ผู้นำTCEBอัดฉีดแคมเปญใหญ่ฟื้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลังเต็มรูปแบบ
เปิดเส้นทางต้นแบบไมซ์ไฮยีนจัดครบคาราวาน/ท่องเที่ยว/ประชุม
คิง เพาเวอร์ชูขายแบรนด์หลงใหลFall/WinterCollection 2020
คิงเพาเวอร์ชวนซื้อLCFC FILBERTสตรีตแฟชั่นคอลเลคชั่นใหม่
ททท.ผุดTAT GYM2020ปั้นนักธุรกิจพันธุ์ใหม่ท่องเที่ยวยั่งยืน
รมว.พิพัฒน์ลุยTravel Bubbleชงใช้เกาะในอันดามัน/อ่าวไทย
ททท.ชูอะเมซิ่งไทยแลนด์อีบุ๊คคู่มือค้นข้อมูลเที่ยวทั่วไทยรวดเร็ว
บางจากคาร์แคร์แจกคูปอง150บาทพร้อมตรวจรถ11รายการ
เราไปเที่ยวด้วยกัน“อาร์ตพาราไดซ์-โฮงเฮียนล้านนา”เชียงใหม่
สามเกลอ สามสมุนไพรมีไว้ติดครัวติดบ้านรับรองชีวิตไม่จืดชืด
กพท.ประกาศรอบใหม่เข้มสุด6เรื่องในเที่ยวบินระหว่างประเทศ
โรงแรมดิโอกุระปิ๊งผลไม้ดังทั่วไทยทำเครื่องดื่มเสิร์ฟถึง30ก.ย.นี้
โรงแรมแชงกรี-ลากรุงเทพฯ/เชียงใหม่เทโปรแรงพัก1คืนฟรี1คืน
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #TCEB #LCFCFILBERT #TATGYM2020
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB”
ช่วงที่ 1 เปิดแนวรุกอุตสาหกรรมไมซ์กับ “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” ตลอดเฟส 1-2 ทุ่มทำ 2 โปรเจ็กต์ “Virtual Meeting Space :VMS” กระตุ้นบริษัท องค์กร ลุกขึ้นมาจัดประชุมแล้วกว่า 40 งาน เร่งอัดฉีดต่อเนื่องด้วยโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ผนึกพันธมิตรนำร่องทำ “กาญจนบุรีโมเดล” ต้นแบบ “Hygine MICE Destination” ย้ำชัดเมืองไทยสามารถจัดคาราวาน-ท่องเที่ยว-ประชุม ไปพร้อม ๆ กันได้ และช่วงสิงหาคม 2563 พร้อมแจกข่าวดีโปรเจ็กต์เปิดชุมชนรับทำกิจกรรมไมซ์ช่วยโรงแรมในพื้นที่ขายห้องพักเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจได้
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บได้เร่งแผนการตลาดเชิงรุกผ่านโครงการใหญ่ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ตามโจทย์ของทุกองค์กรทั่วโลกเองก็ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จึงต้องวางแผนดำเนินงานอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยเริ่มตั้งแต่ เฟสที่ 1 ช่วงก่อนและเข้าสู่สถานการณ์ของไวรัสโควิดแพร่ระบาด มีนาคม-พฤษภาคม 2563 ได้ออกมาตรการดูแลเยียวยาผู้ประกอบการไมซ์ทั้งระบบ โดยเฉพาะการวางรูปแบบนำประชุม Virtual Meeting Space :VMS คัดสรรวิทยากร เลือกเชิญกลุ่มเป้าหมายประชุมออนไลน์สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมรับฟังกันพร้อม ๆ กันได้ ตอนนี้เห็นแล้วจากการโครงการนี้สามารถกระตุ้นการจัดงานตามมาตอนนี้ประมาณ 40 ประชุม พร้อมทำแพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้า ตัวอย่างเช่น TOY EXPO 2020 เมื่อเดือนพฤษภาคม ได้ผลประมาณ 30 % สามารถช่วยผู้ประกอบการรายย่อยได้ในระดับหนึ่งมีรายได้หมุนเวียนจากการขายต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
เฟสที่ 2 ตั้งแต่มิถุนายน-ปัจจุบัน ทำโครงการสนับสนุนงบประมาณให้สถานที่จัดงานและโรงแรม รองรับรัฐบาลประกาศให้จัดประชุมในประเทศได้ ควบคู่การเตรียมความพร้อมความปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดยนำร่องทำโมเดลใหม่ในเดือนกรกฎาคม นี้ คือ Hygine MICE Destination-เส้นทางจัดไมซ์อย่างปลอดภัย ทีเส็บร่วมมือกับกรมอนามัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อทำมาตรฐานด้วยกันการจัดงานไมซ์ จัดประชุม จัดนิทรรศการแสดงสินค้า ต่าง ๆ เช่น การจัดงาน “Motor Show 2020” ระหว่าง 13-20 กรกฎาคม นี้ ที่อิมแพคชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี พื้นที่ 17,000 ตารางเมตร ก็เข้าไปดูแลสถานที่ก่อนจัดงาน วางระบบระยะห่างทางสังคม ผู้ประกาศภายในงาน ผู้เข้าร่วมชม
ส่วนการจัดงานอีเวนต์อื่น ๆ ขณะนี้ยังจัดงานได้ไม่มาก เช่น การจัดมหกรรมคอนเสิร์ต ทั้งการจัดวางเก้าอี้ การตั้งอุปกรณ์ดนตรี จะต้องมีฉากกั้น เพื่อให้การทำกิจกรรมต่าง ๆ สามารถทำได้ ซึ่งทางทีเส็บพยายามเข้าไปร่วมวางมาตรฐาน รวมถึงการเข้าร่วมสนับสนุนมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย : SHA :Safty & Health Administration ด้วย
นายจิรุตถ์กล่าวว่าได้ทำโมเดลนำร่อง “Hygine MICE Destination” ครั้งแรกเลือกพื้นที่ทำคาราวานไปยังจังหวัดกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน ระหว่างวันที่ 20-21 กรกฎาคม 2563 โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วันเปิดงาน 20 กรกฎาคม นี้ นายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลทีเส็บ กับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะมาเป็นประธานเปิด มุ่งเน้นทำเป็นภาพใหญ่ร่วมกันหลายหน่วยงาน รวมทั้งทีเส็บซึ่งเน้นจัดมาตรฐานความปลอดภัยไมซ์
ตลอดโครงการ 2 วัน 1 คืน จะนำรูปแบบวิธีการเข้ามาใช้ปฏิบัติตลอดเส้นทาง เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลัก คือเห็นภาพ ประเทศไทยตอนนี้สามารถจัด “ท่องเที่ยว-ประชุม-คาราวาน” ได้อย่างมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
ดังนั้นจะผนวกรวมเพื่อกระตุ้นให้มีผู้เข้าไปใช้บริการและจัดงานไมซ์ เพื่อช่วยผู้ประกอบการ โดยทีเส็บเลือกใช้วิธี “สนับสนุนงบประมาณ” พุ่งเป้าไปช่วยกลุ่มบริษัทต่าง ๆ ผ่านโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” นั่นเอง 1.ถ้าจัดงาน 2 วัน 1 คืน นอกพื้นที่ตั้งขององค์กร สามารถขอรับเงินสนับสนุน 30,000 บาท 2.จัดประชุมภายในพื้นที่ตั้งแต่ 6 ชั่วโมง ภายใน 1 วัน ขอเงินสนับสนุนได้ 15,000 บาท/ครั้ง
องค์กรหลัก
ๆ ที่สามารถขอรับสนับสนุนเงินจากโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ประกอบด้วย 1.บริษัทและองค์กรที่จัดประชุม 2.โรงแรมกับสถานที่จัดประชุม 3.บริษัทตัวแทนจัดการประชุม
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดที่ thailandmiceconnect.com โดยเข้ามาลงทะเบียนสมัครได้ ตอนนี้มีประมาณ 300
บริษัท เข้ามาสมัครแล้ว
ทีเส็บได้คำนวณผลทางเศรษฐกิจแล้ว
เมื่อสนับสนุนเงินจัดประชุมในพื้นที่ขนาดการประชุมครั้งละ 30 คน
ก็จะสร้างรายได้หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ราว 120,000 บาท/ครั้ง ช่วยกระตุ้นเงินกระจายไปยังส่วนต่าง ๆ
จากประมาณการณ์ยื่นของบประมาณจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 3 เดือนก่อน ขอใช้งบ 200 ล้านบาท จะสร้างเงินหมุนเวียนได้กว่า 2,000
ล้านบาท
นายจิรุตถ์กล่าวว่าการประเมินสถานการณ์ไมซ์ช่วงครึ่งปีหลัง
2563 เมื่อได้มีโอกาสทำงานร่วมกับทางกระทรวงสาธารณสุข
และศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.)
เรื่องที่ 1 ค่อนข้างจะเป็นห่วงภาพรวม
เพราะบริษัทจำนวนมากประสบปัญหา มีโครงการเลิกจ้างงาน
ดังนั้นกำลังซื้อของทั้งหมดก็อาจจะลดลงไป
ทีเส็บจึงต้องอัดฉีดก่อนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ให้องค์กร บริษัทต่าง ๆ
มาขอรับเงินสนับสนุนจากโครงการประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า
เพื่อจะได้มีกำลังจัดประชุมเร็วขึ้นแทนที่จะไปรอใช้เงินจากงบที่เหลือก่อนสิ้นปีงบประมาณก่อนวันที่
30 กันยายน 2563
เรื่องที่
2 สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถึงแม้ไทยจะควบคุมได้ดีมาก แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้หากเกิดการระบาดระลอก
2 จะต้องทำอย่างไร
สิ่งสำคัญคือต้องติดตามฟังพร้อมปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก
เพราะต้องทำให้ประชาชนทุกคนปลอดภัย
และหากจัดประชุมทุกคนที่เข้าร่วมก็ต้องปลอดภัยเช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่องธุรกิจก็สำคัญ จึงต้องหาวิธีช่วยผู้ประกอบการควบคู่กันไปด้วย
โดยทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมไมซ์ใช้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยอย่างเข้มข้น
ทางด้านนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแล ให้นโยบายเดินหน้ากระตุ้นตลาดไมซ์ในประเทศ โดยจะส่งเสริมการหน่วยงานราชการทั่วประเทศออกเดินทางจัดประชุมตามสถานที่ และจังหวัดต่าง ๆ ภายใน 2-3 สัปดาห์หน้า ทางทีเส็บเตรียมเปิดตัวการประชุมแนวใหม่ New Normal และจัดทำคู่มือแนะนำสถานที่จัดประชุมใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่ม เช่น การจัดประชุมในชุมชน ซึ่งโรงแรมและที่พักก็จะได้รับประโยชน์จากการขายห้องพักด้วย ส่วนชุมชนจะยกระดับเป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ เมื่อมีกลุ่มคณะเดินทางไปจัดการประชุมตลอดปีนี้
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิง เพาเวอร์ชูขายแบรนด์หลงใหลFall/WinterCollection2020
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ แนะนำคอลเลคชั่นใหม่แบรนด์ LONGLAI (หลงใหล) แบรนด์กระเป๋าหนังสัญชาติไทย ซึ่งเริ่มต้นจากการผลิตเครื่องหนัง Exotic เน้นดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ต้องใช้ประสบการณ์อันเชี่ยวชาญของช่างและความประณีตทุกฝีเข็ม พร้อมวัสดุที่มีคุณภาพ ยุคบุกเบิกมุ่งส่งออกขายชาวต่างชาติ ก่อนจะพลิกบทบาทแบรนด์มาเล่าเป็นภาษาฟังสบาย ๆ เพื่อพูดกับผู้หญิงสมัยใหม่ที่รักความเรียบง่าย
จากกลิ่นอายของงานสถาปัตยกรรมสไตล์ Brutalism (บรูทัลลิสม์) ของซีกโลกตะวันตกในยุค 1950 ที่การก่อสร้างเน้นการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา กล้าที่จะสะท้อนความงามของสัจจะวัสดุ ปรับเปลี่ยนผ่านกาลเวลาจนกลายเป็น “The New Brutalism” ตัดทอนให้เรียบง่ายกลายเป็นรูปทรงเรขาคณิต ยึดมั่นความแข็งแรง ผสมผสานแพตเทิร์นให้เกิดความน่าสนใจ เล่าผ่านดีไซน์ของกระเป๋าใน LONGLAI – Fall/Winter Collection 2020
คอลเลคชั่น The New Brutalism สร้างสรรค์ดีไซน์หลากหลายรูปแบบ โดยยังคงให้ความสำคัญกับฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ใช้วัสดุหนังแท้ที่มีคุณภาพ Cow Nappa ซ่อนเทคนิคเพื่อให้เกิดความเรียบหรู ผ่านกระเป๋าทรงเก๋ 5 ดีไซน์ ได้แก่
ZOE กระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมสะพายข้าง, EVA กระเป๋าถือทรงคางหมู, ROSY ROUND กระเป๋าใส่เงินห้อยคอทรงกลม, KYLIE กระเป๋าครอสบอดี้แบบหูรูด และ TAUNO กระเป๋าช้อปปิ้งทรงสี่เหลี่ยม แต่ละดีไซน์มาพร้อมกับสีแดงบริค สีดำ และสีทูป ตัวกระเป๋ามีน้ำหนักเบา แมตช์ง่ายกับทุกลุค เข้าได้กับทุกโอกาส
สามารถเลือกสินค้าคอลเลคชันใหม่ล่าสุด
ติดตามความเคลื่อนไหวและแรงบันดาลใจดีๆ ได้แล้ววันนี้ผ่านช่องทาง Instagram: longlaileather Facebook: Longlai
Leather Store และเว็บไซต์ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 LCFC FILBERTสตรีตแฟชั่นคอลเลคชั่นใหม่สั่งซื้อได้เลย
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เจ้าของ สโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ (LCFC) ของคนไทยที่นำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015-16 สโมสรฟุตบอลระดับโลก กำลังเติบโตและโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ สามารถสร้างแรงผลักดันให้สินค้าย้อมครามธรรมชาติสัญชาติไทยไปไกลถึงระดับโลกแล้ว อีกด้านหนึ่งของ LCFC มีผู้เล่นสำคัญที่กำลังเติบโตและโลดแล่นอยู่ในสนามสตรีตแฟชั่น
ทาง LCFC จึงได้นำคาแรคเตอร์ของฟิลเบิร์ต (Filbert Fox) มาสคอตรูปสุนัขจิ้งจอกของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ทุกคนหลงรัก มาปรับลุคใหม่ ถ่ายทอดลงบนเสื้อผ้า มองหาวัสดุเนื้อผ้าใหม่ๆ สรรค์สร้างเอกลักษณ์ พร้อมทั้งผสมผสานแรงบันดาลใจจากตัวมาสคอตฟิลเบิร์ตที่อยู่คู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 1992 จนเกิดเป็นคอเลคชั่น LCFC FILBERT ขึ้น
สำหรับคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจาก LCFC ได้แนะนำตัวให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับโลก ในฐานะของเสื้อผ้า Ready-to-wear นอกเหนือจากการเป็นสปอร์ตแบรนด์ ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายทุกวัน ยังช่วยตอกย้ำความเป็นสตรีตแฟชั่นของแบรนด์ผ่านสินค้าดีไซน์สุดพิเศษคอลเลคชั่นด้วย
สามารถซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ IG: Leicestershop_th Line: Leicestershop_th
Facebook: Leicestershop_th และWebsite: www.kingpower.com
ข่าวที่ 3 ททท.ผุดTAT GYM2020ปั้นนักธุรกิจพันธุ์ใหม่ขับเคลื่อนท่องเที่ยวยั่งยืน
นายบุญส่ง คุ้มบุญ
ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) กล่าวว่า ร่วมกับพันธมิตร เปิดตัวโครงการยกระดับขีดความสามารถของการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน
(TAT GYM 2020) มีแนวร่วมหลัก
ๆ อย่าง บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยวมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และบริษัท ฟายด์
