ผู้นำททท.เทหมดหน้าตักปลุกเที่ยวไทยปั๊มเศรษฐกิจฟื้นเร็ว
ชู5แคมเปญเสริมทัพ“เราเที่ยวด้วยกัน”ทำTravelBubble3เฟส
พูลแมนคิงเพาเวอร์เสิร์ฟมื้อค่ำบุฟเฟต์ทะเลโลกกว่า50เมนู
ช้อปด่วน“ซูปเปอร์สปีเชลดีลคิงเพาเวอร์”ลดสูงสุด50%+4คุ้ม
รมว.พิพัฒน์นำททท.ผนึกกสทช.โปรโมตSHAยิงตรงไทย-เทศ
ททท.ฉะเชิงเทราชวนขอพรไหว้พระพิฆเนศรับฟรี1,000บาท
ททท.อุบลจัดเที่ยวแนวใหม่แห่เทียนพรรษา7โซนถึง7ก.ค.นี้
บางจากแนะสมาชิกเปลี่ยนรหัสบัตร4ตัวแลกรับสิทธิ์1ส.ค.นี้
TCEBแจกงบ“ประชุมเมืองไทยปลอดภัยกว่า”ปลุกพลังไมซ์MI
ขับรถเที่ยวเติมเต็มความสุข“เมืองโบราณอู่ทอง”สุพรรณบุรี
กินผลไม้ทั้งทีต้องกินแบบสดแต่ละวันกินให้ได้มื้อละ2ส่วน
“สวนสามพราน”พร้อมเปิดห้องพัก/ห้องประชุมเริ่ม1ส.ค.นี้
การบินไทยตั้ง“ชาญศิลป์
ตรีนุชกร"รักษาการDDมีผล2ก.ค.
บินไทยระอุศึกลูกจ้าง-ฝ่ายบริหารโต้ลดค่าจ้างคนเงินน้อย
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋
ดร.ยุทธศักดิ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ช่วงที่ 1 เจาะแนวรุก “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร”
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เทหมดหน้าตักนำทัพท่องเที่ยวปลุกกำลังซื้อทั้งประเทศ ด้วย 5 แคมเปญ ไฮไลต์แพกเกจตามนโยบายใหญ่รัฐบาล
“ไปเที่ยวด้วยกัน5ล้านคืน-กำลังใจ”
15 กรกฎาคม นี้
ได้สิทธิ์สมใจ พร้อมอัดฉีด 3
แคมเปญเสริมทัพใหญ่ “คิดถึง-ออกไปบอกรักเมืองไทย-Holiday for Hero” ภายใต้การโหมรณรงค์ให้ใช้คอนเซ็ปต์ BEST ปรับการเที่ยววิถีใหม่ New Normal -จองก่อนเดินทาง-รักษาสิ่งแวดล้อม-สร้างความปลอดภัย-ใช้เทคโนโลยีให้เต็มที่
วางแผนทำ Travel Bubble จับคู่ต่างประเทศ
3 เฟสหลัก
“ทดลอง-ขยายผล-เข้าสู่ภาวะปกติ” ตั้งเป้าภายในสิ้นปี’63-ต้นปี’64 ฟื้นท่องเที่ยวฟื้นตัวได้
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ได้เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศผ่านแพกเกจที่รัฐบาลสนับสนุนแบ่งงบประมาณเงินกู้มาให้
2.24หมื่นล้านบาท
โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน
2563 ยุบรวมเหลือ 2
แพกเกจ คือ 1.ไปเที่ยวด้วยกัน
(รวมแพกเกจเราไปเที่ยวกันแพกเกจสนับสนุนห้องพักโรงแรมและโฮมสเตย์ กับ เที่ยวปันสุข
เดิมสนับสนุนตั๋วโดยสารโลว์คอสต์แอร์ไลน์ส) 2.กำลังใจ
โดยมีเป้าหมายการกระจายเม็ดเงินรายได้ไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท
เพราะโครงการนี้มีลักษณะแตกต่างจากโครงการอื่นๆ ของรัฐบาล โดยมี Co-Pay 600
บาท/คน/วัน เสริมทัพเข้าไว้ด้วย
ทั้ง 2 แพกเกจ
เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวในประเทศเข้ามาจองผ่านแอพลิเคชั่นเป๋าตังได้ตั้งแต่ 1
กรกฎาคม -31 ตุลาคม 2563 ตั้งเป้ากระตุ้นคนออกเดินทางใช้จ่ายเงิน
พักค้างคืน เพิ่มความถี่ และแพกเกจขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ทั้งอาสาสาธารณสุข
(อสม.) และโรงพยาบาลส่วนตำบล (รพ.สต.)
จากการที่ทำหน้าที่รับมือกันดูแลป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
วิธีเปิดรับ
“ผู้ประกอบการ” เข้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเป๋าตังและเสนอขายห้องพักราคาพิเศษ
ในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563
เป็นต้นไป ส่วน
“นักท่องเที่ยว/ประชาชน” เปิดลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เพียงวันเดียว คาดจะได้รับความสนใจจากประมาณ 1
ล้านคน 5 ล้านคืนพัก (1 คน จองได้ 5 คืน)
สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถรับสิทธิ์โดยเข้าไปลงทะเบียนผ่านแอพลิเคชั่นแล้วรอรับสิทธิ์จากแพกเกจเราไปเที่ยวกันได้
2 ส่วน คือ 1.ส่วนลดห้องพักและตั๋วโดยสารเครื่องบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์อย่างละ
40 % เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปจองจะต้องจ่ายส่วนต่าง
60 % ให้ผู้ประกอบการ
หลังจากใช้บริการเสร็จเรียบร้อยแล้วทางกระทรวงการคลังจะโอนเงินส่วนลดเข้าไปยังแอพลิเคชั่นถุงเงินให้ผู้ประกอบการ
หากเป็นห้องพักให้สิทธิ์เลือกพักได้ทั้งโรงแรมและโฮมสเตย์ในราคาไม่เกิน 3,000
บาท/ห้อง/คืน จำนวน 5 คืน 2.รับเงินสมทบค่าใช้จ่าย
Co-Pay อีก 600
บาท/คน/วัน โอนแต่ละวันช่วง 17.00
น.ให้นำไปใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร
เครื่องดื่ม หากแต่ละใช้ไม่หมดเงินจะถูกดึงกลับคืนเข้าไปยังคลังโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างเช่น เมื่อไปกินอาหารมูลค่า 200 บาท
นักท่องเที่ยวจะใช้ได้ไม่เต็มจำนวนโดยจะต้องเอง 120 บาท แล้วนำเงินจากที่รัฐบาลสมทบมาจ่าย 80 บาท
ดังนั้นโครงการนี้จึงไม่ได้
“แจกร้อยเปอร์เซ็นต์” แต่เป็นกลยุทธ์การใช้ “เงินกระตุ้นการใช้เงินเพิ่ม”
จากนักท่องเที่ยวมากขึ้น ส่วนเงินที่รัฐบาลมอบให้แต่ละส่วน 1.จะไม่สามารถเบิกเป็นเงินสดได้ 2.ต้องใช้ในพื้นที่โรงแรมที่เลือกไปพักเท่านั้น 3.จะใช้ได้จนถึงวันเช็คเอาท์ออกจากที่พักไม่เกินเวลา
23.59 นาที
หลังจากนั้นระบบก็จะดึงเงินออกไปจากแอพลิเคชั่นเป๋าตังของนักท่องเที่ยวแต่ละคนที่ได้รับสิทธิ์
ขณะที่ “การจองตั๋วเครื่องบิน” ตามสิทธิ์ 1 คน จองที่พัก 1 คืน จะจองตั๋วเครื่องบินได้ 2 ใบ หากจองเต็มอัตรา 5 คืน ก็จองตั๋วเครื่องบินได้ 10 ใบ
ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า
นอกจากการทำโครงการ 2 แพกเกจแล้ว
ยังได้เตรียมโครงการเสริมทัพตลอดครึ่งหลังปีงบประมาณระหว่างกรกฎาคม-30กันยายนนี้ นี้
เพราะแนวโน้มท่องเที่ยวภายในประเทศจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าตลาดต่างประเทศ
จึงจะกระตุ้นรายได้เพิ่มจากอีก 3 โครงการ
1.คิดถึง 2.ออกไปบอกรักเมืองไทย 3.Holiday for Hero โครงการขอบคุณให้กำลังใจบุคลากรการแพทย์
ทำแพกเกจราคาพิเศษให้แพทย์ พยาบาล
เพื่อกระตุ้นรายได้ท่องเที่ยวตามเป้าหมายที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งเป้าหมายไว้ 80-100 ล้านคน-ครั้ง
รวมทั้ง
ททท.ยังร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กร ต่าง ๆ
รวบรวมแหล่งท่องเที่ยวในประเทศที่กำลังทยอยเปิด และจัดทำชุดข้อมูลความปลอดภัย
สร้างความมั่นใจในการเดินทางตามแนววิถีใหม่แบบ New Normal เพราะการกลับมาท่องเที่ยวใหม่ได้อีกครั้งหลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 นั้น ยังต้องทำ 1.จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่แต่ละแห่ง 2.รักษาระยะห่าง (Social Distancing) ภายใต้มาตรการควบคุมโรคอย่างอื่นด้วย
ในการเดินทางเที่ยวแบบ
New Normal นั้น
จะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานสาธารณสุข ททท.จึงใช้คำว่า “BEST” B-booking จะเดินทางไปไหนต้องจองล่วงหน้าก่อน คนเคยชินแบบวิถีเดิมคงทำได้ยากในช่วงนี้
E-Environment สิ่งแวดล้อม
ทุกคนเห็นธรรมชาติฟื้นตัว สัตว์ป่าสมบูรณ์
ซึ่งก่อนหน้านี้อาจเป็นจุดอ่อนเพราะการท่องเที่ยวมีปริมาณมาก
แต่ครั้งนี้จึงต้องเน้นช่วยกันรักษาดูแลธรรมชาติที่ฟื้นคืนกลับมาสวยงามให้คงอยู่ต่อไป
สร้างการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ S-Safty เน้นความปลอดภัย
ข้อมูลการแบ่งปัน ดูแลตัวเองให้ปลอดภัยในช่วงที่ยังไม่มีวัคซีนรักษาโควิด
T-Tecnology การนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยว
ตัวอย่างการสแกนคิวอาร์โค้ดต่าง ๆ เช่น ไทยชนะ
หรือจ่ายเงินผ่านระบบแอพลิเคชั่นอิเลคทรอนิกส์ และอื่น ๆ
ททท.จึงต้องรวบรวมชุดข้อมูลจัดเตรียมไว้ให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย
โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคมนี้มีวันหยุดต่อเนื่องยาวหลายวัน
จึงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่คนจะเริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ
ผู้ว่าการ
ททท.กล่าวถึงแผนการลงทุนผลิตสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ จะเน้นสื่อออนไลน์เป็นหลัก
เพราะไม่สามารถนำ “ผู้มีอิทธิพล : Influencer” เข้ามาใช้ได้
เพราะยังไม่ได้เปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ
แต่ประเทศเป้าหมายก็ยังคิดถึงเมืองไทย ฉนั้นเมื่อเปิดไทยก็จะเป็นประเทศอันดับต้น ๆ
กลุ่มแรก ๆ ที่คนเลือกเดินทางมาท่องเที่ยว
ที่ผ่านมาตลาดต่างประเทศ ใช้แคมเปญ Dream
Now Travel Latter เป็นหัวหอกในต่างประเทศ
คล้ายกับการสื่อสารในเมืองไทย ตอนล็อกดาวน์ได้ทำสื่อ “คิดไว้ก่อน”
พอปลดล็อกดาวน์ก็ทำสื่อ “ไปให้ถึง” ต่อจากนี้ไปจะทำแคมเปญ Amazing Thailand
