Travel Agent Association
:TTAA)
เปิดรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมมหกรรมการขาย “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก”
ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2562 โดยการจัดงานจะมีขึ้นระหว่าง 16-19 มกราคม 2563 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี
ก็ได้ดึงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้ามาร่วมสนับสนุนการทำประชาสัมพันธ์การซื้อขายท่องเที่ยว
ส่วนการจัดกิจกรรมด้านตลาดไมซ์ก็ได้ขอให้ทางสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” สนับสนุนด้วย
และเล็งจะเชิญชวนองค์กรต่างประเทศอีกช่องทาง
ส่วนการทำตลาดชุมชนก็ได้องค์การบริหารเพื่อการพัฒนาพื้นที่พิเศษการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(อพท.) และกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย นำสินค้าชุมชนสู่ตลาดโลกให้ได้
สภาท่องเที่ยวพยายามให้ตลาดอาเซียนเมื่อเดินทางมาร่วมประชุมและเข้าร่วมท่องเที่ยว
จะได้สัมผัสของจริงการเจรจาซื้อขายการท่องเที่ยวเกิดขึ้น เรื่องนี้จะต้องทำอย่างเข้มข้นต่อไป
ทางด้านมาตรฐานความปลอดภัย
การเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และจัดระเบียบอุตสาหกรรม
ทางสภาท่องเที่ยวก็ได้ร่วมมือกับหลายหน่วยงาน
เพื่อมอบโลโก้รับรองมาตรฐานจะเริ่มทำอย่างเป็นระบบให้ได้ปี 2563
นายชัยรัตน์
กล่าวว่า เอกชนยังขานรับนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผนึกกำลังกันผลักดันท่องเที่ยวชุมชนสู่ตลาด
จะใช้งานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลกชิมลางทำตลาดก่อน
โดยเอกชนจะเพิ่มจุดขายชุมชนซึ่งมีจำนวนมากจึงต้องทำ 1.คัดเลือกเน้นที่มีศักยภาพเพื่อให้ได้กลุ่มที่มีความพร้อมจริง
ๆ เช่น กลุ่มพร้อมสูงมากเป็นชุมชนชายทะเล แล้วจะคัดเลือกโมเดลต้นแบบภาคละ 2-3
ชุมชน
เพื่อจูนความต้องการให้สอดคล้องกันระหว่างชุมชนกับนักท่องเที่ยว
ขณะนี้มีหลายชุมชนในภาคใต้
ตะวันออก ส่วนภาคเหนือกับอีสาน ต้องจัดระเบียบเพิ่มเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ข้อกำหนดตามระเบียบของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ปี 2563
สภาท่องเที่ยวจะปักธงเจาะตลาดอาเซียนใหม่ในกลุ่ม
CLMV-กัมพูชา/สสป.ลาว/เมียนมาร์/เวียดนาม
ตอนนี้เป็นกลุ่มศักยภาพสูงมาก จะต้องหาช่องทางเข้าไปทำโร้ดโชว์เจรจาซื้อขายการท่องเที่ยวระหว่างกัน
ส่วน “จีน”
ปีหน้ามีแนวโน้มจะทรงตัวเพราะฐานนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยปัจจุบันมีมากถึง 11
ล้านคน ดังนั้นจึงจะหันมาเน้น
“เพิ่มการใช้จ่าย” จากจีนกลุ่มคุณภาพ
เนื่องจากตอนนี้จีนมีพฤติกรรมการเดินทางเข้ามาเที่ยวในแบบอิสระ F.I.T.สูงถึง 70 % เป็นกลุ่มมาแล้วซ้ำ ๆ 2-3 ครั้งขึ้นไป นิยมเลือกมา กินอาหารอร่อย
พักโรงแรมรีสอร์ตดี ๆ ในแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่แออัด
โดยเฉพาะตอนนี้เมืองท่องเที่ยวหลักบ่นว่านักท่องเที่ยวจีนหายนั้น
ความจริงแล้วนักท่องเที่ยวยังเพิ่มขึ้นแต่มีการกระจายตัวไปยังพื้นที่อื่น ๆ
มากขึ้น
การสร้างแม่เหล็กดึงดูดเพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น
จะต้องให้เอกชนเป็นหัวหอกเจาะตลาด แต่ภาครัฐต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก
เพิ่มการต้อนรับอย่างอบอุ่น บริการดีขึ้น ตลาดจีนจะเติบโตเพิ่มโดยอัตโนมัติ
สามารถจับจ่ายเงินมากขึ้นอย่างแน่นอน โดยสรุปต้องการให้ผู้ประกอบการปรับตัวรับกับพฤติกรรมของตลาดจีนยุคใหม่
ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้จัดประชุมสมาคมท่องเที่ยวซึ่งมีสมาชิกเป็นกลุ่มผู้ประกอบการแต่ละส่วนทั้ง
บริษัทนำเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต สายการบิน และอื่น ๆ