โฟล์ค จำกัด พลิกโฉมวงการท่องเที่ยวไทยหลังวิกฤตโควิด-19 พุ่งเป้าพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่พลิกโฉมเป็นผู้ประกอบการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมรับมือกับการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป
รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ควบคู่กับขับเคลื่อนมาตรฐานด้านความปลอดภัย
ด้านสุขอนามัย และการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติและวัฒนธรรม
ด้วยการต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยี บนพื้นฐานของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible
Tourism) และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable
Tourism)
โดยจะขับเคลื่อนโครงการ TAT GYM
2020 เปิดรับสมัครบุคคลรุ่นใหม่คัดเลือกไว้ 10
ทีม ทีมละ 2 คน มอบเงินทุนสนับสนุนทีมละ 10,000
บาท ในการพัฒนานวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นจริง ส่วนพันธมิตร
จะร่วมสนับสนุนรางวัลให้ 3 นวัตกรรมดีเด่นต่อยอดได้ รางวัลรวมมูลค่ากว่า
150,000 บาท
ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ
จะต้องมีอายุระหว่าง 18-35 ปี มีสมาชิกทีมละ 2 คน
มีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 1 ปี
เช่น ผู้ประกอบการที่พัก สมาร์ทฟาร์ม สมาชิกกลุ่มชุมชนท่องเที่ยว
ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก
สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ -20 กรกฎาคม 2563 ทางเว็บไซต์ www.tatgym.com สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง www.tatgym.com และ Facebook page: TAT GYM
ข่าวที่ 4 รมว.พิพัฒน์ลุยTravel
Bubbleชงเลือกใช้เกาะอันดามัน/อ่าวไทย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้เดินหน้าเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการทำจับคู่ต่างประเทศเข้ามาไทยตามแนวทาง Travel Bubble คู่ขนานไปกับการเร่งหาจุดสมดุลระหว่างความปลอดภัยของคนในประเทศและเศรษฐกิจ ที่อาจจะทรุดกระทบเป็นวงกว้างมากไปกว่านี้ เพราะหากภายในสิ้นปี 2563 ยังเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้ ธุรกิจโรงแรมในไทยอาจต้องปิดกิจการถาวร 60% สอดคล้องตามคาดการณ์ตลาดจะหายเกินกว่า 60% จากปีที่ผ่านมามีมากถึง 39.8 ล้านคน
ตามแผนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.)เศรษฐกิจ ปลายเดือนกรกฎาคมนี้ พิจารณาให้ชาวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวโดยจำกัดพื้นที่แต่ไม่ต้องกักตัวนาน
14
วัน ซึ่งจะนำร่องเฟสที่ 1 ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ปิดทั้งเกาะในจังหวัดภูเก็ต ปิดเฉพาะเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ และปิดเฉพาะ4
เกาะคือ สมุย พะงัน เกาะเต่า นางยวน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนเฟสที่ 2 ก็อาจจะขยายไปยัง
เกาะช้าง ตราด เกาะเสม็ด ระยอง หาดใหญ่
สงขลาซึ่งสามารถจับคู่แลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวกับทางฝั่งปีนัง
มาเลเซียที่ไม่มียอดผู้ติดเชื้อใหม่นานกว่า 70 วัน
โดยตั้งเป้าจะคัดเลือกนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ที่ต้องการหนีหนาวเข้ามาพักผ่อน ทั้งจากสหรัฐและยุโรปผลการหารือล่าสุดกับหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย ระบุว่ามีคนสหรัฐต้องการมาเที่ยวไทย หากช่วง 4 เดือนสุดท้ายปีนี้ ระวห่างกันยายน-ธันวาคม 2563 มีนักท่องเที่ยวไฮเอนด์มาภูเก็ต 2 แสนคน จะช่วยสร้างรายได้กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ก็เป็นได้
ข่าวที่ 5 ททท.ชูอะเมซิ่งไทยแลนด์อีบุ๊คคู่มือค้นข้อมูลเที่ยวทั่วไทยรวดเร็ว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้จัดทำ "Amazing Thailand eBook" แอปพลิเคชันและเว็บไซต์รวบรวมข้อมูลทางการท่องเที่ยวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 77 จังหวัด เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลท่องเที่ยวผ่านทางสมาร์ตโฟน แทบเล็ตและเว็บไซต์ ลดการพกพาเอกสาร ค้นหาได้สะดวกและดาวน์โหลดมใช้งานได้ง่าย ด้วยการแบ่งหมวดคู่มือท่องเที่ยวไว้ชัดเจน มีทั้ง ท่องเที่ยว 77 จังหวัด ท่องเที่ยวเมืองรอง ท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัด ข้อมูลความสนใจเฉพาะ อาหารไทย แผนที่ท่องเที่ยว รวมถึงคู่มือท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ตโฟนหรือแทบเล็ตสามารถสแกน QR Code หรือเข้าไปที่ App Store กลุ่มผู้ใช้ Apple iPhone และ Google Play และผู้ใช้ Android แล้วพิมพ์คำว่า amazingthailandebook เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาใช้งาน หรือสามารถเข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ www.amazingthailandebook.com ก็เข้าใช้งานได้เช่นกัน
สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม
Call Center 1672 IG : 1672travelbuddy Twitter : tat1672
Line : @tatcontactcenter และWeChat : VisitThailand
ข่าวที่ 6 บางจากคาร์แคร์แจกฟรีคูปอง150บาทตรวจเครื่องยนต์ฟรี11รายการ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำเสนอโปรโมชั่นดี 3 เดือนครึ่ง ระหว่างวันนี้ - 31 ตุลาคม 2563 เข้าไปในเว็บไซต์ bangchak.co.th หมวดบางจาก คาร์ แคร์ ได้จัดกิจกรรม "แจกฟรีคูปองค่าแรงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมูลค่า 150 บาท " เพื่อนำรถคู่ใจเข้าไปยังคาร์ แคร์ เพื่อรับบริการตรวจเครื่องยนต์ พร้อมรับคำแนะนำฟรี 11 รายการ ดังนี้
1.ตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง 2.ตรวจเช็คน้ำมันเบรก / คลัทช์ 3.ตรวจเช็คน้ำมันเกียร์ธรรมดา / อัตโนมัติ 4.ตรวจเช็คน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ 5.ตรวจเช็คน้ำฉีดกระจก 6.ตรวจเช็คน้ำในหม้อน้ำ / ฝาหม้อน้ำ
7.ตรวจเช็คทำความสะอาดกรองอากาศ / กรองแอร์ห้องโดยสาร 8.รวจเช็คสายพานเครื่องยนต์ / เพาเวอร์ / แอร์ 9.ตรวจเช็คแบตเตอรี่
- น้ำกลั่น / ขั้ว 10.ตรวจเช็คน้ำมันเฟืองท้าย 11.ตรวจเช็คสภาพยาง / เติมลมยาง
ข่วงที่ 2 จะชวนไปเที่ยวด้วยกันที่ “อาร์ต อิน พาราไดส์” และ
“โฮงเฮียนภูมิปัญญาล้านนา” จังหวัดเชียงใหม่
ไปค้นหาความเสมือนและความจริงแห่งวิถีที่มีมานานนับพันปี
แล้วใครที่ชอบเข้าครัวต้องฟังดี “มีสามเกลือติดบ้านไว้” ปลอดภัยจากโรคระบาด
เกาะกระแสข่าวน่ารู้ “สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย”
ออกประกาศทันควันมาตรการเข้มเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้ม 6 เรื่อง “โรงแรมดิ โอกุระ กรุงเทพฯ” ไอเดียเก๋
นำผลไม้ชื่อดังมาปรุงเป็นเครื่องดื่มค็อกเทล/ม็อกเทล เสิร์ฟ ไปจนถึง 30 ก.ย.นี้ และ “โรงแรมแชงกรี-ลา” กรุงเทพฯ กับ เชียงใหม่ เทโปรแรงสุด ๆ
วันนี้วันสุดท้าย จองพัก 1 ห้องแถมฟรี 1 ห้อง พร้อมสิทธิประโยชน์เพียบ
เราไปเที่ยวด้วยกัน“อาร์ตพาราไดซ์-โฮงเฮียนล้านนา”เชียงใหม่
กรีน ซีซัน ปีนี้ออกเดินทางแอ่วเหนืออีกสักครั้งหลังจากห่างหายไปกันกว่าครึ่งปี เที่ยว “เชียงใหม่” ด้วยกัน ในสถานที่สบาย ๆ ในโลกศิลปะเสมือนจริง และโรงเรียนภูมิปัญญาล้านนาที่มีอยู่จริง
มาลองเปิดโลกเสมือนจริงท่องเที่ยว “Art in Paradise” ดินแดนศิลปะเสมือนประตูสู่โลกจินตนาการตามความคิดสร้างสรรค์ พิพิธภัณฑ์ภาพวาดลวงตา หรือ Illusion Art Museum แห่งแรกในเชียงใหม่ เมื่อได้เข้ามาเท่ากับได้เปิดโลกกว้างของศิลปะภาพที่ต้องใช้เทคนิคบวกกับความเชี่ยวชาญพิเศษให้เกิดเป็นภาพ 3 มิติ ซึ่งเกิดจากจิตกรชาวเกาหลี 14 คน รังสรรค์ออกมากว่า 130 ภาพ ที่สร้างความตื่นเต้นและสนุกดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวคือ พอได้ไปยืนตามจุดที่กำหนดจะเหมือนกับเราได้อยู่ในภาพนั้นจริง ๆ
ภายใน Art in Paradise จะแบ่งโซนภาพวาดเป็น 6 โซน ได้แก่ 1.โลกใต้ท้องทะเล 2.สัตว์ป่า 3.คลาสสิคอาร์ต ได้นำภาพระดับโลกของจิตรกรจากหลากหลายทวีป โดยเฉพาะจากยุโรป 4.โลกตะวันออก 5.เมืองอียิปต์โบราณ 6.ศิลปะเสมือนจริงและสัตว์โลกล้านปี
นักท่องเที่ยวสามารถร่วมทำกิจกรรมถ่ายภาพ ตามจุดที่กำหนดให้ยืนแล้วจะได้ภาพเสมือนเราเข้าอยู่ในโลกเหล่านั้น จริง ๆ ลองไปสักครั้ง เพื่อเก็บประสบการณ์ดี ๆ มาถ่ายทอดให้คนอื่นได้รับรู้อารมณ์ ความรู้สึก ตอนที่ได้เข้าไปยืนอยู่ในโลกศิลปะแต่ละโซน
แนะนำอีกแห่ง “โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา” ศูนย์รวมอัตลักษณ์ สถาปัตยกรรม สิ่งของเครื่องใช้ แห่งเดียวในสถานที่แห่งนี้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญทักษะภูมิปัญญาล้านนาด้านต่าง ๆ เรียกตามภาษาเหนือคือ ป้อครู แม่ครํ ร่วมกันสืบสานอนุรักษ์ถ่ายทอดสืบสาน วัฒนธรรม ประเพณี การละเล่นท้องถิ่น ดนตรี เครื่องจักสาน เพลงร้องพื้นบ้าน ฟ้อนพื้นเมือง วาดรูปล้านนา ทำตุง-โคม ฟ้อนดาบ-ฟ้อนเจิง ทำของเล่นเด็กแบบพื้นบ้าน ทอผ้า ปั้น แกะสลัก มีความหลากหลายสารพัดอย่างให้นักท่องเที่ยวได้ชม
หากมีเวลาก็สามารถทำเวิร์คช้อปการปั้น แกะสลัก หรือของเล่นต่าง ๆ ได้ ในช่วงปิดเทอมจะมีครอบครัวพาเด็ก ๆ มาร่วมกิจกรรมได้ทั้งความสนุกและภาพจำอัตลักษณ์ความเป็นล้านนาอย่างสมบูรณ์แบบ
เมืองไทย มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย อย่าง
“เชียงใหม่” เพียง 2 แห่ง
ก็ได้เห็นวิวัฒนาการศิลปะโลกเสมือนจริงได้จาก Art in Paradise และอัตลักษณ์ล้านนาภูมิปัญญาพื้นบ้านเรื่องราวที่มีอยู่จริงมาอย่างยาวนานดูได้ที่โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา”
แล้วจะรออะไร ออกมาท่องเที่ยวกันตอนนี้เลย
สามเกลอ3สมุนไพรมีไว้ติดบ้าน รับรองชีวิตไม่จืดชืด
ในช่วงสถานการณ์ที่ทุกคนจะต้องอยู่ติดบ้าน หนึ่งกิจกรรมที่หลายๆ คนต้องทำเพิ่มก็คือ การทำอาหารเพื่อกินเอง และแน่นอนว่า สิ่งสำคัญของการทำอาหารคือต้องอร่อย สะอาด และมีคุณค่าทางโภชนาการ
สามเกลือ สมุนไพรไทยคู่ครัวเรือน
ประกอบด้วย กระเทียม พริกไทย รากผักชี ที่คุณแม่บ้านหลายๆ
คนใช้เป็นเคล็ดลับในการทำอาหาร ทำง่ายๆ โดยเอาทั้งหมดมาโขลกรวมกัน
ซึ่งช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์
หรือนำไปผัดให้อาหารรสชาติดียิ่งขึ้น
“มีประโยชน์” ต่อสุขภาพอย่างมาก ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารให้อร่อยโดยลดโซเดียมที่ปกติมักจะใส่มากเกินไป แถมมีงานวิจัยมากมายที่พูดถึงเรื่องคุณประโยชน์ของสมุนไพร อย่างกระเทียม พริกไทย แม้แต่รากผักชี กล่าวถึงคุณสมบัติของสมุนไพรไทยเหล่านี้ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ดี แต่ก็ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติม ระหว่างช่วงที่มีโรคระบาดการเลือกสมุนไพรมาปรุงอาหารในปริมาณที่พอเหมาะก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แม้จะไม่มีงานวิจัยยืนยันว่ามีสมุนไพรใดที่ป้องกันการติดไวรัส covid – 19 หากเราเลือกรับประทานอาหารที่ดี เหมาะสมต่อสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม ก็จะทำให้สุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากโรคอื่นๆ โดยควรปฏิบัติร่วมกับแนวทางการป้องกันไวรัส ก็คือการใส่หน้ากาก หมั่นล้างมือ กินร้อน ช้อนกู อยู่ห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร นั่นเอง
สำหรับวิธีทำสามเกลือ
1.เริ่มจากการเลือกวัตถุดิบก่อน คือ “รากผักชี” เลือกขนาดกลาง
ที่ดูสดใหม่ ไม่ใกล้เน่าหรือฉ่ำน้ำ “กระเทียม” เลือกกระเทียมกลีบเล็กหรือกระเทียมไทยขาวหรือดำก็ได้
2.เมื่อได้วัตถุดิบแล้ว
ควรนำมาล้างให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าโดยปล่อยให้น้ำผ่านอย่างน้อย 2 นาที รากผักชีให้นำมาขูดเอาเศษดินออก
จนขาว แล้วล้างน้ำอีกรอบแล้วนำไปซอยเตรียมไว้
สำหรับกระเทียมให้ปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง
3.สัดส่วนในการปรุง รากผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทย ½ ช้อนโต๊ะ แต่ถ้าใครชอบเผ็ดหน่อยก็เพิ่มเติมได้
แล้วนำมาโขลกรวมกัน (หรือบางท่านอาจใช้เครื่องปั่น)
4.นำไปเก็บไว้ในภาชนะปิด เช่นกล่องพลาสติก
ถุงเล็กๆ บางบ้านอาจะเก็บใส่ที่ใส่น้ำแข็งแบ่งเป็นก้อนๆ เก็บใส่ช่องแช่แข็ง
แล้วหยิบออกมาใช้เท่าที่จำเป็นในแต่ละครั้ง
การเก็บในช่องแช่แข็งสามารถเก็บได้นานหลายเดือน หากไม่เอาออกจากช่องแช่แข็ง
ข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก กพท.ประกาศรอบใหม่คุมเที่ยวบินระหว่างประเทศปฏิบัติเข้ม6กลุ่ม
นายจุฬา สุขมานพ
ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามโดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่
17 ก.ค.63 ในประกาศเรื่องแนวปฎิบัติการให้บริการผู้โดยสารเส้นทางบินระหว่างประเทศ
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของกรมอนามัยโลก
องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO) และกฎระเบียบของประเทศไทยที่กำหนดใช้อยู่ของ
กพท.รวมถึงแนวปฎิบัติที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
(ศบค.) หรือรัฐบาลกำหนด ครอบคลุม 6 ส่วน คือ สายการบิน สนามบิน ผู้ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ
นักบิน/ลูกเรือ ที่ให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศ รวมถึงประเภทเครื่งบินส่วนตัว
ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินเข้าออกประเทศไทย และบริการของเที่ยวบินนานกว่า 120-240 นาที ต้องยึดถือแนวปฎิบัติที่ ศบค.หรือรัฐบาลกำหนด ดังต่อไป
1.“ผู้ดำเนินการเดินอากาศ” แจ้งให้ผู้โดยสารทราบถึงมาตรการทางสาธารณสุขของทางการไทยในการควบคุมและป้องกันโรค
ทั้งมาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
และมาตรการเมื่อเดินทางถึงประหว่างอยู่ในราชอาณาจักรและมาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักร
เช่น การกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ให้ (State Quarantine)เป็นเวลา
14 วัน เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว
การลงแอปพลิเคชั่นติดตามอาการและการเดินทางเข้าสถานที่ต่าง ๆ
ในการตรวจหาเชื้อโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR
2.สนามบินต้นทาง กรณีไม่มีระบบการตรวจคัดกรองผู้โดยสารและบุคคลที่เข้ามาใช้บริการในสนามบิน
ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศหรือ สายการบินจะต้องทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสาร
โดยใช้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดที่ไม่ต้องสัมผัสกับร่างกายของผู้ถูกตรวจวัด
(Non-contact infraredthermometer) ก่อนออกบัตรโดยสาร (Boarding
Pass) และสังเกตอาการโดยทั่วไป
หากวัดอุณหภูมิได้สูงกว่า องศาเซลเซียส หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ
เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที่
หากการวินิจฉัยเห็นว่kมีความเสี่ยง ให้ระงับการออกบัตรโดยสาร (BoardingPass)
แก่ผู้โดยสารนั้น
ในประกาศ กพท.ยังระบุว่า
ก่อนออกบัตรโดยสาร ให้ตรวจสอบเอกสารสำคัญของผู้โดยสารตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด
- 19
ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน
ให้ระงับการออกบัตรโดยสารแก่ผู้โดยสารนั้น
3.“ผู้ให้บริการเช่าเหมาลำ” (Charter
Flight) ให้กำหนดให้ผู้เช่า (Charterer)
วางมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่จะนำขึ้นเครื่อง
โดยการบริการระหว่างประเทศที่มีสถานการณ์การระบาดของโรคสูง กำหนดให้ผู้โดยสารแสดงผลการตวจหาเชื้อโควิด - 19
โดยวิธี PCR ให้ตรวจสอบก่อนออกบัตรโดยสาร
และเมื่อโดยสารในเครื่องบินผู้ดโยสารจะต้องสวมหน้ากากหรืออุปกรณ์ป้องกันใบหน้าบริเวณจมูกและปากตลอดเวลาที่อยู่ในเครื่องบิน
ยกเว้นในสถานการณ์จำเป็นหรือฉุกเฉิน จัดให้มีแอลกอฮอล์ความเข้มขั้นไม่น้อยกว่า 70%
ใช้สำหรับล้างมือไว้ให้บริการอย่างเพียงพอให้กับผู้โดยสารและพนักงานของผู้ดำเนินการเดินอากาศ
4.“ผู้ปฎิบัติงานในเครื่องบิน”
จะต้องใช้อุปกรณ์ช่วยป้องกันส่วนบุคคล (PersonalProtective Equipment;
PPE) ดังนี้ คือ
นักบินให้สวมหน้ากากหรืออุปกรณ์ป้องกันใบหน้าบริเวณจมูกและปาก
ลูกเรือให้สวมหน้ากากหรืออุปกรณ์ป้องกันใบหน้าบริเวณจมูกและปาก และถุงมือยาง(Disposable
Medical Rubber Gloves) ตลอดระะเวลาปฏิบัติการบิน
โดยผู้ดำเนินการเดินอากาศอาจพิจารณา จัดหาอุปกรณ์อื่นที่สามารถป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติมได้
เช่น แว่นตา (Goggles) หรือชุดป้องกันเชื้อโรค (PPE)
5.การบริการภายในเครื่องบินจะต้องงดการให้บริการหนังสือพิมพ์
นิตยสาร หรือแผ่บพับโฆษณต่าง ๆ แก่ผู้โดยสาร
ยกเว้นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยเท่านั้น
รวมทั้งงดจำหน่ายสินค้ที่ระลึกและสินด้าปลอดภาษีอากร
ส่วนเที่ยวบินที่ปฏิบัติการบินโดยใช้ระยะเวลาน้อยกว่า 120
นาที ให้งดบริการอาหารและเครื่องดื่มในระหว่างการปฏิบัติการบิน
ส่วนเที่ยวบินที่ปฏิบัติการบินโดยใช้ระยะเวลามากกว่า 120
นาที จึงจะบริการอาหารและเครื่องดื่มได้ โดยพิจารณาบรรจุภัณฑ์แบบปิด (sealed,
pre-packaged containers) เท่านั้น
6.“เที่ยวบินที่ปฏิบัติการบิน” ใช้ระยะเวลามากกว่า 240 นาที
