ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์”ถอดบทเรียน45วันความสำเร็จ2มิติ "สาธารณสุขคุมอยู่-ธุรกิจฟื้น1,200ล้าน-แรงงานรับค่าจ้าง250ล้าน"

ททท.ถอดบทเรียน45วัน“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์”สร้างความสำเร็จ2มิติ

สาธารณสุขคุมอยู่-ธุรกิจฟื้น1,200ล้าน-แรงงานรับค่าจ้าง250ล้าน

คิงเพาเวอร์ชวนช้อป5แบรนด์ดังของขวัญช่วยคุณแม่ย้อนวัยสวย

ช้อปเพื่อแม่8.8 HER LUCKY DEALSอยู่ที่ไหนก็ช้อปคุ้ม24ชั่วโมง

คิงเพาเวอร์ชู“แบรนด์โลก/ไทย”เฮขายแกรนด์เซลช้อปลุ้นรับ2ล้าน

บอร์ดททท.ฉลุยแผนท่องเที่ยวTATAPปี’65ตั้ง3เป้า1ใน5ของโลก

ททท.มหาโปรอะเมซิ่งเปิดมุมใหม่กทม.5พิกัดเทียบชั้น5ประเทศ

TCEBผนึกเทคสตาร์ตอัพนำทัพWINOVATIONสำเร็จ4เรื่องใหญ่

เขาใหญ่!!เปิดให้เที่ยวได้แล้วทั้งเส้นทางศึกษาธรรมชาติ-ส่องสัตว์

เลือกกินวิตามินซีใน“อาหาร/เครื่องดื่ม”ปลอดภัยได้ประโยชน์จริง

“ศักดิ์สยาม”สั่งบอร์ดกบร.ช่วยแอร์ไลน์/ทำแผนบินรอฟื้น2ปีหน้า

รร.เครือเคปแอนด์แคนทารีเทโปรภูเก็ตเหลือ3,750บาท/สัปดาห์

 

ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร 

รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #ททท  #PhuketSandbox #KingPower #88HerLuckyDeals #เขาใหญ่เปิดแล้ว  

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1694891634038221&id=100005522016696

ช่วงที่ 1 ถอดบทเรียน 45วัน “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” กับ “ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ความสำเร็จ 2 มิติ “สาธารณสุข-เศรษฐกิจ” เดือนครึ่งทำเงินกว่า 1,200 ล้าน ปั๊มลมหายใจการจ้างงานอาชีพรากหญ้ากว่า 250 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติทำ 2 สถิติใหม่ในภูเก็ต ใช้เงินทะลุ 60,000 บาท/คน/ทริป พักนาน 12วัน/คน/ทริป พื้นที่ใหม่ติวเข้มทุกมาตรฐานรอ ศบค.สั่งเดินหน้าแซนด์บ็อกซ์เฟสใหม่ 7+7 “กระบี่/พังงา” พร้อมพิสูจน์ศักยภาพ และรอฟังข่าวดีปี’65 ททท.เตรียมประกาศ “ปีแห่งความพิเศษ” ฟื้นตลาดทั่วโลก

 

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การถอดบทเรียนความสำเร็จโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ตลอด 45 วันหรือประมาณ 1 เดือนครึ่ง มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางสะสมกว่า 20,000 คน เดือนแรก 1-31 กรกฎาคม รวมกว่า 14,000 คน ตอนนี้ก้าวกระโดดเกินสัดส่วนที่คิดไว้ ทางด้าน “ที่พัก” ก็เป็นไปตามคาดการณ์ไว้มีรวมกว่า 3.8 แสนคืน ททท.ดำเนินการควบคู่กัน 2 มิติ คือ 1.มาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข 2.การฟื้นฟูเศรษฐกิจท่องเที่ยว โดยผ่านมาได้ 45 วัน

มิติแรก “มาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุข” ในจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากทั่วโลกเข้ามากว่า 20,000 คน ได้ปฏิบัติตามคู่มือ SOP ประกอบด้วย

เรื่องแรก “การตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบบ้างเพราะวัคซีนถึงแม้จะฉีดครบแล้วแต่ก็ยังมีโอกาสติดได้ จึงต้องโฟกัสเรื่องการเฝ้าระวังที่นักท่องเที่ยวตลอด 14 คืน เริ่มตั้งแต่วันแรกที่มาถึงก็ตรวจหาเชื้อทันที กระทั่งเป็นลบจึงออกไปท่องเที่ยวได้

ในจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามากว่า 20,253 คน (สถิติ ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2564) เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทุกฝ่าย ททท. มีตัวเลขยืนยันเพื่อความมั่นใจ ประมาณ กลุ่มแรก “เข้ามาถึงครั้งแรก”ประมาณ 70 % ตรวจพบมีผู้ติดเชื้อสัดส่วนน้อยมากจำนวนรวมเพียง 50 ราย คิดเป็น 0.27 % เท่านั้น จึงแทบจะไม่มีความเสี่ยงเพราะนำเข้าสถานที่กักทันที โดยเข้าระบบประกันภัยในโรงพยาบาลเอกชนไม่ได้เบียดบังสิทธิ์ของชาวภูเก็ต ซึ่งเป็นการทำงานอย่างเข้มแข็งของสถานีป้องกันโรคเขต 11 กับทีมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)

สำหรับการตรวจครั้งที่ 2 วันที่6/7 ตรวจครั้งที่ 3 วันที่ 12/13 ผู้รับผิดชอบคือ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตกับสาธารณสุขจังหวัด สัดส่วนการพบผู้ติดเชื้อ เมื่อตรวจครั้งที่ 2 พบประมาณ 10 ราย คิดเป็น 0.07 % หรืออาจพบผู้เสี่ยงสูง/เฝ้าดูอาการ ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มแรกก็ให้ครอบครัวไปอยู่ในสถานที่พักที่กำหนดหรือ State Quarantine เพื่อรอผลครั้งต่อไป ครั้งที่ 3 สำคัญมากพบเพียง 0.001-.002 %

ตัวเลขการตรวจพบนักท่องเที่ยวผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาในโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” อย่างเปิดเผยต่อเนื่องทั้ง 3 ครั้ง ถือเป็นการเฝ้าระวังที่ดีมากในการป้องกันความปลอดภัยด้านสาธารณสุขของคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพักผ่อน

เรื่องที่ 2 “การฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของคนภูเก็ต” สามารถฉีดเข็มแรกได้ถึง 90 % ฉีดเข็มที่สองเกินกว่า 70 % บุคลากรด่านหน้า สาธารณสุข ฉีด 100 %

ทั้งนี้ไม่ได้ต้องการจะนำ “การบริหารจัดการวัคซีนหรือเฝ้าระวังโควิด” ของจังหวัดภูเก็ตไปเปรียบเทียบว่าทำได้ดีกว่าจังหวัดอื่น แต่เนื่องจากเป็น “พื้นที่นำร่อง” การทดลองเปิดประเทศนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน จึงได้เห็นตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างประสบความสำเร็จ

กรณีมีบางช่วง “พบจำนวนผู้ติดเชื้อ” ซึ่งพบส่วนใหญ่มาจากในประเทศที่อยู่ภูเก็ตสูงเป็นผลมาจากสาธารณสุขจังหวัดเดินหน้าตรวจเชิงรุกมากขึ้น ตัวอย่างแคมป์คนงานพื้นที่ต่าง  ๆ มีโอกาสแพร่เชื้อ จึงส่งผลให้ตัวเลขสูงขึ้นบ้าง แต่ต้องมาดูวิธี “การจัดการ” อย่างมีขั้นตอนระดับ 1-2-3 โดยประเมินจากการครองเตียงของผู้ป่วยที่น่าสนใจ ระดับครองเตียง “สีแดง” มีว่างอยู่ค่อนข้างสูงกว่า 40 % “สีเหลือง” ว่าง 30 % “สีเขียว” ว่าง 30 % สะท้อนถึงคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว จึงทำให้เจ็บป่วยรุนแรงค่อนข้างต่ำ

แต่ภูเก็ตก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อเพิ่มคนที่เข้าสู่ระบบติดเชื้อเดิมให้เข้าสีเขียวได้มากที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจในการเปิดเมืองท่องเที่ยว



มิติที่ 2 “ด้านเศรษฐกิจ” นักท่องเที่ยวในโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เกิดผลลัพธ์ทางรายได้ ดังนี้

“ทางตรง” เกิดการใช้จ่ายเงินระหว่าง 1 กรกฎาคม – 14 สิงหาคม 2564 รวมแล้วมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท  เป็นผลมาจาก “วันพัก” นานขึ้น เฉลี่ย 12 วัน/คน/ทริป ช่วงสถานการณ์ปกติจะไม่เกิน 11 วัน/คน/ทริป กับ“ค่าใช้จ่าย” ที่หลายหน่วยงานช่วยกันประเมินมียอดใช้ขั้นต่ำ 60,000 บาท/คน/ทริป มากกว่าสถานการณ์ปกติเช่นกันที่จ่ายเฉลี่ย 50,000 บาท/คน/ทริป

สำหรับตัวเลข “นักท่องเที่ยว 20,000 คน” กับ “การจองพัก 300,000 คืน” มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญ คือ อันดับแรก เป็นการทำลายสถิติวันพักเฉลี่ยของต่างชาติเข้าภูเก็ต ก่อนหน้านี้พักอยู่อย่างมาก 5 คืน/คน/ทริป เนื่องจากเมืองไทยมีความหลากหลาย นักท่องเที่ยวจึงกระจายตัวไปทั่วประเทศ เดินทางไปเที่ยวต่อในจังหวัดอื่น ๆ เช่น สมุย กระบี่ เชียงใหม่ หัวหิน พัทยา ชลบุรี และอีกหลายแห่ง

แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวอยู่ภูเก็ตรับ 11-12 คืน/คน/ทริป ส่วนหนึ่งมาจากข้อกำหนดตาม SOP ควบคุมป้องกันโรค ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย ฉีดวัคซีนครบ และตรวจหาเชื้อตามเงื่อนไขทุกอย่าง แต่ที่นักท่องเที่ยวไม่ได้อยู่ภูเก็ต 14 คืนขึ้นไป เป็นเพราะ “พฤติกรรมนักท่องเที่ยว” ปกติจะอยู่ที่ใดที่หนึ่งไม่เกิน 10 วัน ตัวอย่างเช่น สายการบินแอลอัล อิสราเอล เปิดบินเข้าภูเก็ตครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากเทลาวีฟ-ภูเก็ต 34 เที่ยว/สัปดาห์ มีนักท่องเที่ยวพัก 10 วัน เป็นมาตรฐานที่ยืนยันถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทย โดยไม่สามารถบังคับให้อยู่เกินกว่านี้ได้

ทางด้านมิติเศรษฐกิจนั้นมีสัญญาณที่ดีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะถึงแม้ธุรกิจในภูเก็ตจะเพิ่งทยอยเปิดบริการจำนวนไม่มาก นักท่องเที่ยวยังใช้จ่ายเงินสูง ต่อไปธุรกิจมีแนวโน้มจะเปิดมากขึ้น กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินมากขึ้น


“ทางอ้อม” สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มอีก 1-2 เท่า ซึ่งเกิดจากมีการจ้างงานเข้าสู่ระบบมากขึ้น ทั้งพนักงานโรงแรม รถบริการสาธารณะ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้รับเงินจากนักท่องเที่ยวภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ แล้วไปใช้จ่ายหมุนเวียน ไปซื้ออาหารการกิน ค่าใช้จ่ายในครอบครัว และในชีวิตประจำวัน

“กลุ่มผู้มีส่วนได้รับประโยชน์” ผลจากการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าภูเก็ตโดยไม่กักตัว จึงเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวสามารถใช้จ่ายเงินถึงมือชุมชนชาวบ้านได้ด้วย ตัวอย่าง เช่น ร้านขายอาหารขนาดเล็กตามชายหาด เริ่มมีรายได้ไปจ่ายค่าเทอมลูก ๆ และยังมีอีกหลากหลายกลุ่มด้วยเช่นกัน

“เม็ดเงินการจ้างงาน” เม็ดเงินหมุนเวียนจ้างงานแล้วกว่า 250 ล้านบาท โดย ททท.กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำผลสำรวจหรือ “โพลล์รายได้การจ้างงาน” จากกลุ่มแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภูเก็ตจำนวนหลายพันคน ทั้งคนค้าขาย รถตู้ มัคคุเทศก์ และอื่น ๆ

ขณะนี้ภาพรวม “การกระจายรายได้” ของภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ สู่กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในภูเก็ต จากจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมปัจจุบันกว่า 20,000 คน 1.เดินทางกลับประเทศของตนเองแล้วประมาณ 1 ใน 4  2.ยังท่องเที่ยวอยู่ในเมืองไทย 3 ใน 4 ตามพื้นที่ต่าง ๆ ที่สามารถเดินทางได้ทั้ง กรุงเทพฯ สมุย หัวหิน

 


“ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งรายได้” กลุ่มแรก “โรงแรม” ได้ส่วนแบ่งรายได้ราว 20 % กระจายไปยังโรงแรมกว่า 80 % โดยมีจำนวนที่สมัครเข้าร่วมมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยภายใต้ตราสัญลักษณ์ SHA PLUS :Amazing Thailand Safety and Health Administration Plus มีอยู่กว่า 500 แห่ง ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้วประมาณ 400 แห่ง เหลืออีกกว่า 100 แห่ง กำลังรอนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มต่อไป

กลุ่มที่ 2 ผู้ให้บริการ เรือท่องเที่ยว รถเช่า 15 % กลุ่มที่ 3 อาหารและเครื่องดื่ม 10-15 % กลุ่มที่ 4 บริการทางการแพทย์ สุขภาพ (กลุ่มสปาที่เคยเปิดบริการก่อนหน้านี้ หรือกลุ่มรับตรวจหาเชื้อ) 10-15 % กลุ่มที่ 5 อื่น ๆ เช่น ร้านขายของขนาดเล็ก รถตู้ให้เช่า 10-15 %

ทั้งหมดเป็นการถอดบทเรียน “ผลสำเร็จ”ของโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” 2 มิติ ทั้ง “ด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ” ที่ดำเนินการไปแล้วตลอด 45 วันแรก

นายศิริปกรณ์กล่าวว่า การขับเคลื่อนท่องเที่ยวต่อจาก ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ขณะนี้รอทำต่อเนื่องในโครงการ “7+7” เมื่อรัฐบาล สาธารณสุข และประชาชนเกิดความมั่นใจ ททท.หารือร่วมกับเอกชนภูเก็ต เพื่อสร้างความหลากหลายดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ด้วยกลยุทธ์ “ขายพ่วง” เฟสแรก ต้องเน้น “เที่ยวภูเก็ตให้ครบ 7 คืน” ควบคู่กับตรวจหาเชื้อเป็นลบ จะได้รับแบบฟอร์มใบส่งต่อการเดินทาง หรือ transfer form ไปเที่ยวต่อได้ในพื้นที่ที่กำหนดหรือ Seal Route อีก 7 วันหลังจากอยู่ภูเก็ตแล้ว



เป้าหมายเที่ยวต่อ 7 วันหลัง มี 3 พื้นที่หลัก ได้แก่ 1.“สมุย พลัส โมเดล” คือ สมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน เปิดไปแล้วตั้งแต่ 15 กรกฎาคม 2.กระบี่ แซนด์บ็อกซ์ นักท่องเที่ยวต้องมีใบแบบฟอร์มเที่ยวต่อได้ โดยให้นั่งเรือช่องทางเดียวที่ท่าเรือรัชดา หรือท่าเรืออ่าวปอ ไปได้ 3 แห่ง คือ เกาะพีพี เกาะไหง หาดไร่เลย์ เป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนครบเรียบร้อยแล้ว 3.พังงา มี 3 แห่ง 1.เขาหลัก จะเป็นพื้นที่แรกที่เปิดแหล่งท่องเที่ยวบนฝั่ง (inland) โดยไม่กักตัว อีก 2 แห่ง คือ เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ เป็นอีกทางเลือกด้วย

สำหรับ “กระบวนการเปิดโครงการท่องเที่ยว 7+7” ขณะนี้ต้องรอความเห็นชอบจากที่ประชุม ศบค.ก่อนหน้านี้ทาง ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจไวรัสโควิด-19 (ศบศ) อนุมัติเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 ทันทีที่ ศบค.รับทราบและเห็นชอบเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไป คือ

1. ททท.ก็จะให้ สำนักงานต่างประเทศแจ้งผู้ประกอบการท่องเที่ยวขายแพกเกจในแต่ละตลาดทันที

2.กระทรวงการต่างประเทศทยอยอนุมัติเอกสาร ใบรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (COE :Certificate of Entry) แก่นักท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ โดยแสดงหลักฐานยืนยันการจองห้องพัก การฉีดวัคซีน เพื่อเข้าภูเก็ต และจังหวัดในโครงการ 7+7 โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเดินทางเข้าภูเก็ตก่อน 7 วันแรก จากนั้นวันที่ 8 จึงสามารถเดินทางต่อไปสมุย กระบี่ พังงาได้

นายศิริปกรณ์กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมหมุนเวียนมารับตำแหน่ง “รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด” ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป (ปัจจุบันเป็นรองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรปฯ) อันดับแรก จะทำต่อเนื่องตามแนวท่านรองธเนศวร์ เพชรสุวรรณ มุ่งทำการสื่อสารสร้างความเข้าใจ ความมั่นใจ ทั้งคนไทยทั่วประเทศและนานาชาติทั่วโลก ถึงแนวทางการ “เปิดเมือง/เปิดประเทศ” จะทำอย่างไร อันดับ 2 พยายามเน้นการสื่อสารมากขึ้น ตัวอย่าง การทำภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ได้จัดทำสำรวจกับนักท่องเที่ยวว่าได้รับข้อมูลมาจากไหนบ้าง ได้คำตอบว่า ช่องทางแรก จากโซเชียลมีเดีย 50 % ช่องทางที่สอง จากเพื่อนฝูง/คนรู้จัก สายการบิน ททท.สำนักงานต่างประเทศอีก 50 %

ดังนั้นสิ่งที่จะต้องเติมเพิ่มเข้าไปในแผนแม่บทท่องเที่ยวด้านสื่อสารการตลาดปี 2565 (TATAP 2022) อีก 2 เรื่อง คือ 

เรื่องที่ 1 สร้างการรับรู้เพื่อสื่อสารการตลาดเทรนด์ใหม่ด้วยแพลตฟอร์ม“Viral Marketing โดยเฉพาะภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ในแง่มุมการรับรู้จริง ๆ แบบธรรมชาติ หรือ organic experience เข้าไปดูว่านักท่องเที่ยวแชร์ข้อมูลกันมาจากไหนจะต้องตามไปนำมาเผยแพร่ต่อให้เห็นถึงความรู้สึกอย่างบริสุทธิ์ใจ

เรื่องที่ 2 ประเทศไทยน่าจะต้องประกาศ “ปีพิเศษ” เพิ่มเติมในปี 2565  เพราะหากย้อนไปเมื่อ 30 ปีก่อน ประกาศปี Visit Thailand Year ย้อนไป 20 ปีก่อน ประกาศปี Amazing Thailand วันนี้ถึงเวลาคงต้องทำบางอย่างโดยมีแนวคิดเตรียมไว้แล้ว รอตกผลึกฟังเสียงจากเอกชนและภาคีพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ที่จะทำงานเชิงบูรณาการร่วมกันทั้งประเทศ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยฟื้นกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ คิงเพาเวอร์ชวนช้อป5แบรนด์ดังของขวัญช่วยคุณแม่ย้อนวัยสวย       

            กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีผลิตภัณฑ์ให้นำไปบอกรักคุณแม่คนพิเศษของแต่ละครอบครัว ด้วย “Beauty Best Buy: 5 เซตแอนตี้เอจจิ้ง” ซื้อของขวัญชิ้นที่มีความหมายอย่างยิ่ง กับสกินแคร์บำรุงผิวหน้าที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพื่อผิวหน้ากระจ่างใสและกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เติมพลังใจให้คุณแม่ย้อนวัยสวยใสอีกครั้ง

โดยเลือกช้อปทางออนไลน์ได้ที่ www.kingpower.com หรือ บริการ Call to Shop กริ๊งเดียวครบ จบทุกการช้อปปิ้ง อยู่บ้านก็ช้อปได้ด้วยผู้ช่วยช้อปแบบส่วนตัว โทร. 02-338-7870



แบรนด์ที่ 1 GIVENCHY - มีสกินแคร์คอลเลคชั่น L’intemporel ช่วยบำรุงผิวหน้า และช่วยต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัยที่มองเห็นได้ ด้วยส่วยผสมที่ต่อต้านริ้วรอยอันโด่งดังเพื่อสร้าง Timeless Blend Complex เพื่อผิวอ่อนเยาว์เหนือกาลเวลา

แบรนด์ที่ 2 SISLEY  -นำเสนอ “ครีมบำรุงผิว” ในคอลเลคชั่นของซิสเลญ่า (Sisleÿa) ด้วยสูตรผสมเปี่ยมประสิทธิภาพ ในแบบฉบับตำนานแห่งการบำรุง ซิสเลญ่าจะช่วยฟื้นคืนความชุ่มชื้น ปรนเปรอผิวของคุณ ให้อิ่มเอิบอ่อนเยาว์ขึ้น ริ้วรอยแห่งกาลเวลาดูลดเลือนลง



 
แบรนด์ที่ 3 SK-II - มีคอลเลคชั่นขายดีตลอดกาลอย่าง “R.N.A.POWER” เพื่อผิวสุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ ที่อุดมไปด้วยนวัตกรรม RNArchitect Complex ล็อกความชุ่มชื้น บำรุงผิวอย่างล้ำลึก ช่วยลดเลือนริ้วรอยซึ่งเป็นสัญญาณแห่งวัย ให้ผิวเปล่งประกายเพิ่มพลังให้กับผิวของคุณกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

 


แบรนด์ที่ 4.CLÉ DE PEAU BEAUTÉ : เคล เดอ โป โบเต้  ต้องช้อปผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าคอลเลคชั่น Fortifying มีทั้ง “สูตรกลางวัน” ช่วยปลุกพลังความอ่อนเยาว์และความเปล่งประกายให้ฟื้นคืนสู่ผิว มอบความชุ่มชื้นให้ผิวเปล่งประกายตลอดทั้งวัน และ “สูตรกลางคืน” ช่วยเสริมความแข็งแรงให้แก่ผิว มอบความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น พร้อมต้อนรับเช้าวันใหม่ที่สดใส

 

แบรนด์ที่ 5 LANEIGE : ลาแนจช์ แบรนด์ขวัญใจสาวชาวเอเชีย มีคอลเลคชั่น Renew โดดเด่นเรื่องการกำเนิดเซลล์ผิวใหม่ ฟื้นฟูลึกถึงระดับเซลล์ผิว เสริมสร้างปราการปกป้องผิว ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นความยืดหยุ่นในชั้นผิว คงความชุ่มชื้นให้ยาวนานและเผยผิวเปล่งประกาย แลดูอ่อนเยาว์ได้ใน 4 สัปดาห์

 


ข่าวที่
2
ช้อปเพื่อแม่8.8 HER LUCKY DEALSอยู่ที่ไหนก็ช้อปคุ้ม24ชั่วโมง

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำหลากหลายไอเทมราคาดีมาให้เลือกซื้อกันแบบจุใจที่ “คิง เพาเวอร์” ออนไลน์ แอพลิเคชั่น โซเชียล มีทั้งสินค้ากลุ่มแฟชั่น บิวตี้ เครื่องใช้ภายในบ้าน อิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ มาตอบโจทย์ทุกความชอบ “คุณแม่” ในราคาพิเศษ ด้วยโปรโมชั่นแคมเปญ “8.8 HER LUCKY DEALS” วันนี้ -18 สิงหาคม 2564 เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท ลดสูงสุด 40%

พร้อมมี EXCLUSIVE SV CODE มอบความคุ้มค่ามากกว่าเดิม ลดแล้วก็ยังลดเพิ่มอีก! 5% เมื่อช้อปครบ 1,200 บาท เพียงกรอกรหัสส่วนลด SV Code ก่อนการชำระสินค้า ถามหารหัสฯ ได้จากพนักงาน คิง เพาเวอร์ ทุกคน ช้อปออนไลน์ได้ง่าย ๆ ที่ www.kingpower.com และ แอปพลิเคชัน King Power

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ King Power Contact Centre 1631

 


ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์ชู“แบรนด์โลก/ไทย”เฮขายแกรนด์เซลช้อปลุ้นรับ2ล้าน

คิง เพาเวอร์ พาเหรดสินค้าแบรนด์ระดับโลกและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาตรฐานสากล ร่วมมหกรรมขายในโครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2021 ตั้งแต่วันนี้  – 15 ก.ย. 64 เมื่อมียอดช้อปครบทุก 2,000 บาท รับสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษจากแคมเปญ Amazing Thailand Grand Sale 1 สิทธิ์ ลุ้นรับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท เพียงสแกน QR Code ท้ายใบเสร็จรับเงินหรือลิงก์ด้านล่าง เพื่อกรอกข้อมูลและลงทะเบียนรับสิทธิ์

ทุกบริการของ คิง เพาเวอร์ ปฏิบัติตามมาตรการดูแลป้องกันตามที่ภาครัฐกำหนดอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด และเน้นย้ำมาตรการ D-M-H-T-T เป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อควบคุมการระบาดอย่างเคร่งครัด

สำหรับการช้อปในโครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2021 และบริษัทฯ กำหนด  ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียน : https://bit.ly/2UfaJfY

 


ข่าวที่ 4 บอร์ด ททท.ผ่านฉลุยแผนท่องเที่ยวTATAPปี’65ตั้ง3เป้า1ใน5ของโลก

คณะกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ที่ประชุมบอร์ดอ ททท.ประจำเดือนสิงหาคม 2564  เห็นชอบแผนแม่บทส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวของ ททท. ประจำปี 2565 หรือ TATAP 2022 เรียบร้อยแล้ว ตามขั้นตอนช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้จะประกาศแผนดังกล่าวให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้รับทราบเพื่อนำไปจัดทำแผนธุรกิจ

โดยตั้ง 3 เป้าหมายไว้ชัดเจนในแผนแม่บทการท่องเที่ยวปี 2565 ประกอบด้วย

เป้าหมายแรก - วางตำแหน่ง “รายได้ท่องเที่ยวของประเทศไทย” ติด 1 ใน 5 ของโลก ด้วยการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามปัจจัยผันแปรทางเศรษฐกิจแบ่งตามสถานการณ์ได้ 3 กรณี คือ

กรณีที่ 1 สถานการณ์ท่องเที่ยวฟื้นตัวดี : Best Case จะทำรายได้ท่องเที่ยว 1.9 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ 1.05 ล้านล้านบาท มีจำนวนนักท่องเที่ยว 18 ล้านคน ตลาดในประเทศ 850,000 ล้านบาท  มีนักท่องเที่ยว 160 ล้านคน-ครั้ง

กรณีที่ 2 สถานการณ์ท่องเที่ยวฟื้นตัว มีความเป็นไปได้ ณ เงื่อนไขปัจจุบัน : Base Case จะทำรายได้ท่องเที่ยวรวม 1.6 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ 820,000 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยว 13 ล้านคน ตลาดในประเทศ 780,000 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยว 140 ล้านคน-ครั้ง

กรณีที่ 3 ท่องเที่ยวฟื้นตัวล่าช้า :Worse Case จะทำรายได้ท่องเที่ยวรวม 1.3 ล้านล้านบาท จาก ตลาดต่างประเทศ 620,000 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยว 10 ล้านคน ตลาดในประเทศ 680,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยว 122 ล้านคน-ครั้ง

เป้าหมายที่ 2 – การสร้างความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยวไทย จะต้องรักษาส่วนแบ่งรายได้ตลาดในประเทศไว้ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 33%

เป้าหมายที่ 3 -สื่อสารการตลาดเชิงรุก ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ตลาดในและต่างประเทศดังนี้

“ตลาดในประเทศ” จะใช้ธีม “เมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” กระตุ้นด้วย 3 กลยุทธ์ 1.การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างสมดุล 2.การใช้จ่ายอย่างสร้างสรรค์ด้วยประสบการณ์ท่องเที่ยว 3.พัฒนาคุณค่าแบรนด์ให้มีคุณค่าเทียบเท่าตลาดต่างประเทศ

“ตลาดต่างประเทศ” จะใช้ธีม “Amazing Thailand กระตุ้นด้วย 3 กลยุทธ์ คือ 1.เจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพสูง 2.เพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายต่อคนต่อทริปด้วยกิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์เดินทางวิถีใหม่ 3.ตอกย้ำความเชื่อมั่นคุณค่าแบรนด์ท่องเที่ยวไทย

 


ข่าวที่ 5 ททท.มหาโปรอะเมซิ่งเปิดมุมใหม่กทม.5พิกัดเทียบชั้น5ประเทศ

 

นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ทีมงาน “มหาโปร อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม” ได้นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ ผ่านสื่อออนไลน์ 5 พิกัด โดยเทียบเคียงการท่องเที่ยวแต่ละแห่งบรรยากาศใกล้เคียงได้อยู่ในต่างประเทศ เมื่อสถานการณ์ล็อกดาวน์สิ้นสุดลงจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนหันมาเพิ่มประสบการณ์เดินทางกินสนุกถ่ายรูปกระจาย 2 วันในกรุงเทพฯ เก๋ ๆ ในบรรยากาศสุดชิค เที่ยวกรุงเทพเหมือนได้เที่ยวทีเดียว 5 ประเทศ

พิกัดที่ 1 Public Walk link Lumphini - Benjakiti Park สะพานเขียวอันโดดเด่นเป็นจุดถ่ายรูปสุดฮิตที่ได้บรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่น แนะนำให้แวะมาเช็คอินได้ทุกคน

พิกัดที่ 2 Dragon Town โลเคชั่นสุดเก๋ต้องห้ามพลาด เต็มไปด้วยกลิ่นอายของ ตึก อาคารต่าง ๆ ออกแบบสไตล์จีนโมเดิร์น บรรยากาศดีราวกับอยู่ในเกาะฮ่องกง

พิกัดที่ 3 Starbucks The Davis Bangkok Hotel ทำเลนี้โด่งดังไม่แพ้ย่านไหน ๆ เพราะให้บรรยากาศเหมือนอยู่ลอนดอน ผู้คนนิยมมาถ่ายรูปบริเวณด้านหน้าร้าน

พิกัดที่ 4 สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา บรรยากาศชวนให้นึก ถึง Seoullo 7017 ในกรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี สวนของเมืองไทยใจกลางกรุงก็สวยงามไม่แพ้กัน แถมยังเหมาะเป็นแหล่งผ่อนคลาย ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบฟินได้ด้วย

พิกัดที่ 5 เรือเจ้าพระยาปริ๊นเซส สามารถล่องเรือดินเนอร์บรรยากาศแบบไทยกลางแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อม ๆ กับเลือกรับประทานบุฟเฟต์ซีฟู้ดสุดอลังการ ราคาสบายกระเป๋า เพียง 790 บาท/คน ปกติ 1,900 บาท/คน ละลานตาด้วยเมนูจัดเต็ม กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ แซลมอนสด เติมแบบไม่อั้น   รวมของหวานอีกมากมาย

 

ทั้งนี้ ททท.ย้ำเน้นให้ทุกคนเดินทางภายใต้ การท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคม สวมใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และดูแลรักษาสุขภาพเป็นอย่างดี

 


ข่าวที่ 6 TCEBผนึกเทคสตาร์ตอัพนำทัพWINOVATIONทำสำเร็จ4เรื่องใหญ่

นางจารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้อำนวยการฝ่าย MICE Intelligence และนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB"  เปิดเผยว่า ทีเส็บทำ“แผนขับเคลื่อนไมซ์ด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี” มีเครื่องมือหลักคือ 1.MICE Innovation Catalog เป็นปฏิทินรายเดือน เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ผู้ประกอบการไมซ์สามารถเลือกใช้งานได้มากยิ่งขึ้น 2.แพลตฟอร์มที่มีนวัตกรรมด้านไมซ์ที่พร้อมให้บริการกว่า 70 นวัตกรรม จาก 50 บริษัท เข้าชมได้ทางเว็บไซต์ https://innocatalog.tceb.or.th

            3. กลุ่มธุรกิจ Travel Tech ที่เป็นผู้ให้บริการนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการ “MICE Winnovation” เข้าร่วมกับทีเส็บด้วย 6 บริษัท ได้แก่ บริษัท เอด้าซอฟท์ จำกัด บริษัทเดย์เวิร์ค จำกัด บริษัท ซีที เอเซีย โรโบติกส์ จำกัด บริษัท ลูปส์ รีเสิร์ฟ ยัวร์ ไรด์ จำกัด บริษัท คิว คิว (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ซิปอีเว้นท์ จำกัด รวมทั้งมี บริษัท โพเชียเนียร์ เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการนวัตกรรมและเทคโนโลยี จากโครงการ “MICE Winnovation” ยังได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) 1.5 ล้านบาท

ผอ.จารุวรรณ กล่าวว่า ความสำเร็จของโครงการ “MICE Winnovation” ปีนี้ทีเส็บประมวลผลจากงานที่จัดขึ้นในช่วงมีนาคม-กรกฎาคม 2564 ส่วนที่ 1 มีเจรจาจับคู่ “ธุรกิจ” ระหว่าง “ผู้ประกอบการไมซ์” กับ “ผู้ให้บริการนวัตกรรมด้านไมซ์” มากถึง 152 คู่ กระทั่งสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ ๆ รองรับการจัดงานไมซ์ร่วมกันได้ ส่วนที่ 2 การจับคู่ขอรับการสนับสนุนจากทีเส็บรวม 35 งาน ขณะนี้ผ่านการพิจารณาได้รับการสนับสนุนแล้วทั้งสิ้น 18 งาน ประกอบด้วย 1.การสนับสนุนเทคโนโลยีการจัดงานแบบ Virtual / Hybrid Event 15 งาน 2.สนับสนุนเทคโนโลยีบริหารจัดการผู้เข้าร่วมงาน หรือ Crowd Management Technology เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ อีก 3 งาน  ปัจจุบันได้จัดไปแล้ว 2 งาน คือ


งานแรก การจัดประชุมใหญ่ไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ครั้งที่ 55 เมื่อ  7-9 พฤษภาคม 2564 มีผู้เข้าร่วมงานออนไลน์จากทั่วประเทศ 2,318 คน

งานที่สอง  Bangkok Projection Mapping Competition 2021 : BPMC 2021 งานประกวดออกแบบสื่อภาพเคลื่อนไหว จัดเมื่อ 12-20 มิถุนายน 2564 มีผู้ชมงานผ่านไลฟ์สตรีมมิ่งบนเฟซบุ๊กร่วม 20,000 ราย ส่วนงานที่เหลือมีกำหนดทยอยจัดช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2564

โดยจะจัดกิจกรรมผลักดันต่อยอดบูรณาการ MICE For Innovation Tec & firm ในวันที่ 16 สิงหาคม และจะนำไปต่อยอดในงาน MICE TECNO MART วันที่ 21 กันยายน 2564 ที่จะจัดการจับคู่ธุรกิจเพิ่มมากขึ้นต่อไป

โดยสรุปแล้วทีเส็บได้ทำให้เกิด MICE INNOVATION พร้อมทั้งมีหน้าที่หาผู้ให้บริการนวัตกรรมมาเสริมสร้างทักษะให้ผู้ประกอบการช่วงวิกฤต แล้วก็จะนำไปใช้ส่งเสริมกับเครือข่ายพันธมิตร และผู้จัดงาน เชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการไมซ์และผู้ประกอบการเทคโนโลยี อำนวยความสะดวกให้ทุกกลุ่มเกี่ยวข้อง 1.ทำงานร่วมกับเทคเฟิร์มเข้ามามากสุด 2.หาวิธีทำให้ไมซ์จัดงานได้ผลสำเร็จสูงสุดเบื้องต้น 4 ส่วน

ส่วนที่ 1  เพิ่มความรู้ด้านนวัตกรรมทางนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการไมซ์ เพื่อการเลือกใช้นวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ  ตัวอย่าง กรณีของการจัดประชุมไลออนสากล ซึ่งมีคนร่วมหลายส่วนซึ่งเปิดใจมาเรียนรู้ ทีเส็บเชื่อมโยงการให้ความรู้เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงงบประมาณต่อยอดเข้าถึงนวัตกรรม ดังนั้นจึงต้องทำงานร่วมกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สวช./NIA) และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA)  ปัจจุบันที่เส็บได้ทำ Open Innovation Fund กับ สวช.ด้วย

 

ส่วนที่ 2 ผลักดันเครื่องมือทางนวัตกรรมเพื่อต่อยอดและสร้างความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจไมซ์

 

ส่วนที่ 3 บูรณาการด้านงบประมาณในการสร้างนวัตกรรมร่วมกับภาคีพันธมิตรเพื่อให้เข้าถึงงบประมาณ

 

ส่วนที่ 4 ปรับการสนับสนุนให้สอดคล้องกับหลายระดับความพร้อมใช้เทคโนโลยีของผู้ประกอบการไมซ์

 

ทั้งนี้ทีเส็บได้จัดทำผลสำเร็จของการเชื่อมโยงผู้ซื้อกับผู้ขาย ที่ใช้บริการแพลตฟอร์ม Thailand MICE CONNECT รวบรวมระหว่างวันที่ 14 พฤษภาคม – 1 กรกฎาคม 2564 มีผู้เข้าร่วม 10,201  ธุรกิจ ผู้ใช้ใหม่ 129,851 ราย การเข้าชม 603,656 เพจวิว และ 112,930 engagements  

ช่วงที่ 2 “เขาใหญ่” เที่ยวได้แล้ว แพ็คกระเป๋าด่วน ๆ เพื่อออกไปสูดโอโซนอาบป่ากันอีกครั้ง ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และกิจกรรมส่องสัตว์ยามค่ำคืน ส่วนบ้านพักรออีกนิด จะเปิด 1 กันยายน นี้ ส่วนเรื่องสุขภาพช่วงนี้คนนิยมกินวิตามิน “แนะวิธีกินวิตามินซีในอาหารและเครื่องดื่ม” อย่างไรให้เกิดภูมิคุ้มกัน และข่าวร้อน ๆ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ทุบโต๊ะให้สำนักงานการบินพลเรือน หรือ กบร.เร่งทำแผนช่วยแอร์ไลน์กับทำแผนการบินรับมือการฟื้นตัวอีก 2-4 ปีหน้า ส่วน “โรงแรมเครือเคป แอนด์ แคนทารี” เทโปรโมชั่นที่พักในภูเก็ต 2 แห่ง เหลือแค่ 3,750 บาท/คน/สัปดาห์


เขาใหญ่!!เปิดให้เข้าไปเที่ยวได้แล้วเส้นทางศึกษาธรรมชาติ-ส่องสัตว์

เสียงเฮดังขึ้นทันที เมื่อทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา แจ้งข่าวดีว่า “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ประกาศเปิดบริการนักท่องเที่ยวตามปกติได้แล้ว ช่วงแรก ๆ ให้เข้าไปเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ หรือ One Day trip เข้า-ออก ได้ตั้งแต่0 6.00 น.-18.00 น. และขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ตลอดเวลา

ได้เวลาออกไปสูดโอโซนธรรมชาติที่เขาใหญ่ ในพิกัดแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้บริการ 4 เส้นทางศึกษาธรรมชาติ คือ 1.ดงติ้ว-หนองผักชี 2. ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว-น้ำตกเหวสุวัต 3. ลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้-เหวสุวัต 4. กม.33-หนองผักชี และอีก 1 น้ำตกตรงเหวสุวัต

 

นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบผจญภัยไปส่องสัตว์ยามค่ำคืน ทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แจ้งมาแล้ววว่า “กิจกรรมส่องสัตว์” ขณะนี้เปิดให้บริการตามปกติ มีรถบริการ 1 คัน นั่งได้คันละ 6-10 คน เปิดวันละ 2 รอบ รอบแรก 19.00 . กับ รอบที่สอง 20.00 . ติดต่อจองรอบได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

หากจะพักค้างคืนที่ “บ้านพักในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” รออีกสักนิด จะเปิดอีกครั้งหลังวันที่ 1 กันยายน 2564 เพราะได้ปิดให้บริการชั่วคราวมาตั้งแต่ 20 กรกฎาคม -31 สิงหาคม 2564)

ส่วนนักท่องเที่ยวที่หลงรักแหล่งท่องเที่ยวในเขาใหญ่ ตอนนี้มี 10 จุด ต้องปิดบริการชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 มี 5 จุด คือ แก่งหินเพิง  น้ำตกเจ็ดคต น้ำตกสาริกา น้ำตกตะคร้อ ลานกางเต็นท์ลำตะคอง และปิดตามฤดูกาลอีก 2 จุด คือ จุดชมวิวผาเดียวดาย กับ น้ำตกเหวนรก

            เขาใหญ่เปิดให้เที่ยวได้แล้ว มีเวลา หาโอกาส ไปสูดโอโซนกัน ภายใต้มาตรฐานการป้องกันแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

 เลือกกินวิตามินซีใน“อาหาร/เครื่องดื่ม”ปลอดภัยได้ประโยชน์จริง

 

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและย (อย.)  ได้แนะนำถึงเรื่อง เครื่องดื่มผสมวิตามินซีสุดฮิตที่หลายคนเลือกซื้อมาดื่ม โดยคาดหวังจะได้รับประโยชน์จากวิตามินซีตามปริมาณที่ระบุไว้บนฉลาก

ผู้บริโภคควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์วิตามินซีในอาหารหรือเครื่องดื่มผสมวิตามินซีที่อยู่ในภาชนะบรรจุทึบแสง และเก็บรักษาโดยหลีกเลี่ยงความร้อนหรือแสงแดด

“วิธีป้องกันการสลายตัวของวิตามินซี” ในผลิตภัณฑ์อาหาร เราสามารถทำได้โดย ออกแบบหรือเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่น ภาชนะบรรจุทึบแสง หรือแบบ Multi-layer material  ควบคุมการขนส่งและสถานที่เก็บรักษาอย่างเหมาะสมโดยหลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดด   การใช้เทคโนโลยีการผลิตต่าง ๆ มาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถป้องกันการสลายตัวของวิตามินซีได้ เช่น เทคโนโลยี Encapsulation หรือ ใช้สารช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน เป็นต้น

หน้าที่ของ “วิตามินซี” ช่วยในการทำงานของเอนไซม์ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจน การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและระบบประสาท อีกทั้งยังช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยจัดเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่กินเข้าไป แต่รู้หรือไม่ว่า วิตามินซีในผลิตภัณฑ์อาหารเสื่อมสลายได้ง่ายมาก หากสัมผัสแสงแดดหรือความร้อน โดยปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณการสลายตัวของวิตามินซี ประกอบด้วย

          1. อุณหภูมิ ความร้อน แสงสว่าง เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้วิตามินซีเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและสลายตัวอย่างรวดเร็ว

          2. ออกซิเจน วิตามินซีในรูปสารละลายจะไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศและเปลี่ยนเป็น Dehydroascorbic acid หรือเปลี่ยนเป็นสารอื่น

          3. ประเภทและชนิดของผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารของเหลว หรือความชื้นสูง จะมีอัตราการสลายตัวเร็วกว่าอาหารที่มีลักษณะแห้ง หรือความชื้นต่ำ

          4. ความเป็นกรด-ด่าง วิตามินซีจะคงตัวดีในสภาวะที่เป็นกรดและสลายตัวง่ายในสภาวะที่เป็นด่าง

          5. ภาชนะบรรจุที่เป็นโลหะ เช่น เหล็กและทองแดง จะเร่งให้วิตามินซีสลายตัวเร็วกว่าขวดแก้วหรือพลาสติก

          6. รูปแบบของวิตามินซีที่เติมลงในผลิตภัณฑ์ เช่น วิตามินซีในรูป L-ascorbate 2-polyphosphate มีการสลายช้ากว่า L-ascorbate 2-monophosphate และ L-ascorbic acid

ข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก “ศักดิ์สยาม”สั่งบอร์ดกบร.ช่วยแอร์ไลน์/ทำแผนบินรอฟื้น2-4ปีหน้า


         นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ครั้งที่ 8/2564  ติดตามผลการดำเนินงานโดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมด้านการบินของประเทศ “ระยะสั้น” เพื่อรองรับการฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติและแผนระยะยาวเพื่อพัฒนาระบบการบินของไทยมุ่งสู่ความเป็นศูนย์กลางทางการบิน

1.เตรียมความพร้อมรองรับให้อุตสาหกรรมการบินกลับมาเป็นปกติช่วง 2 – 4 ปีข้างหน้า ตามข้อมูลการคาดการณ์ของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เพื่อวางแผนระยะสั้นและแผนระยะยาวให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการบินสามารถเตรียมพร้อมรับโอกาสทางเศรษฐกิจเมื่อการบินกลับมาเป็นปกติได้ทัน

2.เดินหน้าพัฒนาระบบการบินทุกมิติเพื่อให้ไทยสามารถรักษาสถานะความเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของภูมิภาคและพร้อมเป็นศูนย์กลางสำคัญของโลกในระยะยาว

เบื้องต้นมีมติให้ดำเนินงานเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19

1.กบร. ตรึงนโยบายให้ความช่วยเหลือสายการบินช่วงวิกฤตโควิด -19 ต่อไปอีกจนถึงสิ้นปี 2564 และจะขยายมาตรการช่วยเหลือปี 2565 ต่อไปอีกหากสถานการณ์ยังไม่ฟื้นตัว  โดยสั่งการให้ “สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลกระทบต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศที่อาจเกิดขึ้นกรณีที่สายการบินประสบสภาวะวิกฤตและยังไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเพียงพอจนบางรายอาจไม่สามารถประคับประคองให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้

CAAT จะต้องเป็นเจ้าภาพร่วมกับสายการบินทำรายงานการวิเคราะห์และความจำเป็นที่สายการบินจะต้องได้รับความช่วยเหลือทางการเงินเร่งด่วน โดยเฉพาะวงเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) ที่สายการบินร้องขอความช่วยเหลือในขณะนี้ รวมถึงการหารือร่วมกับผู้ประกอบการทุกภาคส่วนเพื่อปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันให้มากที่สุด

โดย CAAT รายงานว่าภายในสิงหาคม 2564 จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมการบินหารือครั้งใหญ่เพื่อรับฟังปัญหา จัดทำแนวทางกำหนด Roadmap และเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมการบินของไทยผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ และเตรียมความพร้อมด้านการบินของประเทศทั้งระยะสั้นและระยะยาวร่วมกันเพื่อรองรับการฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะการบินที่ปกติ

2.ติดตามผลการประเมินสถานการณ์ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ กบร. สั่งการให้ CAAT วางแผนจัดทำมาตรการการบินที่รัดกุมพร้อมกับการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว เพื่อรองรับการขยายโครงการแซนด์บ็อกซ์ไปยังจังหวัดอื่น ๆ โดยให้ถอดบทเรียนที่เกิดขึ้นจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

ทาง CAAT ยืนยันภายในสิงหาคมนี้ จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการและจังหวัดต่าง ๆ ประชุมหารือกันเพื่อประเมินผลการดำเนินงานและการจัดการด้านการบินที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง หลังขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ครอบคลุม 29 จังหวัด

 


ข่าวที่สอง โรงแรมเครือเคปแอนด์แคนทารีเทโปรภูเก็ตเหลือ3,750บาท/สัปดาห์

เครือโรงแรม “เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์” เสนอโปรโมชั่นห้องพักราคาสุดพิเศษจาก 2 โรงแรมดัง ในภูเก็ต ได้แก่ เคปพันวา ภูเก็ต และแคนทารี เบย์ ภูเก็ต กับแพ็กเกจ “เที่ยวภูเก็ต ไม่ต้องกักตัว” (Quarantine Free Relaxation Package) เพื่อเชิญชวนท่องเที่ยวภูเก็ตตามโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เปิดต้อนรับชาวไทยและชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 โดส สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว

เลือกบริการห้องพัก รวม อาหารเช้า หรือ อาหาร 2 มื้อ หรือ 3 มื้อ ที่ “โรงแรมแคนทารี เบย์ ภูเก็ต” บริการด้วยห้องสตูดิโอ สวีต รวมอาหารเช้า 2 คน เริ่มต้นที่ 3,750 บาทสุทธิ/คน/สัปดาห์ เมื่อเข้าพักขั้นต่ำ 2 คน/ห้องสำรองห้องพักได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2564  การเข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 ธันวาคม 2564

ภายในห้องพักหรูหราขนาดกว้างขวาง มั่นใจในมาตรการด้านความสะอาด ปลอดภัย พื้นที่ห้องนั่งเล่นแยกเป็นสัดส่วน มีมุมประกอบอาหารพร้อมอุปกรณ์ทำครัวพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ท่ามกลางบรรยากาศสุดชิลล์ริมทะเล เดินเล่นบนชายหาดส่วนตัวยาว 300 เมตร รื่นรมย์กับกิจกรรมทางน้ำ ทั้งการว่ายน้ำ แพดเดิลบอร์ด และพายเรือแคนู อิ่มเอมอร่อยล้ำกับเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากรสจากห้องอาหารและบาร์ชั้นนำของสองโรงแรม และการบริการเหนือระดับสุดประทับใจตลอดการเข้าพักทั้งแบบระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ สิบสี่วัน หรือหนึ่งเดือน

โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต โทร.076 391 123-5, โรงแรมแคนทารี เบย์ ภูเก็ต โทร.076 391 514 หรือ เยี่ยมชมเว็บไซต์ www.capekantaryhotels.com/phuketsandbox/

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai