ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.เร่งอัด6โปรเจ็กต์เพิ่มแผนฟื้นท่องเที่ยวหลังโควิด ระดมขายเส้นทางเที่ยวปลอดโรค/ท่องเที่ยวผ่อนคลาย/ไทยเทสต์/แกรนด์เซลส์


บิ๊กททท.เพิ่มแผนฟื้นท่องเที่ยวครึ่งปีหลังโหมจัดกิจกรรมทั่วไทย6โปรเจ็กต์

ระดมขายเส้นทางเที่ยวปลอดโรค-ทัวร์ผ่อนคลาย-ไทยเทสต์-แกรนด์เซลส์

คิงเพาเวอร์เริ่มแล้ว”ล้านลูกล้านพลัง”แจกลูกบอลเด็กนครปฐม

พลังคิงเพาเวอร์ตลุยแจกภาคกลาง/อีสาน/เหนือ9จังหวัด16รร.

ททท.หวังอะเมซิ่งแกรนด์เซล2เดือนเศรษฐกิจสะพัด1.5พันล้าน

ททท.ภูเก็ตแจกอีคูปองนักท่องเที่ยวขับรถเที่ยวรับพันบาท500ใบ

ททท.ฉะเชิงเทราดึง3กลุ่มร่วมสนุกคิดถึงก๊วนชวนตีกอล์ฟเมือง8ริ้ว

บางจากลงนามจ้างV.L.ขนส่งน้ำมันดิบทำสมาร์ตโลจิสติกส์5ปี

TCEBเปิดเกณฑ์แจกเงินจัดประชุม/เอ็กซิบิชั่น1.5-3 หมื่นบาท

เที่ยววิถีใหม่เชียงรายผจญภัย“แก่งผาได-ผาฮี้-ผาตั้ง-ภูผาสวรรค์”

กรมการแพทย์แนะเลือกเครื่องสำอางอย่างปลอดภัยสวยได้เสมอ

ศบค.ยืนยัน58โรงพยาบาลพร้อมรับทัวร์สุขภาพต่างชาติเข้าไทย

รัฐบาลเดินหน้าหนุนไทย“เมดิคัลฮับ”โกยเงินต่างชาติหลังโควิด

เอกชนหวังพึ่ง“แทรเวล เอ็กซโป2020”ช่วง1-4ต.ค.นี้ปั๊มรายได้

 

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #ทททเพิ่มแผนฟื้นท่องเที่ยวหลังโควิด  #ลุยขายท่องเที่ยวปลอดภัย  #ทททฉะเชิงเทราชวนคิดถึงก๊วนชวนตีกอล์ฟ8ริ้ว

 

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 

                ช่วงที่ 1 “นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผ่าทางโตแนวใหม่ “สินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว” หลังโควิด พร้อมใช้คัมภีร์ “BESTบวก 7 กรีน “จองก่อน/รักษาสิ่งแวดล้อม-เข้มความปลอดภัย/ใช้เทคโนโลยี” สร้างโมเดล “อนุรักษ์งานแห่เทียนมุทิตาจิตหลวงปู่มั่น” เป็นต้นแบบจัดกิจกรรมรับมือท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal ปลายปีนี้มีงานใหญ่ให้ลุยขยายผล 6 โปรเจ็กต์ “เทศกาลเที่ยวผ่อนคลาย-เส้นทางเที่ยวปลอดโรค-อะเมซิ่งไทยเทสต์ เฟสติวัล-ไบค์ไรด์เฟสต์-อะเมซิ่งไทยแลนด์แกรนด์เซล-ทัพ5G ไทยแลนด์ แทรเวล เทค สตาร์ต อัพ” ตั้งเป้าใช้ทุกช่องทางโกยรายได้กระจายทั่วไทยตลอดปี’63 เข้าเป้า 1.3 ล้านล้านบาท

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) การวางกลยุทธ์เชิงรุกหลังสถานการณ์โควิด ได้จัดทำสัมมนาผ่าน webinar นำโดย ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.พร้อมรองผู้ว่าการอีก 8 คน แลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ในส่วนของสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยวได้นำคอนเซ็ปต์ BEST :Booking /Environment /Safety/Tecnology มาใช้ในทุกกิจกรรม โดยเฉพาะ “สินค้า” ซึ่งมีทั้งการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว การสร้างสรรค์กิจกรรม และสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยว ตอนนี้ทุกส่วนได้นำเรื่อง New Advance มาใช้ในยุควิถีใหม่ New Normal รวมทั้งปัดฝุ่นโปรเจ็กต์การท่องเที่ยวด้านการใส่ใจสิ่งแวดล้อม New Environmental นำ 7 Green มาประยุกต์มากขึ้น

 

โดยเน้นเรื่อง S-Safty ความปลอดภัยใช้ตราสัญลักษณ์ SHA : Safty & Health Administration ให้การรับรองธุรกิจท่องเที่ยวครอบคลุมทั่วประเทศ 10 ประเภท ส่วน T- Tecnology ได้เทคโนโลยีนำมาใช้ผ่านโครงการ Amazing Thailand Travel Tec Start Up

 

ขณะนี้มีรายละเอียดการทำงานแต่ละส่วน ตัวอย่างการทำแผนกระตุ้น “ไทยเที่ยวไทย” ต้องทำให้ชัดเจนมาก แล้วเดินหน้าทำไปอีกสักระยะ เริ่มตั้งแต่กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป เดินหน้าสนับสนุนนโยบายรัฐบาลคือแพกเกจ “กำลังใจ” ให้อาสาสมัครสาธารสุข (อสม.) อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) บุคลการโรงพยาบาลส่วนตำบล (รพ.สต.) เดินทางท่องเที่ยวฟรีช่วง 25 กรกฎาคม-31 ตุลาคม นี้ และ แพกเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” กระตุ้นรับส่วนลดห้องพักและตั๋วเครื่องบิน 40 % เพื่อออกเดินทางเที่ยวแรง ๆ ตลอดครึ่งปีหลัง

 

ระหว่างนี้ ททท.ด้านสินค้าได้จัดทำโครงการต้นแบบ “อนุรักษ์เทียนพรรษามุทิตาจิตหลวงปู่มั่น”  จังหวัดอุบลราชธานี จัดระหว่าง 3-7 กรกฎาคม 2563 เป็นงานประจำปี เดิมเคยจัดใหญ่มาก แต่ปีนี้สร้างความแตกต่างให้สอดคล้องกับสถานการณ์หลังโควิด-19 พิธีการทางศาสนาเหมือนเดิม แต่วิธีบริหารจำนวนคนเข้างาน ต้องลงทะเบียน ได้นำมาตรการด้านสาธารณสุขเข้าไปใช้จัดการผู้จะเข้าร่วมงาน ต้องสแกนไทยชนะ ตรวจวัดอุณหภูมิ ทำไลฟ์แมพ แต่ละโซนจะต้องตรวจวัดดูปริมาณคนไม่ให้เกินเกณฑ์ ซึ่งผู้ประกอบการก็ให้ความร่วมมือดีมาก นักท่องเที่ยวเองก็เช่นเดียวกัน