Trusted Destination -ประเทศไทยที่คุณไว้วางใจ
ต่อเนื่องถึงการเตรียมความพร้อมรองรับโครงการ
“Travel Bubble” การจับคู่ท่องเที่ยวกับต่างประเทศ
โดยจะต้องให้ความสำคัญความปลอดภัย โดยจะไม่นำประเทศไปเสี่ยงกับโรคระบาด
และการเปิดประเทศจะต้องทำเป็นขั้นตอนอย่างระมัดระวัง แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ทดลอง ระยะที่ 2 ขยายผล ระยะที่ 3 เข้าสู่ภาวะปกติ
ระยะที่
1 จะต้องจำกัดจำนวนคน
เลือกประเทศที่จะเปิดให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว
ซึ่งมีมาตรการควบคุมดูแลความปลอดภัยใกล้เคียงกับประเทศ
มีความสัมพันธ์กันทางเศรษฐกิจสูง กลุ่มเป้าหมายเป็นกรุ๊ปทัวร์ขนาดเล็ก
ต้องตรวจวัดตามขั้นตอน ต้องซื้อประกันสุขภาพ
และเมื่อออกจากประเทศก็จะต้องตรวจอย่างละเอียดด้วย
ทั้งนี้จะต้องพูดคุยกับประเทศที่จับคู่ด้วยว่ายินดีจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของไทยหรือไม่
เพราะจะต้องเปิดการเดินทางแลกเปลี่ยนกัน ขณะนี้
ททท.ยังได้ทำแบบสำรวจความเห็นจากประชาชนถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามา
พร้อมยอมรับหรือไม่ คาดจะได้ข้อสรุปความเห็นภายใน 2-3 สัปดาห์นี้
การเปิดระยะที่
1 จะเป็นตัววัดผล
เพื่อทำระยะที่ 2 ขยายพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว
ตามด้วยระยะที่ 3 การเข้าสู่ภาวะปกติ
ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่าว่ามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น
ททท.ทำต่อเนื่องโดยปรับแผนตั้งแต่ ระยะที่ 1 เริ่มเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยช่วยให้เข้าถึงมาตรการเยียวยาภาครัฐ
กลุ่มเปราะบาง นักท่องเที่ยวที่ตกค้าง ขณะเดียวกัน ระยะที่ 2 ระหว่างวิกฤตการระบาดก็ได้เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการสร้างการเข้าสู่มาตรฐานความปลอดภัย
SHA :Safty & Health Administration ตอนนี้ทยอยตรวจรับรองเพื่อออกใบรับรองตราสัญลักษณ์ให้
10
ธุรกิจที่ทยอยปรับสถานที่ให้เป็นไปตามเกณฑ์ของ SHA ควบคู่การทำตลาดด้วย
ตอนนี้ถือว่าเข้าสู่
ระยะที่ 3 สร้างกลไกฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ
ก็ยังทำต่อเนื่อง โดยเฉพาะบางพื้นที่ซึ่งเคยรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก
ต้องช่วยผู้ประกอบการหันมาทำเพิ่มหลาย ๆ ด้านคือ บุกตลาดในประเทศ
รุกเจาะเซ็กเมนต์กลุ่มเป้าหมาย
ททท.พร้อมช่วยเอกชนทำตลาดและนำบริษัทค้าท่องเที่ยวออนไลน์ระหว่างประเทศ (OTA
:Online Travel Agents)
เข้ามาให้คำปรึกษาแนะนำผู้ประกอบการไทย เพราะ ททท.ไม่อยากเห็นการปิดกิจการหรือหยุดบริการไป
ประเมินแล้วสถานการณ์ท่องเที่ยวจะฟื้นตัวกลับมาได้ภายในปลายปี
2563 และต้นปี 2564
จึงจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
และใช้โอกาสนี้พัฒนาการท่องเที่ยวให้เดินหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดมื้อค่ำบุฟเฟต์ทะเลโลกเสิร์ฟกว่า50เมนู
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ แนะนำ “มื้อค่ำ” ที่“ห้องอาหารควิซีน
อันปลั๊ก”โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ ซอยรางน้ำ ชวนมาชิมอาหารเลิศรส ตั้งแต่
18.00 – 22.30 น.พาเหรดวัตถุดิบจากทั่วทุกมุมโลกมารังสรรจานอร่อยกว่า
50 เมนู จองออนไลน์ตอนนี้แล้วมาร่วมฉลองได้ทุกวัน
ที่นี่ที่เดียวกับบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลมากมายใจกลางกรุงเทพฯ
เริ่มจาก “โซนอาหารญี่ปุ่น” ก็มี ซูชิหน้าปลาแซลมอน
ไข่หวาน ซาซิมิสารพัดปลาเกรดดีอย่างแซลมอน โทโร่ ปลาหมึก พร้อมข้าวปั้น
ข้าวห่อสาหร่าย และอีกมากมาย “โซนอาหารอิตาเลี่ยน” ตื่นตากับเมนูอบร้อนๆ พิซซ่า
พาสต้าทำสดใหม่ และมุมอื่น ๆ ยอดนิยมอย่าง อาหารไทย อาหารอีสาน อาหารจีน
อาหารนานาชาติ
ตบท้ายด้วยมุมขนมหวาน มีให้เลือกสารพัด คือ เค้กนานาชนิด
ไอศกรีม ผลไม้ตามฤดูกาล และเครื่องดื่มสร้างความสดชื่น
ห้องอาหารควิซีน อันปลั๊ก ตั้งอยู่ชั้น lobby ของ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ
ข้างคิง เพาเวอร์ รางน้ำ เดินทางเข้าถึงได้ง่ายมาก นั่งบีทีเอสสถานีอนุสาวรีย์แล้วเดินมาถึงโรงแรมไม่เกิน
5 นาที หรือใช้บริการรถตุ๊กๆ คิงเพาเวอร์จอดรอรับส่งลูกค้าอยู่บริเวณหน้าเซ็นจูรี่มอลล์
หรือขับรถส่วนตัวมาจอดฟรีที่ชั้นใต้ดินเมื่อใช้บริการของโรงแรม
คนรักอาหารทะเล พบกันที่ห้องควิซีน อันปลั๊ก
รอต้อนรับทุกคนทุกวันกับดินเนอร์มื้ออร่อย ๆ
ข่าวที่ 2 ช้อปด่วน“ซูปเปอร์สปีเชลดีลคิงเพาเวอร์”ลดสูงสุด50%+4สิทธิ์คุ้ม
คิง
เพาเวอร์ จัดมหกรรม ช้อปช็อคเซลกับแคมเปญ “SUPER SPECIAL DEALS”
เข้ามาเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมและผลิตภัณฑ์คุณภาพกับดีลพิเศษในราคาดิวตี้ฟรี
มีหลากหลายหมวดทั้งสกินแคร์ เครื่องสำอาง น้ำหอม สินค้าแฟชั่น นาฬิกา และ
ขนมของทานเล่น ได้ในราคาสบายกระเป๋าส่วนลดสินค้าปกติ ลดสูงสุด 20% ส่วนลดสินค้าพิเศษ
ลดสูงสุด 50% เมื่อช้อปครบ 3,000.รับรหัสส่วนลด : KPSPECIAL วันนี้ – 30 ก.ย. 63 เมื่อช้อปครบ 499 บาท
ส่งฟรี ทั่วประเทศ
ห้ามพลาด รับสิทธิ์ 1.แบ่งชำระ
0% นานสูงสุดถึง
10 เดือน ตามวงเงินที่กำหนด
2.รับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด
18%* > http://bit.ly/2OzUV1k
3.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง > http://bit.ly/31yjocR(ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)
4.รับเลย!