รวมอยู่ด้วยกันก็ได้แนะแนวทางการปรับตัวเตรียมความพร้อมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของตลาดยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจากเดินทางมาเป็นหมู่คณะ
(Group)
ส่วนปัญหาที่จีนเข้ามาปักหลักทำธุรกิจเองในเมืองไทยก็ต้องยอมรับ
เพราะส่วนหนึ่งผู้ประกอบการคนไทยเองก็ไปร่วมมือกับนักลงทุนจีนเปิดทางให้เข้ามาทำธุรกิจท่องเที่ยวในไทย
เรื่องนี้จึงเป็นปัญหาที่หลายฝ่ายกำลังเป็นห่วง
แต่ในยุคโลกการค้าเสรีก็ไปขัดขวางลำบาก เพียงแต่จะต้องหันมาสร้างพลัง
ปลุกจิตสำนึกผู้ประกอบการในประเทศ หรือแจ้งภาครัฐเข้าไปจัดการตามกฎหมาย
นายชัยรัตน์กล่าวว่า
สถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มส่งสัญญาณรวมตัวกันจัดกิจกรรมชุมนุมนั้น
ทุกฝ่ายก็เห็นห่วงหากเหตุการณ์จะไปเหมือนฮ่องกง
ซึ่งเป็นตัวอย่างชัดเจนเมื่อเกิดขึ้นแล้วทุกวันนี้นักท่องเที่ยวหายไปจากเกาะเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
ถ้าคนไทยยังต้องการรายได้จากการท่องเที่ยวก็ต้องทำให้ประชาชนแสดงความรักประเทศ
ดูแลปกป้องไม่ให้เหตุการณ์บานปลายมากจนเกินไป
เพราะตลาดการท่องเที่ยวอ่อนไหวต่อเรื่องการชุมนุมเหล่านี้
หรือหากเกิดเหตุการณ์เดินขบวนหรือประท้วงนักท่องเที่ยวจะหายไปทัน
ดังนั้นถ้าเป็นไปได้จะขอร้องให้การชุมนุมแต่ละครั้งควรจะอยู่ในขอบเขต
คำถึงมาตรฐานความปลอดภัยของทุกฝ่าย เพราะปี 2563 ประเทศก็ยังต้องพึ่งรายได้หลักจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
เนื่องจากสภาพโดยรวมของทั่วโลกยังชะลอตัวและยังฟื้นตัวได้ไม่มาก
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ชนะการประมูลโครงการประกอบกิจการดิวตี้ฟรีสนามบินดอนเมือง อนาคต 10 ปี 6 เดือน ระหว่าง1 ตุลาคม 2565 – 31 มีนาคม 2576 |
นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ
บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหชน) "ทอท." ประธานประชุมคณะกรรมการ
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) "ทอท." เมื่อวันจันทร์ที่ 23
ธันวาคม 2562 มีมติอนุมัติผลการคัดเลือกการให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร
ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ให้ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด
เป็นผู้ได้รับสิทธิประกอบกิจการฯ เป็นระยะเวลา 10 ปี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1
ตุลาคม 2565 – 31 มีนาคม 2576 ด้วยการเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum
Guarantee) ปีแรก เป็นจำนวนเงินกว่า 1,500 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ซึ่งสูงกว่าประมาณการรายได้ที่ ทอท.คาดการณ์ว่าจะได้รับในปีสุดท้าย และ
สูงกว่าราคาที่ ทอท.คาดหวังไว้ และจะลงนามในสัญญากับบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี
จำกัด ภายในเดือนมกราคม 2563
สำหรับโครงการ
ทอท.ได้ออกประกาศเชิญชวนคัดเลือกผู้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ
ทดม.ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2562
ระหว่างนั้นมีผู้สนใจซื้อเอกสาร
รวมทั้งสิ้น 2 ราย ได้แก่ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และบริษัท
เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด แต่ในวันเปิดซองมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2562 ทอท.กำหนดให้มีการยื่นข้อเสนอการดำเนินงาน
มี บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี มายื่นข้อเสนอเพียงรายเดียวเท่านั้น
จากนั้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2562
คณะกรรมการพิจารณารายได้ของ ทอท.ได้เห็นชอบตามที่คณะกรรมการพิจารณา
ผลการคัดเลือกผู้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ทดม.เสนอ โดยให้ บริษัท คิง
เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิประกอบกิจการฯ ณ ทดม. เป็นระยะเวลา 10
ปี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 31 มีนาคม 2576
ข่าวที่ 2 “คิงเพาเวอร์ดันผ้ามัดย้อมคีรีวงวางขายกระหึ่มตลาดโลกปี63”
“อัยยวัฒน์
ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า
ได้เดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชุมชนไทยก้าวไกลสู่โลก โดยขยายผลและสานต่อโครงการ CSR “พลัง คิง เพาเวอร์ พลังคนไทย ”
ต่อเนื่องในโครงการ “From Leaves to Lively Thai Dye Collection” เฟส 2 จะสร้างสีสันใหม่ในตลาดโลกในปี
2563 โดยเปิดตัวตั้งแต่ปลายปี
2562 เป็นต้นไป
ในการนำผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมธรรมชาติของหมู่บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช
มาออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่นของใช้ เสื้อ
กระเป๋าเป้ หมวก ของที่ระลึก และอื่น ๆ
ที่ผ่านกระบวนการมัดย้อมอย่างสมบูรณ์แบบมาวางจำหน่ายใน “เมกาสโตว์ เลสเตอร์
ซิตี้” ใจกลางเมืองเลสเตอร์ ที่ตั้งอยู่ใน สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
แห่งสหราชอาณาจักร
ไฮไลต์สำคัญได้ให้นักเตะเลสเตอร์
สวมใส่เสื้อมัดย้อมโครงการ From Leaves to Lively Thai Dye Collection” ผลิตภัณฑ์แฟชั่นใหม่ล่าสุดของชุมชนคีรีวง
นครศรีธรรมราช ลงสนามนัดดวลแข้งกับลิเวอร์พูลเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2562 เพื่อเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้ชื่นชมในศักยภาพความสามารถของสินค้าชุมชนไทยที่
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คัดสรรมานั้นมีคุณภาพเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยมที่
“เราเชื่อ” คนไทยทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก
สำหรับโครงการนี้ ทางกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ได้นำองค์ความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านของชุมชนคีรีวง
มาถักทอจนกลายเป็นผลิตสินค้ามูลค่าสูง วางขายอยู่ในเมกาสโตร์ เลสเตอร์ ซิตี้
และคิง เพาเวอร์ สาขาต่าง ๆ ในเมืองไทย
เมื่อครั้งอดีตคีรีวงเป็นหมู่บ้านที่เคยประสบภัยพิบัติทางธรรม
จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชุมชนหมู่บ้านอย่างรุนแรงมาก
แต่ด้วยความไม่ย่อท้อของคนทั้งหมู่บ้านช่วยกันต่อสู้ จนกลายมาสู่การพลิกโฉมธรรมชาติกลับคืนมาได้อย่างสมบูรณ์
กระทั่งวันนี้ชาวบ้านได้นำภูมิปัญญาท้องถิ่น
หลอมรวมให้กลายเป็นองค์ความรู้ใหม่จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าของใช้ ของที่ระลึก
สามารถทำรายได้อย่างยั่งยืนแก่ชุมชน ซึ่งต้องบอกว่า จุดเริ่มจาก 3 พลังแห่งความแข็งแกร่ง ประกอบด้วย
พลังแรก “ความสวยงาม บนความไม่สมบูรณ์” ที่ชาวชุมชนกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้แปรเปลี่ยนเป็นสินค้าอันมีค่าด้วย มนต์เสน่ห์ของ “ผ้ามัดย้อมคีรีวง” ซึ่งเกิดจากการสร้างสรรค์วัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ใบไม้ เปลือกไม้ แก่นไม้ ให้กลายเป็นโทนสีสมัยใหม่สไตล์สี พาสเทล โดยมี สีน้ำตาลอ่อนเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัวของผ้ามัดย้อมคีรีวง ร่วมกับสีโทนหลัก 4 สี ได้แก่
พลังแรก “ความสวยงาม บนความไม่สมบูรณ์” ที่ชาวชุมชนกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้แปรเปลี่ยนเป็นสินค้าอันมีค่าด้วย มนต์เสน่ห์ของ “ผ้ามัดย้อมคีรีวง” ซึ่งเกิดจากการสร้างสรรค์วัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ใบไม้ เปลือกไม้ แก่นไม้ ให้กลายเป็นโทนสีสมัยใหม่สไตล์สี พาสเทล โดยมี สีน้ำตาลอ่อนเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัวของผ้ามัดย้อมคีรีวง ร่วมกับสีโทนหลัก 4 สี ได้แก่
1.สีน้ำตาลอ่อนจากฝักสะตอ
2.สีอมชมพูจากใบมังคัด
3.สีเหลืองจากใบหูกวาง
4.สีเทาอมน้ำเงินจากใบคราม ทั้ง 4 สีได้รับการนำมาเติมแต่งให้กลายเป็นผืนผ้าชิ้นงามเพื่อแปรรูปทำดีไซน์เป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายวางจำหน่ายอยู่ในคิง
เพาเวอร์ และเมกาสโตร์ เลสเตอร์ ซิตี้
พลังที่ 2 “ธรรมชาติสรรสร้าง” ผ้ามัดย้อมคีรีวง นั้นมาจากพลังอันแข็งแกร่งที่
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ส่งทีมออกแบบมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าและการออกแบบไปช่วยโค้ชชิ่งด้วยวิธีผสมผสานองค์ความรู้ของภูมิปัญญาชุมชน
ร่วมกันสร้างเอกลักษณ์ลวดลายและมัดผ้าโดยวัตถุต่าง ๆ เช่น ก้อนหิน ยางหรือเชือก
นำมามัดไขว้ไปมา เว้นจังหวะการมัดย้อให้มีพื้นที่ว่าง เพื่อให้สีซึมเข้าไปได้
ทำให้ลายที่ปรากฎจึงขึ้นอยู่กับรูปทรงของวัตถุที่นำมาใช้มัดกับผ้า กลายเป็นเรื่องราวธรรมชาติสรรสร้างอย่างน่ามหัศจรรย์
พลังที่ 3 “ความสำเร็จ” ของผ้ามัดย้อมคีรีวง
อันเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของ “กลุ่มใบไม้ บ้านคีรีวง”
โดยมีแกนนำสำคัญอย่าง “อุไร ด้วงเงิน” ประธานกลุ่มใบไม้ บ้านคีรีวง
กับสมาชิกย้อมผ้าอีก 4 สาวและเครือข่าย
คือ ยุรี หน่อสีดา กิตกร จารุพันธ์ ยุวดา มาศบรรเจิด และกมล
ด้วงเงิน กับสมาชิกทั้งหมด ร่วมแรงร่วมใจกันทำอย่างเต็มสรรพกำลัง
จนได้ผ้าที่มีคุณค่าทางใจออกมาวางขายในคิง เพาเวอร์ ทั่วเมืองไทย
และในเมืองเลสเตอร์ ซิตี้ สร้างชื่อเสียงให้ทั่วโลกรับรู้ เข้าใจ เข้าถึง
ความสำเร็จ อันเกิดจากการหลอมรวมพลังเล็ก ๆ
ของทุกคนจนปรากฎเป็นสินค้าคุณภาพนำออกสู่ตลาดระดับสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
กล่าวว่า ได้จับมือภาครัฐและเอกชนจัดโครงการ “เมืองไทยใคร ๆ ก็เที่ยวได้” ปี 2563
มอบส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ 58 แห่ง
ให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พร้อมมอบของขวัญพิเศษรางวัลเที่ยวตามฝันครั้งหนึ่งในชีวิตให้กลุ่มผู้ปฏิบัติงานด้านจิตอาสาช่วยเหลือสังคม
ได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.), อาสาสมัครกรุงเทพมหานคร (อสส.), อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
(อปพร.) และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำหมู่บ้าน (อพม.) ได้ลุ้นรางวัลเที่ยวฟรีปี
2563 ทำโครงการนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว ตามแนวทาง Tourism for All
เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย
ทำให้สังคมเข้มแข็ง
โครงการนี้มีแหล่งท่องเที่วหลัก
ๆ เข้าร่วมสนับสนุนเต็มที่ เช่น อุทยาน ร.2, องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์, พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ
จ.ปทุมธานี, องค์การสวนพฤกศาสตร์ จ.เชียงใหม่, บ่อน้ำพุร้อน, พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย นครปฐม, สยามนิรมิต, ลานแสดงช้างและฟาร์มจระเข้สามพราน, หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จ.สุพรรณบุรี, มิวเซียมสยาม และอื่น
ผนวกการสานต่อกิจกรรม “เที่ยวตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ซีซั่น 2” มอบของขวัญพิเศษปีที่ 2 มอบให้ผู้ที่ทำความดีเป็นจิตอาสาทำงานช่วยเหลือสังคม
คือ กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กลุ่มอาสาสมัครกรุงเทพมหานคร
(อสส.)กลุ่มอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.)
กลุ่มอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำหมู่บ้าน (อพม.) ได้เดินทางท่องเที่ยวปีใหม่และปีหน้าอย่างมีความสุขตลอดทั้งปี
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
กล่าวว่า ททท.จับมือกับพันธมิตจัดกิจกรรมพาเด็กด้อยโอกาสเด็กพิการ จากมูลนิธิต่างๆ
ไปเที่ยวฟรีตามความฝัน โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก 37 องค์กร มีทั้ง พีทีที โกลบอล เคมีคอล, เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต, บีซีพีจี, กสท โทรคมนาคม, มิตรแท้ประกันภัย, เมืองไทยประกันภัย, พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง, หาดทิพย์, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ, ธนาคาร ยูโอบี UOB, สายการบิน Thai Smile, แอร์บีเอ็นบี, หลักทรัพย์ เคจีไอ, สุพรรณิการ์กรุ๊ป, ซิซซ์เล่อร์, ทราเวลไอโก, โลเคิล อไลค์, เอ็น.ซี.ไอ.กรุ๊ป, พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น และอื่น ๆ
ในปี 2563 ททท.ยังคงพร้อมจะส่งเสริมการท่องเที่ยวลดความเหลื่อมล้ำ
ชูทำโครงการ “เที่ยวตามฝันครั้งหนึ่งในชีวิตซีซั่น 2” มอบความสุขให้คนไทยทุกกลุ่มทุกวัยได้เข้าถึงการท่องเที่ยวอย่างเท่าเทียมกันให้ได้มากที่สุดต่อไป
บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รณรงค์เทศกาลท่องเที่ยวปีใหม่ ควรมาช่วยกันลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาล
เพราะอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ล้วนมีปัจจัยหลักมาจากความประมาท
ยิ่งช่วงเทศกาลแบบนี้ จะเดินทางไปไหน
ก็ควรขับรถอย่างมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร ตามหลัก "4 อย่า
2 ต้อง" ดังนี้
4 อย่า ได้แก่ 1. ห้ามขับรถเร็ว
เพราะแค่เสี้ยววินาทีในขณะที่คุณขับรถเร็ว อาจจะทำให้คุณไม่สามารถควบคุมสถานการณ์จนเกิดอุบัติเหตุได้
2. ห้ามดื่มแล้วขับ เพราะแอลกอฮอล์ เป็นเหตุให้สติสัมปชัญญะลดลง รวมไปถึงการตอบสนองที่ช้าลง 3. ห้ามโทรแล้วขับ เพราะจะทำให้เสียสมาธิ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรใช้อุปกรณ์เสริม
4.
ง่วงห้ามขับ เพราะเสี่ยงต่อการหลับใน จนก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
2 ต้อง ได้แก่ 1. ขี่รถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัย
เพราะเมื่อศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน
อาจส่งผลต่อระบบประสาทและสมองจนถึงขั้นพิการได้
2. ขับ/นั่ง รถยนต์ต้องคาดเข็มขัด เพราะเข็มขัดนิรภัยจะช่วยป้องกันให้ไม่ได้ร่างกายกระแทกหรือกระเด็นออกจากตัวรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ซึ่งเป็นหลักการง่าย ๆ
ที่จะช่วยให้ทั้งคุณและเพื่อนร่วมทางปลอดภัย
ช่วงที่ 2 ได้เวลาเที่ยววางแผนเที่ยวอีกแล้ว
แนะนำให้ไปชมงาน “สีสันดอยตุง” รับไอหนาว สัมผัสวิถีชีวิตชาวเขา6 เผ่า ที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
และห้ามพลาดเช็คอินกับดอกไม้เมืองหนาวแสนสวยทุกสี
แล้วอย่าลืมช่วงการฉลองปีใหม่ต้องกิน “7อาหารบำรุงระบบประสาท” ต่อด้วยข่าวน่ารู้
“เอเชียทีค” ทุ่ม 3 หมื่นล้านบาท
พลิกโฉมใหม่เมกะโปรเจ็กต์มิกยูสปลุกท่องเที่ยวริมเจ้าพระยา “อนันตรา สยาม
กรุงเทพฯ” ชวนดินเนอร์ปาร์ตี้ตรง ปาริชาติ คอร์ท
มีให้เลือกเติมสุขกับการกินมื้อค่ำได้ถึง 3 โซน และ “โรงแรมไทย” ปลุก 300 โรงแรมตื่นรับมาตรการเลิกขยะพลาสติกให้หมดภายในปี‘68
พอลมหนาวพัดมาเยือนก็นึกถึงการเที่ยวดอยขึ้นมาทันที
ยิ่งตอนนี้ “มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์” จัดงาน “สีสันแห่งดอยตุง”
ครั้งที่ 6 “Family-Friendly
Festival” เชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสวิถีผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นที่อย่างพอเพียงมีความสุขทั้ง
6 ชนเผ่า ทั้ง อาข่า ไทใหญ่ ไทลื้อ ไทลัวะ
ลาหู่ จีนยูนนาน ซึ่งมีให้ตื่นตาตื่นใจอีก 2 ช่วง คือ ระหว่าง 21 ธ.ค.62-5 ม.ค.63
และวันที่ 11-12 ม.ค.63
ทั่วบริเวณดอยตุงตอนนี้ดอกไม้เมืองหนาวหลากสีสันสดใสสวยสดงดงาม
กำลังชูช่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยวเช็คอินแชะแชร์อยู่บนดอย
การวางแผนท่องเที่ยวดอยตุงกันสัก 2 วัน
วันแรก ซื้อตั๋วนั่งรถชมธรรมชาติให้ทั่วทั้งโครงการ
จะมีรถกอล์ฟบริการให้เช่าพร้อมคนขับ ค่าเช่า ชั่วโมงละ 1,000 บาท นั่งเพลิน
ๆ เลือกเวลาได้ตั้งแต่ 8 โมงเช้า
ส่วนนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ในดอยตุงลอร์ดก็มีรถกอล์ฟบริเวณต้นตุงบริการตลอด
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมชีล
ๆ ในดอยตุงได้ทั่วทั้ง 4 โซน โซนแรก ต้องแวะเช็กอินในสวนแม่ฟ้าหลวงมีถึง
10 จุด ทั้งประติมากรรมความต่อเนื่อง ที่ล้อมรอบด้วยดอกไม้กว่าดีไซน์เป็นลายผ้าของทั้ง
6 ชนเผ่า
มีดอกไม้เมืองหนาวกระจายอยู่ทั่วพื้นที่กว่า10 ไร่ แล้วก็มีเยาวชนแต่งชุดประจำเผ่าให้ถ่ายรูปด้วย
ปีนี้มีไฮไลต์เพิ่มเป็นมาสคอต “ยักษ์ตัวโต” สูงกว่า 9 เมตร เป็นสัตว์แห่งความโชคดีในตำนานของชาวไทยภูเขา
ส่วนอื่น ๆ ก็มีซุ้ม Morning Glory สวนกล้วยไม้รองเท้านารี
สถานที่เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและขยายพันธุ์กล้วยไม้หายาก ชมได้อย่างไม่เบื่อเลย
พอหิวก็หันไปมองหา
“โซนอาหาร” มีครบทั้งร้านชนเผ่าแบบดั้งเดิม และอีกหลากสไตล์
แนะนำให้ลองชิม ข้าวปุ๊ก ของชาวลาหู่ หากินได้เฉพาะเทศกาลพิเศษอย่างปีใหม่เท่านั้น
ข้าวฟืนทอดอาหารของชาวไทยใหญ่ ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมถั่วเหลือง ข้าวกั๊นจิ้น อีกเมนูยอดนิยม
ไส้อั่วอาข่า ทำจากเนื้อหมูดำ เมนู ซาจ๊อย ของเผ่าลาหู่ ทำจากหมูหมักกับสมุนไพร จ่ายแค่เพียง10
บาท ก็อิ่มท้องได้ 1
มื้อแล้ว
ถัดไปมีร้านกาแฟ ร้านขายต้นไม้ ดอกไม้ ต่อด้วย
โซน หัตถกรรม ซึ่งมีเสื้อผ้าชนเผ่าลาหู่ดีไซน์ตามแบบโบราณดั้งเดิมสีสันสดสะดุดตา เดินต่อไปก็จะได้ชมเสื้อผ้าชนเผ่าอาข่าหลายผลิตภัณฑ์ทั้งย่าม
หมวก ผ้าพันคอไหมพรม ตะกร้าเพนต์หมวกไม้ไผ่ สายข้อมือ สมุดโน้ต
ท้องอิ่มปุ๊บก็สอดส่ายตามองหา
โซนที่ 3 DoiTung
Tree Top Walk จ่ายเงินคนละ 150
บาท
เจ้าหน้าที่ก็จะติดอุปกรณ์เซฟตี้ให้ขึ้นไปเดินบนสะพานแขวนซึ่งแหล่งท่องเที่ยวผจญภัยศึกษาธรรมชาติบนสะพานเรือนยอดไม้ในป่าใหญ่
ความสูงจากพื้นดินกว่า 30 เมตร ระยะประมาณ 300 เมตร
โซนที่ 4 บริการสุขภาพ นวดดัดจัดสรีระคลายความเมื่อย
ทั้งคอ บ่า ไหล่ หลัง ขา นวดสัก 10
นาที จ่ายไปเลย 80 บาท
สถานที่ท่องเที่ยวรอบดอยตุง
แนะนำให้แวะ ดอยช้างมูบ สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ช่วงงานจะมีเด็กใฝ่ดีมาเป็นไกด์นำเที่ยวฟรี
ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-16.00 น. สามารถเช่าชุดชนเผ่าสวมถ่ายรูปได้ชั่วโมงละ 100 บาท
ไกด์เด็กจะพานำดอกไม้ชนิดต่างๆ ทั่วบริเวณก็มี ดอกสร้อยระย้า ดอกอาซาเลียสีชมพูสด ดอกลูกปัดออสเตรเลีย
หรือตาเป็ดตาไก่ แล้วก็ลองไป “อุโมงค์ซากุระ” เมื่อครั้งอดีตเคยลักลอบคนขนสิ่งผิดกฎหมายหลบหลีกจากสายตาทหารเพื่อข้ามไปยังฝั่งเมียนมา
มาบรรจบที่ FAIDEE Café มีเสียงดนตรีกับชา กาแฟ
เครื่องดื่มต่าง ๆ นั่งจิบสบาย
นักท่องเที่ยวที่มาถึงดอยตุงแล้วเข้าชม
4 สถานที่ ได้แก่ หอแห่งแรงบันดาลใจ-พระตำหนักดอยตุง-สวนแม่ฟ้าหลวง-สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง
จ่ายค่าบัตรได้ในราคาสบายกระเป๋า คนทั่วไป 220 บาท
นักเรียน-ผู้สูงอายุ-พระ-บุคคลพิเศษ 110 บาท ดูรายละเอียดที่ www.facebook.com/DoiTungClub
โทร. 0-2252-7114 ต่อ 212, 213
ห้ามพลาด
!! หนาวนี้ไปเจอกันบนภูสูงดอยตุงสัมผัสไอหนาว
วิถีชนเผ่าที่มีเรื่องราว ความงดงาม รอต้อนรับทุกคน
ปีใหม่นี้มาฉลองความสุขด้วยการเลือกกินอาหารบำรุงระบบประสาท
ซึ่งจะทำงานได้ดีขึ้นต้องหมั่นฝึกฝนและใช้งาน ซึ่งการกินอาหารก็มีส่วนช่วยให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น
1.
วิตามินบี 1
เติมพลังงานให้ร่างกาย : ธัญพืชต่างๆ ข้าวกล้อง ข้าวธัญพืช เมล็ดทานตะวัน
กะหล่ำดอก มันฝรั่ง
2.วิตามินบี 2 ต้านอนุมูลอิสระ : นมวัว ชีส
ผักใบเขียว ตับ ถั่วเขียว ถั่วแดง เห็ด อัลมอนด์
3.วิตามินบี 6 สร้างเม็ดเลือดแดงให้แข็งแรง :
เนื้อสัตว์ทุกชนิด ผักเกือบทุกชนิด ถั่วขบเคี้ยว กล้วย
4.วิตามินบี 12
บำรุงสมอง : ปลา เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ไข่ นม
5.โอเมก้า 3 - บำรุงความจำ : ปลาช่อน ปลาดุก
ปลาแซลมอน
6.Resveratrol (เรสเวอราทรอล
คือสารที่ช่วยในเรื่องชะลอวัยชนิดหนึ่ง) ป้องกันความจำเสื่อม
: องุ่นแดง ช็อกโกแลต บลูเบอร์รี่
7.วิตามินอี
ผิวสวยสดใส : เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์ ผักโขม น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
วัลลภา ไตรโสรัส
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด
(มหาชน) “AWC” กล่าวว่า เตรียมปรับโฉม
เอเชีย ทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอน์
ศูนย์การค้าแนวราบใหญ่สุดในเอเชียติดแม่น้ำเจ้าพระยาลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท ทำโครงการ Mix Use ในพื้นที่กว่า
100 ไร่ แบ่ง 4 ส่วน ได้แก่
1.เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์เดิมจะต่อเติมหลังคาปรับช่องลมแดดเพื่อเปิดบริการตลอดทั้งวันจากปัจจุบันเปิดเฉพาะช่วงเย็น
2.โกดังเก่า 1 แสนตารางเมตร จะทำพื้นที่เชิงพาณิชย์เปิดให้ร้านค้า
สวนสนุก (fun park) พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และจะย้าย “เอเชียทีค
สกาย-ชิงช้าสวรรค์” มาไว้ในโซนนี้ ซึ่งจะทำให้เสร็จเป็นพื้นที่แรกเพราะใช้ระยะเวลาก่อสร้างนับจากนี้ไปไม่เกิน3 ปี
3.จอดรถ ได้ทำข้อตกลงกับเอเดรียน สมิท
แอนด์ กอร์ดอน กิลล์ อาร์ชิเทกเจอร์ (Adrin Smith+Gordon Gill Architecture
: AS+GG) เพื่ออกแบบเอเชียทีคให้กลายเป็นพื้นที่มีบริการตึกใหม่สูงสุดในไทยขนาด
100 ชั้น ประกอบด้วย
1.โรงแรม
5 ดาว 1 โครงการเลือกใช้แบรนด์แมริออทบริหาร ส่วนโรงแรม
6 ดาว 1 โครงการ แบรนด์
เรสซิเดนซ์ (Branded Residence) 1 โครงการ ภายในจะมีพื้นที่รีเทลและเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
จุดชมวิวไอคอนิกผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมยุคใหม่และเอกลักษณ์ความเป็นไทยริมเจ้าพระยา
จะใช้แบรนด์ในเครือแมริออทบริหารด้วยเช่นกัน
สำหรับ AS+GG เป็นสตูดิโอเชี่ยวชาญการออกแบบตึกสูงระดับโลกซึ่งเป็นไอคอนิกดัง
ๆ ของเมืองชั้นนำทั่วโลก เช่น เซ็นทรัล พาร์ค นิวยอร์ก เจดดาห์
ทาวเวอร์ ซาอุดีอาระเบีย อัล
วาสล์ พลาซ่า ดูไบ, เบิร์จ คาลิฟา ดูไบ จินเหมา ทาวเวอร์ เซี่ยงไฮ้
4.พื้นที่ฝั่งตรงข้ามถนนของเอเชียทีค
เตรียมพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ระหว่างขยายการลงทุนก็จะศึกษาระบบการคมนาคมขนส่งทั้งทางน้ำ
ทางบก ให้พร้อมรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แนวโน้มขยายท่าเรือนักท่องเที่ยว
ตัดถนนเชื่อมต่อกับถนนเจริญราษฎร์ ลดปัญหาจราจร
โรงแรมอนันตรา
สยาม กรุงเทพฯ เปิดปาริชาติ คอร์ด จัดบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำฉลองส่งท้ายปีสู่วันขึ้นปีใหม่
เวลา
18.00
– 22.00 น. เลือกฉลองความสุขกับการกินได้ทั้ง ห้องอาหารเมดิสัน
สเต๊กเฮาส์ ห้องสไปซ์ มาร์เก็ต และ
อควา บาร์ ด้วยบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ ภายใต้บรรยากาศร่มรื่น ราคา 6,200 บาท++ ต่อ/คน รวมเครื่องดื่ม เบียร์ สปาร์คกลิ้งไวน์ และ แชมเปญ
เสิร์ฟไม่จำกัด และ ราคา 3,250 บาท++ ต่อ/คน เด็กอายุต่ำกว่า
12 ปี รวมเครื่องดื่ม
เริ่มจากดินเนอร์มื้อค่ำฉลองส่งท้ายปี
ที่ “ห้องอาหารอิตาเลียน บิสก็อตติ” 18.00 – 22.30 น. เลือกรับประทานอาหารอิตาเลียนช่วงค่ำคืนอันแสนพิเศษของคุณก่อนโบกมืออำลาปีเก่าและเคาท์ดาวน์สู่ปีใหม่
“ห้องอาหารญี่ปุ่น ชินทาโร่” 17.00
– 22.30 น. อิ่มอย่างมีความสุขกับเมนูอาหารญี่ปุ่นที่เชฟซาโตชิ
ซาวาดะ จะโชว์ฝีมือการปรุงอาหารเมนูสุดพิเศษส่งท้ายปี
และร่วม เคาท์ดาวน์ปาร์ตี้”
ที่เดอะ ล็อบบี้ (The Lobby) เวลา 22.00 – 02.00 น. ในบรรยากาศรื่นเริงและสนุกสนาน เพลิดเพลินกับไวน์
เบียร์ เครื่องดื่ม ความบันเทิงแบบข้ามคืนสู่ปีใหม่ เคล้าเสียงเพลง ราคา 2,020 บาท++ ต่อ/คน
รวมเครื่องดื่ม เบียร์ และ ไวน์
เสิร์ฟไม่จำกัด หรือเลือกฉลองเป็นกลุ่มร่วมราคาเริ่มต้น 10,000 บาท++ จำกัดสูงสุด 6 คน/โต๊ะ
นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ”
นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กบ่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการกว่า 300 โรงแรมตื่นตัวขานรับเข้าร่วมโครงการลดขยะพลาสติก
หลังจากไทยถูกจัดให้เป็นประเทศที่ประสบปัญหาขยะพลาสติกอันดับ 6 ของโลก ที่ทิ้งขยะพลาสติกลงสู่ทะเลมากที่สุด
สถิติปี2561 มีกว่า
1.3 ล้านตัน
รองจากจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม
และศรีลังกา ส่งผลให้ภาครัฐจึงได้ออกมาตรการลดและยกเลิกใช้พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง
หรือ single-use plastic 7 ชนิด อาทิ ฝาน้ำดื่ม กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ถุงพลาสติกหูหิ้ว หลอดพลาสติก
ตั้งเป้าภายในปี 2568
2025 ลดปริมาณขยะพลาสติกภายในประเทศให้หมด
ตัวอย่างกลุ่มอินเตอร์คอนติเนนตัล
โฮเต็ล กรุ๊ป (IHG) เจ้าของธุรกิจโรงแรมระดับโลก
หรือโรงแรมในเครือแมริออทอินเตอร์ อนันตรา โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ประกาศยกเลิกการใช้ขวดใส่ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่ใช้ในห้องน้ำแบบใช้ครั้งเดียว
เป็นขวดแบบปั๊มขนาดใหญ่ นำร่องยกเลิกใช้ขวดน้ำพลาสติกและหลอดพลาสติกแล้ว โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทาราประกาศแผนยั่งยืนปี
2562 ทำ 3 กลยุทธ์หลัก 1.เลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
2.ลดปริมาณอาหารที่เหลือทานด้วยการมอบอาหารที่เกินปริมาณบริโภคในแต่ละวัน
แต่ยังคุณภาพดีให้แก่องค์กรการกุศลในชุมชนใกล้เคียง 3.สนับสนุนผลิตผลจากเกษตรกรและชุมชนในท้องถิ่น โดยสมาคมโรงแรมไทยร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ทำโครงการร่วมใจลดใช้พลาสติก ภายใต้ปฏิญญา “เที่ยวไทยเท่ ไม่สร้างขยะ
ลดโลกเลอะ”
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM
97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น