 

ส่วน ททท.ในพื้นที่มอนิเตอร์ทุกวัน ประมวลผลจากยอดผู้เข้าร่วมงาน 1-2 วันแรก ๆ ได้รับความสนใจรวมกว่า 7,000 คน ตามการจำกัดให้คนเข้าได้รอบละประมาณ 2,500 คน ตลอดงานมีผู้เข้าร่วมงานเกินกว่า 70,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนเข้าระบบเศรษฐกิจราว 60 ล้านบาท

 

รองผู้ว่าฐาปนีย์ ยืนยันว่า ททท.จะนำโมเดลต้นแบบจาก “อนุรักษ์เทียนพรรษามุทิตาจิตหลวงปู่มั่น” นั้นจะได้บรรจุขั้นตอนการปฏิบัติไว้ในคู่มือ SHA เพื่อให้ผู้ประกอบการ คนจัดงาน ต้องเตรียมพร้อมด้านใดบ้าง แล้ว ททท.จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ส่วนงานต่อไปจะมี โครงการที่ 1 Happy Bike ไร้โควิด ระหว่าง 25-26 กรกฎาคม 2563  เป็นมหกรรมกีฬาแข่งขันขี่จักรยานที่ระยองและจันทบุรี เปิดรับสมัครออนไลน์สมัครได้ทาง www.thailandfestival.org  

 

โครงการที่ 2จัดมหกรรม Amazing Thai Tastes Festival 2020 @Phuket +ถนนคนเดิน ระหว่าง 14-16 สิงหาคม 2563  ที่ภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองหลัก เปิดให้คนไทยเข้าไปสัมผัสบรรยากาศเมืองท่องเที่ยวได้พลิกฟื้นกลับมาคึกคักทั้งภูเก็ต สมุย นำจุดเด่นของอาหารถิ่น ถนนคนเดิน แล้วนำมาตรฐาน SHA เข้าไปใช้

 

โครงการที่ 3 จัด STRESS Free Festival : เทศกาลแห่งความผ่อนคลาย จะส่งเสริมให้เป็นงานซิกเนเจอร์ในเชิงสัญลักษณ์เฉพาะซึ่งจะขยายผลจัดต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยงานแรกจะจัด 4-6 กันยายน 2563 บริเวณตำบลหมูสี (เป็นพื้นที่แหล่งเรียนรู้ อยู่ในความดูแลของ ททท.) ทางขึ้นเขาเขียว ในจังหวัดนครราชสีมา เป็นงานผ่อนคลายสไตล์ New Normal เต็มรูปแบบ ภายในงานจะมีทั้ง ดนตรี กีฬา อาหาร สปา ต่อยมวย หมอดู การแสดงวัฒนธรรม นำร่องแห่งแรกที่นครราชสีมา แล้วจะขยายผลกระจายจัดงานนี้ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ www.thailandfestival.org

 

รองฐาปนีย์กล่าวว่า ยังมีกิจกรรมเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวขาช้อปได้ร่วม โครงการที่ 4 จัดมหกรรม Amazing Thailand Grand Sales 2020 ระหว่าง 15 กรกฎาคม -15 กันยายน 2563 ปีนี้จะแตกต่างจากทุกปีที่จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ปี 2563 เป็นปีแรกที่จะเปลี่ยน “กลุ่มเป้าหมาย” เน้นคนไทยทั่วทุกภูมิภาค “ช้อปข้ามภาค” เช่น ภาคเหนือไปช้อปภาคใต้ ภาคอีสานไปช้อปภาคอื่น ๆ ททท.พยายามเปลี่ยนการช้อปปิ้งจาก “ออนไลน์” เป็น “ออฟไลน์”

 

จากการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า เพื่อคิดกลยุทธ์การขายจัดทำเป็น Special Deal, Supper Hot Deal เพื่อสร้างความว้าว และทุกวันที่ 8 เดือน 8 กับ วันที่ 9 เดือน 9 จะปล่อยโค้ดราคาลดสุดพิเศษอาจจะถึง 80-90 % ก็เป็นได้ เพื่อให้นักช้อปเข้ามาแสกนนำไปใช้ซื้อสินค้าอย่างจุใจ จึงขอให้อย่าหยุดติดตาม

 

ททท.ได้จัดเตรียมขั้นตอนเปิดให้นักช้อปเข้าไปในเว็บไซต์ amazingthailandgrandsale.com เพื่อสแกน QR CODE ระบุชื่อจริง รับ CODE ส่วนลดพิเศษมาก ๆ นำไปซื้อสินค้าแล้วนำหางใบเสร็จรับเงินมาลุ้นรับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท โดยมีแพกเกจห้องพัก ตั๋วเครื่องบิน รวมอยู่ด้วย จึงขอเชิญชวนให้เข้ามาร่วมช้อปกับแคมเปญนี้กันมาก ๆ

 

สำหรับเป้าหมายรายได้ปี 2563 จะใช้กลยุทธ์เพิ่มรายได้จาก การจัดมหกรรม “Amazing Thailand Grand Sales 2020 เป็นกำลังสำคัญในการเดินหน้าผลักดันเม็ดเงินท่องเที่ยวให้ถึงเป้า 1.3 ล้านล้านบาท จากตลาดในประเทศ จึงเป็นเหตุผลให้ต้องเร่งทำกิจกรรมเร็วขึ้นเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อบูมขายสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่น สินค้าเกษตร หรือแม้แต่สินค้าภายในห้างเองก็ตาม เพราะตอนนี้ทุกห้างสรรพสินค้ารอนักท่องเที่ยวต่างชาติมาช้อปแต่ยังไม่มีโอกาส จึงต้องอาศัยพลังการใช้จ่ายเงินของคนในประเทศเป็นหลัก ดังนั้นภายในไตรมาส 4  ปี 2563 ก็จะได้เห็นยอดตัวเลขรายได้ที่แท้จริง

 

โครงการที่ 5 การนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ขับเคลื่อนผ่าน 5G ขณะนี้ ททท.หารือกับผู้ประกอบการมือถือค่ายใหญ่ ๆ ทั้ง AIS, DTAC ,TRUE เริ่มทำระบบ VR ภาพเสมือนจริง เพิ่มความอยากให้คนออกมาเที่ยว จะทำในลักษณะ SMART VR รวมถึงปีนี้ ททท.จัดประกวด Thailand Travel Tec Start Up Season 2 หลังจากเคยจัดเมื่อ 2 ปีก่อน ขณะนี้เริ่มเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่ 1-30 กรกฎาคม 2563 เพราะเทคโนโลยีมีความสำคัญมาก ททท.ต้องการหาหน้าใหม่ หรือหน้าเก่าที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ มาร่วมประกวด ดังนั้นปีนี้จึงเปิดโอกาสให้ นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไป รวมตัวกันส่งเป็นทีม ๆ ละ 3-5 คน พร้อมเปิดให้คนที่อยู่ในประเทศไทย อาจจะเป็นต่างชาติที่พำนักอยู่ในไทยก็ได้ เพื่อลุ้นรางวัลกว่า 1 ล้านบาท ชนะเลิศ รับไปเลย 500,000 บาท รองชนะเลิศ รับ 250,000 บาท อันดับ 3 รับ 25,000 บาท คัดไว้ 10 ทีม ทีมอันดับ 4-10 รับทีมละ 20,000 บาท

 

จึงขอให้เด็กรุ่นใหม่ที่สนใจนำนวัตกรรมมาต่อยอดก็สมัครเข้าในโครงการ Thailand Travel Tec Start Up Season 2 ได้ทันที เข้าไปดูรายละเอียดที่ facebook tatstartupthailand คลิกเข้าไปยังหน้าเว็บเพจเพื่อสมัครเข้าประกวดในโครงการต่าง ๆ ของ ททท.

