สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเปิดแนวรุกแผนแก้วิกฤตโรงแรม/กิจการSME -แนะรัฐเปิดรับต่างชาติยันรายได้เที่ยวไทยตันแค่ปีละ1ล้านล้าน
ผู้นำสภาท่องเที่ยวเปิดแนวรุกแผนแก้วิกฤตโรงแรม/กิจการSME
แนะรัฐเปิดรับต่างชาติยันรายได้เที่ยวไทยตันแค่ปีละ1ล้านล้าน
คิงเพาเวอร์จัดโปร“สกายวอล์ค-แบงค็อกสกายบาร์”ลดแรง50%
คิง เพาเวอร์ขยายให้สมาชิกรับเครดิตเงินคืนวันเกิดยาว12เดือน
ททท.ใต้บูมคิดถึงไปให้ถึงเจาะลูกค้าบัตรแบงก์กรุงเทพ2ล้านราย
ททท.เทช่วยระยองลุยจัดงานใหญ่ Happy Bikeปั่นสนุก1-2 ส.ค.
3แบงก์หนุนบีพีซีจีเครือบางจากขยายโรงไฟฟ้าพลังน้ำลาว/ญี่ปุ่น
ที่มาทุนการศึกษาพระราชทาน ม.ท.ศ.รัชกาลที่10
ต่อเนื่อง11 รุ่น
เทรนด์ดื่มน้ำขิงมาแรงมีประโยชน์ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายได้
เที่ยว“ประจวบคีรีขันธ์”อันซีนวิถีใหม่จากปราณบุรีถึงบางสะพาน
ORค้าปลีกปตท.ปลุกสมาชิกบลูการ์ดรับสิทธิ์เที่ยวไทย2แคมเปญ
โพลล์ท่องเที่ยวชี้“ไทย-ต่างชาติ”ปี63-64เน้นท่องเที่ยวในประเทศ
ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #สภาท่องเที่ยวเร่งแก้วิกฤตSME #มหานครสกายวอล์คแบงค็อกสกายบาร์ลดครึ่งราคา #เที่ยวประจวบคีรีขันธ์ #ทททจัดHappyBikeเที่ยวระยอง
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ช่วงที่
1
จับตาการเคลื่อนทัพธุรกิจของประเทศกับ “ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมื่อ “เราเที่ยวด้วยกัน”
ยังวุ่นเพราะโรงแรมฉวยโอกาสเพิ่มราคา เอกชนวิงวอนรัฐบาล “กู้วิกฤตSMEs”
กระจายเม็ดเงินให้ครอบคลุมทุกธุรกิจ สภาท่องเที่ยวหันไปลุยช่วงครึ่งปีหลัง 3 โปรเจ็กต์ฟื้นความหวัง
“ไมซ์ชุมชน-เปิดอบรม5ภาค 2วัน1คืน-ปลุกชุมชนทั่วประเทศปรับตัวรับไฮเอนด์ไทย”
ลั่นต้องตัดสินใจเปิดประเทศรับต่างชาติเพราะรายได้ในประเทศถึงทางตันแล้วอย่างมากก็ทำได้ไม่เกิน
1 ล้านล้านบาท
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวตื่นตัวเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และ
“กำลังใจตามนโยบายรัฐบาล
มีความหวังกับการที่จะใช้กิจกรรมเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศไทยเที่ยวไทย
ขณะนี้มีกลุ่มผู้ประกอบการห้องพักโรงแรมทั้ง 5 ภูมิภาค
สนใจจะร่วมการขายแต่มีจำนวนมากพอสมควรที่ไม่ผ่านเกณฑ์จึงขอให้ช่วยปลดล็อกลดกฎเกณฑ์ลงมา
ส่วนกรณีโรงแรมกับตัวแทนซื้อขายห้องพักทางออนไลน์
(OTA)
ทำราคาขายห้องพักสูงเกินจริง กำลังคุยกับทางสมาคมโรงแรมไทย
แต่จะต้องแบ่งพิจารณารายละเอียดเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 ผู้ประกอบการที่ปรับขึ้นราคาโดยไร้เหตุผล ซึ่งเห็นด้วยกับนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เอาเปรียบผู้บริโภคทั้ง ๆ ที่รัฐบาลพยายามนำเงินกู้มาช่วยฟื้นฟูธุรกิจให้เอกชน จึงเห็นด้วยที่จะให้รัฐบาลลงดาบหรือขึ้นแบล็คลิสต์ห้ามเข้ามาร่วมขายทั้งในโครงการนี้และโครงการอื่นอีกต่อไป
กลุ่มที่ 2 โรงแรมเกรดดีมีห้องพักสไตล์ พูลวิลล่า หรือเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้า เช่น เพิ่มอาหารและเครื่องดื่ม เปิดขายห้องเป็นแบบหรูหรา ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ได้รับรายงานจากโรงแรมหลายแห่งยืนยันทำราคาสูงขึ้นบางส่วนเพราะขายห้องพักบวกกับสิทธิประโยชน์ อาหารหลายมื้อ รวมนวดสปา
นายชัยรัตน์กล่าวว่า พร้อมที่จะนำเสนอความต้องการของภาคเอกชนท่องเที่ยวต่อเนื่อง เมื่อรัฐบาลเปิด “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 2” เพราะที่ผ่านมาทั้งประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 รัฐต้องลงลึกเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ทั้งโรงแรมระดับ 2-3 ดาว ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก รถบริการขนส่ง รถตู้ รถบัส ซึ่งควรจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ของรัฐจากท่องเที่ยวโครงการเราเที่ยวด้วยกันอย่างทั่วถึงบ้าง