ส่วนลด 200.- เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ > http://bit.ly/2S4uJyi
รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000.-
(สุทธิ) เช็คสิทธิ์ได้ที่ > https://bit.ly/2URdbqi
ข่าวที่ 3 “รมว.พิพัฒน์”นำททท.ผนึกกสทช.พีอาร์SHAยิงตรงไทย-ต่างชาติ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เดินหน้าเชิงรุกด้านเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
สื่อสารสร้างการรับรู้มาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย (Safty & Health Administration :SHA) ในสถานประกอบการภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อตอกย้ำคนไทยและต่างประเทศเดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย
ตลอดจนมั่นใจในการใช้สินค้าและบริการท่องเที่ยวของไทย
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.
กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานประกอบการท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการ SHA มากถึง3,808 ราย
ผ่านการประเมินหรือ Checklist เรียบร้อยแล้ว 1,731 ราย
สามารถใช้ตราสัญลักษณ์ SHA ได้ 2 ปี ล่าสุดจึงร่วมกับ กสทช.
ขยายผลการประชาสัมพันธ์การดำเนินโครงการ SHA ร่วมกับผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกเครือข่าย
ส่งข้อความสั้น (SMS Broadcasting) และ Travel Sim Card ณ สนามบินทุกแห่งของไทย
ส่งตรงถึงประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อสื่อสาร สร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์การเดินทางท่องเที่ยวในไทยอย่างมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัย
นำร่องจัดทำข้อความสั้นในเบื้องต้นก่อน 3 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ และจีน ด้วยตัวอย่างข้อความ
เช่น เที่ยวทั่วไทย มั่นใจมาตรฐาน SHA www.thailandsha.com , เที่ยวไทยให้สนุก
ทุกความมั่นใจไปกับ SHA www.thailandsha.com , Welcome to Thailand : SHA.
Creating confidence while traveling in Thailand
พันเอก ดร.นที ศุกลรัตน์
รองประธานกรรมการ กสทช. กล่าวว่า ถือเป็นมิติใหม่ที่ได้มีส่วนร่วมเข้ามาช่วยฟื้นฟูและพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศหลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทางด้านการส่งข้อความสั้น
(SMS Broadcasting) และ Travel Sim Card ผ่านช่องทางผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกเครือข่ายไปยังนักท่องเที่ยว
สื่อสารตรงจากภาครัฐถึงนักท่องเที่ยวและประชาชนเพื่อเผยแพร่ข่าว ข่าวสาร
สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ สร้างตระหนักถึงการปฏิบัติตนทุกการเดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยตลอดไป
ข่าวที่ 4 ททท.ฉะเชิงเทราชวนขอพรไหว้พระพิฆเนศรับทันที1,000บาท
นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
( ททท.) สำนักงานฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า
ได้จัดกิจกรรมชวนนักท่องเที่ยว มาไหว้พระ ขอพร ต่อ พระพิฆเนศ 3 ปาง รับทันที 1000
บาท เข้าไปร่วมสนุกได้ตั้งแต่วั้นนี้ – 30 กันยายน 2563 ให้ได้เต็มที่ 3,000 สิทธิ์ เท่านั้น ด้วยกติกา
ง่ายๆ
1.นักท่องเที่ยวเดินทางไปไหว้ขอพร
พระพิฆเนศ 3 ปาง ได้แก่ พระพิฆเนศ ปางนอนเสวยสุข ณ วัดสมานรัตนาราม
หรือ พระพิฆเนศ ปางยืน ณ อุทยานพระพิฆเนศ คลองเขื่อน หรือ พระพิฆเนศ ปางนั่งประทานพร
ณ วัดโพรงอากาศ (ปางใดปางหนึ่ง ก็ได้ )
2.ขอรับหนังสือเดินทางท่องเที่ยว
จ.ฉะเชิงเทรา (Passport) ได้ที่ พระพิฆเนศ 3 ปาง ( ที่ไปไหว้)
พร้อมประทับตราสัญลักษณ์ ท่านก็จะได้รับคูปองเงินสด 200 บาท / แหล่งท่องเที่ยว
ทันที !! ง่ายมากๆ
จากนั้น ก็นำคูปองเงินสดในหนังสือเดินทาง
ไปแลกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือ ร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป ในแหล่งท่องเที่ยวของ
จ.ฉะเชิงเทรา 5 แห่ง ได้แก่ 1. มินิมูร่าห์ฟาร์ม 2.สวนมะพร้าวลุงแดง 3.คุ้มวิมานดิน
4.ดีวา ฉะเชิงเทรา และ 5.สวนปาล์มฟาร์มนก
ช่วงเดือนกันยายน 2563 ททท.สำนักงานฉะเชิงเทรา
มีเซอร์ไพรส์ให้นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ‘ลุ้น’ โชคชั้นที่ 2 ด้วยการรางวัลมอบ
‘ ของที่ระลึกสุดพรีเมี่ยม ‘ให้ผู้โชคดี 10 รางวัล และรางวัลอื่นๆ อีกกว่า 30
รางวัล
สอบถามเพิ่มที่
ททท.สำนักงานฉะเชิงเทรา โทร.0 3851 4 009 Facebook & IG. : TAT Chachoengsao
ข่าวที่ 5 ททท.อุบลจัดเที่ยวแนวใหม่แห่เทียนพรรษาถึง7ก.ค.นี้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี
จัดท่องเที่ยวงานประเพณี “อนุรักษ์เทียนพรรษา มุทิตาหลวงปู่มั่น” ในวิถีใหม่ New Normal ระหว่างวันนี้-7 กรกฎาคม 2563 ณ ทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี
เพื่อสืบสานประเพณีไทย ปีนี้มีความพิเศษ
โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าไปเที่ยวล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ www.thailandfestival.org/งานเทียนพรรษาอุบลราชธานี2563
ภายในงานจัดให้ชมกิจกรรมที่น่าสนใจ 7 โซน ได้แก่ โซนการแสดงแสงเสียงเทียนพรรษา
นิทรรศการหลวงปู่มั่น ภาพถ่ายขบวนแห่เทียนพรรษา การแสดงศิลปวัฒนธรรม 4.การจัดจำหน่ายสินค้าชุมชน 5.เทคโนโลยี Live
Map จัดงานในรูปแบบวิถีใหม่ New Normal โดยจะกำหนดจำนวนผู้เข้างานตามมาตรการทางสาธารณสุขและ
SHA อย่างเข้มข้น สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว งานนี้จะให้นักท่องเที่ยวเข้างานได้ประมาณ 2,000 คน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandfestival.org และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท.
อุบลราชธานี โทร. 05 243 771
ข่าวที่ 6 บางจากแนะสมาชิกเปลี่ยนรหัสบัตร4ตัวแลกรับสิทธิ์เพียบ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) ประกาศให้สมาชิกบัตรบางจากเปลี่ยนการใช้บัตรเพื่อรับบริการต่าง ๆ
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป เพื่อการแลกคะแนนของสมาชิกจะต้องใช้
PIN 4 หลัก ในรูปแบบวันเกิดและเดือนเกิด DDMM
ที่ตรงกับฐานข้อมูลในระบบสมาชิกบางจาก เช่น คนเกิดวันที่ 7
มิถุนายน 2530 รหัส PIN แลกคะแนน
คือ 0706
เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการชำระค่าน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันบางจากหรือ
ร้านอินทนิล ร้านสพาร์ ร้านใบจาก
ร้านเลมอนกรีน ธุรกิจ FURiO CARE และ กรีนเซิร์ฟ
ดังนี้เพื่อสิทธิประโยชน์ของสมาชิก
รีบเข้าไปตรวจสอบและอัพเดทข้อมูลวันเดือนเกิดผ่านช่องทางดังนี้
1.แอปพลิเคชั่น Bangchak Mobile
Application
2.เว็ปไซต์ https://member.bangchak.co.th/th/
3.Bangchak Call Center 1651 กด 8
ข่าวที่ 5 TCEBแจกงบประชุมเมืองไทยปลอดภัยกว่าปลุกไมซ์MI
นางศุภวรรณ
ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” นำจัดการเสวนา
Virtaul Meeting Space :
VMS เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเปิดเวทีด้วยธีม
“โลกเปลี่ยนอุตสาหกรรมต้องปรับตัว Do or Die”
ส่วนรายละเอียดเน้นนำเสนอทั้งทางฝั่งดีมานต์และซัพพลาย เพื่อวางกลยุทธ์ตลาด
“การประชุมและได้รับรางวัลฟรีในการเดินทาง”
หรือ Meeting
&Incentive : MI เพื่อส่งสัญญาณถึงผู้ประกอบการไมซ์จะต้องปรับตัว
8 เรื่องหลัก
ๆ ดังนี้
1.เตรียมตัวรับมือกับจำนวนคนและงานที่ลดลงตามสภาพเศรษฐกิจ 2.มุ่งเจาะตลาดคุณภาพด้วยการนำเทคโนโลยีเข้มมาเสริมทักษะ
3.สร้างไมซ์ถูกสุขอนามัยด้วยมาตรฐานในทุกแห่ง
4.ทำแพกเกจอินเซนทีฟแบบเข้ามาค้นหาหรือจองช่องทางเดียวมีให้ใช้บริการครบวงจร
5.สร้างการเปลี่ยนแปลงเสริมแกร่งด้วยกิจกรรมซีเอสอาร์
6.สร้างอัตลักษณ์เฉพาะด้วยเส้นทางที่แตกต่างจากพื้นที่อื่น
7.นำประสบการณ์วิถีถิ่นเข้ามาเพิ่มจุดขาย
7.ต้องศึกษาสร้างโอกาสจากการเรียนรู้ให้เต็มที่
รวมถึง 8.ยังคงต้องทำความเข้มแข็งการทำงานเป็นทีม
หรือ Team Building
สถานการณ์ MI ปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทำสถิติสร้างรายได้จากไมซ์ต่างประเทศเข้าเมืองไทย
“ตลาดประชุมสัมมนา” ทำได้ 27,77.56
ล้านบาท
จากจำนวน 311,162 คน
ส่วน “อินเซ็นทีฟ” 17,655.79 ล้านบาท จาก324,664 คน
ส่วน “ไมซ์ในประเทศ” สร้างรายได้“ตลาดประชุมสัมมนา” 4,089 ล้านบาท
เพิ่ม 124.79 % จากจำนวน
1,732,410 คน
เพิ่ม 5.51 %และ
“อินเซนทีฟ” สร้างรายได้ 1,261
ล้านบาท
เพิ่ม 182.10 % จากจำนวน
202,620 คน
เพิ่ม 13.01 %
ขณะนี้ทีเส็บกระตุ้นการประชุมสัมมนา
กิจกรรมชุมแนวใหม่ แบบ New
Normal ด้วยโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า”
โดยพร้อมให้เงินสนับสนุนผู้จัดการประชุมทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน
หน่วยงานต่าง ๆ คือ บริษัทตัวแทนจัดการประชุม บริษัทตัวแทนนำเที่ยว
สมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โรงแรม สถานที่จัดกิจกรรรม
รวมถึงนิติบุคคลที่จัดตั้งถูกต้องตามกฎหมาย ที่พร้อมจัดประชุมสัมมนา ศึกษาดูงาน
ในประเทศ สามารถขอรับเงินจากโครงการนี้ได้ 15,000-30,000 บาท หากจัดแบบ 1 วัน
จะให้งานละ 15,000 บาท
ถ้าจัด 2 วัน 1 คืน
จะให้ 30,000 บาท/งาน
เข้ามาดูรายละเอียดได้ที่ www.thaimiceconnect.com
หรือโทร.02-021-5515 ทุกวันจันทร์-ศุกร์
ตั้งแต่ 8.30-17.30 น.
ส่วนเมืองรองก็ต้องเตรียมตัวนำสูตร
SMART เข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
5 ส่วน
คือ S-Safty&
Standards สร้างมาตรฐานความปลอดภัย M-Marketing ทำการตลาดเชิงรุก
ประชาสัมพันธ์ สร้างอัตลักษณ์ให้ชัดเจน A-Accessibility infrastructure เพิ่มโครงสร้างพื้นฐานให้นักเดินทางเข้าถึงได้อย่างสะดวก
R-Rooms Restaurant,&
Facility ให้ความสำคัญกับห้องพัก ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวก และ T-Tourism Attraction ต้องแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดความสนใจใหม่
ๆ แปลกแตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ
แนวโน้มของไมซ์หลังได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19
ทั้งอุตสาหกรรมไมซ์ต้องร่วมมือกันปรับตัว โดยมีเรื่องหลัก ๆ 1.สร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้ง
2.รุกนำเสนอจุดขายสุขภาพและการป้องกันดูแล
Health& Wellness 3.จัดการประชุมเสมือนจริง
Virtual meeting 4.พัฒนาชุดข้อมูลซอฟแวร์ซึ่งสามารถให้บริการการประชุมสัมมนาทั้งหมดได้
5.ออกแบบอีเวนต์ที่ช่วยสร้างประสบการณ์แปลกใหม่
6.จัดทำ Micro Mapping 7.ชูการสร้างความยั่งยืนเป็นวิถีใหม่
8.สร้างเครือข่ายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือการทำตลาดเต็มรูปแบบ
9.พัฒนาสถานที่จัดประชุมให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
10.เตรียมความพร้อมต้อนรับการจับคู่ท่องเที่ยว
หรือ Travel Bubble
ช่วงที่ 2 ขับรถเที่ยวไทยสบาย ๆ ตรงไปที่ “เมืองโบราณอู่ทอง” จังหวัดสุพรรณบุรี
ปั่นจักรยานรอบ “บ้านโคก” สัมผัสวิถีชุมชนลาวครั่ง เข้า
“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง” หาความรู้ความรุ่งเรืองนับพันปี
แล้วก็ต้องดูแลสุขภาพ “เลือกกินผลไม้สดวันละ2ส่วน” และเกาะติดข่าว “สวนสามพราน”
พร้อมเปิดบริการห้องพัก/ห้องประชุม 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป “การบินไทยตั้งรักษาการ DD คนใหม่” อีกแล้ว
ศึกร้อนระอุในสายการบินแห่งชาติการบินไทย “ฝ่ายบริหารโต้ลูกจ้าง”
ปมลดเงินเดือนคนรายได้น้อย
ขับรถเที่ยวกันเถอะที่“เมืองโบราณอู่ทอง”สุพรรณบุรี
พร้อมจะขับรถอออกไปเที่ยวกันหรือยัง
ตั้งเข็มไมล์ไปสัมผัสประสบการณ์เมืองเก่าอู่ทอง “สุพรรณบุรี” อากาศสบาย ๆ
หน้าฝนสีเขียวขจีแบบนี้ ต้องไป “ปั่นจักรยานโบราณเที่ยวบ้านโคก”
ชุมชนที่ชาวชาติพันธุ์ “ลาวครั่ง”
มาตั้งถิ่นฐานนับร้อยปีพร้อมกับสร้างสรรค์ธรรมชาติให้กลายเป็นเพื่อนแสนอบอุ่น
มีทั้ง ท้องทุ่งนา ทุ่งไร่ สวนผัก
“บ้านโคก” เป็นเส้นทางปั่นจักรยานชมวิถีชีวิตชุมชน
โดยมีพื้นที่ติดกันให้ปั่นไปเรื่อย ๆ ได้ 3
หมู่บ้าน เพื่อชมบ้านเรือนปลูกตามวัฒนธรรมสไตล์ลาวครั่ง
คนในท้องถิ่นคุ้นชินกับการใช้จักรยานเป็นพาหนะ
และมีจักรยานโบราณอายุเป็นร้อยปีเช่นกัน ปั่นไปเรื่อย ๆ จนถึงหมู่ 8 บ้านหนองเสือ
ก็จะมีจุดพัก สามารถสั่งอาหารในท้องถิ่นมารับประทานได้
อีกแห่งที่แนะนำคือ
“พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอู่ทอง” ตั้งอยู่บนถนนมาลัยแมน อำเภออู่ทอง
ห่างจากตัวเมืองสุพรรณประมาณ 30 กม.
หากได้เข้าไปชม จะต้องตื่นตากับศิลปะโบราณวัตถุสมัยต่าง ๆ
ซึ่งบ่งบอกถึงดินแดนสุพรรณบุรีเคยเป็นถิ่นอาศัยของมนุษยชาติที่มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน
จัดแสดงแยกอยู่ตามห้องต่าง ๆ ในอาคาร 2 ชั้น
อาคารชั้น
1 เล่าเรื่องราวบรรพชนคนอู่ทอง
การค้นพบเมืองโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงยุคทวารดี มีพระพุทธรูป
เครื่องประดับ
อาคารชั้น
2 ร้อยเรียงพัฒนาการทางประวัติศาสตร์บนผืนแผ่นดิน
จัดทำเป็นห้อง “สุวรรณภูมิ” เล่าเรื่องการค้าของโลกยุคโบราณ
พร้อมกับผังเมืองโบราณอู่ทอง
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอู่ทอง
เปิดทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชม คนไทย 30 บาท ต่างชาติ 150 บาท และฟรี สำหรับ นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงวัยเกิน
60 ปีขึ้นไป
มาสุพรรณบุรีทั้งที
ห้ามพลาด ซื้อ “ปลาม้าแดดเดียว” กลับไปเป็นอาหารและแจกเพื่อนฝูงให้ชิมทั่ว ๆ กัน
ทริปขับรถเที่ยว
“สุพรรณบุรี” ชมเมืองโบราณอู่ทอง สนุกเรียบง่าย ได้อรรถรส
ลองมาแล้วจะรู้ว่าเที่ยวเมืองไทย มีเรื่องราวดี ๆ จริง ๆ
กินผลไม้ทั้งทีต้องกินแบบสดแต่ละวันกินให้ได้มื้อละ2ส่วน
การรับประทานผลไม้เป็นประจำ
จะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ซึ่งคำแนะนำให้กินผลไม้เป็นประจำนั้น
มุ่งที่ผลไม้สดเท่านั้น และไม่อาจทดแทนได้ด้วยผลไม้แปรรูปและน้ำผลไม้สำเร็จรูป
เพราะวิตามินและสารอาหารในผลไม้
จะสูญสลายไปตามอายุและการได้รับความร้อน อีกทั้งยังมีการเติมน้ำตาลจำนวนมาก
เพื่อปรุงรสให้ชวนบริโภคและอาจรวมถึงสารเคมีต่าง ๆ อีกด้วย
ไฟเบอร์ หรือเส้นใยอาหาร มีส่วนทำให้กระเพาะย่อยอาหารช้าลงก็จริง
แต่ไม่ได้ช้าจนถึงขนาดทำให้อาหารบูดเน่า ตรงกันข้ามการย่อยช้าลง
กลับมีข้อดีตรงที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น
ดังนั้นการกินผลไม้พร้อมอาหารทำให้การย่อยอาหารช้าลงก็จริง
แต่ในระดับเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพแต่อย่างใด
ส่วนการกินผลไม้ให้ได้คุณค่าแต่ละครั้ง
ควรคำนึงถึงปริมาณที่เพียงพอมากกว่าช่วงเวลา โดยในหนึ่งวันควรกินผลไม้ให้ได้มื้อละ1-2 ส่วน ตามแต่ละประเภท เช่น มะละกอสุก 6 ชิ้นพอคำ เงาะ 4 ผล ฝรั่งครึ่งผล สับปะรด 6 ชิ้นพอคำ กล้วยน้ำว้า 1 ผล ชมพู่ 2 ผลขนาดใหญ่ มังคุด 4 ผลขนาดกลาง ส้มสายน้ำผึ้ง 1 ผล เป็นต้น
จากรายงานทางคลินิกและระบาดวิทยาพบว่า
การกินผลไม้เป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น
โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และป้องกันมะเร็งบางชนิด
รวมทั้งทำให้ระบบขับถ่ายปกติและช่วยควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากในผลไม้มีใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำ
เมื่อกินเข้าไปจะเกิดการพองตัวเป็นเจลแทนพื้นที่บางส่วนในกระเพาะอาหารทำให้รู้สึกอิ่ม
อีกทั้งยังกักน้ำตาลและคอเลสเตอรอล ลดการดูดซึม ดังนั้นเมื่อกินผลไม้ตอนท้องว่าง
จึงทำให้รู้สึกอิ่มส่งผลให้กินอาหารมื้อหลักหลังจากนั้นในปริมาณที่ลดลงตามไปด้วย
“สวนสามพราน”พร้อมเปิดห้องพัก/ห้องประชุม1ส.ค.63
นางสุชาดา ยุวบูรณ์ ประธานกรรมการ สวนสามพราน เปิดเผยว่า
เตรียมความพร้อมจะกลับมาเปิดบริการโรงแรมสามพราน ริเวอร์ไซด์
ริมแม่น้ำท่าจีนอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม
2563 เป็นต้นไป
โดยจะทยอยเปิดห้องพักในส่วนอาคารประมาณ 50 ห้อง
เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าประจำที่ชื่นชอบมาใช้บริการ
ผนวกกับโอกาสการทำธุรกิจหลังไวรัสโควิด-19 เริ่มกลับมาในทางที่ดีขึ้นแล้ว
ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีลูกค้าประจำโทรสอบถามมากกว่า 400 ราย ถึงการเปิดห้องพัก ห้องประชุมสัมมนา
และการจัดกิจกรรม แต่งงาน และอื่น ๆ
ส่วนทางผู้บริหารสวนสามพราน
เตรียมมาตรฐานให้บริการตามแบบวิถีใหม่ New Normal เน้นความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเข้มข้นทุกขั้นตอนตามกฎของกระทรวงสาธารณสุข
เพื่อรองรับกลุ่มเดินทางมาพักผ่อน ประชุม สัมมนา
โดยจะจัดเตรียมห้องสัมมนาขนาดไม่เกิน 60 คน
ปรับพื้นที่เพิ่มระยะห่างทางสังคมให้สอดคล้องกับพื้นที่เดิมเคยรองรับได้ 120 คน
ส่วน “บ้านไทย”
ริมทะเลสาบ
ได้รับความสนใจจากผู้สูงวัยจองใช้บริการมาตั้งแต่รัฐบาลปลดล็อกดาวน์การเดินทาง
ปัจจุบันยังขายห้องพักบ้านไทยได้ตามปกติ
ซึ่งอาจจะเป็นผลดีเพราะกลุ่มต่างชาติพำนักในไทยหรือ Expat นิยมมาจองพักเป็นประจำ
นอกจากนี้ยังมีร้านสไตล์เก๋
ๆ “ปฐม คาเฟ่” ในปฐม วิลเลจ เปิดบริการอาหารแบบง่าย ๆ เครื่องดื่ม
และของรับประทานเล่น ในห้องกระจกใสชมวิวสวนได้แบบ 360 องศา หากมาวันเสาร์-อาทิตย์ ก็มี “ตลาดสุขใจ”
ต้อนรับแฟนคลับที่ชื่นชอบซื้อผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ของชุมชนต่าง ๆ
ที่นำสินค้ามาตรฐานอินทรีย์มาให้เลือกซื้อเป็นประจำ
การบินไทยตั้ง"ชาญศิลป์
ตรีนุชกร"รักษาการ DDเริ่ม2ก.ค.นี้
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานมติที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ทีมีพลอากาศเอก ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ประธานกรรมการการประชุม อนุใติแต่งตั้ง "นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร" เป็นรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) ควบกรรมการ มีผลวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป โดยให้เข้ามาทำหน้าที่แทนนายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ที่ลาออกจากรักษาการ DD แต่ยังคงนั่งเป็น รองประธานกรรมการคนที่ 2 ของการบินไทย
บินไทยระอุศึกลูกจ้าง-ฝ่ายบริหารโต้ลดรายได้คนเงินเดือนน้อย
หลังจากที่นายพีระพันธุ์
สาลีรัฐวิภาค คณะกรรมการ(บอร์ด) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หัวหน้าทีมจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย
ได้มอบหมายฝ่ายบริหารการบินไทยไปพิจารณาเรื่องแผนปรับโครงสร้าง
"ลดเงินเดือนพนักงานที่มีรายได้น้อย" อยู่แล้ว
โดยขอให้คงรายได้ของพนักงานไว้ไม่ให้ต่ำลงกว่าเดือนละ 30,000 บาท
แล้วให้ฝ่ายบริหารนำกลับมาเสนอบอร์ดอีกครั้ง
นายพีระพันธุ์ได้ติดตามการแก้ปัญหาดังกล่าวเป็นระยะ
ๆ โดยเมื่ออังคารที่ 30 มิถุนายน 2563 ก็ได้นัดพบกับพนักงานการบินไทย
เพื่อพูดคุยเรื่งปัญหาต่าง ๆ
แต่เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2563
ทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้นำเอกสารบันทึกของ "สำนักงานแรงงานสัมพันธ์
กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน" มาเผยแพร่ถึงการประนอมข้อพิพาทแรงงานสัมพันธ์
ไเจรจาไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งตามที่สหภาพรัฐวิสาหกิจการบินไทย
ทำหนังสือเสนอไปยังสำนักงานแรงงานสัมพันธ์ฯ
ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทความขัดแย้งครั้งนี้ ระบุมีตัวแทนแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังและลงนามรับทราบ
ข้อสรุปการไกล่เกลี่ยรวม 5 ข้อ (อ่านได้จากเอกสารในภาพประกอบ)
สาระสำคัญข้อที่ 1 คือ
มีฝ่ายบริหารการบินไทยและหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมลงชื่อนับทราบเนื้อหาในเอกสารของสหภาพการบินไทย
ที่เขียนระบุเนื้อหา ถึงเรื่องกระทำการแทนพนักงานบริษัท
ขอให้ฝ่ายบริหารพิจารณาอย่าตัดหรือหักเงินเดือนพนักงานปฏิบัติการระดับ 1-7
จากนั้นวันที่ 28 มิถุนายน 2563 ใน TG Update ก็เผยแพร่ข้อความของฝ่ายบริหารอธิบายตอบโต้ถึงการกระทำของตัวแทนสหภาพฯ
ที่นำเอกสารบันทึกการไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งของสำนักงานแรงงานสัมพันธ์
กรมคุ้มครองสวัสดิการแรงงาน ออกมาเผยแพร่
ในTG Update กล่าวถึงเอกสารที่สหภาพนำมาเผยแพร่นั้นไม่ใช่บันทึกข้อตกลงMOU อีกทั้งตอนนี้สถานะของสหภาพฯ
ปัจจุบัน ยังไม่มีความชัดเจน กรณีพ้นสภาพการเป็นสหภาพแล้วหรือไม่
ที่จะสามารถมาดำเนินการแทนพนักงาน เพราะ บมจ.การบินไทย
เองก็พ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจกลายเป็นบริษัทเอกชนไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่
23พฤษภาคม 2563
ทั้งนี้มีรายงานจากการบินไทย ยืนยันว่า
ก่อนหน้านี้ทางฝ่ายบริหารการบินไทยเสนอบอร์ดและได้รับอนุมัติให้จ้างทนายที่ปรึกษากฎหมายเพิ่มเข้ามาเพื่อดำเนินการเรื่องต่าง
ๆ ของบริษัท จึงเกิดการตั้งข้อสังเกตุว่า
ปัจจุบันการบินไทยมีทีมฝ่ายกฎหมายเป็นลูกจ้างประจำ รับเงินเดือนบริษัทอยู่แล้ว
ไม่ต่ำกว่า 24 คน
อีกทั้งมีบางแผนกย่อยในฝ่ายกฎหมายมีลูกจ้างระดับผู้จัดการแต่ไม่มีลูกน้อง
ซึ่งเป็นโครงสร้างการจ้างงานที่แปลกมาก
ขณะนี้พนักงานการบินไทยบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการถูกลดเงินเดือน
จึงวิงวอน "นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" เข้ามาให้ความเป็นธรรม
พร้อมทั้งระงับปัญหาข้อขัดแย้งดังกล่าวโดยเร็ว
เพราะนอกจากพนักงานเงินเดือนน้อยจะทุกข์จากเรื่องไวรัสโควิดแล้ว
ยังต้องทุกข์เพิ่มจากการถูกลดเงินเดือนตามที่พวกเขายืนยันว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น