ผู้นำTCEBเปิดแผนปฏิบัติการชุดใหม่3โปรเจ็กต์ฟื้นเศรษฐกิจไมซ์ปี’64 เคลื่อนทัพ“ThailandLoginEvent-Festival Eco-ประชุมเมืองไทยเฟส2”
ผู้นำTCEBเปิดแผนปฏิบัติการชุดใหม่3โปรเจ็กต์ฟื้นเศรษฐกิจไมซ์ปี’64
เคลื่อนทัพ“ThailandLoginEvent-Festival Eco-ประชุมเมืองไทยเฟส2”
คิงเพาเวอร์จัดGlobal Brand Mega Sale+11.11แบรนด์ดังลดแรง30%
มหานครรูฟท็อปบาร์”เปิดฟรีทุกศุกร์-เสาร์หลัง2ทุ่มตลอดดเดือนพ.ย.63
ททท.จับมือแกร็บแท็กซี่กระตุ้นคนขับเข้ามาตรฐานSHAแล้วกว่า600คน
ททท.บูมวิ่งซิตี้รันมันส์ฟันเวอร์เริ่มสัปดาห์แรกวิถีใหม่ถนนไฮไซ7พ.ย.63
TCEBแนะเลือกจัดสัมมนาวิถีใหม่ในชุมชนหนองปลาไหลสนุก3กิจกรรม
เที่ยวเทศกาลแสงสีเสียงพิมายปุระโคราช11-15พ.ย.ไปต่อวิถีผ้าชัยภูมิ
แนะเคล็ดลับ4เทคนิคการเลือกลดคอเลสเตอรอลให้ถูกทางสุขภาพดีแน่
เปิดเบื้องลึก!!บินไทยรุกทำ2เรื่องใหญ่เลิกจ้างคน-โละขายฝูงบินมือสอง
การรถไฟลุยขาย"ท่องเที่ยวรถไฟรับลมหนาว"ยาว3เดือนพ.ย.63-ม.ค.64
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #TCEBThailandLogInEvent #KingPowerGlobalBrandGrandSale #MahanakhonRoofTopBar #เทศกาลพิมายนครราชสีมา
ช่วงที่ 1 เกาะติด “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เพิ่มกำลังเสริมใหญ่อุตสาหกรรมไมซ์พลิกฟื้นเศรษฐกิจรายได้ประเทศปี 2564 รุกหนัก “ตลาดในประเทศ” ด้วย 3 เรื่อง 3 บิ๊กโปรเจ็กต์ “ชงครม.เพิ่มงบเฟส 2 ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า-ปูพรมขาย Thailand Log-in Events กอดคอ EEC สร้างงาน สร้างอีเวนต์โลก-โหมFestival Economy ปลุกรายพื้นที่ฮือจัดอีเวนต์ประจำปีทั่วไทย” ส่วน “ตลาดต่างประเทศ” มีสัญญาณดีต่อเนื่องเริ่ม เม.ย.64 พร้อมข่าวดีไทยเจ้าภาพจัดประชุมบล็อกเกอร์โลก ต.ค.64
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่าขณะนี้ทีเส็บวางแผนการตลาดไมซ์เชิงรุกคู่ขนาน
โดยเฉพาะไมซ์จากต่างประเทศจะต้องไปข้างหน้าเพราะปัจจุบันยังไม่สามารถเดินทางเข้าไทยได้ต้องขับเคลื่อนตามนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ดังนั้นช่วงต้นปี 2564 ต้องเน้นหนักการทำตลาดไมซ์ในประเทศบุกเจาะตลาดที่มีศักยภาพทั้งคอร์ปอเรตคือบริษัทต่างชาติที่ตั้งอยู่ในไทย
(expat)
และจับมือกับหอการค้าต่างชาติในไทย เช่น
ร่วมกับหอการค้าฝรั่งเศสไปสำรวจพื้นที่ภูเก็ตระหว่างคณะรัฐมนตรีสัญจรเมื่อ 2-3
พฤศจิกายน 2563
การวางแผนเชิงรุกตลาดต่างประเทศมุ่งเรื่องโครงการระยะยาว
โดยให้ผู้บริหารพนักงานทีเส็บฝ่ายต่างประเทศติดต่อประสานเจรจากับงานต่าง ๆ
ที่เลื่อนการจัดในไทยไปช่วงสถานการณ์โควิด
กระทั่งขณะนี้สามารถตอบรับพร้อมจะเดินทางนำงานเข้ามาจัดปี 2565 เป็นต้นไป “สาธารณรัฐประชาชนจีน”
เป็นประเทศหลักตามที่ ศบค.กำหนดไว้ให้เป็นประเทศแรกมีโอกาสเข้ามาไทย ต่อด้วย
เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น พร้อมจัดงานในลักษณะอีเวนต์ได้
การขับเคลื่อนเพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางการตลาดไมซ์กับคู่ค้าต่างประเทศไว้คือ
ทีเส็บยังจัดการประชุมเสมือนจริง (Virtaul meeting) เพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกันแล้วตั้งเป้าเดือนเมษายน
2564 จะเริ่มนำไมซ์ต่างประเทศเข้ามาได้ก่อน
ควบคู่กับการ “เข้าร่วมประสิทธิดึงงานนานาชาติมาไทย” โดยเพิ่งจะได้รับข่าวดี World
TBEX 2021
เป็นงานประชุมของกลุ่มสมาชิกบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวทั่วโลก มีผู้ติดตามหลาย 10 ล้านคน จะมาจัดในเมืองไทยที่ภูเก็ตช่วงเดือนตุลาคม
2564 ถือเป็นสัญญาณดีงานแรก
ๆ ที่สะท้อนถึงความเคลื่อนไหวของตลาดไมซ์ต่างประเทศที่จะมาจัดในไทย
เป็นการวัดชีพจรถึงความต้องการของตลาดโลกด้วย
งาน World TBEX 2021 สมาชิกส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มประเทศแถบเอเชีย รวมอยู่บ้าง ทีเส็บเคยเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา จำนวน 1,100 คน ส่วนปี 2564 จะมีประมาณ 100 คน โดยจะมีส่วนหนึ่งของงานมาจากยุโรป อเมริกา จะจัดประชุมเสมือนจริง เพราะไม่สามารถเดินทางมาได้
สำหรับการใช้เวทีงาน World TBEX 2021 เพื่อสื่อสารถึงสถานการณ์ภายในประเทศไทยที่พร้อมจะต้อนรับไมซ์นานาชาติ เพราะทางทีเส็บเองก็เข้าไปช่วยหน่วยงานต่าง ๆ เตรียมความพร้อมทุก ๆ ด้าน
ปรากฎการณ์ตลาดไมซ์ต่างประเทศในขณะนี้ต่อเนื่องถึงต้นปี 2564 อยู่ในสถานการณ์ที่ไทยเริ่มคลายล็อกดาวน์ และนโยบายนำเข้าไมซ์ก็ขึ้นอยู่กับ ศบค.ด้วย แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็มีสัญญาณที่ดีกับประเทศไทย
นายจิรุตถ์กล่าวว่า
ความคืบหน้าแผนรุกตลาดในประเทศ ขณะนี้ลุยทำ 3 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 เสนอขอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
อนุมัติงบประมาณเฟส 2 สนับสนุนโครงการ
“ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” อีกไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท หลังจากเสนอ ศบค.ผ่านเรียบร้อยแล้ว
และประสานกับทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)
เพื่อนำเงินมาอุดหนุนผู้ประกอบการไมซ์ทุกกลุ่มทั้งภาครัฐและเอกชน
เรื่องที่ 2 เดินหน้าโครงการ Festival Economy ทีเส็บจะเข้าไปสนับสนุนแต่ละพื้นที่ยกระดับการจัดงานในท้องถิ่นซึ่งมีจำนวนมากคัดเลือกให้บางงานเป็นงานระดับประเทศ เพื่อกระจายและสร้างรายได้ประจำของพื้นที่ชุมชนท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน จุดเริ่มของโครงการ Festival Economy เกิดขึ้นจากทีเส็บลงพื้นที่ไปดูการจัดกิจกรรมในท้องถิ่นซึ่งที่ผ่านมาการจัดอีเวนต์ส่วนใหญ่จะจัดครั้งเดียวแล้วก็จบ แต่ทีเส็บเห็นศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นอีเวนต์ระดับโลกได้
งานที่จะมามาอยู่ในโครงการ
Festival Economy ได้ อย่างแรก
ต้องเป็นงานที่มีอัตลักษณ์เฉพาะ เช่น การ Music Festival Hauhin :งานดนตรีหัวหิน ในพื้นที่จะจุดหมายปลายทางกรวมตัวของมหกรรมการแสดงดนตรี
ดังนั้นทีเส็บจะดูอัตลักษณ์เมืองแล้วสร้างสรรค์งานขึ้นมาให้เป็น
“หัวหินเมืองแห่งดนตรี”
กิจกรรมนี้ได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้ว
สามารถนำดนตรีตามร้านอาหาร โรงแรม สามารถจัดร่วมกันได้ เพียงแต่ยังไม่เคยร้อยเรียงให้เป็นเรื่องราวแล้วจัดเป็นเมืองดนตรีได้
ที่ผ่านมาก็จัดงานฟินาเลย์ ประติมากรรม แล้วคนไปถ่ายรูป ดังนั้นทางจังหวัดกับเอกชนร่วมมือกันแล้วทำเป็นปฏิทินงานอีเวนต์ประจำปี แก้จุดอ่อนเดิม ๆ ที่เคยจัดแล้วก็จบไปเป็นงาน ๆ โดยไม่ได้กำหนดวัน เวลา แต่ละปีให้ชัดเจน ปี 2564 ทีเส็บจะช่วยขับเคลื่อนทำให้เกิดเป็นงานเทศกาลประจำปี นอกจากหัวหินแล้ว ยังมีกระบี่ จะนำร่องทำเป็นเมืองที่มีสีสันดึงดูดตลาด (attraction) เช่น งานที่ร่วมทำกับไทยเบฟ
จากประสบการณ์ทีเส็บได้ทำเมกะอีเวนต์ต่อเนื่องมาตลอด
ก็จะนำมาใช้พัฒนาตลาดไมซ์ในลักษณะอีเวนต์ผ่านโครงการ Festival Economy ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป
เรื่องที่
3 ขับเคลื่อนโครงการใหม่
Thailand Log-in Events ขณะนี้ทีเส็บร่วมมือกับทางเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(Eastern Economic Corridor :EEC)
เกี่ยวกับการเดินหน้าพัฒนาโลจิสติกส์โครงการขนาดใหญ่ชายฝั่งทะเลตะวันออกด้านโครงสร้างพื้นฐานครบทุกมิติ
เนื่องจากเห็นความเป็นไปได้
ทั้งเรื่องการทำสัญญาภายในสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาตอนนี้ขยายการก่อสร้างทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
โครงสร้างต่าง ๆ เกิดขึ้นแล้ว
การลงทุนของกลุ่มบริษัทนานาชาติในนิคมอุตสาหกรรมก็ตอบรับเข้าร่วมโครงการแล้ว
ฉนั้นทีเส็บมองอนาคตถึงการนำงานต่าง ๆ เข้ามาจัดใน EEC จะตามมาอีกเป็นจำนวนมาก เช่น งานแอร์โชว์ 2025 เมื่ออู่ตะเภาเสร็จ ทีเส็บก็จะร่วมกับภาคเอกชนสร้างงานขึ้นในประเทศไทยงานโชว์อุตสาหกรรมการบิน ซึ่งช่วงนั้นจะเริ่มฟื้นตัวพัฒนากันอย่างคึกคัก จึงจะต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้เพื่อให้อู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางของโลก หรืองานประชุมระบบราง ทีเส็บก็เห็นโอกาสต่าง ๆ เหล่านี้ รวมทั้งยังมีเมกะโปรเจ็กต์ศูนย์ซ่อมเครื่องบินขนาดใหญ่ (MRO) ซึ่งมีกลุ่มทุนอย่างโบอิ้ง ไทรอัม ประกาศปักธงร่วมทุนตั้งฐาน จึงเหมาะรองรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เป็นโอกาสของไทยที่จะมองเชิงบวกเดินหน้าประเทศเต็มที่
ขณะนี้มีงานลักษณะดังกล่าวรออยู่ไม่ต่ำกว่า 15-16 งาน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาถนน ระบบราง ซึ่งจะกลุ่มธุรกิจการค้าโดยตรงทางด้านรถไฟฟ้า และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ เพื่อมาหาตลาด นำเทคโนโลยีมาขาย แต่เดิมไม่ค่อยจัดเอ็กซิบิชั่นในแถบเอเชีย งานส่วนใหญ่จะอจัดอยู่ในเยอรมันเป็นหลัก ทีเส็บพยายามจะดึงมาจัดในไทยต่อไปอย่างแน่นอน เพราะพัทยาเป็นเมืองไฮไลต์ รวมทั้งมีศูนย์ประชุมพีซ ที่คนทั่วโลกรู้จักและต้องการจะเดินทางเข้ามาร่วมงานและท่องเที่ยวควบคู่กัน
ทีเส็บทำหน้าที่เป็นผู้หาลูกค้าเข้ามาป้อน EEC ส่วนทีม EEC มีภารกิจหลักดูแลโครงสร้างการลงทุน ผนวกการทำงานเข้ากัน ตอนนี้มีองค์กรเอกชน UTC ด้านการพัฒนาเมือง ทำหน้าที่ขับเคลื่อนศูนย์ประชุม และโครงการขนาดใหญ่แบบ PPP ทางทีเส็บช่วยทางด้านวิเคราะห์การตลาดอนาคต เพื่อร่วมด้วยช่วยกันสร้างโอกาสการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และไมซ์เติบโตควบคู่กันไปอย่างเต็มที่
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์จัดGlobal Brand Mega Sale+11.11แบรนด์ดังลดแรง30%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนนักช้อปเข้ามาสัมผัสประสบการณ์เลือกซื้อสินค้า Global Brand Mega Sale up to 30% Offกับแบรนด์ดัง ตลอดเดือนตั้งแต่วันนี้ - 30 พฤศจิกายน 2563 ไฮไลต์ลดกระหน่ำรอลุ้นครั้งใหญ่ในวันที่ 11.11 (วันที่ 11 เดือน 11) ได้ทางเว็บไซต์ kingpower.com และ king power Application และที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร พัทยา และภูเก็ต
ช้อปออนไลน์แบบง่ายแค่เข้าไปคลิกรับรหัสส่วนลดที่
www.kingpower.com และ แอปพลิเคชัน KING POWER เท่านั้น
วันนี้-30 พฤศจิกายน 2563 ก็รับส่วนลดสูงสุด
30% เมื่อช้อปตั้งแต่ 3,000
บาทขึ้นไป สั่งซื้อสินค้าที่ร่วมรายการในแคมเปญนี้
เมื่อมียอดช้อปตามเงื่อนไขที่กำหนดสามารถผ่อนชําระ 0% ผ่านบัตรเครดิตร่วมคิงเพาเวอร์ทั้งกับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย บางประเภทที่เข้าร่วมรายการ ดังนี้
- นานสูงสุด 10
เดือน เมื่อช้อปครบ 15,000.- (สุทธิ) / 1
รายการสั่งซื้อ
- นานสูงสุด 6 เดือน เมื่อช้อปครบ 10,000.- (สุทธิ) / 1 รายการสั่งซื้อ
วิธีการสั่งซื้อสินค้าผ่อนชำระ >>
คลิก
1.ลูกค้าต้องสมัครสมาชิกเว็บไซต์ kingpower.com
และทำการล็อคอินก่อนการใช้รหัสส่วนลด
2.รหัสส่วนลด ไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์ Birthday
Celebration, บัตรส่วนลดอื่นๆ E-Purse, E-Cash, Gift
Voucher, Cash Voucher ทุกประเภท และโปรโมชั่นอื่นๆ
3.ไม่สามารถใช้ส่วนลดร่วมกับชุดคูปองเงินสด OBS
บัตรสมาชิกทุกประเภทและรายการส่งเสริมการขายอื่นๆ
รหัสนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้
4.สมาชิกบัตรคิง
เพาเวอร์ ทุกรายการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์สามารถสะสมกะรัตได้
สอบถามเพิ่มที่ คอล เซนเตอร์ 1631
ข่าวที่
2 มหานครรูฟท็อปบาร์”เปิดฟรีทุกศุกร์-เสาร์หลัง2ทุ่มตลอดเดือนพ.ย.63
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ จัดกิจกรรมท่องเที่ยวรับลมหนาวใจกลางกรุง
โดยเปิด “มหานคร รูฟท็อป บาร์” มุมชมวิวสูงที่สุดในกรุงเทพฯ ชั้น 78
อาคารคิง เพาเวอร์ มหานคร เชิญชวนมาเติมสีสันกันได้ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2563 พร้อมทั้งจัดพิเศษให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมฟรีทุกคืนวันศุกร์และเสาร์
ตั้งแต่เวลา 20.00 น.เป็นต้นไป
นักท่องเที่ยวสามารถสั่ง “เครื่องดื่มเมนูสุดพิเศษ” จาก รูฟ ท็อป บาร์ ในบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกกับเหล่าศิลปิน และดีเจชื่อดังมากมายจะผลัดกันมาสร้างสีสันพร้อมเสียงดนตรีและจังหวะมัน ๆ รวมทั้งความตื่นตาตื่นใจไปกับวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศากับแสงสียามค่ำคืนระยิบระยับงดงามตระการตาสุดลูกหูลูกตา
แนะนำให้จัดเตรียมเสื้อผ้าชุดรับลมหนาวมาเติมความสุขได้ที่ รูฟ ท็อป บาร์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขณะนี้บรรดาศิลปินและดีเจที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้ง DJ Kori DJ Nana และนักร้องเสียงคุณภาพจากวง Pure วง Hit Squad วง Z2 พร้อมแล้วที่จะมาสร้างความสนุกทุกคืนวันศุกร์และเสาร์ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2563
สำหรับ “มหานคร รูฟท็อป บาร์” เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 10:00 – 00:00 น. ติดตามโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ เพิ่มได้ที่ www.facebook.com/KingPowerMahanakhon หรือโทร.02-677-8721
ข่าวที่ 3 ททท.จับมือแกร็บแท็กซี่กระตุ้นคนขับเข้ามาตรฐานSHAกว่า600คน
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ร่วมกับพันธมิตรกลุ่มธุรกิจขนส่ง/โลจิสติกส์ บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด และกระทรวงสาธารณสุข นำสมาชิกคนขับแท็กซี่แกร็บสมัครเข้าร่วมโครงการมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย :Amazing Thailand Safty & Health Administration : SHA ลงทะเบียนแล้ว 600 คัน เข้ารับตราสัญลักษณ์เรียบร้อยแล้ว 100 คัน ซึ่งคนขับแท็กซี่พร้อมใจกันกันยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมโรค การป้องกันและลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สร้างความมั่นให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศมีประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ดี มีความสุข และเชื่อมั่นในความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ตลอดทุกทริปการเดินทาง
ดร. เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล
ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด
กล่าวว่า ตลอดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในไทย ทางแกร็บประกาศใช้มาตรการพร้อมกิจกรรมต่าง
ๆ พัฒนาและปรับปรุงมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของบริการการเดินทาง อาทิ
การให้ความรู้และจัดกิจกรรมให้บริการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เชิงรุกกับคนขับ รวมถึงเปิดตัวแคมเปญ “แกร็บ โพรเท็ค มั่นใจไปกับแกร็บ”
พัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อป้องกันและควบคุมมาตรฐานของพาร์ทเนอร์คนขับ
การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเตรียมความพร้อมด้านยานพาหนะและมอบอุปกรณ์เสริมเพื่อป้องกันและทำความสะอาดอย่างเจลล้างมือและสเปรย์ทำความสะอาด
ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและผู้โดยสาร
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถศึกษาแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน SHA ซึ่งดาวน์โหลดเป็น e-Book ได้ที่ www.tourismthailand.org/thailandsha หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง thailandsha@gmail.com หรือ Line Official : @thailandsha และ 1672 เพื่อนร่วมทาง
อีกทั้งแกร็บยังได้ร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดคอร์สอบรมออนไลน์ให้คนขับในรูปแบบวิดีโอ เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ พร้อมให้คำแนะนำในด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย ซึ่งการเข้าร่วมโครงการ SHA ครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมดี ๆ ที่ไม่เพียงช่วยสร้างความตระหนักรู้ในด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยให้กับพาร์ทเนอร์คนขับซึ่งถือเป็นด่านหน้าที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ยังช่วยยกระดับบริการและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติด้วย
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วง การเฝ้าระวังสถานการณ์โควิด-19 ผู้ประกอบการหรือผู้ขับรถแท็กซี่ ควรมีการป้องกันและสร้างสุขอนามัยที่ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการล้างทำความสะอาดรถทุกวันก่อนนำรถออกให้บริการ และหลังการให้บริการ โดยเน้นการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิว 5 จุดเสี่ยงที่มีผู้โดยสารสัมผัสบ่อยๆ ได้แก่ 1) ที่จับบริเวณประตู 2) ที่จับเหนือหัวผู้โดยสาร 3) เบาะนั่ง 4) ที่เท้าแขน และ5) กระจกภายในรถ ด้วยน้ำผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาด และแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ ทุกครั้งที่ผู้โดยสารลงจากรถเพื่อทำลายเชื้อโรค รวมทั้งจัดเตรียมหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ไว้ให้บริการกรณีที่พบผู้โดยสารมีอาการไข้ ไอ จาม และ ไม่สวมหน้ากากอนามัย
ข่าวที่ 4 ททท.บูมซิตี้รันมันส์ฟันเวอร์เริ่มสัปดาห์แรกวิ่งวิถีใหม่ถนนไฮไซ7พ.ย.63
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ล่าสุดนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานเปิดโครงการ Amazing Thailand ซิตี้ รัน...มันส์ ฟัน เว่อร์ กำหนดจัดรวม 8 สัปดาห์ ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ โดยเริ่มตั้งแต่ 7 พฤศจิกายน - 27 ธันวาคม 2563 ผ่านเทคโนโลยี Application ชื่อดัง District Race โดยทุกคนจะต้องวิ่งไปค้นหาจุด Check Point (แบบ Virtual) ที่ถูกซ่อนไว้ในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในกรุงเทพมหานคร โดยเข้าไปโหลดแอพลิเคชั่นแล้วสมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ที่ DISTRICT RACE และศึกษารายละเอียดเพิ่มที่ www.amazingthailandcityrun.com
ภารกิจ (Mission) ประจำสัปดาห์ที่ 1 ซิตี้รัน...มันส์ ฟันเว่อร์ วิ่งสนุกทุกเส้นทาง...ในเมืองกรุง AMAZING THAILAND CITY RUN CHALLENGE สัปดาห์แรกเริ่มเสาร์ที่ 7 -อาทิตย์ที่ 7 พ.ย.63 ผู้ลงทะเบียนร่วมวิ่งโครงการนี้มีเวลาเก็บคะแนนสะสมครั้งละ 3 ชั่วโมง ระหว่าง 05.00-20.00 น. ตามเส้นทางในเมืองกรุงตลอดโครงการทั้งหมด 40 จุดเช็คพ้อยท์ เมื่อสะสมครบ 7,000 แต้ม สามารถแลกของรางวัลลิมิเต็ดเอ็ดดิชั่น
เริ่มต้นสัปดาห์ที่ 1 ใช้ชื่อตอน : วิ่งสุดปัง สีสัน ย่านไฮโซ มี 7 จุดเช็คพอยต์ ให้วิ่งไปยังถนนธุรกิจ “สีลม” หรือ “วอลล์สตรีทเมืองไทย” ชมตึกรามบ้านช่อง สถาปัตยกรรมที่ถูกผสมสานตามกาลเวลา อาทิ ถนนสีลม วัดแขก สวนลุมพินี ซอยธนิยะ สัมผัสวิถีสุดชิคชีวิตหรูหรา "ย่านสาทร" โดยมีตึก “คิง เพาเวอร์ มหานคร และเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญ ลัดเลาะต่อไปยัง “ถนนนราธิวาสราชนครินทร์” เพื่อเก็บคะแนนให้ได้มากที่สุด
วิ่งต่อมายัง “สามย่าน” สีสันใหม่อันตื่นตากับอุโมงค์ทรงอวกาศ
“สามย่านมิตรทาวน์ - จามจุรีสแควร์" แหล่งรวมร้านค้า-อาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ จุดถ่ายรูปสุดฮิปแห่งใหม่ของคนรุ่นใหม่
แวะชิมของอร่อยร้านดัง อาทิ โจ๊กสามย่านจุฬา สุกี้สามย่าน ส้มตำเจ๊แดง ฮกกี่โภชนา ร้านต้นกก
ร้านเค้กระดับตำนานที่อยู่คู่สามย่านมายาวนาน
ปิดท้ายย่านสยามสแควร์ แหล่งช้อปปิ้งและแฟชั่นใจกลางกรุงที่คนทุกวัยคุ้นเคยเป็นอย่างดี แหล่งช้อปหรูโดนใจแต่ละวัยตั้งแต่ สยามสแควร์ สยามพารากอน เอ็มบีเค เซ็นทรัลเวิลด์
สำหรับของรางวัลตอบแทนความสามารถ ของที่ระลึก 1.2,500 คะแนน แลกผ้าพันคออเนกประสงค์ 2.3,000 คะแนน แลก เสื้อวิ่ง 3.4,000 คะแนน แลก เสื้อทีเชิร์ต และ 5,000 คะแนน แลก เสื้อแจ็คเก็ต
ข่าวที่ 5 ทีเส็บชี้เป้าสัมมนาวิถีใหม่ในชุมชนหนองปลาไหลสนุก3กิจกรรม
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” โดย Thai MICE Connect ชวนฝ่ายทรัพยากรบุคคล (Human Resorce :HR) หันมาเลือกสถานที่นำสต๊าฟออกเดินทางไปจัดสัมมนาแนวใหม่ ๆ สัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นสไตล์ ‘สัมมนาวิถีชุมชน’ จะได้ทั้งความสนุก ความรู้ และช่วยเหลือสังคม สถานที่ใกล้กรุงเทพฯ ไปเช้า-เย็นกลับ ได้อย่าง “ชุมชนหนองปลาไหล” จังหวัดชลบุรี
“ชุมชนหนองปลาไหล” วันนี้มีความพร้อมด้านบริการรองรับการจัดสัมมนาอย่างมีคุณภาพและเริ่มเป็นมืออาชีพ ปัจจุบันจัดเตรียมวิถีพื้นบ้านไว้ให้ผู้เข้าสัมมนาร่วมสนุกได้ 3 กิจกรรมหลัก ๆ ดังนี้
กิจกรรมที่ 1: เรียนรู้การดำนา
เกี่ยวข้าวบนผืนนาของหนองปลาไหล
นอกจากแสงสีทะเลอ่าวไทยในชลบุรียังมี “นาข้าว” รอทุกคนมาเปิดประสบการณ์ใหม่ให้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบชาวนา พร้อมทดลองดำนาและเกี่ยวข้าวด้วยตัวเอง ซึ่งมีไฮไลท์พิเศษ! หนึ่งในภูมิปัญญาของเกษตรกรบ้านหนองปลาไหล คือการใช้หนังสติ๊กยิง “ลูกกระสุนปุ๋ยธรรมชาติ” เข้าไปในแปลงนาวิธีการที่ใช้เพิ่มสารบำรุงให้ต้นข้าวเจริญงอกงาม
กิจกรรมที่ 2: เสพศิลป์ดนตรีไทยกับคณะเอกของชุมชน
‘วงศ์สว่างศิลป์’
ในชุมชนรวมตัวกันคณะ ‘วงศ์สว่างศิลป์’ วงดนตรีไทยคณะเอกของชาวบ้านหนองปลาไหล สืบทอดการเล่นดนตรีไทยมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น นำบทเพลงและการบรรเลงเครื่องดนตรีไทยไพเราะให้ฟัง
กิจกรรมที่ 3 : ลิ้มรสชาติอาหารท้องถิ่น ที่หากินยาก
เมื่อมาถึงถิ่นชุมชนหนองปลาไหลแล้วต้องไม่พลาดลองชิมอาหารพื้นบ้านหากินยาก
แนะนำเมนูเด็ด ๆ อย่าง ไหลสลัดได แกงกล้วยรอไก่ แกงเลียงปลีกล้วย แกงปลาคั่วเกลือ
ทีเส็บแนะนำองค์กรที่สนใจจัดสัมมนาวิถีชุมชน สามารถขอใบเสนอราคา หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่เว็บไซต์ Thai MICE Connect หรือคลิก http://bit.ly/MICE_NongPlaLai
ช่วงที่ 2 ประตูอีสานเปิดรอให้ชวนกันไปเที่ยวงาน The Musical แสงสีเสียง “ปาจิต อรพิม อโรคยา...เมตตาแห่งราชัน พิมายปุระ “เทศกาลเที่ยวพิมาย นครราชสีมา” 11-15 พ.ย.นี้ เรื่อยไปจนถึง “วิสาหกิจชุมชนทอผ้าสีธรรมชาตหนองบัวแดง” ชัยภูมิ แล้วก็ต้องรู้ “4เทคนิคลดเสี่ยงเลสเตอรอลสูง” เก็บข้อมูลไว้ป้องกันตัวเอง ห้ามพลาดข่าวร้อนแห่งสัปดาห์ “เบื้องลึก!!บินไทยทำ2เรื่องใหญ่” เลิกจ้างพนักงาน โละขายฝูงบินล็อตเบ้อเริ่ม 34 ลำ ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย สร้างความฮือฮานำตู้ขบวนพิเศษ “จัดทริปเที่ยวกรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” ต้อนรับลมหนาว 3 เดือน พ.ย.63-ม.ค.64 ซื้อตั๋วได้ที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ
ออกเที่ยวงานแสงสีเสียงพิมายปุระโคราช-ชมวิถีผ้าชัยภูมิ
ประตูอีสาน
เปิดต้อนรับการท่องเที่ยวท้าลมหนาว ไปชมซะให้คุ้ม “เทศกาลเที่ยวพิมาย
จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2563” กับการแสดงประกอบแสงสีเสียงชุด “ปาจิต อรพิม ตอน
อโรคยา..เมตตาแห่งราชันย์ พิมายปุระ THE MUSICAL” ระหว่างวันที่ 11 – 15 พฤศจิกายน 2563 ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย
ลำน้ำจักราชและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ในอำเภอพิมาย นครราชสีมา
เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปภายในงานจะได้ชมการแสดงประกอบ
แสง เสียง สื่อผสม ชุด ปาจิต อรพิม ตอน
อโรคยา..เมตตาแห่งราชันย์ พิมายปุระ THE MUSICAL ต่อเนื่องทั้ง 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 11 - 15 พฤศจิกายน 2563 แต่ละวันจะเริ่มแสดงอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาเวลาประมาณ
1 ทุ่มตรง
เดินตลาดย้อนยุคโบราณ
จำหน่ายอาหารพื้นบ้าน กว่า 80 ร้านค้า อาทิ ผัดหมี่(คั่วหมี่พิมาย)
ส้มตำ ขนมไทย
ช้อปผลิตภัณฑ์ชุมชน มากกว่า 40 ร้าน และผลผลิตทางการเกษตร สินค้า OTOP
ส่วนผู้ที่ชื่นชอบเสียงเชียร์สนั่นคุ้งน้ำแนะนำให้ไปเที่ยวช่วง 14 – 15 พฤศจิกายน 2563 เวลา 09.00 – 15.00 น.ชมความยิ่งใหญ่การแข่งขันเรือยาวประเพณีชนะเลิศถ้วยพระราชทานฯ ในลำน้ำจักราช สวยสมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย
ติดต่อรับบัตรชมการแสดง แสง สี เสียง
ได้ที่เทศบาลตำบลพิมาย โทร. 0 4447 1121 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ที่ว่าการอำเภอพิมาย
โทร. 0 4447 1617 หรืออุทยานประวัติศาสตร์พิมาย
โทร. 0 4447 1568
จากโคราชเดินทางไปเที่ยวต่อยัง
“วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าย้อมสีธรรมชาติหนองบัวแดง”
ชวนไปสัมผัสและเรียนรู้วิถีชุมชน กับท่องเที่ยวชุมชนผ้าทอมือหนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ
กับกลุ่มชาวบ้านที่ผลิตผ้าฝ้ายและผ้าไหมทอมือย้อมสีธรรมชาติ
โดยมีจุดขายในแนวอนุรักษ์ผ้าไทย ให้คงความเป็นเอกลักษณ์ที่คนไทยภาคภูมิใจ
ส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน ผลิตภัณฑ์หลากหลายเช่นผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ
โดยมีผ้าอัตลักษณ์ประจำถิ่นให้ทดลองลงมือทำอย่างสนุกสนาน
ทั้ง ผ้ามัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ ผ้าซิ่นโบราณย้อมโคลน กางเกงเล ผ้าคลุมไหล่ เป็นต้น
ลักษณะเด่นของผ้าที่นี่คือการสืบทอดภูมิปัญญาทั้งวิธีการทอ
สวดลายแบบโบราณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น เป็นที่นิยมมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
คือลายไข่มดแดง ลายนาค และยังสร้างสรรค์ลวดลายใหม่ๆ ตามยุคตามสมัยอีกด้วย
เที่ยวเมืองไทย ต้องออกเดินทางไปสัมผัส เพราะตอนนี้สถานที่ท่องเที่ยว อะเมซิ่ง สวยยิ่งกว่าเดิม
แนะเคล็ดลับ4เทคนิคการเลือกลดคอเลสเตอรอลให้ถูกทาง
ไม่ว่าคนผอมหรือคนอ้วนล้วนมีเสี่ยงคอเลสเตอรอลสูงได้ทั้งสิ้น ซึ่งพอคอเรสเตอรอลสูง ก็จะทำให้เสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจได้ในที่สุด ทางที่ดี มาหนีคอเรสเตอรอลตามนี้กันดีกว่า!!
1.รับประทานเนื้อสัตว์แค่ 6 - 9 ช้อนโต๊ะ/วัน : รวมทั้งเลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่มีมันและหนัง
2.หลีกเลี่ยงอาหารทอดต่าง ๆ : โดยเฉพาะของทอดจากน้ำมันทอดซ้ำ ที่เป็นอันตรายต่อหลอดเลือดและหัวใจอย่างมาก
3.ใช้น้ำมันในปริมาณที่เหมาะสม : ควรใช้น้ำมันปรุงอาหารไม่เกินวันละ 5 ช้อนชา สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ต้องการพลังงานมาก และไม่เกิน 9 ช้อนชา สำหรับผู้ใช้แรงงานหรือนักกีฬา โดยใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันรำข้าวประกอบอาหาร
4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ : สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที เพื่อสุขภาพดี ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลสูง
เปิดเบื้องลึก!!บินไทยรุกทำ2เรื่องใหญ่เลิกจ้างคน-โละขายฝูงบินมือสอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีไฮไลต์ที่กำลังได้รับความสนใจส่งท้ายปีและในช่วงต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งศาลล้มละลาย ด้วยการลดค่าใช้จ่ายหาเงินมาพยุงธุรกิจโดยมีความหวังจะรักษาสายการบินแห่งชาติอยู่รอดได้ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) จึงเดินหน้าทำทันทีตอนนี้ 2 เรื่องใหญ่ที่สร้างความฮือฮาอีกครั้ง คือ
เรื่องแรก หลังประกาศเปิดรับสมัครโครงการร่วมใจเสียสละเพื่อองค์กร (Mutual Separation Plan – MSP) ผลปรากฎว่ามีชื่อ “นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ (DN) กับนายวิโรจน์ ศิริโหราชัย ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริหารรายได้และบริการการพาณิชย์ (DR) สมัครเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย อีกทั้งกระแสรายชื่อระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บางฝ่ายอยู่ระหว่างตัดสินใจ
เรื่องที่
2 การบินไทยการบินไทยประกาศขึ้นเว็บไซต์
www.thaiaircrafttrading.com โละขายฝูงบินมือสองล็อตใหญ่อายุการใช้งานกว่า
20 ปี รวมโบอิ้ง B747 และB777-300
ทั้งหมด สนใจยื่นความจำนงซื้อได้ภายใน 13 พ.ย.63
ตามประกาศเว็บไซท์ http://www.thaiaircrafttrading.com/
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจซื้อเครื่องบินมือสองเข้าร่วมกระบวนการเสนอราคาการขายของการบินไทย
โดยสามารถลงทะเบียนและข้อมูลได้ที่อีเมล์ airplanesale@thaiairways.com ยื่นความจำนงการซื้อขายได้ภายในวันที่
13 พฤศจิกายน 2563
การบินไทยได้ประกาศชนิดและรุ่นของเครื่องในฝูงบิน รวม 34 ลำ ประกอบด้วย
1.AIRBUS A300-600 จำนวน 1 ลำ HS-TAR 2.BOEING
737-400 จำนวน 2 ลำ
HS-TDF, HS-TDG
3.AIRBUS A340-500 จำนวน 3 ลำ HS-TLA ,HS-TLB , HS-TLD 4.AIRBUS A340-600 จำนวน 6 ลำ HS-TNA, HS-TNB, HS-TNC ,HS-TND ,HS-TNE, HS-TNF 5.BOEING 747-400 จำนวน 10 ลำ HS-TGO, HS-TGP, HS-TGW (STAR ALLIANCE LIVERY), HS-TGX, HS-TGY, HS-TGZ, HS-TGA , HS-TGB , HS-TGF ,HS-TGG
6.BOEING 777-200 จำนวน 6 ลำ HS-TJA, HS-TJB, HS-TJC,
HS-TJD , HS-TJG , HS-TJH 7.BOEING 777-300
จำนวน 6 ลำ HS-TKA , HS-TKB , HS-TKC ,HS-TKD ,HS-TKE, HS-TKF (ROYAL BARGE
SUPHANNAHONG LIVERY)
การบินไทยระบุ เครื่องบินในฝูงที่ประกาศขาย ส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยเกินกว่า
20 ปี ส่วนA340 มีอายุเฉลี่ย 12-15 ปี
พร้อมทั้งยืนยันเครื่องบินดังกล่าวทั้งหมดยังสามารถใช้งานได้และจะมีสัญญาขายที่ไม่มีประกันหลังการขาย
(As is – Where is)
ผู้ที่สนใจติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม และ ยื่นความจำนงการเสนอราคาได้ที่อีเมลย์ aircraftsale@thaiairways.com ภายในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 ทั้งนี้ได้ยังมีข้อความระบุตอนท้ายว่าข้อมูลข้างต้นอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
สำหรับโครงการร่วมใจเสียสละเพื่อองค์กร (Mutual Separation Plan – MSP) มีพนักงานตอบรับเข้าร่วมโครงกา4,977 คน แบ่งเป็น 1.โครงการร่วมใจจากองค์กร (MSP) A) 1,918 คน 2.โครงการลาระยะยาว (LW20) 2,699 คน และเข้าร่วมทั้ง 2 โครงการ ( LW20&MSP A) 360 คน
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดโครงการร่วมเสียสละเพื่อองค์กรครั้งนี้ ส่งผลให้การบินไทยจะคงเหลือพนักงานรวมจำนวนราว 14,000 คน ลดลงจากเดิมที่มีจำนวนราว 19,000 คน โดยเป้าหมายโครงการร่วมเสียสละเพื่อองค์กร ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายและยืดกระแสเงินสดออกไปให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของการบินไทยในการปรับตัวอย่างเข้มข้น เพื่อรองรับแผนฟื้นฟูในอนาคต
ข่าวที่สอง การรถไฟลุยขาย"ทัวร์รถไฟรับลมหนาว"ยาว3เดือนพ.ย.63-ม.ค.64
นางสาวมณฑกาญจน์ ศรีวิลาศ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ รักษาการแทน ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ในฤดูกาลการท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่กำลังมาถึงในปีนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดเดินขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้เดินทางไปสัมผัสเส้นทางท่องเที่ยวรถไฟลอยน้ำหนึ่งเดียวของเมืองไทย ท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยผืนน้ำและผืนป่าเขียวชอุ่มสองข้างทาง แบบไปเช้าเย็นกลับ วันเสาร์ - อาทิตย์ ต่อเนื่อง 3 เดือน ระหว่างพฤศจิกายน 2563 – มกราคม 2564 โดยจะเปิดขายตั๋วท่องเที่ยวรถไฟวันแรก 5 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป
ทาง รฟท.ได้จัดตู้รถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสัก รวม 19 วัน เที่ยวแรก วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน ต่อเนื่องเที่ยวต่อไปในวันที่ 15, 21, 22, 28, 29 พฤศจิกายน 2563 วันที่ 6, 12, 13, 19, 20 ธันวาคม 2563 วันที่ 9, 10, 16, 17, 23, 24, 30, 31 มกราคม 2564
รฟท.ได้จัดเตรียมตารางเวลาเดินรถ
เที่ยวไป ออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 07.10 น.
แล้วไปหยุดรับ-ส่ง ผู้โดยสารตามสถานีต่างๆ คือ สามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง
รังสิต อยุธยา สระบุรี แก่งคอย
แก่งเสือเต้นไปจนถึงจุดชมวิว“รถไฟลอยน้ำ” กลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ขบวนรถจะหยุดกลางสันเขื่อนมีเวลาให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมดื่มด่ำกับความงดงาม
ตื่นตาตื่นใจประมาณ 30 นาที
จากนั้นจะเดินทางต่อไปที่สถานีโคกสลุง ให้เวลานักท่องเที่ยวลงไป ถ่ายภาพ ซื้อสินค้ากลุ่มชุมชนท้องถิ่น อีกประมาณ 30 นาที แล้วขบวนรถจะพานักท่องเที่ยวมาที่ตัวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 11.42 น.
นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามอัธยาศัย ไม่ว่าจะเป็นรับประทานอาหารกลางวันจากร้านค้าของชาวบ้านกลุ่มชุมชน เพลิดเพลินกิจกรรมการแสดงวิถีชีวิตของชุมชนไทยเบิ้ง การแสดง และจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง OTOP นั่งรถตัวหนอนชมบรรยากาศบริเวณสันเขื่อน
รวมทั้งนำไปสักการะพระใหญ่ อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี หรือเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ โดยขบวนรถไฟเที่ยวกลับ ออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 15.30 น. แล้วจะถึงสถานีกรุงเทพ เวลา 18.50 น.
นางสาวมณฑกาญจน์กล่าวว่า การรถไฟ พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว โดยจัดรถนั่ง ชั้น 3 ธรรมดา และชั้น 2 ปรับอากาศ ส่วนค่าโดยสารเด็ก และผู้ใหญ่ราคาเดียวกัน ตามรายละเอียดดังนี้
1. ค่าโดยสารอัตราพิเศษรถนั่งชั้น 3 ธรรมดา (พัดลม) ราคา ไป-กลับ * กรุงเทพ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ – กรุงเทพ คนละ 290 บาท * สระบุรี/แก่งคอย - โคกสลุง คนละ 110 บาท * แก่งเสือเต้น/เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ – โคกสลุง คนละ 60 บาท * เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ – กรุงเทพ คนละ 150 บาท เฉพาะเที่ยวกลับเที่ยวเดียว
2. ค่าโดยสารอัตราพิเศษรถนั่งชั้น
2 (ปรับอากาศ) * กรุงเทพ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ –
กรุงเทพ คนละ 490 บาท
* สระบุรี/แก่งคอย - โคกสลุง คนละ 220
บาท * เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
– กรุงเทพ คนละ 250 บาท เที่ยวกลับเที่ยวเดียว
นอกจากนี้ยังให้บริการ "ตู้โดยสารพิเศษจัดเฉพาะเช่าเหมาคัน" บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเป็นหมู่คณะ สามารถเช่าพ่วงเพิ่มไปกับขบวนรถนำเที่ยวดังกล่าวได้ ค่าเช่าตู้โดยสาร ไป- กลับ ดังนี้
1. รถจัดเฉพาะปรับอากาศ
(รถ OTOP Train) จำนวน 2 ตู้(ขบวน) เดินทางได้ 110 คน
ราคา 51,400 บาท
2. รถจัดเฉพาะปรับอากาศ (รถเสบียงครัวร้อน) จำนวน 1 ตู้ เดินทางได้ 20 คน ราคา 34,000 บาท 3. รถจัดเฉพาะปรับอากาศ (รถเสบียงครัวเย็น) จำนวน 1 ตู้ เดินทางได้ 30 คน ราคา 34,000 บาท 4. รถชุด PRESTIGE ประกอบด้วย ตู้ VIP เดินทางได้ 8 คน/ รถประชุม เดินทางได้ 30 คน/รถประชุมและสันทนาการเดินทางได้ 30 คน ในราคาคันละ 40,000 บาท
สำหรับการเช่ารถประเภทเหมาคันทุกชนิด มีค่าใช้จ่ายเพื่อจ้างพนักงานควบคุมเครื่องเสียงเพิ่มคันละ 1,500 บาท/วัน นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อซื้อตั๋วโดยสารล่วงหน้าได้ก่อนเดินทาง 30 วัน ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ
สอบถามข้อมูลโทร.1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเว็บไซต์ www.railway.co.th หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ https://www.facebook.com/129946050353608/posts/4021146491233525/?d=n
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น