 

ไฮไลต์ปิดท้ายด้วย โครงการที่ 6 จัดโปรแกรม “เส้นทางท่องเที่ยวปลอดโรค” รองรับมาตรฐาน SHA โดยร่วมจับมือกับทางสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ นำร่องผลิตเส้นทางดังกล่าวไปยัง กาญจนบุรี ระยอง ภูเก็ต สมุย จะเปิดตัววันที่ 20 กรกฎาคม 2563 เพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพตามเส้นทางปลอดโรค ตามที่ได้คัดสรรไว้

 

แต่อย่างไรก็ดีเส้นทางอื่น ๆ ก็ปลอดโรค สามารถเข้าไปดูได้ทาง www.tourismthailand.org  หรือจะเสิร์ซทาง google พิมพ์คำว่า “สินค้าท่องเที่ยว” ตอนนี้ ททท.เริ่มมีรายละเอียดเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยตอบโจทย์แต่ละความต้องการของนักท่องเที่ยวไว้แล้ว สามารถป้องกันการแพร่ระบาด ผนวกกับ ททท.เน้นการปัดฝุ่น 7 Green Tourism เพราะเป็นอีกสินค้าที่ตอบโจทย์ครบทั้งเรื่องการท่องเที่ยวห่วงใยสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ และอื่น ๆ ตอนนี้ ททท.เน้นเรื่อง Green Hearth ทุกคนต้องมีหัวใจสีเขียวในการลงมือทำระหว่างท่องเที่ยว

 

รวมทั้งการมีบริการสีเขียว (Green service) การคมนาคมขนส่ง (Green Logistics) ชุมชนสีเขียว (Green Community) กิจกรรมสีเขียว (Green Activity)  และ สถานที่ท่องเที่ยวสีเขียว (Green Attractions) และ สร้างโอกาสสีเขียว (Green Plus) รณรงค์ให้คนอย่ารอต้องร่วมกันสร้างสรรค์โอกาสดูแลโลกนี้ก่อนจะเสื่อมสภาพลงไป ซึ่งคนทั้งโลกได้เห็นแล้วก่อนเกิดโควิดและหลังโควิด พอธรรมชาติได้พักฟื้นทุกอย่างกลับมาสวยงามดีมาก

 

ดังนั้นถึงเวลาที่จะต้องดูแลเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติอย่างเข้มข้น ไม่สามารถละเลยอีกต่อไปได้แล้ว ทาง ททท.จึงได้นำนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามาประยุกต์ใช้ตลอดปี 2563-2564 เพื่อสร้างสรรค์ รักษา แหล่งท่องเที่ยวของเมืองไทยทั้งหมดให้อยู่อย่างยั่งยืน

 

ข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์เริ่มแล้ว”ล้านลูกล้านพลัง”แจกลูกบอลเด็กนครปฐม

 

นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้นำทีมปล่อยคาราวานโครงการ “ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย” ปีที่ 4  ภายใต้ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563  เป็นวันเริ่มต้นมอบความสุขให้โรงเรียนวัดหนองศาลา (ประชานุกูล) จังหวัดนครปฐม ตลอดงานได้รับความสนใจจากเด็กๆ ในโรงเรียนพื้นที่ใกล้เคียง มารอรับลูกฟุตบอลจำนวนมาก

 

นับเป็นความสำเร็จของโครงการ ล้านลูก ล้านพสร้างฝันเด็กไทย ที่เดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายที่ตั้งเป้าหมายจะแจกลูกฟุตบอลมาตรฐานสากลให้ครบ 1 ล้านลูก ภายในเวลา 5 ปี ขณะนี้ได้เริ่มเห็นการพัฒนาของเด็กๆ ที่เคยได้รับลูกฟุตบอลจากโครงการฯ แล้วนำไปใช้ฝึกซ้อมอย่างจริงจัง จนในที่สุดสามารถเข้าสู่โรงเรียนฝึกทักษะฟุตบอลชื่อดังได้สำเร็จ  ซึ่งถือเป็นบันไดก้าวแรกของน้องๆ ที่จะเดินตามความฝันก้าวสู่นักฟุตบอลอาชีพในอนาคต

 

 “ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาโครงการนี้ได้มอบลูกฟุตบอลให้น้อง ๆ เยาวชนไทยและชุมชนต่างๆ ไปแล้วกว่า 600,000 ลูก ตามเจตนารมย์ของกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ มุ่งมั่นส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยให้มีความสามารถด้านกีฬาฟุตบอลในทุกมิติต่อไป” นายอภิเชษฐ์กล่าว

 

ส่วนการเคลื่อนทัพแจกลูกฟุตบอลครั้งนี้ มีความพิเศษสุด ๆ เพราะได้ชวนนักเตะดาวรุ่งดีกรี Fox Hunt ร่วมเดินทางไปสร้างสีสันเป็นโมเดลให้เด็ก ๆ เกิดพลังในการใช้กีฬาเพื่อพัมนาคุณภาพชีวิต เช่นเดียวกับนักเตะ Fox Hunt อาทิ  รุ่นที่ 1 นายธวัชชัย คำมุงคุณ ปัจจุบันสังกัดสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด รุ่นที่ 2 นายชาญชัย ผลจำเริญ ปัจจุบันสังกัดสโมสรการท่าเรือ เอฟซี รุ่นที่ 3 นายพิรชัช กุลลประภา ปัจจุบันสังกัดสโมสรโปลิศ เทโร เอฟซี และนายทักษ์ดนัย ใจหาญ ปัจจุบันสังกัดสโมสรสิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด มาร่วมถ่ายทอดทักษะการเล่นฟุตบอลแบบมืออาชีพให้กับเยาวชนไทยอย่างใกล้ชิด

 

ภายในงานยังได้จัดกิจกรรมไฮไลท์สุดพิเศษ จัดการแข่งขันฟุตบอล ระหว่าง 4 นักเตะ Fox Hunt และดารารับเชิญ เก้า - จิรายุ ละอองมณี พร้อมด้วยน้อง ๆ เยาวชนโรงเรียนวัดหนองศาลา (ประชานุกูล) มาดวลแข้งกันอย่างสนุกสนาน ร่วมสร้างประสบการณ์ และแรงบันดาลใจการเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพในอนาคต

 

สำหรับโครงการทัพลูกฟุตบอลมาตรฐานสากลกว่า 200,000 ลูก เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 77 จังหวัด ปีนี้ 2563 จะส่งไปไกลกว่าเดิมเพื่อให้ถึงมือเด็ก ๆ ในถิ่นทุรกันดารบนพื้นที่ห่างไกลจากเหนือจรดใต้ ผลักดันเยาวชนไทยที่มีหัวใจรักกีฬามีโอกาสได้รับลูกฟุตบอลลูกใหม่ไว้ใช้ฝึกฝน พัฒนาทักษะการเล่นฟุตบอลสู่นักเตะมืออาชีพ ควบคู่กับการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เพื่อเป็นส่วนเล็กๆ ในการช่วยเติมเต็มรอยยิ้มและความสุขให้เด็กไทย

 

อีกทั้งในพิธีปล่อยขบวนคาราวานแจกฟุตบอล ยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารรวมพลังช่วยกันโบกธง อาทิ นางสาวกรอบแก้ว ปันยารชุน  รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นายมิน ประจวบวัน รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครปฐมเขต 1นายบัณฑิต เล้าอรุณ อดีตสมาชิกสภาจังหวัดนครปฐม นางสาวฉันทนา ภุมมา ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหนองศาลา(ประชานุกูล) และพระเอกหนุ่มเก้า - จิรายุ ละอองมณี  

 

ทางด้าน นายธวัชชัย คำมุงคุณ นักเตะ Fox Hunt รุ่นที่ 1 ปัจจุบันสังกัดสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กล่าวว่า  “ผมรู้สึกดีใจมากที่วันนี้ได้เห็นเด็กไทยในพื้นที่ห่างไกลได้รับลูกฟุตบอล เพราะเป็นความรู้สึกที่ผมเคยเฝ้ารออยากได้ลูกฟุตบอลดี ๆ ไว้ใช้เตะฝึกซ้อมในสมัยเด็ก ผมไขว่คว้าโอกาสอยู่เสมอ จนได้รับโอกาสจากคิง เพาเวอร์  คือ การได้เป็นนักเตะในโครงการ Fox Hunt รุ่นแรก ไปฝึกทักษะฟุตบอลที่สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ได้เจอกับนักเตะระดับโลกหลายๆ คนในพรีเมียร์ลีก ทำให้ผมมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนัก จนสามารถทำตามความฝัน ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ และก้าวสู่นักเตะทีมชาติไทยในที่สุด

 

ผมจึงอยากนำทักษะการเล่นฟุตบอล การฝึกซ้อมที่เข้มข้น รวมไปถึงเรื่องการดูแลร่างกายอย่างถูกวิธี มาถ่ายทอดให้กับเยาวชนไทยที่รักกีฬาฟุตบอลได้นำไปใช้พัฒนาฝีมือ เพราะวันหนึ่งน้องๆ หลายคนที่มุ่งมั่นจะสามารถก้าวข้ามผ่านความกลัวหรืออุปสรรคต่างๆ และทำฝันให้กลายเป็นจริงได้”

 

ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์ตลุยภาคกลาง/อีสาน/เหนือแจกไม่ยั้ง9จังหวัด16โรงเรียน

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานถึงการ จัดทำโปรแกรมปฏิทินการแจกฟุตบอลในโครงการ “ล้านลูก ล้านพลัง สร้างสรรค์เด็กไทย” ระหว่างวันที่ 9-17 กรกฎาคม 2563 จะเดินทางไปโรงเรียนทั่วประเทศ 9 จังหวัด 16 โรงเรียน ขอให้เด็ก ๆ แต่ละโรงเรียนเตรียมตัวให้พร้อม เริ่มตั้งแต่ วันที่ 9 กรกฎาคม 2563 ปล่อยคาราวานพร้อมลงพื้นที่แจกลูกฟุตบอลให้ “โรงเรียนวัดหนองศาลา(ประชานุกูล)” จ.นครปฐม

 

วันที่ 13 กรกฎาคม 2563 จะไปแจก 4 โรงเรียน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนตะโกดอนญ่านาง และโรงเรียนวัดทุ่งมน จังหวัดกำแพงเพชร 2 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านส่องตาแล และโรงเรียนโพธิ์เอน

 

วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 จะไปแจก 4 โรงเรียน ในจังหวัดนครราชสีมา 2 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนเกรียมโนนสูงสำโรง และโรงเรียนบ้านลุงตามัน จังหวัดสุโขทัย 2 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านบึงสวย และโรงเรียนบ้านวังคร้อ

 

วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 จะไปแจก 2 โรงเรียน ในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แก่ โรงเรียนบ้านศรีภูมิ และโรงเรียนบ้านทุ่ง

 

วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 จะไปแจก 3 โรงเรียน ในจังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ โรงเรียนโนนแท่นพิทยาคม และโรงเรียนบ้านสะเอิง จังหวัดตาก 1 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านแม่กลองเก่า

 

วันที่ 17 กรกฎาคม 2563 จะไปแจก 2 โรงเรียน ในจังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ โรงเรียนบ้านโนนคูณ และโรงเรียนโนนค้อวิทยาคม

 

เด็ก ๆ  ตามโรงเรียนข้างต้น เตรียมตัวให้พร้อมฟุตบอลทุกลูกจะเดินทางไปส่งให้ถึงทุกพื้นที่ในถิ่นห่างไกล เพื่อคืนความสุขให้เด็กไทยที่จะก้าวขึ้นมาเป็นพลังสำคัญของชาติในอนาคตต่อไป

 

ข่าวที่ 3 ททท.หวังอะเมซิ่งแกรนด์เซลช้อป2เดือนเศรษฐกิจสะพัด1.5พันล้าน

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.นำทีมจัด “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ เซล 2020” ต่อเนื่อง 2 เดือน ระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม -15 กันยายน 2563 ภายใต้แนวคิด Non Stop Shopping โดยจะระดมผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าและรายย่อยเข้าร่วมให้ได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ราย เปิดช่องทางขายทั้งออฟไลน์และออนไลน์เจาะตลาดในประเทศทั้งคนไทยและต่างชาติที่พำนักในไทย โดยกระจายจัดครอบคลุม 5 พื้นที่ท่องเที่ยวหลัก ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ และพัทยา ตั้งเป้าสร้างเม็ดเงินสะพัด 1,500 ล้านบาท

 

การจัดมหกรรมอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ เซล ปีนี้ อาจจะเผชิญความท้าทายเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เพิ่งจะผ่อนคลายลง จึงต้องอาศัยผู้ประกอบการค้าปลีกกระหน่ำราคาดึงความสนใจนักช้อป โดยเฉพาะการกระตุ้นเจาะเข้าถึงคนไทยซึ่งเดิมนิยมไปเที่ยวต่างประเทศปีละ 12-13 ล้านคน ให้หันมาใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงที่ยังไม่สามารถบินไปต่างประเทศ

