เจาะลึกททท.ภูเก็ตดึงทั่วเกาะหนุน5โปรเจกต์ปั๊มตลาดเที่ยวไทย
130ธุรกิจอัดโปรแรงphuketgreattime-ลุยขายภูเก็ตเด็ดทั้งเกาะ
คิงเพาเวอร์โชว์พลังแคมเปญโลกThailand Smiles With You
คิงเพาเวอร์ชวนซื้อเสื้อรุ่นพิเศษหมื่นตัวช่วยค้นหาวัคซีนโควิด19
ก.ท่องเที่ยวนำ4องค์กรเปิดตัวคู่มือ/เส้นทางท่องเที่ยวSHA5ภาค
รมว.พิพัฒน์”ลั่นจ่อแบล็กลิสต์โรงแรมโก่งราคาเราเที่ยวด้วยกัน
ททท.ระยองจัดFIN FUNกินสารพัดเมนูปูที่เซ็นทรัลถึง28
ส.ค.นี้
เติมบางจาก600บาทวันหยุดนี้รับฟรีทันที AXE/น้ำขวด1.5ลิตร
TCEBปั้นกาญจนบุรีโมเดลผนึกพันธมิตรใหญ่บูมขายไมซ์ชุมชน
เที่ยวกระตุกต่อมเมืองกาญจนบุรีลองวิถีใหม่4เส้นทางสุดอันซีน
5 สิ่งที่เราควรทำอย่างรับผิดชอบลดการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19
บินไทยชงโปรเจกต์TogetherWeCanลดค่าจ้าง260ล้าน/เดือน
บางกอกแอร์บูมขายตั๋ว“เราเที่ยวด้วยกัน”คืนส่วนลดทั่วไทย40%
ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทางบล็อกเกอร์ #gurutourza #ชมLiveสดรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #phuketgreattime #ทททภูเก็ต #ThailandSmilesWithYou #kingpower
#กระตุกต่อมเที่ยวกาญจนบุรี
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต
ช่วงที่ 1 ถึงคิวล้วงลึกเมืองท่องเที่ยวไทยในฝั่งอันดามันกับ
“นภสร ค้าขาย” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต
เปิดมหกรรมสารพัดโปรโมชั่นกระตุกต่อม “ตลาดในประเทศ” เฮเที่ยวกับบิ๊กแคมเปญ 5
โปรเจ็กต์
“ซื้อห้องพักถูกสุดๆผ่าน OTA phuketgreattime.com 130ธุรกิจ-แจกคนขับรถเที่ยวพันบาท-เที่ยวปันสุขเจาะอสม.5หมื่นคน- Seafood and Gatronomy Phuket
2020
เทศกาลอาหารทะเลทุกหาด-ภูเก็ต เด็ด ทั้งเกาะ ยกธุรกิจเข้ากรุง 30 ก.ค.-2ส.ค.นี้” เซอร์ไพรส์ วันหยุดยาว 25-29 ก.ค.นี้
โรงแรมหรูราคาหลักหมื่นคนไทยแห่จองเต็มทุกแห่ง และรอความหวัง 26 เที่ยวบิน
ช่วยปั๊มนักท่องเที่ยวเพิ่มเข้าเกาะภูเก็ตปลายปี’63
นางนภสร ค้าขาย
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า
การวางกลยุทธ์พัฒนาตลาดการท่องเที่ยวภูเก็ตวันนี้มีเที่ยวบินบริการในประเทศ 26
เที่ยว/วัน และบินตรง
ภูเก็ต-เชียงราย ที่ผ่านมาเคยพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน ส่วนโรงแรมทยอยเปิดกว่า 100 แห่ง จึงได้เดินหน้าทำโครงการต้อนรับตลาดในประเทศ
เปลี่ยนภาพลักษณ์คนไทยเที่ยวภูเก็ตแพง ทางโรงแรม ร้านอาหาร รถเช่า
ร่วมมือกันเปิดบริการจองผ่านออนไลน์ www.phuketgreattime.com มีแพลตฟอร์มออนไลน์เชิญผู้ประกอบการมาขาย
ตอนนี้มีมากกว่า 130 ธุรกิจ
หมุนเวียนกันเข้ามานำเสนอขายโปรโมชั่นมอบส่วนลด เมื่อหมดโปรโมชั่นก็จะมีโรงแรมอื่น
ๆ เข้ามาแทน โดยมีทั้งสปา รถเช่า
ห้องพักต่าง ๆ
ส่วน ททท.ทำประชาสัมพันธ์และการตลาดออนไลน์ ให้ผู้ซื้อกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาช้อปแพกเกจต่าง ๆ ได้เหมือนกับ Online Travel Agent :OTA เพียงแต่ไม่เก็บค่าธรรมเนียม อีกทั้งมีห้องพักราคา 900-10,000 บาทขึ้นไป/ห้อง/คืน โดยมีโรงแรมระดับหรูเข้ามาร่วมด้วย เช่น อินเตอร์คอนติเนนชั่น และอีกหลากหลายแบรนด์ เพื่อเป็นช่องทางเข้าถึงตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ
โครงการที่ 1 ตั้งแต่เริ่มการจองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ phuketgreattime
ตั้งแต่ 15 มิถุนายน 2563 ภายในเวลาเพียงเดือนเดียวมีกระแสตอบรับจากนักท่องเที่ยวดีมากยอดจองซื้อโดยชำระเงินเรียบร้อยสามารถพักได้เลยตั้งแต่กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
มีไม่ต่ำกว่า 2,500 แพก
โครงการที่ 2 แคมเปญขับรถเที่ยวภูเก็ตแจกทันที 1,000 บาท ในช่วงจังหวะที่ธรรมชาติกลับมาสวยงามมากกว่าเดิม เมื่อจองผ่าน phuketgreattime.com ขับรถมาเที่ยวพร้อมจองห้องพัก 1 คืน ลงทะเบียนรับสิทธิ์รับคูปองมูลค่า 1,000 บาท/คน ทันที เพื่อนำไปใช้ 500 บาทแรกใช้ช้อปปิ้งตามร้านที่เข้าร่วมโครงการ 500 บาทหลังใช้รับประทานตามร้านต่าง ๆ มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งร้านดาวมิชลินและอาหารถิ่น ตอนนี้ภูเก็ตชายหาดสวยจริง ๆ เป็นโอกาสของคนในประเทศล้วน ๆ
โครงการที่ 3 เที่ยวปันสุข มี 2 แพกเกจ
1.เราเที่ยวด้วยกัน รัฐบาลสนับสนุนเงินค่าห้องพักกับตั๋วโดยสารเครื่องบิน
40 % นักท่องเที่ยวจ่ายเอง
60 % ภูเก็ตมียอดจองจากโครงการนี้พอสมควร
2.กำลังใจ
รัฐบาลตั้งใจมอบความสุขตอบแทนอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.)
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่วนตำบล (รพ.สต.) ทางภูเก็ตมี
อสม.ไปเที่ยวที่อื่นและมีจากจังหวัดอื่นมาเที่ยวภูเก็ต
ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดออกไปทำกิจกรรมเชิญชวนเพื่อน ๆ จังหวัดใกล้เคียงอย่าง
กระบี่ นครศรีธรรมราช หาดใหญ่ เดินทางมาเที่ยวภูเก็ต
ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตั้งเป้าท้าทาย กรกฎาคม-กันยายน นี้ จะต้องพา อสม.เข้ามาเที่ยวภูเก็ตได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 คน เพราะมีความสวยงามทางธรรมชาติไปนำเสนอ โดย อสม.สามารถลงทะเบียนเที่ยวภูเก็ตได้เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม นี้ ใช้สิทธิ์ได้จนถึง 31 ตุลาคม 2563 ในแพกเกจ 2 วัน 1 คืน มีโปรแกรมให้เลือกแบบหรูสุด ๆ กว่า 100 รายการ เช่น ล่องเรือใบ นั่งเรือไปรับประทานอาหารทะเล พักโรงแรมหรู ไหว้พระ จุดชมวิวรอบเกาะภูเก็ต โดยพุ่งเป้าเจาะกลุ่มพื้นที่ภาคใต้มี อสม.130,000 คน ตามเป้าจะขอเพียง 50,000 คน เพราะภูเก็ตสวยงาม ราคาไม่แพง ได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลให้ฟรี 2,000 บาท/คน หากต้องการพักต่อเนื่องก็จ่ายเองได้ ด้วยแม่เหล็กดึงดูคือสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ๆ คือ ความสวยงามของทะเลอันดามัน อาหารอร่อย ตลอด 3 เดือน อสม. กับ รพ.สต. มาเที่ยวได้ตลอด
โครงการที่ 4 จัดมหกรรมงาน Seafood and Gatronomy Phuket 2020 -งานอาหารทะเลและท้องถิ่น มีความน่าสนใจมาก จะจัดทุกสัปดาห์วันเสาร์-อาทิตย์ สัปดาห์แรกเริ่ม 15-16 สิงหาคม นี้ บริเวณปลายแหลมสวนสาธารณะสะพานหิน เป็นทะเลใจกลางเมือง สัปดาห์ที่ 2 จัดบริเวณหาดป่าตอง สัปดาห์ที่ 3 จัดที่ราไว สัปดาห์ที่ 4 ตำบลวิชิต เป็นพื้นที่ป่าโกงกาง มีร้านอาหารทะเลจำนวนมาก สัปดาห์สุดท้ายมาจัดที่ เมืองเก่าภูเก็ต เป็นงานบูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย สามารถมารับประทานอาหารทะเล รวมทั้งแต่ละครั้งจะมี ดนตรี ศิลปะหลากหลายอย่าง
ลักษณะของการจัดแนวกึ่งธรรมชาติสบาย
ๆ นำอาหารทะเลมาวางขายบนชายหาด
แล้วให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อวัตถุดิบไปให้คนขายปรุงมาเสิร์ฟ
โดยสามารถเลือกนั่งบนหาดทรายบริเวณใดก็ได้ ชีล ๆ สบาย เดินกิน ฟังเพลง
แต่จะแบ่งโซน อาหาร ศิลปะ ดนตรี แต่ละโซนจะมีเรื่องราวความเป็นไป
ซึ่งแตกต่างจากงานสตรีทฟู้ดทั่วไป เน้นการตกแต่งบรรยากาศชายทะเล
เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกผ่อนคลาย
คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมแต่ละสัปดาห์ไม่ต่ำกว่า
20,000 คน
เพราะประเมินจากการจัดถนนคนเดิน บริเวณเมืองเก่าภูเก็ต
เปิดเฉพาะวันอาทิตย์อย่างเดียว มีผู้เข้าร่วมวันละไม่ต่ำกว่า 10,000 คน จากจังหวัดใกล้เคียง ในพื้นที่
และต่างชาติที่ตกค้างในภูเก็ตมีอยู่ประมาณกว่า 3,000 คน ที่ยังไม่มีเที่ยวบินกลับประเทศ
โครงการที่ 5 เตรียมยกพลกลุ่มธุรกิจมาจัดงาน “ภูเก็ต เด็ด ทั้งเกาะ” ระหว่างวันที่ บริเวณลานโล่งสยามพารากอน ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม -2 สิงหาคม 2563 พร้อมทั้งใช้งานแถลงข่าวเปิดตัวงาน Seafood and Gastronomy Phuket รวมทั้งมีโปรโมชั่น ห้องพัก โรงแรม รีสอร์ต ตั๋วโดยสารของสายการบิน มีโปรดี ๆ เชิญชวนคนกรุงเทพฯ และคนทั่วประเทศ เลือกมาเที่ยวภูเก็ต แต่ถ้าใครพลาดงานนี้ก็เข้ามาจองทาง phuketgreattime.com
ผู้ประกอบการจากภูเก็ตที่จะเข้ารวมงาน
“ภูเก็ตเด็ดทั้งเกาะ” โปรโมชั่นแรง ๆ มีล่องเรือใบ 399 บาท/คน ไปดำน้ำเกาะเฮ และเกาะอื่น ๆ ตั้งเป้าหมายจะกระตุ้นกำลังซื้อตลาดในประเทศ
โดยทุกโปรโมชั่นสามารถใช้สิทธิ์จองในงานแล้วเก็บไว้ใช้ได้จนถึงปี 2564 เพราะคาดการณ์ปลายปีหน้าตลาดต่างประเทศน่าจะเริ่มเดินทางเข้ามาได้
แต่อาจจะเป็นกลุ่มพิเศษ กระเป๋าหนัก เพราะตอนนี้ภูเก็ตได้ยื่นสมัคร Alternative
State Quarantine โรงแรมที่นักท่องเที่ยวต่างชาติพร้อมจะมากักตัว
14 วัน
ขณะนี้ผ่านแล้ว 3 แห่ง คือ
ศรีพันวา ตรีศาลา อนันตรา แพกเกจเริ่มต้นราคาคนละกว่า 90,000 บาทขึ้นไป ไปจนถึงหลักแสนบาท
เพราะตอนนี้กลุ่มเศรษฐีต่างประเทศมีความต้องการเดินทางมายังภูเก็ต รัฐบาลไทยจึงมีทางเลือกให้มาแล้วต้องยอมรับเงื่อนไขกักตัว 14 วัน หลังจากนั้นจึงจะสามารถออกไปท่องเที่ยว เพราะต้องตรวจโควิดตั้งแต่ก่อนและช่วงเข้ามาพัก โรงแรม State Quarantine รวมทั้งการโหลดแอพลิเคชั่นไทยชนะ รวมทั้งระหว่างพักก็ต้องรับการตรวจโควิดอยู่ตลอด ก่อนจะปล่อยออกจากที่พักเพื่อไปท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ
ทางภูเก็ตคาดหวังจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการ
กลางปีหรือปลายปี 2564 จะมี 2
กลุ่มแรก คือ
นักท่องเที่ยวที่พร้อมกักตัว กับ กลุ่มที่เดินทางมารักษาสุขภาพ Medical
& Wellness กลุ่มนี้ไม่น่ากังวลเพราะพอมาถึงก็ส่งเข้าโรงพยาบาลทันที
นางนภสรกล่าวว่า
ททท.ได้ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ระหว่าง 25-28 กรกฎาคม นี้ ต่อเนื่อง 5 วัน จากการสอบถามโรงแรมทั่วเกาะภูเก็ตซึ่งมีอยู่กว่า
1,000 แห่ง
แต่ตอนนี้เปิดบริการเพียง 57 แห่ง
ตามปัจจัยความพร้อมซึ่งมีโรงแรมจำนวนมากในภูเก็ตยังไม่พร้อมจะต้องรอเวลาสักระยะ
ผนวกกับพนักงานเดินทางกลับภูมิลำเนาไปแล้ว
ช่วงวันหยุดต่อเนื่องปลายเดือนกรกฎาคมนี้
มีห้องพักเปิดบริการประมาณ 5,400 ห้อง
มียอดจองใช้บริการแล้ว 10 %
ของห้องพักทั้งหมด ราว 540 ห้อง
รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลสายการบินวันละ 26 เที่ยว
มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารประมาณ 70 % ได้คำนวณรายได้ที่จะเข้ามายังภูเก็ตไม่ต่ำกว่า
90 ล้านบาท
กระจายไปยังโรงแรม ร้านอาหาร รถเช่า ร้านขายของที่ระลึก จึงขอขอบคุณคนไทยที่เข้ามาอุดหนุนภูเก็ต
ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจช่วงวันหยุดโรงแรมระดับหรูหราอย่าง ศรีพันวา ตรีศาลา อนันตรภูเก็ต มียอดจองเข้าพักเต็ม 100 % ตลอดวันหยุดยาวปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งที่ราคาห้องพักโปรโมชั่นลดลงมาแล้วเหลือ 5,000 บาทขึ้นไป/ห้อง/คืน สะท้อนถึงกลุ่มคนไทยที่เคยเดินทางเที่ยวต่างประเทศหันมาเที่ยวเมืองไทย
ข่าวต้นชั่วโมง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้
แนวคิดพลิกวิกฤตเป็นโอกาสรวมพลังกันช่วยประเทศและโลกก้าวข้ามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ของ “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” และประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ โดยเปิดปรากฎการณ์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตัดสินใจนำพลัง “Sport Marketing” ลงทุนทำโกลบอลแคมเปญ “THAILAND SMILES WITH YOU #ยิ้มให้โลกให้โลกยิ้ม” เลือกเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เอกลักษณ์ประเทศไทยผ่านช่องทาง “กีฬาฟุตบอลระดับโลก” ใช้ศักยภาพความเป็นเจ้าของสโมสรและทีมเลสเตอร์ ซิตี้ นำชื่อแคมเปญ/โครงการ คาดบนหน้าอกเสื้อนักเตะทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ตั้งใจสื่อสารถึงแฟนกีฬาทั่วโลกตลอดฤดูกาลแข่งขันพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 2020/2021 รวม 19 นัด ประเดิมนัดแรกนักเตะเลสเตอร์ ซิตี้ ได้สวมเสื้อคาดอกลงสนามเมื่อค่ำคืนวันที่ 26 กรกฎาคม 2563
พลังจากแคมเปญ “THAILAND SMILES WITH YOU #ยิ้มให้โลกให้โลกยิ้ม” ของ คิง เพาเวอร์ ครั้งนี้ จะกระตุกต่อมทำให้แฟน ๆ รายการฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน 212 ประเทศ มีผู้ติดตามชมกว่า 643 ล้านครัวเรือน และแฟนคลับอีกกว่า 4,700 ล้านคน ได้สัมผัสและเข้าถึงความเป็นไทยอย่างสมบูรณ์แบบผ่าน “รอยยิ้ม”
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 คิง เพาเวอร์ ได้รับเกียรติจากผู้นำรัฐบาลพร้อมคณะเดินทางมาร่วมเปิดตัวโครงการอย่างยิ่งใหญ่ นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมโครงการ “THAILAND SMILES WITH YOU #ยิ้มให้โลกให้โลกยิ้ม” ตลอดการเป็นประธานเปิดงานถึงการแสดงบทบาทหน้าที่ของเอกชนอย่างกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นผู้ประกอบตัวอย่างที่ได้สร้างสรรโครงการดี ๆ สู่สังคมไทยและนานาชาติ โดยการนำรอยยิ้มคนไทยไปเชิญชวนนักท่องเที่ยวพร้อมกับร่วมผลักดันฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศให้กลับมาอยู่ในสายตาทั่วโลกอย่างเข้มแข็งต่อไป
“อัยยวัฒน์
ศรีวัฒนประภา” เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ได้รับจดหมายเปิดผนึกจาก นายกรัฐมนตรีถึงเอกชนในประเทศหลายธุรกิจช่วงเดือนเมษายน 2563 จึงมีแนวคิดถึงกิจการของบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
ดังนั้นการโปรโมตประเทศไทยให้ต่างชาติทั่วโลกรับรู้อย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้นได้คือการใช้กีฬาซึ่งมี
“สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้” พร้อมขับเคลื่อนได้ด้วยโครงการ “THAILAND SMILES WITH YOU #ยิ้มให้โลกให้โลกยิ้ม”
ประชาสัมพันธ์ความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาเมื่อถึงเวลาสมควรอันใกล้นี้ต่อไป
เพราะเรื่องใหญ่ที่มีความสำคัญอย่างมากตอนนี้ในการเดินหน้าประเทศไทยคือต้องรวมพลังร่วมมือกัน
3 เรื่องหลัก
ได้แก่
เรื่องแรก
ช่วยกันโปรโมตเพื่อให้การท่องเที่ยวกลับมาในเวลาอันสมควร เรื่องที่ 2 สนับสนุนรัฐบาลฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศและสังคมให้ดำรงอยู่อย่างปลอดภัย
เรื่องที่ 3 ผู้ประกอบการคนไทยต้องดำเนินธุรกิจด้วยความตระหนักถึงการมีส่วนร่วมและรับผิดชอบต่อสังคม
เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีจุดแข็งทั้งทางด้านการท่องเที่ยวและมาตรฐานความปลอดภัยทางสาธารณสุขด้านสุขอนามัยติดอันดับต้น
ๆ ของโลก
ส่วนกลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ เป็นผู้ประกอบการไทยจึงยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมมือสนับสนุนภาครัฐบรรเทาและส่งเสริมโครงการต่าง
ๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อไป
อัยยวัฒน์ย้ำว่า
“รอยยิ้ม” คือสัญลักษณ์ของคนไทยที่น่าจดจำ
และเป็นสัญลักษณ์สากลที่แสดงถึงความห่วงใย และกำลังใจ เข้าถึงทุกชาติ ทุกภาษา
ทุกเพศและทุกวัย อีกทั้งยังจะช่วยสร้างความประทับใจและความทรงจำที่ดี
รวมถึงการระลึกถึงความเป็นมิตรของคนไทยตราตรึงอยู่ในใจนักเดินทางทั่วโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเป็นโอกาสช่วยตอกย้ำเอกลักษณ์ของคนไทย ภาษาไทย ในระดับสากล ควบคู่กันไปด้วย
โดยภาพรวมโครงการนี้
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ลงทุนเองทั้งหมด แล้วได้เชิญการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้ามาร่วมด้วย
เพื่อทำให้โครงการเป็นของคนไทยและประเทศไทยทุกคนสามารถนำไปใช้ได้
อีกทั้งยังจะเป็นพลังสร้างกำลังใจให้คนซึ่งกำลังยากลำบากก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้
รอเมื่อถึงเวลาอันสมควรประเทศไทยก็จะมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาใช้จ่ายเงินอีกครั้ง
นอกจากนี้ชื่อของ Thailand Smiles With You จะคาดอยู่บนอกเสื้อนักเตะเลสเตอร์ ซิตี้แล้ว ยังมีปรากฎตลอดบนสื่อทั่วทั้งสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ณ เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ มีอยู่ในสื่อโซเชียลต่าง ๆ ของเลสเตอร์ ซิตี้ ที่มีผู้ติดตามทั่วโลกกว่า 13 ล้านคน พร้อมกับภาพยนตร์ชุดพิเศษ Thailand Smiles With You โดยนักเตะเลสเตอร์ ซิตี้ เผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
“อัยยวัฒน์” กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว กิจการร้านค้าปลอดอากร (duty free) ในประเทศ ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 เช่นเดียวกับทั่วโลก ก็พยายามดูแลพนักงานกว่า 12,000 คน เปิดการขายสินค้าผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ ออนไลน์ แอพลิเคชั่น และโซเชียลมีเดีย ตั้งแต่พฤษภาคมจนถึงปัจจุบันทำส่วนแบ่งยอดขายได้ประมาณ 10-20 % ของยอดขายหน้าร้าน (offline) เพื่อให้พนักงานมีคอมมิชชั่นเป็นรายได้เพิ่ม โดยขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของแต่ละคนจะทำยอดขายได้มากน้อยต่างกัน
ระหว่างนี้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะทุ่มเทโปรโมต “Thailand Smiles With You #ยิ้มให้โลกโลกยิ้มให้” อย่างเต็มกำลัง เมื่อสามารถเปิดน่านฟ้าการบินระหว่างประเทศได้แล้วต่างชาติเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวจะได้นึกถึงไทยเป็นประเทศแรกซึ่งพร้อมจะต้อนรับทุกคน
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2563 กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ตอบจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีระบุการใช้เงินราว 622 ล้านบาท ขยายผล “โครงการเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวประเทศไทย” ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 บนหน้าอกชุดแข่งขันของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 2020-2021 และป้ายโฆษณาดิจิทัลในสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ประเทศอังกฤษ
สำหรับโครงการต่อเนื่องช่วงครึ่งปีหลัง
เตรียมทำ “Thai Power World Market :โครงการพัฒนาสังคมในด้านชุมชนและเศรษฐกิจชุมชน” มุ่งเน้นยกระดับศักยภาพสินค้าไทย
ด้วยวิธี “เพิ่มช่องทางการขายทางออนไลน์” พร้อม ๆ การทำประชาสัมพันธ์ให้ชุมชน
วิสาหกิจชุมชน
รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นมีโอกาสสร้างยอดขายไปยังตลาดโลกระดับนานาชาติได้
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์ชวนซื้อเสื้อรุ่นพิเศษหมื่นตัวช่วยค้นหาวัคซีนโควิด
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ซีอีโอ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ชวนคนไทยร่วมกัน “เสื้อรุ่นพิเศษ” Thailand Smiles With You
เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยจำนวน 10,000 ตัว ราคาตัวละ 2,500 บาท
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดทำ “เสื้อรุ่นพิเศษ” Thailand Smiles With You เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยจำนวน 10,000 ตัว ราคาตัวละ 2,500 บาท เพื่อนำรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายไปสมทบทุนการพัฒนาวัคซีอาร์อาร์เอ็นเอ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โควิด-19 ของคณะวิทยาศาสตร์และคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี รวมถึงการพัฒนาวัคซีนอื่น ๆ ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนด้วย
สามารถซื้อได้ทาง
www.thailandsmiles.com สินค้ามีจำนวนจำกัด มาก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้ทำนโยบายการทำงานเชิงบูรณาการ โครงการ โครงการคู่มือเส้นทางท่องเที่ยวปลอดโรค “Safety & Hygienic Road Trip” ตามแนวทางการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยว โดยมีพันธมิตรร่วมนำเสนอรายละเอียดด้วยกัน 4 องค์กร คือ นพ. ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (TCEB) และนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) ร่วมกันนำเสนอวิธีใช้คู่มือเส้นทางท่องเที่ยวปลอดโรค 5 ภูมิภาค (Safety & Hygienic Road Trip) เพื่อเป็นต้นแบบเดินทางท่องเที่ยว ตลอดจนแนวทางการเดินทางร่วมกิจกรรมกับชุมชนท่องเที่ยว ตามแนวคิดท่องเที่ยววิถีใหม่ (New Normal) พร้อมทั้งให้ผู้ประกอบการเสนอสินค้าและบริการที่ดีควบคู่กับมาตรฐานความปลอดภัย ด้านสุขอนามัย ตราสัญลักษณ์ SHA เป็นเครื่องมือสื่อสารให้นักท่องเที่ยวในการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ได้ต่อยอดแนวมาตรฐาน SHA ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทยที่มีความสนใจในการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล โดยรวมกันเป็นหมู่คณะเล็กๆ อาทิ สมาชิกในครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน เพื่อท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดใกล้เคียง ททท. จึงได้จัดทำคู่มือเส้นทางท่องเที่ยวปลอดโรค 5 ภูมิภาค พร้อมทั้งกิจกรรมนำร่องเส้นทางท่องเที่ยวปลอดโรค โดยนำคณะผู้บริหารจากหน่วยงานพันธมิตรและสื่อมวลชนร่วมเดินทางท่องเที่ยวตามมาตรฐานวิถีชีวิตใหม่ เส้นทางกรุงเทพฯ-สมุทรสงคราม-ราชบุรี ระหว่าง 31 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2563
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (TCEP) กล่าวว่า TCEB ได้ทำโครงการส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์เน้นไปยังกลุ่มองค์กรเอกชน กระตุ้นการจัดประชุมสัมมนาในเส้นทางสาย SHA ท่องเที่ยวปลอดภัย-ปลอดโรค ระหว่าง 20 – 22 กรกฎาคม 2563 โดยจัด “ประชุมเมืองไทย มั่นใจ MICE ไทยปลอดภัย @กาญจนบุรี” เพื่อเป็นเส้นทางตัวอย่างให้ผู้ประกอบการจัดทำแพ็คเกจเสนอขายกลุ่มองค์กรเอกชน เน้นให้มีกิจกรรมสันทนาการ MICE เช่น การสร้างทีมเวิร์ค การทำกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) การสัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมชุมชนควบคู่ไปกับการประชุมสัมมนาด้วย
โครงการนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 100 ราย มีทั้งบริษัทรับจัดการธุรกิจMICE กว่า 90 ราย สื่อมวลชน 10 ราย แล้ว TCEB ยังได้ทำโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ให้งบประมาณสนับสนุนองค์กรเอกชน บริษัทรับจัดงาน โรงแรมหรือสถานที่ จัดงาน เร่งจัดประชุมสัมมนาและให้รางวัลพนักงานเดินทางกันในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผอ. อพท. กล่าวว่า ได้ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยเป็นพี่เลี้ยงให้กับชุมชนท่องเที่ยว ในการพัฒนาสุขอนามัย ความปลอดภัย ใส่ใจในสุขภาพ เพื่อรองรับตลาดนักท่องเที่ยว หลังวิกฤตโควิด-19 โดยให้ชุมชนสมัครเข้ารับการประเมินมาตรฐาน SHA และได้จัดทำโครงการยกระดับเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวหลักในการรองรับตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อฟื้นฟูและเยียวยาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ขณะนี้มีชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบ 40 ชุมชน ได้รับการเลือกจากบริษัทนำเที่ยว ซึ่งช่วยสร้างรายได้แก่ชุมชนท่องเที่ยวและบริษัทนำเที่ยวต่อไป
ประชาชนทั่วไปขอรับคู่มือท่องเที่ยวฟรี ได้จากสถานีบริการน้ำมัน
PTT Station (พีทีที สเตชั่น) ทั่วประเทศ หรือ
ดาวน์โหลดคู่มือดังกล่าวได้ที่ www.tourismthailand.org/tourismproduct
ข่าวที่ 4 รมว.พิพัฒน์”ลั่นแบล็กลิสต์โรงแรมโก่งราคาเราเที่ยวด้วยกัน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังจากเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนและจองซื้อแพกเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” ได้ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2563 ไปจนถึง 31 ตุลาคม 2563 ช่วงเริ่มต้นได้รับการร้องเรียนทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ถึงกรณีมีผู้ประกอบการโรงแรมขึ้นราคาห้องพักเกินความเป็นจริง ดังนั้นรัฐบาลจึงมีนโยบายให้เร่งตรวจสอบข้อมูลโดยเร็วร่วมกับทางสมาคมโรงแรมไทย และหากพบโรงแรมใดมีพฤติกรรมดังกล่าว จะเสนอขึ้นบัญชีดำหรือแบล็คลิสต์ ตัดชื่อออกโครงการจากนั้นก็ให้นำเงินค่าจองห้องพักจ่ายคืนให้นักท่องเที่ยวไป รวมทั้งจะห้ามเข้าร่วมโครงการเฟส 2 ด้วย
เพราะตอนนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วง 1-2 สัปดาห์ พิจารณาให้นำงบประมาณส่วนที่เหลือมาใช้ทำ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 2 พุ่งเป้ากระตุ้นการท่องเที่ยวกระจายไปยังเมืองรอง ด้วยการสนับสนุนเงินจากภาครัฐ 60 % นักท่องเที่ยวจ่ายเพียง 40 %
สำหรับสถิติการลงทะเบียนรับสิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน
ระวห่าง 15-20 กรกฎาคม 2563
มีผู้สนใจสมัครแล้วกว่า 3.4 ล้านคน ได้รับการพิจารณาเกินกว่า 1.8 ล้านคน
ข่าวที่ 5 ททท.ระยองจัดเทศกาลFIN FUNกินสารพัดเมนูปูเซ็นทรัลถึง28 ส.ค.นี้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง และศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ระยอง ชวนเที่ยวงาน “Rayong Crab
Carnival ปีที่ 2” เทศกาลปูสุดฟินตามวิถีใหม่ New Normal ระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2563 ที่บริเวณลานกิจกรรมด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ระยอง ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อสร้างกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว
สนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารทะเล อาหารถิ่นของจังหวัดระยอง เพิ่มสภาพคล่องทางรายได้
กระจายเม็ดเงินสู่ชุมชน
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมางานจะได้ตื่นตากับมหกรรมรวมที่สุดแห่งการกินฟินกับสารพัดเมนูปู
เช่น ปูนิ่ม ปูม้า ปูไข่ดอง ปูสไตล์ฟิวชั่น
โดยได้รวมร้านอาหารดังเมืองระยองมาไว้ในงานกว่า 30 ร้าน เช่น ร้านปูดูโอ้
ร้านป้ายาซีฟู้ด
แล้วห้ามพลาดพบกับ “ก้ามปูใบ้” ของเด่นจากเพชรบุรี
ชมการประมูลปูฮานาซากิ วันที่ 28 กรกฎาคมนี้
โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถร่วมสนุก แชร์บรรยากาศงานรับฟรี “ซุปทาราบะ” (Taraba Soup) วันละ 100 ถ้วย
ก่อนเดินทางกลับแวะเลือกซื้อปูและอาหารทะเลสด ๆ จากชุมชนประมงพื้นบ้าน
นำติดมือเพื่อทำอาหารรับประทานที่บ้านได้อีกด้วย
ข่าวที่ 6 เติมบางจาก600บาทวันหยุดนี้แจกAXEแจกน้ำ1.5ลิตรมากสุด2ขวด
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวไทยรับวิถีชีวิตใหม่หลังโควิด-19 จัดกิจกรรมสมนาคุณลูกค้าช่วงวันหยุดยาว เติมน้ำมันบางจากทุกชนิดตั้งแต่ 600 บาท ขึ้นไป รับฟรีสเปรย์ระงับกลิ่นกาย AXE LIMITED EDITION 1 ขวด ขนาด 90 มิลลิลิตร มูลค่า 129 บาท เฉพาะวันที่ 25 กรกฎาคม 2563 หรือจนกว่าของจะหมด ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมรายการ ดูรายละเอียดเพิมเติมได้ที่ www.bangchakmarketplace.com
แวะเติมน้ำมันทุกชนิด ที่ปั๊มบางจากที่เข้าร่วมรายการ จ่ายเงินเติมทุก 600 บาท รับฟรีน้ำดื่ม 1 ขวด (ขนาด 1.5 ลิตร) ระหว่างวันนี้ - 31 ส.ค. 63 พิเศษ! สำหรับสมาชิกบางจาก เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 S EVO หรือไฮดีเซล S B10 รับฟรี! น้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร 2 ขวด มูลค่า 30 บาท
ข่าวที่ 7 TCEBชูกาญจนบุรีโมเดลผนึกพันธมิตรบูมขายไมซ์ชุมชน
สราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต ผู้อำนวยการ
สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคกลางและภาคตะวันออก
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB”
นายสราญโรจน์
สุทัศน์ชูโต ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
ภาคกลางและภาคตะวันออก สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า
ทีเส็บได้เร่งจัดทำโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า”
ส่งเสริมหน่วยงานรัฐและเอกชนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกระจายรายได้ไปยังชุมชนในภูมิภาคต่างๆ
ผ่านการจัดประชุมสัมมนาในประเทศ โดยให้การสนับสนุนงบประมาณจัดงานกับองค์กร บริษัท
และผู้ประกอบการไมซ์ที่มีแผนจะจัดประชุม (Meetings) การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล
(Incentives) งานสัมมนา (Seminars) การอบรม
(Training) กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์
(Outing) หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ใช้สถานที่ในประเทศ ต้อนรับวิถีไมซ์ใหม่
New Normal ด้วยการสนับสนุนเส้นทางไมซ์ที่ได้รับตราสัญลักษณ์การรับรองความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
(Safty & Health
Administration :SHA)
ตั้งเป้าเฟสแรก ซึ่งใช้เพียง 10 ล้านบาท จะกระตุ้นหน่วยงานต่าง ๆ สมัครเข้าร่วมโครงการ 534 กลุ่ม สร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากกว่า 235 ล้านบาท ประเมินการใช้จ่ายเงินของตลาดไมซ์ในประเทศเฉลี่ย 5,500 บาท/คน/ทริป ขนาดกลุ่มละ 80-120 คน/ครั้ง จะขอเงินได้ถึง 31 ตุลาคม แล้วเดินทางได้ถึงธันวาคม 2563
สำหรับเงื่อนไขการสนับสนุนแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ 1. สนับสนุนงบประมาณในรูปแบบบัตรกำนัล (Voucher) ไม่เกิน 15,000 บาทต่อกลุ่ม สำหรับการจัดกิจกรรมเป็นเวลา 1 วัน (ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง) และ 2. สนับสนุนงบประมาณในรูปแบบบัตรกำนัลไม่เกิน 30,000 บาทต่อกลุ่ม เพื่อการจัดกิจกรรมอย่างน้อย 2 วัน 1 คืน
สามารถจัดกิจกรรมนอกสถานที่ตั้งขององค์กรภายในจังหวัดหรือข้ามจังหวัด และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า 30 คนต่อกลุ่ม โดยขอรับการสนับสนุนได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ตุลาคม 2563 และจะต้องยื่นขอรับการสนับสนุนล่วงหน้า 10 วันก่อนเริ่มดำเนินกิจกรรม และจัดกิจกรรมให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563
นายสราญโรจน์ กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 20-21 กรกฎาคม 2563 ได้นำตัวแทนบริษัทรับจัดการธุรกิจไมซ์ (Destination Management Company : DMC) ลงพื้นที่ทำโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ภายใต้ธีม “ประชุมเมืองไทย มั่นใจไมซ์ปลอดภัย@กาญจนบุรี” ถือเป็นกิจกรรมแรกที่ได้เชิญคนมาร่วม DMC เพื่อสร้างประสบการณ์ดูพื้นที่ต้นแบบที่มีความพร้อมรองรับกลุ่มประชุม ได้แก่ โรงแรม กิจกรรม ร้านอาหาร โดยเน้น “เส้นทางประชุม SHA” แล้วนำไปผลิตแพกเกจกระตุ้นตลาดหลักคอปอเรตมาเดินทางมาใช้บริการ โดยทีเส็บได้จัดให้มี 3 อย่าง ผนวกเข้ากับ 7 Theme และไมซ์ชุมชน
ตอนนี้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปหลังสถานการณ์แพร่ของระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง ผู้คนต่างก็หันมาบูมเลือกจัดประชุมและสัมมนาในชุมชน ตอบโจทย์ของทีเส็บตั้งไว้จะได้ประโยชน์ 3 อย่าง ได้แก่ 1.ชุมชนพร้อมพัฒนารับกลุ่มไมซ์ต่อยอดชุมชน เพื่อมุ่งสู่การประชุมในช่วงธรรมดา ท้องถิ่นรุกเจาะตลาดไมซ์ด้วยกลยุทธ์สร้างความแตกต่างของเนื้อหาผ่านเรื่องเล่า อัตลักษณ์ อาหารอร่อย สินค้า จับต้องได้ง่าย ทำให้เกิดการใช้จ่าย 4 เท่าของนักท่องเที่ยวปกติ กลุ่มในประเทศ 2.DMC เอเย่นต์ สามารถปรับโปรแกรมเส้นทางการขายไมซ์เพิ่มมากขึ้น 3.ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมไปแนวโน้มจะหันมาเลือกใช้ชุมชนในพื้นที่เปิดกว้าง โดยทีเส็บได้แนะนำชุมชนให้ทำระบบต้อนรับ สะอาด จัดอาหารอย่างถูกสุขอนามัย
โครงการนี้ถือได้ว่าขณะนี้ทีเส็บได้เปิดสวิตซ์ทำจั๊มสตาร์ตให้ไมซ์หันมาใช้บริการชุมชนจัดกิจกรรมต่าง ๆ มีรายได้เพิ่ม สร้างงาน สร้างอาชีพ แล้วต่อไปนักเดินทางกลุ่มครอบครัวจะเป็นอีกกลุ่มที่สามารถมาเองได้ด้วย รวมถึงการต่อยอดนักธุรกิจปี 2564 ฟื้นกลับมาคืนอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันทีเส็บยังได้พัฒนานวัตกรรม TMC : Thailand Mice Connect เปิดแพลตฟอร์มให้ชุมชนทั่วประเทศเข้ามาอยู่ออนไลน์ รวบรวมสินค้าและบริการสินค้าและบริการทั้งหมด เพื่อให้ผู้จัดการเข้ามาเลือกพิจารณาเป็นสถานที่จัดงานไมซ์แต่ละประเภท
ส่วนการจัดทริปต้นแบบ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ภายใต้ธีม “ประชุมเมืองไทย มั่นใจไมซ์ปลอดภัย@กาญจนบุรี” 2 วัน 1 คืน ช่วยกระจายรายได้จากการใช้จ่ายหลัก ๆ คือ คนลงพื้นที่ชุมชนไปทำกิจกรรม พักโรงแรมหรือโฮมสเตย์รับประทานอาหารได้ขยายห่วงโซ่ช่วยอุดหนุนวัตถุดิบต่าง ๆ ช้อปปิ้ง
ดังนั้น ทีเส็บจะนำต้นแบบการจัดทำโครงการนี้ไปใช้ขยายตลาดทั่วภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก 26 จังหวัด เพราะปัจจุบันกลุ่มตลาดไมซ์ยังคงมีความต้องการเลือกจัดงาน ในกรุงเทพฯ และจังหวัดรอบรัศมีไม่เกิน 300 กม. เช่นพัทยา เขาใหญ่ กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชะอำ เพชรบุรี
โดยเฉพาะการเดินทางจัดประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (meeting&incentive : MI) ส่วนใหญ่ยังคงเลือกจัดแบบไปเช้าเย็นกลับ สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา นครนายก จัดกิจกรรมประชุมพร้อมกับทำทีมบิลดิ้ง แล้วก็ขับรถเข้ามาพักในกรุงเทพฯ
ผู้ที่สนใจขอรับการสนับสนุนโครงการ
“ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.thaimiceconnect.com
หรือ ติดต่อผ่าน Facebook : Thaimiceconnect หรือ Line :
@thaimiceconnect และสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร 0 2021 5515
ช่วงที่ 2 กระตุกต่อมคนไทยออกไปเที่ยวเมืองไทยใน “กาญจนบุรี” ตลุยสัมผัสอันซีนธรรมที่ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู น้ำตกจ๊อกกะดิน วัดป่าลำขาแข้ง แคมป์ช้างทวีชัย แล้วห้ามละเลย “5สิ่งต้องทำเพื่อรับผิดชอบลดการแพร่เชื้อโควิด-19” ส่วนที่ยังโอละพ่อ “การบินไทยชงทำ Together We Can” ขอบอร์ดฟื้นฟูลดเงินเดือนผู้บริหารพนักงานเดือนละ 260 ล้านบาท “ท่องเที่ยวรอเฮเปิดรับต่างชาติ” ศบค.แย้มมาตรการเปิดให้ชาวต่างชาติกระเป๋าหนักเข้าไทยได้ 4 กลุ่ม และ “บางกอกแอร์” ชิงโฆษณาคืนค่าตั๋ว 40 % ให้ผู้โดยสารที่เข้าร่วมซื้อแพกเกจเราเที่ยวด้วยกัน
เที่ยวกระตุกต่อมในเมืองกาญจน์4วิถีใหม่สุดอันซีน
ออกเที่ยวกันได้ทุกวัน สัปดาห์นี้มีจุดหมายปลายทางแหล่งท่องเที่ยวมุมใหม่ใน “กาญจนบุรี” ที่จะช่วยกระตุกต่อมชีวิตให้ลุกขึ้นมาเดินทางไปลองสร้างประสบการณ์ใหม่ดี ๆ ด้วยกัน โดยมีมาให้เลือก 4 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ทองผาภูมิ-น้ำตกจ๊อกกะดิ่น ปิล็อก-วัดป่าลำขาแข้ง อำเภอศรีสวัสดิ์-แคมป์ช้างทวีชัย ช่องสะเดา” ได้เวลาเคลื่อนล้อรถกันแล้ว
แห่งที่ 1 อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ต.ทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ เป็นถิ่นอาศัยของนกนางแอ่นในถ้ำ อุดมไปด้วยหินงอกหินย้อยและประติมากรรมเรืองแสงสวยงามตระการตา เปรียบเสมือนอัญมณีแห่งเมืองกาญจนบุรี สภาพพื้นที่ของอุทยานฯ ลำคลองงูส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน แนวเขาวางตัวในทิศเหนือ-ใต้ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ยอดเขาส่วนใหญ่ในพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100 – 1,000 เมตร มียอดเขาที่สำคัญคือ ยอดเขาบ่องาม นับเป็นยอดเขาต้นน้ำลำธารของเขื่อนศรีนครินทร์ และมีทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงามมาก
แห่งที่
2 น้ำตกจ๊อกกะดิ่น
ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ ขับรถขึ้นไปจากตัวเมืองราว 2 ชั่วโมง
ก็จะได้สัมผัสไอเย็นสายน้ำกับกลิ่นอายธรรมชาติกำลังโอบกอดอยู่กลางหุบเขาเขียวขจี
หากไปเที่ยวมุมใหม่ในสไตล์แฟชั่นนิสต์ โพสต์ภาพถ่ายแชร์ไปยังกลุ่มเพื่อน ๆ
ก็จะเป็นอีกอารมณ์ความรู้สึก ที่นักท่องเที่ยวเจนใหม่ ๆ
กำลังสนใจไปท่องเที่ยวและทำกิจกรรมดังกล่าว
น้ำตกจ๊อกกะดิ่น ปิล็อก ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เป็นน้ำตกลางหุบเขา มีความสวยงามมาก มีน้ำตลอดทั้งปี มีเพียงชั้นเดียวความสูงประมาณ 34 เมตร น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นภาษาพม่า เป็นชื่อเพี้ยนมาจากคำเดิมว่า “ก๊อกกระด่าน” จ๊อก หรือ ก๊อก หมายถึง หิน และ กระดิ่น หรือกระด่าน หมายถึง น้ำตก มีความหมายรวมกันว่า เป็นน้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินผา มีแหล่งกำเนิดเป็นน้ำที่ผุดขึ้นจากภูเขาอีปู่ ตั้งอยู่ในพื้นที่เหมืองแร่ทังสเตนไหลผ่านหมู่บ้าน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 727 เมตร มีระยะทางยาวประมาณ 5 กิโลเมตร บุคคลที่ได้เล่นน้ำตกแห่งนี้ เปรียบเหมือนได้อาบน้ำแร่ไปในตัว แอ่งน้ำตกมีน้ำเป็นสีฟ้าครามสวยงาม ความลึกสุดตรงกลางแอ่งน้ำ 3-4 เมตร
แห่งที่ 3 – วัดป่าลำขาแข้ง อำเภอศรีสวัสดิ์ วัดตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำของเขื่อนศรีนครินทร์ มีโบสถ์สแตนเลสแห่งแรกของโลก แสงวาววับงดงาม ยิ่งในยามค่ำคืนเมื่อได้แสงนวลสีทองจากแสงจันทร์อาบลงมายังหลังคาโบสถ์จะยิ่งกลายเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ Unseen Thailand เลยทีเดียว
ตัวโบสถ์ส่องประกายงดงามยามเมื่อต้องแสงแดด และเมื่อเข้าใกล้จะได้เห็นลวดลายฉลุ ของายไทย บริเวณ ซุ้มประตูโบสถ์และหน้าต่าง เมื่อเข้าไปนั่งไหว้พระรู้สึกเย็นมาก ใครอาจจะคิดว่าโบสถ์สร้างด้วยเตนเลสเงางาม แบบนี้ ข้างในไม่ร้อนหรือ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดเพราะตัวโบสถ์ทำโครงเป็นสเตนเลส ใช้สเตนเลสแผ่นปะทั้งด้านใน และด้านนอก แต่อัดฉนวนไว้ตรงกลาง ทำให้กันความร้อนได้ดี รวมทั้งพื้นเป็นแกรนิตเลยโปร่งโล่งสบาย
ที่ วัดป่าลำขาแข้ง ถัดมาไม่ไกลมีพระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ ขนาดกว้าง 8 เมตร สูง 12 เมตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งทำด้วยแสตนเลสเช่นกัน ตั้งตระหง่านหันหน้า สู่แม่น้ำใหญ่ ดูสงบและร่มเย็นยิ่งนัก
แห่งที่
4
แคมป์ช้างทวีชัย ต.ช่องสะเดา อ.เมือง ตั้งในพื้นที่ 60 ไร่ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีช้าง
วิถีความสัมพันธ์แควใหญ่ จะนั่งช้างชมธรรมชาติ ชมความงามของป่าเขา ผ่านหมู่บ้านควาญช้างและลัดเลาะสายธารลำน้ำแควใหญ่
แล้วยังสามารถทำกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ ชมความงามของธรรมชาติริมฝั่งแคว
และเพลิดเพลินกับนกนานาชนิดริมฝั่งน้ำหรือเลือกพักผ่อนสบายๆยามเย็นกับ
“โปรแกรมอาบน้ำร่วมกับช้าง” ท่านจะสัมผัสชีวิตช้างอย่างใกล้ชิด มีความสุขกับการรับประทานอาหารเย็นและบาร์บีคิวริมแม่น้ำ
ช่วงค่ำนั่งช้างนับดาวที่ส่องประกายสุกใสบนท้องฟ้า
รวมทั้งการจัดกิจกรรม
WALK RALLY และสันทนาการอื่นๆได้ ซึ่งมีบริการอาหารริมแม่น้ำ) เปิดทุกวันเวลา 08.00-15.00 น.
ออกมาเที่ยวด้วยกัน เลือกสักแห่งก็ฟินฟันมันสุด ๆ แล้ว “กาญจนบุรี” รอทุกคนแวะมาทักทายได้ทุกวัน
5 สิ่งที่ควรทำอย่างรับผิดชอบลดการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19
ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่มกราคม ปีนี้ มาจนถึงปัจจุบัน
ก็ยังต้องรณรงค์ให้คนไทยใส่ใจปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานการแพทย์แนะนำ
ดังนั้นจึงขอให้ช่วยกันเพิ่มความเข้มข้น โดยทำ 5 สิ่งที่เราควรทำเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมรวมทั้งลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19
ดังนี้
1.ฝึกการไอจามด้วยการใช้กระดาษทิชชู่ปิดปาก หรือยกข้อพับแขนตรงข้อศอกปิดปากให้เป็นนิสัย แทนการใช้มือปิดปาก
2.ทิ้งหน้ากากอนามัยใช้แล้วอย่างถูกวิธี
3.กระดาษชำระ หน้ากากอนามัย ถุงมือยางแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง หรือของใช้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยหรือการทำแผล เช่น สำลี ผ้ากอซ เข็มฉีดยา ถือเป็นขยะติดเชื้อ ควรทิ้งลงถังขยะติดเชื้อเท่านั้น
4.เมื่อใช้กระดาษชำระเสร็จแล้ว ทิ้งลงถังขยะติดเชื้อทุกครั้ง ไม่วางทิ้งไว้บนโต๊ะหรือบนจานเปล่าตามศูนย์อาหาร เพราะหากมีเชื้อโรคจะสามารถติดต่อถึงคนที่มาเก็บไปทิ้งได้
5.ไม่ถ่มน้ำลายลงพื้น อาจบ้วนลงบนกระดาษชำระที่ซ้อนหลายชั้น แล้วทิ้งลงถังขยะติดเชื้อ
6.ทิ้งขยะให้เป็นที่และถูกประเภท เพื่อรักษาความสะอาดในพื้นที่สาธารณะ และปลอดภัยต่อการจัดเก็บ
ข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “การบินไทยชงใช้Together We Canลดค่าจ้าง260ล้าน/เดือน
บริษัท
การบินไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินแห่งชาติ รายงานว่า
ขณะนี้ภายในองค์กรได้จัดทำเอกสารเสนอให้คณะกรรมการฟื้นฟูกิจการพิจารณาโครงการ Together
We Can เพื่อประกาศปรับลดเงินเดือนบุคลากรประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้อีกรวมเดือนละกว่า
260 ล้านบาท
แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มแรก ผู้บริหารระดับสูง “รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ :EXECLUTIVE VICE PRESSIDENT :EVP” หากเป็นสัญญาจ้างลด 70 % ลูกจ้างลด 50 % กับกลุ่ม VICE PRESIDENT :VP ลด 40 % จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เดือนละ 3.69 ล้านบาท
กลุ่มที่สอง พนักงาน
เปิดให้ลางานแบบไม่ได้รับค่าจ้าง (leave without pay) เดือนละ
1-10 วัน จะประหยัดค่าใช้จ่ายเดือนละกว่า 257 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังคงเป็นข้อเสนอที่อยู่ระหว่างการพิจารณาและรอประกาศจากคณะกรรมการ
(บอร์ด) และคณะกรรมการฟื้นฟูกิจการอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้
ข่าวที่สอง ท่องเที่ยวรอเฮ ศบค.ปลดล็อกต่างชาติเข้าไทย4กลุ่มใหม่
นายแพทย์ทวีสิน วิษณุโยธิน
โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
แถลงที่ประชุม ศบค.เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม
2563 อนุมัติให้เดินหน้าการเปิดประเทศเพื่อรองรับชาวต่างชาติสามารถเข้ามายังประเทศไทยได้
2 ประเภท ได้แก่
ประเภทแรก แรงงานต่างด้าว ประเภทที่สอง ธุรกิจไมซ์และนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ตามรายละเอียดดังนี้
ประเภทที่ 1 “ชาวต่างชาติ” ที่จะได้รับการผ่อนคลายข้อกฎหมาย 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1
นักธุรกิจต่างชาติที่จะเข้ามาจัดแสดงสินค้าในราชอาณาจักรไทย ขณะนี้มีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 มีประมาณ
680 คน พฤศจิกายน 4 งาน มีจำนวน 4,000 คน และธันวาคมอีกจำนวนกว่า 1,000 คน ที่ประชุม
ศบค.จึงหารือวิธีปฏิบัติอย่างชัดเจนที่จะนำมาใช้คือ 1.ต้องอยู่ในโรงแรม Alternative State
Quarantine 2.มีเจ้าหน้าที่กำกับดูแลเจ้าหน้าที่
1 คน/ต่างชาติ 10
คน
3.ช่องทางเข้าพัก
ส่วนแนวทางปฏิบัติระหว่างจัดแสดงสินค้า
ก็จะต้องทำตามเงื่อนไขดังนี้ 4.การจัดโต๊ะที่นั่งระหว่างเจรจาการค้าในงาน
1.จัดให้มีฉากกั้นบนโต๊ะเจรจาภายในคูหา
2.จัดให้มีฉากระหว่างโต๊ะเจรจาในพื้นที่เจรจา
3.จัดให้มีการทำออนไลน์การเจรจาธุรกิจร่วมไปกับส่วนกายภาพเป็น
Hybrid Discussion 4.จัดให้มีพื้นที่การเจรจาสำหรับชาวต่างชาติ
ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มผู้ซื้อและเจรจาของคนไทยผู้ขาย
กลุ่มแรกนี้ทางที่ประชุม
ศบค.ได้พิจารณารับหลักการ ทางสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการแสดง
(องค์การมหาชน) หรือ “สสปน./TCEB”
จะรับผิดชอบการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว
กลุ่มที่ 2 ถ่ายทำภาพยนต์ ตลอดปี 2562 มีต่างชาติเดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนต์ในเมืองไทยกว่า
740 เรื่อง
สร้างรายได้มากถง 3,139.29
ล้านบาท แต่ปี 2563 มีเพียง 487.46 ล้านบาท รายได้จากส่วนนี้หายไปเกือบทั้งหมด ดังนั้นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงมานำเสนอการป้องกันไวรัสโควิด-19
เพื่อเปิดให้กลุ่มต่างชาติเข้ามาถ่ายทำภาพยนต์ได้ในโอกาสต่อไป
แต่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขคือ
1.ก่อนเดินทางเข้าประเทศจะต้องมีใบรับรองแพทย์
เอกสารตามที่ ศบค.กำหนด เมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทยต้องเข้ากักกันในโรงแรม Alternative
State Quarantine 14 วัน
และตรวจหาเชื้อตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข 3.มีเจ้าหน้าที่ (Liason Officer)
ที่ผ่านมาอบรมจากกระทรวงสาธารณสุขติดตามตลอดระยะเวลาที่อยู่ในเมืองไทย 4.ทีมงานทุกคนทั้งไทยและต่างชาติต้องมีประกันคุ้มครองรักษาโรคโควิด-19 5.แจ้งการใช้พื้นที่ถ่ายทำให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทราบล่วงหน้า
เพื่อสร้างความเข้าใจให้คนในพื้นที่ 6.ทีมงานทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพ่ระบาดโรคโควิด-19
กลุ่มที่ 3 Medical & Wellness เพื่อให้ผู้มีศักยภาพจากต่างประเทศได้บินเข้ามารักษาทำศัลยกรรมความงาม
และอื่น ๆ แล้วท่องเที่ยวต่อในเมืองไทย หลังจากพักรักษาอยู่โรงพยาบาลครบแล้ว 14
วัน
ขณะนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และผู้ดูแลตราสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Safty & Health
Administration :SHA ได้จัดทำโปรแกงรมตัวอย่าง
Medical and Wellness Program Plus เช่น
เชียงใหม่ 7 วัน 6 คืน ภูเก็ต 6-8 วัน ล่อเรือยอร์ชกระบี่ 5 วัน 4 คืน เกาะสมุย(สุราษฎร์ธานี) 5-7 วัน พัทยา 5-11 วัน
กลุ่มที่ 4 สมาชิกผู้ถือบัตรอีลิตการ์ด กว่า 10,363 ราย แบ่งเป็นอยู่ในไทย 3,108 ราย อยู่ต่างประเทศอีก 7,255 ราย
โดยมีกลุ่มที่จะขอนำร่องเดินทางจากต่างประเทศเข้ามายังไทย 200 ราย ประกอบด้วย นักลงทุน
ผู้ที่มีครอบครัวคู่สมรสอาศัยอยู่ในไทย กลุ่มที่เข้ามารับบริการรักษาพยาบาล(Medical
& Wellness)
กลุ่มนักเรียน/นักศึกษาและผู้ปกครอง กลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์ให้พักในราชอาณาจักรไทย
โดยผู้ถือบัตรสมาชิกจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของรัฐบาลและ ศบค.อย่างเคร่งครัด
ข่าวที่สาม บางกอกแอร์ร่วม“เราเที่ยวด้วยกัน”คืนค่าตั๋วบินทั่วไทย40%
บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส
ร่วมสนับสนุนนโยบายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ชวนคนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ให้นักท่องเที่ยวรับค่าบัตรโดยสารคืน
40% จากราคาตั๋วไม่เกิน1,000 บาท/คน/1ที่นั่ง จำนวนจำกัด 2 ล้านสิทธิ์ สามารถลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิ์รับเงินคืนค่าบัตรโดยสาร
ผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
ผู้สนใจใช้สิทธิ์ตั๋วโดยสารบางกอกแอร์เวย์ เริ่มสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 ตุลาคม 2563 แล้วนำไปเดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 ตุลาคม 2563 ติดต่อศูนย์บริการข้อมูลโครงการฯ ได้ที่โทร. 02-111-1144
ปัจจุบันบางกอกแอร์เวย์สเปิดให้บริการบินในประเทศ
6 เส้นทาง ได้แก่ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-สุโขทัย กรุงเทพฯ-ลำปาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่
กรุงเทพฯ-ภูเก็ต กรุงเทพฯ-สมุย และ สมุย-ภูเก็ต สำรองที่นั่งและดูรายละเอียดเพิ่มได้ทางเว็บไซต์
www.bangkokair.com หรือ Call Center โทร
1771 และ 02-270-6699
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0
MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น