อีกทั้งควรจะต้องบรรจุการส่งเสริมเม็ดเงินจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส2” เข้าถึงยังจังหวัดท่องเที่ยวรอง ชุมชนตอนนี้ในเครือข่าย อพท.มีอยู่ทั่วประเทศซึ่งได้รับมาตรฐานเข้าเกณฑ์ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Safty & Health Administration : SHA เรียบร้อยแล้ว 81 ชุมชน กลยุทธ์นี้ต้องเร่งทำเพื่อกระจายเม็ดเงินให้ถึงมือผู้ที่ได้รับผลกระทบ การเจาะกลุ่มที่ควรจะต้องช่วยกันทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์คือ “คนไทยเคยเที่ยวต่างประเทศ” หันมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้น
ส่วนโครงการที่จะต้องเร่งทำเต็มรูปแบบเริ่มนำร่องได้ตั้งแต่ เดือนสิงหาคม 2563 เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มองค์ความรู้และข้อมูลข่าวสารให้เท่าเทียมกับพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก คือ “เส้นทางท่องเที่ยวปลอดภัยตามมาตรฐาน SHA” ทั่วทั้ง 5 ภูมิภาค ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเตรียม 1.เปิดโครงการ “อบรมทั่วประเทศ” เดินสาย 5 ภาค เพิ่มความรู้ในการปรับตัวตามแบบวิถีใหม่ New Normal และ ดิจิทัล ออนไลน์ ควบคู่กับ 2.แนะนำชุมชนเตรียมแผนรับนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ จะต้องเตรียมเรื่องใดบ้าง ผนวกการดึงเสน่ห์หรือจุดแข็งในชุมชนค้นหามาให้เจอเพื่อขายได้ตรงตามความต้องการ 3.สร้างมาตรฐานตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่ทุกฝ่ายตื่นตัวหันมาปฏิบัติตามขั้นตอนตราสัญลักษณ์ SHA ตอกย้ำความเชื่อมั่น เมื่อนักท่องเที่ยวเห็นก็จะได้เกิดความมั่นใจ เนื่องจากมีหน่วยงานแถวหน้าของประเทศ ทั้ง ททท.กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เข้ามาร่วมทำอย่างเข้มข้น
ขณะนื้ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังหารือกับหลายหน่วยงานทั้ง
ททท. กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยว เพื่อลงมือทำทั้ง 3 โครงการ
ในช่วงครึ่งปีหลัง แล้วยังมี สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) TCEB
จะเข้ามาเสริมทัพเชื่อมโยงการพัฒนาตลาดไมซ์ชุมชน กับ
องค์การพัฒนาการบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)
ร่วมนำชุมชนในเครือข่ายทั่วประเทศเข้ามาในโครงการ และกระทรวงสาธารณสุข
จะนำองค์ความรู้ด้านสุขอนามัยแบบครบวงจรมาช่วยเหลือท้องถิ่น
เมื่อมีตราสัญลักษณ์มาตรฐาน
SHA แต่ละประเภทธุรกิจจะมีเกณฑ์การพิจารณาแตกต่างกันไป
เช่น “ชุมชนขนาดเล็กมาก” หรือ SMEs เล็กมาก ๆ ก็ไม่สามารถให้ตราสัญลักษณ์ SHA ดังนั้นโครงการนี้จะเข้าไปช่วยเจาะตรงถึงชุมชน
โดยจะชวนเข้ามาร่วมอบรมภาคละ 200 ราย จัดโปรแกรมการอบรม 2 วัน 1 คืน
จากนั้นก็นำชุมชนที่เข้าร่วมอบรมเข้าพื้นที่ไปดูชุมชนตัวอย่างที่ได้รับมาตรฐาน SHA แล้วนำไปประยุกต์ใช้กับชุมชนของตนเอง
หลังจากนี้จะต้องดูองค์ประกอบ
3 เรื่อง
คือ 1.งบประมาณ 2.ความพร้อมของชุมชนเป้าหมาย
3.ความสนใจจะเข้าร่วมพัฒนาไปด้วยกัน
นายชัยรัตน์กล่าวว่า
ตอนนี้การประเมินสถานการณ์ไทยเที่ยวไทย ยังต้องรอจากวันนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2563 ต้องดูควบคู่กันไป
3 ส่วน
ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจ การแพร่ระบาด วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19
หากทุกอย่างพร้อมแล้วทำให้เกิดความมั่นใจ จึงคาดหวังจะให้เปิดรับ “ตลาดต่างประเทศ”
เนื่องจาก “ตลาดในประเทศ” ทำได้อย่างมากที่สุดก็ปีละไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท
แต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเมื่อเจอการแพร่ระบาดก็ทำให้รายได้ส่วนหนึ่งหายไปแล้ว
จึงจำเป็นจะต้องพึ่งพา “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ซึ่งสามารถทำได้ปีละกว่า 2 ล้านล้านบาท
ขณะเดียวกันก็ต้องกระตุ้นไทยเที่ยวไทยให้เข้มข้นควบคู่กันไปด้วย
ส่วนนโยบายการจับคู่ประเทศที่จะเดินทางเข้ามาไทย
Travel Bubble ตอนนี้รัฐบาลประกาศเลื่อนเป็นระยะ
ๆ ภาคเอกชนต้องการให้นิ่งแล้วพอจะเปิดรับต่างชาติได้ภายในมีนาคม 2564 เพราะหากวิเคราะห์จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเมืองไทย
(inbound)
ในสถานการณ์ปกติจะทำรายได้เข้าประเทศไตรมาสละ 5 แสนล้านบาท ปีละ 2 ล้านล้านบาท
จากจำนวน 40 ล้านคน
แต่พอไตรมาส 1 มีรายได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
ไตรมาส 2-3 รายได้หายไปทั้งหมด
ถ้าไตรมาส 4 ปี 2563 รายได้ยังไม่เข้ามาอีก
เท่ากับเม็ดเงินจะหายไปจากระบบเศรษฐกิจรวม 1.5 ล้านล้านบาท
เมื่อรายได้ตั้งแต่ไตรมาส
2-4 หายไปเพราะไม่มีตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาใช้จ่ายเงิน
ก็จะส่งผลกระทบรุนแรงไปถึงกลุ่มคนในระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ
อย่างไรก็ต้องเปิดเจรจาเพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติ
ผมอยากเสนอให้นำสื่อมวลชน บล็อกเกอร์ ตัวแทนบริษัทนำเที่ยว
เข้ามาสำรวจเส้นทางเป้าหมาย
แล้วเผยแพร่ขั้นตอนวิธีการเข้าประเทศที่ใช้ปฏิบัติกับนักเดินทางทั่วโลก
ระบุหรือเขียนให้ชัดเจน
จากนั้นตัวแทนบริษัทนำเที่ยวก็ไปผลิตโปรแกรมเสนอขายเส้นทางท่องเที่ยวตามที่ไทยต้องการ
เพื่อให้ช่วยหาลูกค้ามาป้อนเมืองไทย
ซึ่งจะต้องคัดนักท่องเที่ยวที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์เข้ามาท่องเที่ยว
แล้วทุกฝ่ายก็รับนโยบายทำงานไปด้วยกัน แล้วการท่องเที่ยวของประเทศจะเริ่มฟื้นตัวได้ต่อไป
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์จัดโปร“สกายวอล์ค-แบงค็อกสกายบาร์”ลด50%
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ พร้อมคืนกำไรให้นักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ดี
ๆ ที่ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” กับโปรโมชั่นพิเศษระหว่างวันที่
25 – 28 กรกฎาคม 2563 มาท่องเที่ยวชมความงดงามของกรุงเทพฯ ได้ที่ “มหานคร สกายวอล์ค-รูฟท็อปบาร์”
และจุดชมวิวชั้นดาดฟ้าที่สูงที่สุดในประเทศไทย เมื่อซื้อบัตรเข้าชมมหานคร สกายวอล์ค
เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 10:00 – 00:00 น. สำหรับ “ผู้ใหญ่” เลือกมาวันเสาร์
และอาทิตย์ รับฟรี เครื่องดื่มม็อกเทล 1 แก้ว หากเลือกมาวันจันทร์ และอังคาร
รับส่วนลดบัตรเช้าชม 50% เหลือเพียงคนละ 440
บาท จากราคาปกติ 880 บาท “ส่วนเยาวชน” อายุระหว่าง 13
- 18 ปี ซื้อบัตรได้ตลอดวันหยุดยาวนี้ทุกวันในราคาพิเศษเพียงคนละ 250
บาท พร้อมรับฟรี! บัตรเครื่องเล่นมหานคร สกายไรด์ อีก 1 ใบ
ขณะที่ “มหานคร แบงค็อก สกายบาร์”
ห้องอาหารและบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11:30
– 01:00 น. ได้เตรียมเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟต้อนรับวันหยุดยาวไว้บริการทุกคนอย่างประทับใจ
ระหว่างวันที่ 25 – 28 กรกฎาคมนี้เท่านั้น ด้วยเมนู “ข้าวแช่”
กับน้ำลอยดอกมะลิหอมๆ พร้อมเครื่องเคียงรสเลิศอย่างลูกกะปิ หมูยัดไส้ เจลกระชาย
และมะม่วงดอง ราคา 499++บาท กับเครื่องดื่มม็อกเทลสูตรพิเศษ “ชื่นฤทัย”
ผสมผสานด้วยน้ำสับปะรด น้ำมะนาว และความหอมจากโหระพา ราคา 299++ บาท
สามารถซื้อบัตรเข้าชมมหานคร สกายวอล์ค
ล่วงหน้าได้ที่ http://bit.ly/Mahanakhon-SkyWalk-Tickets และสำรองที่นั่งของห้องอาหารมหานคร
แบงค็อก สกายบาร์ ล่วงหน้าได้ที่ https://bit.ly/MHK-Reservation-Details
ข่าวที่ 2 คิง เพาเวอร์ขยายเวลาให้สมาชิกรับเครดิตเงินคืนวันเกิดยาว12เดือน
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยืนยันว่า เพราะเราเข้าใจนักเดินทาง จึงได้ขยายเวลาแห่งความสุข ด้วยการมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกประเภท VEGA, CROWN, ONYX, SCARLET และ NAVY ดังนี้
1.สมาชิกที่มีวันสิ้นสุดอายุสมาชิก ตั้งแต่ 1 มีนาคม – 31 ธันวาคม 2563 ขยายระยะเวลาการใช้สิทธิ์พิเศษรับเครดิตเงินในวันเกิด (Birthday Celebration) ได้ตั้งแต่วันนี้- 31 ธันวาคม 2563 สำหรับผู้ที่มีวันเกิดตั้งแต่ 1 มีนาคม – 31 ตุลาคม 2563 เท่านั้น ที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิ์ดังกล่าว
2.สมาชิกที่มีเครดิตเงินคืนสิ้นสุดอายุตั้งแต่ 1 มีนาคม – 30 มิถุนายน 2563
สามารถรับสิทธิ์ได้ตามเงื่อนไขที่บริษัท กำหนด
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ King
Power Contact Centre 1631 ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น.
– 21.00 น.
ข่าวที่ 3 ททท.ใต้บูมคิดถึงไปให้ถึงเจาะลูกค้าบัตรแบงก์กรุงเทพ2ล้านราย
นายนิธี สีแพร ผู้อำนวยการภูมิภาคภารใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับทางสายงานบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จัดแคมเปญ “ ชีพจรลง South คิดแล้ว...ไปให้ถึง “ ระหว่างวันนี้ – 30 กันยายน 2563 วางกลยุทธ์เจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงผู้ถือบัตรธนาคารกรุงเทพ เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว และกระตุ้นการเดินทาง ไปยังพื้นที่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และสมุย (สุราษฎร์ธานี) โดยได้รับการสนับสนุนจากโรงแรมรีสอร์ตที่เข้าร่วมขายในโครงการนี้ 52 แห่ง พร้อมใจกันทำโปรโมชั่นลดราคาห้องพักสูงสุด 80 %
การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายครั้งนี้ ได้ทำผ่านฐานข้อมูลผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ จำนวนที่มีอยู่มากถึง 2 ล้านราย
ตามเป้าหมายต้องการส่งเสริมการขายครั้งนี้ โดยสามารถช่วยกระตุ้นการขายห้องพักโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการได้ถึง 2,000 คืนพัก ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 4,000 ราย สร้างค่าใช้จ่ายเป็นรายได้หมุนเวียนกระจายถึงมือผู้ประกอบการใน 4 จังหวัด ประมาณ 15 ล้านบาท รวมถึงในช่วงครึ่งปีหลังจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางเที่ยวภาคใต้เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งทาง ททท. วางแผนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสาร โครงการ ผ่านระบบ EDM จดหมายข่าว แฟนเพจ และ เวบไซต์ ของ ธ.กรุงเทพ twiter และ facebook fanpage ของบล็อกเกอร์ดัง อีก 2-3 ราย
ผู้ที่สนใจหาข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/Cards/Credit-Cards/Promotions/Go-South-Part-III-July2020
ข่าวที่ 4 ททท.ผนึก40องค์กรแจกรางวัลชุมชนท่องเที่ยว3ประเภท
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ร่วมกับ 40 องค์กร จัดประกวด สุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวชนบท และหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว ยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวชุมชนระดับประเทศ ขยายผลสร้างการรับรู้ระดับนานาชาติ ส่งเสริมด้านการตลาด สร้างความเชื่อมั่น และสร้างการรับรู้ให้นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย ยกระดับแบรนด์การท่องเที่ยวโดยชุมชน 3 ประเภทรางวัล เตรียมประกาศผลผ่านเข้ารอบสุดท้าย 2 ส่วนแรก คือ 1. ชุมชนหมู่บ้านท่องเที่ยวชนบท 25 แห่ง 2. ชุมชนหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว 100 แห่ง ในวันการท่องเที่ยวโลก World Tourism Day วันที่ 27 กันยายน 2563 ส่วนรางวัลสุดยอดหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว ทางคณะกรรมการจะลงพื้นที่ให้คะแนนตัดสินและมอบรางวัลปลายปี 2563
โดยใช้เกณฑ์การพิจารณาให้คะแนน
2
ด้าน จากคะแนนของกรรมการ 70%
และคะแนนโหวตจากนักท่องเที่ยว 30% ททท.จึงขอรณรงค์ให้เข้ามาช่วยกันโหวตได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
โครงการนี้จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมและผลักดันให้การท่องเที่ยวชุมชนเข้มแข็งสามารถสร้างงานพึ่งพาตนเองได้
ภายใต้นโยบายของรัฐที่มุ่งหวังพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติ
รวมทั้งช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 ประเทศ,uจำเป็นต้องพึ่งพาท่องเที่ยวเพิ่มความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
ผู้ชนะการประกวดจะนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ต่อยอดขยายผลทางการตลาดและขายอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านสื่อต่าง ๆ ทุกช่องทาง และการขายผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ระดับโลก Airbnb
การจัดประกวดสุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวครั้งนี้ มีรางวัลทั้งหมด 2 ประเภท คือ
1. ประเภทสุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวชนบท
มีรางวัล 5
สาขา ประกอบด้วย
1) สาขาหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
(Best Creative
Experience)
2) สาขาหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงเกษตร
(Best Agro
tourism)
3) สาขาหมู่บ้านท่องเที่ยวโฮมสเตย์
(Best Homestay)
4) สาขาหมู่บ้านท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
(Best
Responsible Tourism)
5) สาขาหมู่บ้านท่องเที่ยวสำหรับจัดกิจกรรมเอาท์ติ้งกลุ่มตลาดองค์กร
(Best for Company
Outing)
2. ประเภทสุดยอดหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว
มีรางวัล 5
สาขา ประกอบด้วย
1) หมู่บ้าน
OTOP เพื่อการท่องเที่ยวกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้
ของตกแต่ง
2) หมู่บ้าน
OTOP เพื่อการท่องเที่ยวกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพร
3) หมู่บ้าน
OTOP เพื่อการท่องเที่ยวกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม
4) หมู่บ้าน
OTOP เพื่อการท่องเที่ยวกลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้า
และเครื่องแต่งกาย
5) หมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลาย
ภายในงานจะได้ประกาศผลรายชื่อชุมชนที่ได้รับการเสนอชื่อสูงสุด
ได้แก่ 1.หมู่บ้านท่องเที่ยวชนบท
25
ชุมชน (แบ่งตามสาขาๆ ละ 5
ชุมชน) 2.หมู่บ้าน
OTOP เพื่อการท่องเที่ยว
100
ชุมชน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้รับนโยบายจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เดินหน้าลงพื้นที่จัดงานสร้างความเชื่อมั่นในพื้นที่จังหวัดระยอง งานแรก “Happy Bike ไร้โควิด” ระหว่างวันที่ 1-2 สิงหาคม 2563 ณ อนุสรณ์เรือรบหลวงประแส จังหวัดระยอง เพื่อปลุกตลาดการเดินทางเชิงสุขภาพและกระตุ้นท่องเที่ยว โดยจัดในรูปแบบวิถีใหม่ New Normal พร้อมให้ทุกคนที่เข้าร่วมงานปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขและมาตรฐาน SHA ร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ประกอบการ ชุมชน และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19
กิจกรรมการปั่นจักรยานวันที่
1-2 สิงหาคม นี้ จะเป็น 2 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1 การปั่นจักรยานท่องเที่ยว “ตามประแส” วันที่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นการปั่นจักรยานชมทัศนียภาพที่สวยงามของอำเภอประแส จังหวัดระยอง เริ่มต้นจาก อนุสรณ์เรือรบหลวงประแส-วนขึ้นสะพานประแสสิน- เลี้ยวซ้ายไปถ่ายรูปที่จุดชมวิวแหลมสน-วนกลับทางเดิม แวะวัดตะเคียนงาม รับฟังเรื่องราวจากมัคคุเทศก์น้อย- ข้ามสะพานหนามโพง ไปสักการะศาลกรมหลวงชุมพร-ขากลับปั่นเข้าตลาดปะตุ๊ ชิมขนมท้องถิ่น-กลับมาจบกิจกรรมที่อนุสรณ์เรือรบหลวงประแส ระยะทางรวม 15 กิโลเมตร โดยกำหนดเวลาปั่นไม่เกิน 2 ชั่วโมง
ตามเส้นทางปั่นจักรยานจัดให้มีจุดชิมขนมท้องถิ่นจากฝีมือชาวบ้านชุมชนปากน้ำประแส มาต้อนรับคณะนักปั่น เช่น ขนมชารส ข้าวเกรียบอ่อน (โบราณ) ขนมตะไล ขนมเบื้อง ปิดท้ายด้วย “น้ำชาใบขลู่” ของดีขึ้นชื่อในประแส เพื่อให้นักปั่นได้สัมผัสและเรียนรู้วิถีชุมชนปากน้ำประแส พร้อมทั้งสนับสนุนโครงการมัคคุเทศก์น้อยจากโรงเรียนวัดตะเคียนงามมาเล่าเรื่องราวของประวัติ ต้นตะเคียนใหญ่อายุ 500 ปี
ประเภทที่ 2 การปั่นจักรยาน “TEAM TOGETHER” วันที่ 2 สิงหาคม 2563 เป็นการปั่นจักรยานทางไกลแบบไปด้วยกัน ไม่ทิ้งกัน เริ่มต้นจาก อนุสรณ์เรือรบหลวงประแส-ถนนบูรพาชลทิต-จุดชมวิวเนินนางพญา-ปั่นวนกลับเส้นทางเดิม ระยะทางรวม 75 กิโลเมตร ระยะเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง
สำหรับกิจกรรมภายในงาน
ได้จัดให้มี 1.ซุ้มถ่ายภาพ สำหรับกิจกรรม Shoot & Share 2.ซุ้ม
Fix Me & DIY (Clinic จักรยาน ช่อมบำรุง
งานฝีมือทำอุปกรณ์ป้องกันโควิดแบบมีสไตล์ เช่น หน้ากากผ้า / Face Shield)
3. - กิจกรรม CSR
ส่วนรางวัลได้จัดทำ 1.ถ้วยรางวัลนักปั่นสุขภาพดี ที่รักษาสุขอนามัยภายในงาน 2 รางวัล 2.เหรียญที่ระลึกสำหรับนักปั่นผู้เข้าเส้นชัยทุกประเภท ภายในระยะเวลากำหนด
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandfestival.org
ข่าวที่ 6 3แบงก์หนุนบีพีซีจีเครือบางจากขยายโรงไฟฟ้าพลังน้ำลาว/ญี่ปุ่น
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในเครือ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า บีซีพีจีได้ขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ สปป.ลาว กำลังผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ ในเมืองเชียงขวาง เฟสแรกเริ่มทยอยรับรู้รายได้มาตั้งแต่กันยายน 2562 ขณะนี้ได้ขายไฟให้การไฟฟ้าลาว (EDL) ปี 2565 จะเปลี่ยนผู้รับซื้อเป็นการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ถือเป็นโครงการต้นแบบภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาล สปป.ลาว และเวียดนาม ร่วมกันก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าเชื่อมระหว่างชายแดนของ 2 ประเทศ เพื่อขายไฟฟ้าในลักษณะ Cross Border PPA โครงการได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) และ EXIM BANK โดยมี ธนาคารไอซีบีซี (ลาว) (ICBC (Lao)) เป็น Account Agent ใน สปป. ลาว
ส่วนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น EXIM Bank สนับสนุนเงินทุนไม่เกิน
3 ปี จำนวน 14,723 ล้านเยน ใน 2
โครงการ ได้แก่
โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โคมากาเนะ (Komagane) จังหวัดนากาโนะ
(Nagano) กำลังการผลิต 32 เมกะวัตต์ และ โครงการ ยาบูกิ (Yabuki) จังหวัดฟูกูชิมะ (Fukushima) กำลังการผลิต
28 เมกะวัตต์
ซึ่งทาง EXIM Bank ได้ร่วมกับธนาคารซูมิโตโม
มิตซุย ทรัสต์ (ไทย)
ให้การสนับสนุนเงินทุนไม่เกิน 3 ปี 6,465 ล้านเยน อีก 1 โครงการ คือ โครงการชิบะ (Chiba) จังหวัดชิบะ
กำลังการผลิต 27 เมกะวัตต์
ทั้ง 3 โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะทยอยเปิดในเชิงพาณิชย์ปี 2564 – 2565 หลังจากนั้นบีพีซีจีจะจัดให้มี Project Financing มาทดแทน โดยคัดเลือกจากสถาบันการเงินในญี่ปุ่นผู้ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด ขณะนี้มีสถาบันบางรายยื่นข้อเสนอแล้วเพื่อให้เดินหน้าทำทั้ง 3 โครงการ
ข่าวที่ 7 ทุนการศึกษาพระราชทาน
ม.ท.ศ.รัชกาลที่ 10ตลอด11รุ่น
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๑๐ เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำริให้ดำเนิน “โครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” ขึ้นเมื่อปี ๒๕๕๒
ทรงให้นำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล
มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามพระราชปณิธานที่มุ่งสร้างความรู้
สร้างโอกาสแก่เยาวชนไทยที่ประพฤติดี มีความสามารถในการศึกษา
ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคง
ต่อเนื่องในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีตามความสามารถของแต่ละคนอันเป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถและศักยภาพ
แก่เยาวชนไทย
ต่อมาในปี ๒๕๕๓ มีพระราชดำริให้จัดตั้ง “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.)”
ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ และให้นำโครงการทุนการศึกษาฯ
มาอยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิฯ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนสืบต่อไป
โดยได้พระราชทานหลักการจัดสรรทุนให้มีการกระจายทุนการศึกษาให้ครบในทุกจังหวัด
และทรงเน้นย้ำว่า
“...เมื่อทำโครงการมาแล้ว
จำเป็นต้องศึกษา ติดตาม และพัฒนาแผนในการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง การทำงานที่ได้ผล
ต้องศึกษาข้อมูล มีการปรับแผนให้ทันสมัย และมีความใส่ใจที่จะทำงานต่อเนื่อง
การทำงานที่ได้ผล ต้องศึกษาข้อมูล มีการปรับแผนให้ทันสมัย
และมีความใส่ใจที่จะทำงานต่อเนื่อง…”*
การดำเนินงานโครงการทุนการศึกษาฯ
ม.ท.ศ. มีกลไกคณะกรรมการมูลนิธิฯ กำกับดูแลอำนวยการระดับนโยบาย และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนงาน
ม.ท.ศ. ช่วยขับเคลื่อนประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งกลไกคณะกรรมการระดับจังหวัดจากทุกจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
เพื่อร่วมดำเนินกระบวนการคัดเลือก คัดสรร ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมจากทุกจังหวัด
เข้ารับทุนพระราชทาน
พร้อมทั้งร่วมติดตามดูแลนักเรียนผู้ได้รับทุนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
นอกจากนี้
ยังทรงย้ำให้ผู้เกี่ยวข้อง ศึกษา ติดตาม
และพัฒนาแผนการช่วยเหลือนักเรียนทุนอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้นักเรียนทุนได้รับการดูแล และพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพที่สำคัญ
อาทิ หากมีนักเรียนทุนเกิดการเจ็บป่วย หรือ
ต้องการความช่วยเหลือในด้านที่อยู่อาศัย
จะมีการถวายรายงานให้พระองค์ทรงทราบอย่างต่อเนื่อง
และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ช่วยเหลือนักเรียนทุนอย่างเหมาะสม
นับตั้งแต่ปี
2552 จนถึงปัจจุบัน ได้จัดสรรทุนการศึกษาพระราชทาน ม.ท.ศ. แก่นักเรียนผู้ผ่านการคัดเลือก คัดสรร
เป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขการรับทุนฯ
ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างต่อเนื่องไปแล้ว รวม ๑๑ รุ่น
จากทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวม ๑,๗๖๔ ราย รวมเงินทุนพระราชทานที่จัดสรรไปแล้ว
จำนวน ๔๖๑.๗๔ ล้านบาท
ช่วงที่
2 ชวนกันออกเดินทางไปเสาะแสวงหาแหล่งอันซีนมุมใหม่ใน
“ประจวบคีรีขันธ์” ลัดเลาะเส้นทางปราณบุรีไปจนถึงบางสะพาน
“บ้านผาแดง-ทะเลบัวแดง-อ่าวบ่อทองหลาง-ชุมชนบ้านป่าหมาก” แล้วก็ต้องดูแลสุขภาพ
“กินน้ำขิงตามเทรนด์เพื่อสุขภาพ” เกาะติด “เลือกตั้งเดือด TTAAสมาคมเอาท์บาวนด์” “เจริญ วังอนานนท์ ชิงกับ สุทธิ์พงศ์ เผื่อนภิภพ “ORค้าปลีกปตท.หนุนเที่ยวไทย” กระตุ้นสมาชิกบัตรบลูการ์ดรับสิทธิ์ 2 แคมเปญ ลุ้นรางวัล 9 ล้าน “โพลล์ท่องเที่ยว”
ชี้ไทยและต่างชาติยันปี’63-64 ยังต้องการเที่ยวในประเทศ
เที่ยว“ประจวบ”อันซีนวิถีมุมใหม่จากปราณบุรีถึงบางสะพาน
เที่ยวมุมใหม่ไปใน “ประจวบคีรีขันธ์” เที่ยวตาม One Pic Big Dream เกมภาพกระตุกต่อม เลียบชายหาดสวย ๆ จากปรานบุรีถึงบางสะพาน สวยขนาดไหนต้องออกไปเที่ยวแล้วสัมผัสด้วยตัวเอง
ปักหมุดจุดแรก กันตรง “หมู่บ้านผาแดง” หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 5 ตำบลทรายทอง อำเภอบางสะพานน้อย เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ชายหาดสีแดง มีหน้าผาสีแดงไล่ไปสุดหาด จะเห็นความสวยงามตอนเช้าตรู่ รอพระอาทิตย์ขึ้นตอน 6 โมงเช้า อยู่ก่อนหน้าผา มีแสงสีแดงพระอาทิตย์ให้เห็นโขดหินกับหน้าผา เป็น Red Beach สวยแบบมหัศจรรย์อีกมุมใหม่ ๆ
จากนั้นก็ไปชม “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านเกาะมอญ-เกาะไผ่” อยู่ใน อ.สามร้อยยอด เป็นจุดชม “ทะเลบัวแดง” ชุมชนในฝัน เกาะมอญ เกาะไผ่ สวรรค์ทุ่งบัวบาน ตำนานสามร้อยยอด มีชุมชนเกาะบอนกับเกาะไผ่ ด้านหลังเป็นแนวสันเขา ต้องการเห็นทะเลบัวหลวง บริเวณชุมชนแห่งนี้มีสินค้าแปรรูปและผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน รวมทั้งกิจกรรมล่องเรือ และมีโฮมสเตย์ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย
ต่อด้วย ชมแสงสวยสุดขอบฟ้า ปลายขอบอ่าว เติมพลังแสงเช้าที่บางสะพาน) “อ่าวบ่อทองหลาง” ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน อ่าวรูปวงพระจันทร์ ตัดขอบฟ้าแบ่งเขต อยู่ด้านในวัดป่าทองหลาง นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ ในตำบลหาดแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน (ที่เที่ยวลับ มีทะเลแหวก อ.บางสะพาน) แสงเช้า บ่งบอกถึงความหวังจากธรรมชาติจะให้อะไรกับเราบ้าง สื่อสร้างความหวังและพลัง เป็นแหล่งที่มีหินล้อมรอบ
ที่นี่เป็นอ่าว ที่มีหินล้อมรอบ
ทำให้คลื่นทะเลเข้ามาไม่ได้ เลยสามารถเล่นน้ำชายหาดได้อย่างสะดวกสบาย
บริเวณชายหาดก็จะมีร้านค้า ร้านอาหาร คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่
มีเก้าอี้ชายหาดสามารถทานอาหารบนชายหาดได้อีกด้วยค่ะ
ต้องบอกเลยว่าค่อนข้างแปลกใจว่า ทำไมที่ อ่าวบ่อทองหลาง แห่งนี้
ถึงไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก เพราะนอกจากความสวยงามของอ่าวที่โค้งแล้วนั้น
น้ำทะเลที่นี่ ยังใสมากๆ และบรรยากาศก็ดีมากอีกด้วย นั่งทานข้าวริมหาดเพลินๆ
พร้อมกับลมเย็นๆ
สิ่งท่จะกระตุกต่อมคือแสงที่ฟ้าเปิดพอดี
กับพื้นน้ำทะเลทอดยาวนำสายไปหาแสง มีฉากหน้าเป็นบรรยากาศนั่งรอแสงเช้า
ปิดท้ายที่ “ชุมชนบ้านป่าหมาก” (ป่าหมาก สุดสนุก ดุจวันวาน) อำเภอสามร้อยยอด สุดชายแดนไทย-เมียนมา เป็นหมู่บ้านกางเต็นต์หมุ่บ้านเล็ก ๆ ในเขตชายแดน เด็ก ๆ กำลังเล่นน้ำ มีความสนุกของเด็กและชาวบ้านที่อยากให้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
เป็นชุมชนหมู่บ้านที่มีชาวกะเหรี่ยงอาศัยอยู่จำนวนมาก และเป็นพื้นที่ป่าเขาล้อมรอบอยู่ติดกับชายแดนไทย-เมียนมา แนวเทือกเขาตะนาวศรีเป็นแหล่งต้นน้ำ ปัจจุบันได้มีการรวมกลุ่มของชาวบ้านในพื้นที่ทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจให้กับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบแนวธรรมชาติ สามารถกางเต็นท์นอนค้างแรมริมชายน้ำ มีสะพานแขวนข้ามคลอง และมีร้านกาแฟริมชายเขาให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบนั่งจิบกาแฟท่ามกลางบรรยากาศป่าเขาลำเนาไพร โดยในปัจจุบันนี้ได้รับการนิยมเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวสามารถขับรถส่วนตัวโดยเฉพาะรถโฟวิล และกระบะไปได้จนถึงจุดหมายปลายทาง
ดื่มน้ำขิงดีมีประโยชน์ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้
กระแสการดื่มน้ำขิง หรืออาหารที่มีขิงเป็นส่วนประกอบจะขายดี
เพราะมีหลายคนกล่าวอ้างว่า ขิงสามารถป้องกันโควิด 19 ได้ แต่จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร วันนี้เราจะบอกให้รู้กันไปเลย
ขิงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ - แม้ว่าขิงจะไม่ได้ช่วยป้องกันโรค แต่มีงานวิจัยหลายๆ ชิ้นที่ระบุว่า ขิงนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระ (anti – oxidant) และสารต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) อยู่มากมาย เช่น Gingerol , Shogoal และ Paradoal ซึ่งพบว่าขิงสามารถช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกายได้
อีกทั้งสารในขิงบางตัว ยังทำหน้าที่ป้องกันการเจริญเติบโตและการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็งได้หลากหลายชนิด แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยในระดับหลอดทดลองและสัตว์ทดลองเท่านั้น ยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีก
สรุปแล้ว
ควรกินขิง ดีหรือไม่ - คำตอบคือ กินได้และดี ควรกินจากอาหารธรรมชาติเป็นหลัก เช่น
ต้มน้ำขิงดื่ม แทนน้ำหวาน น้ำอัดลม หรือชาหวานต่างๆ
โดยที่เราต้องไม่ใส่น้ำตาลหรือน้ำผึ้งมากเกิน 1 ช้อนชาต่อแก้ว ต่อวัน หรือ อาจจะนำขิงไปผัดคู่กับเนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ เช่น ปลาผัดขิง
ก็จะได้คุณค่าทางโภชนาการที่ดีขึ้น
ข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก จับตา”เจริญ-สุทธิพงศ์”ชิงเก้าอี้นายกฯTTAAกู้วิกฤตเอาท์บาวนด์
สมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว
(Thai Travel Agents Association :TTAA)
รายงานว่า วันที่ 29 กรกฎาคม 2563
จะจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562
ของสมาคมที่มีสมาชิกเป็นตัวแทนบริษัทนำคนไทยเที่ยวต่างประเทศ (outbound)
ซึ่งจะจัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ เพื่อเข้ารับตำแหน่งระหว่างปี
2563-2565 หลังจากนายธนพล ชีวรัตนพร
พร้อมกรรมการคนอื่น ๆ หมดวาระ
การเลือกตั้งครั้งนี้ท่ามกลางวิกฤตไวรัสโควิด-19 ทางTTAA ได้รับความสนใจจากเจ้าของกิจการที่คร่ำหวอดในวงการท่องเที่ยวที่จะมาสร้างสีสัน
2 คน คือ
“นายเจริญ วังอนานนท์” กรรมการผู้จัดการ
บริษัท กังวาล ฮอลิเดย์ จำกัด กับ
“นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท
กลอรี่ ทราเวล (ประเทศไทย) จำกัด แต่ละคนชูจุดนโยบายการลงชิงชัยเก้าอี้นายกสมาคมในมุมที่แตกต่างกัน
คือ
“นายเจริญ วังอนานนท์”
ชูการเข้ามาช่วยกู้วิกฤตให้ผู้ประกอบการเอาท์บาวนด์เด่น 3 เรื่อง
คือ 1.นำสมาชิกก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
ให้ได้มากที่สุด 2.หาแนวทางวิธีป้องกันปัญหาระหว่างผู้ค้าส่งท่องเที่ยว
(Wholesale)
กับผู้ประกอบการรายย่อย (retail)
ด้วยการจัดระเบียบใหม่เพื่อหาช่องทางดีที่สุดเข้ามาใช้ยับยั้งสกัดกั้นเหล่ามิชฉาชีพไม่ให้เข้ามาสู่วงการ
เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัททัวร์มักจะใช้กลยุทธ์ถล่มราคาขายโปรไฟไหม้จึงทำให้มีกลุ่มคนฉวยโอกาสขายโปรแกรมทัวร์แล้วหอบเงินลูกค้าหนีหายไป 3.สร้างความเชื่อมั่นปกป้องนักท่องเที่ยวให้ได้รับสิทธิและสร้างความพึงพอใจในบริการหลังจากซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทนำเที่ยวไปเรียบร้อยแล้ว
“นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ”
ประกาศจะทำนโยบายเด่น ๆ 2 เรื่อง
คือ 1.ช่วยสมาชิกฟื้นฟูได้รับการเยียวยาให้รอดจากโควิด-19
ไปด้วยกัน เพราะเอาต์บาวนด์ได้รับผลกระทบหนักต่อเนื่อง
แล้วใช้กลยุทธ์ขายโปรแกรมทัวร์แบบโปรไฟไหม้แล้วไหม้อีก ผลสุดท้ายก็เดือดร้อนกันถ้วนหน้า
2.นำคนรุ่นใหม่ในวงการท่องเที่ยวเข้ามาร่วมทีมทำงานซึ่งมีอยู่
60-70%
ข่าวที่สอง ORค้าปลีกปตท.ปลุกบลูการ์ดรับสิทธิ์พิเศษเที่ยวไทย2แคมเปญ
นางสาวจิราพร
ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.
น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนคนไทยท่องเที่ยวในประเทศ
ซึ่งมีรางวัลให้ร่วมลุ้นรวมกว่า 9 ล้านบาท โดยเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายสมาชิกบลูการ์ด (Blue
Card) เมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่ร้านค้าในเครือของโออาร์ทั่วประเทศสามารถรับสิทธิพิเศษจาก
2 แคมเปญ ได้แก่
แคมเปญแรก
“เที่ยวนี้ สุข x2” เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Amazing
Thailand Grand Sales 2020 ของ ททท. ให้สมาชิกบลูการ์ดรับคะแนนสะสม 2
เท่า จากปกติ เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการระหว่างวันนี้ – 15 สิงหาคม 2563 ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น
ร้านคาเฟ่ อเมซอน เท็กซัส ชิคเก้น ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ ร้านฮั่วเซงฮงติ่มซำ
ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น พีทีที ลูบริแคนท์ส ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ และ ร้าน
เพิร์ลลี่ ที
แคมเปญที่ 2 “เที่ยว เลี้ยว ลุ้น” สมาชิกบลูการ์ด
รับสิทธิลุ้นรับรางวัลใหญ่ รถยนต์ BMW X1 sDrive 18i (Iconic) 3 รางวัล
และของรางวัลอื่นๆ รวมกว่า 1,500 รางวัล มูลค่ากว่า 9
ล้านบาท ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2563
– 31 ตุลาคม 2563 ตามเงื่อนไขการซื้อผลิตภัณฑ์และบริการต่อ
1 ใบเสร็จ ดังนี้
1.เติมน้ำมันเชื้อเพลิง ที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที
สเตชั่น ริการยานยนต์ฟิต ออโต้ 600 บาทขึ้นไป/1ใบเสร็จ 2.เมื่อซื้อน้ำมันหล่อลื่น PTT
Lubricants ที่ PTT Station 3.ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่
600 บาทขึ้นไป 3.เมื่อซื้อที่ร้าน Cafe
Amazon ตั้งแต่ 60 บาทขึ้นไป 5.เมื่อซื้อที่ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป
6.เมื่อซื้อที่ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป 7.เมื่อซื้อที่ร้าน
Texas Chicken ตั้งแต่ 160 บาทขึ้นไป
8.เมื่อซื้อสินค้าที่ ร้านฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ ตั้งแต่ 80 บาทขึ้นไป 9.เมื่อซื้อสินค้าที่ ร้านเพิร์ลลี่ ที
ตั้งแต่ 60 บาทขึ้นไป
สมัครเป็นสมาชิกบลูการ์ดพร้อมกับเลือกใช้สิทธิพิเศษจาก
2 แคมเปญนี้ได้ทาง บลูการ์ด แอปพลิเคชัน หรือทางเว็บไซต์ www.pttbluecard.com
ขณะเดียวกันโออาร์ยังได้สนับสนุนให้สถานีบริการน้ำมัน
พีทีที สเตชั่น บนเส้นทางสายหลัก 40 แห่งเป็นจุดแจกคู่มือ SAFETY & HYGIENIC
ROADTRIP ของ ททท. ซึ่งเป็นคู่มือแนะนำแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยภายใต้มาตรฐาน
SHA (Amazing Thailand Safety & Health Administration) ในการขับรถท่องเที่ยวทั่วประเทศ
5 ภาค
ข่าวที่สาม โพลล์ท่องเที่ยวชี้“ไทย-เทศ”ปี63-64เน้นทัวร์ในประเทศ
ยุโรป แอสซิสแทนซ์ (Europ Assistance) รายงานผลสำรวจ
(โพลล์) อนาคตการท่องเที่ยว (Future of Travel) ซึ่งจัดทำโดย
IPSOS ระหว่างวันที่ 5 – 26 มิถุนายน 2563
เพื่อสำรวจทัศนคติของนักท่องเที่ยว 11,000 ราย
จากทั่วโลก 11 ประเทศ รวมคนไทยกว่า 1,000 ราย พบว่าปี 2563คนไทยส่วนใหญ่ 8 ใน 10 ต้องการท่องเที่ยวภายในประเทศก่อน 75% จากนั้นจึงจะวางแผนท่องเที่ยวปี 2564 ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วโลกส่วนใหญ่ก็เช่นเดียวกันต้องการเที่ยวในต่างประเทศ
โดยนักท่องเที่ยวไทย 36% วางแผนจองโปรแกรมท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้ว
และ 86% คำนึงถึงความปลอดภัยหลีกเลี่ยงไปในพื้นที่มีคนหนาแน่น
และ 84% หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังบางประเทศ
ส่วนวิถีใหม่ที่น่าสนใจในโพลล์พบว่า
คนไทย 70%
ยินดีจ่ายเงินเพื่อซื้อประกันภัยการเดินทางในอนาคต และอีก 44%
ยืนยันเคยทำประกันการเดินทางไว้แล้ว
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น