แม่เหล็กใหญ่น่าที่ห้าง ร้านค้าต่าง ๆ จะพร้อมใจกันทำราคาโดนใจด้วย 2 แคมเปญแรง ๆ ได้แก่ 1.แคมเปญ 8.8 หรือวันที่ 8 เดือน 8 จัดกิจกรรมร่วมสนุกตอบคำถามออนไลน์แจกบัตรกำนัลของขวัญ  4,100 รางวัล รวมมูลค่า 6.6 แสนบาท 2.แคมเปญ 9.9 วันที่ 1-9 เดือน 9 จัดกิจกรรมเล่นเกมผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ Amazing Thailand Grand Sale 2020 แจกบัตรกำนัลของขวัญ 20 รางวัล รวมมูลค่า 1 แสนบาท

เรื่อยไปจนถึงแจกสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลเมื่อช้อปสินค้าและใช้บริการ เมื่อจบโครงการแล้ว จะแจกรางวัลใหญ่เพิ่มมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท เช่น รถยนต์ แพ็คเกจท่องเที่ยว อุปกรณ์สื่อสารทันสมัย และอื่นๆ

ทั้งนี้ ททท.พยายามโหมทำกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินเพิ่มโดยเตรียมทำควบคู่ไปด้วย 2 โครงการ ได้แก่ 1.ไทยแลนด์ เมดิคัล แอนด์ เวลเนส รีสอร์ท ออฟ เดอะ เวิลด์ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางเพื่อการแพทย์และสุขภาพ เมื่อไทยสามารถควบคุมโรคโควิด-19 ได้ดีขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีห่วงโซ่ของธุรกิจเชื่อมโยงหลายอย่าง และ 2.ไทยแลนด์ เวิลด์ ชอปปิง พาราไดซ์ ผลักดันประเทศไทยเป็นสวรรค์ของการช้อปปิ้งเต็มรูปแบบเมื่อโควิดจากไปการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยการหารายได้จากนักท่องเที่ยวในและต่างประเทศจะกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

 

ข่าวที่ 4 ททท.ภูเก็ตแจกอีคูปองคนขับรถเที่ยวพันบาท500ใบ

 

นางนภสร ค้าขาย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับทางนายประวิช จรรยาสิทธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต และทีมงานจัดทำแคมเปญ “Drive Thru Phuket” เที่ยว สนั่น เกาะ โดย ททท.พร้อมมอบคูปองเงินสดมูลค่า 1,000 บาท จำนวน 500 ใบ ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังภูเก็ตด้วยรถยนต์ พร้อมกับเข้าพักโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการเสนอขายห้องพักผ่านทางเว็บไซต์ www.phuketgreattime.com

 

โครงการแจกคูปองมูลค่าใบละ 1,000 บาท นั้น ททท.ภูเก็ต ต้องการนำเงินไปใช้จ่ายแทนเงินสดให้ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ มีรายได้หมุนเวียนเข้ามาเสริมสภาพคล่องหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายไปในทางที่ดีขึ้น

 

โดยใช้วิธีเปิดให้นักท่องเที่ยวลงทะเบียนรับคูปองเงินสดในรูปแบบ E-Coupon ผ่านทาง Line Official Account: @tatphuket ได้ตั้งแต่วันนี้-30 กันยายน 2563 สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในช่องทางหลักที่ Facebook Fan Page : Phuket E-Magazine

 

ข่าวที่ 5 ททท.ฉะเชิงเทราดึง3กลุ่มร่วมคิดถึงก๊วนชวนตีกอล์ฟเมือง8ริ้ว

 

นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานฉะเชิงเทรา เชิญชวนนักกอล์ฟร่วมโครงการ “คิดถึง ก๊วน" ชวนตีกอล์ฟ : Happy Friday @ Chachoengsaoทุกวันศุกร์ ระหว่างกรกฎาคม-กันยายน 2563 โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 นักกอล์ฟจะได้รับทันทีคูปองเงินสดคนละ 200 บาท มูลค่า 1000 บาท/ก๊วน เพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นค่าอาหารเครื่องดื่มและค่ากรีนฟี ราคา 500 บาท แต่ละสนามจะรับจำนวนจำกัด 60 คนแรกเท่านั้น

 

ประเภทที่ 2 นักกอล์ฟสตรีหรือ Lady Golf จะได้รับคูปองเงินสด X 2 มูลค่า 400 บาท ให้สิทธิ์สนามละ 20 คน

ประเภทที่ 3 นักกอล์ฟ อายุครบ 60 ปี” หรือผู้ที่เกิดปี 2503 จะได้รับสิทธิ์คูปองเงินสด X 2 มูลค่า 400 บาท สนามละเพียง 60 คนเท่านั้น ในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปี ททท. ที่จะนำมามอบให้เล่นกอล์ฟกันตลอดเดือนกันยายนนี้

 

โดยมีสนามกอล์ฟที่ร่วมกิจกรรม คิดถึง "ก๊วน" ชวนไป 8 ริ้ว ประกอบด้วย 1.สนามรอยัล เลคไซด์ กอล์ฟ คลับ โทร.038-573-275, 08-4557-4999 2.สนามบางปะกง ริเวอร์ไซด์ คันทรี คลับ โทร.038-500-500, 08-1782-0574  3.สนามโลตัส วัลเล่ย์ กอล์ฟ รีสอร์ท โทร.038-835-555  4.สนามซันไรส์ ลากูน กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ โทร.033-599-541-4, 08-1377 6202, 033-599 541-4 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท. ฉะเชิงเทรา 038-514-009 หรือ FB และ IG : Tatchachoengsao

 

ข่าวที่ 6 บางจากลงนามสัญญาจ้าง V.L.ขนส่งน้ำมันดิบทำสมาร์ตโลจิสติกส์5ปี

 

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้ร่วมกับ นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วี.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ (VL)  ลงนามบันทึกข้อตกลงจัดจ้างเรือขนส่งน้ำมันให้บางจาก เพื่อเป็นข้อตกลงและแนวทางเจรจาสัญญาฉบับใหม่จัดจ้างเรือขนส่งน้ำมันดิบ (Crude Oil) คอนเดนเสท (Condensate) และน้ำมันผลิตภัณฑ์(Oil Product) จากคลังน้ำมันต้นทาง โดยใช้เรือบรรทุกน้ำมันไปยังคลังน้ำมันปลายทาง ตามเส้นทาง ระยะเวลา และเงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายกำหนด

 

โดยทางบางจาก และ VL มีแนวคิดปรับปรุงประสิทธิภาพเรือขนส่งน้ำมัน ร่วมกันภายใต้ "โครงการ Smart Logistic Inventory Management (Project SLIM) โครงการดังกล่าวจะช่วยลดเวลารับ-จ่ายน้ำมัน การควบคุมการสูญหายของน้ำมันระหว่างขนส่ง การบริหารจัดการสต็อก ประการสำคัญช่วยส่งเสริมความปลอดภัยระหว่างการขนส่งน้ำมันได้ด้วย

