บิ๊กTCEBพลิกเกมตลาดวิถีใหม่3แนวเพิ่มฐานไมซ์ไทย-อินเตอร์ปี’65
ชูBCG-เทงบช่วยธุรกิจ-บูมไมซ์ชนบท-อินเซนทีฟอิสราเอลแห่มาไทย
“คิงเพาเวอร์”ปลุกช้อปออนไลน์8เดือน8HER LUCKY DEALSลด40%
คิงเพาเวอร์กระหน่ำ“แจกบัตรช้อป7พัน/ลด03%/LCFCมิดเยียร์เซล”
LCFCเอาใจสาวกเลสเตอร์แจกแหลกมิดเยียร์เซลลด30%ถึง31ส.ค.
ททท.ปลุกธุรกิจปรับเกมรับBCG3กลุ่ม“ชุมชน/สุขภาพ/โลว์คาร์บอน”
ททท.ภูเก็ตชวนชิมล็อบสเตอร์ภูเก็ตเฟสต์แจก500บาท/บิลถึง31ส.ค.
“TCEBภาคใต้ถกกรอ.สุราษฎร์รุก“ไมซ์ซิตี้/ศูนไมซ์/แผนยุทธศาสตร์”
“น่าน”เสน่ห์วิถีถิ่นกินโสลดบ้านพิของชาวลัวะ7วัน7คืนช่วงส.ค.ทุกปี
กิจกรรม “ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ”ผ่อนคลายอารมณ์เสริมสุขภาพดี
ทอท.จ่อชงครม.ขอต่อชั่วคราว28สัญญา12กิจกรรมยืดถึงก.พ.ปี66
9โรงแรม“เครือเคปแอนด์แคนทารี”เทโปรถึง31ส.ค.เริ่ม1.1พัน/คืน
วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม
2564
เวลา 11.00-12.00 น.ติดตามรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” กับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #TCEB
#KingPower #Kingpower88HerDeals #TAT
#PhuketSandbox
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1690563827804335&id=100005522016696
ช่วงที่ 1 เปิดแผนขับเคลื่อนไมซ์ปี 2565 กับ “นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” ปักหมุดทำเน้น ๆ 3 แนวทาง “ชู BCG เปิดโหมดนำนวัตกรรมปั้นเศรษฐกิจสีเขียว-กอดคอพันธมิตรส่องหางานอีเวนต์โลกจัดในไทย-กระตุ้นเศรษฐกิจชนบท” เดินเกมรุกใช้ 10 ไมซ์ ซิตี้ เชื่อมโยงเมืองรอบข้างโตไปด้วยกันทั้ง 5 ภาค ล้อมวง 3 อุตสาหกรรมเสาหลัก “อุตผลิต-เกษตรยุคใหม่-สาธารณสุข นำร่อง 11 ส.ค.นี้ ผนึกกระทรวงแรงงานเปิด “คลินิกไลฟ์สตรีม” เชิญชวนธุรกิจไมซ์ที่เดือดร้อนยื่นรับเงินเยียวยา ม.33 ส่วนแรงงานรับตรงคนละ 2,500 บาท พร้อมรับข่าวดี!! ไมซ์ต่างประเทศ กลุ่ม“อินเซ็นทีฟ” อิสราเอลจ่อเข้าไทย 800 คน ต.ค.64 กรุ๊ปสองตามมาติดอีก 1,200 คน ม.ค.65 ด้านไมซ์อเมริกา สแกนนิเวีย ต่อคิวรอเช่นกัน
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า การจัดทำแผนหลักอุตสาหกรรมไมซ์ประจำปี 2565 มุ่งทำเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศให้ได้เร็วที่สุด ตามปีงบประมาณจะเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ทีเส็บเน้นขับเคลื่อน 3 แนวทางหลัก คือ
แนวทางที่ 1 BCG : Bio Circular Green การพัฒนาเศรษฐกิจไมซ์สีเขียวตามนโยบายของรัฐบาล เน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาช่วยแบบครบวงจร
แนวทางที่ 2 เล็งนำงานขนาดใหญ่ระดับนานาชาติเลือกเข้ามาจัดในประเทศไทย เช่น การผนึกความร่วมมือกับryทางกองทัพเรือ คณะกรรมการพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC :Eastern Economic Corridor และสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เตรียมความพร้อมจัดงาน “AIR SHOW” อีก 2 ปีหน้า
แนวทางที่ 3 กระตุ้นเศรษฐกิจชนบท จะใช้งบประมาณใหม่กระจายลงสู่ท้องถิ่นในเรื่อง “ไมซ์ ซิตี้” โดยใช้ฐานของพื้นที่หลักที่ได้ประกาศเป็น MICE CITY ทั้ง 5 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ มี เชียงใหม่ พิษณุโลก ภาคใต้ ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี ภาคอีสาน ขอนแก่น อุดรธานี ภาคกลาง มีกรุงเทพฯ ภาคตะวันออก มี พัทยา/ชลบุรี ขณะนี้มีทีเส็บสำนักงานแต่ละภาคทำงานใกล้ชิดกับทุกพื้นที่
ช่วงตั้งแต่กรกฎาคม
2564 เป็นต้นมาอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งประเทศยังแทบจะจัดกิจกรรมไม่ได้
เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทีเส็บเน้นการทำงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
(ศบค.)
พยายามประสานความมือกันทุกเรื่องเพื่อนำเศรษฐกิจฟื้นกลับมาโดยเร็ว
รวมทั้งช่วงนี้มีประกาศพื้นที่ควบคุมเข้มสูงสุด
ซึ่งเป็นแหล่งที่มีไวรัสโควิดระบาดรุนแรง ทำให้การจัดไมซ์ยังไม่สามารถทำได้
ดังนั้นการปักหมุดแผนขับเคลื่อนไมซ์ ปี 2565 จึงต้องใช้เวลาช่วงนี้เตรียมความพร้อมให้ครบทั้ง 3 แนทาง โดยเฉพาะ แนวทาง BCG การพัฒนาเศรษฐกิจโดยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ เป็นเทรนด์ที่ไมซ์สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น สนับสนุน
กลุ่มที่ 1 “อุตสาหกรรมการผลิต” กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เปลี่ยนจากรถยนต์แบบเดิมเป็นการใช้รถพลังงานสะอาดแทน ซึ่งแนวโน้มทั่วโลกกำลังมีมูลค่าตลาดอยู่กว่า 6 แสนล้านบาท อนาคตอีก 5 ปีหน้า จะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 3.5 ล้านล้านบาท ทีเส็บจึงมุ่งส่งเสริมงานต่าง ๆ ของกลุ่มผู้ประกอบการภาคการผลิต ซึ่งมีกลุ่มการลงทุนเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ลิเทียม และอุปกรณ์ต่าง ๆ
กลุ่มที่ 2 “ภาคการเกษตร” ทีเส็บช่วยหลายภาคส่วนซึ่งเป็นห่วงโซ่เกี่ยวข้อง เช่น การสนับสนุนสร้าง Smart farmer การนำนวัตกรรมโดรนเข้ามาใช้ทำการเกษตรให้ก้าวหน้า
กลุ่มที่ 3 ด้านสาธารณสุข เป็นอีกภาคส่วนที่หน่วยงานเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการในไทยและทั่วโลกต้องหันมาให้ความสำคัญอย่างจริงจัง และการจัดงานด้านนี้จะมีเพิ่มขึ้นต่อไป
นายจิรุตถ์กล่าวว่าปัจจุบันทางสำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เน้นย้ำการสร้างเศรษฐกิจสีเขียวเพิ่มขึ้นในแผนแม่บทฉบับอนาคต ปัจจุบันได้กำหนดตัวเลขการทำเศรษฐกิจ BCG ไว้ประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท อีก 5 ปีข้างหน้าจะขยับขึ้นเป็นปีละ 4.4 ล้านล้านบาท ทีเส็บก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ โดยจะอาศัยช่วงการประชุม APEC ซึ่งทีเส็บเป็นหนึ่งในคณะทำงานสามารถนำเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวในภาคอุตสาหกรรมไมซ์ด้วย
ภารกิจอีกส่วนของทีเส็บคือ
“การทำมาตรฐานป้องกันโควิด” โดยทำงานร่วมกับสาธารณสุข และ
ศบค.ในพื้นที่หลักที่รับผิดชอบคือ “อาคาร-สถานที่” หรือ VENUE กับ “บุคลากรไมซ์” ของ MICE Capility
ซึ่งได้ทำต่อเนื่องอยู่แล้วเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดให้มากที่สุด
ตัวอย่างการพัฒนาบุคลากรไมซ์ผ่านการอบรมทักษะงาน Re-Up Skill ปี 2564 อบรมพนักงานไมซ์ไปแล้วกว่า 7,000 คน ปี 2565 ก็จะเพิ่มจำนวนบุคลากรไมซ์ที่จะได้รับการอบรมทักษะต่าง ๆ เพื่อประโยชน์โดยตรงกับอุตสาหกรรมและการสร้างงาน สร้างอาชีพ ลดภาระการว่างงาน
ดังนั้นการ
“ใช้งบประมาณปี 2565”
จะนำมาลงกับเรื่องโครงการฝึกอบรมทักษะบุคลากรในอุตสาหกรรมไมซ์ด้วย
พนักงานหรือคนที่ประสบปัญหาการถูกเลิกจ้าง ก็ขอให้เข้ามาลงทะเบียนเข้าร่วมอบรม
เพื่อที่จะแก้ปัญหาบางส่วนรอดวิกฤตได้ โดยทีเส็บจับมือกับ “กระทรวงแรงงาน” เพิ่มช่องทางการนำเงินภาครัฐเข้ามาเยียวยาพนักงานในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจไมซ์
ขั้นตอนขณะนี้กำลังหารือกันจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้
ตามนโยบายใหม่ที่รัฐบาลประกาศ โดยมีกระทรวงแรงงานเป็นเจ้าภาพดำเนินการ สามารถช่วยผู้ประกอบการไมซ์แบ่งเบาภาระได้ คือ มาตรการจ่ายเยียวยาผู้ประกอบการที่มีพนักงาน 200 คน/แห่ง อัตรา 3,000 บาท/คน ความช่วยเหลือดังกล่าวจะเป็นการช่วยฟื้นฟูไมซ์กลับมาโดยเร็วที่สุด
โครงการเยียวยาผู้ประกอบการไมซ์ที่ทำร่วมกับกระทรวงแรงงานนั้น ทางทีเส็บเปิดเว็บไซต์ www.thailandbusinessevents.co.th ให้เข้ามาลงทะเบียนแจ้งความประสงค์พร้อมรายละเอียดเพื่อขอรับการเยียวยาโดยกำหนดวันที่ 11 สิงหาคม 2564 จะเปิด “คลินิก ไลฟ์สตรีมมิ่ง” ให้เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานมาตอบข้อซักถามผู้ประกอบการไมซ์ แล้วจัดทำข้อสรุปเผยแพร่อีกครั้ง
ทีเส็บจะให้ความช่วยเหลือ 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ให้เงินเยียวยา “เจ้าของกิจการ” ที่เกี่ยวข้องกับไมซ์ 9 วิชาชีพตามประกาศกระทรวงแรงงานเมื่อ 31 กรกฎาคม 2564 กิจการละไม่เกิน 200 คน คิดตามสัดส่วนจะได้เงินเยียวยาตามจำนวนการจ้าง 3,000 บาท/คน ส่วนที่ 2 เยียวยาพนักงาน ตามสิทธิ์มาตรการช่วยเหลือแห่งสวัสดิการรัฐ/ประกันสังคม คนละ 2,500 บาท
ผอ.จิรุตถ์กล่าวว่า การเข้าไปมีส่วนร่วมของทีเส็บเปิดพื้นที่นำร่องโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เดือนแรกกรกฎาคมที่ผ่านมายังไม่มีไมซ์ต่างประเทศเข้ามา แต่ตอนนี้เริ่มมีตลาดให้ความสนใจและน่าจะเดินทางมาได้ เพียงตอนนี้แต่ตามขั้นตอนจะต้องส่งทีมเข้ามาสำรวจพื้นที่และเส้นทางทั้งหมด เพื่อวางแผนจัดทริปให้ปลอดภัย แล้วจะนำไมซ์เข้าภูเก็ต ประกอบด้วย 2 กลุ่มแรก ได้แก่
1.การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (I :Incentive ) จากอิสราเอล จะเข้ามา 800 คน ช่วงเดือนตุลาคม 2564 และ 2.กลุ่มอิสราเอลที่จะเข้ามาจัดเฉลิมฉลองพิเศษอีก 1,200 คน จะเข้ามาช่วงเดือนมกราคม 2565 ซึ่งจะสามารถสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้อีกจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ด้วยความเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่นำคนเข้ามาพักผ่อนจึงเน้นความเป็นส่วนตัวพอสมควร ในฐานะที่อิสราเอลเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนเร็วและครบก่อนประเทศอื่นจึงมีความพร้อมจะเดินทาง แต่สิ่งหนึ่งเป็นโอกาสที่ดีในอนาคตจาก “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” คือเป็นแม่เหล็กดึงดูดตลาดไมซ์ทั่วโลกได้ต่อไป ดีกว่าไม่ได้ลงทำอะไร ซึ่งทางภูเก็ตก็พยายามทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี และพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโรคด้วย
ผอ.จิรุตถ์ยืนยันว่ากลุ่มอินเซ็นทีฟจะเป็นกลุ่มแรกที่สามารถกลับมาไทยได้เร็วที่สุด โดยมีบริษัท DMC ทำหน้าที่ประสานเอกสารและขั้นตอนต่าง ๆ แบบครบวงจร โดยมีปลายทางในภูเก็ตสามารถเตรียมการณ์ทั้งเรื่อง ศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สามารถให้ข้อมูล ตรวจเช็คโรงแรม/ที่พัก รองรับนักเดินทางเป็นหมู่คณะ โดยมีทีมแพทย์คอยติดตามอย่างใกล้ชิด หากทำโมเดลอินเซ็นทีฟอิสราเอลเข้าภูเก็ตสำเร็จก็จะเป็นแรงจูงใจให้ตลาดอินเซ็นทีฟอีกหลายประเทศ อยากจะตามเข้ามาด้วย เพราะสามารถเข้ามาอยู่ได้มากกว่า 14 วัน ตามระเบียบปฏิบัติของรัฐบาลไทย
สำหรับ “ตลาดอินเซ็นทีฟ” จากประเทศอื่น ๆ ก็มี อเมริกาเหนือ สแกนดิเนเวีย แต่ต้องขึ้นอยู่กับการจัดการภายในภูเก็ตของเราเอง โดยมีทีเส็บเป็นผู้ประสานงานหลักให้ความมั่นใจด้านข้อมูล ด้านความปลอดภัย ซึ่งทีเส็บต้องย้ำเรื่องการทำงานใกล้ชิดกับ ศบค.และกระทรวงสาธารณสุข เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่จะบอกกับตัวแทนไมซ์ในแต่ละตลาด โดยมีองค์ความรู้เรื่องมาตรการป้องกันด้านสุขอนามัยรวมอยู่ด้วย
ผลจากการเปิดโครงการนำร่อง “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ยังได้ส่งผลดีต่อการวางแผนการตลาดไมซ์ในอนาคตที่ทางกระทรวงสาธารณสุข กำลังจะยกระดับภูเก็ตเป็น “เมืองศูนย์กลางสุขภาพ :Medical Tourism Hub” ด้วยอีกแห่ง โดยมีทีเส็บเป็นผู้ประสานงานกับหลายภาคส่วน เช่นการจับมือกับสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งตอนนี้กำลังสนใจดึงงาน “World Medical” มาจัดเพราะทางผู้รับผิดชอบสนใจจะนำงานมาจัดในภูเก็ตเช่นกัน
ผอ.จิรุตถ์กล่าวเพิ่มถึงภารกิจไฮไลต์ปีงบประมาณ
2565 อีกส่วนคือการนำนวัตกรรมดิจิทัลเข้ามาเสริมสร้างศักยภาพเมืองไมซ์
หรือ MICE CITY โดยมีหลายเมืองเชื่อมโยงกับเมืองไมซ์หลัก
เช่น อุดรธานีก็เชื่อมโยงการเดินทางต่อไปยังหนองคาย หรือ ภูเก็ตไปยังพังงา กระบี่
และภาคอื่น ๆ ก็เช่นกัน สิ่งสำคัญคือกลไกการทำงานของไมซ์ ซิตี้ ปีหน้าเป็นต้นไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เรื่อง “สถานที่หรือเดสติเนชั่น” เป็นเรื่องสำคัญ
ขณะนี้ทีเส็บกำลังทำ “เส้นทาง 10 เมืองไมซ์” แล้วกระจายเชื่อมโยงไปยังเมืองต่าง ๆ รอบพื้นที่ โครงการนี้ ทีเส็บร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดโครงการประกวดการจัดทำ 10 เส้นทางไมซ์ ซิตี้ เดือนกันยานนี้จะคัดเลือกเพื่อตัดสินหาเส้นทางดีที่สุดมานำเสนอขายต่อไป โดยโปรโมตผ่านสื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์กระจายปูพรมตลาดในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ทำให้ไมซ์ ซิตี้ เป็นทางเลือกแก่ผู้จัดการเดินทาง กระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวจัดการเดินทางเพิ่มขึ้น
หากปี 2565 เมื่อเปิดประเทศได้โดยสามารถให้ในประเทศและต่างประเทศสามารถเดินทางจัดงานไมซ์ได้
ก็จะช่วยตอบโจทย์ได้ดีกว่าปัจจุบัน ตอนนี้เริ่มมีงานต่าง ๆ
ที่เลื่อนจัดงานกลับมายืนยันจะจัดงานอีกครั้ง เช่น 1.งาน Women Marathon ของนาโงย่า เลือกจัดที่หัวหิน เดือนกันยายน 2565 ตามมาด้วย 2.L’ETap du Tour de France งานปั่นจักรยานระดับโลก
ยืนยันจะยังคงจัดช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ที่สงขลา
ปีงบประมาณ 2565 ทีเส็บจะทำให้ “กลไกอุตสาหกรรมไมซ์” ช่วยหางาน
สร้างเงิน ดึงคนจากทั้งในและต่างประเทศเข้ามาใช้จ่ายกระจายสู่พื้นที่ต่าง ๆ
ให้ได้มากที่สุด ด้วยกลยุทธ์นำความคิดสร้างสรรค์งานอีเวนต์แนวใหม่ ๆ
เลือกสถานที่กระจายการจัดงานและเม็ดเงินเข้าไปยัง 10 เมืองไมซ์
และเมืองเชื่อมโยงใกล้เคียงอีกหลากหลายจังหวัด
เพื่อจะได้ไม่กระจุกตัวอยู่เฉพาะในกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียว
ผอ.จิรุตถ์ยืนยันว่าทีเส็บจะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อนำพาอุตสาหกรรมไมซ์ของไทย
โดยขอให้ผู้ประกอบการทุกภาคส่วนมีความหวังและไม่ยอมแพ้ที่จะฝ่าฟันรอดวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
ในช่วงที่ยังไม่สามารถจัดกิจกรรมไมซ์ได้ ก็ให้หันเข้าร่วมพัฒนาทักษะเพิ่มขีดความสามารถกับทีเส็บเตรียมตัวไว้ให้พร้อม
รวมถึงเข้าร่วมเจรจาผ่านการค้าเสมือนจริง Virtual Trade แต่ธุรกิจโรงแรมก็อาจจะยังไม่มีรายได้จากการเข้าพัก
ห้องประชุมไม่เกิดการจัดงานจริงในห้อง ดังนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันเท่าที่จะทำได้
สามัคคี ฝ่าฟันร่วมกัน เพราะถ้ายอมแพ้กับสิ่งที่เผชิญอยู่ก็จะไม่มีอนาคตที่จะเดินต่อไปได้
จึงขอให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
โดยทีเส็บขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยทุกภาคส่วนตามแผนงานที่มองไปอนาคต
เพราะทุกวันนี้ตลาดไมซ์ต่างประเทศรอแค่จังหวะโอกาสเหมาะสมปลอดภัยจากโควิด
ยืนยันยังพร้อมจะนำเงินมาใช้ในเมืองไทย
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์”ปลุกช้อปออนไลน์8.8 HER LUCKY DEALSลด40%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดชุดใหญ่ให้ช้อปที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” ด้วยโปรโมชั่นพิเศษเอาใจนักช้อปทุกคน ให้คุณได้ช้อปอย่างจุใจ โดยไม่ต้องมีไฟลต์บิน แคมเปญ “8.8 HER LUCKY DEALS” ยาวจุใจถึง 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-18 สิงหาคม 2564 นี้
พบกับดีลสุดคุ้มที่ยกขบวนกันมาสร้างความสุขกับสินค้าแบรนด์เนมมากมาย ลดสูงสุด 40% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท พร้อมแจก LUCKY CODES ลดเพิ่มอีก 5% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท เฉพาะวันที่ 11-13 และ 17-18 สิงหาคม 2564 นี้ เท่านั้น
เตรียมตัวเปิดประสบการณ์ช้อปออนไลน์กับ คิง เพาเวอร์ แบบไม่ต้องมีไฟลต์บิน แม้จะอยู่บ้านก็สนุกกับการช้อปสินค้าราคาดิวตี้ฟรี ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน Home Delivery ส่งฟรีทั่วประเทศ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 699 บาท ทางเว็บไซต์ www.kingpower.com และคิง เพาเวอร์ แอปพลิเคชั่น
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์กระหน่ำ“แจกบัตรช้อป7พัน/ลด03%/LCFCมิดเยียร์เซล”
คิง เพาเวอร์ ชวนชอปออนไลน์แบบไม่ต้องยั้งตลอดเดือนสิงหาคม
2564กับอีก 3 แคมเปญ “ยิ่งใช้
ยิ่งได้” แจกบัตรกำนัลอิเลคทรอนิกส์ 7,000 บาท Super
Deals Super Brands ลดไม่ยั้ง 30 % และ LCFC
เอาใจสาวกผลิตภัณฑ์กีฬาเลสเตอร์ ซิตี้ จัด Mid Year Sale ซื้อคละสินค้าลดทันที 30%
แคมเปญที่ 1 ยิ่งใช้ ยิ่งได้” คิง เพาเวอร์ แจก “E-Voucher หรือบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์” มูลค่ารวมสูงสุด 7,000 บาท เมื่อช้อปสินค้าต่าง ๆ ทั้งสินค้าดิวตี้ฟรี และสินค้าป้ายฟ้า ผ่านช่องทางออนไลน์ส่งถึงบ้าน Home Delivery ตั้งแต่สิงหาคม– 31 ธันวาคม 2564 ร่วมสนับสนุนรัฐบาลชวนคนไทยที่ได้รับสิทธิ์ตามโครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เข้ามาเลือกช้อปกับคิง เพาเวอร์ แล้วจ่ายเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการด้วยเงินของตนเองผ่าน G-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
ส่วน “การใช้จ่าย” เพื่อนำมาใช้คำนวณสิทธิ์ “รับคืนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E – Voucher” ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2564 แล้วสามารถใช้สิทธิช้อปในโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ผ่านสิทธิ์รูปแบบบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ได้ระหว่างสิงหาคม – 31 ธันวาคม 2564
ทั้งนี้ คิง เพาเวอร์ มีเงื่อนไขเกี่ยวกับสินค้าและกิจกรรมบางอย่างไม่ได้เข้าร่วมขายในโครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” คือ 1.สินค้าแผนกสุรา บุหรี่ 2.การซื้อการ์ดเงินสด (Cash Card) หรือ 3.การแพ็กเกจสมัครสมาชิก
แคมเปญที่ 2 SUPER DEALS SUPER BRANDS ช้อปออนไลน์กับ คิง เพาเวอร์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ช้อปได้อย่างสนุกทุกที่ ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2564 เพื่อรับส่วนสูงสุด 30% เมื่อมียอดช้อปครบ 2,000 บาท พร้อมกับใส่รหัสส่วนลด SDSBAUGช้อปเลยที่ - https://bit.ly/2VaS3OM
แคมเปญที่ 3 ซื้อแคชการ์ด (Cash Card) รับเพิ่มกิฟต์การ์ด
(Gift Card) เพื่อให้นำไปช็อปได้ในมูลค่าเพิ่มสูงสุดถึง 8,000 บาท ที่ คิง
เพาเวอร์ ภูเก็ต ระหว่างวันนี้ -31 สิงหาคม 2564 โดยมีทัพสินค้าสินค้าเข้าร่วมรายการหลากหลายมากมาย
ยกเว้นสินค้าแผนกสุรา และบุหรี่ คลิกช้อปได้ที่
https://bit.ly/3zbUbo5
เลือกช้อด้วยแคชการ์ดกับกิฟต์การ์ดที่คิง
เพาเวอร์ ภูเก็ต ได้ทุกวันหมวดสินค้า เครื่องสำอาง น้ำหอม เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า
และสินค้าแฟชั่นอีกมากมาย พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษดังนี้ 1.รับกิฟต์การ์ดเพิ่มอีก 2,500 บาท เพียงซื้อแคชการ์ด
มูลค่า 20,000 บาท 2.รับกิฟต์การ์ดเพิ่มอีก 8,000 บาท เพียงซื้อแคชการ์ด
50,000 บาท
ข่าวที่ 3 LCFCเอาใจสาวกเลสเตอร์แจกแหลกมิดเยียร์เซลลด30%ถึง31ส.ค.64
คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรม “MID YEAR SALE” แบรนด์ LCFC ลด 30 % ตั้งแต่วันนี้- 31 สิงหาคม 2564 โดยคิง เพาเวอร์ เจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เอาใจเหล่าสาวกเลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยการนำแบรนด์ LCFC มาให้ช้อปอย่างจุใจทั้ง เสื้อ กางเกง ถุงเท้า กระเป๋า พร้อมแจกสิทธิ์ถึง 2 ต่อด้วยกัน ดังนี้
ต่อที่ 1 เมื่อซื้อสินค้าคละกันได้ 2 ชิ้นขึ้นไป รับส่วนลดทันที 30% (คละสินค้าได้) ทาง www.kingpower.com หรือ คิง เพาเวอร์ แอพลิเคชั่น เพียงใช้รหัส Promotion code: MYSLL30
ต่อที่ 2 พิเศษเฉพาะการช้อปผ่านช่องทางออนไลน์เมื่อซื้อสินค้าแบรนด์ LCFC ครบ 5,000 บาท หลังจากหักส่วนลดเรียบร้อยแล้ว รับของแถม
LCFC Training Jacket อีก 1 ชิ้น มูลค่า
2,800 บาท
แต่มีสินค้าที่ไม่เข้าร่วมโปรโมชั่นนี้ *2021/2022 Replica Kit
พบกับบริการ King Power Call to Shop อยู่ที่ไหนก็ช้อปได้สะดวกกับผู้ช่วยช้อปส่วนตัวของคุณ
ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 - 21.00 น. โทร. 02-338-7870
ข่าวที่ 4 ททท.ปลุกธุรกิจปรับเกมรับBCG3กลุ่ม“ชุมชน/สุขภาพ/โลว์คาร์บอน”
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุริจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยวา ร่วมแบ่งปันแนวคิด BCG Economy Model กับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)ที่ได้จัดอบรมหลักสูตร Tourism Game Changers
โดยได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมรับฟังบรรยายกว่า 250 คน เล็งเห็นถึงประโยชน์ของ BCG Economy Model ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ “ปรับตัว” พัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พร้อมทั้งกระตุ้นทีมผู้บรรยายได้เข้าถึงเรื่อง “Game is now changed. Will you change or let the game changes you?”
พร้อมทั้งได้ชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาแนวคิดจากการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ สู่ BCG Economy Model เชื่อมโยงแนวคิดสู่แผนปฏิบัติของ ททท. ด้วยการยกตัวอย่าง “โครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท.” ผนวกเข้ากับกรอบแนวคิด Happy Model เป็นแนวทางขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ เบื้องต้น 3 เรื่อง คือ
1.การส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่น ด้วยการนำเสนอสินค้าที่มีแหล่งบ่งชี้ตรวจสอบย้อนกลับทางภูมิศาสตร์ได้ ( GI :geographic index) และต่อยอดสินค้าโอท็อป การพัฒนาบอกเล่าเรื่องราวหรือ Story Telling ยกระดับสู่การสร้างเนื้อหาทางการตลาด (Content Marketing) มุ่งเน้นส่งเสริมรูปแบบผู้ประกอบการเชิงนวัตกรรมและเทคโนโลยีกลุ่ม TravelTech ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพสูง ผ่านแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ต่อยอดเรื่องเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ซึ่งเกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นหลัก
2.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Health & Wellness ทั้งมิติสมุนไพรไทย
เวชภัณฑ์ ทักษะแพทย์แผนไทย และการท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในอนาคต
3.นำเสนอรูปแบบตัวอย่างการพัฒนาสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยวร่วมกับพันธมิตร เช่น เส้นทางท่องเที่ยว Low-Carbon เส้นทางอาหารถิ่น เส้นทางชมสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ย่านการค้าชุมชน และชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวสีขาวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทั้งนี้
BCG Economy Model เป็นนโยบายที่รัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้เมื่อวันที่
5 พฤศจิกายน 2561 เพื่อให้ทุกกระทรวงใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนประเทศ
ควบคู่กับการเร่งศึกษาทำความเข้าใจแนวคิด BCG Economy Model แล้วถ่ายทอดไปยังภาคีเครือข่ายและภาคประชาชนให้เกิดความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น
ข่าวที่ 5 ททท.ภูเก็ตชวนชิมล็อบสเตอร์ภูเก็ตเฟสต์แจก500บาท/บิลถึง31ส.ค.
การท่องเที่ยวแหงประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า ททท.ร่วมกับพันธมิตรในภูเก็ต หน่วยงานภาครัฐและเอกชน บริษัท ประชารัฐรักสามคคี ภูเก็ต จำกัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) ภัตคารร้านอาหาร โรงแรม จัดเทศกาล “Phuket Lobster Festival” ตามรูปแบบอาหารจากฟาร์มเสิร์ฟถึงโต๊ะ หรือ Farm to table ตลอดเดือนสิงหาคม 2564 เชิญชวนมาใช้จ่ายเงินเลือกกินเมนูกุ้งมังกร 7 สี กระจายรายได้ถึงมือชุมชนและผู้ผลิตกุ้งมังกร 7 สี รวมทั้งผู้ประกอบการภัตคารร้านอาหาร โรงแรม เป็นผู้รังสรรเมนูต่าง ๆ มาบริการ
โดย ททท.ภูเก็ต ได้ทำกิจกรรมกระตุ้นนักท่องเที่ยวเข้าร่วมเทศกาล ล็อบสเตอร์ เฟสติวัล มอบสิทธิพิเศษแก่นักท่องเที่ยว 100 คนแรก รับไปเลย 500 บาท/1 ใบเสร็จ ระหว่างวันนี้-31 สิงหาคม 2564 เพียงแค่ร่วมสนุกส่งเมนู Lobster Signature Dish จากภัตคารร้านอาหาร หรือโรงแรมที่พัก แล้วแชะ แชร์ ภาพ เผยแพร่ลงในกระดานดิจิตัลกลางของภูเก็ตผ่านเว็บไซต์และเฟสบุ๊ค เพจภายใต้ชื่อ Signature of Phuket มี 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีน
ทั้งนี้ก่อนเกิดไวรัสโควิด1-19 การจัดงาน ““Phuket Lobster Festival” แต่ละครั้ง สามารถสร้างรายได้กว่า 200 ล้านบาท กระจายไปยังผู้ประกอบการและชุมชนผู้เลี้ยงกุ้งมังกร 7 สี ในภูเก็ตช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวได้ไม่ต่ำกว่า 45 ล้านบาท
สำหรับการจัดงาน
“Phuket Lobster
Festival” ปีนี้ทำในช่วงเปิดโครงการ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ทางผู้ประกอบอาหารจึงพร้อมนำเสนอลอบสเตอร์จานเด็ด
Lobster Signature Dish ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสั่งมาลิ้มลองกว่า
200 เมนู
ข่าวที่ 6 “TCEB ภาคใต้”ถกกรอ.สุราษฎร์3เรื่อง“ตั้งทีมไมซ์ซิตี้-ศูนไมซ์-แผนยุทธศาสตร์
นางสาวณัฏฐณิชชา สิงห์บุระอุดม
ผู้จัดการอาวุโส สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคใต้ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
เปิดเผยว่า เดินหน้าจัดประชุมออนไลน์ระหว่างทีเส็บภาคใต้รกับภาครัฐ เอกชน
และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2564 เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนออุตสาหกรรมไมซ์อย่างเป็นระบบในอนาคตเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ
2565 เป็นต้นไป
โดยแลกเปลี่ยนหารือกัน 3 เรื่องหลัก
ประกอบด้วย
เรื่องที่ 1 เตรียมจัดตั้ง
“คณะทำงานขับเคลื่อนไมซ์ซิตี้” จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เรื่องที่ 2
การจัดดตั้งศูนย์ไมซ์” ภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี
เรื่องที่ 3 “จัดทำแผนยุทธศาสตร์” ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ขณะเดียวกันทางทีมทีเส็บ ภาคใต้ ยังได้นำเสนอแผนการทำงานขับเคลื่อนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผ่านโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ปีงบระมาณ 2564 ที่สนับสนุนเงินจัดประชุมสัมมนาโดยมีไฮไลต์ 2 โครงการ คือ 1.โครงการ 7 themes เป็นหลัก จะนำกลุ่มผู้ซื้อเข้าเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการท้องถิ่นในเกาะสมุย 2.โครงการไมซ์เพื่อชุมชนที่จะค้นหาสินค้าและบริการใหม่มานำเสนอให้ตลาดไมซ์ผ่านทีเส็บด้วย
ตลอดการประชุมครั้งนี้ทีเส็บได้รับเกียรติจาก นายศักดาพร รัตนสุภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 2/2564 มีผู้แทนท้องถิ่น แต่ละภาคส่วนเข้าฟังและพร้อมให้ความร่วมมือกับทีเส็บ ภาคใต้เดินหน้าทุกเรื่องทุกโครงการ
ช่วงที่
2 เที่ยวทิพย์ที่ “เมืองน่าน”
กับงานวิถีถิ่นเดือนสิงหาคม 2564 ตื่นตาตื่นใจกับ “วัฒนธรรมประเพณี “กินโสลด”
บ้านพิจองกับบ้านพิหลวง กินฮวางค์ ตีพิ และพิโก๋น คืออะไร ค้นหาได้จากงานนี้ ส่วนการกำจัดความเครียดยุคนี้
แนะนำ “ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศธรรมชาติ” 5 ชนิดดีต่อใจ และข่าวดี ๆ ส่งท้ายสัปดาห์
“เครือเคปแอนด์แคนทารี” ทั่วไทย 9 โรงแรม แห่จัดโปรโมชั่นห้องพัก ตลอด
ส.ค.นี้ ลดแรงเริ่มต้นแค่ 1,100 บาท/ห้อง/คืน เพื่อให้ใช้เป็นสถานที่ทำงานได้ด้วย
ส่วน “ทอท.” เตรียมเสนอ ครม.ขออนุมัติต่ออายุชั่วคราว 28 สัญญา 12 กิจกรรม ตาม พรบ.ร่วมทุน ต้องรออีก 20 เดือน ที่ต้องใช้เวลาหาผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามารับงาน
เที่ยว“น่าน”เสน่ห์วิถีถิ่นกินโสลดบ้านพิของชาวลัวะ7วัน7คืนช่วงส.ค.ทุกปี
สิงหาคมปีนี้ มีเรื่องดี ๆ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) มาบอกเล่าถึงการท่องเที่ยววิถีพื้นบ้าน “เมืองน่าน” ที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นกับงานพิธี
“กินโสลด หรือตีพิ” ชาวลัวะจัดขึ้นช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี ที่ ต.สกาด อ.ปัว จ.น่าน
การจัดแบ่งบ้านทำพิธีเป็น 2 บ้าน คือ “บ้านพิจอง” เป็นบ้านที่ “พิ” ตกลงมาจากฟ้า ร่วงลงมา “บนบ้าน” จะทำพิกันบนบ้าน กับ “บ้านพิหลวง” เป็นบ้านที่ “พิ” ร่วงมาจากฟ้าตกถึง”พื้นดิน”
“การกินโสลด” เป็นชื่อ “ขนม” เรียกตามภาษาชาวลัวะ จะจัดต่อเนื่องกัน 7 วัน 7 คืน เพื่อเลี้ยงขวัญข้าว เลี้ยงผีประจำหมู่บ้าน เลือกจัดช่วงหลังการเพาะปลูกพืชไร่ ส่วนคำว่า “พิ” หมายถึง เครื่องดนตรีของชาวลัวะที่ทำขึ้นจากไม้ไผ่ ใช้ตีประกอบจังหวะ ร่ายรำเล่นเฉพาะในงานโสลดเท่านั้น
“พิธีกินโสลด” ชาวบ้านในชุมชนจะนำ “พิทั้งหมด” มากองรวมกันที่บ้านพิหลวง หลังจากจึงผู้คนจะเคลื่อนออกไปยังบ้านเรือนต่าง ๆ เพื่อตีพิและขอข้าวป๋วง
เลือก
“กินสิ่งมงคล” ตามความเชื่อคือหากได้กินแล้วจะเป็นศิริมงคลต่อตนเองและคนในครอบครัว
รวมทั้งมีบางคนจะนำไว้ในยุ้งฉางหรือลูนข้าว เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีข้าวปลาอาหารกินตลอดทั้งปี
หรือนำไปวางใน “ไร่ข้าว” เพราะเชื่อจะมีผลผลิตอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงเชื่อว่าจะสามารถไล่นกหนูหรือแมลงต่าง
ๆ ไม่ให้มารบกวน กัดกินสร้างความเสียหายให้ข้าวของพวกเขาได้
“กินโสลดวันสุดท้าย” หมอผีประจำหมู่บ้านจะนำชาวบ้าน ออกตีพิเป็นรอบ ๆ หมู่บ้านเป็นขบวนใหญ่
“การจัดงานประเพณีแห่พิ” ชาวบ้านจะแห่จาก
“บ้านพิจอง” ไปยัง “บ้านพิหลวง” ระหว่างการแห่ผู้คนในหมู่บ้านจะพากันมาร่ายรำประกอบการตีพิ
ตลอดเส้นทางเดินผ่านในหมู่บ้าน โดยมีผู้นำขบวน เรียกว่า “ข้าวจ่ำ” เดินนำหน้า
ถ้าข้าวจ่ำหยุดตรงไหน ขบวนก็จะหยุดด้วย จากนั้นก็จะตีพิและร่ายรำ เป็นระยะ ๆ จนกว่าจะถึงบ้านพิหลวง
ช่วงบ่าย ชาวบ้านบางส่วน จะพากันตีพิ
สะพายถุงย่ามเดินลัดเลาะตามหมู่บ้าน พร้อมตะโกน "พวางฮ์-หรือชนมข้าวป๋วง"
เจ้าบ้านจะมอบข้าวป๋วงที่ห่อเตรียมไว้ พร้อมน้ำดื่ม เมี่ยง หรือสุราพื้นบ้าน ให้ชาวบ้านจะรับขนมข้าวป๋วงของแต่ละบ้านคนละอันสองอันใส่ย่ามไว้
จะกินก็ได้ แต่ต้องให้หมด แล้วนำมารวมกันที่บ้านพิพร้อมกับนำพิเข้าบ้าน
หลังจากนั้นหมอผีจะทำพิธีเลี้ยงผีพิและขวัญข้าวโดยจะนำขนมข้าวป๋วงที่ได้มาเซ่นบูชา เมื่อเสร็จพิธีก็จะนำข้าวป๋วงนี้แจกจ่ายชาวบ้านที่มาในงาน โดยจะแจกให้กับหมอผีหรือข้าวจ้ำเสียก่อนแล้วคนแจกให้กับชาวบ้านคนอื่นๆ และจำฆ่าพิ หรือทำลายในเวลาเที่ยงคืน แต่ละเมื่อถึงช่วงฤดูจัดงานวัฒนประเพณีนี้ ผู้ที่เป็นหมอผี หรือข้าวจ่ำ จะกำหนดวันขึ้น เพื่อไปเอาพิในป่า เป็นวันของการเริ่มประเพณีตีพินั่นเอง
บริเวณ
“ท้ายขบวน” ชาวบ้านจะแต่งตัวแตกต่างกันไปเรียกว่า
"ผีโก๋น"
ซึ่งเชื่อกันว่ามีลักษณะคล้ายผี
แล้วจะห้ามใครเห็นหน้าหรือรู้จักโดยเด็ดขาด เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น
ลักษณะคล้ายผีตาโขนของชาวด่านซ้าย จังหวัดเลย
สำหรับ “ผีโก๋น” หรือ พิโก๋น ตามความเชื่ออีกอย่างคือ จะเป็นตัวแทนของ “ผีประจำตระกูลทั้งสี่” และตระกูลอื่น ๆ ที่อยู่ในละแวกนั้น หรือผีป่า ที่มาร่วมงานของตระกูลพิหลวงและพิจอง ส่วนมากพิโก๋น จะให้ผู้ชายแต่งกายเป็นหญิง เนื่องจากเชื่อกันว่าผีประจำตระกูล ทุก ๆ ตระกูล ของชาวลั้วะ จะอยู่และติดตามฝ่ายหญิงเป็นหลัก
“ช่วงเวลาทำลายพิ” ตามประเพณีดั้งเดิม ชาวบ้านจะฆ่าหรือทำลายพิ เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนช่วงวันสุดท้ายของการจัดงาน
ทุก
ๆ วัน “เมืองน่าน” ดินแดนแห่งอารยธรรม วัฒนธรรม ประเพณี ภาคเหนือ เตรียมความพร้อมไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวเสมอ
เมื่อสถานการณ์โควิดกลับมาเป็นปกติ อย่าลืมจูงมือกันไปเยือนน่านกันนะพี่น้องชาวไทย
กิจกรรม “ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ”ช่วยผ่อนคลายอารมณ์เสริมสุขภาพ
ตอนนี้ต้องช่วยกันลดความเครียดหันมาลอง “ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ” ไว้ในบ้าน ช่วยให้อารมณ์ดี กระตุ้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ แถมยังช่วยเรื่องฝึกสมาธิ ให้สามารถรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างใจเย็นมากขึ้น ตามที่มีงานวิจัยยังบอกไว้ด้วยว่า การปลูกต้นไม้ภายในบ้านจะช่วยปรับสภาพอากาศภายในบ้าน เสมือนเป็นเครื่องฟอกอากาศตามธรรมชาติช่วยลดอากาศพิษได้ถึง 87% แนะนำต้นไม้หลัก ๆ ดังนี้
1.ยางอินเดีย - เป็นท็อปลิสต์ของต้นไม้ปลูกในบ้านกันเลยทีเดียว ด้วยฟอร์มสวยๆ ที่ดูลงตัวไปหมด โดยเฉพาะส่วนใบที่เรานึกรักเป็นพิเศษ ยิ่งหากได้มีการดูแลทำความสะอาด เช็ดน้ำ เช็ดโลชั่น กันอย่างสม่ำเสมอ ต้นนี้จะยิ่งสวยและช่วยให้บ้านดูมีระดับมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นต้นไม้ที่ให้ออกซิเจนสูง ช่วยดูดซับสารเคมี รวมถึงช่วยกำจัดแบคทีเรียและสปอร์ของเชื้อราในอากาศได้อีกด้วย
ยางอินเดียชอบแสงแดดในปริมาณพอเหมาะ ชอบอยู่ในสภาพอากาศอุ่นชื้น ไม่ต้องการน้ำมาก รดน้ำวันละครั้งก็เพียงพอ และระมัดระวังอย่าปล่อยให้ดินแห้งจนเกินไป
2.คล้า -เป็นไม้มงคลที่นิยมปลูกไว้ประจำบ้าน
เชื่อว่าจะช่วยให้ทำมาค้าขายร่ำรวย ช่วยฟอกอากาศได้ดี
เหมาะที่จะวางประดับไว้ในบ้านหรือจัดเป็นสวนภายใน
โดดเด่นด้วยลักษณะของใบที่เป็นทรงรี มีลวดลายสีสันสวยงามและมีความหลากหลายตามธรรมชาติ
ให้ความรู้สึกอบอุ่น
ต้นคล้าไม่ชอบแดดจัดเพราะจะทำให้ใบสีซีด เหมาะที่จะวางไว้ในมุมที่มีแสงแดดรำไร รดน้ำวันละครั้ง หรือวันเว้นวันได้
3.ลิ้นมังกร -อีกหนึ่งไม้มงคลยอดนิยมที่ช่วยดูดซับความชื้น รวมถึงสารพิษในอากาศ เด่นในเรื่องการดูดเอาคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ และคายออกซิเจนออกมาให้เราในตอนกลางคืน เป็นไม้ล้มลุกที่มีลักษณะใบเป็นเหมือนหอก จึงมีความเชื่อว่าเป็นหอกเทวดาที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองให้เราปลอดภัย
ต้นลิ้นมังกรไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มาก เป็นพืชที่ทนความแห้งแล้งได้ แต่ก็ควรรดน้ำทุกเช้า-เย็น เติบโตได้ทุกสภาพอากาศ แต่ควรมีความชื้นพอเหมาะใบถึงจะมีสีสดสวย
4.เขียวหมื่นปี - แค่ชื่อก็บ่งบอกว่าอายุยืน เลี้ยงง่ายตายยาก สามารถช่วยดูดสารพิษก่อมะเร็งได้ เรียกได้ว่าเป็นต้นไม้ฟอกอากาศสำหรับสายขี้เกียจ มีสีสันสวยงามในหลายเฉดทั้ง ชมพู แดง ส้ม เหลือง และเทา
เขียวหมื่นปีไม่ค่อยชอบแดดจัด ชอบอากาศชื้น ปลูกในร่มเป็นดีที่สุด ควรรดน้ำทุกวันอย่างน้อยวันละครั้ง พอให้ดินชุ่ม พรมน้ำที่ใบได้บ้าง
5.เดหลี - นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ เพราะนอกจากจะช่วยให้บ้านดูสดชื่นขึ้นแล้ว ยังเป็นไม้มงคลที่เชื่อว่าจะทำให้ผู้ปลูกมีอายุยืนยาว แล้วยังเรียกโชคลาภเข้ามาอีกด้วย สามารถช่วยดูดซับและกำจัดสารพิษต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอม ช่วยให้ผ่อนคลายได้มาก
เดหลีชอบแสงแดดอ่อนๆ ชอบความชื้นมาก เติบโตได้ดีที่อุณหภูมิประมาณ 16-32 องศา ควรรดน้ำเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง พอให้หน้าดินชุ่ม
หันมาลองปลูกต้นไม้ เสริมสร้างเครื่องฟอกอากาศธรรมชาติกันตั้งแต่ตอนนี้ ดีต่อใจอย่างแน่นอน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก 9 โรงแรมเครือเคปแอนด์แคนทารีทั่วไทยเทโปรถึง31ส.ค.เริ่ม1.1พัน/คืน
“เครือเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์” รายงานว่า ตลอดสิงหาคม 2564 โรงแรมหรู 9 แห่ง ได้ขยายเวลาโปรโมชั่นแพ็กเกจห้องพักราคาพิเศษ ลดแรงจัดหนักช่วงกลางปีอีกครั้ง หรือ Mid-Year Room Sale 2021 ราคาเริ่มต้นเพียงคืนละ 1,100 บาทสุทธิ/ห้อง เลือกได้ทั้งห้องพัก ประเภท 1.สตูดิโอ สวีต พร้อมอาหารเช้า 2 คน ซึ่งมีแต่ละโรงแรมทำโปรโมชั่นราคาต่างกัน 2.ห้องพักประเภทอื่น ๆ จองและเข้าพักได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2564
สำหรับโรงแรมที่เข้าร่วมโปรโมชั่นครั้งนี้
ได้แก่ 1.โรงเเรมแคนทารี
เฮ้าส์ กรุงเทพฯ 2. แคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ 3.คลาสสิค
คามิโอ ศรีราชา 4.แคนทารี 304 ปราจีนบุรี 5.แคนทารี
กบินทร์บุรี 6.แคนทารี โคราช 7.คลาสสิค
คามิโอ ระยอง 8.คลาสสิค คามิโอ อยุธยา และ 9.แคนทารี
อยุธยา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ “ฝ่ายสำรองห้องพัก” โทร. 1627 หรือ จองผ่านเว็บไซต์: www.capekantaryhotels.com/offers/
ข่าวที่สอง “ทอท.”จ่อชงครม.ขอต่อชั่วคราว28สัญญา12กิจกรรมไปถึงก.พ.ปี’66
ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่าขณะนี้ ทอท.ทำเรื่องแจ้งถึงกระทรวงคมนาคม เพื่อให้นำเสนอ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาอนุมัติการต่ออายุสัญญาสัมปทานชั่วคราวซึ่งกำลังจะหมดอายุลงมีทั้งหมด 28 สัญญา ซึ่ง ทอท.มีความจำเป็นจะต้องเตรียมขออำนาจ ครม. ขอขยายระยะเวลาสัญญาร่วมทุนออกไปก่อนชั่วคราว เบื้องต้นจะขอต่อสัญญาไปจนถึงกุมภาพันธ์ 2566
ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2562 และประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ตามมาตรา 9 ซึ่งจะต้องใช้เวลาคัดเลือกผู้ประกอบการรายใหม่อีกประมาณ 20 เดือน
สำหรับสัญญาที่จะต้องขอต่ออายุชั่วคราว เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเกี่ยวเนื่อง 12 กิจกรรม เช่น 1.การให้บริการล้างเครื่องบินด้วยระบบเคลื่อนที่ในสนามบินสุวรรณภูมิ 2.บริการขนส่งสัมภาระที่เกิดการตกค้างระหว่างเดินทางในสุวรรณภูมิ 3.บริการด้านผู้โดยสาร (Passenger Handing Service) 5 สนามบิน ได้แก่ สุวรรณภูมิ เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และเชียงราย
4.กิจการคลังสินค้า 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย 5.ระบบให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยาน สนามบินดอนเมือง 6.กิจการอุปกรณ์บริการภาคพื้นและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการซ่อมบำรุง (GSE) สนามบิน เชียงใหม่ หาดใหญ่ และเชียงราย 7.ครัวการบิน สนามบินเชียงใหม่และภูเก็ต 8.บริการซ่อมบำรุงอากาศยาน สนามบินภูเก็ต
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น