ต้องสำรองที่นั่ง 3 แถวหลังสุด ด้านใดด้านหนึ่งของเครื่องไว้เพื่อแยกกักผู้ป่วยหรือสงสัยว่าจะป่วยเพื่อเฝ้าสังเกตอาการและป้องกันการแพร่กระจายของโรค กรณีพผู้โดยสารหรือลูกเรือที่มีอาการปวยหรือสงสัยว่าจะป่วยติดเชื้อ
COVID-19(จ)
ให้นักบินผู้ควบคุมอากาศยานแจ้งข้อมูลการตรวจพบผู้โดยสารหรือลูกเรือที่มีอาการปวยหรือสงสัยว่าจะป่วยดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ
เพื่อรายงานให้แก่ผู้ดำเนินการสนามบิน หลังเสร็จสิ้นการปฏิบัติการบินทุกครั้ง
ให้ทำการฆ่าเชื้อโรค (Disinfection) ห้องโดยสารตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด
โรงแรมดิโอกุระปิ๊งนำผลไม้ดังทั่วไทยเสิร์ฟคอกเทล-มอกเทลถึง30ก.ย.นี้
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ไอเดียเก๋ นำผลไม้ขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดทั่วไทย มาสร้างจุดขายเป็นเมนูเครื่องดื่มบริการที่ห้องอาหาร “อัพ แอนด์ อะบัฟ บาร์” ตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายน 2563 โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องดื่มของโรงแรมปรุงเป็นเครื่องดื่มพิเศษที่มีเอกลักษณ์พร้อมเสิร์ฟตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 24.00 น. ค็อกเทลราคาเริ่มต้นแก้วละ 290++ บาท ส่วนม็อกเทล แก้วละ 250++ บาท ดังนี้
“ดำเนินสะดวก
แมงโก้”
(Damneonsadoek Mango)
นำมะม่วงอกร่องจากอำเภอดำเนินสะดวก
จ.ราชบุรี มาคั้นสดผสมกับน้ำมะมาว น้ำเชื่อมกลิ่นมะตูม ฮาวานา รัม (Havana Rum) และ มาลิบู (Malibu)
จนได้เป็นเครื่องดื่มรสชาติหวานอมเปรี้ยว ตกแต่งด้วยเยลลี่มะม่วงเสาวรส
“มิส นครปฐม” (Miss Nakornprathom) เครื่องดื่มรสชาติเข้มข้นที่มีกลิ่นหอมหวานของส้มโอ ที่เลือกใช้ส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งที่มีชื่อเสียงของนครปฐมมาคั้นสด ผสมกับน้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำเชื่อมกลิ่นใบเตย ไวน์แดงชีราซ (Red Wine Shiraz) และพระยา รัม (Phaya Rum) รัมสัญชาติไทยเกรดพรีเมี่ยม
“อัมพวา ลิ้นจี่” เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำลิ้นจี่ น้ำมะนาว จิน มาตินี่ และแยมผิวส้ม เพิ่มความพิเศษให้เครื่องดื่มแก้วนี้ด้วยผลลิ้นจี่สดพันธุ์ค่อมหอมลำเจียก
พร้อมทั้งมีเครื่องดื่มม็อกเทลได้แก่ “ปากช่อง โพเมอแกรเนท” (Pakchong Pomegranate) ที่เกิดจากการนำทับทิมจรัสแสง ผลไม้ขึ้นชื่อจากอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา มาผสมผสานกับน้ำผึ้ง และน้ำมะนาว อย่างลงตัวได้เป็นเครื่องดื่มที่เรียกความสดชื่นได้เป็นอย่างดี
ข่าวที่สาม แชงกรี-ลากรุงเทพฯ/เชียงใหม่เทโปรแรงจองพัก1คืนฟรี1คืน
โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ
จัดโปรโมชั่นจองพัก 1 ห้อง รับฟรี 1 ห้อง โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ และเชียงใหม่
มอบแพ็กเกจห้องพักหรูสุดพิเศษ “One For Two”จองพัก
1 คืน แถมฟรีอีก 1
คืน วันสุดท้าย 19 กรกฎาคม
นี้ กับห้องพักดีลักซ์ในราคาพียง
3,500 บาทถ้วน/ห้อง/คืน (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
และค่าบริการ17.7 เปอร์เซ็นต์แล้ว)
จองซื้อแพกเกจ “One For Two” แล้วสามารถเข้าพักตั้งแต่ 1 สิงหาคม – 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 นี้ ส่วนบัตรกำนัลห้องพักฟรี 1 คืนนี้ไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้กับผู้อื่นได้ และไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่น ๆ หรือไม่สามารถสำรองห้องพักแบบกลุ่มได้ ส่วนราคานี้จะไม่ได้รับคะแนนสะสมโกลเด้นเซอร์เคิล
โดยมีสิทธิ์ประโชน์เพิ่มเติมในแพกเกจคือ ร่วมอิ่มอร่อยไปกับอาหารเช้าเลิศรสราคาพิเศษท่านละ 590 ถ้วน แขกห้องพักคนที่ 3 (อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป) สามารถร่วมเข้าพักในห้องเดียวกันได้ โดยต้องชำระค่าห้องพักเพิ่มเติม 500 บาทถ้วน/ห้อง/คืน เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี พักฟรีได้สูงสุด 2 คน/ห้อง/คืน
สำรองห้องพักที่ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โทร. 0 2236 7777 หรือ อีเมล์ reservations.slbk@shangri-la.com และที่แชงกรี-ลา เชียงใหม่ โทร. (053) 253 888 หรือ อีเมล์ chiangmai@shangri-la.com
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น