มูลนิธิปิดทองหลังพระชูน่านโมเดลปั้นครูอาสาการเงินแก้หนี้ครัวเรือนครั้งใหญ่

มูลนิธิปิดทองผนึก4พันธมิตรชู“น่านโมเดล”แก้หนี้ครัวเรือน

ปั้น”ครูอาสาประจำหมู่บ้าน”ปลุกกระแสสังคมไทยโดดร่วมวง

คิงเพาเวอร์จัด“มาหาความสุขมหานคร”ชิมชีลแสงสีคริสต์มาส

คิงเพาเวอร์มหานครดึงดีเจโลกชวนฉลองFirstSunsetปีใหม่

ททท.เทบิ๊กล็อตวันธรรมดาราคาช็อกโลก9วันส่งท้ายปีลดแรง

ททท.จับมืออ.คฑาดึง“PT-บิ๊กซี”นำลูกค้าแห่เที่ยวรับพลังบวก

BBGIเครือบางจากโดดร่วมทำไฟฟ้าชุมชนชีวภาพ200เม็ก

ปีใหม่นี้จูงมือกันไปตะลอนกินให้พุงกางใน4ย่านดังกรุงเทพฯ

ไอเดียบ้านอยู่แล้วสุขภาพดีต้องโปร่งโล่งใสสะอาดปลอดฝุ่น

ทอท.ตั้งรับคลื่นผู้โดยสารปีใหม่3.18ล้านคนสุวรรณภูมิแน่น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้คนกรุงเฉาลดใช้เงินช่วงปีใหม่แค่5.4พัน

ททท.นำทัพเชียงใหม่ติดมิชลิน50ร้านลุยต่อยอดทัวร์อาหาร

 

เข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #มูลธิปิดทองหลังพระทำน่านโมเดลแก้หนี้  

ศ.ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่
ที่ปรึกษาสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ

ช่วงที่ 1 เกาะติดสถานการณ์แก้หนี้คนไทยทั้งประเทศกับ “ศ.ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่” ที่ปรึกษาสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ นำทีมลงพื้นที่เปิดเวทีนำร่องในภาคเหนือจังหวัดน่าน ล้อมวงจัด “เงิน เงิน เงิน การจัดการการเงินและการลงทุนแบบชาวบ้าน” สร้าง “น่านโมเดล” ต้นแบบการพลิกโฉมเปลี่ยนพฤติกรรมเกษตรกร ลุยขยายสู่อีสาน อุดรธานี ขอนแก่น พื้นที่มีปัญหาหนี้ท่วมต้องเร่งปลดด่วน ๆ ด้วยการระดมแบงก์ชาติ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ กรมพัฒนาชุมชน หันมาสร้าง “ครูอาสาแก้หนี้ประจำหมู่บ้าน” วางระบบปฏิทินกิจกรรมแก้หนี้เพิ่มรายได้ เริ่มออมเงิน ปลุกกระคนทั้งสังคมหันมาช่วยกัน

ศ.ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ ที่ปรึกษาสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ เปิดเผยว่า มูลนิธิปิดทองหลังพระได้เข้ามาเปิดเวที “เงิน เงิน เงิน การจัดการการเงินและการลงทุนแบบชาวบ้าน” โดยนำร่องที่จังหวัดน่าน เนื่องอันเป็นกิจกรรมสืบเนื่องในการน้อมนำแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 มาให้ประชาชนลองประยุกต์การทำงาน ดูแลตั้งแต่การใช้ชีวิต ดูแลการเพาะปลูก เรื่องน้ำ ทำตลาดและการขาย แปรรูป ทำมากว่า 9 ปี ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทั้งผลผลิตเพิ่มขึ้น มีน้ำทำการเกษตร รายได้เพิ่มขึ้น แต่สิ่งเมื่อประมวลข้อมูลย้อนหลังลงไปก็พบสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เป็นเงาตามตัว ด้วยเช่นกัน           

ประการสำคัญกลับมีหนี้เพิ่มขึ้น แถมเงินออมก็ไม่ลดลง

โดยได้ข้อสรุปว่าหากการทำเฉพาะด้านการเพิ่มรายได้เพียงอย่างเดียว คงไม่น่าจะพอ เปรียบเสมือนตุ่มที่รั่วน้ำหรือเงินเติมลงไปก็ไหลออกหมด ทางมูลนิธิจึงคิดใหม่ต้องดูแลการเงินทำอย่างไรประชาชนจึงจะมีหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้แทนหนี้ที่เกิดจากความฟุ่มเฟือย ไม่เกิดประโยชน์ ในจังหวัดน่านประชาชนมีหนี้ประเภทไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงมาก อีกทั้งยังเป็นจังหวัด ในภาคเหนือที่มีตัวเลข “หนี้ครัวเรือน” ภาคเกษตรสูงที่สุด เป็นเหตุให้ได้มาหารือกันกับชาวบ้านหรือผู้นำในเริ่มนำร่องทำ รวมทั้งทางจังหวัดน่าน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ กรมการพัฒนาชุมชน ช่วยกันจัดงานให้องค์ความรู้เกี่ยวกับทางด้านการจัดการหนี้แบบชาวบ้านอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของหนี้และมาศึกษาอบรมให้ความรู้ เพื่อกลับไปเป็น “ครูการเงิน” ประจำหมู่บ้าน แล้วชวนคนที่มีหนี้ในหมู่บ้านเข้ามารวมกลุ่มกัน เพื่อช่วยกันคิด ควบคุมพฤติกรรมการอยู่ด้วยกัน สร้างภูมิคุ้มกันบริหารจัดการหนี้ให้อยู่ในระดับที่สามารถอยู่ได้ และเมื่อเกษียนแล้วต้องปลดหนี้หรือมีเงินออมได้ด้วย

จากการสอบถามชาวบ้านกลุ่มเกษตรกรแล้วพบว่าเกษตรกรทั่วไปอายุ 60-70 ปี ก็ยังมีหนี้ หรือบางคนตายไปแล้วก็ยังทิ้งหนี้ไว้ให้ครอบครัว หรือกว่าจะปลอดหนี้สำเร็จก็อายุเกิน 60 ปีแล้ว ซึ่งฟังดูน่าเศร้ามาก เพราะทั้งชีวิตเป็นหนี้มาตลอด ดังนั้นจึงต้องร่วมมือกันทำให้ “คนไทยปลดหนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย” และมีความมั่นคง มีเงินออม ทุกคนก็จะได้มีชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข และยังมีส่วนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วย เมื่อคนส่วนใหญ่ปลดและปลอดหนี้ แล้วมีเงินออมให้ประเทศนำเงินไปลงทุนอย่างอื่นได้

เป็นจุดมุ่งหมายใหญ่ในการจัดเวทีเสวนา “เงิน เงิน เงิน การจัดการเงินและการลงทุนแบบชาวบ้าน” โดยมีภาคีพันธมิตรหลักเข้ามาช่วยกันกับมูลนิธิปิดทองหลังพระ 4 กลุ่ม คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ กรมการพัฒนาชุมชน และเครือข่ายเกษตรกร เมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็คาดหวังจะมีผลผลิตเกิดขึ้น 2 เรื่อง ได้แก่ 1.มีคนลงชื่อจากหมู่บ้าน ตำบล ไหน อาสาเข้ารับการอบรมเป็น “ครูอาสาทางการเงินประจำหมู่บ้าน” และคนที่เป็นหนี้อยู่แล้วจะเข้าเป็นสมาชิกก็จะมีชื่อคนอาสาดังกล่าว 2.มูลนิธิปิดทองหลังพระได้หารือร่วมกับพันธมิตรคือ ธนาคารแห่งประเทศไทยภาคเหนือ ธกส.จังหวัดน่าน กรมการพัฒนาชุมชน จังหวัดน่าน จะจัดการอบรมให้ความรู้ทางการเงินแก่กลุ่มอาสาประจำหมู่บ้าน จัดทำปฏิทินการอบรม พร้อมจัดวิทยากรลงพื้นที่ไปเยี่ยมครูอาสาและสมาชิกกลุ่มที่เป็นหนี้ ยินดีช่วยกันคิดและหาทางออกให้ได้

รวมทั้งจะชวนกลุ่มออมทรัพย์หรือกลุ่มผู้ผลิตต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ในจังหวัดน่าน เข้ามาแสดงความคิดเห็นตามความเป็นจริงของแต่ละพื้นที่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ปัญหาแล้วแต่ละฝ่ายจะได้เข้าไปช่วยอย่างถูกวิธี

ดร.ชาติชายกล่าวว่าปี 2563 จะนำร่องจังหวัดน่านอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อจัดทำเป็น “โมเดลต้นแบบ” เพื่อขยายผลไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปิดทองหลังพระ ด้วยการใช้ทีมผสมระหว่าง ธกส.สหกรณ์ กรมการพัฒนาชุมชน รวมทั้งมูลนิธิปิดทองหลังพระจังหวัดน่าน นำทีมสัญจรไปเยี่ยมเยือนหมู่บ้านต่าง ๆ ตามวัน เวลา นั่งคุยให้ความรู้กัน ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทยภาคเหนือก็ยินดีสนับสนุนเต็มที่ ที่ผ่านมาลงมือทำกับเด็กระดับมัธยมศึกษา ส่วนปีหน้าทางผู้ว่าราชการจังหวัดน่านมีนโยบายให้ลงมือขยายสู่กลุ่มเป้าหมายกลุ่มเยาวชน โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหัวหอกสำคัญ นับเป็นแนวทางที่ดีต่อหมู่บ้าน ตำบล จังหวัด เมื่อเริ่มทำวันนี้ก็จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีในวันหน้าอย่างรวดเร็ว

ส่วนหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชนชาวบ้านหรือเกษตรกรแต่ละพื้นที่นั้น จะต้องตอกย้ำสร้างความตระหนัก เกิดการเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “หนี้หรือเงินหรือการจัดการเงินออม” สามารถทำได้เมื่อทำแล้วเกิดผลดีอย่างไร ที่ผ่านมาชาวบ้านอาจจะรู้คร่าว ๆ แต่หนี้ก็ยังเยอะไปหมด ทำให้เครียด หาทางออกเองไม่ได้ ต้องจำยอมตกอยู่ในวงจรหนี้ต่อไป

ทางมูลนิธิปิดทองหลังพระ กับเครือข่ายพันธมิตรจะทำหน้าที่เปิดแสงสว่างให้ชาวบ้านปลดหนี้มีเงินออม เพราะผมคิดว่าคนเราสามารถปรับตัวได้ หลุดพ้นทีละเล็กน้อยจากความทุกข์เรื่องหนี้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก

ดร.ชาติชาย กล่าวว่า ทางมูลนิธิปิดทองหลังพระ จะเดินหน้าเข้าไปช่วยเกษตรกรด้านการตลาด ต่อเนื่องจากเรื่องที่เข้าไปทำเรื่องการสร้างผลผลิต หาแหล่งน้ำมาทำการเกษตร ให้พันธุ์พืชเพาะปลูก ตอนนี้ก็เริ่มทำแล้วในโครงการ “ทุเรียนคุณภาพ” 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส หาตลาดให้จากจีน ผ่านกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยที่ค้าขายกับจีนอยู่แล้ว ปี 2563 จะเริ่มทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 3 ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ชาวบ้านเชื่อมโยงกับตลาดเองได้ สามารถอยู่ได้ด้วยกับธุรกิจการค้า และทำงานได้ด้วยตัวเองดำรงอยู่ต่อไปได้

ทางเดียวที่จะทำให้คนไทยปลอดหนี้คือต้องเปลี่ยนพฤติกรรมชาวบ้าน เกษตรกร ทั่วประเทศ

สำหรับการน้อมนำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงมาสร้างความสำเร็จให้ประชาชนชาวเกษตรกรแล้ว จากนี้เป็นต้นไปจะใช้ช่องทางขยายผลต่อเนื่องในศาสตร์ “เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา” ซึ่งเป็นกระบวนการของคิดร่วมกัน เปรียบเหมือนการออกกำลังกายทางสมองของประชาชน ส่งเสริมให้คนทำอย่างต่อเนื่อง หาทางออกอย่างเป็นเหตุเป็นผลคือ จัดทำแผน การจัดกิจกรรม ส่วนที่จะทำเพิ่มมากขึ้นคือ ต้องให้เกิดการประยุกต์ใช้ในการผลิตแต่ละกลุ่ม เช่น ข้าว กล้วย และอื่น ๆ ทางมูลนิธิปิดทองหลังพระจะทำเป็นศูนย์กลางหรือแพลตฟอร์มให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล เรียนรู้ร่วมกัน และมีนวัตกรรมการผลิต แปรรูป ใหม่ ๆ

ส่วนการขยายพื้นที่ในภาคอื่น ๆ เกี่ยวกับการแก้หนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการวางแผนเพื่อขับเคลื่อนเรื่องการแก้หนี้ครัวเรือนของประชาชน พื้นที่ต่อไปคือ อุดรธานี และลองดูหากเป็นไปได้ก็จะต่อด้วยกาฬสินธุ์ ขอนแก่น เป็นพื้นที่ที่มูลนิธิปิดทองหลังพระไปทำงานร่วมกับประชาชน รวมถึงเป็นพื้นที่มีปัญหาหนี้สินและรายได้เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นจะต่อไปในภาคอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่น่านหรืออุดรธานี ทางมูลนิธิฯ ต้องการเห็นการเคลื่อนของภาคประชาชนขยายไปยังหมู่บ้าน ตำบล เต็มพื้นที่ ทำให้เกิดองค์ความรู้ประจำครอบครัว ทุกบ้านมีความรอบรู้ทางการเงิน

ดร.ชาติชาย ย้ำว่าขอเป็นกำลังใจให้ชาวบ้านทุกคนสามารถทำได้เรื่องการเงิน การผลิต การมีชีวิตที่ดีสมบูรณ์ เมื่อเรามีน้ำ มีภูมิปัญญาที่ดี สำคัญที่สุดคือการจัดการที่ดี ใช้ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำนองเดียวกัน เมื่อมีรายได้หรือเม็ดเงินแล้วก็ต้องจัดการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้จ่ายในสิ่งที่ควร และออมเงินไว้สำหรับชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า หากมีหนี้ก็ต้องจัดการให้เป็นหนี้ที่มีแล้วต้องเพิ่มรายได้ไม่ใช่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ เรื่องเหล่านี้ต้องกระตุ้นคนไทยทั้งประเทศลุกขึ้นมาให้ความสำคัญช่วยทำเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ดังกล่าว

รวมทั้งเรื่องหนี้เป็นปัญหาส่วนรวม และหนี้ไม่ใช่ปัญหาใครปัญหามัน แต่หนี้เป็นปัญหาส่วนร่วมที่ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เหมือนกับปัญหายาเสพติดก็ไม่ใช่ปัญหาของนาย ก.ข.หรือ ค.แต่คนทั้งสังคมล้วนได้รับผลกระทบทั้งนั้น

ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทั้งประเทศควรจะลุกขึ้นมาช่วยกันหาทางออกเรื่องหนี้ ซึ่งกำลังส่งผลถึงคนไทยทั้งหมด

ฟังข่าวช่วงต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์บูมมาหาความสุขมหานครชิมชีลมื้อพิเศษคริสต์มาสถึงท้ายปี”

มาเที่ยวชีลชิมได้เลยกับ "มาหาความสุข มหานคร" ชมต้นคริสต์มาสยักษ์แสงสีสวย
แล้วขึ้นไปดินเนอร์ที่ห้อง แบ็งคอก สกาย บาร์ ชั้น 76-77 มีอาหารอร่อยพร้อมเสิร์ฟรออยู่

               คิง เพาเวอร์ มหานคร ตอกย้ำความเป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวของไทย โดยได้จัดกิจกรรม “มาหาความสุข มหานคร” รวบรวมความสุขแบบ ชิม พร้อม ชิล แจกบัตรขึ้นชมวิวฟรี มหานคร สกายวอล์ค จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าและรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ระหว่าง 24 – 30 ธันวาคมนี้ และมีต้นคริสต์มาสให้ชมภายใต้แนวคิด “ไทยสไตล์” ประกอบแสงเสียง สะท้อนความสุขแบบไทย ตั้งแต่วันนี้ - 12 มกราคม 2563 โดยได้รวบรวม "ความสุข’ ในรูปแบบ ชิม – ชิล ที่คุ้มค่าสุดพิเศษแห่งปีต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ

ด้วยการมอบความสุขแรกให้นักท่องเที่ยวสัมผัสได้ตั้งแต่บริเวณหน้าอาคารคิง เพาเวอร์ มหานคร กับต้นคริสต์มาสแบบ “ไทยสไตล์” ผ่านความคิดสร้างสรรค์ สะท้อนอัตลักษณ์ไทย ให้บรรยากาศความสนุกสนาน สอดคล้องกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่ไร้ขีดจำกัด กับศิลปะสมัยใหม่แบบประยุกต์ Thai Style Experience เพื่อสร้างความทรงจำ เรื่องราวเล่าขาน ผ่านภาพถ่ายและเรื่องเล่าบนโลกออนไลน์ที่ทุกคนพร้อมจะแชร์ประสบการณ์แห่งความสุข เปิดประสบการณ์ให้ชีวิตไม่หยุดเดินทางตามแนวคิด “Life Beyond Boundaries” เพราะเราเชื่อว่าทุกการเดินทางจะทำให้เราไม่อยู่ที่เดิม โดยจะมีการแสดงแสง เสียง เพื่อความเพลิดเพลิน ไปจนถึง 12 มกราคม 2563

พิเศษ! ระหว่าง 24 – 30 ธันวาคมนี้ เวลา 16:00 – 19:00 น. พบการแสดงพิเศษจากอักษรา คิง เพาเวอร์ และลุ้นรับบัตรเข้าชมฟรี มหานคร สกายวอล์ค จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าและรูฟท๊อปบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย บนความสูง 314 เมตร ที่จะได้เห็นความงดงามของวิวกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา

ข่าวที่ 2 “คิงเพาเวอร์มหานครดึงดีเจโลกชวนฉลองFirst Sunset ปีใหม่”

คิง เพาเวอร์ มหานคร ดึงดีเจระดับโลก มาร่วมปลุกนักท่องเที่ยวขึ้นไปร่วมฉลองFirst Sunset
ชมอาทิตย์ตกแรกของปี 2563 ที่สกายบาร์สูงที่สุดในไทยเพื่อชมวิวกรุงเทพฯ 360 องศา

คิง เพาเวอร์ มหานคร เชิญชวนทุกท่านมาร่วมฉลอง First Sunset อาทิตย์ตกแรกของปี 2563 จากรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทยกับ “โฮเซ่ พาดิย่า” ดีเจชื่อดังระดับโลกเจ้าของตำนาน Café Del Mar แห่งเกาะอิบิซา ที่จะมาสร้างความสนุกบนชั้น 78 ของอาคารลายพิกเซลส์อันเป็นเอกลักษณ์ใจกลางกรุงเทพฯ ในวันที่ 1 มกราคม 2563 ตั้งแต่เวลา 17:00 – 20:00 น. เปิดจำหน่ายบัตรแล้วในราคา 2,020 บาท/คน (สุทธิ) พร้อมรับเครื่องดื่ม 2 แก้ว สำรองที่นั่งได้ที่ http://bit.ly/First-Sunset-Party-2020   

โดยจะเปิดห้องอาหารมหานคร แบงค็อก สกายบาร์ เตรียมอาหารมื้อสายสำหรับวันปีใหม่ - New Year’s Day Brunch มื้อสาย 5 คอร์ส ราคาเพียง 2,900++ บาท/คน ช่วง 11:00-15:00 น. เมนูเด็ด ๆ เช่น บาร์หอยนางรม โพชเอ้กเห็ดทรัฟเฟิล ล็อบสเตอร์ และไก่ม้วนหนังกรอบทานคู่กับตับห่าน หรือเลือกชำระเพิ่มคนละ 1,900++ บาท รับฟรีโฟลว์โพรเซ็กโก้และเครื่องดื่มแบบไม่จำกัด สนใจสำรองที่นั่งได้ที่ http://bit.ly/Highest-NY-Brunch

ข่าวที่ 3 “ททท.เทบิ๊กล็อตวันธรรมดาราคาช็อกโลก9วันส่งท้ายปีลดแรง”

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

“ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนคนไทยทั่วประเทศออกมาเดินทางช่วงโค้งสุดท้ายกับบิ๊กแคมเปญ “วันธรรมดาราคาช็อกโลก” เหลืออีกเพียง 14 วันเท่านั้นจูงมือกันเลือกช้อปสินค้าการท่องเที่ยวครบวงจรได้ในราคาสบายกระเป๋าเริ่มต้นแค่หลักร้อยบาทเท่านั้นจองได้เลยที่ www.วันธรรมดาราคาช็อกโลก.com  ระหว่างวันนี้ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2562

ช้อปได้ทันทีการท่องเที่ยวแมนเมดและนิทรรศการหาชมยาก นำโดยโชว์สุดอลังการ “สยามนิรมิต กรุงเทพมหานคร” ลดบัตรเข้าชมการแสดงกว่า 70 % เหลือแค่เพียง 600 บาท/ที่นั่ง จากราคาปกติ 1,500 บาท/ที่นั่ง “ปราสาทสัจจธรรม” พัทยา สถาปัตยกรรมหนึ่งเดียวในโลกที่ใช้ไม้สักชั้นดีมาดีไซน์ร้อยเรียงเรื่องราวความยิ่งใหญ่ให้ปรากฎสู่สายตาชาวโลกก็ลดค่าเข้าชมลงเกือบ 50 % เหลือเพียง 299 บาท/คน จากราคาปกติ 500 บาท/คน “นิทรรศรัตนโกสินทร์” จัดทัพบัตรเข้าชมแรงสุด ๆ ในรอบปีนี้ลดถึง 50 %

ต้องช้อปกันแล้วเหลืออีกแค่ 9 วันเท่านั้น
"วันธรรมดาราคาช็อกโลก" ก็จะหมดโปรโมชั่นแล้ว ตอนนี้มีของดีราคาถูกมาขายเพียบ

 

หรือจะเลือกออกไปผ่อนคลายใกล้กรุงกับแพกเกจท่องเที่ยวฟิน ๆ ในแหล่งท่องเที่ยวสะพานสุดอันซีนกับ “ทริป สะพานทุ่งนามุ้ย” จังหวัดนครนายก เติมความสุขท่ามกลางโอโซนท้องทุ่งได้ในราคาเพียง 999 บาท/คน จากปกติ 1,999 บาท/คน หรือจะไปบ้านแหลม จังหวัดสุพรรณบุรีมีบริการ “ทริป พายเรือแคนู ครึ่งวัน” เช้าหรือบ่ายก็ได้ รวมบริการรถรับ-ส่ง จ่ายสบาย             ๆ แค่ 299 บาท/คน แทนที่จะต้องซื้อราคาเต็มปกติ 799 บาท/คน

ส่วนนักท่องเที่ยวที่ชอบเลือกได้สารพัดกิจกรรมท่องเที่ยววันธรรมดา แนะนำให้เข้าไปดูแพลตฟอร์มที่รวบรวมกิจกรรมท่องเที่ยวทุกรูปแบบมาไว้หน้าเว็บไซต์ของ Klook ชวน “ลามะ” เที่ยววันธรรมดาราคาช็อกโลก ลดแล้วลดอีกด้วยส่วนลด On top อีก 11 %

“ฐาปนีย์” ยืนยันว่านับจากนี้ไปตลอดที่เหลืออีก 9 วัน ระหว่าง 22-31 ธันวาคม 2562 มหกรรมช้อป “วันธรรมดา ราคาช็อกโลก” ตอนนี้ในแต่ละวันจะมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วเมืองไทยพร้อมใจนำโปรดักซ์เข้ามาร่วมลดราคาขายอีกมากมาย ทำให้ตอนนี้มีจำนวนยอดจองที่เข้ามาใช้บริการช้อปตามที่ ททท.ตั้งเป้าจะมอบของขวัญคนไทยไว้ 40,000 รายการ ปรากฎว่าตอนนี้ยอดช้อปทะลุไปกว่า 100,000 รายเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะแคมเปญตั๋วเครื่องบินของการบินไทยซึ่งลดเหลือเส้นทางละ 800-1,300 บาท จำนวน 1,000 ที่นั่ง วางขายไม่กี่ชั่วโมงก็หมดเกลี้ยง รวมทั้งแพกเกจทัวร์ของบริษัทนำเที่ยวในประเทศ ที่จัดเป็นกลุ่มรองรับครั้งละ 30-40 คน/ทริป ได้รับความสนใจคึกคักมาก เรื่อยไปจนถึงร้านอาหารต่าง ๆ ตามแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่ทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการ ก็มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาอุดหนุนตลอดโครงการมาจนถึงขณะนี้ และแนวโน้มปลายปีก็จะช่วยให้การท่องเที่ยววันหยุดยาวส่งท้ายปี 2562 ต้อนรับปีใหม่ 2563 คึกคักด้วยเช่นกัน

แฟนคลับ “วันธรรมดา ราคาช็อกโลก“ รอลุ้นรัลรางวัลได้ทุกวันศุกร์ได้อีก 2 วันศุกร์ รอรับได้เลย

ศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562 แจกใหญ่ รางวัลที่ 1 มูลค่า 52,500 บาท ห้องพัก บาบา บีช คลับ หัวหิน 3 วัน 2 คืน Beachfront Pool Suite พร้อมอาหารเช้า2 คน รางวัลที่ 2-4 มูลค่า รางวัลละ 16,000 บาท มอบห้องพัก เซ็นทาราอ่าวนางบีชรีสอร์ทและสปา กระบี่ 3 วัน 2 คืน  Deluxe Room พร้อมอาหารเช้า 2 คน รางวัลที่ 5-8 มูลค่า  รางวัลละ 2,580 บาท เที่ยวสวนน้ำ การ์ตูนเน็ทเวิร์ค อเมโซน (Cartoon Network Amazone Water Park) เป็นบัตรเข้าสวนน้ำ ผู้ใหญ่ สำหรับ 2  คน

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562 แจกส่งท้ายด้วย รางวัลที่ 1 มูลค่า   35,000 บาท บลู โวยาจ (Blue Voyage)แพกเกจล่องเรือคาตามารัน ยอร์ช พัทยา ทริป 4 ชั่วโมง 10 คน/ทริป รางวัลที่ 2-4 มูลลค่ารางวัลละ 12,000 บาท เซ็นทารา อันดา เทวี รีสอร์ท แอนด์ สปา (Centara Anda Dhevi Resort & Spa Krabi) มอบห้องพัก 3 วัน 2 คืน  Deluxe Room พร้อมอาหารเช้า 2 คน รางวัลที่ 5-8 มูลค่ารางวัลละ 9,180 บาท บริการโอเอซิสสปา แพ็กเกจ King of Oasis Signature Massage  สำหรับ 2 คน            

ข่าวที่ 4 ททท.-อ.คฑาดึง2คอร์ปอเรตใหญ่”PT-บิ๊กซี”ร่วมเที่ยวรับพลังบวก

นางวรรณภา เกียรติพงษา ผู้อำนวยการกลุ่มงานอำนวยการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้จับมือพันธมิตรเปิดแคมเปญ "เที่ยวรับพลังบวก กับ ดร.คฑา ชินบัญชร" ฉลองครบรอบ 60 ปี ททท.รับปี 2563 ภายใต้แนวคิด “เที่ยวไทยรับพลังบวก รักษ์โลก ลดขยะ สะสมบุญ” ขานรับนโยบายการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบของรัฐบาล โดยมี ดร.คฑา ชินบัญชร เป็นพรีเซนเตอร์ กระตุ้นนักท่องเที่ยวหันมาใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม ระหว่างเดินทางไปกับทริปตามศาสนสถาน ชุมชนใกล้เคียง โดยมีกิจกรรมทำถุงผ้าลดโลกร้อนด้วยตนเอง ทำขึ้นไปใส่สินค้าต่าง ๆ ลดการใช้พลาสติกไปในตัวได้ด้วย ติดตามได้ทาง www.เที่ยวรับพลังบวก.com

นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท PTG Energy จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เข้าร่วมโครงการกับ ททท.เป็นครั้งที่ 2 ปีแรกร่วมโครงการ เที่ยวไทยรับพร 12 ราศี กับ อ.คฑา ได้จัดทริปท่องเที่ยวพิเศษพาสมาชิกผู้ถือบัตร PT Max Card ของ PT ได้ร่วมทริปไปกับ ดร.คฑา ซึ่งถือว่าเป็นทริปทำบุญที่ได้มากกว่าบุญ เพราะได้ทั้งความสนุก ได้ความรู้ และเคล็ดลับดีๆ ในการเพิ่มพลังชีวิต มีกระแสตอบรับที่ดีจากสมาชิก เพราะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สมาชิกสายบุญของเราได้เป็นอย่างดี รวมทั้งช่วยสนับสนุน ประชาสัมพันธ์โครงการที่มีประโยชน์ต่อธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ในทุกช่องทางสื่อของเรา เพื่อเป็นสื่อกลางในการส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไป ได้เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อรับพลังบวกทั้ง 12 แห่ง ที่

นายอรรถพล อุไรไพรวัน รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เข้าร่วมโดยทำเป็นหนึ่งกิจกรรมของบิ๊กซีเพื่อตอบแทนสมาชิกบิ๊กการ์ดร่วมกับกิจกรรมอื่นๆ ตลอดปี 2562 พาสมาชิกบิ๊กการ์ด 200 คน ไปเที่ยวไหว้พระตามเมืองรองกับ ดร.คฑา 5 ทริป 5 ภาค ได้รับการตอบรับจากลูกค้ากว่า 200 คน โดยครั้งนี้ก็ยังเที่ยว 5 ภาค  เช่น ภาคตะวันออก ร่วมทริปต้อนรับวันตรุษจีน พิธีบูชาดาวที่วัดเขตร์นาบุญญาราม จ.จันทบุรี ภาคเหนือ วัดพระนางจามเวที จ.ลำพูน  ภาคใต้ ไปวัดพระมาหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช  ภาคอีสาน สักการะพระธาตุพนม จ. นครพนม + จ.สกลนคร โดยจะเชิญชวนสมาชิกบิ๊กการ์ดเข้าร่วมทริปผ่านช่องทางต่างๆ สื่อออนไลน์ และสื่อภายในสาขา Hyper ทุกสาขา รวมถึงสื่อออนไลน์ในช่องทาง เพจของ ดร.คฑา (คฑา ชินบัญชร) อีกด้วย เชิญชวนลูกค้าสมาชิกบิ๊กการ์ดติดตามข่าวสารได้ที่ facebook : Big C

ข่าวที่ 5 BBGIเครือบางจากโดดร่วมทำไฟฟ้าชุมชนชีวภาพหวัง200เม็ก

นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) “BBGI” ในเครือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “BCP” เปิดเผยว่า เตรียมพร้อมจะเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เบื้องต้นมองศักยภาพสามารถดำเนินการได้ 100-200 เมกะวัตต์ เน้นผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) หรือไบโอแก๊ส โดยกลุ่มบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการหมัก การเข้าร่วมดังกล่าวเพื่อตอบโจทย์เรื่องธุรกิจไฟฟ้าสีเขียวของกลุ่มบางจาก การช่วยเหลือชุมชน และเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายสหกรณ์ที่มีอยู่ได้ด้วย

ทาง BBGI จะยื่นเรูปแบบของโครงการทั่วไป ไม่ใช่ Quick win ซึ่งจะเริ่มต้นดำเนินการใหม่ เพื่อจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2564 เป็นต้นไป เพราะการใช้พืชพลังงานเป็นเชื้อเพลิงนั้นอาจมีหลายรูปแบบ ทั้งในส่วนของ ใบอ้อย ซังข้าวโพด หรือหญ้าเนเปียร์ต้องส่งเสริมพื้นที่ปลูก.oชุมชน นำมาป้อนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ส่วนการกำหนดพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าจะพิจารณาที่มีสายส่งไฟฟ้าเป็นหลัก รองลงไปเป็นพื้นที่เพาะปลูก เบื้องต้นมองในแถบบริเวณภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โรงไฟฟ้าที่มีความเหมาะสมของขนาดจะไม่เกิน 5 เมกะวัตต์/โครงการ ใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาท/เมกะวัตต์

อีกทั้งจะพยายามยื่นข้อเสนอให้ได้มากที่สุด เพราะตอนนี้ชุมชนที่มีความพร้อมกว่า 100 แห่ง แต่จะต้องพิจารณาคัดเลือกชุมชนที่เข้มแข็งแรง มีพื้นที่นั้นเหมาะปลูกพืชพลังงาน ผนวกกับตอนนี้ก็มีสหกรณ์ทยอยยืนยันกลับเข้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งจะสามารถสร้างความมั่นใจในการยื่นเป็นรายแรก ๆ ได้ก่อนก็จะเป็นผลดีต่อภาพรวมการผลิตพลังงานทางเลือกครั้งนี้

                ช่วงที่ 2 กรุงเทพมหานครกำลังจะกลายเป็นของเรา ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ใครที่อยู่โยง แนะนำให้ไปหาของอร่อยกินกันให้พุงกาง 4 ย่านดัง “ตลาดพลู-ท่าพระอาทิตย์-เสาชิงช้า-เยาวราช” ไม่ต้องรอ ไม่ต้องแย่ง ไม่ต้องเบียด อีกต่อไป แล้วใครที่อยู่บ้าน ลองฟัง “ทำบ้านอย่างไรให้น่าอยู่” นั่งติดตามข่าวแห่งปี “ทอท.ตั้งรับคลื่นการเดินทาง 6 สนามบิน 3.18 ล้านคน” สุวรรณภูมิตั้งศูนย์เฉพาะกิจอำนวยความสะดวก 24 ชั่วโมง “ศูนย์กสิกรไทย” ฟันธงคนกรุงกระเป๋าแฟบใช้เงินช่วงปีใหม่ลดเหลือแค่ 5,400 บาท/คน “ททท.นำทัพเชียงใหม่ 50ร้านติดดาวมิชลิน” หวังต่อยอดตลาดทัวร์อาหารปีหน้า

@ปีใหม่นี้ชวนกันไปกินให้พุงกาง4ย่านดังกรุงเทพฯ

ใกล้ปีใหม่แล้ว...คนที่อยู่กรุงเทพฯ ไม่มีแผนเที่ยวต่างจังหวัด ฟังให้ดี มีย่านของกินอร่อย ๆ คนน้อย รถไม่ติด คิวไม่ยาว รอให้ไปฉลองปีใหม่กัน 4 ย่านแห่งตำนานคนกรุงมาชวนไปชิมสตรีทฟู้ดของจริง ตอนนี้ทุกแห่งมีรถไฟฟ้าผ่านแล้วด้วย

เริ่มจากย่าน “ตลาดพลู” พอได้เข้าไปเดินแล้วจะต้องอดใจไม่ไหว กินกันพุงกางแน่ ๆ ไปง่ายมากช่วงบ่าย ๆ ถึงช่วงเย็น นั่งบีทีเอสไปลงสถานีโพธิ์นิมิตร จะเดินหรือซิ่งมอเตอร์ไซด์วิน ไปส่งหน้าตลาด จะมีร้านตั้งเรียงรายกันแบบจัดเต็มด้วยกลิ่นอันจูงใจของร้านบะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง ของหวานเมนูไทย ไอศรีม กินอิ่มแล้ว ช่วงบ่าย ๆ เบิร์นออกด้วยการเดินออกกำลัง  ชมวิถีชีวิตคนชานเมืองกันดูบ้าง

ท่าพระอาทิตย์มีร้านคาเฟ่เก๋ ๆ ชีล ๆ ให้เลือกมาลองเพียบ

            “ถนนพระอาทิตย์-ท่าพระจันทร์” ใช้สองเท้าเราเดินไปเรื่อย ๆ เพื่อส่องคาเฟ่ กับร้านท้องถิ่นในดวงใจ มีร้านขายอาหารอร่อยอยู่พอสมควร กินเสร็จจะเดินท่องเที่ยวรอบ ๆ ก็ได้ ในบริเวณป้อมพระสุเมร ต่อด้วยวัดบวรนิเวศน์วิหาร พอค่ำ ๆ แวะชมบรรยากาศ “ถนนข้าวสาร” ตอนนี้เปลี่ยนโฉมไปพอสมควร ใครที่ห่างหายจากย่านนี้ไปนาน ต้องลองมาย้อนวันวานกันสักครั้ง

รอบ ๆ บริเวณเสาชิงช้าเดินกินไปได้เลย ๆ  สตรีทฟู้ดครบทั้งคาวหวาน

“เสาชิงช้า” พื้นที่เก่าแก่อีกย่านที่เต็มไปด้วยของอร่อย ๆ เล็งได้เลยชอบร้านไหนก็แวะเพราะมีตั้งแต่ แพร่งนรา มาจนถึงสรรพศาสตร์ กินอิ่มก็แวะสักการะศาลเจ้าพ่อเสือ นำสิ่งมงคลเข้าตัวรับพรปีใหม่

ปิดท้ายตรง “เยาวราช” ดังจริงโดนใจทุกร้าน ช่วงปกติหากไม่ใช่วันหยุดคนจะแน่นทุกวัน ช่วงเทศกาลหยุดปีใหม่นี้เยาวราชเป็นของเราแล้ว ต้องรีบไป มีร้านเด็ด ๆ บนฟุตบาธให้กินได้ดังใจปรารถนา แนะนำให้ลองชิมก๋วยจับดัง ขนมปังเด็ด อาหารทะเล และอื่น ๆ ล้างคอด้วยขนมหวานสักถ้วย

การใช้ชีวิตง่าย ๆ ในการตลุยกินของอร่อยตามย่านดังในกรุงเทพฯ ช่วงวันหยุดยาว เท่านี้การฉลองปีใหม่ก็มีความสุขแล้ว

@ไอเดียบ้านอยู่แล้วสุขภาพดีต้องมีโปร่งโล่งใสไร้ฝุ่น

ความสำคัญของ “บ้าน” ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่พักพิงอาศัย แต่การจัดบ้าน ดูแลรักษาให้บ้านสะอาดปลอดภัย จะช่วยทำให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับไอเดียการทำบ้านสุขภาพดีประกอบไปด้วย

โปร่งโล่งเย็นสบาย - เพื่อให้ระบายอากาศได้ดี ออกแบบบ้านโดยดูทิศทางลม ควรมีช่องหน้าต่างทางทิศเหนือและใต้ เพื่อให้ลมพัดผ่านบ้านได้สะดวก ไม่ควรเปิดแอร์ตลอดวัน ควรเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศธรรมชาติถ่ายเทเข้ามาในบ้านบ้าง

บ้านปราศจากฝุ่น - เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุทำความสะอาดง่าย เช่น เก้าอี้ หรือ โซฟาควรเลือกแบบหุ้มหนังที่ไม่เก็บฝุ่น ไม่ควรปูพรมที่เป็นตัวการสำคัญสะสมฝุ่น ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ และทำความสะอาดผ้าม่านอยู่เสมอ

ให้แสงธรรมชาติเข้าสู่บ้าน - จัดบ้านให้ได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติอย่างเพียงพอ เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า และเพื่อให้แสงแดดช่วยกำจัดความชื้น ลดกลิ่นอับในบ้าน

พื้นที่สีเขียวอาหารปลอดภัย - ปลูกผักสวนครัวนานาชนิดในกระถางง่าย ๆ หรือปลูกบนดินในพื้นที่เล็ก ๆ ก็ได้ เพื่อเก็บผลผลิตผักปลอดภัยจากสารเคมีไว้กินในบ้าน ผักสวนครัวยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ช่วยให้บ้านสดชื่นสบายตา

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “ทอท.ตั้งรับคลื่นผู้โดยสารปีใหม่ทะลัก3.18ล้านคนสุวรรณภูมิแน่น”

ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า คาดสถานการณ์ผู้โดยสารจะเดินทางช่วงวันหยุด 27 ธ.ค.2562 – 2 มกราคม 2562 ผ่านทางผ่านสนามบินของ ทอท.6 แห่ง สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ แม่ฟ้าหลวงเชียงราย จำนวน 3.18 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.8 % มีเที่ยวบิน 18,300 เที่ยว เพิ่ม 12.6 % สนามบินสุวรรณภูมิจะมีผู้โดยสารมากที่สุดถึง 1.52 ล้านคน เฉลี่ยวันละ 2.17 แสนคน เพิ่มขึ้น 15.3 % ดอนเมืองจะมีรวม 8.87 แสนคน เฉลี่ยวันละ 126,700 คน เพิ่ม 10.2 %

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 1) ทอท. กล่าวว่าช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ระหว่าง 25 ธ.ค.2562 - 5 ม.ค. 2563 รวม 12 วัน จะมีจำนวนผู้โดยสารผ่านเข้าออกสุวรรณภูมิรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.2 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 190,000 คน โดยมีสายการบินประจำขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษ (Extra Flight) สายการบินเช่าเหมาลำ(Charter Flight)  8 สายการบิน รวม 156 เที่ยว แบ่งเป็น 1.เที่ยวบินภายในประเทศ 65 เที่ยว 2.ระหว่างประเทศ 91 เที่ยว สายการบินที่ขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ บางกอกแอร์เวย์ 50 เที่ยว ไทย เวียตเจ็ท แอร์ 34 เที่ยว และ การบินไทย 26 เที่ยว

ขณะนี้ทางสุวรรณภูมิได้จัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกผู้โดยสาร หรือ Airport Operation Center: AOPC ณ ห้อง CIP 5 บริเวณชั้น 3 อาคารผู้โดยสาร ตั้งแต่ 18 ธ.ค. 2562 เวลา 08.00 น. ถึง 5 ม.ค. 2563 เวลา 24.00 น. ติดต่อได้ที่ 0 2132 9950 ได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารช่วงปีใหม่

ข่าวที่สอง “ศูนย์กสิกรไทยชี้คนกรุงลดใช้เงินช่วงปีใหม่เหลือแค่5,400บาท”

ปีใหม่'63 คาดคนกรุงฯใช้จ่าย 29,800 ล้านบาท ส่วนใหญ่เน้นประหยัด ใช้จ่ายเฉลี่ยเหลือคนละ 5,400 บาท ลดลงจากปี 62 ที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 5,600 บาท 

 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พยากรณ์ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 คนในกรุงเทพฯ จะใช้เงินโดยรวม 29,800 ล้านบาท ลดลง 3.2 % เฉลี่ยเหลือเพียง 5,400 บาท/คน ต่ำกว่าช่วงปีใหม่ 2562 ใช้เฉลี่ย 5,600 บาท/คน เป็นผลมาจากปัจจัยหลักคือ 1.คนหันมาประหยัดและระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ผนวกกับได้ใช้จ่ายล่วงหน้าจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐและเอกชน ยกเว้นรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มแนวโน้มก็อาจจะกลับมาใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาได้ 2.กำลังซื้อของประชาชนเริ่มถดถอย 3.ปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง

                ทั้งนี้เป็นผลสำรวจคนกรุงเทพฯ กว่า 58.2 % ของคนที่ทำแบบสำรวจ เลือกจะทำกิจกรรมและเฉลิมฉลองอยู่ในกรุงเทพฯ ใกล้เคียงกับปีที่แล้วคือ 59.0 %

ข่าวที่สาม “ททท.นำเชียงใหม่ติดดาวมิชลินแล้ว50ร้านเล็งต่อยอดทัวร์อาหาร

 

นายธเนศวร์  เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ และ มิชลินจัดทำคู่มือรวบรวมรายชื่อโรงแรมและร้านอาหารเป็นปีที่ 3 ภายใต้ชื่อ “MICHELIN Guide Thailand 2020” ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต พังงา ในจังหวัดเชียงใหม่ได้รับการประกาศรวม 50 ร้าน สามารถที่จะต่อยอดการท่องเที่ยวเชิงอาหารและจะขยายการท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปสู่เมืองรองได้ ทั้งที่เพิ่งทำเป็นครั้งแรกก็มีร้านได้รับสัญลักษณ์รับรอง “บิบกูร์มองด์” แนะนำร้านโปรดของผู้ตรวจสอบมิชลินที่เสิร์ฟอาหารคุณภาพดีในราคาไม่เกิน 1,000 บาท (ราคานี้เป็นราคาอาหาร 3 คอร์ส ไม่รวมเครื่องดื่ม) มากถึง 17 ร้าน

ได้แก่ ไก่ย่างเชิงดอย จินเจอร์ฟาร์มคิชเช่น คั่วไก่นิมมาน ฮ้านถึงเจียงใหม่ เฮือนสุนทรี เฮือนม่วนใจ๋ ข้าวซอยแม่มณี ข้าวต้มย้ง (สาขา ถ.สุเทพ) ครัวย่า มีนา ราชารส เดอะเฮ้าส์บายจินเจอร์ เนื้อวัวรสเยี่ยม ครัวสายหยุดและหมอทราย ขนมจีนสันป่าข่อย ไก่ย่าง เอส พี และ ณ จันตรา

สำหรับ ได้รับสัญลักษณ์ “มิชลินเพลท” หรือร้านอาหารคุณภาพที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงอย่างพิถีพิถัน 33 ร้าน

                เชียงใหม่ถือเป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลักของไทย และหนึ่งในจุดหมายปลายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่ชื่นชอบเอกลักษณ์การกินทั้งอาหารถิ่นและนานาชาติ สถิติระหว่างมกราคม - ตุลาคม 2562 โดยภาพรวมสามารถทำรายได้จากการท่องเที่ยว 84,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.91 %

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.