 

ทั้งนี้ในการลงนามสัญญาฉบับใหม่ทาง VL คาดตลอดอายุสัญญา 5 ปี (2563-2567) จะสามารถบันทึกรายได้จากการให้บริการเรือขนส่งน้ำมันประมาณปีละ160 ล้านบาท

 

ข่าวที่ 7 TCEBเปิดเกณฑ์แจกเงินจัดประชุม/เอ็กซิบิชั่น1.5-3หมื่นบาท

 

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการด้านพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้เปิดแคมเปญสนับสนุนธุรกิจในอุตสาหกรรมไมซ์เพื่อของบจัดงานได้ในโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” สามารถรับเงินสนับสนุนการจัดแต่ละงานได้ตั้งแต่วันนี้-31 ตุลาคม 2563 แล้วสามารถนำไปใช้จัดกิจกรรมได้ถึง 31 ธันวาคม 2563 แต่จะต้องยื่นขอล่วงหน้าก่อนวันจัดงานอย่างน้อย 10 วัน รวมทั้งนำเสอนแผนกิจกรรมให้ชัดเจน สามารถเข้าไปดาวโหลดใบสมัครขอรับเงินได้ทาง thaimiceconnect.com ทางทีเส็บเตรียมจัดไว้ให้ 2 กลุ่ม คือ 1.ไม่เกินกลุ่มละ 15,000 บาท เมื่อจัดกิจกรรมนอกสถานที่ 1 วัน หรือไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง 2.ไม่เกินกลุ่มละ 30,000 บาท ในการจัดกิจกรรมนอกสถานที่ 2 วัน 1 คืน

 

ส่วนเกณฑ์การพิจารณา 1.จะต้องจัดกิจกรรมประชุมสัมมนา จัดนิทรรศการแสดง นอกสถานที่ 2.มีผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 30 คน การขอรับเงิน

 

โดยผู้ประกอบการจะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์เพื่อรับสิทธิ์ คือ 1.ประกอบการจัดประชุมและนิทรรศการ 2.ผู้ประกอบธุรกิจบริษัทรับจัดธุรกิจไมซ์ หรือ Destination Management Company :DMC 3.บริษัทจัดการประชุม บริษัทนำเที่ยว ผู้ประกอบการดังกล่าวจะต้องเป็นสมาชิกสมาคมต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 4.โรงแรม สถานที่จัดงาน กลุ่มสมาชิกสมาคมโรงแรมไทย ระดับจังหวัดหรือภูมิภาคก็ได้ และ 5.สถานที่จัดงานและโรงเรียนที่ได้รับมาตรฐาน TMVS :Thailand MICE Venue Standard , AMVS :Asean MICE Venue Standard และ 6.เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งตามกฎหมายไทย

 

สำหรับเอกสารประกอบการเบิกเงิน ประกอบด้วย 1.ใบแจ้งหนี้หรือหนังสือขอเบิกเงิน 2.สำเนาหนังสือตอบรับการสนับสนุน 3.รายชื่อผ็เดินทางหรือสำเนากรมธรรม์ประกันภัยหรือรายชื่อผู้เข้าพักตามแฟบบฟอร์มของโรงแรม 4.ภาพถ่ายกิจกรรมอย่างน้อย 4 ภาพ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมขอเงินสนับสนุนแต่ละครั้ง

 

                ช่วงที่ 2 ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้ว ออกไปเที่ยวด้วยกันที่ “เชียงใหม่” มีมุมใหม่ ๆ มาชวนไปสร้างประสบการณ์ดี ๆ ที่ “แก่งผาได-ผาฮี้-ช่องเขาขาด(ผาตั้ง)-ภูผาสวรรค์” ส่วนกรมการแพทย์แนะวิธี “เลือกใช้เครื่องสำอางอย่างปลอดภัยให้สวยเสมอ” และข่าวในกระแส “ศบค.ยืนยัน58โรงพยาบาลพร้อมบริการทัวร์สุขภาพชาวต่างชาติ” ขณะที่ คณะกรรมการอำนวยการดันสุดตัว อนุมัติให้เร่งปั้น “ไทยเป็นเมดิคัล ฮับ” โกยรายได้ทั่วโลกหลังโควิด-19 สงบ และลุ้นจุด “Travel Expo 2020” วันที่ 1-4 ต.ค.นี้ ที่ไบเทค บางนา

 

เที่ยวมุมใหม่เชียงรายที่“แก่งผาได-ผาฮี้-ช่องเขาขาด-ภูผาสวรรค์”

 

เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายลง ทาง “บริษัท หนีกรุง คอนเน็ค” ก็ไม่รอช้าร่วมมือกับ PPTV 36 เปิดการท่องเที่ยวมุมใหม่ผ่านรายการ “ONE PIC BIG DREAM SEASON 2 : เกมภาพกระตุกต่อม ซีซัน 2” ทริปนี้เลยจะขอนำแหล่งท่องเที่ยวมุมใหม่ในเชียงรายมาชวนไปเที่ยวด้วยกันที่ “แก่งผาได-ภูผาสวรรค์-ช่องเขาขาด/ผาตั้ง-ผาฮี้”

 

ปักหมุดสถานที่แรก “เกาะลับแล แก่งผาได สุดเขตโขง” อำเภอเวียงแก่น วิถีอันงดงามของชาวบ้านริมฝั่งโขง ที่ยังคงใช้เรือเป็นพาหนะการเดินทาง และทำมาหาเลี้ยงชีพ อย่างอิสระ ทุกวันเมื่อตะวันโผล่พ้นขอบฟ้ายามเช้าและลับลงสู่ท้องน้ำยามเย็น แสงสีทองจะส่องเข้าถึงแก่นชีวิตประจำวันอันเรียบง่ายยั่งยืน ติดตาตรึงไว้ในใจไม่มีวันลืม

 

สถานที่เที่ยวแห่งที่ 2 “แดนสวรรค์ มนต์เสน่ห์ แห่งวิถีกาแฟ ที่ผาฮี้” เมืองสวรรค์บนดินอันซีนมาก ๆ ช่วงกลางวันเป็นแหล่งปลูกกาแฟขึ้นชื่อกลางอ้อมกอดขุนเขาในอำเภอแม่สาย ในระดับสูงเสียดฟ้ากว่า 1,400 เมตร ห้วงหลังอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงงามยามย่ำคืนชวนให้หลงไหลวิถีถิ่นของชาวชาติพันธุ์ การดำรงชีพ ธรรมชาติ และความสดบริสุทธิ์จากไอดินกลิ่นป่า ชวนให้อยากจะไปสัมผัสด้วยตัวเองไปสักครั้งในชีวิต

 

 สถานที่เที่ยวแห่งที่ 3 “ภูผาสวรรค์” ยอดดอยสูงสวยขั้นเทพในตำบลตับเต่า อำเภอเทิง เป็นแหล่งอันซีนสุด เมื่อได้สัมผัส “ทะเลหมอกยามเช้า” สีขาวนวลไหลเวียนวนอยู่กลางหุบ อีกทั้งยามค่ำคืนยังแปลงโฉมเป็นจุดกางเต็นต์นอนดูดาวสว่างสุกใส   ซึ่งเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดจริง ๆ

 

ปิดท้ายสถานที่เที่ยวแห่งที่ 4 ต้องปีนป่ายขึ้นไปยัง “ช่องเขาขาด” บนดอยผาตั้ง อำเภอเวียงแก่น ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ของทุกปี จะมีผู้คนรอคอยปีนขึ้นไปชมความสวยอลังการของทะเลหมอกทอดยาวบนลำน้ำโขงสองแผ่นดิน ไทย-สสป.ลาว ตรงบริเวณช่องเขาขาด ถือเป็นอันซีนธรรมชาติอีกแห่งเหนือคำบรรยายจริง ๆ  ต้องไปเห็นกับตาแล้วบันทึกภาพทรงจำไว้ก็จะยิ่งดี

 

                เมืองไทยในสุดเขตแดนสยาม “เชียงราย” ทั้ง 4 แหล่งท่องเที่ยว สวยอย่างมีคุณค่า เท่ทุกเวลา เมื่อได้สัมผัสประสบการณ์ตรงตามวิถีใหม่ในการเดินทาง ไม่ต้องเดี๋ยวออกเที่ยวกันตั้งแต่ตอนนี้เลย

 

กรมการแพทย์แนะเลือกใช้เครื่องสำอางอย่างปลอดภัยสวยได้เสมอ

 

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนังแนะวิธีเลือกใช้เครื่องสำอางให้สวยอย่างปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการเลือกใช้เครื่องสำอาง เช่น แพ้ มีผื่น แดง แสบ คัน ซึ่งผู้บริโภคควรอ่านรายละเอียดทุกครั้งก่อนซื้อ และดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ เช่น ออกกำลังกาย ไม่เครียด ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

 

นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์  และโฆษกกรมการแพทย์ อธิบายว่าปัจจุบันมีเครื่องสำอางออกสู่ท้องตลาดจำนวนมาก หลายยี่ห้อ บางครั้งก็โฆษณาชวนเชื่อเกินจริง  จึงแนะนำการเลือกใช้เครื่องสำอางให้สวยอย่างปลอดภัย ต้องทำดังนี้

1.ก่อนตัดสินใจซื้อควรอ่านรายละเอียดของเครื่องสำอางเบื้องต้น เช่น การเลือกใช้เครื่องสำอางที่มีฉลากภาษาไทยที่ระบุสาระสำคัญครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ชื่อของเครื่องสำอาง  ประเภทของเครื่องสำอาง ส่วนประกอบสำคัญ  2.ตรวจชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า 3.วันเดือนปีที่ผลิต 4.วิธีใช้ และ 5.ปริมาณสุทธิ

 

ทางแพทย์หญิงมิ่งขวัญ  วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ช่วยย้ำเพิ่มเติมว่า การเลือกซื้อเครื่องสำอาง ต้องเลือกขนาดและปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ใช้ได้หมดภายในเวลาสมควร ก่อนที่จะหมดอายุควรอ่านฉลาก ปฏิบัติตามวิธีใช้ คำเตือน หากสงสัยว่าจะแพ้ สามารถทดสอบการแพ้เบื้องต้นก่อนใช้ โดยทาเครื่องสำอางที่ท้องแขนข้างใดข้างหนึ่ง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 3 เซนติเมตร วันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและเย็น เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หากมีผื่นแดง คันขึ้นบริเวณที่ทา ให้ระวังว่าอาจจะแพ้เครื่องสำอางตัวนั้น ๆ และไม่ควรนำมาใช้  อย่าหลงเชื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ว่า อยากสวยต้องอดทน ทนแสบ ร้อน แดง ผิวลอกแล้วผิวใหม่จะสวยใส ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นล้วนอันตราย

เพราะเครื่องสำอางหมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วสวย สะอาด หอม สบาย ไม่ต้องอดทนต่อความทุกข์ทรมานใดๆ เมื่อใช้แล้วเกิดผิดปกติให้หยุดใช้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย  และควรทาครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์  ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยให้มีผิวอ่อนกว่าวัยนั่นเอง

 

ข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก “ศบค.ยัน58โรงพยาบาลพร้อมรับทัวร์สุขภาพต่างชาติเข้าไทย”

 

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม 2563 ถึงความสนใจของสาธารณะ 3 เรื่องใหญ่  ประกอบด้วย

 

เรื่องที่ 1 การเปิดประเทศให้ทำ Travel Bubble หรือจับคู่กับต่างประเทศเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางมาไทยนั้น จากผลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่องนโยบายที่รัฐบาลและ ศบค.จะเดินหน้าโครงการดังกล่าวประชาชนแสดงความไม่เห็นด้วยสูงถึง 61.9 % ระหว่างนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการเตรียมความพร้อมให้รอบคอบครอบคลุมทุกด้าน

 

เรื่องที่ 2 เปิดการเดินทางให้ชาวต่างชาติเข้ามาไทยได้ตามข้อตกลงพิเศษของรัฐบาลหรือ Special Arrangment แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.แขกรัฐบาล 2.นักธุรกิจ  ตามเงื่อนไขทั้งสองกลุ่มจะได้รับยกเว้นพิเศษโดยมีข้อกำหนดระบุชัดคือ ต้องเน้นมาตรฐานสาธารณสุขบวกความมั่นคง ดังนั้นก่อนที่แต่ละกลุ่มจะเข้ามาต้องผ่านการอบรมวิธีการต่าง ๆ พอสมควร และเมื่อเข้ามาแล้วก็จะแค่พบเจอกันระยะสั้น ๆ พร้อมทั้งมีระยะห่างทางสังคมพอสมควร จึงไม่มีความจำเป็นต้องกักตัว 14 วัน

 

นายแพทย์ทวีศิลป์ยืนยันว่าก่อนหน้านี้ไทยเคยทำเรื่องดังกล่าวมาก่อนแล้ว คือคณะต้อนรับคนเดินทางกลับเข้าประเทศ ซึ่งไม่ได้ทำ State Qaulantine ดังนั้นจึงไม่ถูกกักตัว 14 วัน แต่ระหว่างนั้นกลุ่มบุคคลเหล่านี้ต้องมีทักษะดูแลความปลอดภัยด้านสุขอนามัย สังเกตุอาการตัวเอง หลังการเดินทางต้องแจ้งหน่วยงานเกี่ยวข้องตลอดเวลา ตัวอย่าง คณะของผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐอเมริกา เป็นคณะแรกที่เปิดรับเข้ามาก็อธิบายได้เช่นกันว่าจะไม่ถูกกักตัว 14 วัน

 

เรื่องที่ 3  “การเปิดให้โรงพยาบาลเอกชนรับต่างชาติกลุ่มรักษาสุขภาพ Health & Wellness” ตอนนี้ ศบค.เปิดให้ประโยชน์แก่ธุรกิจโรงพยาบาลจริง เพราะก่อนหน้านี้โรงพยาบาลต่าง ๆ มีชาวต่างชาติบินเข้ามารักษาเป็นประจำ แต่พอดีช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ชาวต่างชาติกลุ่มดังกล่าวเดินทางเข้ามาไม่ได้ แต่ก็คนเหล่านี้จะต้องมาเช็คสุขภาพต่อเนื่อง ตอนนี้มีโรงพยาบาล 58 แห่ง ลงทะเบียนกับรัฐยืนยันพร้อมจะเปิดรับชาวต่างชาติที่จะเข้ามาตรวจเช็คสุขภาพแล้ว ภายใต้กติกาที่รัฐบาลไทยระบุต้องเป็นไปตาม 2 ข้อหลัก ดังนี้

 

1.ชาวต่างชาติที่นำเข้าจะต้องมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พำนักอยู่ในไทยได้ 14 วันขึ้นไป อยู่แล้วต้องเกิดความปลอดภัย เพราะหากบอกว่าโรงพยาบาลเป็นธุรกิจหนึ่งที่ดูแลด้านความเจ็บป่วย น่าจะมีความเสี่ยงน้อยสุดในการดูแลรักษา และได้พูดคุยกันแล้ว

 

2.ต่างชาติที่นำเข้ามาจะต้องไม่กินทรัพยากรหรือไม่ได้ทำให้เกิดภาระต่อประเทศ เช่น จะไม่นำเข้าคนผ่าตัดหนัก หรือเป็นภาระมาก ๆ เข้ามารักษษ จากการหารือกันส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ จะเข้ามาเพื่อ ทำศัลยกรรมทั้งพลาสติกและบิวตี้ ทำเรื่องกระดูกและข้อ ผ่าตัดแปลงเพศ การชะลอวัย ซึ่งมีผู้ป่วยและตัวเลขรายงานการลงทะเบียน 1,385 รายชื่อ มีผู้ติดตาม 1,000 คน ระหว่างกรกฎาคม-กันยายน นี้ มีประมาณกว่า 2,300 คน ทั้งผู้รักษาและญาติจะอยู่ในเมืองไทยไม่ต่ำกว่า  14 วัน

 

อีกทั้งยังได้พูดคุยกับทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อคนป่วยอยู่ครบ 14 วัน พิสูจน์แล้วไม่มีเชื้อโควิด-19 แน่ ๆ ก็ให้จัดแพกเกจให้คนเหล่านี้ใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวเมืองไทยต่อเนื่อง ใช้จ่ายเงินไปเที่ยวกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต กำลังซื้อเหล่านี้ก็จะกระจายรายได้ด้วย


ข่าวที่สอง รัฐบาลเดินหน้าหนุนไทย“เมดิคัลฮับ”โกยเงินต่างชาติหลังโควิด

 

คณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) รายงานสรุป มติที่ประชุมครั้งที่ 1/2563 ได้พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเมื่อสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 คลี่คลาย ได้พิจารณาและเห็นชอบในหลักการ 3 ด้าน ได้แก่

 

1.จัดทำแนวทางการรักษาพยาบาลพร้อมเป็นสถานกักกันในโรงพยาบาล ผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ารับการรักษาพยาบาลต่อเนื่องในไทย ซึ่งรวมผู้ติดตาม แบ่งเป็น 1.1 สถานกักกันในโรงพยาบาล (Hospital Quarantine) กักกันตัวผู้ป่วยชาวไทยที่เดินทางกลับเข้ามาในไทย 1.2 สถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine)

 

สำหรับผู้ป่วยชาวต่างชาติและผู้ติดตาม ต้องทำนัดหมายไว้ล่วงหน้า โดยรักษาและกักกันเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ต้องมีผลการตรวจโควิด 19 ก่อนเข้าประเทศไม่เกิน 72 ชั่วโมง เมื่อเข้ามารักษาต้องมีการตรวจอีก 3 ครั้ง (ก่อนรักษา ระหว่างรักษา และหลังการรักษา) เพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้มั่นใจจะไม่นำเชื้อมาแพร่ระบาดในไทย

 

ส่วนค่าใช้จ่ายในการรักษากรณี Hospital Quarantine หากเป็นคนไทยเป็นไปตามสิทธิการรักษา หากเกินสิทธิ์ต้องจ่ายเองโดยสมัครใจ กรณี Alternative Hospital Quarantine ผู้ป่วยต่างชาติและคนไทยที่สมัครใจต้องชำระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

 

2.เห็นชอบให้ “ประเทศไทยเป็นเมืองหลวงของโลกด้านการดูแลสุขภาพ” โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ตราสัญลักษณ์ Medical Hub ภายใต้แนวคิด “Healthcare Capital of the World” และกำหนดข้อความสำคัญในการสื่อสารว่า “Beyond Healthcare, Trust Thailand” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการกลับเข้ามาใช้บริการรักษาพยาบาลในประเทศไทย

 

3.มาตรการพัฒนาชุดเครื่องมือแพทย์รองรับการระบาดของโรคโควิด 19 เพื่อรับมือและลดโอกาสติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ และผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อวิด 19 โดยเน้นการผลิตในประเทศไทย แบ่งเป็น 4 กลุ่มคือ เครื่องมือแพทย์สำหรับการคัดกรองและตรวจสอบโรค เครื่องมือแพทย์สำหรับการป้องกันและควบคุมโรค เครื่องมือแพทย์สำหรับการคัดแยกและการฆ่าเชื้อ และเครื่องมือแพทย์สำหรับการบำบัดรักษาโรค โดยเน้นการผลิตในประเทศไทย

 ข่าวที่สาม เอกชนลุ้นหวังฟื้นรายได้จัดแทรเวล เอ็กซโป2020ช่วง1-4ต.ค.นี้

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประกอบการภาคเอกชนประกาศเตรียมจัดงาน " Traveler Expo 2020 " วันที่ 1 - 4 ต.ค. 2563 รวม 4 วัน เวลา 11.00 - 20.00 น. บริเวณฮอลล์ 106 -107 ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค เพื่อเดินหน้าเปิดมหกรรมซื้อขายการท่องเที่ยว ตอบสนองความต้องการของนักเดินทางได้ในทุกกลุ่มทุกสไตล์  ภายในงานดังกล่าวจะได้จัดควบคู่ไปกับงาน Thailand Golf & Dive Expo 2020 ด้วย

 

อีกทั้งการจัดงานจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เยียวยาภาคธุรกิจสร้างเงินและสร้างงานให้กลับมามีสภาพคล่องมากขึ้นช่วงครึ่งปีหลังเมื่อสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

 

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai