เปิดโพลล์อุตฯท่องเที่ยวไทย8เทรนด์แรงปีหนู’63
คนไทยโหยหาแอพ-เว็บ/สูงวัยควงเด็กทัวร์มุมใหม่
แอร์ไลน์สไทย-โลกระส่ำหนักอาการน่าเป็นห่วง
ผูกบัญชีสมาชิกคิงเพาเวอร์ลดกระจายส่งท้ายปี
คิงเพาเวอร์วินเทอร์ชวนเติมสุข..รับลมหนาวปีใหม่
คิงเพาเวอร์ปลุกใช้90-พันกะรัตกินช้อปคุ้มถึงสิ้นปี
ททท.หนุนเต็มเหนี่ยวสตรีทฟู้ดจัดกระหึ่มก.พ.63
ททท.ชูพนักงานขับรถGrabทำโมเดลเจ้าบ้านที่ดี
บางจากแจกปีใหม่ตรึงน้ำมัน-เช็ครถฟรี11รายการ
เที่ยวหัวหินมุมใหม่ชมชิมสวนเมล่อนกลางเมือง
ผู้สูงวัยเลือกกินอยู่อย่างไรให้ห่างไกล7โรคร้าย
อินดิโก้กรุงเทพฯบูมจัดมื้อเคาน์ดาวน์31ธ.ค.นี้
ดิโอกุระชูจังโกะนาเบะเมนูซูโม่เสิร์ฟยาว3เดือน
บางจากแจกปีใหม่ตรึงน้ำมัน-เช็ครถฟรี11รายการ
เข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวัน 2562
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza # #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #ท่องเที่ยวปี63กับ8เทรนด์ไทย8เทรนด์โลก
ช่วงที่
1 ส่งท้ายปีกับบทวิเคราะห์โดย
“เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ผู้ดำเนินรายการและคอลัมนิสต์ท่องเที่ยว พยากรณ์อนาคตท่องเที่ยวปีหนูทอง
2563 กับ
8 เทรนด์ดาวรุ่ง
และโพลล์ของBooking.com ชี้คนไทยยุคหน้าพึ่งพา
8
เทรนด์สะท้านประเทศ ไทยเข้าสู่ยุคโหยหา Application ไฮเทคโนโลยีนำทาง
เที่ยวสโลว์ไลฟ์แทนที่กระแส FOMO
ยอมเสียเวลาเป็นเดือนเพื่อรอคิวจองร้านดังกินของอร่อยในท้องถิ่น
และกลุ่มปู่ย่าอยากร่วมทริปผจญภัยกับหลาน ๆ ทุกเทรนด์จะพลิกโฉมเปลี่ยนโลกใหม่
ขอให้ภาคธุรกิจเตรียมตัวให้พร้อม
ตลอดปี 2562 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยโดยภาพรวมยังเติบโตขาขึ้น
ทำรายได้กระจายทั่วประเทศ 3.1
ล้านล้านบาท
ด้วยจำนวนนักท่องที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวราว 39.8 ล้านคน
นำเงินมาใช้จ่าย 2.12 ล้านล้านบาท ต่อเนื่องไปถึงปี 2563
จะต้องสร้างเม็ดเงินให้เข้าเป้า 3.3
ล้านล้านบาท ตั้งความหวังจะมีทั่วโลกมาเที่ยว 41.8 ล้านคน
นำรายได้เข้ามาไม่ต่ำกว่า 2.2
ล้านล้านบาท
ท่ามกลางความปัจจัยท้าทายรอบทิศทางทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเงินบาทแข็ง ผนวกเข้ากับแรงเหวี่ยงเศรษฐกิจโลก
ผู้นำตลาดอย่างจีนชะลอตัวต่อเนื่อง ส่วนยุโรปไม่ต้องเอ่ยถึงซบเซาจากปัญหาหลายเรื่อง
ญี่ปุ่นกำลังเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาระดับโลก โตเกียว โอลิมปิก 2020
จะดูดคนจากทั่วโลกเข้าไปร่วมงานไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน
การขับเคลื่อนปี 2563 ในโอกาสที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยครบ
60 ปี
หรือ 6 ทศวรรษ
ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศจะฝ่าพายุเศรษฐกิจรอบทิศทาง
โดยใช้หัวหอกทำตลาดสร้างจุดขาย 2
โปรเจ็กต์ คือ 1.อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยครบ 6 ทศวรรษ
2.การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
(Responsible Tourism)
สินค้าท่องเที่ยวตามนโยบายก็มี “Thailand
365 กับ Tourism for All” การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลเที่ยวได้ทุกคนทุกวัย
เพือลดความเหลื่อมล้ำ สร้างเศรษฐกิจทั้งประเทศแข็งแกร่งจากฐานรากขึ้นมาสู่ระดับบน
สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวชี้เป้าว่าปี
2563 ภาคธุรกิจจะต้องพลิกโฉมการค้าท่องเที่ยวเข้าหา
8 เทรนด์มาแรง
ประกอบด้วย
1.เทรนด์นักท่องเที่ยวต่างประเทศกลุ่มเดินทางอิสระ FIT แนวโน้มเติบโตมากที่สุดพร้อมกับเที่ยวแบบการบอกต่อ
2.นักท่องเที่ยวจากเมืองรองของสาธารณรัฐประชาชนจีนบางส่วนยังคงมาเป็นกรุ๊ปทัวร์
3.นักท่องเที่ยวความสนใจที่หลากหลายขึ้น ตัดสินใจมาเที่ยวในจำนวนวันเท่าเดิม
แต่เพิ่มจุดหมายมากขึ้น
4.นักท่องเที่ยวกลุ่มเฉพาะขยายตัวสูงกว่ากลุ่มอื่น
เช่น กลุ่มสตรี กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มสุขภาพ
5.นักท่องเที่ยวให้ความสeคัญกับสิ่งแวดล้อม
ความยั่งยืนของแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะเที่ยวทางทะเล
6.รัฐบาลไทยเน้นส่งเสริมการลงทุนในเมืองรองด้วยมาตรการทางภาษี
และพัฒนาคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน
เชื่อมโยงเมืองหลัก เมืองรอง
ให้ดีมากขึ้น
7.การสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัย ความสะอาด
ความเป็นธรรม (การร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน – การร่วมมือป้องกัน
สร้างความเชื่อมั่น
ขณะที่ทาง
Booking.com ผู้นำตลาดค้าออนไลน์ท่องเที่ยวเองได้ทำสำรวจหรือ
Poll กลุ่มนักเดินทาง
29 ประเทศ
มากกว่า 22,000 คน
เปิดข้อมูลเชิงลึกจากผู้เข้าพักกว่า 180 ล้านรายการ
จนได้บทสรุปพฤติกรรมความต้องการของท่องเที่ยวแรง ๆ ปี 2563 สะท้านโลกและเมืองไทย
รวม 8
เทรนด์ ดังต่อไปนี้
เทรนด์ที่
1
พฤติกรรมของคนไทยและต่างชาติ ประกอบด้วย 1.คนไทย
68%
หันมาเที่ยวเมืองรอง 2.
นักท่องเที่ยวคนไทย 79%
อยากให้มีบริการ แอปพลิเคชัน/เว็บไซต์
แนะนำจุดหมายที่มีผู้ไปเที่ยวเพิ่มขึ้นแล้วช่วยสร้างผลเชิงบวกให้ชุมชนท้องถิ่นนั้น
ๆ 3.นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
54 % อยากมีส่วนร่วมลดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง
4.นักท่องเที่ยว
65%
ต้องการเปลี่ยนแผนไปเที่ยวจุดหมายอื่นที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่าแต่คล้ายกับของเดิม
ดังนั้นจึงขอแนะนำให้บริษัทท่องเที่ยวต่าง
ๆ นำเสนอฟังก์ชั่นให้โดนใจตลาดนักเดินทาง
ด้วยการสามารถระบุเมืองรอง/ละแวกจุดหมายได้ง่ายขึ้น
ควบคู่กับร่วมมือกับพันธมิตรสร้างแคมเปญให้นักท่องเที่ยวตระหนักถึงการมีส่วนร่วมรับผิดดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วนภาครัฐต้องตื่นตัวพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกระจายในพื้นที่ยังขาดแคลนมีความสะดวกมากขึ้น
เทรนด์ที่ 2
ใช้เทคโนโลยีคาดการณ์สิ่งที่ไม่คาดคิด 1.คนไทยกว่า 82% ต้องการให้ผู้ประกอบการเทคโนโลยีเสนอ “ไพ่เด็ด”
และตัวเลือกสุดเซอร์ไพรส์ เพื่อพาไปพบกับประสบการณ์แปลกใหม่ 2.คนไทยมากกว่า
64% เน้นใช้แอปพลิเคชั่นเลือกดูและจองกิจกรรมแบบเรียลไทม์ซึ่งตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและง่าย
3.คนไทย
61% มีแผนใช้แอปพลิเคชั่นวางแผนกิจกรรมต่าง
ๆ ล่วงหน้า
เทรนด์ที่ 3
การท่องเที่ยวเที่ยวแบบสโลว์ ๆ จะมาแทนเทรนด์การกลัวตกกระแส -Fear of Missing Out : FOMO และต้องเร่งรีบทำทุกอย่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ปี 2563จะพลิกโฉมแบบค่อยเป็นค่อยไป
1.คนไทย
61%
วางแผนจะใช้รูปแบบการเดินทางแบบช้าลง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 2.คนไทย78%
จะเลือกเส้นทางที่ใช้เวลาเพิ่มขึ้นเพื่อสัมผัสประสบการณ์จากการเดินทางให้มากขึ้น 3.คนไทย
75%
ไม่เกี่ยงจะใช้วิธีเดินทางแบบแปลกใหม่แม้จะต้องใช้เวลามากขึ้น 4.นักท่องเที่ยวโดยรวม 73%
อยากสัมผัสถึงความรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลาด้วยการนั่งรถไฟสายประวัติศาสตร์ เช่น Flying Scotsman หรือ
Orient Express
เทรนด์ที่ 4
ค้นพบการท่องเที่ยวที่สัมผัสความสนุกได้แบบครบครัน 1.คนไทย 71% ยืนยันต้องการออกทริปยาว ๆ สักครั้ง
เพื่อไปยังสถานที่ที่มีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจสุดโปรดทั้งหมดอยู่ใกล้กัน 2.คนไทย
77%
พร้อมเลือกจุดหมายที่มีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจสุดโปรดทั้งหมดอยู่ใกล้กันเพื่อได้ประหยัดเวลาเดินทาง
ดังนั้นจึงมีข้อแนะนำให้หันมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงระบบคมนาคมอย่างต่อเนื่องให้ผู้เดินทางสะดวกยิ่งขึ้น
ส่วนการลงทุนแหล่งท่องเที่ยวต้องเน้นความสนุกและสิ่งที่น่าสนใจหลากหลาย ข้อเสนอ
ผู้เดินทางได้เที่ยวครบ
เทรนด์ที่ 5
ท่องเที่ยวกับสัตว์เลี้ยงมีสูงเป็นอันดับหนึ่ง 1.คนไทย 52% เจ้าของสัตว์เลี้ยงย้ำปีหน้าจะเลือกจุดหมายพักร้อนโดยพาสัตว์เลี้ยงไปด้วย
2.เจ้าของสัตว์เลี้ยง
52%
ยินดีจะจ่ายค่าที่พักเพิ่มในสถานที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง
ขณะนี้ผู้ประกอบการที่พักทั่วโลกยังคงมองหาวิธีใหม่
ๆ เพื่อยกระดับบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกกับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เช่น
ที่นอนสุนัข สปาสัตว์เลี้ยง เมนูรูมเซอร์วิส
หรือห้องอาหารที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อสัตว์เลี้ยง และอื่น ๆ
เทรนด์ที่ 6สร้างความทรงจำดี
ๆ ด้วย “ทริปสองวัย” 1.คนไทย
74%
รุ่นปู่ย่าตายายอยากใช้เวลากับหลาน ๆ ทำให้ตนเองได้รู้สึกย้อนวัย 2.คนไทย
56% กลุ่มพ่อแม่ต้องการมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้างโดยไม่มีเด็ก
ๆ รบกวน
ทุกวันนี้ทั้ง 2 กลุ่มผู้สูงวัยทุกแข็งแรงมากกว่ายุคก่อน
ๆ จึงชอบผจญภัยมากกว่า และกระตือรือร้นที่จะได้รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็ก
อนาคตการจัด “ทริปสองวัย” ใส่กิจกรรมสุดแอคทีฟให้คนสองวัยได้เข้าร่วมนั้น
จะได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีกในปี 2563
เทรนด์ที่ 7
แข่งกันไปจองร้านอาหาร ปี 2563
ก่อนเดินทางท่องเที่ยวคนจะให้ความสำคัญเรื่องอาหารเป็นอันดับแรก
แล้วแย่งกันจองร้านอาหารดัง ๆ
เพื่ออิ่มอร่อยโดยพร้อมจะเลือกร้านซึ่งมีคิวยาวเหยียดต่อเนื่องเป็นเดือน ๆ 1.คนไทย
85%
หันมาเลือกอาหารที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นนั้นๆ เมื่อได้ไปทริปวันหยุด
เทรนด์ที่ 8
ทางลัดที่จะได้ออกเดินทางระยะยาว 1.คนไทยในช่วงอายุ
18-25 ปี
28%
วางแผนจะเกษียณก่อนอายุ 55 ปี
ปี 2563 จึงเปลี่ยนแนวคิดและเริ่มวางแผนครั้งใหญ่หลังเกษียณในอนาคต
3.คนไทย
72%
เห็นถึงการออกเดินทาง หรือท่องเที่ยว เป็นวิธีสุดสมบูรณ์แบบในการใช้เวลาว่างหลังเกษียณไทย
4.คนไทย
73%
เมื่อเกษียนสนใจทริปโลดโผนมากขึ้น 5.คนไทยเกษียน
28%
วางแผน Gap Year
คือใช้เวลาไปเที่ยวนานหลายเดือนโดยไม่ให้มีอุปสรรคใดมาขัดจังหวะ 6.คนไทย73%
ยืนยันสามารถเที่ยวได้ตลอดไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม
ขณะที่
“สถานการณ์ของอุตสาหกรรมการบิน” ทั่วโลก ตลอดปี 2562 ทยอยปิดตัวไปแล้วกว่า 31 สายการบิน
แนวโน้มปี 2563 จะปิดตัวเพิ่มรวมแล้วอีกเกือบ
20 สายการบิน
ขณะเดียวกันในเมืองไทย ทั้ง “การบินไทย”
สายการบินแห่งชาติก็ยังตกอยู่ในภาวะขาดทุนหลักหมื่นล้านบาท
แนวโน้มการตลาดและการทำรายได้ยังคงชะลอตัว ซึ่งมาจากหลายปัจจัย ไทยสไมล์ นกแอร์
ก็ขาดทุนไม่แตกต่างกัน แม้แต่ “ไทย แอร์เอเชีย”
ซึ่งออกมายอมรับว่าเป็นโลว์คอสต์ที่รุ่งเรืองได้รับความนิยมมาตลอด
แต่พอเปิดบริการเข้าสู่ปีที่ 15
ก็เริ่มเข้าสู่วงจรขาลงด้วยเช่นกัน
เข้าสู่ปีหนูทอง
2563 ขอให้คนไทยทั้งประเทศ
มีความสุขกับการพักผ่อน แล้ววางแผนใช้ชีวิตปีหน้าอย่างมีสติ
ร่วมแรงร่วมใจกันรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจประเทศ และละ-ลด-เลิก ใช้ขยะพลาสติก
เพื่อช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืนตลอดไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ เชิญชวนขาช้อปในประเทศไทยเข้ามาร่วมผูกบัญชีกับ คิง เพาเวอร์
ผ่านช่องทางออนไลน์ตามขั้นตอนง่าย ๆ 3 ขั้นตอนเท่านั้น
ขั้นที่ 1 สมัครสมาชิกก่อน
โดยเข้าเว็บไซต์ www.kingpower.com หรือแอพลิเคชั่น
King Power Application
ขั้นที่ 2 ระบุประเภทบัตรที่ต้องการเข้าเป็นสมาชิก
จนเสร็จสมบูรณ์
ขั้นที่ 3 ใช้บัตรตามสิทธิ์เลือกช้อปออนไลน์ได้ทันที
รวมทั้งรับหรือแลกคะแนนสมสมแต้ม “กะรัต” ได้อย่างทันใจด้วย
ข้อดีของการสมัครเป็นสมาชิกบัตร
คิง เพาเวอร์ มีตั้งแต่ ใช้เป็นส่วนลดพิเศษตามหน้าบัตรแต่ละประเภท
รับแต้มหรือแลกใช้คะแนนกะรัตได้อย่างสบาย และ
มีสิทธิพิเศษส่วนตัวเพื่อการเดินทางในทุกจุดหมาย
เริ่มจากการใช้เลาจน์สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต
การจองซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบิน ห้องพักโรงแรม แพกเกจท่องเที่ยว
ซึ่งจะได้รับส่วนลดมากกว่าทั่วไป เพราะกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
มีเครือข่ายพันธมิตรเข้าร่วมโปรโมชั่นทั้งในประเทศและทั่วโลก
พร้อมให้บริการสมาชิกอย่างเต็มที่ ทุกการเดินทางสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลก
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
เปิดบ้านให้ฉลองปีใหม่ “สุข...รับลมหนาว @ King Power Winter Village Presented by
KBank” ในอาณาจักรแห่งฤดูหนาวแสนสนุก ลูกค้ากสิกรไทย รับสิทธิพิเศษมากมายที่
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พิเศษ! เฉพาะบัตรเครดิตร่วม คิง
เพาเวอร์ – กสิกรไทย จัดเต็มระหว่างวันนี้ – 12 มกราคม 2563
1.รับฟรี! บัตร Ice Lake 1 ใบ
มูลค่า 150 บาท* เมื่อมียอดใช้จ่ายซื้อสินค้าภายในงาน
(ยกเว้นอาหารและเครื่องดื่ม) (จำกัด 50 สิทธิ์/วัน, 1 ท่าน สามารถรับสิทธิ์ได้ 1 ครั้ง/ตลอดระยะเวลาจัดงาน)เพียงโชว์เซลส์สลิป,
บัตรเครดิต, บัตรประชาชน
เพื่อรับบัตรกิจกรรมได้ที่บูธธนาคารกสิกรไทยภายในงาน
2.รับฟรี! บัตรกิจกรรม มูลค่า 100 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายซื้อสินค้าภายในงาน (ยกเว้นอาหารและเครื่องดื่ม)
ครบ 800
บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป (จำกัด 50 สิทธิ์/วัน, 1 ท่าน สามารถรับสิทธิ์ได้ 1 ครั้ง/ตลอดระยะเวลาจัดงาน)เพียงโชว์เซลส์สลิป, บัตรเครดิต,
บัตรประชาชน เพื่อรับบัตรกิจกรรมได้ที่บูธธนาคารกสิกรไทยภายในงาน
ส่วนบัตรเครดิตกสิกรไทยประเภทอื่นๆ รับฟรี! บัตรกิจกรรม
มูลค่า 50 บาท* เมื่อมียอดใช้จ่ายซื้อสินค้าภายในงาน
(ยกเว้นอาหารและเครื่องดื่ม) ครบ 1,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป(จำกัด 50 สิทธิ์/วัน, 1 ท่าน
สามารถรับสิทธิ์ได้ 1 ครั้ง/ตลอดระยะเวลาจัดงาน) เพียงโชว์เซลส์สลิป,
บัตรเครดิต, บัตรประชาชน เพื่อรับบัตรกิจกรรมได้ที่บูธธนาคารกสิกรไทยภายในงาน
บัตรเดบิตกสิกรไทย
และการชำระโดย QR
Code ผ่าน K PLUS รับฟรี! บัตรกิจกรรม มูลค่า 50 บาท*
เมื่อมียอดใช้จ่ายซื้อสินค้าภายในงาน (ยกเว้นอาหารและเครื่องดื่ม) ครบ 500 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป
(จำกัด 50 สิทธิ์/วัน, 1 ท่าน สามารถรับสิทธิ์ได้ 1 ครั้ง/ตลอดระยะเวลาจัดงาน)
เพียงโชว์เซลส์สลิป, E-Slip, บัตรเดบิต, บัตรประชาชน เพื่อรับบัตรกิจกรรมได้ที่บูธธนาคารกสิกรไทยภายในงาน
(จำกัด 50 สิทธิ์/วัน, 1 ท่าน สามารถรับสิทธิ์ได้ 1 ครั้ง/ตลอดระยะเวลาจัดงาน)
เพียงโชว์เซลส์สลิป, E-Slip, บัตรเดบิต, บัตรประชาชน เพื่อรับบัตรกิจกรรมได้ที่บูธธนาคารกสิกรไทยภายในงาน
หรือรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด
15%**เพียงใช้คะแนนสะสม KBank Reward Point แลกเท่ายอดซื้อบัตรกิจกรรมและสินค้าภายในงา
(ยกเว้นอาหารและเครื่องดื่ม) บัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ – กสิกรไทย15%บัตรเครดิตกสิกรไทยประเภทอื่นๆ 12%
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ มอบสิทธิประโยชน์มากมายที่ คิง เพาเวอร์ โดยคัดสรรมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นักเดินทาง
สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ห้ามพลาด !! การใช้คะแนนสะสม “กะรัต” มาแลกสิทธิ์อย่างคุ้มค่า ภายใน31 ธันาคม 2562 แลกได้ตั้งแต่ 90-1,000 กะรัต ดังต่อไปนี้
90 กะรัต รับคูปองทานอาหาร 100 บาท ที่ Thai
Taste Hub คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และร้านอาหารสตรีทฟู้ดชั้นนำ บนชั้น 3
คิง เพาเวอร์รางน้ำ คือ LEMAC% และที่ QQ
Taiwanese Dessert , Pinkberry
, KOI ,สมาชิกสามารถใช้คูปองมูลค่า 100 บาท
ไปประทานอาหาร ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
ในกรณีที่มีการกดรหัสแล้วไม่ได้นำมาใชสิทธิ์ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ทางบริษัทฯ
ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่ชดเชยทุกกรณี
400
กะรัต รับบัตรเข้าชม Mahanakhon Sky Walk (ไม่รวมเครื่องดื่ม)ที่
คิง เพาเวอร์ มหานคร โดยสมาชิกสามารถแลก e-คูปอง บัตรเข้าชม King
Power Mahanakhon Sky Walk เพียงใช้ 400 กะรัต จากราคาปกติ 1050
บาท (ไม่รวมเครื่องดื่ม)
500 กะรัต อร่อยกับมื้อเย็น สมาชิกสามารถใช้บริการได้เลยที่ ณ
ภัตตาคารรามายณะ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต โดยสำรองสิทธิ์ล่วงหน้า 3
วัน ที่หมายเลข 0 2205 8888 ต่อ 5730, 5731, 5732 แลกรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2562
1,000 กะรัต แลกรับบริการ Le Spa โรงแรมพูลแมน คิง
เพาเวอร์ กรุงเทพฯ มูลค่า 2,800 บาท เลือกรับบริการนวดตัว Relaxing
Aroma หรือ นวดเท้า 1 ชั่วโมง
กติกาการแลกกะรัต
1.ในกรณีที่มีการกดรหัสแล้วไม่ได้นำมาใช้สิทธิ์ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่ชดเชยทุกกรณี 2.สิทธิ์ที่แลกรับไม่สามารถเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 1631
ข่าวที่
4 “ททท.ขานรัฐบาลหนุนจัดยิ่งใหญ่ไทยแลนด์สตรีทฟู้ดเริ่มก.พ.63”
นายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำทีม ดร.ยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมผู้บริหาร ททท.
เข้าร่วมสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดโครงการ
“Thailand Street Food Festival 2020”
โดยรัฐบาลไทยได้ผนึกกำลังภาคเอกรัฐและเอกชนรวมถึงเชฟระดับโลก
ตั้งเป้ายกระดับสตรีทฟู้ดไทย กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จะนำร่องจัดงานแรกในเดือนกุมภาพันธ์
2563 ตามแผนรัฐบาลประกาศปิดถนนสีลมทำ
Pad Thai World Record by World Gas โชว์ศักยภาพสู่ชาวโลก ณ ตึกบัญชาการ
ทำเนียบรัฐบาล
โดยพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดโครงการดังกล่าว เมื่อช่วงเช้าวันที่
24 ธันวาคม
2562 ตามวัตถุประสงค์การจัดงานมหกรรมสตรีทฟู้ด
เฟสติวัล 2563 ก็เพื่อส่งเสริมศักยภาพให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทย
ที่มีมูลค่ากว่าปีละ 3 ล้านล้านบาท ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วนทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่นได้ร่วมผลักดันเพื่อขับเคลื่อนภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืนสู่อนาคต
เนื่องจากการท่องเที่ยว เชิงอาหาร หรือ
Gastronomy ของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวนานาชาติจำนวนมาก
รัฐบาลจึงต้องการจุดประกายการสร้างภาพลักษณ์อย่างจริงจัง มุ่งหวังจะให้เป็นส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศได้ต่อไป
สำหรับโครงการ Thailand Street
Food Festival 2020” กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ททท.ร่วมกับพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมมือกันรณรงค์เรื่องการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เพื่อส่งเสริมศักยภาพของไทยในฐานะเมืองสตรีทฟู้ดอันดับต้น
ๆ ของโลก
ที่จะมีพลังสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เดินทางเข้ามายังเมืองไทยปี 2563 ตามเป้าของรัฐบาลจะมีไม่ต่ำกว่า
41 ล้านคน
ข่าวที่ 5 “ททท.ผนึกGrabหนุนโมเดลแท็กซี่เจ้าบ้านที่ดี
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า
ได้สนับสนุนแต่ละอาชีพในประเทศไทยให้ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย
ล่าสุด ได้เป็นประธานมอบรางวัล “แท็กซี่ต้นแบบ” ในโครงการ Grab the Future ครั้งที่
4 เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยพร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาให้แก่เครือข่ายพันธมิตรผู้ขับขี่รถแกร็บเพื่อเป็นขวัญกำลังใจมุ่งมั่นให้บริการนักท่องเที่ยวทุกคนด้วยอัธยาศรัยไมตรีที่ทั่วโลกยอมรับความไทยเป็นเมืองแห่งรอยยิ้มและความสุข
ททท.จึงเข้าร่วมกับผู้จัดโครงการดังกล่าว
คือ บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเชิดชูเกียรติแก่ผู้ขับแกร็บแท็กซี่ซึ่งได้รับการคัดเลือกดีเด่นด้านต่าง
ๆ ได้แก่ ด้านการบริการ ด้านความสามารถในการใช้ภาษาต่างประเทศ
และด้านการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เป็นบุคคลต้นแบบในการเป็นเจ้าบ้านที่ดีให้แก่ผู้ประกอบอาชีพเดียวกันหรือผู้ประกอบการบริการอื่น
ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะช่วยส่งเสริมให้ไทยเป็นประเทศยอดนิยมที่ทุกฝ่ายตื่นตัวหันมาร่วมกันสร้างจุดแข็ง
ทำให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน มีความปลอดภัย ในระยะยาว
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) กล่าวว่า บางจากมอบของขวัญให้คนไทยช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ระหว่างวันนี้
- 1
มกราคม 2563 รวม 2 ชิ้น
ชิ้นที่1
จะคงราคาขายน้ำมันไว้เท่าเดิมหากน้ำมันในตลาดโลกปรับลดก็จะลดราคาน้ำมันลงด้วย เพื่อส่งมอบความสุขและร่วมดูแลความปลอดภัยและมีความสุขในช่วงเดินทางไปพักผ่อน
เยี่ยมเยือนครอบครัวญาติมิตร
เป็นการแสดงความขอบคุณต่อลูกค้าที่ให้การสนับสนุนบางจากมาตลอด
ชิ้นที่ 2
บางจากร่วมเป็นภาคีเครือข่ายโครงการบูรณาการด้านความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกกับกรมการขนส่งทางบก
จัดทำโครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย ไปกับ FURiO Care” บริการตรวจเช็ครถฟรี
11 รายการ ที่ศูนย์ WASH PRO และ FURiO Care โดยมีสถานีน้ำมันบางจากเข้าร่วม
30 สาขา ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2563
พร้อมส่วนลดน้ำมันหล่อลื่นบางจากราคาเริ่มต้น 520 บาท พิเศษไส้กรองทุกรุ่นลด 8 %
ตรวจสอบสาขาที่ร่วมรายการและรายละเอียดเพิ่มได้ที่ www.bcpcarcare.com
รวมทั้งเตรียมสำรองน้ำมัน
ทั้งที่สถานีบริการและคลังน้ำมันทุกภูมิภาค
เพิ่มจำนวนรถขนส่งเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ และจัดกำลังเสริมเพิ่มความรวดเร็วด้านบริการ
ดูแลการจราจรและอำนวยความสะดวกภายในสถานีบริการน้ำมัน
มอบฟรีน้ำดื่มจี๊ดจ๊าดแก้ง่วงในสถานีบริการน้ำมันบางจากบนถนนสายหลัก
จัดเตรียมห้องน้ำสะอาด ร้านสะดวกซื้อสพาร์ ร้านใบจาก มินิบิ๊กซี ที่มีเครื่องดื่ม
อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้จำเป็นไว้พร้อมบริการ รวมถึงตู้เอทีเอ็ม
เพื่อร่วมอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับชาวไทยและนักท่องเที่ยวตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่
ขณะที่ “ร้านกาแฟอินทนิล”
ได้จัดเตรียมกาแฟสดรสเข้มข้นเหมาะกับนักเดินทาง
พร้อมนำเสนอเครื่องดื่มเมนูใหม่ล่าสุดที่นำเอกลักษณ์โดดเด่นจาก 4 ภาค ได้แก่ ชาดำลิ้นจี่ชื่นใจ๋
มะม่วงปั่นข้าวพองกรอบ อีสานมะนาวแซ่บปั่น กาหยีทอฟฟี่เฟรปเป้ ไว้เพิ่มความสดชื่น
และยังมีครั้นชี่คุกกี้ 4 ภาค 4 รส 4 แบบในห่อเดียวกัน พร้อมแก้วใหม่ลายพิเศษ
"Inthanin x Kapi" ตั้งแต่วันนี้
– 31 มกราคม 2563 พร้อมจัดจำหน่ายแก้ว Tumbler สุดพิเศษลวดลายแสนน่ารักที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของดี
4 ภาค โดยศิลปินชื่อดัง Kapi เหมาะสำหรับเป็นของขวัญปีใหม่หรือไว้ใช้เอง
ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 5,000 ใบเท่านั้น
ช่วงที่
2 ถึงเวลาเที่ยวมุมใหม่ในฟาร์ม "เมล่อนหัวหิน" ต้องมาแล้วจะรู้ว่าทะเลอ่าวไทยก็ปลูกพืชให้ทัวร์เกษตรได้ ส่วน "ผู้สูงวัย" กับเทคนิคห่างไกลโรค และ กินให้อร่อยส่งท้ายปีต้องที่ "อินดิโก้ กรุงเทพฯ" บน roof top bar ส่วน "ดิ โอกุระ เพรสทีจ" เสิร์ฟต้นเมนูสุขภาพต้นตำรับซูโม่ "จังโกะ นาเบะ" ไม่ลองไม่รู้
@เที่ยวหัวหินมุมใหม่ชมชิมสวนเมล่อนกลางเมือง
วางแผนวันหยุดพักผ่อนเทศกาลปีใหม่
หรือจะไปท่องเที่ยวหลังจากนี้ก็ได้
แนะนำจุดแวะเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ในแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในหัวหิน “ฟาร์มเมล่อน- Rock Far farm for life” ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ปากซอยหัวหิน 114
บ้านหัวนา ตรงข้ามสวนน้ำวนา นาวาหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์
เปิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรมุมใหม่ ของคุณชุมพร พินิจทนสาร ที่ได้นำเมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่นพัฒนาสายพันธุ์ให้เข้ากับสภาพอากาศเมืองไทย
ดึงเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าใช้ทำให้ได้ผลผลิต หอม หวาน กำลังต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มให้เข้าไปชมได้ทุกวัน
พร้อมกับมีผลิตภัณฑ์เมล่อนลูกโต ๆ ให้ช้อปกลับบ้านได้
ฟาร์มเมล่อนแห่งนี้ปลูกใกล้แหล่งน้ำที่มีแร่ธาตุที่พืชต้องการครบ
33 ชนิด ผสมผสานกับอากาศที่เนินสูงใกล้ทะเล ทำให้ได้เมล่อนมีเอกลักษณ์รสชาติไม่เหมือนใคร
กระบวนการเพาะปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวจะใช้เวลาราว 90 วัน ปลูกรอบแรกเดือนกันยายน
เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตเดือนธันวาคม นี้
ซึ่งเพิ่งจะเปิดให้เข้าไปท่องเที่ยวแต่ยังไม่ได้เปิดเป็นทางการจึงต้องขอให้โทรติดต่อเพื่อบอกกันก่อนล่วงหน้าที่จะเดินทางเข้าไปที่
095 7619105
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถชมฟาร์มเมลล่อนในบรรยากาศเมืองทะเลบริเวณเพาะปลูกพื้นที่
3 ไร่ หากต้องเข้าไปชมในโรงเรือนก็ต้องช่วยกันปฎิบัติตามระเบียบของ ฟาร์ม จะต้องสวมชุด
และหมวกคลุมผม เปลี่ยนรองเท้า และเดินผ่านจุดแช่พื้นรองเท้าในอ่างน้ำยาฆ่าเชื้อ
ทั้งหมดก็เพื่อป้องกันแมลงและศัตรูพืชนั่นเอง
ชมเสร็จก็ชิมเมล่อนแล้วก็ช้อปติดมือกลับบ้านมาฝากครอบครัวหรือเพื่อนฝูงได้
ราคา 299 บาท/กิโลกรัม เลือกได้ทั้งขนาดลูกละ 2.5-3 กิโลกรัม และใหญ่ขนาด 3-4
กิโลกรัม ทางฟาร์มได้จัดเตรียมชะลอมสานจากไม้ไผ่กับกล่องกระดาษสวย ๆ ไว้เผื่อซื้อบรรจุนำมาเป็นของฝากคนที่เรารักและบอกปากต่อปากให้ลองไปท่องเที่ยวครั้งต่อไป
โดยธรรมชาติผู้สูงอายุมีความเสื่อมของรักษามักไม่ดีเท่ากับวัยอื่น
เกิดภาวะแทรกซ้อนง่าย เกิดภาวะทุพพลภาพได้สูง เสียค่าใช้จ่ายมาก
เป็นภาระกับตัวผู้ป่วย ครอบครัว และมักต้องเจอกับ 7 โรคดังนี้ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ
โรคไต โรคปอดอักเสบ โรคเบาหวาน โรคตับ และอัมพาต บรรดาโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดกับผู้สูงอายุ
มักมาจากปัจจัยหลัก 4
ประการคือ ความเสื่อมของอวัยวะตามวัย พฤติกรรมและ/หรือวิถีชีวิตที่ผ่านมา
การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ร่างกาย และปัจจัยทางพันธุกรรม แต่ก็สามารถป้องกันได้
1.ความเสื่อมของอวัยวะผู้สูงอายุ เช่น ผิวหนังบางลง
ความยืดหยุ่นลดลง เกิดเป็นจ้ำได้ง่าย
กระดูกพรุน
เสี่ยงต่อกระดูกหักเมื่อได้รับบาดเจ็บ
สายตายาว ต้อกระจก เซลล์ประสาทการได้ยินเสีย
หูตึง
น้ำตาลในเลือดเริ่มผิดปกติ
เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
หลอดเลือดแข็งตัว เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดส่วนปลาย หัวใจ
และสมอง ตับ
ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
ไต การกำจัดของเสียออกจากร่างกายมีปัญหามากขึ้น
เซลล์สมองและเนื้อสมองลดลง
ความจำลดลง
ดังนั้น
การรู้ธรรมชาติของร่างกายที่เสื่อมตามวัย ดูแลตนเองให้ดี ตรวจสุขภาพก่อนเกิดอาการ
รีบรักษา จะทำให้เป็นผู้สูงอายุที่สุขภาพดี มีคุณภาพ
ชีวิตที่ดีซึ่งเป็นสิ่งที่ปรารถนาของทุกคน ผู้สูงอายุกับการปฏิบัติตัว
การปฏิบัติตัวของผู้สูงอายุ เกี่ยวข้องกับร่างกาย จิตใจ และปัจจัย 4
อาหารการกินของผู้สูงอายุ จะต้องครอบคลุมอาหารหลัก 5 หมู่ ทั้งโปรตีน ไขมัน
เกลือแร่ วิตามิน ผัก ผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด มันจัด และเค็มจัด
(ไม่หวาน ไม่มัน ไม่เค็ม) และดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
(หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม
2.ออกกำลังกายได้ตามความเหมาะสมของร่างกาย เช่น ทำกายบริหาร
ช่วยให้ข้อต่อและกล้ามเนื้อแข็งแรง ทรงตัวดีไม่หกล้มง่าย (รำมวยจีน ฝึกโยคะ) / การออกกำลังกายแบบแอโรบิก
คือการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 3-5 นาทีขึ้นไป (การวิ่งเหยาะ การเดินเร็ว
ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก หรือการเดินบนสายพาน) /ฝึกกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน
ฝึกเกร็งกล้ามเนื้อ ต้นขาของผู้สูงอายุที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม
ช่วยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดอาการปวด และลดความรุนแรงของโรค
-
การเล่นกีฬาที่ชอบ ได้ความสนุกสนาน แต่ไม่หักโหมจนเกินไป
3.ออกกำลังกายอย่างไรได้ประโยชน์ ถ้าไม่มีโรคประจำตัว
การออกกำลังกายแบบแอโรบิกได้ประโยชน์มากที่สุด
/ ค่อยๆ เริ่มยืดเส้นยืดสายก่อน เมื่อจะเลิกก็ค่อยๆ หยุด
ให้ร่างกายและหัวใจได้ปรับตัว/ระยะเวลาการออกกำลังกาย
30
นาทีต่อครั้ง และ 3-4
ครั้งต่อสัปดาห์ /เป้าหมายเพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจเท่ากับ
ร้อยละ 50-80
ของอัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจ
/ อัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจ = 220 ลบ อายุ
(ปี) เช่น อายุ 70
ปี อัตราการเต้นสูงสุดของหัวใจ ก็คือ 220
- 70 = 150 ครั้ง/นาที ดังนั้นจะต้องออกกำลังกายให้ได้อัตราการเต้นของหัวใจระหว่าง
75-120
ครั้ง/นาที
4.สารอาหารที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ จะต้องครอบคลุมอาหารหลัก
5
หมู่ โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน ผัก ผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด
มันจัด และเค็มจัด และดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว (หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
และน้ำอัดลม) มีแร่ธาตุหลายชนิดที่ผู้สูงอายุต้องการและมักขาด คือ แคลเซียม เหล็ก
และสังกะสี /อาหารที่มีแคลเซียมสูง
ได้แก่ นม เต้าหู้ ถั่วเหลือง สาหร่ายทะเล เมล็ดงา ปลาตัวเล็ก ปลาป่น ผักใบเขียว /อาหารที่มีสังกะสี
ได้แก่ อาหารทะเล ปลา จมูกข้าวสาลี เมล็ดงา /อาหารที่มีเหล็กมาก
ได้แก่ เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ สาหร่ายทะเล เมล็ดฟักทอง เมล็ดงา จมูกข้าวสาลี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
“ข่าวแรก
“อินดิโก้กรุงเทพฯโหมจัดดินเนอร์เคาน์ดาวน์31ธ.ค.นี้”
โรงแรมโฮเต็ล อินดิโก้ กรุงเทพ
ถนนวิทยุ ชวนร่วมสนุกกับเทศกาลแห่งความสุขที่ “ห้องอาหาร ชาร์ รูฟท็อป บาร์” กับ 5
คอร์สเมนูสุดพิเศษ ได้แก่ หอยนางรมสดคำโต เนื้อแกะที่ชุ่มฉ่ำ
พายแอปเปิ้ลอันหอมหวาน และอื่นๆอีกมากมาย
สำหรับท่านที่ต้องการรับประทานอาหารก่อนงานปาร์ตี้ ในราคาพิเศษเพียง 2,499
บาทถ้วน ตั้งแต่ 17.30 - 20.00 น. ส่วนผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารค่ำไปจนถึงช่วงเวลาปีใหม่ 4,500 บาทถ้วน/คน ตั้งแต่ 20.00 -
00.00 น. แล้วสามารถร่วมสนุกได้อย่างต่อเนื่องที่
รูฟท็อป บาร์ หรือ สระว่ายน้ำ ราคาเพียง 1,000
บาทถ้วน/คน
ในค่ำคื่นธีม
สีเงินและสีขาว ที่ชาร์ รูฟท็อป บาร์ ฟังเพลงจังหวะเน้นๆไปกับดีเจ ค่าเข้าเพียงคนละ
2,000 บาทถ้วน สุดพิเศษกับสปาร์กลิ้งไวน์ฟรี 2
แก้ว และโปรโมชั่น 1 แถม 1
เมื่อสั่งเครื่องดื่มตั้งแต่เวลา 17.00 น.
– 20.00 น. ส่วนงานเลี้ยงที่สระว่ายน้ำอินฟินิตี้พูลของโรงแรมจัดให้มีสีสันสดใส
ด้วยค่าเข้าเพียง 2,000 บาทถ้วน พร้อมกับเครื่องดื่มฟรี 2
แก้ว และ คานาเป้ฟรีตลอดทั้งค่ำคืน ตั้งแต่เวลา 21.00
เป็นต้นไป
พร้อมให้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลสุดคุ้ม
ฟรี 1 คืน ที่ห้องพักแบบโอเชี่ยนวิว โรงแรมฮอลิเดย์อินน์
พัทยา ประกาศรางวัลเวลา 11.30 - 24.00 น.
ที่นั่งมจำกัดจองที่่อีเมล charbangkok@ihg.com
หรือ fb.hotelindigobangkok@ihg.com โทร.02
207 4999
โรงแรม
ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ เปิดห้องอาหาร อัพ แอนด์ อะบัฟ เสิร์ฟมื้อพิเศษ “จังโกะ
นาเบะ-Chankonabe” หม้อไฟสไตล์ญี่ปุ่น
เมนูดั้งเดิมที่นักกีฬาซูโม่ รับประทานเพื่อเสริมสร้างกำลัง
ควบคุมน้ำหนักและบำรุงร่างกาย เริ่มให้บริการตั้งแต่ 1
มกราคม - 31 มีนาคม 2563
ในช่วงฤดูหนาวชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมองหาเมนูอาหารที่เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย
จังโกะ นาเบะ
เป็นเมนูหม้อไฟของนักกีฬาซูโม่ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานเพื่อเสริมสร้างกำลังและเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย
เพราะนอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ทางโภชนาการมากมาย อาทิ
โปรตีนจากเนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อไก่และสารอาหารจากผักนานาชนิด
จังโกะ นาเบะ หม้อไฟสไตล์ญี่ปุ่น 1
หม้อ ประกอบไปด้วยเส้นอุด้ง ขาปูอลาสก้า เนื้อปลากระพงขาว หอยแมลงภู่ หอยตลับ กุ้ง
และที่ขาดไม่ได้คือเนื้อไก่ต้มในน้ำซุปไก่และปลาแห้งญี่ปุ่นรสชาติกลมกล่อมกับผักสดหลายชนิด
ให้บริการที่ห้องอาหาร อัพ แอนด์ อะบัฟ ระหว่างวันที่ 1
มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2563
ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ถึง 22.00 น.
ราคาหม้อละ 650++ บาท ราคายังไม่รวมค่าบริการ 10% และภาษีมูลค่าเพิ่มอีก
7% สำรองที่นั่ง
กรุณาติดต่อ 02 687 9000 หรือ upandabove@okurabangkok.com
ขอบคุณแฟนรายการทุกท่าน
ขอให้มีความสุขตลอดเทศกาลส่งท้ายปีเก่าเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2563
ปี 2563 ติดตามฟังรายการความเข้มข้นเข้าสู่ปีที่ 8
ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง
สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น